รสชาติห่วยแตกมาก!ยังมีหวานอยู่!มันหวานได้ยังไง? เขาคิดว่าน้ำตาลเป็นเกลือเหรอ?โจวหงหลินกลับไปที่ห้องครัวทันที หยิบกล่องปรุงรสขึ้นมาแล้วมองดู น้ำตาล เกลือ และผงชูรส ทั้งหมดรวมอยู่ในกล่องเดียวกัน ตอนนี้เขาคงจะคิดว่าน้ำตาลเป็นเกลือแล้วก่อนแต่งงาน โจวหงหลินให้แม่ทำอาหารให้เขาที่บ้าน หลังจากแต่งงานแล้ว เขามีพี่สาวคนโตมาทำอาหารให้เขา เขาทำอาหารไม่ได้เลย หากใครทำผิดพลาดเรื่องน้ำตาลและเกลือ คงจะแปลกถ้าอาหารปรุงสุกสามารถรับประทานได้ไปดูข้าวในหม้อข้าวอีกครั้ง เพราะไห่หลิงใส่น้ำไว้และสามารถกินข้าวได้แต่เมื่อไม่มีอาหาร มุมปากของโจวหงหลินที่ถูกยกขึ้นและไม่สามารถกินข้าวได้เมื่อคิดว่าเขาทำงานที่บริษัทมาครึ่งวันแล้วและไม่ได้กินข้าวร้อนๆ เมื่อกลับบ้าน ความโกรธของโจวหงหลินก็เพิ่มสูงขึ้น เขากลับไปที่ห้องด้วยความโกรธและเห็นไห่หลิงนั่งอยู่บนเตียงดูโทรศัพท์ ซึ่งทำให้เขายิ่งโกรธมากขึ้นเขาเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วด้วยมือเดียวตบโทรศัพท์ของไห่หลิง คว้าผมของเธอ ลากเธอลงไปที่พื้น จากนั้นต่อยและเตะเธอ เขาไม่ได้ด่าทอ กลัวที่จะปลุกลูกชายที่กำลังหลับอยู่ไห่หลิงไม่ได้ระวัง ดังนั้นเธอจึงถูกเขาลากลงมาแ
ไห่หลิงวิ่งไล่เขาด้วยมีดทำครัวโจวหงหลินไม่ทันได้คาดคิดว่าไห่หลิงจะบ้าระห่ำได้ขนาดนี้หลังแต่งงานเธอจะอ่อนโยนอยู่เสมอ แม้ว่าเขาจะดุด่าเธอบ่อยครั้งในระยะเวลาช่วงนี้ มีแค่เมื่อเขาล้ำเส้นเกินไปเธอจึงจะเถียงเขากลับครั้งนี้ เขาลงมือทุบตี เธอกลับทำตัวเหมือนคนบ้าจริงๆไม่เพียงต่อสู้กับเขาเท่านั้น แต่ยังไปหยิบเอามีดทำครัวออกมาด้วยโจวหงหลินวิ่งหนีออกจากบ้าน มาด้านนอกไห่หลิงก็ไม่ย่อท้อไล่ตามเขาด้วยมีดทำครัวทั้งคู่ไล่ตามกัน และวิ่งลงไปชั้นล่างการกระทำนี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับทั้งคนในบริเวณใกล้เคียงไห่หลิงไล่ล่าโจวหงหลินด้วยมีดทำครัว วิ่งไปห้าซอย เธอเหนื่อยมากจนทนไม่ไหวจึงนั่งลงข้างถนนเพื่อพักหายใจโจวหงหลินก็เหนื่อยเช่นกันนั่งลงห่างไปจากเธอเมื่อพ่อแม่และพี่สาวของเขารีบวิ่งเข้ามาเห็นพวกเขา โจวหงหลินก็รู้สึกเสียใจมากพ่อแม่โจวเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองอยู่ในสภาพกระเสือกกระสน ใบหน้าก็ตึงไปด้วยความโกรธจนแทบบ้า พี่สะใภ้ถกแขนเสื้อขึ้นมาแล้วพูดด้วยความโกรธว่า "นังตัวดีนี่กล้าตีน้องชายฉัน ฉันจะทุบแกให้ตายไปข้างนึง"แม่โจวหัวใจเจ็บปวดมาก จนร้องไห้ออกมาและดุไห่หลิงว่า "นี่เป
ไห่หลิงหัวเราะเยาะเย้ย “เขาไม่ได้ยืนกรานในระบบ AA หรอกเหรอ ฉันแค่ทำตามที่เขาพูด พอเขาโกรธก็สามารถลงไม้ลงมือกับฉัน ถ้าพวกคุณเห็นเขาแล้วใจสลายแบบนี้ พวกคุณไม่เห็นเหรอว่าฉันถูกเขาทุบตี?”“ลูกชายของคุณถูกเลี้ยงดูมาโดยพ่อแม่ ฉันไม่มีพ่อแม่ค่อยอบรมสั่งสอน? ใช่ไง พ่อแม่ของฉันก็ตายไปแล้ว และถึงแม้ว่าฉันจะเป็นเด็กไม่มีพ่อแม่ แต่ฉันก็ไม่ยอมให้คุณรังแกและทุบตีฉัน”“จะเข้ามาทีละคนหรือจะมาพร้อมกัน? เชิญเข้ามาเลย วันนี้ฉันจะทิ้งคำหยาบคายไว้ที่นี่ ฉันไม่อยากยุ่งกับพวกคุณอีกต่อไป แค่พูดว่า อย่าใช้ความรุนแรงในครอบครัว ฉันไม่ใช่คนที่ถูกรังแกง่ายๆ! ถ้าพวกคุณกล้ารังแกฉันและทุบตีฉัน แม้ว่าฉันจะตายฉันก็จะฉุดกระชากครอบครัวของคุณให้ตายตามกันไปด้วย!'"“โจวหงหลิน ฉันเคยบอกไปแล้วว่า ถ้าแกกล้าทุบตีฉัน เว้นแต่แกจะฆ่าฉันทันที อย่าเผลอหลับไป เพราะฉันจะสับแกเป็นเนื้อบด!”ไห่หลิงจ้องตาขวางให้ครอบครัวของสามีหากพวกเขากล้าเข้ามาพร้อมกัน เธอก็จะตายไปพร้อมกับพวกเขา!ครอบครัวของโจว: "..."“ปากร้าย ปากร้าย ไร้เหตุผล!”พ่อโจวด่าไห่หลิงสองสามคำก่อนจะพูดกับลูกชายว่า "หงหลิน กลับบ้านกับพ่อแม่กันเถอะ"วันนี้โจวหงหลินก็ก
โจวหงหลินเห็นว่าครอบครัวของเขารู้เรื่องนี้และไม่ได้ตำหนิอะไร เขาพูดว่า "หลังจากคลอดลูก ตัวของไห่หลิงก็อ้วนขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่ชอบเธออีกต่อไปแล้ว เจียนีเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจ ยังเด็กและสวย ผมคิดว่าผมรักเธอจริงๆ"แม่โจวพูดตรงไปตรงมาว่า "สิ่งที่คนอื่นให้คุณค่าคือสถานะและรายได้ของแก หากแกยังเป็นเพียงพนักงานธรรมดาๆ เหมือนเมื่อก่อน ใครจะให้ความสำคัญกับแก"“แม้ว่าไห่หลิงจะค่อนข้างแข็งแกร่งและทุบตีแกแบบนี้ พูดตามตรง เธอแต่งงานกับแกมาหลายปีแล้ว ดูแลแกเป็นอย่างดี และเก็บกวาดบ้านได้ดีมาก เธออดทนต่อความยากลำบาก รู้วิธีการใช้ชีวิตและจัดการบ้าน แกเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนั้น แต่เธอก็ดูไม่ดีเท่าไห่หลิง”แม้ว่าแม่โจวจะชอบลูกชายของเธอ แต่สำหรับการประเมินไห่หลิงของเธอก็ยุติธรรมเช่นกัน“เมื่อแกแต่งงานแกควรแต่งงานกับคนมีคุณธรรม หงหลินเมื่อแกออกไปเล่นนอกบ้าน แม่จะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แต่ถ้าแกอยากแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น แกต้องระวังเพื่อไม่ให้เสียใจในอนาคต"มีกี่คนแล้วที่ละทิ้งคู่ครองคนเดิมและแต่งงานกับคู่รักของตน แต่พวกเขาไม่ได้ทำตามความปรารถนาของตนความจริงแล้ว แม่โจวพอใจกับสถานการณ์ปัจจุบันของลูกชายมาก แต่เ
“รบกสนเธอแล้วล่ะ”เซินเสี่ยวจวินยิ้มและพูดว่า "ทำไมเราถึงสุภาพกันขนาดนี้ เมื่อก่อนเธอเป็นคนปิดร้าน และฉันคิดว่าเอาเปรียบเธอซะอีก ตอนนี้เราเสมอกันแล้วนะ ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้น"ไห่ถงก็ไม่ได้เกรงใจอะไรกับเพื่อนรักเช่นกัน เธอหยิบเสื้อผ้าที่ซื้อมาบอกลาเพื่อนแล้วเดินออกจากร้านหนังสือ เธอเปิดประตูรถและวางเสื้อผ้าบนที่นั่งผู้โดยสารแล้วพูดกับจ้านหยินว่า "คุณกลับบ้านก่อน แล้วฉันจะขี่จักรยานไปตลาดเพื่อซื้อของชำ ถ้าคุณรู้วิธีซาวข้าวและหุงข้าว คุณก็ซาวข้าวและหุงข้าว ถ้าไม่รู้ ก็รอจนกว่าฉันจะซื้อของเสร็จ แล้วกลับไปค่ะ”จ้านหยินเหลือบมองจักรยานไฟฟ้าของเธอแล้วพูดว่า "รถคันใหม่ของเธออยู่ที่ไหน?"“ฉันออกมาสาย เพราะกลัวรถติดจึงขี่จักรยานไฟฟ้ามาค่ะ”ไห่ถงสวมหมวกกันน็อคแล้วพูดว่า "ฉันไปก่อนนะคะ"โดยไม่รอให้จ้านหยินพูดอีกต่อ เธอก็ขี่จักรยานไฟฟ้าแล้วจากไปจ้านหยิน "..."บางครั้งเธอก็แสดงท่าทีมีชีวิตชีวา ซึ่งขัดกับความสุขุมของเขาเมื่อมองดูเสื้อผ้าบนที่นั่งผู้โดยสารอีกครั้ง จ้านหยินก็หยิบมันขึ้นมาและพลิกดูและพบว่ามันเป็นเสื้อผ้าของผู้ชาย เขาขมวดคิ้วและถาม “เธอซื้อเสื้อผ้าให้คนป่าที่ไหนกัน?”หลังจ
หลังจากที่เซินเสี่ยวจวินพูดออกมา เขาก็มองไปที่ลูกพี่ลูกน้องด้วยความสงสัยและถามว่า "เหนียนเซิง นายกำลังถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?"จางเหนียนเซิงไม่เคยยอมรับว่าเขามีใจให้ไห่ถงและหวังว่าเธอจะหย่าร้าง เขาโกหกและพูดว่า "ผมแค่เป็นห่วงและห่วงใยพี่ไห่ถง ไม่มีเจตนาอื่นใด พี่ไห่ถงนั้นเก่งกาจมาก ถ้าสามีไม่ชอบเธอ ก็หย่าเร็วๆจะดีกว่า ถ้าได้เจอผู้ชายคนอื่นที่เข้าใจชื่นชมเธอ จะมีชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน”“ใช่แล้ว ไห่ถงเป็นคนดีมาก ฉันเชื่อว่าคุณจ้านจะหลงรักไห่ถง บางทีเขาอาจจะถูกดึงดูดมากกว่าไห่ถง”เซินเสี่ยวจวินรอคอยวันที่เพื่อนจะมีความสุขขึ้นเรื่อยๆหัวใจของจางเหนียนเซิงนั้นอึดอัดไม่สามารถบอกลูกพี่ลูกน้องได้ว่าเขาหลงรักไห่ถงกลัวลูกพี่ลูกน้องบอกคุณแม่ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาอายุน้อยกว่าพี่ไห่ถงเล็กน้อย แต่พี่ไห่ถงแต่งงานแล้ว แม้ว่าเธอจะหย่าร้าง และคุณแม่ของเขาจะไม่ยอมรับพี่ไห่ถงเพื่อที่จะมั่นใจอย่างเต็มที่ จางเหนียนเซิงก็ระมัดระวังอย่างมากที่จะซ่อนความรู้สึกของตัวเองและไม่กล้าให้คนอื่นรู้พระอาทิตย์อัสดงตกลงสู่ทะเล และตาข่ายท้องฟ้าสีดำก็ตกลงบนพื้นโลกอย่างช้า และราตรีก็มาถึงอย่างเงียบๆหมิงหยวนฮว
จ้านหยินรู้สึกหดหู่เล็กน้อย แต่ในอีกความคิด น้องสองแนำนำงานฝีมือของไห่ถง และไห่ถงก็มีรายได้เสริม ตอนนี้ไห่ถงเป็นภรรยาของเขา แสดงว่าเรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน อารมณ์หดหู่ของจ้านหยินก็ดีขึ้นเมื่อไห่ถงทำอาหารเสร็จแล้ว เธอก็หยิบจานทั้งหมดออกมาและวางไว้บนโต๊ะอาหารทั้งคู่นั่งลงและทานอาหารเย็นด้วยกันจ้านหยินอารมณ์ดีและกินค่อนข้างดีต้องชมไห่ถงทักษะการทำอาหารของเธอดีมาก เขารู้สึกอร่อยมากหลังอาหารเย็น เมื่อล้างจานไห่ถงก็หยิบถุงที่บรรจุเสื้อผ้ามาจากโซฟา หยิบออกจากถุง ยื่นให้จ้านหยิน แล้วพูดว่า "คุณจ้าน คุณช่วยลองเสื้อผ้าสองชุดนี้หน่อยว่าพอดีไหม?"“คุณช่วยฉันไว้มาก แค่เลี้ยงข้าวเย็นให้คุณ ฉันคิดว่ามันยังไม่เพียงพอ ก็เลยซื้อเสื้อผ้าใหม่สองชุด และเนคไทสีดำสองชิ้นที่คุณชอบ”จ้านหยินเดามานานแล้วว่าเป็นเสื้อผ้าของเขา แต่เขาพยายามทำเฉย เขาหยิบเสื้อผ้าแล้วพลิกดูและถามเธอว่า "คุณรู้ได้อย่างไรว่าผมใส่ไซส์อะไร?"“ถามคุณยายมาค่ะ”จ้านหยินเงียบไป“ลองใส่ดูไหมคะ?”“ไม่จำเป็น ผมว่าใส่ได้”เธอมักจะเลือกสีที่เขาชอบซื้อมา“ครั้งต่อไปที่คุณซื้อของให้ฉัน หากคุณไม่แน่ใจก็ถามผมได้เลย”อย่าไปถามคุณยาย
มีคนเดินอยู่ในหมู่บ้านเยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นพ่อแม่ จูงลูก และยังมีคู่หนุ่มสาวจับมือกันแสดงความสนิทสนมกันทั้งคู่ยังคงเดินไหล่ชิดไหล่กันเมื่อเห็นความใกล้ชิดของผู้อื่น และทั้งคู่ก็ไม่กล้าที่จะยื่นมือออกไปอย่างไรก็ตามอัตราการหันกลับมามองคู่สามีภรรยาสองคนนี้ นั้นสูงเป็นพิเศษ เพราะผู้ชายหล่อและผู้หญิงสวยในที่สุด ไห่ถงก็หยุดที่สนามเด็กเล่นในหมู่บ้านและพูดกับชายที่อยู่ข้างๆ เขาว่า "มานั่งดูเด็กๆ กันที่นี่ดีกว่า"เธอชอบเด็กมากเธอรักหลานชายโจวหยางจ้านหยินยังคงเงียบและเดินตามเธอไปบนม้านั่งหินอย่างเงียบ ๆ“ถ้ามีหยางหยางอยู่ด้วย เขาคงจะมีช่วงเวลาที่ดีอย่างแน่นอน”จ้านหยินตอบแค่อืมไห่ถงหันศีรษะไปมองเขา จ้านหยินรู้สึกงงเล็กน้อยเมื่อเธอมองเขาแบบนี้ แต่เธอก็ถามเธออย่างตั้งรับว่า "คุณมองฉันแบบนี้ทำไม?"“ดูรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลาของคุณสิ มองอีกสองครั้งก็น่ามอง”จ้านหยิน "..."“คุณจ้านหน้าตาดีและเก่งมาก บ่งบอกว่ายีนของคุณดีมาก หากคุณมีลูกในอนาคต คุณจะต้องเก่งและฉลาดอย่างแน่นอน”“คุณอยากมีลูกกับฉันไหม”ไห่ถงยิ้มและพูดว่า "คุณยายมักจะแนะนำให้ฉันผลักคุณลงและให้หลานสาวของเธอกอด"เมื่อได้ยิ