เหม่ยหลินออกมาจากห้องทำงานก็พบว่าถิงถิงยังคุยอยู่กับเลขาแคท จึงยืนมองทั้งคู่อยู่ห่าง ๆ จนกระทั่งทั้งคู่ผันมาเห็นจึงเลิกคุยกัน“คุณถิงถิงใช้แรงงานคุณแคทเกินเวลาหรือเปล่า”“อุ้ย! ไม่เลยค่ะ คุณเหม่ยหลิน คุณถิงถิงน่ารัก” หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยชื่นชมจากใจ คนถูกชมหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้ผู้บริหารที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก แล้วพูดขึ้น“เนี่ย ได้พี่เลี้ยงเก่งขนาดนี้ ถิงถิงว่าจะพาไปเลี้ยงอะไรเย็น ๆ สักหน่อย”เลขาแคทผู้ยังครองตัวเป็นโสดตาลุกวาวด้วยความดีใจ แต่พอนึกขึ้นได้ก็รีบบอก “มะ ไม่เป็นไรค่ะ... ”“ไม่เป็นไรไม่ได้...” มองหน้าเลขาแคทบอกเป็นนัย ว่าห้ามปฏิเสธ เลขาแคทหน้ามุ่ยกึ่งกล้า ๆ กลัว ๆ ทั้งเกรงใจและรู้สึกประหม่าเมื่อต้องอยู่ใกล้หยางเหม่ยหลิน ทั้งที่เธอก็อยู่นิ่ง ๆ ของเธอ ผิดกับอีกคน ที่คุยหัวเราะได้ โดยไม่รู้สึกเกร็งแต่อย่างใด“ถือว่าเป็นการขอบคุณที่เราทำงานเข้ากันได้ดี...นะ นะ” ทำสายตาเว้าวอน “หากไม่ไปถือว่าคุณแคทไม่ชอบถิงถิง”“อุ้ย! ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ”ในขณะที่เหม่ยหลินยกมือกอดอกรอฟังคนทั้งคู่ตกลงกัน“งั้นต้องไป ปะเก็บของ” แล้วเดินไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะแทนเจ้าของ เลขาแคทรีบวิ่งไปคว้า “ปะไปก
หลังจากที่นั่งดื่มไปได้ไม่นานผู้คนเริ่มหนาตา ถิงถิงจึงเรียกถามบริกรที่เดินผ่านมาพอดี“ปกติที่นี่คนเยอะแบบนี้ทุกคืนหรือเปล่าคะ” “ก็ไม่แบบนี้ทุกวันหรอกครับ แต่พอดีว่าคืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ มีกิจกรรมพิเศษ เป็นคืนรวมตัวนายแบบนางแบบ มาพบปะกันนะครับ...” แล้วบริกรหนุ่มก็มองถิงถิงกับเหม่ยหลิน ตั้งแต่หัวจรดเท้า “ขอโทษนะครับ ผมนึกว่าคุณลูกค้าทั้งสองจะเป็นดารานางแบบเสียอีกนะครับเนี่ย”“อ่อ ไม่ใช่ค่ะ”“อ้อครับ... ขอให้สนุกกับค่ำคืนนี้นะครับ” บริกรโค้งคำนับอย่างสุภาพนอบน้อมแล้วเดินไปทำงานต่อค่ำคืนที่เต็มไปด้วยบรรดาอาหารตา ถิงถิงแอบมองเหม่ยหลินเป็นระยะ หากแต่ไม่พบความผิดปกติ เธอนั่งจิบน้ำสีอำพัน ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง...จนกระทั่งมีหนุ่มหล่อเดินตรงเข้ามาสายตามุ่งหวังมองตรงมายังถิงถิง ในขณะที่หนานซิงกำลังขยับพร้อมรับมือ แต่เหม่ยหลินส่งสัญญาณไว้ เขาจึงยืนนิ่งอยู่กับที่ แต่เตรียมพร้อมเสมอ จากนั้นหนุ่มหล่อหุ่นสูงล่ำ อย่างคนดูแลรูปร่างเป็นอย่างดี เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า พร้อมยิ้มโปรยเสน่ห์ ถิงถิงยิ้มรับด้วยมารยาทเพราะในขณะที่อีกฝ่ายเดินมาถึง เหม่ยหลินยกแขนขึ้นหวาดไปโอบไหล่ของถิงถิงไว้ แล้วดึงมาหาจ
สองชั่วโมงผ่านไป...คนที่เคยปากแจ๋ว ตอนนี้เริ่มพูดลิ้นพัน เหม่ยหลินจัดการเรียกบริกร จากนั้นก็พากันออกจากร้าน“เดินดี ๆ” เหม่ยหลินร้องทักพร้อมกับคว้าหมับไปที่เอวคอด แล้วดึงมาประชิดตัวอย่างง่ายดาย เมื่อคนเมาไม่ดูสภาพตัวเองเดินปรี่ออกไปแบบไม่รอกัน ในขณะที่หนานซิงเดินขนาบเตรียมพร้อมเสมอหากทั้งคู่พลาด แต่เหม่ยหลินไม่ปล่อยให้มาถึงเขา...ใบหน้าสีเรื่อเพราะแอลกอฮอล์เกินลิมิต ดวงตาไหวระริกฉ่ำเยิ้มแฝงด้วยความซุกซนช้อนมอง แล้วฉีกยิ้มพราวน่ารัก!แม้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เป็นตัวของตัวเองเต็มร้อย แต่เหม่ยหลินจัดเก็บความรู้สึกไว้ไม่ได้ เลยต้องผันหน้าหนีแต่ใครจะคิดว่าคนที่ร่างกายเดินสูง ๆ ต่ำ ๆ แต่ความรู้สึกนึกยังเหมือนเดิมรังเกียจกันใช่ไหม... ถิงถิงคิดอย่างน้อยใจโดยที่เหม่ยหลินไม่คาดคิดหรือเฝ้าระวัง ถิงถิงตัดสินใจรวบรวมแรงที่มีอยู่น้อยนิดผลักดันตัวเองออกจากอ้อมแขนที่โอบอยู่ ซึ่งในจังหวะนั้นเหม่ยหลินไม่ทันระวัง ทำให้ร่างบางกระเด็น ออกไปอย่างง่ายดาย หากดีที่หนานซิงคว้าไว้ได้แล้วตวัดขึ้นแขนแกร่งไว้ด้วยสัญชาตญาณของผู้ดูแลและผู้ปกป้องนายจ้างให้ปลอดภัย“ขอโทษนะครับ...” ด้วยความที่ไม่รู้จะทำไงก็เพียงกล่าวคำขอ
ริมฝีปากบางยกยิ้มกับภาพใบหน้าที่นอนตะแคงข้างจนปากบี้น่ารักเหมือนเด็กน้อย ก่อนจะยื่นนิ้วเรียวยาวไปปัดปอยผมที่ปรกใบหน้างามเบา ๆ ถิงถิงยังคงหลับไม่รู้เรื่อง... เมื่อเห็นว่าคนเมาสงบลงแล้วเหม่ยหลินจึงค่อยลงจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำธุระส่วนตัว เกือบสี่ทุ้ม เหม่ยหลิน ก็มาหยุดยืนอยู่ริมเตียงนอนด้านข้าง ลังเลว่าจะจัดการกับคนเมายังไงดี อาบน้ำ เช็ดตัว หรือแค่เปลี่ยนเสื้อผ้า ยืนคิดด้วยความลังเลและประหม่า หากแต่สายตาจับจ้องใบหน้าสวยละมุน ก่อนที่ริมฝีปากบางอมชมพูที่ปราศจากการแต่งแต้ม หากแต่อวบอิ่มอย่างคนสุขภาพดีคลี่ยิ้ม มองคนเมานอนซุกหน้าจมอยู่บนหมอนพี่จะทำไงกับเธอดี ยายเด็กดื้อ...เหม่ยหลินค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งสายตาจับจ้องใบหน้างามเนียนที่ยังคงหลับตานิ่ง คนหลับตาพริ้มปรือตาขึ้นอย่างช้า ๆ เหมือนกับรู้ว่ากำลังมีใครจ้องเธออยู่ทันทีที่เริ่มรู้สึกตัว ถิงถิงรับก็ฉีกยิ้มหวานเชื่อมจนเหม่ยหลินต้องกระพริบตาเพื่อขับไล่สิ่งที่เห็น ตาฝาดหรือไม่...“พ พี่...” น้ำเสียงขาดหาย ไปกับอาการเมา พยายามเอาข้อศอกดันเพื่อที่จะนั่ง หากแอลกอฮอล์ ที่มีอยู่ในเลือด ปริมาณมาก ทำให้
เสียงทักถามทำให้เด็กหญิงหน้าตาอวบอิ่มเงยหน้าขึ้นมาจากความมืดที่พอให้เห็นใบหน้าของกันและกันชัดพอ‘ค่ะพี่...’ เสียงแหบเบาและสั่นฟังดูผิดปกติทำให้คนโตกว่าร้อนใจจนเดินเข้าไปหา‘เป็นอะไร ทำไมไม่ออกไปเล่นกับเพื่อน’ ในขณะที่ถามเด็กหญิงถิงถิง ก็ผันหน้าหนี จนเธอเดินเข้ามาใกล้ถึงได้รู้ว่า ใบหน้านั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา‘เป็นอะไรไม่สบายหรือเปล่า’ เหม่ยหลินตกใจรีบเดินไปเอาหลังฝ่ามือไปแต่ที่หน้าผากน้อย ๆ แต่อุณภูมิบนตัวเด็กหญิงก็ปกติดี‘ถิงถิงไม่ได้เป็นอะไรค่ะ...’ เสียงแผ่วตอบยืนยันกลับมา‘งั้นป่ะ พี่พาออกไปเล่นกับเพื่อน ๆ’‘พี่ไปเถอะ ถิงถิงจะนั่งอยู่ที่นี่’‘ตรงนี้มืดก็มืด ยุงก็เยอะ’ เธอบอกด้วยความเป็นห่วงเพราะเห็นว่าเด็กหญิงเกาไปบนแขนแรง ๆ ซ้ำ ๆ จนกลัวว่าผิวบาง ๆ จะถลอกหมดเสียก่อน‘ไม่เป็นไรค่ะ ถิงถิงนั่งได้’ เด็กหญิงยืนยันหนักแน่น‘งั้นพี่นั่งเป็นเพื่อนดีไหม’พูดจบเหม่ยหลินก็ทรุดตัวลงนั่งใกล้ ระหว่างนั้นก็นำคุยเพื่อให้เด็กหญิงลืมสิ่งที่กำลังกวนใจไปได้บ้าง โดยสังเกตอาการของเด็กหญิงที่ตัวเองรู้จัก ไม่เคยงอแงหรือชอบเรียกร้องความสนใจจากใคร กลับกันเป็นเด็กช่างพูดช่างเจรจา หากวันนี้มีอะไรให้ขุ่นข้อง
แม้จูบนั้นสัมผัสได้ถึงความเงอะงะไม่ช่ำชอง แต่ก็ทำให้ใจของคนที่คิดต่อต้านในคราแรก กลับคล้อยตามและวาบหวิวได้ไม่น้อยแต่...มันเหมาะสมหรือไม่ ความคิดความละอายก่อตัวขึ้น เหม่ยหลินจึงรวบรวมความกล้าแล้วฝืนใจดันร่างบางออก จนริมฝีปากของทั้งคู่แยกห่างออกจากกัน“อืออ...” เสียงนั้นติดรำคาญและเสียดาย“มันไม่เหมาะนะถิงถิง...” เหม่ยหลินเตือน เรื่องแบบนี้แค่ความต้องการตรงกันมันไม่ได้เมื่อโดนขัดคนที่กำลังเคลิ้มชักสีหน้า“อายุเท่าไหร่กันแล้วจะมาไม่เหมาะตรงไหน”“แต่พี่ เป็นพี่เธอนะ...”“พี่เหรอ...พี่แบบไหน พี่ก็รู้อยู่แก่ใจ” เสียงนั้นติดประชด แล้วเอ่ยต่อ “ถิงถิงไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน พี่ก็อย่าทำร้ายความรู้สึกถิงถิงด้วยการอ้างเหตุผลแบบนี้นะคะ”“เมื่อไหร่ ถิงถิงรู้สึกแบบนี้กับพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่” เหม่ยหลินถามเสียงเครียด“เมื่อไหร่มันไม่สำคัญหรอกค่ะ มันสำคัญอยู่ที่ว่าตอนนี้หนูรู้สึกกับพี่ไปแล้ว ว่าแต่พี่รู้สึกกับหนูบ้างไหม...” สายตาคนถามเว้าวอนและจริงจังหากเหม่ยหลินไม่ตอบ แต่พยายามขยับตัวหนีถิงถิงหงุดหงิดในอก กลืนก้อนแข็ง ๆ ลงท้อง ไม่ได้ผิดหวัง หากแต่น้อยใจ “หรือพี่ยังตัดใจจากผู้หญิงคนเก่าคนนั้น
จมูกโด่งคลอเคลีย อยู่ระหว่างซอกคอระหงและหน้าอกตูมนุ่มที่แข่งกันชูชันรับสัมผัสจนเป็นตุ่มไตเย้ายวนใจภายใต้ชุดเดรสที่เธอจับสาบเสื้อให้แยกห่างจนเห็นเสื้อในตัวจิ๋ว จากนั้นก็ผละออกมาจดจ้องร่างบางที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะตัดสินใจค่อย ๆ ปลดอาภรณ์ของคนน้องออกทีละชิ้น เผยให้เห็นผิวเนียนขาวผุดผาด ที่กลายเป็นสีแดงเรื่อน่ามอง จากนั้นก็ก้มลงไปจุมพิตบนไหล่มนเบาๆ ในขณะที่นิ้วเรียวลูบไล้และสัมผัสไปทั่วผิวบอบบาง ซึ่งเจ้าของร่างบางก็บิดกายเด้งขึ้นตอบสนอง ซีดปากอย่างกระสันเสียวบัวงามไหวสะท้านอยู่ในระยะประชิด เหม่ยหลินไม่รอช้า ก้มลงไปครอบครองแล้วดูดกลืนความหอมหวานนั้นอย่างหยามใจ จากนั้นเปลี่ยนเป็นค่อย ๆ ดึง ไล้เลียลงต่ำ ทักทายเนินหน้าอกขาวอมชมพูที่รอตั้งรับ ก่อนจะปล่อยปลายลิ้นชุ่มร้อนเข้าไปทักทายและหยอกเอิ้นยอดสีชมพูตรงหน้า ดูดกลื่น ไล้เลาะเล็มซ้ำ ๆ พร้อมกับนิ้วที่ขยับลูบไล้อยู่บนเนินอวบอูม ที่เจ้าของเริ่มผ่อนคลายโดยปล่อยให้เรียวขาเหยียดยาวไม่เกร็งเหมือนในคราเรียกที่ถูกเปลื้องผ้าออกไป“อืออ...” เสียงหวานกระเส่าลากยาน ในขณะที่ร่างบางสะท้านไหวบิดตัวและแอ่นอกรับด้วยความกระสันมุมปากยักยกสูง ก่อนจะปล่อยอุ้งปากร้
ความกำหนัดบวกกับแอลกอฮอล์ที่ผสมอยู่ในเส้นเลือด ความร้อนแรงจึงมีตามมา เหม่ยหลินเร่งส่งแรงกระแทกด้วยนิ้วที่ชำนาญ จนคนใต้ร่างสะเทือนไหวไปตามจังหวะหากแต่พร้อมรับโดยไม่มีถอย การเดินทางกำลังถึงฝั่ง และคนใต้ร่างก็กระตุกเกร็ง เหม่ยหลินกระตุกยิ้มเมื่อรับรู้ได้ว่าถิงถิงไปถึงฝั่งฝัน เช่นเดียวกันกับเธอ...ถิงถิงนอนนิ่งไปแล้ว เหม่ยหลินก็ขยับลุกขึ้นเข้าห้องน้ำ อึดใจต่อเดียวก็เดินตัวปลิวออกมา พร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กที่บิดน้ำพอหมาด ๆ จากนั้นก็นั่งลงบนขอบเตียง จัดการเช็ดเนื้อตัวให้คนกลับตาพริ้มจนสะอาด แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่โดยที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ขัดขืน หรือแสดงอาการเขินอาย จนกระทั้งเสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง จึงดึงผ้าห่มมาคลุมกายให้คนที่หลับตาพริ้ม ซึ่งเธอไม่มั่นใจว่าหลับไปแล้วหรือยัง จากนั้นก็จัดการกับตัวเองและสอดตัวไปใต้เผ้าห่มผืนเดียวกัน หลับตามอีกคนไป...หากแต่มุมปากบางของคนที่เหม่ยหลินคิดว่าหลับกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมเปลือกตาในภายใต้ขนตางอนงามปรือขึ้น“ขอบคุณ นะคะพี่หยก...” เธอมองเจ้าของชื่อที่เธอเรียกได้เต็มปาก ด้วยสายตาเป็นสุข... แสงแดดยามเช้าส่องผ่านเข้ามาทางกระจกบานใหญ่ ในขณะที่ร