Share

บทที่ 44

Author: จิ้งซิง
เป่ยเฉินหยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย

ไม่เลว

ยังคงระมัดระวังตัวมาก

“วางใจได้ ไม่ขายท่านไปหรอก”

เขาคลายมือที่จับถังไม้ออกในที่สุด

เวินซื่อรับถังไม้ แต่ก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไรอยู่ดี

เป่ยเฉินหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงต่ำอย่างนุ่มนวลออกมาทันที “เอาเถิด ข้าได้รวบรวมตำราแพทย์ไว้แล้ว วันพรุ่งนี้จะเอามาส่งให้ท่าน”

“เช่นนั้นต้องขอบคุณ...”

เวินซื่อยังกล่าวไม่ทันจบ ก็เห็นเป่ยเฉินหยวนที่อยู่ตรงข้ามเลิกคิ้วขึ้น

เอาเถิด

“หากท่านอ๋องมีเรื่องอันใดต้องการความช่วยเหลือ หากข้าทำได้ย่อมพยายามทำอย่างเต็มที่”

แม้นางไม่คิดว่าตอนนี้ตัวเองยังมีสิ่งใดสามารถช่วยเหลือท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่ครอบครองอำนาจอิทธิพลในทุกด้านพระองค์นี้เลยก็ตาม

แต่หลังจากที่นางรับปาก สีหน้าของอีกฝ่ายก็ดูดีขึ้นเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด

“วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว พรุ่งนี้ ข้าจะมาหาท่าน”

เวินซื่อ “...ได้”

หลังจากที่เวินซื่อกลับไปแล้ว เป่ยเฉินหยวนกลับไปที่วัดด้วยความอารมณ์ดีอย่างมาก

ผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนที่เดิมทีตามหาเขาไปทั่วต่างก็ร้อนใจจนหัวหมุนแล้ว อีกทั้งยังลากหลวงจีนชรารูปหนึ่งมาตามหาด้วย ขณะที่กำลังตามหาจนเหงื่อท่วมหัวก
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
MaMy PoKo
ทำไมเติมเงินไปแล้วไม่เข้าคะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 45

    เมื่อครู่นี้เห็นท่านอ๋องกลับมาได้อย่างปลอดภัย พวกเกาเย่ายังนึกว่าไม่ได้คิดมากไปเองว่าไม่ได้อาการกำเริบผลปรากฏว่าเมื่อตอนนี้จ้องดูอย่างละเอียดถึงได้พบว่าดวงตาสองข้างของเป่ยเฉินหยวนยังคงมีสีแดงโลหิตนิดหน่อยอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าก็ดูซีดเผือดเล็กน้อยเป่ยเฉินหยวนพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้วส่งเสียง “อืม” แม้ว่าเวลานี้จิตใจของเขาจะสงบลงแล้ว แต่ทุกครั้งที่อาการกำเริบแล้ว ร่างกายของเขามักจะปรากฏอาการของโรคเล็กน้อย การที่เกาเย่าสังเกตเห็นก็เป็นเรื่องปกติพวกเกาเย่าตกใจจนเบิกตาโตทันที “ไวขนาดนี้เชียวหรือพ่ะย่ะค่ะ?!” “นี่เพิ่งผ่านไปได้ไม่นานเท่าไร? ครั้งนี้ช่วงเวลาอาการกำเริบของท่านสั้นถึงเพียงนี้เชียว?”เสียงของเกาเย่าแฝงไปด้วยความยินดีปรีดาอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่าพวกเขากระต่ายตื่นตูมไปเอง ทว่าก่อนหน้านี้ตั้งแต่ที่เป่ยเฉินหยวนอาการกำเริบจนกระทั่งสติกลับมาปลอดโปร่ง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้เวลาสามชั่วยามนานที่สุดก็ใช้เวลาถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ๆ แต่วันนี้เพิ่งผ่านไปนานเพียงใดกันเชียว? เกรงว่าคงไม่ถึงแม้กระทั่งหนึ่งชั่วยามกระมัง?ไม่รู้ว่าเกาเย่านึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงอดไม่ไ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 46

    “ใช่แล้ว”ประตูใหญ่ของอารามสุ่ยเยว่ถึงค่อยเปิดออกก่อนหน้านี้เป่ยเฉินหยวนได้รับพระบัญชาให้คุ้มกันเวินซื่อมาออกบวช บรรดาอาจารย์ใหญ่น้อยของอารามสุ่ยเยว่ล้วนทราบดีดังนั้นซือไท่ที่เปิดประตูท่านนี้ย่อมไม่สงสัยคำพูดของเป่ยเฉินหยวนทว่าต่อให้นางสงสัย เป่ยเฉินหยวนก็ไม่ได้โกหกจริง ๆ เนื่องจากเมื่อวานเขาได้เข้าวังเพื่อขอพระราชบัญชา เสนอตัวว่าจะดูแลรับผิดชอบพิธีขอพรในครั้งนี้ แม้ฮ่องเต้น้อยรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ยังคงเห็นด้วยกับคำขอที่มาปุบปับอย่างอธิบายไม่ได้ของเสด็จอาพระองค์นี้ของเขาดังนั้นตอนนี้เป่ยเฉินหยวนถือว่าเป็นงานที่ได้รับพระบัญชาจริง ๆ “เวลานี้ศิษย์น้องอู๋โยวยังทำวัตรเช้ากับอาจารย์ม่อโฉวในวิหารอยู่ ท่านอ๋องโปรดรออยู่ด้านนอกวิหารสักครู่”การรอครั้งนี้ได้รอไปครึ่งชั่วยามเต็ม ๆ อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่เป่ยเฉินหยวนรอคนนานถึงเพียงนี้จนกระทั่งเมื่อเวินซื่อตามหลังม่อโฉวซือไท่ออกมา สายตาก็เห็นบุรุษผู้หนึ่งกำลังพิงเสาทำหน้าง่วงงุนเวินซื่อ “...”ไม่หรอกน่า มาเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?ม่อโฉวซือไท่เองก็เห็นเป่ยเฉินหยวนเช่นกัน จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย เวินซื่อรีบอธิบายให้นางฟ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 47

    หากไม่ใช่เพราะเวินซื่อรู้ว่าเป่ยเฉินหยวนรังเกียจสตรีที่เข้ามาใกล้อย่างยิ่ง เกรงว่านางเกือบจะเข้าใจผิดกับคำพูดที่แปลกไปเล็กน้อยของเขาแล้วเวินซื่อกระแอมไอเบา ๆ “พอทำวัตรเช้าเสร็จแล้ว ช่วงเวลานี้ก่อนจะถึงการสวดภาวนาตอนเย็นก็ไม่มีงานอะไรแล้วจริง ๆ” “ก็ดี เช่นนั้นไปกันเถิด” เป่ยเฉินหยวนหันกายเดินไปข้างหน้าเวินซื่อรีบตามเขาไป “ท่านไปก่อนได้หรือไม่? ข้าอยากกลับไปวางตำราแพทย์กับคัมภีร์สวดมนต์ทำวัตรเช้าก่อน หลังจากนั้นค่อยไปหาท่าน” “ได้ แต่อย่าให้ข้ารอนานเกินไปอีกเล่า” เมื่อเอ่ยคำพูดนี้แล้ว เป่ยเฉินหยวนก็ตรงไปที่ภูเขาด้านหลัง เวินซื่อตอบรับก่อนจะวิ่งเหยาะ ๆ กลับไปวางตำราทันที ผ่านไปหนึ่งเค่อ นางหาบถังน้ำสองใบมา อยากจะถือโอกาสตักน้ำไปด้วยอย่างไรก็ตาม นางเพิ่งมาถึงจุดหมายกลับพบความผิดปกติเหตุใดจึงมีคนมากมายถึงเพียงนี้?เวลานี้คนที่ยืนอยู่ริมลำธารเล็ก ๆ ไม่ได้มีแค่เป่ยเฉินหยวนเท่านั้น ยังมีทหารกองทัพธงดำอีกสี่นาย รวมไปถึงดรุณีน้อยนางหนึ่งที่อยู่บนพื้น ดรุณีน้อยผู้นั้นหันหลังให้นางตลอด หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นอาจจะจำไม่ได้ แต่เวินซื่อที่คุ้นเคยกับคนผู้นี้อย่างยิ่งกลับจำได้ทันที

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 48

    เป่ยเฉินหยวนยกมุมปากยิ้มบาง ๆ ไม่ออกความเห็นต่อคำพูดของเวินเยวี่ย เขาเพียงแต่มองเวินซื่อที่เวลานี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา แผ่ไอเย็นเยียบออกมาทั่วทั้งร่างไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองใช่หรือไม่ เขาคล้ายกับยังเห็นความระแวดระวังที่มีต่อเขาในดวงตาของเวินซื่ออีกด้วย?หรือว่าเป็นเพราะเขาจับตัวน้องสาวของนางไว้ ไม่ถูกความสัมพันธ์ระหว่างพวกนางพี่น้องแค่เห็นก็รู้ว่าไม่ดี ดังนั้นน่าจะไม่ใช่หรอกแต่ว่าเมื่อครู่นี้ความระแวดระวังในสายตาของเวินซื่อปรากฏขึ้นหลังจากที่เห็นเขากับสตรีนามว่าเวินเยวี่ยผู้นี้ในเวลาเดียวกันจริง ๆ ดังนั้นนางกำลังเตรียมการป้องกันอะไรกันแน่? คงไม่คิดว่าเขาจะจัดการนางเพราะคำพูดของเวินเยวี่ยผู้นี้หรอกกระมัง? เป่ยเฉินหยวนรู้สึกขบขันเล็กน้อยเขาป่วย แต่ไม่ถึงขั้นเลอะเลือนจนฟังสตรีผู้หนึ่งพูดแค่ไม่กี่ประโยคก็เริ่มเข้าข้างช่วยเหลือแล้วหันมาจัดการสตรีอีกคนหรอกนะแต่เป่ยเฉินหยวนไม่รู้ว่าเขาคาดเดาถูกต้องแล้วจริง ๆ ชาติที่แล้ว เวินซื่อก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเวินเฉวียนเซิ่งบิดาที่ยุติธรรมและมีเหตุผลของตนจะเชื่อเวินเยวี่ยเพราะคำพูดไม่กี่ประโยคของเวินเยวี่ยทว่าต่อมา นางกลับต้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 49

    เวินซื่อ “?” เวินซื่อเดินเข้าไป สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “มีอันใดหรือ?” “เมื่อวานท่านสวดบทสวดอะไรหรือ?”เป่ยเฉินหยวนให้นางนั่งลงข้างกายเวินซื่อไม่ได้นั่งลงบนหินก้อนใหญ่ที่เขานั่งอยู่นั้น แต่เลือกที่จะนั่งลงบนหินก้อนเล็กที่อยู่ทางด้านข้างแทนเพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหาเหมาะให้นางนั่งคนเดียวพอดี“บทสวดที่ข้าสวดเมื่อวานหรือ? ท่านอ๋องหมายถึงสุวรรณประภาสสูตรที่ข้าท่องตอนตักน้ำหรือ?”“ใช่” เป่ยเฉินหยวนเห็นนางนั่งห่างออกไปถึงเพียงนั้น ในใจเกิดความรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยอย่างบอกไม่ถูก แต่เมื่อเห็นดวงตาของเวินซื่อยังคงมีความระแวดระวังเล็กน้อยจากเมื่อสักครู่นี้อยู่เลือนราง เขาก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วเอ่ยเรื่องบทสวดกับนางต่อ “ท่านบอกว่าหากอยู่ในขอบเขตที่ไม่เกินกำลังของท่าน ขอเพียงข้าร้องขอ ท่านก็จะรับปากไม่ใช่หรือ?”เป่ยเฉินหยวนมองนางพลางยิ้มจนดวงตาโค้งเวินซื่อชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดเป่ยเฉินหยวนกลับดูเหมือนสังเกตเห็นถึงอะไรบางอย่างได้อย่างเฉียบไว จึงกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ท่านคงไม่ได้อยากกลับคำหรอกใช่หรือไม่? ว่าอย่างไร ข้าช่วยเหลือท่านมากมายถึงเพียงนั้น ท่านไม่ยินดีตอบแทน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 50

    หลังจากสวดไปได้เจ็ดแปดรอบเต็ม ๆ นางสวดจนใกล้จะคอแห้งผากแล้วเวินซื่อจึงจำต้องหยุดอีกครั้งผลปรากฏว่าใครบางคนก็เหมือนกับแกล้งทำเป็นนอนหลับ ทันทีที่นางหยุดใครบางคนก็ตื่นขึ้นมา อีกทั้งยังถามด้วยความไม่พอใจว่า “เหตุใดถึงหยุดอีกแล้ว?” เวินซื่ออดกลอกตาใส่เขาไม่ได้จริง ๆ ก่อนจะเอ่ยปากว่า “หากพูดต่อไป คอของข้าก็คงจะพิการแล้ว” เป่ยเฉินหยวนถึงค่อยสังเกตเห็นว่าเสียงของนางแหบพร่าอยู่บ้างจริง ๆ จึงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ผ่านไปนานเพียงใดแล้ว?” เวินซื่อกล่าวว่า “ผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว” เป่ยเฉินหบวนอดประหลาดใจไม่ได้ “นานขนาดนี้เชียว?” เขายังนึกว่าผ่านไปแค่หนึ่งหรือสองเค่อเท่านั้น มิน่าเล่าเวินซื่อถึงได้บอกว่าคอจะพิการแล้ว เป่ยเฉินหยวนลุกขึ้นมา รู้สึกแค่ว่าเบาสบายไปทั่วทั้งร่าง โดยเฉพาะตรงจุดที่ก่อนหน้านี้เขาปวดศีรษะมากที่สุด วันนี้กลับรู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่งเป็นไปตามที่คาดไว้เลย สุวรรณประภาสสูตรอะไรนี่ได้ผลกับอาการป่วยของเขาจริง ๆ ด้วยไม่อย่างนั้นกลับไปแล้วค่อยหาคนอื่นมาลองสวดดู ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมาที่อารามสุ่ยเยว่รบกวนนังหนูผู้อีกเป่ยเฉินหยวนคิดเช่นนี้ “วันนี

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 51

    “อะไรนะ? นางสาดน้ำใส่เจ้า? เมื่อวานก็ด้วยหรือ?”เวินจื่อเฉินตกใจระคนโกรธเกรี้ยวเวินเยวี่ยยิ้มด้วยความขมขื่น แสร้งทำเป็นเปลี่ยนเรื่องว่า “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะพี่รอง นี่ไม่สำคัญเลย แค่โดนสาดน้ำนิดหน่อยเท่านั้น ข้าไม่เป็นไร เรื่องที่สำคัญคือพี่หญิงห้านางไม่ยอมกลับบ้านเจ้าค่ะ”“ไม่สำคัญตรงไหน!”เวินจื่อเฉินโกรธจนไฟโทสะลุกโชนขึ้นมาทันที “เวินซื่อนางช่างใช้ไม่ได้เกินไปแล้วจริง ๆ! บอกว่านางจิตใจต่ำช้า นางก็ยังไม่ยอมรับ! รังแกได้แม้กระทั่งน้องสาวของตนเอง นางไม่ต่ำช้าแล้วผู้ใดจะต่ำช้ากัน?!”“พี่รอง! ท่านอย่าว่าพี่หญิงห้าเลย ไม่ว่าก่อนหน้านี้พี่หญิงห้าจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ท่านต้องช่วยข้าคิดหาวิธีรีบพาพี่หญิงห้ากลับมาให้ได้จริง ๆ ไม่เช่นนั้นจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว!” เวินเยวี่ยจงใจทำเป็นไม่สนใจความน้อยอกน้อยใจของตนเองอีกครั้ง ก่อนจะกระทืบเท้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรนและเกินความเป็นจริงเวินจื่อเฉินถูกคำว่า ‘เรื่องใหญ่’ จากปากของนางดึงดูดความสนใจตามที่คาดเอาไว้เลย“น้องหกพูดเช่นนี้หมายความว่าอะไร? เวินซื่อยังก่อเรื่องอื่นในอารามสุ่ยเยว่อีกหรือไร?”“พี่หญิงห้านาง...”“นางทำอันใด?” เวินเยวี่ย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 52

    ซือไท่ด้านในออกมาเพราะเสียงเอะอะ ตะโกนสั่งห้ามให้เวินจื่อเฉินหยุดโดยมีประตูกั้นกลาง “ข้าไม่สนใจว่าจะปิดหรือไม่ ตอนนี้จงเรียกเวินซื่อออกมาเดี๋ยวนี้! ไม่เช่นนั้นอย่าโทษที่ข้าเตะประตูผุพังนี้จนแตกละเอียด แล้วทำลายอารามสุ่ยเยว่ของพวกเจ้า!” เวินจื่อเฉินตัดบทของซือไท่ด้านในอย่างหมดความอดทน ข่มขู่อย่างเผด็จการวางอำนาจบาตรใหญ่ซือไท่ได้ยินคำพูดนี้ของเขาก็รู้ว่าผู้มาไม่หวังดี ไฉนเลยยังกล้าเปิดประตูให้เขา ผลคือคิดไม่ถึงว่าเวินจื่อเฉินร้องเรียกติดต่อกันสามครั้ง เห็นนางไม่เปิดประตูให้ก็ยกเท้าเตะประตูจริง ๆ“ปัง! ปัง! ปัง!”อารามสุ่ยเยว่นั้นเรียบง่ายมาก ประตูใหญ่นี้ก็เป็นเพียงประตูไม้สองบานที่ไม่ถือว่าหนาและหนักมากนักเวินจื่อเฉินเข้าไปเตะแรง ๆ ไม่กี่ที ซือไท่ผู้นั้นยังไม่ทันได้ห้ามไว้ก็เห็นประตูถูกเตะจนเปิดดัง “โครม”เวินจื่อเฉินก้าวยาว ๆ เดินเข้ามา มองซือไท่ด้วยความเย็นชาแวบหนึ่งแล้วก็ตรงเข้าไปข้างใน “ประสกหยุดนะ! นี่ท่านจะทำอะไร! บุรุษห้ามบุกรุกเข้าไปในอารามสุ่ยเยว่นะ!”“แม่ชีเฒ่าอย่างเจ้ากล้าขวางข้าอีก ข้าจะเตะเจ้าไปด้วย!” เวินจื่อเฉินผลักซือไท่ที่พยายามขวางหน้าเขา ก่อนจะฝ่าปร

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 550

    ถึงขั้นเอาอีกฝ่ายมาข่มขู่เวินจื่อเยวี่ย ทำให้เวินจื่อเยวี่ยต้องเลือกระหว่างนางและหลินเนี่ยนฉือแล้วนางสารเลวที่ยังไม่เดินผ่านประตูเข้ามาจะเอาอะไรมาเทียบกับนาง!เวินเยวี่ยโกรธจัดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในเสี้ยววินาทีที่ก้มศีรษะลง สายตาอาบยาพิษช่างน่าสะพรึงกลัว“ยุแยงตะแคงรั่ว?”เวินซื่อแค่รู้สึกว่าคำพูดของเวินจื่อเยวี่ยน่าขบขันมาก “มีเพียงคนที่มีหัวใจเท่านั้นถึงจะรู้สึกว่าใคร ๆ ก็เป็นเช่นนี้”นางเหลือบมองเวินเยวี่ยแวบหนึ่งอย่างเฉยชา ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แยแส “ท่านคิดว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะใช้พวกท่านไปก่อกวนความสงบของนางหรือ? ฝันไปเถอะ พวกท่านยังไม่คู่ควร”“เหอะ พูดเสียน่าฟัง ถ้าไม่ใช่เพราะจดหมายที่เจ้าเขียนไปฟ้อง หลินเนี่ยนฉืออยู่ที่อู๋โจวอยู่ดี ๆ จะเข้ามาที่เมืองหลวงทำไม? แล้วยังต้องการถอนหมั้นกับข้าอีก?!”ถึงตอนนี้เวินจื่อเยวี่ยยังคงเชื่อว่าเวินซื่อไปพูดอะไรกับหลินเนี่ยนฉือ ถึงทำให้หลินเนี่ยนฉือทำเช่นนั้น“ท่านคิดว่าข้อมูลในใต้หล้านี้มีสิ่งใดที่สามารถปิดบังได้อย่างนั้นหรือ? จวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่านได้ทำเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้า ไร้ยางอายมาไม่น้อย แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงตั้งน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 549

    อูฐผอมซูบยังตัวใหญ่กว่าม้าการจะทำลายจวนเจิ้นกั๋วกงอันใหญ่โตแห่งนี้โดยอาศัยแมลงเพียงไม่กี่ตัว มันเป็นไปไม่ได้เลยแน่นอน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิงเพียงแต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงเกินไปอย่างเช่นการหมั้นหมายระหว่างจวนเจิ้นกั๋วกงและสกุลหลินเมื่อจวนเจิ้นกั๋วกงถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับชาวต่างเผ่า เวินเฉวียนเซิ่งจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชำระล้างให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหานี้และวิธีการที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นการดึงผู้คนให้เข้ามาพัวพันมากขึ้นสกุลหลินที่ยังมีการหมั้นหมายกับจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นกลุ่มแรกที่รับศึกหนัก โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินซื่อ และจะกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เวินเฉวียนเซิ่งดึงสกุลหลินให้ลงมาพัวพันด้วยดังนั้นก่อนจะยุติการหมั้นหมายระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินจื่อเยวี่ย เวินซื่อยังไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้ทว่า ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถแตะต้องจวนเจิ้นกั๋วกงได้ แต่การมีเวินเยวี่ยเพียงคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย“หมั้น...หมั้นหมาย?”ในขณะนี้ เสียงที่สับสนของเวินเยวี่ยก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของ เวินจื่อเยวี่ย“พี่สาม ท่านหมั้นกับใครตั้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 548

    “ท่าน…!”เวินเยวี่ยลมแทบจับเมื่อได้ยินที่เวินซื่อพูดนางข่มไฟโทสะเอาไว้ “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนของกองทัพธงดำเสียหน่อย ให้ท่านมาทำการค้นหา ไม่น่าจะเหมาะสมกระมัง?”เวินเยวี่ยฝืนยิ้ม “ท้ายที่สุดแล้วบุญคุณความแค้นระหว่างพี่หญิงห้ากับเยวี่ยเอ๋อร์นั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งกันทั่วทุกคน ถ้าเกิด…”ประโยคสุดท้ายนี้ไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด แต่ก็สามารถเข้าใจทุกอย่างที่ควรเข้าใจถ้าเกิดเวินซื่อเข้าไปวางกลอุบายบางอย่างเพื่อใส่ร้ายนางแล้วจะทำเช่นไร?เวินซื่อหันหน้าไปเผชิญหน้ากับเวินเยวี่ย รอยยิ้มเล็ก ๆ เผยออกมาบนใบหน้าอันบริสุทธิ์ผุดผ่องและงดงามของนาง “ข้าไม่ต่ำช้าไร้ยางอายเหมือนเจ้า”ใบหน้าของเวินเยวี่ยสลดลงเพราะดำด่าของนางทันทีแต่วินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินซื่อพูดว่า “แต่ว่านี่มันก็เป็นปัญหาจริง ๆ ในเมื่อคุณหนูหกสกุลเวินเป็นกังวลเช่นนี้ เช่นนั้นข้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็ขอยืนค้นหาอยู่ที่ประตูแล้วกัน”ยืนค้นหาอยู่ที่ประตูหรือ?แล้วจะค้นหาอย่างไร?ขณะที่เวินเยวี่ยและคนอื่น ๆ กำลังงุนงง เวินซื่อก็พลิกฝ่ามือ ก่อนจะหยิบขวดหยกขวดหนึ่งออกมาจากกลางฝ่ามือของนางฉางเสี่ยวหานก้าวเข้าไปรับขวดหยกจากมือของเว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 547

    “เหลวไหลสิ้นดี!”แววอันตรายฉายผ่านดวงตาอันคมกริบของเวินเฉวียนเซิ่งในทันใดเขาจ้องไปที่รถม้าที่เวินซื่อนั่งอยู่ สายตามองทะลุช่องว่างของม่านหน้าต่าง พลางชี้ตรงไปที่เวินซื่อ “เวินซื่อ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้ากำลังใส่ร้ายขุนนางในราชสำนักซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง!”“หากเจ้าไม่สามารถแสดงหลักฐานใด ๆ ได้ ต่อให้เจ้าจะเคยเป็นลูกสาวของข้า ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เด็ดขาด!”“เจิ้นกั๋วกงไม่จำเป็นต้องใจร้อนขู่ขวัญเช่นนี้”ว่าแล้วเวินซื่อก็ยกมือขึ้นเปิดม่านรถแล้ว เดินออกมาจากด้านในอย่างช้า ๆเสี่ยวหานก้าวไปข้างหน้าอย่างมีไหวพริบ ทำตามสาวใช้เหล่านั้น เอื้อมมือออกไปช่วยประคองธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนางลงจากรถม้าช้า ๆหลังจากลงสู่พื้นและยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว เวินซื่อก็เงยหน้าขึ้นมองเวินเฉวียนเซิ่งผ่านกองทัพธงดำ นางยิ้มเล็กน้อย “ถ้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่มีหลักฐาน วันนี้จะกล้านำกองกำลังไปปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของท่านได้อย่างไร”การทำงานตามคำสั่งส่วนตัวของอ๋องผู้สำเร็จราชการเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การทำงานตามพระราชโองการของฝ่าบาทก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเวินซื่อยกมือขึ้น รับพระราชโองการจากมือของกองทัพ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 546

    ให้อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาหนุนหลังนางแล้วอย่างไรต่อ เขาไม่เชื่อว่า อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้สง่างามจะบังคับเขาให้ถอนหมั้นได้อย่างนั้นหรือ!เมื่อเวินเฉวียนเซิ่งได้ยินเวินจื่อเยวี่ยพูด ก็มองเขาแวบหนึ่งอย่างเย็นชา “เจ้าควรคิดหาวิธีช่วยพี่ใหญ่ของเจ้าก่อนดีกว่า ถ้าครั้งนี้พี่ใหญ่ของเจ้าตาย ก็อย่าได้คิดเรื่องหมั้นหมายเลย ข้าเวินเฉวียนเซิ่ง ไม่มีลูกชายที่ใจไม้ไส้ระกำอย่างเจ้า”ใบหน้าของเวินจื่อเยวี่ยขรึมลงทันทีเขารู้ว่าลูกชายคนโปรดของบิดาไม่ใช่เขา แต่เป็นพี่ใหญ่ที่บิดาเลี้ยงดูอย่างสุดชีวิตจิตใจแต่เขานึกไม่ถึงว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว บิดาจะยังโหดร้ายถึงเพียงนี้ เอาการหมั้นหมายของเขามาข่มขู่เขาเวินจื่อเยวี่ยไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ในขณะนี้ พ่อบ้านนั้นพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านกั๋วกง คุณชายสาม ครั้งนี้ผู้ที่นำกองทัพธงดำมาไม่ใช่ท่านอ๋องขอรับ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้เวินเฉวียนเซิ่งก็หันกลับไปหาพ่อบ้าน “ไม่ใช่เป่ยเฉินหยวนหรอกหรือ? แล้วใครล่ะ?”นอกจากฮ่องเต้น้อยและเป่ยเฉินหยวนเองแล้ว ยังมีใครอีกที่สามารถระดมกองทัพธงดำ ถึงขั้นกล้าปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของเขาได้?ขณะที่เวินเฉวียนเซิ่งกำลังครุ่นคิดในหัวว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 545

    “เสี่ยวหาน ให้ข้าดูหน้าเจ้าหน่อยสิ”หลังจากขับไล่เวินเฉวียนเซิ่งและเวินจื่อเยวี่ยออกไปแล้ว เวินซื่อก็ดึงฉางเสี่ยวหานเข้ามา“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ตบไม่โดนหน้า ข้าหลบได้นิดหน่อย แค่ตบโดนหัวเท่านั้น”ถึงกระนั้น การตบของเวินจื่อเยวี่ยก็หนักหน่วงมาก จนศีรษะของฉางเสี่ยวหานถึงกับสั่นคลอนในตอนนั้น ใช้เวลาสักพักกว่าจะตอบสนองได้“เจ้าไม่ต้องกังวล การตบครั้งนี้ข้าจะต้องเอาคืนเขาอย่างแรงแน่นอน”สีหน้าของเวินซื่อเคร่งขรึมลง น้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งฉางเสี่ยวหานลุกขึ้นกล่าวว่า “ไม่ ๆ ๆ ไม่ต้องหรอกธิดาศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครู่ท่านช่วยตบคืนแทนเสี่ยวหานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกเจ้าค่ะ”ฉางเสี่ยวหานรู้จักคนในเมืองหลวงน้อยมาก แต่หลังจากติดตามเวินซื่อมาเป็นเวลานาน ก็ได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์พูดกับสองพ่อลูกคู่นั้นเมื่อครู่ ก็ย่อมสามารถคาดเดาตัวตนของพวกเขาได้อย่างง่ายดายคนหนึ่งคืออดีตบิดาของธิดาศักดิ์สิทธิ์ อีกคนคืออดีตพี่ชายของธิดาศักดิ์สิทธิ์ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นย่ำแย่มากพออยู่แล้ว หากธิดาศักดิ์สิทธิ์ต้องทะเลาะกับพี่ชายหนักขึ้นด้วยเรื่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 544

    เขาขบริมฝีปากล่างแน่น กัดปากของตัวเองแตกเหมือนไม่รู้สึกตัว ปล่อยให้เลือดไหลลงจากมุมปากช้า ๆ“หลินเนี่ยนฉือล่ะ?”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยปากถามขึ้นทันใด“ข้าอยากพบนาง”“นางไม่อยากพบท่าน”เวินซื่อเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ“ข้าบอกว่าข้าอยากพบนาง!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดลั่นอย่างฉุนเฉียวขึ้นมาทันใด พลางปัดมือของจางเสี่ยวหานออกมือของจางเสี่ยวหานถูกตีเจ็บ ตกใจสะดุ้งโหยง เมื่อนางรู้ตัวก็เอื้อมมือออกไปอีกครั้ง คว้าเพียงหนังสือถอนหมั้นฉบับนั้นไว้ส่วนจี้หยกก็ร่วงลงสู่พื้นดัง “ตุ้บ” ตามมาด้วยเสียงแตกหักดังขึ้น จี้หยกแยกออกเป็นสองส่วนทันทีเวินจื่อเยวี่ยที่ยังอยู่ในอาการฉุนเฉียวเมื่อได้ยินเสียงนี้อย่างกะทันหัน ก็ก้มหน้าลงมอง เกิดความสับสนขึ้นโดยพลันเขารีบเก็บจี้หยกขึ้นมา เมื่อมองดูรอยแตกหักนั้น ก็ไม่อาจยับยั้งไฟโทสะที่อัดอั้นอยู่เต็มอกไว้ได้ เพียงชั่วครู่ก็ระเบิดอารมณ์ใส่ฉางเสี่ยวหาน...“ใครให้เจ้าทำของของข้าพัง! เจ้าอยากตายหรือไง?!”“อะไรนะ? ไม่ใช่ข้า เป็นท่านต่างหากที่ปัดมือของข้าเอง...”“สาวใช้ต่ำต้อยอย่างเจ้ายังกล้าเถียงอีก!”เวินจื่อเยวี่ยลุกพรวดขึ้น สีหน้ามีรอยพยายาท ยกมือขึ้นตบหน้าฉางเส

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 543

    เวินจื่อเยวี่ยมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านพ่อ พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าน่าจะเข้าใจ เจ้าสาม”“ข้าไม่เข้าใจ!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดออกมาทันใด พลางจ้องมองไปที่บิดาของเขาอย่างไม่ละสายตาเวินเฉวียนเซิ่งถอนหายใจอีกครั้ง “แค่การหมั้นหมายเท่านั้น พ่อรู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจยอมรับ แต่พี่ใหญ่ของเจ้ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ถ้ายังไม่เอายากลับไปอีก เขาจะต้องตายในไม่ช้า”“เจ้าสาม เจ้าจะทนเห็นพี่ใหญ่ของเจ้าตายไปได้จริงหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเขาได้ถามด้วยเสียงอันสั่นเครือเล็กน้อย “ก็เลยต้องเสียสละการหมั้นของข้าเพื่อช่วยพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ? ทั้ง ๆ ที่เรายังมีวิธีอื่นอีก แต่ท่านก็ยังยืนกรานที่จะขอร้องเวินซื่อ?!”“ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ?”สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลง น้ำเสียงแย่มาก “ไม่ว่าจะเป็นบัวหิมะก็ดี เห็ดหลินจือสีม่วงอายุหนึ่งร้อยปีก็ดี หรือหญ้าฝรั่นที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำก็ดี เจ้าคิดว่ามีสิ่งไหนหาง่ายบ้าง?!”“หากพี่ใหญ่ของเจ้ายังยืดเวลาได้อีกครึ่งค่อนเดือน พ่อก็จะไม่รีบร้อนเช่นนี้! แต่นี่พี่ใหญ่ของเจ้าอาจตายได้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 542

    นางมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างเย็นชา “ท่านไม่มีคุณสมบัตินี้ตั้งนานแล้ว”“เวินซื่อ! จงระวังท่าทีในการพูดจาของเจ้าด้วย แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ความสัมพันธ์พ่อลูกของเจ้ากับพ่อจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง อย่าลืมว่ายังมีเลือดของสกุลเวินไหลเวียนอยู่ในตัวเจ้า”“ใครบอกว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้?”เวินซื่อยิ้มเยาะ “ความสัมพันธ์นี้จะเปลี่ยนไปในไม่ช้า แต่ตอนนี้ขอวกกลับเข้าประเด็นก่อน ท่านเจิ้นจั๋วกง ท่านยังไม่ได้บอกตัวเลือกของท่านเลย ท่านวางแผนที่จะเลือกใครกันแน่?”ล้มเหลวในการเล่นกับอารมณ์ ล้มเหลวในการข่มขู่กลับมาสู่เงื่อนไขข้อแรกสุดอีกครั้ง สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลงระดับหนึ่งในทันใดเวินซื่อดูเหมือนจะมองไม่เห็นเลย เร่งรัดเขาด้วยอารมณ์ที่ดีมาก“ข้ามีเวลาไม่มากนัก ท่านเจิ้นจั๋วกงรีบตัดสินใจโดยเร็วที่สุดเถอะ มิฉะนั้นก็จะไม่มีการเจรจาใด ๆ อีกแล้ว”นางหันไปมองเวินเฉวียนเซิ่งด้วยรอยยิ้มตาหยี “‘พี่ใหญ่แสนดี’ ของข้าก็น่าจะมีเวลาไม่เพียงพอใช่ไหม?”“ถุย!”เวินจื่อเยวี่ยถ่มน้ำลายใส่นางอย่างรุนแรง “พี่ใหญ่ไม่มีน้องสาวที่ชั่วร้ายอย่างเจ้า!”“ถูกต้อง ข้าชั่วร้าย แต่ก็เทียบไม่ได้กับเว

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status