“ว่าไง อยากให้ส่งกลับฮ่องกงไหม” น้ำเสียงเด็ดขาดจริงจังจนถิงถิงหวาดผวา“ไม่ ไม่กลับฮ่องกง แต่หากคุณไม่ให้อยู่ที่นี่ ถิงถิงก็จะไปอยู่ที่อื่น”“ฝันไปเถอะ” เสียงแหลมกระชาก สายตาคาดโทษยังไม่ทันได้ตั้งตัว ข้อมือเรียวของถิงถิงก็ถูกกระชากลากออกไปจากสถานที่ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นฉุนกึก หากแต่ผู้คนต่างชื่นชอบกลิ่นพวกนี้...“ปล่อย ไม่ต้องมาจับ...” เธอสะบัดข้อมือและบิดไปมา แต่เหม่ยหลินไม่ยอม ซ้ำยังกดไว้แน่น “เจ็บนะ” เสียงเริ่มสั่น และไม่พอใจอย่างหนัก “เจ็บก็อยู่นิ่ง ๆ” เสียงกดต่ำและบังคับไปในตัว “พ่อกับแม่ไม่เคยทำแบบนี้นะ” เธอยังฝืนตัว “นี่พี่... อยากสมัครใจมาอยู่ ก็อย่าทำตัวมีปัญหา”คำพูดเด็ดขาด ที่เหม่ยหลินเลือกใช้ เพื่อไม่ให้เกิดเป็นปัญหาใหญ่ในวันข้างหน้า ในขณะเดียวกันคนถูกย้อนอย่างคุณหนูถิงถิงถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ...ใช่เธอสมัครใจและมาแบบไม่อยากเจอหน้าพ่อหรือใคร ๆเธอยอมรับ ในขณะที่ยังทำตัวสโลว์ไลฟ์ไปวัน ๆ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นพ่อในเชิงวางแผน เธอตัดสินใจบินมาเมืองไทยทันที ซึ่งคำพูดนั้นยังก้องอยู่ในหัวเป็นระยะ‘คุณจะว่าไงหากผมจะให้ถิงถิงหมั้นกับลูกชา
เวลาผ่านไป เหม่ยหลินออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อคลุมสีขาวเมื่อเธอมองไปบนเตียง ก็พบว่าถิงถิงได้หลับไปแล้ว เธอจึงจัดการเรื่องของเธอไปเรื่อย จนกระทั่งคนบนเตียงขยับตัวแล้วบ่นพึมพำเหมือนพูดอะไรบางอย่างออกมา ด้วยความอยากรู้ เหม่ยหลินจึงเดินไปย่อตัวลงนั่งตรงขอบเตียง แล้วโน้มตัวลงไปหา เอียงหูฟังเหม่ยหลินชะงักค้าง หน้าถอดสี ตากลมไหวระริก มองใบหน้าหวานละมุนที่หลับตาพริ้ม ก่อนจะใช้นิ้วชี้ปัดปอยผมที่ปรกอยู่บนใบหน้านั้นออกอย่างเบามือ จากนั้นก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าอกที่โผล่อยู่อย่างนึกเอ็นดูเด็กดื้อ... เธอบ่นให้คนหลับ ตัดสินใจแทรกตัวไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ในขณะที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ ทั้งที่ให้เวลาตัวเองมาแล้ว แต่ร่างกายกลับแสดงอาการออกมาอีกหลับเถอะหยางเหม่ยหลิน เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว... เฝ้าปลอบย้ำกับตัวเอง โดยมือจับหน้าอกข้างซ้ายไว้ แล้วฝืนเปลือกตาให้ปิดลง จากนั้นก็บังคับลมหายใจให้เข้าออกเป็นจังหวะ เพราะไม่เช่นนั้นเธอกลัวมันดังแข่งกับลมหายใจร้อน ๆ ที่ถูกพ่นออกมา ไปรบกวนคนหลับข้าง ๆ ไม่นานเธอก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลียตามอีกคนไป8.20น.เหม่ยหลินสะดุ้งตื่น เมื่อมีบางอย่างฟาดลงมาบนหน้าอกจนเจ็บจุก จาก
“คุณเหม่ยหลินคะ” เสียงเรียกดังผ่านออกมาจากห้องน้ำเหม่ยหลินหยุดชะงักแล้วมองไปยังประตูห้องน้ำที่ยังปิดสนิทอยู่“มีอะไรคะ” เธอจะโกนถามเข้าไป แล้วสังเกตว่าประตูห้องน้ำเปิดแง้มออกมาเล็กน้อย“ผ้าค่ะ... ผ้าขนหนู กับเสื้อคลุม ฉันไม่ได้เอาติดมือมา รบกวนคุณช่วยเอามาให้หน่อยได้ไหมคะ...”เสียงนั่นนุ่มระรื่นหูน่าฟัง จนเหม่ยหลินอดไม่ได้ที่จะยิ้มเอ็นดูให้กับเจ้าของเสียงที่ไม่กล้าโผล่หน้าออกมาเพื่อบอกจุดประสงค์“รอแปบ” แล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่พับไว้อย่างเป็นระเบียบออกมาจากชั้นวางเมื่อไปถึงหน้าประตูเหม่ยหลินเพียงเคาะเบา ๆ มือเรียวก็ยื่นออกมาอยากแกล้ง แต่เห็นนิ้วเรียว ๆ คว้าหาอยู่กลางอากาศก็แกล้งไม่ลง“รีบหน่อยนะ” เหม่ยหลินบอกไปเบา ๆ เมื่อผ้าขนหนูถูกดึงออกไปจากมือ ไม่นานคนในห้องน้ำก็เดินออกมา“มีอะไรด่วนหรือเปล่า หากมี คุณไปก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวจะตามไปทีหลัง”“ไม่ได้...”ไม่ได้เด็ดขาดมาขนาดนั้น ถิงถิงจึงเงียบและจัดการเรื่องของตัวเองต่อหนึ่งชั่วโมงต่อมาห้างหยางหลงทันทีที่ไปถึงหน้าห้างหยางหลง เหม่ยหลินก็พบกับหนานซิงและบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งยืนรออยู่ด้านหน้า จากนั้นก็พากันเดินไปยังห้องทำงานของเธอโดยมีถ
สีหน้าไม่สู้ดีของเหม่ยหลิน ทำให้ถิงถิงไม่กล้าตอแย โดยเธอรอจังหวะให้อีกฝ่ายพูดขึ้นก่อน เพื่อเดาทางว่าอยู่ในอารมณ์ไหน “ลงไปหาอะไรกินกันเถอะ”เหม่ยหลินเอ่ยชวน หลังจากที่เข้ามาในห้องได้ไม่ถึงห้านาทีถิงถิงคิ้วขมวดผูกปม มองหน้าเหม่ยหลิน“ทำไม ไม่หิวหรือ”“หิ หิว แต่...” ถิงถิงตอบเสียงติดขัด อยากบอกว่าเป็นห่วง จนกระเพาะอาหารไม่ทำงานไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป“หิวก็ต้องไปกินก่อน ป่ะลุกขึ้น” เธอเร่ง“ค่ะ” ถิงถิงรับเสียงแผ่วจากนั้นทั้งคู่ก็พากันเดินออกจากห้องเพื่อตรงไปยังร้านอาหารที่อยู่ชั้นล่างของห้าง โดยมีการ์ดเดินตามอยู่ห่าง ๆถิงถิงมองซ้ายมองขวาเหมือนไม่อยากเชื่อ ศูนย์อาหารที่มีคนเดินกันพลุกพล่าน ทุกสายตามองมาเป็นจุดเดียวกัน“มีอะไรหรือเปล่า” เหม่ยหลินถามเมื่อเห็นท่าทางของถิงถิงดูตื่นผิดปกติ“นั่งกินที่นี่หรือคะ” เธอถามเพื่อให้แน่ใจ เพราะคิดว่า แม้ไม่พาไปภัตตคารเหมือนเมื่อคืน ก็เป็นร้านอาหารที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่านี้“ใช่ ที่ที่คิดว่าคนพลุกพล่านวุ่นวาย บางครั้งก็เป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเรา อีกอย่างกลางวันแบบนี้ มีสายตาหลายคู่รอจับผิดให้เราอยู่”ถิงถิงอึ้งในคำตอบของเหม่ยหลินแล
เด็กหญิงนลินเมื่อไม่ได้รับการสนใจ ก็รู้สึกกระดากอาย ผลุนผลันลุกขึ้น ในขณะที่ตุ๊กตาบลายท์หลุดจากมือ ร่วงทับปราสาททรายของอีกคนจนพังทลายเสียรูปจากนั้นเจ้าของปราสาททรายหน้าบิดเบี้ยว เมื่อเห็นสภาพของที่ตัวเองบรรจงสร้างมากับมือพังไม่เหลือชิ้นดี ด้วยความโมโหจึงหยิบตุ๊กตาผมสีทองตัวสวยขว้างออกไป จนตกไปที่แอ่งน้ำสีดำคล้ำเจ้าของตุ๊กตากรีดร้องเสียงหลง ทำให้เด็กและผู้ใหญ่แตกตื่น วิ่งกรูกันมาดูด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น‘เกิดอะไรขึ้นหนูนลิน’ เจ้าของสถานที่เอ่ยถามเสียงรนเด็กหญิงน้ำตาเอ่อเรื่อบอกเสียงสั่น ‘ตุ๊กตาค่ะ ตุ๊กตาหนูค่ะ’ แล้วชี้ไปยังหลุมน้ำสีคล้ำ ทุกคนหันมองแล้วก็ต้องตกใจอิงฟ้าหน้าถอดสี รีบเดินไปหยิบมาให้ ในขณะที่ตุ๊กตาตัวสวยสกปรกไม่เหลือเค้าเดิม‘ตุ๊กตาหนู สกปรกหมดแล้ว...ฮือ แล้วนลินจะเล่นยังไงล่ะคะ...’ เด็กหญิงนลินร้องไห้สะอื้น นายแพทย์เกรียงจึงเดินเข้ามาโอบไหล่ลูกสาวคนเดียวของเขาแล้วพูดขึ้น‘ไม่เป็นไร เดี๋ยวพ่อซื้อให้ใหม่นะ’‘เขาคนทำ ทำไมพ่อต้องซื้อ ให้เขาสิต้องซื้อให้’ แล้วชี้ไปยังเด็กหญิงรุ่นเดียวกันโดยที่ไม่มีสีหน้าสลดแม้แต่น้อยกลับกันเด็กหญิงถิงถิงกำหมัด กัดริมฝีปากแน่น เธอไม
หลังจากที่ลงจากรถคันหรู เหม่ยหลินก็หันมามองถิงถิงสาวร่างบางที่สูงแค่ร้อยหกสิบ ในชุดผ้าพริ้วลายดอกที่ขับให้ร่างบางสวยสะดุดตา โดยกระโปรงที่สั้นขึ้นไปเหนือเข้าโชว์เรียวขาขาวจนเห็นเส้นเลือด “เดินเล่นอยู่นั่นแหละ” เหม่ยหลินอดไม่ได้ที่ต้องทักไปเมื่ออีกฝ่ายเดินอ้อยอิ่งอยู่กลางแจ้ง จนกลัวว่าแดดเมืองไทยจะทำร้ายผิวบอบบางของเธอ จนอยากหาผ้ามาปิด คนโดนทักจิกตาใส่ แล้วเปลี่ยนใจหันกลับมาเดินผ่านเธอไป “กินอะไรก่อนไหม” เหม่ยหลินถามในขณะที่อีกคนก้าวฉับ ๆ ไปก่อนแล้ว “กาแฟ ที่ห้องคุณกับขนมปังกรอบหรือบราวนี่สักชิ้นดีกว่าค่ะ”เหม่ยหลินหยุดมอง พร้อมกับยิ้มเอ็นดูกับคำตอบ“อ้าวไหนบอกว่ารีบ”ถิงถิงหันกลับมา แล้วเห็นว่าคนเร่งยังยืนนิ่งอยู่“ก็เนี่ยไง” เหม่ยหลินตอบแล้วรีบก้าวตามมาถิงถิงแอบยิ้มแล้วเดินนำไปก่อน ซึ่งตั้งแต่มาอยู่ไทย นิสัยคุณหนูที่ใช้ในแต่ล่ะวันหายไป เมื่อเหม่ยหลินกินง่ายอยู่ง่ายเธอเองก็ทำได้เช่นกัน เธอเรียนรู้การใช้ชีวิตของเหม่ยหลิน ผู้หญิงที่หลายคนมองแค่เผด็จการ เขาถึงอยาก จิตใจโหดร้าย หากถึงตอนนี้มันไม่ใช่ เพราะสถานการณ์มันบีบให้เราต้องเอาตัวรอด อ่อนแอก็แพ
เหม่ยหลินออกมาจากห้องทำงานก็พบว่าถิงถิงยังคุยอยู่กับเลขาแคท จึงยืนมองทั้งคู่อยู่ห่าง ๆ จนกระทั่งทั้งคู่ผันมาเห็นจึงเลิกคุยกัน“คุณถิงถิงใช้แรงงานคุณแคทเกินเวลาหรือเปล่า”“อุ้ย! ไม่เลยค่ะ คุณเหม่ยหลิน คุณถิงถิงน่ารัก” หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยชื่นชมจากใจ คนถูกชมหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้ผู้บริหารที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก แล้วพูดขึ้น“เนี่ย ได้พี่เลี้ยงเก่งขนาดนี้ ถิงถิงว่าจะพาไปเลี้ยงอะไรเย็น ๆ สักหน่อย”เลขาแคทผู้ยังครองตัวเป็นโสดตาลุกวาวด้วยความดีใจ แต่พอนึกขึ้นได้ก็รีบบอก “มะ ไม่เป็นไรค่ะ... ”“ไม่เป็นไรไม่ได้...” มองหน้าเลขาแคทบอกเป็นนัย ว่าห้ามปฏิเสธ เลขาแคทหน้ามุ่ยกึ่งกล้า ๆ กลัว ๆ ทั้งเกรงใจและรู้สึกประหม่าเมื่อต้องอยู่ใกล้หยางเหม่ยหลิน ทั้งที่เธอก็อยู่นิ่ง ๆ ของเธอ ผิดกับอีกคน ที่คุยหัวเราะได้ โดยไม่รู้สึกเกร็งแต่อย่างใด“ถือว่าเป็นการขอบคุณที่เราทำงานเข้ากันได้ดี...นะ นะ” ทำสายตาเว้าวอน “หากไม่ไปถือว่าคุณแคทไม่ชอบถิงถิง”“อุ้ย! ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ”ในขณะที่เหม่ยหลินยกมือกอดอกรอฟังคนทั้งคู่ตกลงกัน“งั้นต้องไป ปะเก็บของ” แล้วเดินไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะแทนเจ้าของ เลขาแคทรีบวิ่งไปคว้า “ปะไปก
หลังจากที่นั่งดื่มไปได้ไม่นานผู้คนเริ่มหนาตา ถิงถิงจึงเรียกถามบริกรที่เดินผ่านมาพอดี“ปกติที่นี่คนเยอะแบบนี้ทุกคืนหรือเปล่าคะ” “ก็ไม่แบบนี้ทุกวันหรอกครับ แต่พอดีว่าคืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ มีกิจกรรมพิเศษ เป็นคืนรวมตัวนายแบบนางแบบ มาพบปะกันนะครับ...” แล้วบริกรหนุ่มก็มองถิงถิงกับเหม่ยหลิน ตั้งแต่หัวจรดเท้า “ขอโทษนะครับ ผมนึกว่าคุณลูกค้าทั้งสองจะเป็นดารานางแบบเสียอีกนะครับเนี่ย”“อ่อ ไม่ใช่ค่ะ”“อ้อครับ... ขอให้สนุกกับค่ำคืนนี้นะครับ” บริกรโค้งคำนับอย่างสุภาพนอบน้อมแล้วเดินไปทำงานต่อค่ำคืนที่เต็มไปด้วยบรรดาอาหารตา ถิงถิงแอบมองเหม่ยหลินเป็นระยะ หากแต่ไม่พบความผิดปกติ เธอนั่งจิบน้ำสีอำพัน ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง...จนกระทั่งมีหนุ่มหล่อเดินตรงเข้ามาสายตามุ่งหวังมองตรงมายังถิงถิง ในขณะที่หนานซิงกำลังขยับพร้อมรับมือ แต่เหม่ยหลินส่งสัญญาณไว้ เขาจึงยืนนิ่งอยู่กับที่ แต่เตรียมพร้อมเสมอ จากนั้นหนุ่มหล่อหุ่นสูงล่ำ อย่างคนดูแลรูปร่างเป็นอย่างดี เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า พร้อมยิ้มโปรยเสน่ห์ ถิงถิงยิ้มรับด้วยมารยาทเพราะในขณะที่อีกฝ่ายเดินมาถึง เหม่ยหลินยกแขนขึ้นหวาดไปโอบไหล่ของถิงถิงไว้ แล้วดึงมาหาจ
ผู้ใหญ่อีกสองคนยกมือขึ้นมาสัมผัสที่แขนของทั้งคู่แทนคำพูด ซึ่งถิงถิงและเหม่ยหลินรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่ผู้ใหญ่ทั้งสองแสดงออกมา ทั้งคู่ยกมือไหว้อีกครั้ง โดยถิงถิงปราบปลื้มจนน้ำตาเออเรื่อ ด้วยความซาบซึ้งใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าอาจมีญาติบางคนไม่เห็นด้วยกับความรักของเธอกับเหม่ยหลิน แต่ทุกคนกลับยิ้มยินดี โดยเฉพาะภรรยาใหญ่ทั้งสองของคุณลุงหยาง ซึ่งท่านไม่แม้จะพูดให้เสียความรู้สึก...เมื่อผู้ใหญ่เดินกลับที่พักไปแล้ว เหลือแค่หนุ่มสาววัยไล่เลี่ย ก็เข้ามาแสดงความยินดีและหยอกเย้า ทำให้นึกถึงบรรยากาศสมัยตอนเป็นเด็กที่ต่างคนต่างมีความซนและใสซื่อต่อกัน แต่เมื่อโตขึ้นต่างคนต่างมีเป้าหมายของตัวเองและแยกตัวไปทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ความคุ้นเคยกลายเป็นความห่างเหิน แต่ใจลึก ๆ ทั้งหมดก็ยังหวังดีและเป็นกำลังใจให้กันโดยไม่ต้องแสดงตัว...งานช่วงเย็นพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าวิวท้องฟ้าไล่แสงสีส้มตัดกับน้ำทะเล ทุกคนต่างเก็บภาพนั้นไว้ ด้วยความสนุกสนาน โดยเจ้าสาวทั้งคู่ยืนอยู่บนแท่นเพื่อแลกเปลี่ยนคำมั่นสัญญารักที่มีให้กัน ท่ามกลางหาดทรายขาว และมหาสมุทรสีฟ้าเข้มตัดกับขอบฟ้ากว้างที่อยู่เคียงข้างเป็นสักขี
ถิงถิงยิ้มรับ จากนั้นเธอก็โดนโอบรั้งให้ยืนขึ้น รอรับจูบดูดดื่มของคนตัวโตที่ส่งมอบมา จากนั้นเหม่ยหลินจัดการพาร่างที่อ่อนปวกเปียกเพราะรสจูบของตนให้ลงไปนั่งอยู่ในอ่างเคียงคู่กัน แล้วกอดรัดฟัดเหวี่ยงจูบซุกไซร้ซอกซอนไปตามจุดต่าง ๆ ของกันและกัน จนกระทั่งถิงถิงถูกจับกดให้นอนราบลงไป โดยเหม่ยหลินยกขาเรียวของถิงนั้นให้พาดไปกับขอบอ่างทั้งสองข้าง จนเห็นเนินอวบอูมสีเรื่องามสล้างตรงหน้าแจ่มชัดจนต้องกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอเธอไม่รีรอให้เวลาเดินไปโดยเปล่าประโยชน์ ก้มลงไปหาเนินอวบอิ่มที่แย้มโชว์กลีบกุหลาบงาม โดยการส่งลิ้นอ้อนพริ้วเข้าไปทักทายตามช่องแยกที่ปริ่มน้ำ ดูดกลืนกลิ่นความหวานนั้นอย่างไม่เกี่ยงงอน“อ่าส์ ซีดส์...” ถิงถิงแอ่นสะโพกร่อนรับ พร้อมเสียงร้องคราง ในขณะที่มือยกขึ้นมาจับเส้นผมของคนที่ก้มหน้าคลุกอยู่ตรงกลางกายสาว และเผลอกดศีรษะนั้นลงไปด้วยความกระสันเหม่ยหลินไม่อยากให้ถิงถิงถึงฝั่งฝันในตอนนี้ จึงยืดเวลาโดยถอนปลายลิ้นออกมา คนที่กำลังเคลิบเคลิ้มผงกหน้าขึ้นมามองคิ้วขมวด ทำหน้าแปลกใจเหม่ยหลินกระตุกยิ้มร้ายส่งให้ จากนั้นถิงถิงก็ทิ้งศีรษะลงที่เดิม เมื่อนิ้วเรียวเริ่มขยับและสัมผัสอยู่ตรงเนิน ลู
การไถ่โทษของเหม่ยหลินทำให้ถิงถิง ไม่มีโอกาสได้เปิดปากเถียง เมื่อทั้งมือทั้งริมฝีปากปากตะปบเข้ามาอย่างเสือตะครุบเหยื่อ โดยมือข้างหนึ่งปลดเสื้อผ้าที่เปียกน้ำของถิงถิงไปด้วย ส่วนมืออีกข้างจับต้นคองามเพื่อไม่ให้รอรับจังหวะจูบที่โน้มลงไปหาสัมผัสจูบนั้นนุ่มนวลและรุนแรงไปตามความปรารถนา ในขณะที่ลำตัวและเท้าพากันประคองเข้าไปในห้องน้ำกายเปลือยเปล่าแนบชิด ลูบไล้นัวเนีย ประหนึ่งคนอดอยากปากแห้ง ร้างราเรื่องอย่างว่ามานานนับปี...ความสุขกระสันเพลิดเพลิน กับความหวานล่ำของกันและกัน จนแผ่นหลังกระแทกไปกับฝาผนังห้องน้ำ จนคนแนบชิดรับรู้ถึงความสั่นสะเทือน แต่เจ้าตัวที่โดนทับกลับไม่รู้สึกรู้สา หรืออยากหยุดการกระทำของตัวเองเป็นถิงถิงเสียเองที่รู้สึกจุกแทน เพราะสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของสิ่งที่สัมผัสกันอยู่จนเกิดความกังวล ความรู้สึกหวาบหวามหยุดชะงักเป็นห่วง กลัวว่าถึงตอนนั้นคนพี่จะรู้สึกเจ็บทีหลัง“หือ...” เธอส่งเสียงเตือนออกจากลำคอ แต่คนคลั่งรักยังไม่ถอนริมฝีปากหรือผละออกห่าง สุดท้ายใช้นิ้วจี้ไปที่เอวคอดของเหม่ยหลิน“อุ๊!” เธอสะดุ้งและผละออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมมองใบหน้าหวานสีเรื่อเป็นเครื่องหมายคำถาม“
“ตอนหนูเข้าห้องน้ำพี่ยังหลับลงเลยนี่คะ”“ตอนนั้นหนูอยู่ในห้องน้ำ... แต่ตอนนี้หนูอยู่ข้างนอก จะให้หลับลงได้ยังไง... ปะ เรากลับกันเถอะ แดดก็ร้อนเดี๋ยวผิวเสียหมด”“หนูทากันแดดมาอย่างดีเลยค่ะ” คนดื้อบอกสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนพร้อมกับยกแขนเรียวขึ้นมาให้ดูอีกเหม่ยหลินกรอกตามองบน“ถึงจะทาแล้วก็เถอะ... ปะกลับที่พัก” เดินเข้ามาดึงแขนเรียวที่เจ้าของมีทีท่าจะเดินไปต่อ แต่โดนสะบัดออกพร้อมคำปฏิเสธ“ไม่เอา!” จนฝามือที่จับไว้หลวม ๆ หลุดออกเมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นอิสระแล้ว ถิงถิงก็ออกวิ่ง พร้อมกับตะโกนบอก “อยากให้กลับ ก็จับให้ทันสิคะ”เหม่ยหลินยกมือขึ้นเท้าสะเอว มองหญิงสาวร่างบาง ที่ตอนนี้เหมือนเด็กน้อยวัยสามขวบอยากได้เพื่อนเล่น ด้วยดวงตาหมายหมาด...หากตรงหน้าเปรียบเป็นเหยื่อ ผู้ล่าอย่างเธอจะไม่ปล่อยใหเหยื่อ เป็นอิสระสักวินาทีเดียว“จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม...” เหม่ยหลินกัดฟันปั้นปาก จ้องร่างบางที่สาวเท้าวิ่งออกไปอย่างไม่รอ “คิดว่าจะหยุดแค่จับหรือไง” เธอเปรยขึ้นด้วยความมันเขี้ยว จากนั้นก็พุ่งตามออกไปในขณะที่ถิงถิงหันกลับมาดู ก็เห็นว่าเหม่ยหลินกำลังวิ่งไล่ตามมาใกล้ถึง เธอก็ส่งเสียงกรี๊ดออกมาพร้อมกับหลบฝ่ามือที่
ผ่ามือเรียวที่ดันอยู่บนหน้าอกก็ถูกดึงออกมาฟาดไปบนไหล่คนหื่นหนัก ๆ “เนี่ย ระวังเหอะ จะหมดแรงคาอกหนูสักวัน” พูดข่ม คนอายุห่างเกือบ10ปีเหม่ยหลินยิ้มร่า สายตาท้าทาย “เคยมีสักครั้งไหมล่ะ”“เนี่ย หากยังไม่ไปอาบน้ำ แล้วกลับมานอนพักผ่อนเอาแรง...” สายตาและน้ำเสียงเป็นห่วงมากกว่าติเตียนเหม่ยหลินถอนหายใจ แกล้งทำหน้างอ “ใจร้าย...”“หวังดีค่ะ” ถิงถิงย้อนสายตาเต็มไปด้วยผู้ชัยชนะคนโดนสกัดทำได้แค่ส่งสายตาคาดโทษ ลุกขึ้นไปอาบน้ำเพื่อนอนพักผ่อนตามที่เด็กดื้อได้พูดไว้ เพราะหลังจากนี้คงไม่มีเวลาได้พักสายตาเต็มตื่น จนกว่างานทุกอย่างจะผ่านพ้นไป...แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อเด็กดื้อยังแผงฤทธิ์ไม่หยุด!เวลาผ่านไป...เหม่ยหลินเดินออกมาจากห้องน้ำ สายตาของเธอมองตรงไปยังเตียงนอน แต่พบว่าถิงถิงไม่ได้อยู่บนเตียงเพื่อนอนพักผ่อนไปด้วยกัน“ถิงถิง...” เธอเรียกหา “เด็กดื้อ... หายไปไม่บอกไม่รออีกแล้วนะ” บ่นคนให้เป็นห่วงเมื่อไม่มีถิงถิง เหม่ยหลินก็ไม่มีใจทำอะไร นอกจากเดินหาไปทั่วบ้านพักหลังใหญ่แต่ก็ไม่เจอ ใจเริ่มกังวล ตัดสินใจเดินกลับมาในห้องนอนและเห็นว่าชุดลำลองของตนถูกจัดวางไว้ให้ จึงรีบหยิบ
สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ห่วงความรู้สึก ห่วงการถูกมองจากคนในสังคมที่คนพี่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะบางสังคมและผู้ใหญ่บางคน ยังไม่ยอมรับเรื่องรักเพศเดียวกัน“เรื่องนี้ พี่พร้อมมาทั้งชีวิตแล้วล่ะ...ว่าแต่ห่วงตัวเองเถอะ พร้อมหรือยังฮึ?” คำถาม มาพร้อมสายตากรุ่มกริ่มที่แฝงไปด้วยความปรารถนาซ้ำยังยกยิ้มมุมปากถิงถิงทำหน้าเมื่อย อยากสั่งห้ามว่าอย่าไปทำหน้าทำตาออกอาการแบบนี้กับใคร!“พะพร้อมอะไร... ชุดเหรอ เรียบร้อยแล้วไง ก็ไปเลือกพร้อมกัน”ถิงถิงเสียอาการจนเสียงแกว่ง ทำเป็นเฉไฉตอบความหมายเป็นอย่างอื่น ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดในแง่ไหน...สายตาออกชัด ซึ่งทุกครั้งที่เห็นสายตานี้ อดเสียววาบช่องท้องไม่ได้“แน่เหรอ ว่าที่พี่ถาม หนูเข้าใจว่าเรื่องชุด?” สายตาของเหม่ยหลินยังวาบหวามเปล่งประกายถิงถิงหน้าฉาบสี เขินจนอยากหมุดหน้าหนี เถอะ!คนผีทะเล ยังจะมาขยี้จี้ถามได้อีก“ว่าไง ฮึ?”ทำเสียงเยิ้มหวาน ซึ่งเธอไม่ได้ตั้งใจเอาคำตอบ หากแต่อยากแกล้งให้อีกฝ่ายเขิน ซึ่งภาพนั้นมันน่ามองน่ารัก จนถอนตัวถอนใจไม่ได้อีกแล้วถิงถิงจิกตาค้อน หื่นได้ทุกทีสิน่า... “ไม่พูดด้วยแล้ว” เสียงนุ่มสะบัด จากนั้นหมุนตัวพาหน้าฉาบสี
“แล้วพี่จะหยุดงานหนึ่งอาทิตย์จริง ๆหรือคะ” ถิงถิงเอ่ยถามหลังจากที่อีกคนเงียบไปซึ่งคนที่รักงานเป็นชีวิตจิตใจจะหยุดงานที่ต้องใจแข็งแค่ไหน...“จริงสิ หรือหนูไม่ชอบที่เราจะมีเวลายู่ด้วยกัน”จากนั้นทั้งคู่ก็หันมาสบตาอย่างค้นหา หากถิงถิงโน้มใบหน้าเข้ามาหาแตะริมฝีปากไปบนปากบางได้รูป“ขอบคุณนะคะ” เสียงนั้นแผ่วเบาและแฝงไปด้วยความขัดเขินเหม่ยหลินเลิกคิ้วยกสูงแล้วถาม “ขอบคุณเรื่อง” สายตาเต็มไปด้วยความเอ็นดูเจ้าของใบหน้าขาวนวลไม่ตอบหากแต่หลบสายตานั้นทำให้เหม่ยหลินยกยิ้ม ที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เร็วกว่าความคิดของคนที่รอจังหวะอยู่แล้ว ก่อนจะเอี้ยวตัวไปดึงร่างบางให้หันนั่งค้อมตักของตัวเองถิงถิงเงอะงะไปเพียงครู่ “พี่คะ ที่มันที่โล่งนะคะ” เธอขืนตัวเพราะว่ามันโจ่งแจ้งเกินว่าจะทำเรื่องอย่างว่า“ที่ส่วนบุคคลใครจะกล้าเข้ามา” คนเอาแต่ใจบอก“แต่...”“นา เปลี่ยนบรรยากาศไง”สายตานั้นเว้าวอนมองมา ถิงถิงจึงปล่อยเลยตามเลย และเข้าใจความต้องการของอีกฝ่าย จึงตอบสนองให้ทันท่วงที โดยการรับจูบที่ดูดดื่ม ร้อนแรงและดูดดื่มส่งมอบไปให้คนบนตัก ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่เขากลั่นออกมาและสนองไปให้ด้วยการกระทำ รัก
ในห้องทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสารและหนังสือ “นั่งลงสิ” มิสเตอร์หยางหันมาบอกหลังจากที่ตัวเองหนังลงบนเก้าอี้ตัวโปรด“มีอะไรจะบอกพ่อไหม” สายตานั้นมองมาอย่างรอคอยและค้นหา“เรื่องที่ดินประมูลมาได้ ทุกอย่างไม่มีปัญหาค่ะ ตอนนี้หนูปล่อยให้เจ้าของกลับมาทำมาหากินในที่ตัวเอง โดยไม่เอาค่าเช่า”“ลูกลืมไปแล้วหรือว่าตระกูลของเราทำอะไร...” เสียงนั้นจริงจัง หากไม่มีแววตำหนิ แต่มีความสงสัยอยู่เต็มเปี่ยม“ทำธุรกิจค่ะ” เธอตอบอย่างมั่นใจ เพราะทุกวันนี้ชีวิตของเธอหมุนอยู่กับตัวเลข“ลูกรู้นิ แล้วทำแบบนั้น เราได้อะไรกลับมา” ผู้สูงวัยอยากรู้เหตุผล“ความไว้ใจและความเชื่อใจไงคะ”“แล้วลูกรู้หรือ ว่าคนพวกนั้นเขาจะมีให้ลูกได้”“มีค่ะ เพราะหากต่อไปที่ดินผืนนั้น ไม่มีใครอยากทำอาชีพเดิม ๆ หรือไม่เห็นผลกำไรเลย ถึงตอนนั้นเรายื่นขอเสนอ ขอเปิดทำโรงงาน หรืออุตสาหกรรม เพื่อยกระดับการทำงานให้ทุกคนมีงานทำ และได้เงินที่แน่นอนกว่า ถึงตอนนั้นคงไม่มีชาวบ้านคนไหนคัดค้าน”“เออ... คิดดี...” มิสเตอร์หยางตบโต๊ะดังปังด้วยความพอใจ คิดไม่ถึงว่าเหม่ยหลินจะสร้างเกมนี้ขึ้นมา “พ่อคิดไม่ถึงตรงนี้ ดีนะที่ลูกเข้าใจถึงเสียงของชาวบ้าน การพึ่งพาอาศั
หยางฟางหลงแนะนำน้องชายกับน้องสะใภ้ให้บุตรสาวได้รู้จักต่อ จากนั้นก็ปรายตามไปมองยังลูกสาวบุญธรรมของเขาอีกคน กับหลาน ๆ ที่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกัน ก่อนผ่อนลมหายใจยาวออกมา“นี่หลิงหลิง ไห่หมิง หวังเหว่ย เพ่ยเพ่ย น่าจะเป็นพี่เรานะ”สิ้นเสียงผู้เป็นบิดาบุญธรรม หยางเหม่ยจูก็ยกมือขึ้นไว้ทุกคนทันที และแน่นอนว่าคนที่รับไหว้นั้นมีเพียงสองหนุ่มเท่านั้น ส่วนหยางเพ่ยเพ่ยได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายนิ่งแล้วก็ยกริมฝีปากยิ้ม ทว่าคนที่ดูจะมีปฏิกิริยากต่อคนเพิ่งมามากที่สุดคือ หยางหลิงหลิง ที่เวลานี้ขยับตัวนั่งกอดอกเชิดหน้าขึ้นมองเธอเพียงหางตาเท่านั้น หากคนที่เห็นรับรู้ได้ทันที....เหม่ยจูน่าจะมีอริเพิ่มแบบไม่ทันตั้งตัวแล้ว ดังนั้นทางที่ดีขอให้เธอห่างจากผู้หญิงคนนี้ เพื่อเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นแบบไม่รู้ตัว...เหม่ยหลินคิดกังวลแทนเหม่ยจูขึ้นมา“เอาไว้ก็ไปทำความรู้จักกันแล้วกันนะ ... และส่วนอีกสองคนนั่น หยางหวังเหล่ย กับถิงถิง หวังเหล่ยน่าจะรุ่นเดียวกับเหม่ยจู ถิงถิง นั่นเด็กน้อยสุดแล้ว ทั้งดื้อ ทั้งซน ทั้งเอาแต่ใจตัวเอง” คำต่อกึ่งหยอกกึ่งแซวของประมุข ทำให้หลายคนอมยิ้ม“ถิงถิง ไม่ได้เอาแต่ใจตัวเองสักหน่อยค่ะ”คนโดน