“ข้าคิดอย่างไรกับคนแซ่เฟิงสำคัญหรือ ตอนนี้ที่สำคัญกว่าก็คือมีคนแอบวางแผนอันต่ำต้อยและใช้ชีวิตผู้คนตั้งหลายชีวิตในการบรรลุผล ส่วนเจ้าได้แต่ตาบอดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงเพิกเฉยต่อข้อเท็จจริง" เซี่ยเชียนฮวันเงยหน้าขึ้นมองไปยังดวงตาอันเย็นชาคู่นั้น ซึ่งดูดื้อรั้นอย่างไร้เหตุผล"พอได้แล้ว!" ด้วยความโมโห เซียวเย่หลันปัดมือเซี่ยเชียนฮวันที่ค้างอยู่กลางอากาศปิ่นหยกขาวที่เปื้อนเลือดในมือของเซี่ยเชียนฮวันประเด็นไปตกอยู่ในสวนดอกไม้ มันถูกดินโคลนห่อหุ้มหลักฐานเพียงชิ้นเดียว บัดนี้ก็หายไปแล้วเซี่ยเชียนฮวันนำมือกลับมาช้าๆ นางยิ้มตรงมุมปาก รอยยิ้มอันเย็นชาปรากฏขึ้นเล็กน้อย “ข้าบอกกับเจ้าแล้ว เมื่อวานนี้แม้เจ้าจะช่วยข้า แต่วันนี้เจ้าจะห้ามข้า”เมื่อได้ยินประโยคนี้เซียวเย่หลันก็ชะงักลงเล็กน้อยไม่รอให้เขาได้ครุ่นคิดไปมากกว่านั้น ซูอวี้เออร์น้ำตานองหน้าเอ่ยขึ้นว่า "ท่านพี่โกรธแค้นข้าจากก้นบึ้งของหัวใจ ข้าเข้าใจดี แต่ข้าไม่เคยคิดร้ายกับผู้ใด ข้าปฏิบัติดีกับทุกคนเสมอมา ไม่เคยคิดจะทำสิ่งใดที่ผิดขัดต่อคุณธรรม!”ประโยคนี้ของนางทำให้เซียวเย่หลันนึกถึงค่ำคืนที่ซูอวี้เออร์ช่วยชีวิตเขาเอาไว้หากนางไม่ใช
เซียวเย่หลันได้รับบาดเจ็บ? ตอนที่เซี่ยเชียนฮวันได้ยินข่าวนี้ นางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแต่ใบหน้าไม่ได้ซับซ้อนไปเท่าไร ท้ายที่สุดแล้วนางก็สงบลงดังเดิม"เขาได้รับบาดเจ็บอย่างไร" เซี่ยเชียนฮวันเอ่ยถามเบาๆ "ฮ่องเต้ทรงขว้างหินฝนหมึกมายังศีรษะของท่านอ๋องจนแตกพ่ะย่ะค่ะ" เย่ซิ่นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรายงานตามความเป็นจริงเซี่ยเชียนฮวันกระตุกมุมปากเล็กน้อยแล้วหัวเราะว่า "ในที่สุดฮ่องเต้ก็ไม่อาจทนกับนิสัยเช่นนั้นของเขาได้" "ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้" เย่ซิ่นรู้สึกเขินอาย"แล้วเพราะอะไรเล่า?""ทูลเหนียงเหนียงตามจริง วันนี้หลังจากเสร็จสิ้นงานประชุมแล้ว ฮ่องเต้ได้เรียกองค์ชายทั้งหลายเข้าไปยังห้องทรงพระอักษร จากนั้นรับสั่งให้พวกเขารายงานการทำงานแต่ละคนออกมา แต่การจัดการกองทหารชื่อเลี่ยนของท่านอ๋องเป็นไปอย่างไม่ราบรื่นนัก ประกอบกับเรื่องราวอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในหอเทียนเซียง จึงทำให้ในราชสำนักมีเรื่องวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้น ฮ่องเต้รู้สึกไม่พอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง" เย่ซิ่นอธิบายพลางแอบเงยหน้าขึ้นมองดูท่าทางของเซี่ยเชียนฮวันเป็นจริงอย่างที่เขาคิดเอาไว้ท่าทางของเซี่ยเชียนฮวันแม้จะดูสงบ แต่มือของนา
ที่หน้าประตูใหญ่เย่ซิ่นเดินทางจากไปอย่างเศร้าใจ เขาบังเอิญเจอเข้ากับเซียวเย่หลันซึ่งใบหน้าเศร้าหมองและถูกจับได้พอดี"ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมมาหาเสี่ยวตง..." เย่ซิ่นรีบโค้งกายคารวะแล้วรีบหาข้ออ้างที่ตนแอบมาพบเซี่ยเชียนฮวันเซียวเย่หลันเพียงเหลือบตามองเขาเบาๆ "ถูกไล่ออกมาเร็วเพียงนี้เชียว ไร้ประโยชน์" "ข้าน้อยไร้ความสามารถ”เย่ซิ่นโค้งกายด้วยความนอบน้อมเขาไม่อาจปกปิดความคิดต่อเซียวเย่หลันได้ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยสิ่งใดมาก เซียวเย่หลันก็รู้ว่าเขามาที่นี่เพื่อรายงานเรื่องให้แก่เซี่ยเชียนฮวันรับทราบเซียวเย่หลันเดินผลักประตูเข้าไปทั้งที่ศีรษะยังคงอาบเลือด เซี่ยเชียนฮวันจึงรีบเก็บรายชื่อเหล่านั้นลง"ท่านอ๋องเดินทางมาเพคะ!" เสี่ยวตงกล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจแต่เซี่ยเชียนฮวันกลับก้มหน้ากล่าวเพียงว่า “อืม” เบาๆ ท่าทางเหม่อลอยไม่ได้โต้ตอบสิ่งใดนักความคิดของนางยังจดจ่ออยู่ที่ข่าวรายงานในมือตอนนี้นางกำลังวิเคราะห์ว่าใครกันที่เป็นเจ้าของหอเทียนเซียงเขากับชายสวมหน้ากากที่เคยเจอในตอนนั้นเป็นพวกเดียวกันหรือไม่? หรืออาจเป็นศัตรูกันก็ได้?"เจ้าไม่ได้ยินสิ่งที่ข้าพูดหรือ?" น้ำเสีย
"สลับกันหรือ?" แววตาของเซียวเย่หลันมองมาอย่างเข้มงวด และจ้องไปที่เซี่ยเชียนฮวันไม่กะพริบตอนที่เขาใช้กฎของทหารจัดการลงโทษอย่างรุนแรงโดยไร้ความเมตตา ผู้คนมากมายโน้มน้าวให้เขาหยุด หลังจากนั้นเขาก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยแต่เขาไม่สนใจเลยและคิดจะจัดการกับพวกที่นินทาเขาลับหลังด้วยสตรีคนนี้ต้องการเกลี้ยกล่อมเขาเช่นเดียวกับพวกคนเหล่านั้นหรือ"คำสั่งทหารนั้นหนักแน่นเช่นภูเขา เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าข้าทำสิ่งใดผิดไป” เซียวเย่หลันกล่าวเซี่ยเชียนฮวันกลับมานั่งลงตรงหน้าของเขา “คำสั่งของทหารนั้นหนักแน่นก็จริง แต่เจ้าก็ควรจะแสดงความมีน้ำใจด้วย หากมีแต่พลังอำนาจแต่ไร้น้ำใจ ต่อให้พวกเขายอมฟังคำสั่งเจ้าเพียงผิวเผิน ในใจก็จะจดจำและขุ่นเคือง ไม่ได้จงรักภักดีต่อเจ้าอย่างแท้จริง" เซียวเย่หลันยังคงนิ่งเงียบ"อีกอย่าง เจ้าควรลงโทษบุตรชายของอู่อันโหวที่ยุยงจนเกิดปัญหา พวกเขาต่างหากคือผู้สร้างเรื่อง" เซี่ยเชียนฮวันกล่าวขึ้นต่อไปประโยคนี้ทำให้เซียวเย่หลันมองเซี่ยเชียนฮวันเปลี่ยนไปไม่น้อยเขานิ่งเงียบแล้วกล่าวว่า "ข้าเองก็เคยคิดที่จะสังหารพวกที่ต่อต้านข้า แต่ทำเช่นนั้นมีแต่จะทำให้อู่อันโหวไม่พึง
ตอนนี้บาดแผลที่หน้าผากของเขาได้รับการจัดการแล้วเรื่องราวต่างๆ ก็หารือเรียบร้อยหากเซียวเย่หลันยังคงอยู่ที่นี่ต่อไป ก็คงชี้ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาเดินทางมาที่นี่เพียงเพราะต้องการเจอหน้าเซี่ยเชียนฮวันและไม่อยากจากไป"ทางที่ดี เจ้าอย่าทำเรื่องนี้ให้ผิดพลาด มิเช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้าร้ายแรงยิ่งกว่าการกักบริเวณ" ในใจของเซียวเย่หลันรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เขาทิ้งประโยคท้ายนี้ไว้แล้วสะบัดแขนเดินหนีแต่เซี่ยเชียนฮวันไม่สนใจกับคำพูดของเขาเหล่านั้นหลังจากที่ชายหนุ่มเดินทางจากไปแล้ว เซี่ยเชียนฮวันก็เรียกเสี่ยวตงเข้ามาแล้วกำชับว่า "เจ้าไปสืบหาข้อมูลให้ข้าสักหน่อย เรื่องสถานการณ์ในจวนอู่อันโหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างอู่อันโหวและบุตรชายของเขาทั้งหลาย" บรรดาบ่าวรับใช้มักจะมีข้อมูลเหล่านี้ไว้ในมือเสมอเรื่องบางเรื่อง พวกเขาจะบอกให้กับคนในสถานะเดียวกันรู้เท่านั้น หากนายไปเอ่ยถามด้วยตนเองคงไม่ได้ข้อมูลที่ถูกต้องมาจนกระทั่งเวลากลางดึกเสี่ยวตงเดินทางกลับมารายงานต่อเซี่ยเชียนฮวันว่า "บ่าวได้ไปสอบถามข้อมูลชัดเจนแล้วเพคะ อู่อันโหวมีบุตรชาย 3 คนที่ยังไม่ได้แต่งงาน แต่พวกเขาล้
"กองทหารชื่อเลี่ยนได้ถูกส่งไปให้ท่านอ๋องน้อยตามพระราชโองการแล้ว กระหม่อมเองอายุมาก เปรียบเสมือนกับหมาแก่ที่ไร้ประโยชน์ จะให้คำแนะนำแก่ท่านได้อย่างไร!”น้ำเสียงของอู่อันโหวดูแข็งกระด้าง ไม่มีที่ว่างไว้ให้เข้าแทรกแซงเลยทางด้านเซียวเย่หลัน เขาไม่ใช่คนช่างพูดจึงได้แต่นั่งนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้นทำให้สถานการณ์ดูน่าอึดอัด โชคดีเหลือเกินที่เซี่ยเชียนฮวันเดินออกมาจัดการสถานการณ์ได้พอดี นางยิ้มขึ้นกล่าวว่า "สุราและอาหารจัดเตรียมเรียบร้อยแล้วท่านโหวเชิญทางนี้เถิด" "เหอะๆ ในครานั้นที่ข้าเอาชนะสงครามหนานจาวกลับมา ฮ่องเต้ได้จัดงานเลี้ยงให้ข้า 3 วัน 3 คืน ของสิ่งใดบ้างเล่าที่ข้าไม่เคยลิ้มลอง..." อู่อันโหวพึมพำออกมาผู้คนเมื่ออายุมากขึ้นพวกเขามักจะคอยหวนระลึกถึงเรื่องเก่าๆ เขาหยิบยกเรื่องราวก่อนหน้าของตนออกมาดูถูกเหยียดหยามสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ทันทีที่เดินเข้าไปในห้องด้านข้าง สีหน้าของอู่อันโหวก็เปลี่ยนไปทันที!"นี่คือกลิ่นอะไร ช่างเปรี้ยวยิ่งนัก" เซียวเย่หลันขมวดคิ้วเขามองไปยังอาหารที่อยู่บนโต๊ะด้วยใบหน้าไม่รู้สึกพึงพอใจเซี่ยเชียนฮวันกล่าวว่าจะลงมือทำอาหารด้วยตนเองเพื่อต้อนรับอู่
“อะไรนะเจ้าคะ?..."ซูอวี้เออร์ตกตะลึงนางคิดไม่ถึงว่าคำพูดเมื่อครู่นี้ อู่อันโหวจะพูดกับตน!เป็นไปได้อย่างไรกัน?ต้องเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นแน่ๆ!ซูอวี้เออร์ทำสีหน้าน่าสงสารแล้วกระซิบเบาๆ ว่า "สมุนไพรถ้วยนี้ ข้าน้อยต้มอยู่นานถึง 10 ชั่วโมง ประกอบไปด้วยกระดูกกว้าง ดอกถั่งเช่าและโสม เป็นอาหารบำรุงสำหรับผู้สูงวัยที่ดียิ่งนัก ข้าน้อยจัดเตรียมไว้ให้ท่านโดยเฉพาะ”เซียวเย่หลันได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย เขาเห็นด้วยกับคำพูดของซูอวี้เออร์และรับรู้ถึงความตั้งใจของนางแต่ทว่า อู่อันโหวกลับไม่สนใจ!สีหน้าของชายชราโมโหราวกับถูกใครทำให้ขุ่นเคืองใจมาช้านาน “แม้ข้าจะอายุมากแล้ว แต่สุขภาพร่างกายก็ยังแข็งแรงดี ไม่จำเป็นต้องคอยดื่มสมุนไพรบำรุงร่างกายดั่งคนป่วย! สมุนไพรนี้เจ้าเก็บเอาไว้ให้ผู้แก่ชราหรือพิกลพิการดื่มเถิด!"เมื่อได้ยินประโยคนี้ ซูอวี้เออร์จึงเข้าใจว่านางเอาอกเอาใจผิดจุดเสียแล้ว! อู่อันโหวไม่ชื่นชอบให้คนอื่นปฏิบัติต่อตนเหมือนว่าเขาแก่ชรา!นางจึงรีบเก็บสมุนไพรถ้วยนั้นแล้วกล่าวขอโทษ "ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่ครุ่นคิดให้รอบคอบ ข้าน้อยจะไปทำให้ใหม่บัดเดี๋ยวนี้""เจ้าไม่จำเป็นต้องกลับมาอ
เซียวเย่หลัน เซี่ยเชียนฮวันและอู่อันโหวทั้งสามคนนั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันอย่างมีความสุขมีเพียงซูอวี้เออร์เท่านั้นที่ยืนอยู่ด้านข้าง นางดูเป็นส่วนเกินในเวลานี้ เซียวเย่หลันกำลังฉวยโอกาสขณะที่อู่อันโหวรู้สึกมีความสุขสนทนาเรื่องกองทหารชื่อเลี่ยน ดังนั้นจึงไม่มีกระจิตกระใจไปสนใจซูอวี้เออร์ต่อให้ซูอวี้เออร์อยากจะเข้าไปออดอ้อน ก็หาช่องว่างแทรกตัวไม่ได้ท้ายที่สุดแล้ว เซี่ยเชียนฮวันจึงมองไปที่นางเอ่ยถามกึ่งยิ้มว่า "แม่นางซู มานั่งร่วมรับประทานด้วยกันหรือไม่?""ในเมื่อพระชายาอ๋องเอ่ยปากเอง อวี้เออร์ก็คงไม่ปฏิเสธ"ซูอวี้เออร์รีบเข้ามาทันทีจากนั้นสีหน้าของอู่อันโหวก็ดูมืดมนลงอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่พอใจกับการกระทำนี้เซียวเย่หลันตระหนักได้ดังนั้นจึงหันไปกล่าวกับซูอวี้เออร์ว่า "เจ้ากลับไปกินอาหารตามลำพังก่อน คืนนี้ข้าจะไปหา""...เพคะ" ซูอวี้เออร์กัดฟันพูดบัดนี้นางอับอายขายหน้ายิ่งนัก จากไปอย่างหดหู่ คอตกเหมือนไก่ชนที่พ่ายแพ้ และไม่กล้าทำท่าทีหยิ่งผยองเหมือนตอนแรกอู่อันโหวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "ในฐานะผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน ท่านอ๋องน้อย ข้าขอเตือนเจ้าว่าในเรือนยิ่งมีสตรีมากยิ่งวุ