Share

บทที่ 37

Author: จิ้งซิง
วินาทีนั้น ในใจของนางราวกับมีเสียงของเชือกตึงขาดสะบั้นดังขึ้น

ราวกับว่าพันธนาการบนตัวหายไปหมดสิ้น ในที่สุดนางก็หลุดพ้นจากสถานที่ที่ทำให้นางต้องทุกข์ทรมานมาสองชาตินั่นเสียที

น้ำตาหยดหนึ่งค่อย ๆ ไหลออกมาจากบริเวณหางตาของนาง

เป่ยเฉินหยวนจ้องมองนางด้วยความตกตะลึง

ต่อให้เวลาจะผ่านไปหลายปี เขาก็จะไม่สามารถลืมฉากนี้ได้อย่างเด็ดขาด

อยู่ในสนามรบเขาเคยแต่เห็นการเข่นฆ่าและความตายมากมายนับไม่ถ้วน ทุกครั้งล้วนมีความรู้สึกที่แตกต่างกัน แต่เทียบไม่ได้กับอารมณ์ที่หวั่นไหวของเขาในขณะนี้

นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยการเข่นฆ่านองเลือดคู่นั้น สะท้อนภาพของพระพุทธรูปทองคำและสาวน้อย

ภาพนั้นคือแสงแห่งพุทธะสาดส่อง ราวกับได้ไถ่บาป

และเหมือนกับว่าสาวน้อยได้เกิดใหม่

......

ตอนที่เป่ยเฉินหยวนออกไป เวินซื่อได้มาส่งเขาที่บริเวณประตูใหญ่

นางไม่ได้เข้าใกล้ประตูใหญ่ เพียงแค่ยืนพนมมือสองข้างอยู่บริเวณไม่ไกล พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทำความเคารพ

“วันนี้ต้องขอขอบคุณท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาก”

ถ้าหากไม่ได้เป่ยเฉินหยวนช่วยเหลือ เกรงว่านางคงจะไม่ได้ออกจากสกุลเวินง่ายดายขนาดนี้

ต่อให้ออกจากสกุลเวินแล้ว ก็มีความเป็นไปได้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 38

    เวินซื่อรู้สึกรังเกียจตนเองอยู่เงียบ ๆ ครู่หนึ่งบัดนี้นางเป็นคนที่ออกบวชแล้ว ไม่ควรจะมีความคิดที่เกินเลยใด ๆหลังจากคิดได้เช่นนี้ หัวใจของเวินซื่อก็สงบนิ่งราวกับสายน้ำไม่ไหวติงอย่างรวดเร็ว“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนท่านอ๋องอีกครั้งแล้ว”“ข้ายังมีสัมภาระที่ต้องจัดการอีก ไม่รบกวนเวลาของท่านอ๋องแล้ว ท่านอ๋องเดินทางปลอดภัย”หลังจากที่เวินซื่อยิ้มออกมาเล็กน้อย ก็หันหลังแล้วเดินกลับไปในอารามหลังจากที่ร่างกายอันผ่ายผอมของนางเดินหายเข้าไปในซุ้มประตูวงพระจันทร์ เป่ยเฉินหยวนถึงได้หันหลังกลับและออกจากอารามสุ่ยเยว่ตอนที่เขาออกไป เวินฉางอวิ้นยังคงเฝ้าอยู่ที่ด้านนอกประตูใหญ่ทันทีที่เห็นเป่ยเฉินหยวนเดินออกมา เวินฉางอวิ้นก็รีบก้าวเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว กล่าวถามอย่างร้อนใจ “ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน น้องห้าล่ะ? น้องห้านางไม่ได้ออกมากับท่านหรือพ่ะย่ะค่ะ?”กองทัพธงดำขวางเขาให้ห่างออกไปสามก้าวเป่ยเฉินหยวนกวาดสายตามองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยแวบหนึ่ง “แน่นอนว่านางไม่ได้ออกมาด้วย เพราะตอนนี้นางได้เป็นแม่ชีน้อยอยู่ในอารามสุ่ยเยว่แล้ว”เมื่อเวินฉางอวิ้นได้ยินดังนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “อะไรนะพ่ะย่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 39

    ทันทีที่เวินเยวี่ยพูดออกไปก็ได้รับคำชมเชยจากเวินจื่อเฉินและคนอื่น ๆ ทันที“ท่านพ่อ น้องหกพูดถูก พวกเราทุกคนไม่สะดวกไปที่อารามสุ่ยเยว่จริง ๆ แต่ถ้าน้องหกไป ซือไท่ที่นั่นจะไม่มีเหตุผลขวางนาง”เวินเฉวียนเซิ่งพยักหน้า “เจ้าหกช่างรู้ใจเหลือเกิน ยกเรื่องนี้ให้เจ้าไปจัดการก็แล้วกัน”เวินเยวี่ยตบแผ่นอกทันทีพร้อมกล่าว “ท่านพ่อวางใจ เยวี่ยเอ๋อร์จะพาตัวพี่หญิงห้ากลับมาให้ได้เจ้าค่ะ!”เวินจื่อเฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “น้องหกลงสนามรบ จะต้องสำเร็จแน่นอน!”“ถูกต้อง ๆ น้องหกจิตใจดีทั้งยังน่ารักขนาดนี้ ไปที่อารามสุ่ยเยว่บรรดาซือไท่จะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน”“ถึงเวลานั้นค่อยช่วยน้องหกพูดโน้มน้าวน้องห้า ไม่แน่ว่าน้องห้าอาจจะกลับมาก็ได้!”ก้นบึ้งหัวใจของเวินเยวี่ยรู้สึกดูถูกนางไม่ต้องการได้รับความชื่นชอบจากพวกแม่ชีเฒ่าพวกนั้นอัปมงคลแต่ว่าบนใบหน้าของนางยังคงรักษารอยยิ้มที่ไร้เดียงสาไร้พิษภัยเอาไว้เช่นเดิม บางครั้งยังทำท่าทางเขินอายจนหน้าแดงเพราะถูกชม ท่าทางแบบนั้นทำให้คนอื่นมองความคิดที่แท้จริงภายในใจของนางไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียวในตอนที่เวินจื่อเฉินพวกเขาชื่นชมเวินเยวี่ยไม่หยุดปากเวินฉางอวิ้นท

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 40

    ในเวลานี้เอง…“แย่แล้ว! แย่แล้ว!คนรับใช้วิ่งออกมาอย่างรีบร้อนแล้วพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “คุณชายรอง คุณชายสาม ป้าย...ป้ายวิญญาณของฮูหยินหายไปแล้วเจ้าค่ะ!”เวินจื่อเฉินกับเวินจื่อเยวี่ยสีหน้าเปลี่ยนไปทันที“อะไรนะ?! พวกเจ้าแต่ละคนทำงานกันอย่างไร? ป้ายวิญญาณที่โถงบรรพชนหายไปพวกเจ้ายังไม่รู้อีก?!”“ใครจะเอาป้ายวิญญาณของท่านแม่ไปได้?”เวินจื่อเยวี่ยขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยแต่ทันใดนั้นเวินจื่อเฉินกลับคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สองพี่น้องหันหน้าไปมองกัน กล่าวด้วยความตกใจและโมโห “หรือว่าจะเป็น...เวินซื่อ?!”“ไม่คิดเลยว่าแม้แต่ป้ายวิญญาณของท่านแม่ นางก็จะนำไปด้วย!”เวินจื่อเฉินเกรี้ยวกราด “นางเป็นหัวขโมยแท้ ๆ เลย! นางมีสิทธิ์อะไรนำป้ายวิญญาณของท่านแม่ไป!”สีหน้าของเวินจื่อเยวี่ยดูแย่มากเช่นเดียวกัน เขารู้สึกว่าน้องสาวคนนี้เป็นคนไม่มีเหตุผลเอามากขึ้น!นางออกบวชเป็นแม่ชีโดยไม่ได้รับการยินยอมจากท่านพ่อ ทำเรื่องให้สกุลเวินอับอายขายขี้หน้าก็ช่างเถอะ ไม่คิดเลยว่าตอนนี้ยังขโมยป้ายวิญญาณของท่านแม่ไปอีก!“สารเลว! ข้าก็ว่าแล้ว เมื่อวานนางเอาแต่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ทำอะไร ถ้ารู้แต่แรกข้าก็ควรจับต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 41

    เมื่อเวินเยวี่ยได้ยินก็จำเสียงนี้ได้ทันทีเป็นพี่สาวคนดีที่ออกบวชไปแล้วของนางไม่ใช่หรือไรนางยืนหัวเราะหยันโดยที่มีประตูกั้นกลาง สีหน้าฉายแววดูแคลน “ในเมื่อพี่หญิงได้ยินว่าข้ามาแล้ว เหตุใดจึงยังไม่กล้าออกมาพบกันอีกเล่า? หรือว่าพี่หญิงรู้สึกละอายใจต่อคนในครอบครัวตัวเอง?”คนที่เพิ่งกล่าวคือเวินซื่อถูกต้องแล้วจริง ๆ เดิมทีนางเพียงเดินผ่านตรงนี้ ในมือยังคงถือถังน้ำเตรียมตัวกลับไปหลังจากวันที่ออกบวช นางก็ปรับตัวเข้ากับอารามสุ่ยเยว่ได้อย่างรวดเร็วการสวดมนต์ขอพรที่ควรทำทั้งเช้าและเย็น งานทำความสะอาดจิปาถะที่นางควรทำก็ไม่เคยขาดตกบกพร่องอย่างไรเสียหลังจากที่เคยมีประสบการณ์เร่ร่อนข้างถนนในชาติก่อน นางในตอนนี้สามารถมีที่อยู่อาศัย มีกินมีดื่มก็รู้สึกนับว่าไม่เลวแล้วนอกจากนี้ยังจัดเรือนขนาดเล็กที่เรียบง่ายสงบเงียบในอารามแยกต่างหากให้นาง อีกทั้งยังมีพื้นที่ขนาดเล็กที่สามารถปลูกผักได้อีกด้วยเดิมทีวันนี้นางตั้งใจจะจัดการพื้นที่ขนาดเล็กผืนนั้น แต่คิดไม่ถึงว่าขณะที่ถือน้ำเดินผ่านประตูใหญ่ก็ได้ยินเสียงของเวินเยวี่ยอีกทั้งยังอ้างเรื่อง ‘ความห่วงใย’ อะไรนั่นเพื่อขอพบพี่น้องอย่างนาง?แค่ฟั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 42

    เวินเยวี่ยได้แต่ไปที่อารามสุ่ยเยว่อีกหลายครั้งทุกวันนางต้องนั่งรถม้าจากเมืองหลวงไปที่ภูเขาหนาน และกลับจากภูเขาหนานมายังเมืองหลวง ภายใต้การสั่นโคลงเคลงอยู่หลายวัน เวินเยวี่ยไม่เพียงไม่ได้พบเวินซื่ออีกเลย ตรงกันข้ามนางไม่อาจเดินเข้าแม้กระทั่งประตูใหญ่ของอารามสุ่ยเยว่เลยด้วยซ้ำ เดิมทีนางยังเคยคิดว่าสามารถปะปนเข้าไปข้างในกับกลุ่มผู้มาสักการบูชาที่เข้ามากราบไหว้ แต่คิดไม่ถึงว่าผู้มาสักการบูชาผู้ศรัทธาของอารามสุ่ยเยว่จะมีน้อยมาก ประตูใหญ่ของอารามปิดอยู่หลายวัน ไม่เห็นว่ามีผู้มาสักการบูชาผู้ศรัทธามามากเท่าไรนักต่อให้มี หลังจากที่เห็นประตูใหญ่ของอารามปิดสนิท พวกเขาก็กลับไปอย่างเงียบเชียบราวกับเคยชินกับธรรมเนียมที่อารามสุ่ยเยว่บอกว่าจะปิดอารามก็ปิดตามใจชอบเช่นนี้มานานแล้ว ไม่มีใครคัดค้านเลยสักคนนั่งยองอยู่หลายวัน เวินเยวี่ยทนไม่ไหวแล้วจริง ๆนางจึงติดสินบนหญิงชาวบ้านคนหนึ่งที่อยู่ตีนเขา ให้หญิงชาวบ้านคนนั้นไปถามอารามสุ่ยเยว่ว่าจะปิดอารามไปอีกนานแค่ไหนกันแน่คำตอบที่ได้รับคือ... ธิดาศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่อารามเพื่อสวดภาวนาให้บ้านเมือง จึงทำการปิดชั่วคราวหนึ่งเดือน“หนึ่งเดือน?!” เว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 43

    เมื่อถูกเสียงท่องพระสูตรของเวินซื่อดึงดูดความสนใจ จิตใจที่ยุ่งเหยิงแต่เดิมของเป่ยเฉินหยวนก็ค่อย ๆ สงบลง เขาหลับตาฟังอย่างเงียบงันผลปรากฏว่าฟังได้ไม่นานก็พบว่าเสียงของใครบางคนหยุดไปแล้วเมื่อลืมตาขึ้นมามองก็พบว่าที่แท้อาจารย์น้อยหาบน้ำสักคนได้มาถึงจุดหมายแล้วเวินซื่อหยุดท่องชั่วคราว นางวางถังไม้ที่หาบอยู่บนบ่าลงแล้วก้าวขึ้นไปบนหินก้อนใหญ่ริมลำธาร จากนั้นก็ถือถังไม้ใบหนึ่งจากในนั้นแล้วนั่งยองลงไปตักน้ำร่างกายของนางในชาตินี้ไม่เคยทำงานอะไรมาก่อน เรี่ยวแรงจึงน้อยมาก ตักน้ำได้เพียงครึ่งถังเท่านั้น ก่อนจะยกขึ้นมาอย่างยากลำบาก เพียงแต่ว่าตอนที่ยกขึ้นมาเผลอแกว่งถังออกมาเล็กน้อยโดยไม่ระวังจนน้ำหกใส่ข้างเท้าของนางเวินซื่อที่ยังไม่สังเกตเห็นเรื่องร้ายแรงก็วางน้ำครึ่งถังนี้ลง แล้วหยิบถังไม้ว่างเปล่าอีกใบไปตักน้ำ ทว่าครั้งนี้ตอนที่นางกำลังจะยกขึ้นมา เท้าเหยียบไปบนคราบน้ำนั้นทำให้นางลื่นไถล...“ว้าย!” เสียงดังตุ๋ม เวินซื่อที่เสียหลักก็ตกลงไปในลำธารม่านตาของเป่ยเฉินหยวนหดลง วินาทีต่อมาเขาก็กระโดดลงจากสะพานเล็ก ๆ ราวกับเตรียมตัวจะเข้าไปช่วยคน แต่เมื่อเขากระโดดลงไปถึงได้พบว่าน้ำในลำธา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 44

    เป่ยเฉินหยวนเลิกคิ้วเล็กน้อยไม่เลวยังคงระมัดระวังตัวมาก“วางใจได้ ไม่ขายท่านไปหรอก”เขาคลายมือที่จับถังไม้ออกในที่สุด เวินซื่อรับถังไม้ แต่ก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไรอยู่ดี เป่ยเฉินหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงต่ำอย่างนุ่มนวลออกมาทันที “เอาเถิด ข้าได้รวบรวมตำราแพทย์ไว้แล้ว วันพรุ่งนี้จะเอามาส่งให้ท่าน” “เช่นนั้นต้องขอบคุณ...”เวินซื่อยังกล่าวไม่ทันจบ ก็เห็นเป่ยเฉินหยวนที่อยู่ตรงข้ามเลิกคิ้วขึ้นเอาเถิด “หากท่านอ๋องมีเรื่องอันใดต้องการความช่วยเหลือ หากข้าทำได้ย่อมพยายามทำอย่างเต็มที่”แม้นางไม่คิดว่าตอนนี้ตัวเองยังมีสิ่งใดสามารถช่วยเหลือท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่ครอบครองอำนาจอิทธิพลในทุกด้านพระองค์นี้เลยก็ตาม แต่หลังจากที่นางรับปาก สีหน้าของอีกฝ่ายก็ดูดีขึ้นเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด “วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว พรุ่งนี้ ข้าจะมาหาท่าน” เวินซื่อ “...ได้” หลังจากที่เวินซื่อกลับไปแล้ว เป่ยเฉินหยวนกลับไปที่วัดด้วยความอารมณ์ดีอย่างมากผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนที่เดิมทีตามหาเขาไปทั่วต่างก็ร้อนใจจนหัวหมุนแล้ว อีกทั้งยังลากหลวงจีนชรารูปหนึ่งมาตามหาด้วย ขณะที่กำลังตามหาจนเหงื่อท่วมหัวก

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 45

    เมื่อครู่นี้เห็นท่านอ๋องกลับมาได้อย่างปลอดภัย พวกเกาเย่ายังนึกว่าไม่ได้คิดมากไปเองว่าไม่ได้อาการกำเริบผลปรากฏว่าเมื่อตอนนี้จ้องดูอย่างละเอียดถึงได้พบว่าดวงตาสองข้างของเป่ยเฉินหยวนยังคงมีสีแดงโลหิตนิดหน่อยอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าก็ดูซีดเผือดเล็กน้อยเป่ยเฉินหยวนพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้วส่งเสียง “อืม” แม้ว่าเวลานี้จิตใจของเขาจะสงบลงแล้ว แต่ทุกครั้งที่อาการกำเริบแล้ว ร่างกายของเขามักจะปรากฏอาการของโรคเล็กน้อย การที่เกาเย่าสังเกตเห็นก็เป็นเรื่องปกติพวกเกาเย่าตกใจจนเบิกตาโตทันที “ไวขนาดนี้เชียวหรือพ่ะย่ะค่ะ?!” “นี่เพิ่งผ่านไปได้ไม่นานเท่าไร? ครั้งนี้ช่วงเวลาอาการกำเริบของท่านสั้นถึงเพียงนี้เชียว?”เสียงของเกาเย่าแฝงไปด้วยความยินดีปรีดาอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่าพวกเขากระต่ายตื่นตูมไปเอง ทว่าก่อนหน้านี้ตั้งแต่ที่เป่ยเฉินหยวนอาการกำเริบจนกระทั่งสติกลับมาปลอดโปร่ง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้เวลาสามชั่วยามนานที่สุดก็ใช้เวลาถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ๆ แต่วันนี้เพิ่งผ่านไปนานเพียงใดกันเชียว? เกรงว่าคงไม่ถึงแม้กระทั่งหนึ่งชั่วยามกระมัง?ไม่รู้ว่าเกาเย่านึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงอดไม่ไ

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 386

    ภายในป่า เงียบสงบไปครู่หนึ่ง ถึงมีเสียงหัวเราะเยาะเบาๆ ดังขึ้น“เจ้าพูดถูก ข้าไม่คู่ควร”เป่ยเฉินหยวนสีหน้าเย็นชา สายตาเย็นเยียบ “แต่เจ้าไม่คู่ควรยิ่งกว่า”“เจ้าอยากจะใช้คนร้ายที่หลบหนีไปได้มาบีบบังคับข้า น่าเสียดาย ข้าไม่หลงกลเจ้า”เป่ยเฉินหยวนพูดจบก็ยกมือขึ้น กองทัพธงดำจำนวนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นทันที ล้อมอันหลันซินเอาไว้อันหลันซินตกใจทันที ในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี“ท่านคิดจะทำอะไร?”เป่ยเฉินหยวนกล่าวอย่างเย็นชา “ขอบคุณอู๋โยวให้ดีเถอะ หากมิใช่เพราะนาง หัวของเจ้าคงถูกข้าตัดเอาไปเตะเล่นนานแล้ว”พูดจบเขาก็หันหลังกลับไปออกคำสั่ง “เอาตัวไป มัดให้แน่นแล้วส่งไปให้หนิงหย่วนโหว ให้เขาเฝ้าไว้ให้ดีๆ ขอแค่ไม่ตาย จะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่เขา แต่ถ้าคนหนีไป ข้าจะเอาเรื่องกับเขา”“พ่ะย่ะค่ะ!”กองทัพธงดำหลายนายรีบเข้ามาทันทีไม่!ไม่ได้!นางจะถูกพาตัวไปไม่ได้!นางอุตส่าห์รอโอกาสนี้มาอย่างยากลำบาก หากถูกพาตัวไปแล้ว ต่อไปนางจะกลับมาหาอาซื่อได้อย่างไร!อันหลันซินเห็นท่าไม่ดี อ้าปากกำลังจะร้องตะโกน“อึก...”น่าเสียดายที่นางเพิ่งจะส่งเสียงออกมา ฝักกระบี่ก็ฟาดลงบนคอของนางอย่างแรงทำให้นางสลบไ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 385

    คนที่ปรากฏตัวอยู่ด้านนอกรถม้าของเป่ยเฉินหยวนคืออันหลันซิน“ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน หม่อมฉันจะทำอะไรท่านได้ ท่านจะระแวงหม่อมฉันขนาดนี้ไปทำไมเพคะ?”อันหลันซินยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวขึ้นเป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้ว สายตาไม่พอใจ “มีธุระก็พูด ไม่มีธุระก็ไสหัวไป”ท่าทีที่ไม่เกรงใจเมื่อเทียบกับรอยยิ้มที่แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อครู่ ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวจริงๆอันหลันซินแค่นเสียงหัวเราะในใจเสแสร้งอะไรกันตอนนี้รู้จักปฏิบัติต่อสตรีอื่นอย่างแตกต่างเพราะอาซื่อ แต่ต่อไปความพิเศษเช่นนี้ไม่แน่ว่าจะตกไปอยู่กับสตรีอื่นอย่างไรเสีย บุรุษในโลกนี้ก็เหมือนกันหมดอันหลันซินระงับความรังเกียจในใจ บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยน “เอาละ รู้ว่าท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ชอบหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันมีข้อแลกเปลี่ยน อยากจะคุยกับท่านสักหน่อยเพคะ”นางพูดเช่นนี้ เป่ยเฉินหยวนกลับไม่มองนางแม้แต่น้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาและดูถูก “อย่างเจ้า มีคุณสมบัติอะไรมาทำข้อตกลงกับข้า?”“ที่ข้ายอมให้เจ้าอยู่ในขบวนนี้จนถึงตอนนี้ ก็เพียงเพราะเห็นแก่หน้าอู๋โยว”รอยยิ้มบนใบหน้าของอันหลันซินแข็งค้าง กัดฟันเล็กน้อย“เหอะๆ หม่อมฉั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 384

    เป่ยเฉินหยวนนอนเอนกายอย่างสบายอารมณ์อยู่ในรถม้า ในขณะเดียวกันก็นอนอยู่ข้างกายเวินซื่อ หลับตาพริ้มขยับศีรษะอย่างมีความสุข ตอบคำถามของนางทีละประโยค“ได้ ไม่แรง ไม่ได้ดึงเลย ปวดนิดหน่อย เพราะซื่อเอ๋อร์ลูบให้ หัวก็เลยไม่ปวดมากแล้ว”เวินซื่อได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกโชคดีที่นางยังจำตำแหน่งกดจุดต่างๆ บนศีรษะที่อาจารย์ม่อโฉวสอนได้ ผสมผสานกับวิธีการนวด แล้วนวดให้เป่ยเฉินหยวน ดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะดีเลยทีเดียวเวินซื่อที่คิดว่าได้ผลจริงๆ ก็ยังคงตั้งใจจ้องมองศีรษะของเป่ยเฉินหยวน จดจ่ออยู่กับการผสมผสานวิธีการนวดและกดจุดต่างๆ ของนางหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ภายในรถม้าดูเหมือนจะเงียบสงบลงอย่างสิ้นเชิงเงียบจนแม้ว่าภายนอกจะมีเสียงล้อรถดังอยู่ ก็ยังได้ยินเสียงหายใจแผ่วเบาสม่ำเสมอภายในรถม้าเวินซื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าเป่ยเฉินหยวนไม่รู้ว่าหลับตาลงตั้งแต่เมื่อไรแล้วเวินซื่อเห็นดังนั้น มือที่วางอยู่บนศีรษะของเขาก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวช้าลง จนกระทั่งพอสมควรแล้ว นางถึงได้ชักมือกลับก้มหน้าลงมองสีหน้าที่อ่อนล้าระหว่างคิ้วของเป่ยเฉินหยวน หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เวินซื่อก็หยิบขวดน้ำทิพย์ออกมาจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 383

    “ปวดหัวหรือ? เกิดอะไรขึ้น? ปวดเป็นพักๆ หรือว่าปวดมากตลอดเวลา?”พอเวินซื่อได้ยินเป่ยเฉินหยวนบอกว่าตนเองปวดหัว ก็ไม่ทันได้ใส่ใจกับคำเรียกที่ดูเหมือนจะสนิทสนมเกินไปนั่น รีบถามอย่างกระวนกระวาย“ปวดเป็นพักๆ เหมือนกับมีคนมากมายพูดอยู่ในหัวของข้า หนวกหูมาก ปวดเหลือเกิน”เป่ยเฉินหยวนมองนางอย่างไม่วางตา ชายหนุ่มผู้ซึ่งปกติแล้วสูงใหญ่และพึ่งพาได้เสมอ เวลานี้กลับดูอ่อนแอเหมือนหมาป่าตัวใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บ ทำได้เพียงส่งเสียงร้องครางกับคนตรงหน้าเพื่อระบายความเจ็บปวดของตนเวินซื่อไม่เคยเห็นเป่ยเฉินหยวนในสภาพที่อ่อนแอเช่นนี้มาก่อนแม้แต่ครั้งแรกที่เห็นเขาป่วยที่ริมลำธารเล็กๆ หลังภูเขานั่น เป่ยเฉินหยวนในตอนนั้นก็ยังคงสติไว้ได้บ้างแต่เป่ยเฉินหยวนในตอนนี้ กลับเหมือนแสดงด้านที่อ่อนแอยามเจ็บป่วยออกมาให้นางเห็นอย่างไม่มีปิดบังเวินซื่อจึงลูบหน้าผากเขาด้วยความสงสารทันที แล้วจับชีพจร “ไม่ปวดแล้วๆ ตอนนี้ข้าจะสวดมนต์ให้ท่านอ๋องเดี๋ยวนี้ ท่านนั่งฟังดีๆ อีกเดี๋ยวก็จะไม่ปวดแล้ว”แต่เป่ยเฉินหยวนในตอนนี้กลับเหมือนจะมีความคิดต่อต้านขึ้นมาเล็กน้อย ยื่นมือออกไปคว้าข้อมือของเวินซื่อที่กำลังจะชักกลับ เอ่ยด้วยน้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 382

    นางมองเวินซื่อด้วยความอาลัยอาวรณ์หางตากลับเหลือบไปมองเป่ยเฉินหยวนและเด็กสาวที่อยู่ข้างโต๊ะนั่นอย่างเย็นชาเพิ่มมาอีกคนแล้วแต่ไม่เป็นไร ยังไม่จบหรอกหลังจากที่นายท่านสกุลผังกลับไปแล้ว ไม่นานก็ส่งสัญญาขายตัวมาให้ตามคาด ทั้งยังเขียนหนังสือหย่าอนุภรรยาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมาหนึ่งฉบับจริงๆเมื่อได้สัญญาขายตัวและหนังสือหย่าอนุภรรยา อันหลันซินก็ไปจากที่นี่เวินซื่อให้จู๋เยวี่ยติดตามไประยะหนึ่งแน่นอนว่าเพื่อจับตาดู“เป็นอย่างไรบ้าง?”หลังจากที่จู๋เยวี่ยกลับมา เวินซื่อก็เอ่ยถาม“ดูเหมือนว่าจะมีเศษเงินที่ซ่อนเอาไว้ ซื้อของกินเล็กน้อย ห่อไว้แล้วก็ออกจากเมืองไป ดูท่าทางน่าจะกลับเมืองหลวง”กลับเมืองหลวง...จินโจวอยู่ห่างจากเมืองหลวงขนาดนี้ นางคิดจะเดินเท้ากลับไปหรือ?แล้วยังมีบิดาของนางในเมืองหลวง ทั้งภรรยาเอกและพี่สาวต่างมารดาพวกนั้น คงจะไม่ปล่อยนางไปกระมัง?ถึงอย่างนั้นนางก็ยังคิดจะกลับไป?เวินซื่อขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็คลายปมคิ้วไม่สิ นางจะเป็นห่วงอันหลันซินทำไมกัน?ต่อจากนี้ไปอันหลันซินจะเป็นตายร้ายดีก็ไม่เกี่ยวข้องกับนางที่นางช่วยครั้งนี้ก็เพราะเห็นแก่คว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 381

    ยังคงเป็นสองคำนั้น เพียงแต่คราวนี้เวินซื่อเป็นคนพูดนางเรียกนายท่านผังและบุตรชายเอาไว้ กำลังจะเอ่ยถาม “เช่นนั้นอันหลันซินกับลูกชายท่าน...”“ข้าน้อยกลับไปแล้วจะรีบให้คนนำสัญญาขายตัวของคุณหนูอันมาส่งให้ทันที และจะให้บุตรชายข้าเขียนหนังสือหย่าอนุภรรยา เพื่อเป็นหลักฐาน!”แม้ว่าตั้งแต่สมัยโบราณจะมีเพียงหนังสือหย่าภรรยา ไม่มีหนังสือหย่าอนุภรรยา แต่วันนี้ต่อให้มันไม่มีก็ต้องมี!นายท่านผังก็กลัวจริงๆ เขากลัวว่าหากทำให้บรรพบุรุษทั้งสองท่านนี้โกรธขึ้นมาอีก ถึงตอนนั้น ไม่ใช่แค่ลูกชายเท่านั้นที่จะหายไป แม้แต่สกุลผังก็จะหายไปด้วย!เวินซื่อเลิกคิ้ว เห็นอีกฝ่ายเข้าใจสถานการณ์เช่นนี้ นางจึงไม่ได้พูดอะไรมากอีก“รีบส่งมาเร็วๆ อย่าให้เสียเวลา”นายท่านผังได้ยินดังนั้น ก็รู้ว่าเรื่องร้ายนี้ในที่สุดก็สิ้นสุดลงแล้ว จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบพาบุตรชายหนีไปอย่างรวดเร็วรอจนเป่ยเฉินหยวนจัดการกับเหล่าขุนนางที่เกี่ยวข้องกับอันหลันซินจนเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว เวินซื่อจึงหันไปมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่ช่วยข้าระบายความโกรธ ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทน ได้แต่สวดมนต์ขอพรให้ท่านทุกวัน”พูดไ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 380

    ดูจากตอนนี้ โชคดีที่เลือกไม่ผิดธิดาศักดิ์สิทธิ์ชอบจริงๆ ด้วยนอกจากปลูกสมุนไพร ยังได้ยินมาว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์กำลังเรียนวิชาแพทย์ แต่ละอย่างล้วนช่วยผู้คนสมกับเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์งดงามทั้งรูปโฉมและจิตใจหวังโฉ่วอันที่รู้ว่าเวินซื่อเรียนวิชาแพทย์ แต่กลับไม่รู้ว่าเรียนพิษศาสตร์ด้วยคิดเช่นนั้นหลังมอบของขวัญเสร็จ หวังโฉ่วอันไม่มองเหล่าขุนนางที่คุกเข่าอยู่ตรงทางเข้า ซึ่งกำลังยักคิ้วหลิ่วตาให้เขาอย่างบ้าคลั่งสักนิด เอ่ยลาแล้วจากไปทันทีทิ้งขุนนางเหล่านั้นให้มองหน้ากันเอง พวกเขาคุกเข่าจนขาแทบหัก แต่กลับไม่มีใครกล้าลุกขึ้นกระทั่งบางคนที่ขยับตัวแม้แต่นิดเดียว พอเงยหน้าขึ้นพลันได้เห็นสายตาพิฆาตของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนความกดดันที่รุนแรงอย่างนั้น ไม่มีใครรับไหวดังนั้นตลอดบ่ายจึงต้องรอคอยอย่างสำรวมหลังจากรอให้เป่ยเฉินหยวนดูสมุดบัญชีเหล่านั้นทั้งหมด ได้ขอเบี้ยหวัดทหารจากสกุลผางถึงห้าสิบล้านตำลึง เรื่องนี้จึงถือว่าจบลงแต่ก็ใช่ว่าจะจบลงทั้งหมดตอนคุณชายใหญ่สกุลผางถูกลากตัวออกมา เหมือนหมูตายตัวหนึ่ง ปวดจนหมดสติไปนานแล้วถ้าเป่ยเฉินหยวนไม่สั่ง ไม่มีใครกล้ารักษามือให้คุณชายใหญ่ส

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 379

    เมื่อพูดคำนี้ออกไป ทำให้นายท่านผางตกใจจนรีบลุกขึ้น แล้วหอบเอาสมุดบัญชีสั่งให้คนไปจัดเตรียมเขาจากไปแล้ว แต่ตรงทางเข้ายังมีคนกลุ่มใหญ่ที่ไม่กล้าขยับ“ทำไมพวกเขายังไม่ไปอีก?”เวินซื่อถามอย่างสงสัยอีกครั้งเป่ยเฉินหยวนกล่าว “เพราะโหวกเหวกเกินไป ดังนั้นข้าสั่งให้พวกเขาคุกเข่าอยู่ตรงทางเข้า รอให้ข้าจัดการธุระเสร็จแล้ว ค่อยไปจัดการพวกเขา”คนพวกนี้จะได้ไม่ต้องกินอิ่มแล้วไม่มีการมีงานให้ทำเสียงของเป่ยเฉินหยวนดังกำลังพอดี ทว่าพวกที่อยู่ตรงทางเข้าก็ได้ยินอย่างพอดีเช่นกันคราวนี้ มีขุนนางหลายคนตกใจจนตัวสั่นงกๆ เหงื่อแตกท่วมหัวไปหมดหากรู้แต่แรกพวกเขาไม่น่าเห็นแก่เงินทอง รับปากนายท่านผางเลย!คราวนี้ดีละ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนบอกว่าจะจัดการพวกเขา เช่นนั้นพวกเขายังรอดไปได้หรือ? !“เร็ว รีบไปเชิญใต้เท้าผู้ว่าการหวังมา ไม่อย่างนั้นพวกเราจบเห่กันหมดแน่!”มีคนแอบส่งสายตาให้คนข้างนอกในไม่ช้า หวังโฉ่วอันก็มาถึงแต่น่าเสียดายที่ไม่ได้มาขอร้องให้พวกเขา“กระหม่อมคารวะธิดาศักดิ์สิทธิ์ คารวะท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน”พอหวังโฉ่วอันมาถึงก็มองข้ามกลุ่มคนตรงทางเข้า เข้าไปทำความเคารพตรงหน้าเวิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 378

    ตอนฉางเสี่ยวหานได้ยินว่าไม่ต้องทำสัญญา กลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยหากทำสัญญาขายตัวจริง เช่นนั้นนางจะกลายเป็นคนของธิดาศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง ต่อไปธิดาศักดิ์สิทธิ์ไปถึงไหน นางก็จะได้ตามไปถึงนั่นอย่างเปิดเผยแต่น่าเสียดายที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ทำสัญญาฉางเสี่ยวหานจึงต้องเก็บความผิดหวังไว้ในใจแต่ว่าไม่เป็นไร ต่อให้ตอนนี้ไม่มีสัญญาขายตัว แต่นางก็จะทำให้ดี คงมีสักวันที่นางได้กลายเป็นคนของธิดาศักดิ์สิทธิ์!เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉางเสี่ยวหานให้กำลังใจตัวเองสักครู่ ต่อมาจึงเริ่มหางานให้ตัวเองทำภายในห้องของเวินซื่อนางเป็นสาวใช้เพียงคนเดียวข้างกายธิดาศักดิ์สิทธิ์ นางจะเหมางานทุกอย่างรอบตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์มาให้หมด! ทั้งหมดเลย!หลังเวินซื่อแต่งตัวเสร็จจึงลงมาชั้นลาง ด้านหลังมีหางตัวน้อยตามมาด้วยหนึ่งขณะนี้เป่ยเฉินหยวนกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงของโรงเตี๊ยม ตรงโต๊ะข้างหน้ามีสมุดบัญชีวางอยู่หนึ่งกองใหญ่ ตรงทางเข้าห้องโถงมีคนคุกเข่าเป็นกลุ่มใหญ่เช่นกันเมื่อได้ยินเสียงลงมาชั้นล่าง เป่ยเฉินหยวนเงยหน้าขึ้นทันที “ตื่นแล้วหรือ? รีบมากินอาหารสิ ให้คนอุ่นอาหารไว้ให้ท่านแล้ว”“ได้”เวินซื่อเดินไปนั่ง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status