“นี่ ตื่นได้แล้ว......”ซูหรานผลักเขาอยู่หลายครั้ง พยายามดันแขนและครึ่งล่างที่กดทับเธออยู่ออกไป แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้งมีแวบหนึ่งที่เธอคิดว่าเขาตั้งใจ แต่ว่าเขาก็หลับตาอยู่ แถมกลิ่นแอลกอฮอล์ที่จมูกเขาก็แรงมาก อันที่จริงก็ดูเหมือนว่าเขาจะเมาจนสลบไปแล้วด้วยซ้ำหลังจากนั้นไม่กี่ครั้ง ซูหรานก็ยอมแพ้ทำได้เพียงแค่หลับตา ในไม่ช้าเธอก็ผล็อยหลับไปจนกระทั่งเสียงลมหายใจของเธอเริ่มสม่ำเสมอ ฟู่จิ้นหานถึงได้กล้าลืมตาขึ้นแววตาของเขาชัดเจนและสดใส เขาแทบไม่มีอาการเมาเลยแม้แต่น้อยท่าทางเมามายของเขาเมื่อกี้ ก็เป็นแค่การแสดงเท่านั้นดูเหมือนว่านี่เป็นวิธีเดียว ถึงจะสามารถทำให้เขาอยู่ข้าง ๆ เธอได้......เช้าวันรุ่งขึ้น ซูหรานตื่นขึ้นมา เธอก็เห็นสามีตัวพ่อของเธอนอนอยู่ข้าง ๆ โดยที่ตัวเองกำลังหนุนแขนของเขาอยู่ ชั่วขณะหนึ่ง เธอยังคิดอยู่เลยว่าเธอตาฝาด ราวกับว่าเธอและเขาเป็นเหมือนคู่สามีภรรยากันจริง ๆแต่ไม่นาน ซูหรานก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงจากโทรศัพท์มือถือของเธอดูเหมือนเธอจะกลัวว่าสามีตัวพ่อของเธอจะตื่น ทันทีที่ซูหรานเจอโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋า เธอก็รีบกดปุ่มรับสาย แล้วค่อย ๆ ย่องออกจากห้องไ
ตั้งแต่ที่ซูหรานเดินเข้าไป เธอก็รู้ได้ในทันที ว่าที่คนพวกนี้เรียกเธอมา ก็เพื่อต้องการปิดประตูตีแมวทางเลือกของเธอมีแค่ยอมจำนน หรือไม่ก็สู้กลับเท่านั้นแต่เธอก็ยืนยันเลือกที่จะสู้กลับ!ในเมื่อจะสู้กลับ เช่นนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรานีอีกต่อไปเป็นอย่างที่คิด การจู่โจมของเธอดอกนี้ ทำให้คนหลายคนที่อยู่ตรงนั้นโกรธจนหน้าเขียวลู่ซิวหนิงเป็นคนแรกที่พูดออกมาด้วยความโกรธ “ซูหราน เธอว่าใครเป็นผ้าขี้ริ้ว?”ซุนฉินแอบกำหมัดแน่น และดึงแขนเสื้อของซูจี้ไห่“จี้ไห่คะ คุณดูเธอสิ อินอินจิตใจดีขนาดนั้น แต่เธอกลับถูกซูหรานว่าร้ายใส่! อินอินเองก็อยู่ชั้นบน ทั้งที่เธอเพิ่งจะประสบเหตุร้ายมาแท้ ๆ ถ้าเธอได้ยินคนอื่นพูดเสีย ๆ หาย ๆ ใส่เธอเข้า เธอคงจะปวดใจแย่เลยค่ะ”ซูจี้ไห่เกลียดการที่เห็นซูอิน ลูกสาวคนสำคัญของเขาเสียใจมากที่สุดซูจี้ไห่แทบทนไม่ไหวที่จะตบหน้าของซูหรานแต่เมื่อนึกถึงจุดประสงค์ของวันนี้ ซูจี้ไห่ก็ควบคุมตัวเองเอาไว้ชั่วคราว“ซูหราน เรื่องที่พวกแกอยู่ในพิพิธภัณฑ์วันนั้น พวกเราต่างก็เข้าใจชัดเจนกันหมดแล้ว แม้ว่าจะเป็นเยว่เยว่ที่ไม่ตั้งใจดึงอินอิน แต่เมื่อพิจารณาตามหลักเหตุผลแล้ว แก
“คุณย่าลู่......”ซูอินมองคุณหญิงย่าลู่ด้วยความอ่อนโยนแต่พอเธอมองเห็นท่าทีดูถูกในสายตาของคุณหญิงย่าลู่ ซูอินก็เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันทีเช้าวันนี้ คุณหญิงย่าลู่และลู่ซิวหนิงรีบมาพบเธอตั้งแต่เช้าหลังจากที่รู้ว่าเธอแท้งลูก ท่าทีของคุณหญิงย่าลู่ที่มีต่อเธอก็ยิ่งเย็นชาลงกว่าเดิม พอนึกถึงเมื่อก่อนที่เดิมทีคุณหญิงย่าลู่ก็ไม่ชอบขี้หน้าเธออยู่แล้ว เธอก็มักจะไม่พอใจอยู่เสมอแม้ว่าเธอจะไม่ต้องการแต่งงานกับลู่ซิวหนิงแล้ว แต่เธอก็ยังอยากทำให้คุณหญิงย่าลู่เห็นอยู่ดีว่าเธอมีดีแค่ไหนดังนั้น เธอจึงขอให้พ่อของเธอเรียกซูหรานมาก็แค่อยากใช้ซูหรานมาเป็นตัวร้ายให้กับละครเรื่องนี้ เพื่อทำให้ตัวเองดูเป็นเด็กดีและมีจิตใจดีก็เท่านั้นแต่เธอก็กลับคิดไม่ถึงเลยว่าซูหรานจะพูดเรื่องไร้สาระนี้ออกมาน่ารำคาญเสียจริง!“อินอินเอ๋ย เด็กไม่มีแล้ว หนูก็ดูแลตัวเองให้ดีล่ะ หนูอายุยังน้อย ในอนาคตหนูยังมีโอกาสอีกเยอะในการที่จะมีลูก” คำพูดนี้ของคุณหญิงย่าลู่ราวกับว่ามีนัยอะไรบางอย่างทุกคนที่อยู่ตรงนั้นยกเว้นลู่ซิวหนิงต่างก็เข้าใจถึงความหมายที่จะสื่อได้อย่างชัดเจนยังมีโอกาสมากมายที่จะมีลูกในอนาคต แต่ก็ไม่ได้
ณ สุสานซูหรานยืนอยู่หน้าหลุมศพฟ้าที่เพิ่งจะมืด ก็เริ่มมีฝนโปรยลงมาฟู่จิ้นหานที่เดิมทีแอบรออยู่ด้านนอกของสุสาน เขาไม่สนสิ่งใดอีกแล้ว เขาเดินถือร่มเข้าไปในสุสานฝนตกกระทบลงมาบนตัวของซูหราน แต่ก่อนที่ผมของเธอจะทันได้เปียก ก็มีร่มมาคลุมเธอไว้ซูหรานหันกลับไป และเห็นว่าเป็นสามีตัวพ่อของเธอ เธอก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ เม็ดฝนตกกระทบร่มจนเกิดเสียงซ่า มีเพียงเสียงฝนเท่านั้นที่ล่องลอยอยู่ในอากาศจนกระทั่งถึงกลางดึก ฝนก็หยุดตก ซูหรานถึงได้ยอมตัดสินใจเดินจากไปทั้งสองยังไม่กลับเข้าเมืองในทันที แต่จองสองห้องในโรงแรมที่ใกล้ที่สุดแทนซูหรานเดินเข้ามาในห้องโดยไม่พูดอะไรสักคำ ประตูปิดลง ตั้งแต่ต้นจนจบฟู่จิ้นหานก็เดินตามเธอราวกับลูกสะใภ้ตัวน้อยจนกระทั่งเขาแยกจากซูหราน ฟู่จิ้นหานจึงกดหมายเลขโทรศัพท์หาฉินฟั่ง“ให้บริษัทชิงอวิ๋นตรวจสอบการตายของเย่ซิงหลาน......” ฟู่จิ้นหานเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้วแต่ปฏิกิริยาของซูหรานในวันนี้ กลับทำให้เขาอยากช่วยเธอค้นหาให้ชัดเจนหลังจากอธิบายเสร็จ ฟู่จิ้นหานก็กลับไม่ได้พักผ่อน แต่ไปซื้อเบียร์มาหนึ่งลังแทน
ผู้คนนับไม่ถ้วนรอบตัวมองดูเธอแต่ในเวลานี้ ซูหรานเพิกเฉยต่อความสนใจของทุกคนโดยสิ้นเชิง เธอนับเลขศูนย์อีกครั้งอย่างระมัดระวัง และปิดปากของเธอด้วยความตกใจห้าพันล้าน.....ห้าพันล้านจริง ๆ!แต่เงินมากมายขนาดนี้มาจากไหนกัน?ไม่นาน ความตกใจในดวงตาของซูหรานก็กลายเป็นความหวาดกลัว“เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องแล้ว” ซูหรานวางโทรศัพท์ของเธอลง แล้วพูดกับสามีตัวพ่อของเธอที่นั่งอยู่โต๊ะตรงข้าม “เกิดเรื่องแล้ว ฉันต้องไปก่อนนะ”เธอต้องรีบไปที่ธนาคารให้เร็วที่สุด เพื่อตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเงินก้อนนี้มายังไงกันแน่แต่ในขณะที่เธอกำลังจะไป ฟู่จิ้นหานก็คว้าเธอเอาไว้ปฏิกิริยาในแต่ละการเคลื่อนไหวของเธอเมื่อกี้ ล้วนอยู่ในสายตาของฟู่จิ้นหาน ในเวลานี้รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเขาลากซูหรานกลับมานั่งใหม่อีกครั้ง ฟู่จิ้นหานค่อยเปิดปากพูดออกมา “เรื่องอะไรถึงได้รีบร้อนขนาดนั้น? วันนี้ไม่ใช่วันครบรอบการเสียชีวิตของแม่พวกเราหรอกเหรอ? กินข้าวเช้าก่อน แล้วเดี๋ยวเราค่อยไปหาซื้อดอกไม้สวย ๆ ไปไหว้แม่กัน”ซูหราน “......”แม่ของเราเหรอ?แม่ของเธอเกี่ยวอะไรกับเขากัน? ทำไมถึงกลายเป็นแม่ของเราไปได้?แต่ในเวลานี้
“ก็คุณเป็นคนพูด แล้วให้ผมเป็นคนเขียนเองนี่ ส่วนลายนิ้วมือคุณก็เป็นคนประทับเอง นี่คุณสงสัยว่าผมเป็นคนปลอมสัญญาขึ้นมาเองอยู่งั้นเหรอ?”ขณะที่ฟู่จิ้นหานพูด ดวงตาของเขาก็ดูเศร้าสร้อย “ผมเคยบอกแล้ว ว่ารอให้คุณสร่างเมาก่อน แล้วค่อยคุยเรื่องสัญญากัน แต่คิดไม่ถึงว่าคุณยังจะมาสงสัยในตัวผมอีก ช่างเถอะ ในเมื่อคุณไม่ยอมรับ เช่นนั้นสัญญานี้คุณฉีกทิ้งไปเลยก็ได้ ถึงไม่มีสัญญานี้ ผมก็จะช่วยคุณอยู่ดี......”ฟู่จิ้นหานดึงสัญญากลับมาจากมือของซูหรานใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจราวกับว่าซูหรานทำผิดต่อเขาจริง ๆขณะที่ซูหรานเฝ้าดูอยู่นั้น ในใจก็เกิดความรู้สึกตำหนิตัวเองขึ้นมา ไม่นานเธอก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเพิ่งจะทำบาปที่ใหญ่มาก ๆ ลงไปเขาแค่อยากจะช่วยเธอ แต่ตัวเธอเองกลับมาสงสัยในตัวเขา......นอกจากนี้ เงินสองพันห้าร้อยล้านที่ต้องเตรียมตามคำขอของซูอิน เธอก็ยังขาดแคลนอยู่จริง ๆ บางทีเรื่องนี้อาจเป็นไปตามที่เขาพูดจริง ๆ ก็ได้ แล้วตัวเองก็คงเป็นคนยืนกรานที่จะทำสัญญานี้ขึ้นมาจริง ๆ พอเห็นว่าฟู่จิ้นหานกำลังจะฉีกสัญญา ซูหรานก็รีบหยุดเขาทันที “เดี๋ยวก่อน......”แววตาของฟู่จิ้นหานส่องประ
ทันทีที่ฟู่จิ้นหานสั่งการเสร็จ และในตอนที่เดินกลับไปหาซูหราน เขาก็เรียกรอยยิ้มกลับมาอยู่บนหน้าตามเดิม“ไปเถอะ ไปซื้อดอกไม้ให้แม่ของเรากัน” ฟู่จิ้นหานจับมือซูหรานซูหรานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแม่ของเราเหรอ?“นั่นแม่ของฉันต่างหาก!” ซูหรานพูดแก้คำพูดของเขาอย่างเอาจริงเอาจังฟู่จิ้นหานกลับเผยรอยยิ้มที่ดูไม่ได้สนใจออกมา “ใช่ เธอคือแม่ของคุณ......”แม่ของเธอก็ถือว่าเป็นแม่เขาด้วยไม่ใช่รึไง?เพราะงั้น การที่เขาเรียกว่าแม่ของเรา เขาก็ไม่ได้พูดผิดสักหน่อย!ทั้งสองมาถึงที่สุสาน ฟู่จิ้นหานนำดอกไม้ที่อยู่ในมือวางลงบนหลุมศพ ภาพที่อยู่บนหลุมศพ คือผู้หญิงที่สวยมาก ๆ คนหนึ่งดวงตาของซูหรานดูคล้ายกับเธอมากพูดให้ถูกก็คือ นอกจากซูหรานแล้ว เขาเองก็เคยเห็นผู้หญิงสองสามคนที่มีดวงตาคล้ายกันกับคนในภาพด้วยเช่นกันแต่ฟู่จิ้นหานก็ไม่ได้คิดอะไรมากทั้งสองยืนอยู่บริเวณหลุมศพนานสองนาน พักอยู่ที่สุสานเป็นเวลานานจนกระทั่งมีคนช่วยเหลือจึงกลับเข้าเมืองฟู่จิ้นฟานส่งซูหรานกลับไปที่เจินหลินย่วน จากนั้นก็รับสายของฉินฟั่ง“คุณชายครับ เชิญคนมาแล้วครับ”“อืม” ฟู่จิ้นหานตอบรับ แล้ววางสายโทรศัพท์ไปจากนั้นก็หาข้
คุณท่านเย่บ่นพึมพำ “เย่ เธอสกุลเย่......”แสงแห่งความคาดหวังในดวงตาของคุณท่านเย่ก็เริ่มหรี่ลงทีละนิดไม่ใช่เธอเธอเคยสาบานเอาไว้ ว่าชาตินี้เธอจะเป็นแค่ฉินเหยียนเท่านั้น ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลาย เธอก็จะไม่มีวันใช้นามสกุลเดียวกันกับเขาดังนั้น เธอจึงไม่สามารถเป็นเธอไปได้คุณท่านเย่สูดหายใจเข้าลึก โบกมือไล่ความผิดหวังในใจ แล้วมองดูซูหราน “แม่ของหนูอยู่ที่ไหนเหรอ?”ริมฝีปากของซูหรานกระตุก “เธอเสียแล้วค่ะ”คุณท่านเย่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับว่าเขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้เขาเหลือบมองซูหรานด้วยความไม่สบายใจ จากนั้นก็คว้าข้อมือของเธอ แล้วพูดว่า “มา นั่งลงสิ”“ลูกสาวฉันกับแม่ของเธอเกิดวันเดียวกันนี่ นี่ถือว่าเรามีวาสนาต่อกัน ในเมื่อโชคชะตากำหนดให้มาเจอกันแบบนี้ งั้นเราก็ฉลองวันเกิดให้พวกเธอด้วยกันดีไหม? เค้กก็มีแล้วด้วย” คุณท่านเย่เสนอ“ดีค่ะ” ซูหรานเองก็ไม่ปฏิเสธเธอยังอยากจะฉลองวันเกิดให้แม่ของเธออยู่ การที่ได้พบชายชราคนนี้ ก็ถือว่ามีวาสนาต่อกันซูหรานและคุณท่านเย่ช่วยกันแบ่งเค้ก จากนั้นก็จุดเทียนแสงเทียนสะท้อนใบหน้าของคนทั้งสอง ชายชราและหญิงสาวต่างก็จ้องมองไปยังเปลวเทียน ร