ในขณะที่เธอปรายตามองดูแล้วว่า จุดที่ยืนอยู่ปลอดคน จึงยกมือถือเตรียมเก็บภาพ แต่ยังไม่ได้มุมที่ถูกใจก็ขยับหาองศาเพียงนิดแล้วกดปุ่มชัตเตอร์ ซึ่งในจังหวะเดียวกันก็มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามายืนนาบด้านหลังในระยะประชิด
ถิงถิงชะงักแต่ไม่ทัน เมื่อนิ้วของเธอกดปุ่มถ่ายภาพนั้นไปแล้ว ก่อนจะหันกลับไปมองให้ชัดว่าเป็นใครที่เสียมารยาท
“เหม่ย...หลิน...” เธอเอ่ยชื่อของคนที่เสียมารยาทนั้นผ่านริมฝีปาก ดวงตาสองคู่สบกัน
ตายล่ะ... เธอได้ภาพคู่กับหยางเหม่ยหลินสะงั้น! ถิงถิงอุทานในใจเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นเร็ว จนลืมลบภาพที่ไม่ได้ตั้งใจนั้นทิ้ง
เพราะสิ่งที่น่าตกใจไปกว่านั้น คือเธอไม่คิดว่าจะได้เจอเหม่ยหลินเร็วแบบนี้...
“คุณถิงถิงพักที่ไหนหรือคะ...” เสียงนุ่มเรียบเอ่ยถาม โดยใบหน้านั้นดูไม่ตื่นเต้นหรือยิ้มดีใจกับการเจอคนบ้านเดียวกันเลยสักนิด
เหอะ! แล้วเธอจะไปหวัง ให้ผู้หญิงคนที่แข็งกระด้างและสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก เหมือนหุ่นยนต์ ให้มารู้สึกดีกับตัวเองทำไม! ถิงถิงค่อนขอดตัวเองในใจ
เถอะ! เมื่อไม่มีการทักทายหรือแสดงอาการดีใจเธอก็เชิดหน้าใส่
“น่าจะบอกกล่าวกันหน่อยก็ดีนะคะ” คนหน้าฉาบเรียบถามต่อ
เหมือนถูกตำหนิ ถิงถิงหน้างอ แต่เพราะคำถามที่ถามออกมามันสำคัญต่อการใช้ชีวิตของคนตระกูลหยาง ที่ทุกคนต่างใส่ใจและคำนึงถึงความปลอดภัยที่ต้องมาก่อนเสมอ หากแต่หญิงสาวในชุดมินิเดรสกลับไม่คิดเช่นนั้น
เธอไม่ชอบการที่มีคนล้อมหน้าล้อมหลัง ไม่ชอบที่ทุกการกระทำของเธอต้องอยู่ในสายตาของคนนับสิบ!
“ว่าไงคะ คุณถิงถิง”
น้ำเสียงและสีหน้าของคนระดับผู้บริหารถามสีหน้าจริงจังอีกครั้ง หากแต่ถิงถิงยิ้มเยาะออกมา เก็บมือถือเข้ากระเป๋า ยกมือขึ้นกอดอก
“ต้องรายงานด้วยเหรอคะ”
ครานี้ใบหน้าที่เคยฉาบเรียบของเหม่ยหลินยกยิ้ม เพราะเริ่มสนุกกับคนอวดเก่ง ไม่แคร์ใคร แต่รู้จักเอาตัวรอดมาได้ “หากไม่คิดว่าก้าวก่าย พี่คงให้คนของพี่จัดการโดยพละการก็ได้”
เหม่ยหลินยังใช้คำว่า ‘พี่’ แทนตัวเองเสมอ
มุมปากยกสูงเพียงนิด สองแขนยังกอดอก มองคนที่อายุห่างกันด้วยสายตาเยาะหยันและรู้ทัน
“เถอะ เก่งอยู่แล้วนี่ แล้วทำไมไม่ทำล่ะคะ”
“ก็อยากให้เต็มใจมากกว่า ว่าไงล่ะบอกได้หรือยังว่าพักที่ไหนพี่จะได้ให้คนไปเอากระเป๋ากลับมาพักที่โรงแรมของเรา”
เราไหน... มันของเธอต่างหาก! ถิงถิงเลือกประชดอยู่ในใจ
เจ้าของดวงตาสีนิลถามซ้ำด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับว่าที่เธอปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก หรือน่าตกใจแต่อย่างใด
...หรือเหม่ยหลินรู้อยู่แล้ว ว่าเธอเดินทางมาถึงเมืองไทย? “โรงแรมสิ”แล้วถอนหายใจทิ้ง
“โรงแรมในเครือหยางหลง?”
ทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้วแต่เหม่ยหลินก็อยากฟังคำตอบจากปากคนดื้อ
“เหอะ! นี่ขนาดไม่ได้เข้าพักในเครือของคุณลุงหยาง คุณ...เหม่ยหลินยังรู้ไวขนาดนี้...” เพราะไม่ได้ตั้งใจปิดบังเรื่องนี้ แต่คิดแผนไว้ว่า ขอเที่ยวให้ทั่วกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงให้ทั่วก่อน แล้วค่อยบอกเหม่ยหลินรับรู้ หากแต่มาเมืองไทยไม่ถึงครึ่งวันก็ถูกจับได้เสียก่อน “เก่งเนอะ!”
น้ำเสียงและสีหน้า ฟังดูก็รู้ว่าประชด เพราะผู้หญิงตรงหน้าไม่เคยชื่นชมใคร แม้คนคนนั้นทำดีแค่ไหน หรือจะถูกยกให้เป็นอีโร่ในสายตาใคร ๆ แต่สำหรับคุณหนูถิงถิง เธอก็ไม่เคยหลุดปากชม!
มุมปากหยักเหยียดกว้าง สายตามองหญิงสาวรุ่นน้องตาเป็นประกาย แล้วเหน็บกลับไป
“รู้ทั้งรู้ว่าซนได้ไม่นาน แล้วยังดื้อดันอยู่อีก”
ทันทีที่ประโยคของเหม่ยหลินจบลง สาวสวยใบหน้าเชิดรั้นก็แยกเขี้ยวใส่เธอทันที “นี่คุณ! คุณกล้าว่าฉันเหรอคะ”
“รู้ตัวก็หัดปรับปรุงเสียหน่อยก็ดี คนอื่นจะได้ไม่ปวดหัว”
การพูดของเหม่ยหลิน ที่ไม่เคยให้ท้ายลูกคุณหนูอย่างถิงถิง ซึ่งต่างจากคนอื่น ๆ ที่คอยประจบประแจงเอาใจ หากแต่คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหยางไม่เคยให้หน้าใคร ในการแสดงออกทั้งต่อหน้าและลับหลัง นอกจากภรรยาทั้งสามและน้องชายอีกสองคนของมิสเตอร์หยาง ที่เธอให้ความเคารพรัก...
“นี่!”
ถิงถิงเม้มปากแน่นสนิทหน้าตึงด้วยความโมโห หากแต่ยังไม่ทันได้พูดต่อ ก็ถูกขัดขึ้น
“ตามมาค่ะ” เสียงนุ่มหากเต็มไปด้วยอำนาจตัดจบ แล้วหมุนตัวเดินนำออกไป
ถิงถิงกำหมัดแน่น ปากบิดแบะ ซึ่งอาการของเธอทำให้บอดี้การ์ดทั้งหมดรีบก้มหน้าไม่กล้ามองภาพนั้นโดยตรง
หลังจากที่กำหมัดจนเล็บคมจิกลงไปบนผิวบาง ๆ เธอก็เริ่มรู้สึกและคลายฝ่ามือออก...
อารมณ์คุกรุ่นหาย กลายเป็นมุมปากสวยกระตุกอย่างคนมีแผน ตัดสินใจล้วงคีการ์ดออกมา แล้วยื่นให้ลูกน้องของเหม่ยหลินที่ยืนรอรับอย่างรู้หน้าที่
สองคนโค้งคำนับส่วนคนที่เหลือเตรียมพร้อมเสมอ เมื่อคุณหนูที่ไม่มีใครกล้าแม้จะสบตาสาวเท้าออกไป ซึ่งไม่มีใครสัมผัสได้ถึงสายตาของเธอที่มองไปข้างหน้า ด้วยความมาดหมาย...
ทั้งสองถูกส่งแค่หน้าลิฟต์ โดยเหม่ยหลินเดินนำเข้าไปก่อน จากนั้นถิงถิงก็ถูกผ่ายมือเชิญจากลูกน้องให้ตามเข้าไป โดยไม่มีใครอื่นตามมายืนประกบอีก ทำให้ถิงถิงเก็บความสงสัยไว้ กระนั้นในใจลึก ๆ เธอก็อดประหม่าไม่ได้ เมื่อต้องอยู่สองต่อสองกับผู้หญิงหน้าเดียว!และอาการที่เก็บไม่มิดจนเผลอพ่นลมหายใจออกมา เหมือนอยากระบายความอึดอัด ซึ่งเหม่ยหลินเห็นอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะรีบผันหน้าไปทางอื่น เพื่อกันความรู้สึกให้อีกคน...เหม่ยหลินรอจนกระทั่งประตูลิฟต์ปิด จึงยื่นมือไปกดหมายเลขชั้น แล้วทุกอย่างก็กลับไปอยู่ในความเงียบอีกครั้ง มีเพียงลมหายใจและขนตางอนที่ขยับปรือเป็นครั้งคราว ทำให้รู้ว่าต่างคนต่างยังมีชีวิตอยู่ลิฟต์ขึ้นไปหยุดนิ่งอยู่ที่ชั้นสี่สิบแปดแล้วเสียงดังเตือน ประตูก็เปิดกว้าง และเห็นเพียงประตูห้องตรงหน้าถิงถิงหายแปลกใจว่าเหตุใดเหม่ยหลินจึงไม่ให้บอดี้การ์ดตามขึ้นมา เพราะชั้นสี่สิบแปดเป็นเพียงห้องพักห้องเดียว ซึ่งคนนอกไม่สามารถรอดสายตาผ่านมาได้ นอกจากใช้ลิฟต์เพียงตัวเดียวที่พวกเธอใช้ขึ้นมาเท่านั้น...หลังจากที่หายสงสัยถิงถิงก็ได้เวลาถาม “พาขึ้นมาทำไมคะ” เพราะมันไม่มีอะไรนอกจากห้องที่เหมือนเป็
ระหว่างที่เดินเข้ามาในห้องพัก ถิงถิงก็ใช้สายตาสำรวจภายในไปด้วย ห้องพักขนาดใหญ่กว่าห้องสวิทที่เธอเคยพัก ดีไซน์ภายในห้องทันสมัยและลงตัว เน้นความสะดวกสบายและปลอดโปร่ง ด้วยกระจกบานใหญ่ถึง 3 บาน มองเห็นบรรยากาศด้านนอกเด่นชัด ที่สำคัญได้รับแสงธรรมชาติตลอดวัน หากเป็นกลางคืนคงได้เห็นบรรยากาศของแสงระยิบระยับทั่วกรุงเทพ คิดแล้วใจของถิงถิงก็ลืมอาการขุ่นเคือง กับของคนด้านหลังไปชั่วขณะ โดยเธอยังสำรวจเหมือนแมวน้อยแปลกถิ่น จากนั้นเบนสายตาเข้ามาด้านในและเห็นว่าภายในห้องมีห้องแยกเป็นสองห้องนอน มีลานกว้างตรงกลางไว้สำหรับนั่งเล่นเป็นสัดส่วน ส่วนมุมหนึ่งแยกเป็นห้องครัวขนาดขนาดพอเหมาะ พร้อมโต๊ะไว้สำหรับนั่งกินข้าว ซึ่งมันดูเหมือนบ้านหนึ่งหลังที่ตั้งอยู่บนยอดเขาก็ว่าได้“ชมพอหรือยัง...” เสียงนุ่มเรียบเอ่ยทำลายความเงียบถิงถิงหน้าเห่อร้อน เมื่อเผลอแสดงอาการเหมือนแมวตื่น จึงเลิกสนใจบรรยากาศภายในห้องแล้วหันกลับมามองอีกสองคนที่ตอนนี้มองเธออยู่แล้ว“ก็เห็นมันสวยดี...” เธอบอกแก้เก้อ“ขอบคุณ...” เหม่ยหลินถือว่านี่คือคำชมครั้งแรกของถิงถิง เลยพูดต่อ “เลือกได้เลยนะว่าจะพักห้องไหน”มุมปากสวยกระตุกขึ้นเพียงนิด “วิวข
ถิงถิงหลังจากที่ขว้างแจกันออกไป เธอก็ห่อตัวหลบมุมด้วยใจเต้นระส่ำ โดยไม่มีโอกาสเห็นผลงานของตัวเอง จนกระทั่งทุกอย่างเงียบไป เธอจึงค่อย ๆ โผล่หน้าออกมา ใบหน้ายังตื่นตระหนกไม่คลายหลังจากที่เก็บคนร้ายไปได้ เหม่ยหลินก็หันไปมองถิงถิงด้วยความเป็นห่วงแต่เห็นเพียงเท้าที่โผล่ออกมา จึงวิ่งตรงไปหาและเห็นภาพที่ดูน่าเวทนา ทั้งที่เดาสถานการณ์ได้ แต่ด้วยความที่ทุกอย่างมันรวดเร็วเกินจะทำใจได้ สาวสวยผู้เหย่อหยิ่ง นั่งตัวแข็งทื่อใบหน้าตื่นตระหนก สองมือยกขึ้นปิดปาก ดวงตาทั้งสองข้างเอ่อคลั่งหน่วย แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับภาพตรงหน้ามันสะเทือนใจ จนเธอระงับความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่“มันจบแล้วนะ” เหม่ยหลินเปรยขึ้นด้วยความเป็นห่วง และให้อีกฝ่ายมั่นใจ หากแต่ตัวเองเริ่มประคองตัวไม่อยู่หากแต่ถิงถิงยังนิ่งค้าง ค่อย ๆ ยืนเต็มความสูงแม้จะถูกพูดกรอกหูตั้งแต่เล็กจนโตเนื่องจากเป็นทายาทนักธุรกิจใหญ่ และไม่สามารถมองเห็นคู่อริที่อยู่ในที่มืดทั่วทุกกลุ่ม หากแต่ทุกวันนี้คำพูดเตือนที่ว่า ‘ภัยอยู่รอบตัวเรา อย่าประมาท’ ไม่เกินจริง!แต่เธอก็ไม่เคยพานพบกับเหตุการณ์เช่นนี้ ...อาจเพราะเธอไม่ใช่เหยื่อตัวใหญ่! แต่คนที่กำลังทรุดตัว
หลังจากที่เอาศพออกไปแล้วทุกคนก็พากันออกไป เหลือแค่เหม่ยหลินกับถิงถิง ทั้งสองเพียงสบตากันในความเงียบที่มีเพียงเสียงแอร์กำลังทำงานอยู่ จนกระทั่งเหม่ยหลินเป็นคนพูดขึ้น“คงต้องเปลี่ยนที่พักแล้วล่ะ”“ปกติคุณพักที่นี่หรือเปล่า”“พักสิ มันสะดวกเวลามีงานเร่งด่วน”“งั้นก็พักที่นี่ก็ได้นะ”“เราต้องเปลี่ยนที่พัก เพราะตอนนี้ยังไว้ใจอะไรไม่ได้”“แล้วคุณลุงหยางรู้หรือเปล่าว่า เออ คุณต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”“พ่อเป็นคนฝึกพี่มาเองกับมือ ทำไมจะไม่รู้ล่ะ”ถิงถิงกรอกตามองบน “ก็จริง”“ไปกันเถอะ”“ตอนนี้เลยหรือคะ” ถิงถิงถามเสียงตื่น“นายจินถังไม่ชอบตีงูให้หลังหัก” แล้วเดินไปหยิบกระเป๋าสีดำและของใช้บางอย่างติดมือ แล้วเดินออกไป ถิงถิงรีบสาวเท้าตาม“จะทิ้งห้องไปแบบนี้เลยหรือคะ” ความสงสัยของเธอยังไม่หมด“ไว้เป็นหน้าที่ของหนานซิง” คำพูดตัดจบของเหม่ยหลิน ทำให้ถิงถิงย่นจมูกใส่ตามหลัง“เราจะไปพักที่ไหน” ในขณะที่ถามถิงถิงก็ก้มหน้าก้มตาก้าวยาว ๆ เพื่อให้ทันคนด้านหน้า แต่ระหว่างนั้น อีกคนก็หยุดกึกเพราะถึงประตู“โอ้ะ!” ถิงถิงอุทานเมื่อหัวโขกกับแผ่นหลังของเหม่ยหลินโดยไม่ทันตั้งตัวเหม่ยหลินเจ็บจี้ด แต่เพียงนิดเดียว เธอก
ในขณะที่เดินตามเหม่ยหลินอยู่ห่าง ๆ ถิงถิงก็สังเกตเห็นว่าโรงแรมหยางหลงมีการรักษาความปลอดภัยแน่นกว่าที่พักก่อนหน้านี้มาก ไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิด และประตูทางผ่าน มีพนักงานซึ่งเป็นผู้ชายหุ่นล่ำความสูงไม่ต่ำกว่า180ซม.ยืนเฝ้าบริการอยู่ และมีเพียงคีย์การ์ดใบเดียวที่พนักงานถือเท่านั้น ถึงจะเปิดประตูเดินผ่านเข้าไปถึงเคาน์เตอร์ได้เธอไม่อยากบอกว่ามันยุ่งยาก เมื่อนึกถึงเหตุการณ์สุดระทึก ที่เกิดขึ้นเมื่อสองชั่วโมงก่อนลิฟต์ที่ถูกแยกไว้ใช้โดยเฉพาะ ถูกกดไปหมายเลขชั้น54 ครั้งนี้มีสมุนมือขวาและบอดี้การ์ดร่วมอยู่ด้วยห้าคนที่เหลือก็ยืนเฝ้าอยู่หน้าลิฟต์ถิงถิงเริ่มเป็นกังวล เมื่อคิดว่าสิ่งที่กำลังจะไปหา เธอกลัวว่ามันไม่ใช่แค่เจอ แล้วเอาตัวนลินกลับมาเพื่ออยู่ในที่ปลอดภัยเป็นแน่ มันต้องมีอะไรร้ายแรงกว่านั้น... ถิงถิงคิดและออกอาการยืนไม่ติดที่ โดยยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมแล้วบีบกันไปมา ซึ่งอาการของถิงถิงอยู่ในสายตาเหม่ยหลินตลอด แต่ครานี้เธอไม่พูดปลอบ เพราะเธอคิดว่าเหตุการณ์พวกนี้ จะค่อย ๆ เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ใจของ ถิงถิงแกร่งขึ้น โดยที่ไม่ต้องมีใครเข้าไปยุ่ง...ในห้องสี่เหลี่ยมที่มีเฟอร์นิเจอร์ไม่ก
“ไม่ ไม่ไล่ อย่าคิดอะไรมากเลยนะ…” เหม่ยหลินรีบตอบ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายขลาดกลัวไปมากกว่านี้ “ฉันจะรักษาเธอให้หาย และกลับมาเหมือนเดิม ฉันสัญญา...”“แล้วพอจะบอกได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” เหม่ยหลินฝืนใจถามสิ่งที่ค้างคาใจคนที่อยู่ในอาการตื่นกลัวหยุดชะงัก แล้วตอบ “นลินไม่รู้ รู้ตัวอีกที ก็มีคนเรียกให้นลินตื่น แต่นลินมองอะไรไม่เห็นไปแล้ว”เธอเล่าด้วยความหวาดผวา เหม่ยหลินจึงเลิกถาม“คุณหยกไม่ทิ้งนลินนะคะ...” เสียงสะอื้นถามซ้ำขยับไปมา เหมือนคนกำลังหาที่พึ่งพิง“อย่ากังวลไปเลย ฉันไม่ทิ้งหนูหรอก” เธอย้ำหนักแน่นใบหน้าที่เคยบิดเบี้ยวและหวาดกลัว เมื่อได้รับคำสัญญา ก็ค่อย ๆ ลดเสียงสะอื้น แล้วฝืนยิ้มออกมาทั้งน้ำตา“จะดูแลหนูให้มากกว่านี้ สัญญา” เหม่ยหลินให้คำมั่นอีก“ขะ ขอบคุณคุณหยกมากนะคะ” เสียงแหลมแหบรีบกล่าวและสวมกอดร่างบางที่ไม่เคยมีใครกล้าเข้าใกล้ชนิดถึงเนื้อถึงตัว หากตอนนี้ได้สัมผัสเต็มอ้อมกอด... ซึ่งก่อนหน้านั้น เธอก็ไม่เคยได้อภิสิทธิ์ใกล้ชิดทายาทอันดับหนึ่งของตระกูล หยางขนาดนี้...ถิงถิงได้แต่ยืนมอง ด้วยอาการลำคอตีบตัน ก่อนจะผันหน้าหนีภาพนั้น!หลังจากที่พูดกล่อม จนนลินสงบและปล่อยให้หลับไปแล้
เหม่ยหลินถอนหายใจ และพยายามเก็บอารมณ์เพราะตอนนี้เธอมีเรื่องให้หนักใจเยอะเกินพอ เลยไม่อยากผิดใจกับ ถิงถิงอีกคน“ขอพักหน่อยเถอะ” เธอบอกแล้วทิ้งแผ่นหลังไปบนเก้าอี้หลับตาลง“หากอยู่แล้วทำให้หนักใจเพิ่มงั้นไปก็ได้” แล้วสาวเท้าเตรียมเดินออกไป แต่ถูกรั้งไว้ด้วยคำถามเสียก่อน“จะไปไหน”“ไปให้พ้น ๆ ไง” ประชด“อย่าทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาสิ”ถิงถิงจิกตามองคนอายุมากกว่าด้วยสายตาตัดพ้อ ใช่เธอเป็นเด็กมีปัญหามาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วนี่...สีหน้าและน้ำเสียงของถิงถิง หากเหม่ยหลินไม่คิดเข้าข้างตัวเอง เธอคิดว่านั้นเป็นประโยคที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกน้อยใจซึ่งเธอไม่เคยเห็นมุมนี้ของถิงถิง หรือเพราะถิงถิงไม่เคยอยู่ในสายตามาก่อนกันแน่!เหม่ยหลินเริ่มสับสน กระนั้นเธอก็ไม่ปล่อยให้ความรับผิดชอบนี้ ต้องมาสร้างปัญหาให้เธอเพิ่ม...ด้วยความอยากเอาชนะถิงถิงไม่ฟัง เธอเดินตรงไปยังประตูทางออก แต่เมื่อเปิดประตู สายตาสิบคู่พร้อมใจกันมองมาที่เธอเป็นตาเดียวกัน เธอจิกตามองกราด แต่กำแพงมนุษย์นั่น ไม่หวั่นไหวกับสีหน้าและอาการของเธอแม้แต่น้อย“หลีก!” เธอสั่งเสียงห้วน ขัดหูขัดตามองหน้าใครก็เป็นหน้าของเหม่ยหลิน คนที่ปากบอกกับใค
...แม้จะไม่ได้เจอกันหลายปี เช่นเดียวกับถิงถิง ที่ต่างคนต่างไม่ลืม แต่ก็ไม่อยากพูดถึง“นั่นแหละ เหม่ยจูจะไปรอเธออยู่ที่นั่น และจะกลับมาพร้อมกันในวันที่เธอหายเป็นปกติ หรือหากเป็นไปได้ ฉันจะขึ้นไปรับเธอกลับมาด้วยตัวเอง”“จะ จริงหรือคะ...”“ไม่สัญญา แต่ให้ถึงตอนนั้น จะพยายามทำตัวให้ว่าง”แม้ไม่ใช่คำสัญญาชัดเจน แต่นลินรู้ว่าคนอย่างหยางเหม่ยหลินรักษาคำพูดแค่ไหน“ก็ได้ค่ะ นลินจะไป และจะไม่ดื้อไม่ซน เพื่อจะกลับมารับใช้คุณหยกนะคะ” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังกล่าวอย่างดีใจส่วนคนข้าง ๆ ประหนึ่งรับบทนางร้าย ที่ต้องทนยืนดูพระนางเขาจีบกัน!หลังจากจัดการส่งตัวนลินขึ้นเครื่องบินเจ็ตไปแล้ว เหม่ยหลินก็สั่งให้ลูกน้องนำตัวของถิงถิงกลับไปยังห้องพักที่จัดเตรียมไว้ก่อนหน้านั้น ส่วนเธอมีธุระต้องสั่งการกับลูกน้อง เมื่อเห็นว่ามีสายไม่ได้รับแจ้งเตือนอยู่บนหน้าจอ ก่อนจะโทร.กลับไปหาเบอร์นั้นทันที ในระหว่างที่รอสายก็หันไปสั่งกับบอดี้การ์ด“พาคุณหนูถิงถิงกลับไปห้อง อีกครึ่งชั่วโมงออกมาเจอกัน...”เหม่ยหลินหันไปสั่งคนของหนานซิง หากแต่คนที่กำลังถูกแยกชักสีหน้า และไม่มีจังหวะพูดแทรก เมื่อเหม่ยหลินหันไปคุยกับลูกน้องคนส
ผู้ใหญ่อีกสองคนยกมือขึ้นมาสัมผัสที่แขนของทั้งคู่แทนคำพูด ซึ่งถิงถิงและเหม่ยหลินรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่ผู้ใหญ่ทั้งสองแสดงออกมา ทั้งคู่ยกมือไหว้อีกครั้ง โดยถิงถิงปราบปลื้มจนน้ำตาเออเรื่อ ด้วยความซาบซึ้งใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าอาจมีญาติบางคนไม่เห็นด้วยกับความรักของเธอกับเหม่ยหลิน แต่ทุกคนกลับยิ้มยินดี โดยเฉพาะภรรยาใหญ่ทั้งสองของคุณลุงหยาง ซึ่งท่านไม่แม้จะพูดให้เสียความรู้สึก...เมื่อผู้ใหญ่เดินกลับที่พักไปแล้ว เหลือแค่หนุ่มสาววัยไล่เลี่ย ก็เข้ามาแสดงความยินดีและหยอกเย้า ทำให้นึกถึงบรรยากาศสมัยตอนเป็นเด็กที่ต่างคนต่างมีความซนและใสซื่อต่อกัน แต่เมื่อโตขึ้นต่างคนต่างมีเป้าหมายของตัวเองและแยกตัวไปทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ความคุ้นเคยกลายเป็นความห่างเหิน แต่ใจลึก ๆ ทั้งหมดก็ยังหวังดีและเป็นกำลังใจให้กันโดยไม่ต้องแสดงตัว...งานช่วงเย็นพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าวิวท้องฟ้าไล่แสงสีส้มตัดกับน้ำทะเล ทุกคนต่างเก็บภาพนั้นไว้ ด้วยความสนุกสนาน โดยเจ้าสาวทั้งคู่ยืนอยู่บนแท่นเพื่อแลกเปลี่ยนคำมั่นสัญญารักที่มีให้กัน ท่ามกลางหาดทรายขาว และมหาสมุทรสีฟ้าเข้มตัดกับขอบฟ้ากว้างที่อยู่เคียงข้างเป็นสักขี
ถิงถิงยิ้มรับ จากนั้นเธอก็โดนโอบรั้งให้ยืนขึ้น รอรับจูบดูดดื่มของคนตัวโตที่ส่งมอบมา จากนั้นเหม่ยหลินจัดการพาร่างที่อ่อนปวกเปียกเพราะรสจูบของตนให้ลงไปนั่งอยู่ในอ่างเคียงคู่กัน แล้วกอดรัดฟัดเหวี่ยงจูบซุกไซร้ซอกซอนไปตามจุดต่าง ๆ ของกันและกัน จนกระทั่งถิงถิงถูกจับกดให้นอนราบลงไป โดยเหม่ยหลินยกขาเรียวของถิงนั้นให้พาดไปกับขอบอ่างทั้งสองข้าง จนเห็นเนินอวบอูมสีเรื่องามสล้างตรงหน้าแจ่มชัดจนต้องกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอเธอไม่รีรอให้เวลาเดินไปโดยเปล่าประโยชน์ ก้มลงไปหาเนินอวบอิ่มที่แย้มโชว์กลีบกุหลาบงาม โดยการส่งลิ้นอ้อนพริ้วเข้าไปทักทายตามช่องแยกที่ปริ่มน้ำ ดูดกลืนกลิ่นความหวานนั้นอย่างไม่เกี่ยงงอน“อ่าส์ ซีดส์...” ถิงถิงแอ่นสะโพกร่อนรับ พร้อมเสียงร้องคราง ในขณะที่มือยกขึ้นมาจับเส้นผมของคนที่ก้มหน้าคลุกอยู่ตรงกลางกายสาว และเผลอกดศีรษะนั้นลงไปด้วยความกระสันเหม่ยหลินไม่อยากให้ถิงถิงถึงฝั่งฝันในตอนนี้ จึงยืดเวลาโดยถอนปลายลิ้นออกมา คนที่กำลังเคลิบเคลิ้มผงกหน้าขึ้นมามองคิ้วขมวด ทำหน้าแปลกใจเหม่ยหลินกระตุกยิ้มร้ายส่งให้ จากนั้นถิงถิงก็ทิ้งศีรษะลงที่เดิม เมื่อนิ้วเรียวเริ่มขยับและสัมผัสอยู่ตรงเนิน ลู
การไถ่โทษของเหม่ยหลินทำให้ถิงถิง ไม่มีโอกาสได้เปิดปากเถียง เมื่อทั้งมือทั้งริมฝีปากปากตะปบเข้ามาอย่างเสือตะครุบเหยื่อ โดยมือข้างหนึ่งปลดเสื้อผ้าที่เปียกน้ำของถิงถิงไปด้วย ส่วนมืออีกข้างจับต้นคองามเพื่อไม่ให้รอรับจังหวะจูบที่โน้มลงไปหาสัมผัสจูบนั้นนุ่มนวลและรุนแรงไปตามความปรารถนา ในขณะที่ลำตัวและเท้าพากันประคองเข้าไปในห้องน้ำกายเปลือยเปล่าแนบชิด ลูบไล้นัวเนีย ประหนึ่งคนอดอยากปากแห้ง ร้างราเรื่องอย่างว่ามานานนับปี...ความสุขกระสันเพลิดเพลิน กับความหวานล่ำของกันและกัน จนแผ่นหลังกระแทกไปกับฝาผนังห้องน้ำ จนคนแนบชิดรับรู้ถึงความสั่นสะเทือน แต่เจ้าตัวที่โดนทับกลับไม่รู้สึกรู้สา หรืออยากหยุดการกระทำของตัวเองเป็นถิงถิงเสียเองที่รู้สึกจุกแทน เพราะสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของสิ่งที่สัมผัสกันอยู่จนเกิดความกังวล ความรู้สึกหวาบหวามหยุดชะงักเป็นห่วง กลัวว่าถึงตอนนั้นคนพี่จะรู้สึกเจ็บทีหลัง“หือ...” เธอส่งเสียงเตือนออกจากลำคอ แต่คนคลั่งรักยังไม่ถอนริมฝีปากหรือผละออกห่าง สุดท้ายใช้นิ้วจี้ไปที่เอวคอดของเหม่ยหลิน“อุ๊!” เธอสะดุ้งและผละออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมมองใบหน้าหวานสีเรื่อเป็นเครื่องหมายคำถาม“
“ตอนหนูเข้าห้องน้ำพี่ยังหลับลงเลยนี่คะ”“ตอนนั้นหนูอยู่ในห้องน้ำ... แต่ตอนนี้หนูอยู่ข้างนอก จะให้หลับลงได้ยังไง... ปะ เรากลับกันเถอะ แดดก็ร้อนเดี๋ยวผิวเสียหมด”“หนูทากันแดดมาอย่างดีเลยค่ะ” คนดื้อบอกสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนพร้อมกับยกแขนเรียวขึ้นมาให้ดูอีกเหม่ยหลินกรอกตามองบน“ถึงจะทาแล้วก็เถอะ... ปะกลับที่พัก” เดินเข้ามาดึงแขนเรียวที่เจ้าของมีทีท่าจะเดินไปต่อ แต่โดนสะบัดออกพร้อมคำปฏิเสธ“ไม่เอา!” จนฝามือที่จับไว้หลวม ๆ หลุดออกเมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นอิสระแล้ว ถิงถิงก็ออกวิ่ง พร้อมกับตะโกนบอก “อยากให้กลับ ก็จับให้ทันสิคะ”เหม่ยหลินยกมือขึ้นเท้าสะเอว มองหญิงสาวร่างบาง ที่ตอนนี้เหมือนเด็กน้อยวัยสามขวบอยากได้เพื่อนเล่น ด้วยดวงตาหมายหมาด...หากตรงหน้าเปรียบเป็นเหยื่อ ผู้ล่าอย่างเธอจะไม่ปล่อยใหเหยื่อ เป็นอิสระสักวินาทีเดียว“จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม...” เหม่ยหลินกัดฟันปั้นปาก จ้องร่างบางที่สาวเท้าวิ่งออกไปอย่างไม่รอ “คิดว่าจะหยุดแค่จับหรือไง” เธอเปรยขึ้นด้วยความมันเขี้ยว จากนั้นก็พุ่งตามออกไปในขณะที่ถิงถิงหันกลับมาดู ก็เห็นว่าเหม่ยหลินกำลังวิ่งไล่ตามมาใกล้ถึง เธอก็ส่งเสียงกรี๊ดออกมาพร้อมกับหลบฝ่ามือที่
ผ่ามือเรียวที่ดันอยู่บนหน้าอกก็ถูกดึงออกมาฟาดไปบนไหล่คนหื่นหนัก ๆ “เนี่ย ระวังเหอะ จะหมดแรงคาอกหนูสักวัน” พูดข่ม คนอายุห่างเกือบ10ปีเหม่ยหลินยิ้มร่า สายตาท้าทาย “เคยมีสักครั้งไหมล่ะ”“เนี่ย หากยังไม่ไปอาบน้ำ แล้วกลับมานอนพักผ่อนเอาแรง...” สายตาและน้ำเสียงเป็นห่วงมากกว่าติเตียนเหม่ยหลินถอนหายใจ แกล้งทำหน้างอ “ใจร้าย...”“หวังดีค่ะ” ถิงถิงย้อนสายตาเต็มไปด้วยผู้ชัยชนะคนโดนสกัดทำได้แค่ส่งสายตาคาดโทษ ลุกขึ้นไปอาบน้ำเพื่อนอนพักผ่อนตามที่เด็กดื้อได้พูดไว้ เพราะหลังจากนี้คงไม่มีเวลาได้พักสายตาเต็มตื่น จนกว่างานทุกอย่างจะผ่านพ้นไป...แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อเด็กดื้อยังแผงฤทธิ์ไม่หยุด!เวลาผ่านไป...เหม่ยหลินเดินออกมาจากห้องน้ำ สายตาของเธอมองตรงไปยังเตียงนอน แต่พบว่าถิงถิงไม่ได้อยู่บนเตียงเพื่อนอนพักผ่อนไปด้วยกัน“ถิงถิง...” เธอเรียกหา “เด็กดื้อ... หายไปไม่บอกไม่รออีกแล้วนะ” บ่นคนให้เป็นห่วงเมื่อไม่มีถิงถิง เหม่ยหลินก็ไม่มีใจทำอะไร นอกจากเดินหาไปทั่วบ้านพักหลังใหญ่แต่ก็ไม่เจอ ใจเริ่มกังวล ตัดสินใจเดินกลับมาในห้องนอนและเห็นว่าชุดลำลองของตนถูกจัดวางไว้ให้ จึงรีบหยิบ
สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ห่วงความรู้สึก ห่วงการถูกมองจากคนในสังคมที่คนพี่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะบางสังคมและผู้ใหญ่บางคน ยังไม่ยอมรับเรื่องรักเพศเดียวกัน“เรื่องนี้ พี่พร้อมมาทั้งชีวิตแล้วล่ะ...ว่าแต่ห่วงตัวเองเถอะ พร้อมหรือยังฮึ?” คำถาม มาพร้อมสายตากรุ่มกริ่มที่แฝงไปด้วยความปรารถนาซ้ำยังยกยิ้มมุมปากถิงถิงทำหน้าเมื่อย อยากสั่งห้ามว่าอย่าไปทำหน้าทำตาออกอาการแบบนี้กับใคร!“พะพร้อมอะไร... ชุดเหรอ เรียบร้อยแล้วไง ก็ไปเลือกพร้อมกัน”ถิงถิงเสียอาการจนเสียงแกว่ง ทำเป็นเฉไฉตอบความหมายเป็นอย่างอื่น ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดในแง่ไหน...สายตาออกชัด ซึ่งทุกครั้งที่เห็นสายตานี้ อดเสียววาบช่องท้องไม่ได้“แน่เหรอ ว่าที่พี่ถาม หนูเข้าใจว่าเรื่องชุด?” สายตาของเหม่ยหลินยังวาบหวามเปล่งประกายถิงถิงหน้าฉาบสี เขินจนอยากหมุดหน้าหนี เถอะ!คนผีทะเล ยังจะมาขยี้จี้ถามได้อีก“ว่าไง ฮึ?”ทำเสียงเยิ้มหวาน ซึ่งเธอไม่ได้ตั้งใจเอาคำตอบ หากแต่อยากแกล้งให้อีกฝ่ายเขิน ซึ่งภาพนั้นมันน่ามองน่ารัก จนถอนตัวถอนใจไม่ได้อีกแล้วถิงถิงจิกตาค้อน หื่นได้ทุกทีสิน่า... “ไม่พูดด้วยแล้ว” เสียงนุ่มสะบัด จากนั้นหมุนตัวพาหน้าฉาบสี
“แล้วพี่จะหยุดงานหนึ่งอาทิตย์จริง ๆหรือคะ” ถิงถิงเอ่ยถามหลังจากที่อีกคนเงียบไปซึ่งคนที่รักงานเป็นชีวิตจิตใจจะหยุดงานที่ต้องใจแข็งแค่ไหน...“จริงสิ หรือหนูไม่ชอบที่เราจะมีเวลายู่ด้วยกัน”จากนั้นทั้งคู่ก็หันมาสบตาอย่างค้นหา หากถิงถิงโน้มใบหน้าเข้ามาหาแตะริมฝีปากไปบนปากบางได้รูป“ขอบคุณนะคะ” เสียงนั้นแผ่วเบาและแฝงไปด้วยความขัดเขินเหม่ยหลินเลิกคิ้วยกสูงแล้วถาม “ขอบคุณเรื่อง” สายตาเต็มไปด้วยความเอ็นดูเจ้าของใบหน้าขาวนวลไม่ตอบหากแต่หลบสายตานั้นทำให้เหม่ยหลินยกยิ้ม ที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เร็วกว่าความคิดของคนที่รอจังหวะอยู่แล้ว ก่อนจะเอี้ยวตัวไปดึงร่างบางให้หันนั่งค้อมตักของตัวเองถิงถิงเงอะงะไปเพียงครู่ “พี่คะ ที่มันที่โล่งนะคะ” เธอขืนตัวเพราะว่ามันโจ่งแจ้งเกินว่าจะทำเรื่องอย่างว่า“ที่ส่วนบุคคลใครจะกล้าเข้ามา” คนเอาแต่ใจบอก“แต่...”“นา เปลี่ยนบรรยากาศไง”สายตานั้นเว้าวอนมองมา ถิงถิงจึงปล่อยเลยตามเลย และเข้าใจความต้องการของอีกฝ่าย จึงตอบสนองให้ทันท่วงที โดยการรับจูบที่ดูดดื่ม ร้อนแรงและดูดดื่มส่งมอบไปให้คนบนตัก ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่เขากลั่นออกมาและสนองไปให้ด้วยการกระทำ รัก
ในห้องทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสารและหนังสือ “นั่งลงสิ” มิสเตอร์หยางหันมาบอกหลังจากที่ตัวเองหนังลงบนเก้าอี้ตัวโปรด“มีอะไรจะบอกพ่อไหม” สายตานั้นมองมาอย่างรอคอยและค้นหา“เรื่องที่ดินประมูลมาได้ ทุกอย่างไม่มีปัญหาค่ะ ตอนนี้หนูปล่อยให้เจ้าของกลับมาทำมาหากินในที่ตัวเอง โดยไม่เอาค่าเช่า”“ลูกลืมไปแล้วหรือว่าตระกูลของเราทำอะไร...” เสียงนั้นจริงจัง หากไม่มีแววตำหนิ แต่มีความสงสัยอยู่เต็มเปี่ยม“ทำธุรกิจค่ะ” เธอตอบอย่างมั่นใจ เพราะทุกวันนี้ชีวิตของเธอหมุนอยู่กับตัวเลข“ลูกรู้นิ แล้วทำแบบนั้น เราได้อะไรกลับมา” ผู้สูงวัยอยากรู้เหตุผล“ความไว้ใจและความเชื่อใจไงคะ”“แล้วลูกรู้หรือ ว่าคนพวกนั้นเขาจะมีให้ลูกได้”“มีค่ะ เพราะหากต่อไปที่ดินผืนนั้น ไม่มีใครอยากทำอาชีพเดิม ๆ หรือไม่เห็นผลกำไรเลย ถึงตอนนั้นเรายื่นขอเสนอ ขอเปิดทำโรงงาน หรืออุตสาหกรรม เพื่อยกระดับการทำงานให้ทุกคนมีงานทำ และได้เงินที่แน่นอนกว่า ถึงตอนนั้นคงไม่มีชาวบ้านคนไหนคัดค้าน”“เออ... คิดดี...” มิสเตอร์หยางตบโต๊ะดังปังด้วยความพอใจ คิดไม่ถึงว่าเหม่ยหลินจะสร้างเกมนี้ขึ้นมา “พ่อคิดไม่ถึงตรงนี้ ดีนะที่ลูกเข้าใจถึงเสียงของชาวบ้าน การพึ่งพาอาศั
หยางฟางหลงแนะนำน้องชายกับน้องสะใภ้ให้บุตรสาวได้รู้จักต่อ จากนั้นก็ปรายตามไปมองยังลูกสาวบุญธรรมของเขาอีกคน กับหลาน ๆ ที่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกัน ก่อนผ่อนลมหายใจยาวออกมา“นี่หลิงหลิง ไห่หมิง หวังเหว่ย เพ่ยเพ่ย น่าจะเป็นพี่เรานะ”สิ้นเสียงผู้เป็นบิดาบุญธรรม หยางเหม่ยจูก็ยกมือขึ้นไว้ทุกคนทันที และแน่นอนว่าคนที่รับไหว้นั้นมีเพียงสองหนุ่มเท่านั้น ส่วนหยางเพ่ยเพ่ยได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายนิ่งแล้วก็ยกริมฝีปากยิ้ม ทว่าคนที่ดูจะมีปฏิกิริยากต่อคนเพิ่งมามากที่สุดคือ หยางหลิงหลิง ที่เวลานี้ขยับตัวนั่งกอดอกเชิดหน้าขึ้นมองเธอเพียงหางตาเท่านั้น หากคนที่เห็นรับรู้ได้ทันที....เหม่ยจูน่าจะมีอริเพิ่มแบบไม่ทันตั้งตัวแล้ว ดังนั้นทางที่ดีขอให้เธอห่างจากผู้หญิงคนนี้ เพื่อเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นแบบไม่รู้ตัว...เหม่ยหลินคิดกังวลแทนเหม่ยจูขึ้นมา“เอาไว้ก็ไปทำความรู้จักกันแล้วกันนะ ... และส่วนอีกสองคนนั่น หยางหวังเหล่ย กับถิงถิง หวังเหล่ยน่าจะรุ่นเดียวกับเหม่ยจู ถิงถิง นั่นเด็กน้อยสุดแล้ว ทั้งดื้อ ทั้งซน ทั้งเอาแต่ใจตัวเอง” คำต่อกึ่งหยอกกึ่งแซวของประมุข ทำให้หลายคนอมยิ้ม“ถิงถิง ไม่ได้เอาแต่ใจตัวเองสักหน่อยค่ะ”คนโดน