ในขณะที่เธอปรายตามองดูแล้วว่า จุดที่ยืนอยู่ปลอดคน จึงยกมือถือเตรียมเก็บภาพ แต่ยังไม่ได้มุมที่ถูกใจก็ขยับหาองศาเพียงนิดแล้วกดปุ่มชัตเตอร์ ซึ่งในจังหวะเดียวกันก็มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามายืนนาบด้านหลังในระยะประชิด
ถิงถิงชะงักแต่ไม่ทัน เมื่อนิ้วของเธอกดปุ่มถ่ายภาพนั้นไปแล้ว ก่อนจะหันกลับไปมองให้ชัดว่าเป็นใครที่เสียมารยาท
“เหม่ย...หลิน...” เธอเอ่ยชื่อของคนที่เสียมารยาทนั้นผ่านริมฝีปาก ดวงตาสองคู่สบกัน
ตายล่ะ... เธอได้ภาพคู่กับหยางเหม่ยหลินสะงั้น! ถิงถิงอุทานในใจเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นเร็ว จนลืมลบภาพที่ไม่ได้ตั้งใจนั้นทิ้ง
เพราะสิ่งที่น่าตกใจไปกว่านั้น คือเธอไม่คิดว่าจะได้เจอเหม่ยหลินเร็วแบบนี้...
“คุณถิงถิงพักที่ไหนหรือคะ...” เสียงนุ่มเรียบเอ่ยถาม โดยใบหน้านั้นดูไม่ตื่นเต้นหรือยิ้มดีใจกับการเจอคนบ้านเดียวกันเลยสักนิด
เหอะ! แล้วเธอจะไปหวัง ให้ผู้หญิงคนที่แข็งกระด้างและสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก เหมือนหุ่นยนต์ ให้มารู้สึกดีกับตัวเองทำไม! ถิงถิงค่อนขอดตัวเองในใจ
เถอะ! เมื่อไม่มีการทักทายหรือแสดงอาการดีใจเธอก็เชิดหน้าใส่
“น่าจะบอกกล่าวกันหน่อยก็ดีนะคะ” คนหน้าฉาบเรียบถามต่อ
เหมือนถูกตำหนิ ถิงถิงหน้างอ แต่เพราะคำถามที่ถามออกมามันสำคัญต่อการใช้ชีวิตของคนตระกูลหยาง ที่ทุกคนต่างใส่ใจและคำนึงถึงความปลอดภัยที่ต้องมาก่อนเสมอ หากแต่หญิงสาวในชุดมินิเดรสกลับไม่คิดเช่นนั้น
เธอไม่ชอบการที่มีคนล้อมหน้าล้อมหลัง ไม่ชอบที่ทุกการกระทำของเธอต้องอยู่ในสายตาของคนนับสิบ!
“ว่าไงคะ คุณถิงถิง”
น้ำเสียงและสีหน้าของคนระดับผู้บริหารถามสีหน้าจริงจังอีกครั้ง หากแต่ถิงถิงยิ้มเยาะออกมา เก็บมือถือเข้ากระเป๋า ยกมือขึ้นกอดอก
“ต้องรายงานด้วยเหรอคะ”
ครานี้ใบหน้าที่เคยฉาบเรียบของเหม่ยหลินยกยิ้ม เพราะเริ่มสนุกกับคนอวดเก่ง ไม่แคร์ใคร แต่รู้จักเอาตัวรอดมาได้ “หากไม่คิดว่าก้าวก่าย พี่คงให้คนของพี่จัดการโดยพละการก็ได้”
เหม่ยหลินยังใช้คำว่า ‘พี่’ แทนตัวเองเสมอ
มุมปากยกสูงเพียงนิด สองแขนยังกอดอก มองคนที่อายุห่างกันด้วยสายตาเยาะหยันและรู้ทัน
“เถอะ เก่งอยู่แล้วนี่ แล้วทำไมไม่ทำล่ะคะ”
“ก็อยากให้เต็มใจมากกว่า ว่าไงล่ะบอกได้หรือยังว่าพักที่ไหนพี่จะได้ให้คนไปเอากระเป๋ากลับมาพักที่โรงแรมของเรา”
เราไหน... มันของเธอต่างหาก! ถิงถิงเลือกประชดอยู่ในใจ
เจ้าของดวงตาสีนิลถามซ้ำด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับว่าที่เธอปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก หรือน่าตกใจแต่อย่างใด
...หรือเหม่ยหลินรู้อยู่แล้ว ว่าเธอเดินทางมาถึงเมืองไทย? “โรงแรมสิ”แล้วถอนหายใจทิ้ง
“โรงแรมในเครือหยางหลง?”
ทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้วแต่เหม่ยหลินก็อยากฟังคำตอบจากปากคนดื้อ
“เหอะ! นี่ขนาดไม่ได้เข้าพักในเครือของคุณลุงหยาง คุณ...เหม่ยหลินยังรู้ไวขนาดนี้...” เพราะไม่ได้ตั้งใจปิดบังเรื่องนี้ แต่คิดแผนไว้ว่า ขอเที่ยวให้ทั่วกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงให้ทั่วก่อน แล้วค่อยบอกเหม่ยหลินรับรู้ หากแต่มาเมืองไทยไม่ถึงครึ่งวันก็ถูกจับได้เสียก่อน “เก่งเนอะ!”
น้ำเสียงและสีหน้า ฟังดูก็รู้ว่าประชด เพราะผู้หญิงตรงหน้าไม่เคยชื่นชมใคร แม้คนคนนั้นทำดีแค่ไหน หรือจะถูกยกให้เป็นอีโร่ในสายตาใคร ๆ แต่สำหรับคุณหนูถิงถิง เธอก็ไม่เคยหลุดปากชม!
มุมปากหยักเหยียดกว้าง สายตามองหญิงสาวรุ่นน้องตาเป็นประกาย แล้วเหน็บกลับไป
“รู้ทั้งรู้ว่าซนได้ไม่นาน แล้วยังดื้อดันอยู่อีก”
ทันทีที่ประโยคของเหม่ยหลินจบลง สาวสวยใบหน้าเชิดรั้นก็แยกเขี้ยวใส่เธอทันที “นี่คุณ! คุณกล้าว่าฉันเหรอคะ”
“รู้ตัวก็หัดปรับปรุงเสียหน่อยก็ดี คนอื่นจะได้ไม่ปวดหัว”
การพูดของเหม่ยหลิน ที่ไม่เคยให้ท้ายลูกคุณหนูอย่างถิงถิง ซึ่งต่างจากคนอื่น ๆ ที่คอยประจบประแจงเอาใจ หากแต่คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหยางไม่เคยให้หน้าใคร ในการแสดงออกทั้งต่อหน้าและลับหลัง นอกจากภรรยาทั้งสามและน้องชายอีกสองคนของมิสเตอร์หยาง ที่เธอให้ความเคารพรัก...
“นี่!”
ถิงถิงเม้มปากแน่นสนิทหน้าตึงด้วยความโมโห หากแต่ยังไม่ทันได้พูดต่อ ก็ถูกขัดขึ้น
“ตามมาค่ะ” เสียงนุ่มหากเต็มไปด้วยอำนาจตัดจบ แล้วหมุนตัวเดินนำออกไป
ถิงถิงกำหมัดแน่น ปากบิดแบะ ซึ่งอาการของเธอทำให้บอดี้การ์ดทั้งหมดรีบก้มหน้าไม่กล้ามองภาพนั้นโดยตรง
หลังจากที่กำหมัดจนเล็บคมจิกลงไปบนผิวบาง ๆ เธอก็เริ่มรู้สึกและคลายฝ่ามือออก...
อารมณ์คุกรุ่นหาย กลายเป็นมุมปากสวยกระตุกอย่างคนมีแผน ตัดสินใจล้วงคีการ์ดออกมา แล้วยื่นให้ลูกน้องของเหม่ยหลินที่ยืนรอรับอย่างรู้หน้าที่
สองคนโค้งคำนับส่วนคนที่เหลือเตรียมพร้อมเสมอ เมื่อคุณหนูที่ไม่มีใครกล้าแม้จะสบตาสาวเท้าออกไป ซึ่งไม่มีใครสัมผัสได้ถึงสายตาของเธอที่มองไปข้างหน้า ด้วยความมาดหมาย...
ทั้งสองถูกส่งแค่หน้าลิฟต์ โดยเหม่ยหลินเดินนำเข้าไปก่อน จากนั้นถิงถิงก็ถูกผ่ายมือเชิญจากลูกน้องให้ตามเข้าไป โดยไม่มีใครอื่นตามมายืนประกบอีก ทำให้ถิงถิงเก็บความสงสัยไว้ กระนั้นในใจลึก ๆ เธอก็อดประหม่าไม่ได้ เมื่อต้องอยู่สองต่อสองกับผู้หญิงหน้าเดียว!และอาการที่เก็บไม่มิดจนเผลอพ่นลมหายใจออกมา เหมือนอยากระบายความอึดอัด ซึ่งเหม่ยหลินเห็นอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะรีบผันหน้าไปทางอื่น เพื่อกันความรู้สึกให้อีกคน...เหม่ยหลินรอจนกระทั่งประตูลิฟต์ปิด จึงยื่นมือไปกดหมายเลขชั้น แล้วทุกอย่างก็กลับไปอยู่ในความเงียบอีกครั้ง มีเพียงลมหายใจและขนตางอนที่ขยับปรือเป็นครั้งคราว ทำให้รู้ว่าต่างคนต่างยังมีชีวิตอยู่ลิฟต์ขึ้นไปหยุดนิ่งอยู่ที่ชั้นสี่สิบแปดแล้วเสียงดังเตือน ประตูก็เปิดกว้าง และเห็นเพียงประตูห้องตรงหน้าถิงถิงหายแปลกใจว่าเหตุใดเหม่ยหลินจึงไม่ให้บอดี้การ์ดตามขึ้นมา เพราะชั้นสี่สิบแปดเป็นเพียงห้องพักห้องเดียว ซึ่งคนนอกไม่สามารถรอดสายตาผ่านมาได้ นอกจากใช้ลิฟต์เพียงตัวเดียวที่พวกเธอใช้ขึ้นมาเท่านั้น...หลังจากที่หายสงสัยถิงถิงก็ได้เวลาถาม “พาขึ้นมาทำไมคะ” เพราะมันไม่มีอะไรนอกจากห้องที่เหมือนเป็
ระหว่างที่เดินเข้ามาในห้องพัก ถิงถิงก็ใช้สายตาสำรวจภายในไปด้วย ห้องพักขนาดใหญ่กว่าห้องสวิทที่เธอเคยพัก ดีไซน์ภายในห้องทันสมัยและลงตัว เน้นความสะดวกสบายและปลอดโปร่ง ด้วยกระจกบานใหญ่ถึง 3 บาน มองเห็นบรรยากาศด้านนอกเด่นชัด ที่สำคัญได้รับแสงธรรมชาติตลอดวัน หากเป็นกลางคืนคงได้เห็นบรรยากาศของแสงระยิบระยับทั่วกรุงเทพ คิดแล้วใจของถิงถิงก็ลืมอาการขุ่นเคือง กับของคนด้านหลังไปชั่วขณะ โดยเธอยังสำรวจเหมือนแมวน้อยแปลกถิ่น จากนั้นเบนสายตาเข้ามาด้านในและเห็นว่าภายในห้องมีห้องแยกเป็นสองห้องนอน มีลานกว้างตรงกลางไว้สำหรับนั่งเล่นเป็นสัดส่วน ส่วนมุมหนึ่งแยกเป็นห้องครัวขนาดขนาดพอเหมาะ พร้อมโต๊ะไว้สำหรับนั่งกินข้าว ซึ่งมันดูเหมือนบ้านหนึ่งหลังที่ตั้งอยู่บนยอดเขาก็ว่าได้“ชมพอหรือยัง...” เสียงนุ่มเรียบเอ่ยทำลายความเงียบถิงถิงหน้าเห่อร้อน เมื่อเผลอแสดงอาการเหมือนแมวตื่น จึงเลิกสนใจบรรยากาศภายในห้องแล้วหันกลับมามองอีกสองคนที่ตอนนี้มองเธออยู่แล้ว“ก็เห็นมันสวยดี...” เธอบอกแก้เก้อ“ขอบคุณ...” เหม่ยหลินถือว่านี่คือคำชมครั้งแรกของถิงถิง เลยพูดต่อ “เลือกได้เลยนะว่าจะพักห้องไหน”มุมปากสวยกระตุกขึ้นเพียงนิด “วิวข
ถิงถิงหลังจากที่ขว้างแจกันออกไป เธอก็ห่อตัวหลบมุมด้วยใจเต้นระส่ำ โดยไม่มีโอกาสเห็นผลงานของตัวเอง จนกระทั่งทุกอย่างเงียบไป เธอจึงค่อย ๆ โผล่หน้าออกมา ใบหน้ายังตื่นตระหนกไม่คลายหลังจากที่เก็บคนร้ายไปได้ เหม่ยหลินก็หันไปมองถิงถิงด้วยความเป็นห่วงแต่เห็นเพียงเท้าที่โผล่ออกมา จึงวิ่งตรงไปหาและเห็นภาพที่ดูน่าเวทนา ทั้งที่เดาสถานการณ์ได้ แต่ด้วยความที่ทุกอย่างมันรวดเร็วเกินจะทำใจได้ สาวสวยผู้เหย่อหยิ่ง นั่งตัวแข็งทื่อใบหน้าตื่นตระหนก สองมือยกขึ้นปิดปาก ดวงตาทั้งสองข้างเอ่อคลั่งหน่วย แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับภาพตรงหน้ามันสะเทือนใจ จนเธอระงับความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่“มันจบแล้วนะ” เหม่ยหลินเปรยขึ้นด้วยความเป็นห่วง และให้อีกฝ่ายมั่นใจ หากแต่ตัวเองเริ่มประคองตัวไม่อยู่หากแต่ถิงถิงยังนิ่งค้าง ค่อย ๆ ยืนเต็มความสูงแม้จะถูกพูดกรอกหูตั้งแต่เล็กจนโตเนื่องจากเป็นทายาทนักธุรกิจใหญ่ และไม่สามารถมองเห็นคู่อริที่อยู่ในที่มืดทั่วทุกกลุ่ม หากแต่ทุกวันนี้คำพูดเตือนที่ว่า ‘ภัยอยู่รอบตัวเรา อย่าประมาท’ ไม่เกินจริง!แต่เธอก็ไม่เคยพานพบกับเหตุการณ์เช่นนี้ ...อาจเพราะเธอไม่ใช่เหยื่อตัวใหญ่! แต่คนที่กำลังทรุดตัว
หลังจากที่เอาศพออกไปแล้วทุกคนก็พากันออกไป เหลือแค่เหม่ยหลินกับถิงถิง ทั้งสองเพียงสบตากันในความเงียบที่มีเพียงเสียงแอร์กำลังทำงานอยู่ จนกระทั่งเหม่ยหลินเป็นคนพูดขึ้น“คงต้องเปลี่ยนที่พักแล้วล่ะ”“ปกติคุณพักที่นี่หรือเปล่า”“พักสิ มันสะดวกเวลามีงานเร่งด่วน”“งั้นก็พักที่นี่ก็ได้นะ”“เราต้องเปลี่ยนที่พัก เพราะตอนนี้ยังไว้ใจอะไรไม่ได้”“แล้วคุณลุงหยางรู้หรือเปล่าว่า เออ คุณต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”“พ่อเป็นคนฝึกพี่มาเองกับมือ ทำไมจะไม่รู้ล่ะ”ถิงถิงกรอกตามองบน “ก็จริง”“ไปกันเถอะ”“ตอนนี้เลยหรือคะ” ถิงถิงถามเสียงตื่น“นายจินถังไม่ชอบตีงูให้หลังหัก” แล้วเดินไปหยิบกระเป๋าสีดำและของใช้บางอย่างติดมือ แล้วเดินออกไป ถิงถิงรีบสาวเท้าตาม“จะทิ้งห้องไปแบบนี้เลยหรือคะ” ความสงสัยของเธอยังไม่หมด“ไว้เป็นหน้าที่ของหนานซิง” คำพูดตัดจบของเหม่ยหลิน ทำให้ถิงถิงย่นจมูกใส่ตามหลัง“เราจะไปพักที่ไหน” ในขณะที่ถามถิงถิงก็ก้มหน้าก้มตาก้าวยาว ๆ เพื่อให้ทันคนด้านหน้า แต่ระหว่างนั้น อีกคนก็หยุดกึกเพราะถึงประตู“โอ้ะ!” ถิงถิงอุทานเมื่อหัวโขกกับแผ่นหลังของเหม่ยหลินโดยไม่ทันตั้งตัวเหม่ยหลินเจ็บจี้ด แต่เพียงนิดเดียว เธอก
ในขณะที่เดินตามเหม่ยหลินอยู่ห่าง ๆ ถิงถิงก็สังเกตเห็นว่าโรงแรมหยางหลงมีการรักษาความปลอดภัยแน่นกว่าที่พักก่อนหน้านี้มาก ไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิด และประตูทางผ่าน มีพนักงานซึ่งเป็นผู้ชายหุ่นล่ำความสูงไม่ต่ำกว่า180ซม.ยืนเฝ้าบริการอยู่ และมีเพียงคีย์การ์ดใบเดียวที่พนักงานถือเท่านั้น ถึงจะเปิดประตูเดินผ่านเข้าไปถึงเคาน์เตอร์ได้เธอไม่อยากบอกว่ามันยุ่งยาก เมื่อนึกถึงเหตุการณ์สุดระทึก ที่เกิดขึ้นเมื่อสองชั่วโมงก่อนลิฟต์ที่ถูกแยกไว้ใช้โดยเฉพาะ ถูกกดไปหมายเลขชั้น54 ครั้งนี้มีสมุนมือขวาและบอดี้การ์ดร่วมอยู่ด้วยห้าคนที่เหลือก็ยืนเฝ้าอยู่หน้าลิฟต์ถิงถิงเริ่มเป็นกังวล เมื่อคิดว่าสิ่งที่กำลังจะไปหา เธอกลัวว่ามันไม่ใช่แค่เจอ แล้วเอาตัวนลินกลับมาเพื่ออยู่ในที่ปลอดภัยเป็นแน่ มันต้องมีอะไรร้ายแรงกว่านั้น... ถิงถิงคิดและออกอาการยืนไม่ติดที่ โดยยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมแล้วบีบกันไปมา ซึ่งอาการของถิงถิงอยู่ในสายตาเหม่ยหลินตลอด แต่ครานี้เธอไม่พูดปลอบ เพราะเธอคิดว่าเหตุการณ์พวกนี้ จะค่อย ๆ เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ใจของ ถิงถิงแกร่งขึ้น โดยที่ไม่ต้องมีใครเข้าไปยุ่ง...ในห้องสี่เหลี่ยมที่มีเฟอร์นิเจอร์ไม่ก
“ไม่ ไม่ไล่ อย่าคิดอะไรมากเลยนะ…” เหม่ยหลินรีบตอบ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายขลาดกลัวไปมากกว่านี้ “ฉันจะรักษาเธอให้หาย และกลับมาเหมือนเดิม ฉันสัญญา...”“แล้วพอจะบอกได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” เหม่ยหลินฝืนใจถามสิ่งที่ค้างคาใจคนที่อยู่ในอาการตื่นกลัวหยุดชะงัก แล้วตอบ “นลินไม่รู้ รู้ตัวอีกที ก็มีคนเรียกให้นลินตื่น แต่นลินมองอะไรไม่เห็นไปแล้ว”เธอเล่าด้วยความหวาดผวา เหม่ยหลินจึงเลิกถาม“คุณหยกไม่ทิ้งนลินนะคะ...” เสียงสะอื้นถามซ้ำขยับไปมา เหมือนคนกำลังหาที่พึ่งพิง“อย่ากังวลไปเลย ฉันไม่ทิ้งหนูหรอก” เธอย้ำหนักแน่นใบหน้าที่เคยบิดเบี้ยวและหวาดกลัว เมื่อได้รับคำสัญญา ก็ค่อย ๆ ลดเสียงสะอื้น แล้วฝืนยิ้มออกมาทั้งน้ำตา“จะดูแลหนูให้มากกว่านี้ สัญญา” เหม่ยหลินให้คำมั่นอีก“ขะ ขอบคุณคุณหยกมากนะคะ” เสียงแหลมแหบรีบกล่าวและสวมกอดร่างบางที่ไม่เคยมีใครกล้าเข้าใกล้ชนิดถึงเนื้อถึงตัว หากตอนนี้ได้สัมผัสเต็มอ้อมกอด... ซึ่งก่อนหน้านั้น เธอก็ไม่เคยได้อภิสิทธิ์ใกล้ชิดทายาทอันดับหนึ่งของตระกูล หยางขนาดนี้...ถิงถิงได้แต่ยืนมอง ด้วยอาการลำคอตีบตัน ก่อนจะผันหน้าหนีภาพนั้น!หลังจากที่พูดกล่อม จนนลินสงบและปล่อยให้หลับไปแล้
เหม่ยหลินถอนหายใจ และพยายามเก็บอารมณ์เพราะตอนนี้เธอมีเรื่องให้หนักใจเยอะเกินพอ เลยไม่อยากผิดใจกับ ถิงถิงอีกคน“ขอพักหน่อยเถอะ” เธอบอกแล้วทิ้งแผ่นหลังไปบนเก้าอี้หลับตาลง“หากอยู่แล้วทำให้หนักใจเพิ่มงั้นไปก็ได้” แล้วสาวเท้าเตรียมเดินออกไป แต่ถูกรั้งไว้ด้วยคำถามเสียก่อน“จะไปไหน”“ไปให้พ้น ๆ ไง” ประชด“อย่าทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาสิ”ถิงถิงจิกตามองคนอายุมากกว่าด้วยสายตาตัดพ้อ ใช่เธอเป็นเด็กมีปัญหามาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วนี่...สีหน้าและน้ำเสียงของถิงถิง หากเหม่ยหลินไม่คิดเข้าข้างตัวเอง เธอคิดว่านั้นเป็นประโยคที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกน้อยใจซึ่งเธอไม่เคยเห็นมุมนี้ของถิงถิง หรือเพราะถิงถิงไม่เคยอยู่ในสายตามาก่อนกันแน่!เหม่ยหลินเริ่มสับสน กระนั้นเธอก็ไม่ปล่อยให้ความรับผิดชอบนี้ ต้องมาสร้างปัญหาให้เธอเพิ่ม...ด้วยความอยากเอาชนะถิงถิงไม่ฟัง เธอเดินตรงไปยังประตูทางออก แต่เมื่อเปิดประตู สายตาสิบคู่พร้อมใจกันมองมาที่เธอเป็นตาเดียวกัน เธอจิกตามองกราด แต่กำแพงมนุษย์นั่น ไม่หวั่นไหวกับสีหน้าและอาการของเธอแม้แต่น้อย“หลีก!” เธอสั่งเสียงห้วน ขัดหูขัดตามองหน้าใครก็เป็นหน้าของเหม่ยหลิน คนที่ปากบอกกับใค
...แม้จะไม่ได้เจอกันหลายปี เช่นเดียวกับถิงถิง ที่ต่างคนต่างไม่ลืม แต่ก็ไม่อยากพูดถึง“นั่นแหละ เหม่ยจูจะไปรอเธออยู่ที่นั่น และจะกลับมาพร้อมกันในวันที่เธอหายเป็นปกติ หรือหากเป็นไปได้ ฉันจะขึ้นไปรับเธอกลับมาด้วยตัวเอง”“จะ จริงหรือคะ...”“ไม่สัญญา แต่ให้ถึงตอนนั้น จะพยายามทำตัวให้ว่าง”แม้ไม่ใช่คำสัญญาชัดเจน แต่นลินรู้ว่าคนอย่างหยางเหม่ยหลินรักษาคำพูดแค่ไหน“ก็ได้ค่ะ นลินจะไป และจะไม่ดื้อไม่ซน เพื่อจะกลับมารับใช้คุณหยกนะคะ” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังกล่าวอย่างดีใจส่วนคนข้าง ๆ ประหนึ่งรับบทนางร้าย ที่ต้องทนยืนดูพระนางเขาจีบกัน!หลังจากจัดการส่งตัวนลินขึ้นเครื่องบินเจ็ตไปแล้ว เหม่ยหลินก็สั่งให้ลูกน้องนำตัวของถิงถิงกลับไปยังห้องพักที่จัดเตรียมไว้ก่อนหน้านั้น ส่วนเธอมีธุระต้องสั่งการกับลูกน้อง เมื่อเห็นว่ามีสายไม่ได้รับแจ้งเตือนอยู่บนหน้าจอ ก่อนจะโทร.กลับไปหาเบอร์นั้นทันที ในระหว่างที่รอสายก็หันไปสั่งกับบอดี้การ์ด“พาคุณหนูถิงถิงกลับไปห้อง อีกครึ่งชั่วโมงออกมาเจอกัน...”เหม่ยหลินหันไปสั่งคนของหนานซิง หากแต่คนที่กำลังถูกแยกชักสีหน้า และไม่มีจังหวะพูดแทรก เมื่อเหม่ยหลินหันไปคุยกับลูกน้องคนส