หลังจากที่เอาศพออกไปแล้วทุกคนก็พากันออกไป เหลือแค่เหม่ยหลินกับถิงถิง ทั้งสองเพียงสบตากันในความเงียบที่มีเพียงเสียงแอร์กำลังทำงานอยู่ จนกระทั่งเหม่ยหลินเป็นคนพูดขึ้น
“คงต้องเปลี่ยนที่พักแล้วล่ะ”
“ปกติคุณพักที่นี่หรือเปล่า”
“พักสิ มันสะดวกเวลามีงานเร่งด่วน”
“งั้นก็พักที่นี่ก็ได้นะ”
“เราต้องเปลี่ยนที่พัก เพราะตอนนี้ยังไว้ใจอะไรไม่ได้”
“แล้วคุณลุงหยางรู้หรือเปล่าว่า เออ คุณต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”
“พ่อเป็นคนฝึกพี่มาเองกับมือ ทำไมจะไม่รู้ล่ะ”
ถิงถิงกรอกตามองบน “ก็จริง”
“ไปกันเถอะ”
“ตอนนี้เลยหรือคะ” ถิงถิงถามเสียงตื่น
“นายจินถังไม่ชอบตีงูให้หลังหัก” แล้วเดินไปหยิบกระเป๋าสีดำและของใช้บางอย่างติดมือ แล้วเดินออกไป ถิงถิงรีบสาวเท้าตาม
“จะทิ้งห้องไปแบบนี้เลยหรือคะ” ความสงสัยของเธอยังไม่หมด
“ไว้เป็นหน้าที่ของหนานซิง” คำพูดตัดจบของเหม่ยหลิน ทำให้ถิงถิงย่นจมูกใส่ตามหลัง
“เราจะไปพักที่ไหน” ในขณะที่ถามถิงถิงก็ก้มหน้าก้มตาก้าวยาว ๆ เพื่อให้ทันคนด้านหน้า แต่ระหว่างนั้น อีกคนก็หยุดกึกเพราะถึงประตู
“โอ้ะ!” ถิงถิงอุทานเมื่อหัวโขกกับแผ่นหลังของเหม่ยหลินโดยไม่ทันตั้งตัว
เหม่ยหลินเจ็บจี้ด แต่เพียงนิดเดียว เธอก็หันมาพูดใส่หน้า “เดินไม่มองทางแบบนี้ คิดว่าจะรอดไหม”
“หา...แค่เดินเนี่ยนะ”
“จำไว้ เวลาเดินไม่ว่าที่ไหน สายตาต้องไว และสิ่งที่ควรจำคือไว้ใจได้ แค่ ‘ตัวเอง’ ” ประโยคหลังย้ำใส่หน้า
ถิงถิงหน้าถอดสี “แล้วแบบนี้จะใช้ชีวิตปกติยังไง”
เหม่ยหลินไม่ตอบแต่เปิดประตูออกไป ถิงถิงรีบเดินตามและพบว่าด้านหน้าประตูลิฟต์ยังมีบอดี้การ์ดยืนรออยู่เกือบสิบคน
“จัดเก็บให้เรียบร้อย” เหม่ยหลินสั่ง แล้วตรงไปยังลิฟต์ที่ตอนนี้ได้เปิดรอเธออยู่แล้ว
“ครับ”
คนทั้งหมดโค้งคำนับและแยกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งต้องติดตามเธอไปทุกที่ อีกกลุ่มกลับเข้าไปในห้องเพื่อเก็บกวาดความเรียบร้อย
“เป็นคุณหนูใหญ่นี่ก็ดีเนอะ...” น้ำเสียงติดประชด
เหม่ยหลินชายตามองคนพูด แล้วถามกลับ “อยากลองเป็นบ้างไหมล่ะ”
“เหอะ...”
“หรือจะเป็นอย่างอื่นดี...”
“ดูแล้วว่าไม่มีอะไรดีสักอย่าง” ถิงถิงปรามาส
“แน่ใจ?”
ดวงตากลมใส หากเต็มไปด้วยความแน่วแน่จ้องหน้าคุณหนูจอมเอาแต่ใจนิ่ง โดยแขนข้างหนึ่งค้ำไปที่กำแพงลิฟต์
ถิงถิงหน้าร้อนวาบเมื่อสัมผัสถึงความใกล้ชิด และสายตาที่มองเหมือนกำลังเร่งเร้าอะไรสักอย่างจากตัวเธอ หากประตูลิฟต์เปิดเสียก่อน...
รถลีมูซีนสีดำคันใหญ่ ขับออกจากบริเวณห้างสรรพสินค้า และตรงไปยังถนนที่เชื่อมต่อกันในพื้นที่เกือบร้อยไร่ ที่แบ่งโซนเป็นที่พักอาศัย มีทั้งโรงแรม และสำนักงานต่าง ๆ อยู่ภายในพื้นที่นั้น
ถิงถิงยังคงนั่งเงียบ แต่มีชำเลืองมองคนที่นั่งข้าง ๆ เป็นบางครั้ง และตอนนี้เธอดูออกว่าใบหน้าที่เคยฉาบเรียบไร้อารมณ์เริ่มเปลี่ยนไป และดูไม่สนใจคนรอบข้างอย่างเธอ จนเกิดความน้อยใจขึ้นมาครามครัน...
“จะพูดอะไรก็พูดมา...”
คนที่ถิงถิงคิดว่านั่งไม่สนใจใครเอ่ยขึ้น โดยเธอไม่แปลกใจเลยที่การกระทำของเธอโดนจับได้ ...จากที่รู้สึกน้อยใจก็หายทันที
“เชื่อแล้วค่ะ ว่าคุณลุงหยางฝึกมาเองกับมือ” เธอชื่นชมกึ่งประชด
"ก็ฝึกให้ทุกคนเหมือนกัน แต่ไม่รับกันเองหรือเปล่า"
"เถอะ..." เธอไม่ชอบการอยู่ในกฎระเบียบ มันอึดอัด หายใจไม่ออก อีกอย่างเธอเกลียดความรุนแรง ในวงการค้าที่ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยม และบางครั้งจบด้วยการนองเลือด ซึ่งเธอเพิ่งเห็นมาจัง ๆ กับตา "อยากชมตัวเองว่ามีความสามารถเหนือกว่าคนอื่นก็พูดมาเถอะ"
เพราะรู้ว่าทั้งตระกูลมีไม่กี่คนที่หูตาจมูกสัมผัสได้ไว และเก่งเชิงการต่อสู้ ด้วยมือเปล่าและการใช้อาวุธ ในขณะที่พ่อของเธอเป็นผู้ชายแท้ ๆ ยังเก่งไม่เท่าลูกสาวทั้งสองของลุงหยาง!
“ทำไมต้องประชด... เป็นห่วงก็พูดมาสิ ว่าเป็นห่วง...”
เหม่ยหลินแกล้งยั่ว เพราะรู้อยู่เต็มอก ว่าคุณหนูคนสุดท้องศักดิ์ศรีค้ำคอตั้งแต่เด็ก ไม่อย่างนั้นคงญาติดีกับเธอไปนานแล้ว คนอะไรแค้นฝังหุ่น!
“คนเก่งอย่างคุณหยางเหม่ยหลินมีอะไรให้คนอื่นห่วงด้วยหรือคะ”
เหม่ยลินยังไม่ทันได้ต่อปากรถก็จอดอยู่หน้าโรงแรมห้าดาว ก่อนที่เธอสองคนจะลงจากรถ ชายชุดดำก็วิ่งกรูกันออกมายืนเข้าแถวเรียงหน้ากระดาน
ถิงถิงถึงกับไม่อยากลง และอาการของเธอทำให้เหม่ยหลินดูออก
“ไม่ชอบให้คนมายืนออ ก็รีบลงรีบเข้าที่พัก ก็ไม่เห็นคนพวกนี่แล้ว” ถิงถิงย่นจมูกใส่แล้วลงไปยืนหน้าตึงเคียงคู่กัน
“มีข่าวอะไร...” เหม่ยหลินถามเมื่อหนานซิงก้าวออกมายืนตรงหน้าของเธอ
“เจอคุณนลินแล้วครับ”
“จริงเหรอ เธอเป็นไงบ้าง” สีหน้าของเหม่ยหลินดูมีความหวังและชีวิตชีวาขึ้น
“คุณหนูใหญ่ไปดูเองดีกว่าครับ”
หนานซิงพูดจบก็รีบเดินนำไปก่อน เหม่ยหลินจึงเดินไป หากแต่ถิงถิงยังยืนอยู่กับที่
“ถ้าจะยืนอยู่ตรงนี้ก็ได้นะ พี่จะได้ให้คนยืนเฝ้า สิบคนพอไหม...”
ถิงถิงจิกตาค้อน เลือกเดินตามไป
ส่วนบอดี้การ์ดที่เหลือทิ้งระยะห่างให้เจ้านายพอสมควรก่อนจะเดินตามไป
ในขณะที่เดินตามเหม่ยหลินอยู่ห่าง ๆ ถิงถิงก็สังเกตเห็นว่าโรงแรมหยางหลงมีการรักษาความปลอดภัยแน่นกว่าที่พักก่อนหน้านี้มาก ไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิด และประตูทางผ่าน มีพนักงานซึ่งเป็นผู้ชายหุ่นล่ำความสูงไม่ต่ำกว่า180ซม.ยืนเฝ้าบริการอยู่ และมีเพียงคีย์การ์ดใบเดียวที่พนักงานถือเท่านั้น ถึงจะเปิดประตูเดินผ่านเข้าไปถึงเคาน์เตอร์ได้เธอไม่อยากบอกว่ามันยุ่งยาก เมื่อนึกถึงเหตุการณ์สุดระทึก ที่เกิดขึ้นเมื่อสองชั่วโมงก่อนลิฟต์ที่ถูกแยกไว้ใช้โดยเฉพาะ ถูกกดไปหมายเลขชั้น54 ครั้งนี้มีสมุนมือขวาและบอดี้การ์ดร่วมอยู่ด้วยห้าคนที่เหลือก็ยืนเฝ้าอยู่หน้าลิฟต์ถิงถิงเริ่มเป็นกังวล เมื่อคิดว่าสิ่งที่กำลังจะไปหา เธอกลัวว่ามันไม่ใช่แค่เจอ แล้วเอาตัวนลินกลับมาเพื่ออยู่ในที่ปลอดภัยเป็นแน่ มันต้องมีอะไรร้ายแรงกว่านั้น... ถิงถิงคิดและออกอาการยืนไม่ติดที่ โดยยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมแล้วบีบกันไปมา ซึ่งอาการของถิงถิงอยู่ในสายตาเหม่ยหลินตลอด แต่ครานี้เธอไม่พูดปลอบ เพราะเธอคิดว่าเหตุการณ์พวกนี้ จะค่อย ๆ เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ใจของ ถิงถิงแกร่งขึ้น โดยที่ไม่ต้องมีใครเข้าไปยุ่ง...ในห้องสี่เหลี่ยมที่มีเฟอร์นิเจอร์ไม่ก
“ไม่ ไม่ไล่ อย่าคิดอะไรมากเลยนะ…” เหม่ยหลินรีบตอบ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายขลาดกลัวไปมากกว่านี้ “ฉันจะรักษาเธอให้หาย และกลับมาเหมือนเดิม ฉันสัญญา...”“แล้วพอจะบอกได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” เหม่ยหลินฝืนใจถามสิ่งที่ค้างคาใจคนที่อยู่ในอาการตื่นกลัวหยุดชะงัก แล้วตอบ “นลินไม่รู้ รู้ตัวอีกที ก็มีคนเรียกให้นลินตื่น แต่นลินมองอะไรไม่เห็นไปแล้ว”เธอเล่าด้วยความหวาดผวา เหม่ยหลินจึงเลิกถาม“คุณหยกไม่ทิ้งนลินนะคะ...” เสียงสะอื้นถามซ้ำขยับไปมา เหมือนคนกำลังหาที่พึ่งพิง“อย่ากังวลไปเลย ฉันไม่ทิ้งหนูหรอก” เธอย้ำหนักแน่นใบหน้าที่เคยบิดเบี้ยวและหวาดกลัว เมื่อได้รับคำสัญญา ก็ค่อย ๆ ลดเสียงสะอื้น แล้วฝืนยิ้มออกมาทั้งน้ำตา“จะดูแลหนูให้มากกว่านี้ สัญญา” เหม่ยหลินให้คำมั่นอีก“ขะ ขอบคุณคุณหยกมากนะคะ” เสียงแหลมแหบรีบกล่าวและสวมกอดร่างบางที่ไม่เคยมีใครกล้าเข้าใกล้ชนิดถึงเนื้อถึงตัว หากตอนนี้ได้สัมผัสเต็มอ้อมกอด... ซึ่งก่อนหน้านั้น เธอก็ไม่เคยได้อภิสิทธิ์ใกล้ชิดทายาทอันดับหนึ่งของตระกูล หยางขนาดนี้...ถิงถิงได้แต่ยืนมอง ด้วยอาการลำคอตีบตัน ก่อนจะผันหน้าหนีภาพนั้น!หลังจากที่พูดกล่อม จนนลินสงบและปล่อยให้หลับไปแล้
เหม่ยหลินถอนหายใจ และพยายามเก็บอารมณ์เพราะตอนนี้เธอมีเรื่องให้หนักใจเยอะเกินพอ เลยไม่อยากผิดใจกับ ถิงถิงอีกคน“ขอพักหน่อยเถอะ” เธอบอกแล้วทิ้งแผ่นหลังไปบนเก้าอี้หลับตาลง“หากอยู่แล้วทำให้หนักใจเพิ่มงั้นไปก็ได้” แล้วสาวเท้าเตรียมเดินออกไป แต่ถูกรั้งไว้ด้วยคำถามเสียก่อน“จะไปไหน”“ไปให้พ้น ๆ ไง” ประชด“อย่าทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาสิ”ถิงถิงจิกตามองคนอายุมากกว่าด้วยสายตาตัดพ้อ ใช่เธอเป็นเด็กมีปัญหามาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วนี่...สีหน้าและน้ำเสียงของถิงถิง หากเหม่ยหลินไม่คิดเข้าข้างตัวเอง เธอคิดว่านั้นเป็นประโยคที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกน้อยใจซึ่งเธอไม่เคยเห็นมุมนี้ของถิงถิง หรือเพราะถิงถิงไม่เคยอยู่ในสายตามาก่อนกันแน่!เหม่ยหลินเริ่มสับสน กระนั้นเธอก็ไม่ปล่อยให้ความรับผิดชอบนี้ ต้องมาสร้างปัญหาให้เธอเพิ่ม...ด้วยความอยากเอาชนะถิงถิงไม่ฟัง เธอเดินตรงไปยังประตูทางออก แต่เมื่อเปิดประตู สายตาสิบคู่พร้อมใจกันมองมาที่เธอเป็นตาเดียวกัน เธอจิกตามองกราด แต่กำแพงมนุษย์นั่น ไม่หวั่นไหวกับสีหน้าและอาการของเธอแม้แต่น้อย“หลีก!” เธอสั่งเสียงห้วน ขัดหูขัดตามองหน้าใครก็เป็นหน้าของเหม่ยหลิน คนที่ปากบอกกับใค
...แม้จะไม่ได้เจอกันหลายปี เช่นเดียวกับถิงถิง ที่ต่างคนต่างไม่ลืม แต่ก็ไม่อยากพูดถึง“นั่นแหละ เหม่ยจูจะไปรอเธออยู่ที่นั่น และจะกลับมาพร้อมกันในวันที่เธอหายเป็นปกติ หรือหากเป็นไปได้ ฉันจะขึ้นไปรับเธอกลับมาด้วยตัวเอง”“จะ จริงหรือคะ...”“ไม่สัญญา แต่ให้ถึงตอนนั้น จะพยายามทำตัวให้ว่าง”แม้ไม่ใช่คำสัญญาชัดเจน แต่นลินรู้ว่าคนอย่างหยางเหม่ยหลินรักษาคำพูดแค่ไหน“ก็ได้ค่ะ นลินจะไป และจะไม่ดื้อไม่ซน เพื่อจะกลับมารับใช้คุณหยกนะคะ” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังกล่าวอย่างดีใจส่วนคนข้าง ๆ ประหนึ่งรับบทนางร้าย ที่ต้องทนยืนดูพระนางเขาจีบกัน!หลังจากจัดการส่งตัวนลินขึ้นเครื่องบินเจ็ตไปแล้ว เหม่ยหลินก็สั่งให้ลูกน้องนำตัวของถิงถิงกลับไปยังห้องพักที่จัดเตรียมไว้ก่อนหน้านั้น ส่วนเธอมีธุระต้องสั่งการกับลูกน้อง เมื่อเห็นว่ามีสายไม่ได้รับแจ้งเตือนอยู่บนหน้าจอ ก่อนจะโทร.กลับไปหาเบอร์นั้นทันที ในระหว่างที่รอสายก็หันไปสั่งกับบอดี้การ์ด“พาคุณหนูถิงถิงกลับไปห้อง อีกครึ่งชั่วโมงออกมาเจอกัน...”เหม่ยหลินหันไปสั่งคนของหนานซิง หากแต่คนที่กำลังถูกแยกชักสีหน้า และไม่มีจังหวะพูดแทรก เมื่อเหม่ยหลินหันไปคุยกับลูกน้องคนส
หลังจากดูตัวเองในกระจกเงาจนมั่นใจว่าเรียบร้อยดีแล้ว เหม่ยหลินจึงเดินออกจากห้องบอดี้การ์ดเมื่อเห็นเหม่ยหลินก็ก้มศีรษะให้เธออย่างนอบน้อม แม้เหม่ยหลินจะเป็นผู้หญิงแต่ทุกคนให้ความเคารพเธอทั้งต่อหน้าและลับหลัง ระหว่างนั้นต่างก็ยืนรอคนในห้องอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไป เหม่ยหลินยกนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือขึ้นดู แล้วทิ้งแขนลง ต่อเวลาให้คนในห้องอีกนิด...สิบนาทีผ่านไป คนด้านในยังไม่ออกมา เหม่ยหลินจึงตัดสินใจเคาะประตู แต่ยังไม่มีเสียงตอบรับ เหม่ยหลินจึงยื่นมือไปจับลูกบิดแล้วหมุน พบว่าประตูล็อคอยู่ เธอหันไปมองหน้าบอดี้การ์ด ไม่กี่อึดใจคีย์การ์ดสำรองก็ถูกนำมาใช้เหม่ยหลินตัดสินใจเดินเข้าไปดูในห้องด้วยตนเอง และพบว่าถิงถิงยังอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาว กึ่งนั่งกึ่งนอน โดยนั่งเล่นมือถืออยู่บนเตียงสีหน้าไม่หือไม่อือ ทั้งที่เห็นว่าเหม่ยหลินเข้ามารอถึงในห้องแล้วก็ตามเหม่ยหลินรู้ตัวว่ากำลังโดนคุณหนูถิงถิงกวนประสาท และตอนนี้ก็เริ่มหมดความอดทน อยากจับเด็กดื้อมาตีก้น... จึงคิดแผนบางอย่างขึ้น“ทำไมยังไม่แต่งตัว หรือลืมเรื่องที่พี่สั่ง ว่าจะพาไปกินข้าว”ถิงถิงชายตามองเพียงนิด แล้วนั่งเลื่อนมือถือต่อ“ห
“ออกไปเลย”เหม่ยหลินหันกลับมา ส่ายหน้าเหนื่อยหน่ายในความรั้น ...ยังมีความเอาแต่ใจ ทั้งที่ทำตัวเองทั้งนั้น“คิดว่า พี่ควรฟังเธอหรือ” ครานี้น้ำเสียงของเหม่ยหลินฟังดูกดดันคู่สนทนา ซึ่งถิงถิงรับรู้ได้ “สั่งมากินบนห้องก็ได้...” ทั้งโกรธทั้งอาย แต่ก็ยอมอ่อนลง“ไม่ รีบแต่งตัวให้เสร็จ ภายในสิบนาที” ครานี้เหม่ยหลินไม่ยอมลงให้ถิงถิงตาลุกวาว อ้าปากจะเถียง แต่เห็นสายตาจริงจังที่ยังไม่ละไปจากใบหน้าของเธอ ก็ได้แต่ย้อนอยู่ในใจมีที่ไหนแต่งตัวสิบนาที... “หันหลังไปสิ”“ห้านาที...”“หา? บ้าไปแล้ว”ถิงถิง ผรุสวาทออกมาอย่างเหลืออด โดยรีบหันไปเลือกเสื้อผ้าที่คิดว่าไม่เป็นทางการที่สุดในกระเป๋าในขณะที่คนกำหนดเวลาให้กระชั้นชิดอมยิ้ม เฝ้าตามมองการกระทำของคนเอาแต่ใจตาเป็นประกายพอใจ... สุดท้ายเวลา10 นาที ก็ไม่พอกับการแต่งตัวของถิงถิง แต่เหม่ยหลินก็นั่งคอยอย่างใจเย็น นั้นเพราะแค่หล่อนไม่แผงฤทธิ์ใส่ ทั้งวันเธอก็นั่งรอได้... เจ้าของรูปร่างผอมบางหากมีส่วนเว้าส่วนโค้งเด่นสะดุดตา ยิ่งสวมใส่เสื้อยืดคอวีสีขาวพอดีตัวกับกางเกงยีนส์ขาเดฟสีเข้มเอวสูงขับให้รูปร่างของถิงถิงดูสูงเพรียวบางทะมัดทะแมงน่า
เวลาผ่านไป ทั้งคู่กินข้าวอิ่ม มือถือของเหม่ยหลินก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดูและเห็นว่าเป็นชื่อของใครจึงกดรับ แล้วลุกขึ้นเพื่อแยกออกไป“อืม... ชอบไหม...ไม่เป็นไร ว่างก็มาหาที่โรงแรมได้นะ...ก็เอามาด้วยเลยสิ...”ในขณะที่เหม่ยหลินพูดสาย ก็คุยไปยิ้มไป ซึ่งมันเป็นรอยยิ้มที่ไร้การปรุงแต่ง โดยเจ้าตัวไม่รู้ว่าหรอก ว่าเป็นการทำร้ายหัวใจของใครหลายคนที่เผอิญผันไปเห็นแบบไม่รู้ตัว... กระนั้นรอยยิ้มเช่นนี้ไม่เคยมีใครได้เห็นจากผู้หญิงอย่างหยางเหม่ยหลินมานานแล้วแล้วใครล่ะที่ทำให้เธอยิ้มได้... คนถูกทิ้งให้นั่งเฝ้าโต๊ะนั่งหน้าบอกบุญไม่รับ “จะไปไหนครับคุณถิงถิง”“ไปห้องน้ำ! จะไปด้วยไหมล่ะ”“ครับ”“หะ? ไม่ต้อง!”“ไม่ได้ครับ”“โอ้ย! เฝ้าคนของพวกนายเถอะ”แล้วเดินหน้าบึ้งออกไป บอดี้การ์ดที่รู้หน้าที่ดี รีบเดินตามหลัง แต่เธอหันกลับมา แล้วชี้หน้าคาดโทษ ชายทั้งสองก้มหน้ามองพื้น แต่พอเห็นว่าถิงถิงเดินไม่มองหลัง ก็รีบสาวเท้าเดินตามเหม่ยหลินที่คุยสายแต่สายตาของเธอก็มองดูถิงถิงเป็นระยะ เพียงเธอละสายตาไปไม่กี่นาทีอีกคนก็หาย หลังจากคุยสายเสร็จก็รีบเดินกลับมายังโต๊ะบอดี้การ์ดที่เหลืออยู่ก้มหน้ารายงาน “คุณถิงถิงไปห้องน
ไนต์คลับชั้นใต้ดินของโรงแรมหยางหลง หลังจากทำให้ตัวกลมกลืนกับกลุ่มนักท่องเที่ยว จนออกมาได้ ถิงถิงก็มาหยุดอยู่ที่ในผับชั้นใต้ดินของโรงแรมเธอเลือกนั่งเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ แล้วสั่ง“ขอKamikazeแก้วนึงค่ะ”(กามิกาเซ่)เธอเลือกเป็นค็อกเทลที่มีสีสัน โดยเฉพาะสีฟ้าแบบเทอร์คอยซ์ รสชาติเปรี้ยวหวานกำลังดี โดยมีส่วนผสมหลักเป็นวอดก้า น้ำมะนาว เหล้าจะออกหวานจากผิวส้ม...แม้ไม่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ค่ำคืนนี้เธออยากข้ามความรู้สึกนั้นอีกสักครั้ง และรสชาติที่ดูถูกปากทำเธอกระดกทีเดียวหมดแก้ว แล้วดันแก้วกลับไปให้บาร์เทนเดอร์“อีกแก้ว”พนักงานหรี่ตามอง เหมือนไม่อยากเชื่อ แต่สาวสวยหน้าหวานละมุนยิ้มตาเป็นประกาย ฉันรออยู่นะ!กามิกาเซ่แก้วใหม่จึงถูกวางไว้ตรงหน้า ถิงถิงยิ้มกว้าง จับก้านแก้วขึ้นมาจิบต่อเบา ๆ จากนั้นเธอก็กระดกรอบเดียวหมดอีกแก้ว ครานี้พนักบาร์เทนเดอร์ที่มองอยู่ก่อนแล้วตะลึงค้าง ไม่คิดว่าสาวสวยหน้าตาสะสวยจะดื่มเหมือนประชดคนทำ“ไม่กลัวเมาหรือครับ”ถึงจะเป็นรสชาติที่ผู้หญิงส่วนมากเลือกกิน หากบางคนคออ่อนก็ทำให้เดินเซได้เหมือนกัน“เมาเหรอ... ไม่หรอก” ประกายตาหวานฉ่ำพอ ๆ กับคำพูดตอบกลับ“
ผู้ใหญ่อีกสองคนยกมือขึ้นมาสัมผัสที่แขนของทั้งคู่แทนคำพูด ซึ่งถิงถิงและเหม่ยหลินรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่ผู้ใหญ่ทั้งสองแสดงออกมา ทั้งคู่ยกมือไหว้อีกครั้ง โดยถิงถิงปราบปลื้มจนน้ำตาเออเรื่อ ด้วยความซาบซึ้งใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าอาจมีญาติบางคนไม่เห็นด้วยกับความรักของเธอกับเหม่ยหลิน แต่ทุกคนกลับยิ้มยินดี โดยเฉพาะภรรยาใหญ่ทั้งสองของคุณลุงหยาง ซึ่งท่านไม่แม้จะพูดให้เสียความรู้สึก...เมื่อผู้ใหญ่เดินกลับที่พักไปแล้ว เหลือแค่หนุ่มสาววัยไล่เลี่ย ก็เข้ามาแสดงความยินดีและหยอกเย้า ทำให้นึกถึงบรรยากาศสมัยตอนเป็นเด็กที่ต่างคนต่างมีความซนและใสซื่อต่อกัน แต่เมื่อโตขึ้นต่างคนต่างมีเป้าหมายของตัวเองและแยกตัวไปทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ความคุ้นเคยกลายเป็นความห่างเหิน แต่ใจลึก ๆ ทั้งหมดก็ยังหวังดีและเป็นกำลังใจให้กันโดยไม่ต้องแสดงตัว...งานช่วงเย็นพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าวิวท้องฟ้าไล่แสงสีส้มตัดกับน้ำทะเล ทุกคนต่างเก็บภาพนั้นไว้ ด้วยความสนุกสนาน โดยเจ้าสาวทั้งคู่ยืนอยู่บนแท่นเพื่อแลกเปลี่ยนคำมั่นสัญญารักที่มีให้กัน ท่ามกลางหาดทรายขาว และมหาสมุทรสีฟ้าเข้มตัดกับขอบฟ้ากว้างที่อยู่เคียงข้างเป็นสักขี
ถิงถิงยิ้มรับ จากนั้นเธอก็โดนโอบรั้งให้ยืนขึ้น รอรับจูบดูดดื่มของคนตัวโตที่ส่งมอบมา จากนั้นเหม่ยหลินจัดการพาร่างที่อ่อนปวกเปียกเพราะรสจูบของตนให้ลงไปนั่งอยู่ในอ่างเคียงคู่กัน แล้วกอดรัดฟัดเหวี่ยงจูบซุกไซร้ซอกซอนไปตามจุดต่าง ๆ ของกันและกัน จนกระทั่งถิงถิงถูกจับกดให้นอนราบลงไป โดยเหม่ยหลินยกขาเรียวของถิงนั้นให้พาดไปกับขอบอ่างทั้งสองข้าง จนเห็นเนินอวบอูมสีเรื่องามสล้างตรงหน้าแจ่มชัดจนต้องกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอเธอไม่รีรอให้เวลาเดินไปโดยเปล่าประโยชน์ ก้มลงไปหาเนินอวบอิ่มที่แย้มโชว์กลีบกุหลาบงาม โดยการส่งลิ้นอ้อนพริ้วเข้าไปทักทายตามช่องแยกที่ปริ่มน้ำ ดูดกลืนกลิ่นความหวานนั้นอย่างไม่เกี่ยงงอน“อ่าส์ ซีดส์...” ถิงถิงแอ่นสะโพกร่อนรับ พร้อมเสียงร้องคราง ในขณะที่มือยกขึ้นมาจับเส้นผมของคนที่ก้มหน้าคลุกอยู่ตรงกลางกายสาว และเผลอกดศีรษะนั้นลงไปด้วยความกระสันเหม่ยหลินไม่อยากให้ถิงถิงถึงฝั่งฝันในตอนนี้ จึงยืดเวลาโดยถอนปลายลิ้นออกมา คนที่กำลังเคลิบเคลิ้มผงกหน้าขึ้นมามองคิ้วขมวด ทำหน้าแปลกใจเหม่ยหลินกระตุกยิ้มร้ายส่งให้ จากนั้นถิงถิงก็ทิ้งศีรษะลงที่เดิม เมื่อนิ้วเรียวเริ่มขยับและสัมผัสอยู่ตรงเนิน ลู
การไถ่โทษของเหม่ยหลินทำให้ถิงถิง ไม่มีโอกาสได้เปิดปากเถียง เมื่อทั้งมือทั้งริมฝีปากปากตะปบเข้ามาอย่างเสือตะครุบเหยื่อ โดยมือข้างหนึ่งปลดเสื้อผ้าที่เปียกน้ำของถิงถิงไปด้วย ส่วนมืออีกข้างจับต้นคองามเพื่อไม่ให้รอรับจังหวะจูบที่โน้มลงไปหาสัมผัสจูบนั้นนุ่มนวลและรุนแรงไปตามความปรารถนา ในขณะที่ลำตัวและเท้าพากันประคองเข้าไปในห้องน้ำกายเปลือยเปล่าแนบชิด ลูบไล้นัวเนีย ประหนึ่งคนอดอยากปากแห้ง ร้างราเรื่องอย่างว่ามานานนับปี...ความสุขกระสันเพลิดเพลิน กับความหวานล่ำของกันและกัน จนแผ่นหลังกระแทกไปกับฝาผนังห้องน้ำ จนคนแนบชิดรับรู้ถึงความสั่นสะเทือน แต่เจ้าตัวที่โดนทับกลับไม่รู้สึกรู้สา หรืออยากหยุดการกระทำของตัวเองเป็นถิงถิงเสียเองที่รู้สึกจุกแทน เพราะสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของสิ่งที่สัมผัสกันอยู่จนเกิดความกังวล ความรู้สึกหวาบหวามหยุดชะงักเป็นห่วง กลัวว่าถึงตอนนั้นคนพี่จะรู้สึกเจ็บทีหลัง“หือ...” เธอส่งเสียงเตือนออกจากลำคอ แต่คนคลั่งรักยังไม่ถอนริมฝีปากหรือผละออกห่าง สุดท้ายใช้นิ้วจี้ไปที่เอวคอดของเหม่ยหลิน“อุ๊!” เธอสะดุ้งและผละออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมมองใบหน้าหวานสีเรื่อเป็นเครื่องหมายคำถาม“
“ตอนหนูเข้าห้องน้ำพี่ยังหลับลงเลยนี่คะ”“ตอนนั้นหนูอยู่ในห้องน้ำ... แต่ตอนนี้หนูอยู่ข้างนอก จะให้หลับลงได้ยังไง... ปะ เรากลับกันเถอะ แดดก็ร้อนเดี๋ยวผิวเสียหมด”“หนูทากันแดดมาอย่างดีเลยค่ะ” คนดื้อบอกสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนพร้อมกับยกแขนเรียวขึ้นมาให้ดูอีกเหม่ยหลินกรอกตามองบน“ถึงจะทาแล้วก็เถอะ... ปะกลับที่พัก” เดินเข้ามาดึงแขนเรียวที่เจ้าของมีทีท่าจะเดินไปต่อ แต่โดนสะบัดออกพร้อมคำปฏิเสธ“ไม่เอา!” จนฝามือที่จับไว้หลวม ๆ หลุดออกเมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นอิสระแล้ว ถิงถิงก็ออกวิ่ง พร้อมกับตะโกนบอก “อยากให้กลับ ก็จับให้ทันสิคะ”เหม่ยหลินยกมือขึ้นเท้าสะเอว มองหญิงสาวร่างบาง ที่ตอนนี้เหมือนเด็กน้อยวัยสามขวบอยากได้เพื่อนเล่น ด้วยดวงตาหมายหมาด...หากตรงหน้าเปรียบเป็นเหยื่อ ผู้ล่าอย่างเธอจะไม่ปล่อยใหเหยื่อ เป็นอิสระสักวินาทีเดียว“จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม...” เหม่ยหลินกัดฟันปั้นปาก จ้องร่างบางที่สาวเท้าวิ่งออกไปอย่างไม่รอ “คิดว่าจะหยุดแค่จับหรือไง” เธอเปรยขึ้นด้วยความมันเขี้ยว จากนั้นก็พุ่งตามออกไปในขณะที่ถิงถิงหันกลับมาดู ก็เห็นว่าเหม่ยหลินกำลังวิ่งไล่ตามมาใกล้ถึง เธอก็ส่งเสียงกรี๊ดออกมาพร้อมกับหลบฝ่ามือที่
ผ่ามือเรียวที่ดันอยู่บนหน้าอกก็ถูกดึงออกมาฟาดไปบนไหล่คนหื่นหนัก ๆ “เนี่ย ระวังเหอะ จะหมดแรงคาอกหนูสักวัน” พูดข่ม คนอายุห่างเกือบ10ปีเหม่ยหลินยิ้มร่า สายตาท้าทาย “เคยมีสักครั้งไหมล่ะ”“เนี่ย หากยังไม่ไปอาบน้ำ แล้วกลับมานอนพักผ่อนเอาแรง...” สายตาและน้ำเสียงเป็นห่วงมากกว่าติเตียนเหม่ยหลินถอนหายใจ แกล้งทำหน้างอ “ใจร้าย...”“หวังดีค่ะ” ถิงถิงย้อนสายตาเต็มไปด้วยผู้ชัยชนะคนโดนสกัดทำได้แค่ส่งสายตาคาดโทษ ลุกขึ้นไปอาบน้ำเพื่อนอนพักผ่อนตามที่เด็กดื้อได้พูดไว้ เพราะหลังจากนี้คงไม่มีเวลาได้พักสายตาเต็มตื่น จนกว่างานทุกอย่างจะผ่านพ้นไป...แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อเด็กดื้อยังแผงฤทธิ์ไม่หยุด!เวลาผ่านไป...เหม่ยหลินเดินออกมาจากห้องน้ำ สายตาของเธอมองตรงไปยังเตียงนอน แต่พบว่าถิงถิงไม่ได้อยู่บนเตียงเพื่อนอนพักผ่อนไปด้วยกัน“ถิงถิง...” เธอเรียกหา “เด็กดื้อ... หายไปไม่บอกไม่รออีกแล้วนะ” บ่นคนให้เป็นห่วงเมื่อไม่มีถิงถิง เหม่ยหลินก็ไม่มีใจทำอะไร นอกจากเดินหาไปทั่วบ้านพักหลังใหญ่แต่ก็ไม่เจอ ใจเริ่มกังวล ตัดสินใจเดินกลับมาในห้องนอนและเห็นว่าชุดลำลองของตนถูกจัดวางไว้ให้ จึงรีบหยิบ
สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ห่วงความรู้สึก ห่วงการถูกมองจากคนในสังคมที่คนพี่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะบางสังคมและผู้ใหญ่บางคน ยังไม่ยอมรับเรื่องรักเพศเดียวกัน“เรื่องนี้ พี่พร้อมมาทั้งชีวิตแล้วล่ะ...ว่าแต่ห่วงตัวเองเถอะ พร้อมหรือยังฮึ?” คำถาม มาพร้อมสายตากรุ่มกริ่มที่แฝงไปด้วยความปรารถนาซ้ำยังยกยิ้มมุมปากถิงถิงทำหน้าเมื่อย อยากสั่งห้ามว่าอย่าไปทำหน้าทำตาออกอาการแบบนี้กับใคร!“พะพร้อมอะไร... ชุดเหรอ เรียบร้อยแล้วไง ก็ไปเลือกพร้อมกัน”ถิงถิงเสียอาการจนเสียงแกว่ง ทำเป็นเฉไฉตอบความหมายเป็นอย่างอื่น ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดในแง่ไหน...สายตาออกชัด ซึ่งทุกครั้งที่เห็นสายตานี้ อดเสียววาบช่องท้องไม่ได้“แน่เหรอ ว่าที่พี่ถาม หนูเข้าใจว่าเรื่องชุด?” สายตาของเหม่ยหลินยังวาบหวามเปล่งประกายถิงถิงหน้าฉาบสี เขินจนอยากหมุดหน้าหนี เถอะ!คนผีทะเล ยังจะมาขยี้จี้ถามได้อีก“ว่าไง ฮึ?”ทำเสียงเยิ้มหวาน ซึ่งเธอไม่ได้ตั้งใจเอาคำตอบ หากแต่อยากแกล้งให้อีกฝ่ายเขิน ซึ่งภาพนั้นมันน่ามองน่ารัก จนถอนตัวถอนใจไม่ได้อีกแล้วถิงถิงจิกตาค้อน หื่นได้ทุกทีสิน่า... “ไม่พูดด้วยแล้ว” เสียงนุ่มสะบัด จากนั้นหมุนตัวพาหน้าฉาบสี
“แล้วพี่จะหยุดงานหนึ่งอาทิตย์จริง ๆหรือคะ” ถิงถิงเอ่ยถามหลังจากที่อีกคนเงียบไปซึ่งคนที่รักงานเป็นชีวิตจิตใจจะหยุดงานที่ต้องใจแข็งแค่ไหน...“จริงสิ หรือหนูไม่ชอบที่เราจะมีเวลายู่ด้วยกัน”จากนั้นทั้งคู่ก็หันมาสบตาอย่างค้นหา หากถิงถิงโน้มใบหน้าเข้ามาหาแตะริมฝีปากไปบนปากบางได้รูป“ขอบคุณนะคะ” เสียงนั้นแผ่วเบาและแฝงไปด้วยความขัดเขินเหม่ยหลินเลิกคิ้วยกสูงแล้วถาม “ขอบคุณเรื่อง” สายตาเต็มไปด้วยความเอ็นดูเจ้าของใบหน้าขาวนวลไม่ตอบหากแต่หลบสายตานั้นทำให้เหม่ยหลินยกยิ้ม ที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เร็วกว่าความคิดของคนที่รอจังหวะอยู่แล้ว ก่อนจะเอี้ยวตัวไปดึงร่างบางให้หันนั่งค้อมตักของตัวเองถิงถิงเงอะงะไปเพียงครู่ “พี่คะ ที่มันที่โล่งนะคะ” เธอขืนตัวเพราะว่ามันโจ่งแจ้งเกินว่าจะทำเรื่องอย่างว่า“ที่ส่วนบุคคลใครจะกล้าเข้ามา” คนเอาแต่ใจบอก“แต่...”“นา เปลี่ยนบรรยากาศไง”สายตานั้นเว้าวอนมองมา ถิงถิงจึงปล่อยเลยตามเลย และเข้าใจความต้องการของอีกฝ่าย จึงตอบสนองให้ทันท่วงที โดยการรับจูบที่ดูดดื่ม ร้อนแรงและดูดดื่มส่งมอบไปให้คนบนตัก ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่เขากลั่นออกมาและสนองไปให้ด้วยการกระทำ รัก
ในห้องทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสารและหนังสือ “นั่งลงสิ” มิสเตอร์หยางหันมาบอกหลังจากที่ตัวเองหนังลงบนเก้าอี้ตัวโปรด“มีอะไรจะบอกพ่อไหม” สายตานั้นมองมาอย่างรอคอยและค้นหา“เรื่องที่ดินประมูลมาได้ ทุกอย่างไม่มีปัญหาค่ะ ตอนนี้หนูปล่อยให้เจ้าของกลับมาทำมาหากินในที่ตัวเอง โดยไม่เอาค่าเช่า”“ลูกลืมไปแล้วหรือว่าตระกูลของเราทำอะไร...” เสียงนั้นจริงจัง หากไม่มีแววตำหนิ แต่มีความสงสัยอยู่เต็มเปี่ยม“ทำธุรกิจค่ะ” เธอตอบอย่างมั่นใจ เพราะทุกวันนี้ชีวิตของเธอหมุนอยู่กับตัวเลข“ลูกรู้นิ แล้วทำแบบนั้น เราได้อะไรกลับมา” ผู้สูงวัยอยากรู้เหตุผล“ความไว้ใจและความเชื่อใจไงคะ”“แล้วลูกรู้หรือ ว่าคนพวกนั้นเขาจะมีให้ลูกได้”“มีค่ะ เพราะหากต่อไปที่ดินผืนนั้น ไม่มีใครอยากทำอาชีพเดิม ๆ หรือไม่เห็นผลกำไรเลย ถึงตอนนั้นเรายื่นขอเสนอ ขอเปิดทำโรงงาน หรืออุตสาหกรรม เพื่อยกระดับการทำงานให้ทุกคนมีงานทำ และได้เงินที่แน่นอนกว่า ถึงตอนนั้นคงไม่มีชาวบ้านคนไหนคัดค้าน”“เออ... คิดดี...” มิสเตอร์หยางตบโต๊ะดังปังด้วยความพอใจ คิดไม่ถึงว่าเหม่ยหลินจะสร้างเกมนี้ขึ้นมา “พ่อคิดไม่ถึงตรงนี้ ดีนะที่ลูกเข้าใจถึงเสียงของชาวบ้าน การพึ่งพาอาศั
หยางฟางหลงแนะนำน้องชายกับน้องสะใภ้ให้บุตรสาวได้รู้จักต่อ จากนั้นก็ปรายตามไปมองยังลูกสาวบุญธรรมของเขาอีกคน กับหลาน ๆ ที่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกัน ก่อนผ่อนลมหายใจยาวออกมา“นี่หลิงหลิง ไห่หมิง หวังเหว่ย เพ่ยเพ่ย น่าจะเป็นพี่เรานะ”สิ้นเสียงผู้เป็นบิดาบุญธรรม หยางเหม่ยจูก็ยกมือขึ้นไว้ทุกคนทันที และแน่นอนว่าคนที่รับไหว้นั้นมีเพียงสองหนุ่มเท่านั้น ส่วนหยางเพ่ยเพ่ยได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายนิ่งแล้วก็ยกริมฝีปากยิ้ม ทว่าคนที่ดูจะมีปฏิกิริยากต่อคนเพิ่งมามากที่สุดคือ หยางหลิงหลิง ที่เวลานี้ขยับตัวนั่งกอดอกเชิดหน้าขึ้นมองเธอเพียงหางตาเท่านั้น หากคนที่เห็นรับรู้ได้ทันที....เหม่ยจูน่าจะมีอริเพิ่มแบบไม่ทันตั้งตัวแล้ว ดังนั้นทางที่ดีขอให้เธอห่างจากผู้หญิงคนนี้ เพื่อเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นแบบไม่รู้ตัว...เหม่ยหลินคิดกังวลแทนเหม่ยจูขึ้นมา“เอาไว้ก็ไปทำความรู้จักกันแล้วกันนะ ... และส่วนอีกสองคนนั่น หยางหวังเหล่ย กับถิงถิง หวังเหล่ยน่าจะรุ่นเดียวกับเหม่ยจู ถิงถิง นั่นเด็กน้อยสุดแล้ว ทั้งดื้อ ทั้งซน ทั้งเอาแต่ใจตัวเอง” คำต่อกึ่งหยอกกึ่งแซวของประมุข ทำให้หลายคนอมยิ้ม“ถิงถิง ไม่ได้เอาแต่ใจตัวเองสักหน่อยค่ะ”คนโดน