หนึ่งอาทิตย์ต่อมา... ความสัมพันธ์ของเหม่ยหลินและถิงถิงเป็นไปในทางที่ดี หากต่างฝ่ายยังไม่พูดถึงสถานะหรือมีข้อตกลงระหว่างกัน เพียงแค่อยู่ด้วยกันห่วงใยกันก็เป็นความสุขที่ไม่ต้องเรียกร้องเอาจากใครวันนี้ทุกคนดูสุขุมและเตรียมพร้อม...เช่นเดียวกับเหม่ยหลิน โดยถิงถิงสังเกตเห็นว่าเธอเงียบขรึมผิดปกติ ซึ่งอาการนี้เป็นตั้งแต่อยู่บนห้อง จนกระทั่งตอนนี้ ที่ไม่ได้ถามเพราะคิดว่าอาจเป็นเวลาเร่งรีบ จนกระทั่งตอนนี้ก็อดใจไม่ไหวตัดสินใจถามไป “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ดูพี่ไม่มีความสุขเลย” เหม่ยหลินหันมองคนถามในขณะที่รอให้ถิงถิงขึ้นไปนั่งประจำที่ของเธอ “วันนี้พี่ไม่ได้เข้าบริษัทกับถิงถิงนะ”เหม่ยหลินบอกในขณะที่ถิงถิงเข้าไปนั่งภายในรถเรียบร้อยแล้ว ส่วนตัวเองยังยืนอยู่ที่เดิม “อ้าว แล้วพี่ไปไหนคะ” มีอาการผิดหวังและแปลกใจ เพราะปกติจะเหมือนปาท่องโก๋ที่ไปไหนต้องไปคู่กัน “พี่มีธุระนิดหน่อย เสร็จแล้วจะรีบกลับ”ธุระสำคัญขนาดไหน ถึงเอาเธอไปด้วยไม่ได้...ถิงถิงคิด น้อยใจขึ้นมาครามครัน “หนูไปด้วยไม่ได้หรือคะ” “ไม่ได้” น้ำเสียงเด็ดขาดคนถูกปฏิเสธหน้างอ แต
บรรยากาศภายในห้องโถง เหม่ยหลินถูกนำไปยังโต๊ะที่ถูกเตรียมไว้ ในขณะที่นายจินถังถูกเชิญไปอีกโต๊ะซึ่งไม่ห่างจากกันมาก โดยบรรยากาศเริ่มครึกครื่นและแออัดไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ที่ทยอยเดินทางกันเข้ามา “สวัสดีครับ ใช่คุณหยางเหม่ยหลินใช่ไหมครับ” เสียงทุ้มของใครบางคนทักทายขึ้น เหม่ยหลินที่เพิ่งนั่งลงในตำแหน่งที่ถูกจัดไว้หันไปมอง ก็พบว่าเป็นหนุ่มหล่อ ท่าทางภูมิฐานในชุดสูทสีดำทั้งตัว พร้อมกับชายฉกรรจ์เดินขนาบข้างอีกสองคน เหม่ยหลินคิ้วขมวด “สวัสดีค่ะ...”เธอทักทายตามมารยาท เพราะหากเขาทักทายและรู้จักชื่อ นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายให้ความสนใจ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบมิตรหรือคู่แข่ง หากไม่ยื่นมีดมาหา เธอก็ไม่ตัดไมตรี“ผม...คิมหันต์ ยินดีที่ได้เจอตัวจริงของคุณหยาง”“อ้อ คุณคิมหันต์ ยินดีที่ได้เจอตัวจริงของคุณเช่นกันนะคะ”เมื่อได้ยินชื่อเหม่ยหลินจึงนึกขึ้นได้ ว่ารายชื่อนี้ อยู่ในบันชีลับของนักธุรกิจสีเทา หากไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งต่างจากนายจินถัง“ครับ เราไม่เคยเจอกัน แต่ผมได้ยินกิตติศัพท์ของคุณหยาง อยู่บ้าง”ดวงตากลมโตเบิกกว้าง แล้วเอ่ยทีเล่นทีจริง “ทางที่ดีหรือเปล่าคะ”เจ้าของใบหน้าขรึมก่อนหน้านี้หัวเรา
...แล้วคนที่ถูกเลือกมาเป็นสินค้า เป็นใคร แล้วเป็นการเต็มใจขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งในการประมูลครั้งนี้หรือเปล่า คำถามวนอยู่ในความคิดของเธอจนนั่งไม่ติดที่ ตัดสินใจหันไปมองผู้ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แต่กลับพบว่าเขานั่งนิ่งเหมือนชินกับเหตุการณ์“เขาทำผิดอะไร ถึงทำกันขนาดนี้” เธอเปรยขึ้นด้วยความอึดอัดอีกครั้งใจคิดว่าหากเขาไม่เลวที่ต้องได้รับผลจากการกระทำจริง ๆ คงไม่โดนกระทำถึงขั้นนี้“จะไม่มีใครได้แตะต้องเขาหรอก” เสียงทุ้มราบเปรยขึ้น เหม่ยหลินหันขวับ“คุณจะประมูลเอาไว้เหรอ” เธอรู้สึกชื่นชอบผู้ชายคนนี้จริง ๆ แล้ว“เปล่า เขาเป็นของผมมาตั้งแต่ต้น”“อ้าว...งั้นคุณจะช้าอยู่ทำไมล่ะคะ”“หากผมไม่สั่ง ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรเขาหรอก”เหม่ยหลินตาเบิกโต “อย่าบอกนะ ว่าที่เขาโดนขึงพรืดอยู่นี่เพราะคำสั่งคุณ”ใบหน้านั้นเรียบเฉยแทนคำตอบ เหม่ยหลินอยากเอาความคิดเมื่อกี้ที่เผลอชื่นชมเขากลับคืนมา...“บ้าไปแล้ว...”เหม่ยหลินออกอาการหัวเสีย ทั้งรู้สึกโล่งทั้งแปลกใจ จนกลับมาคิดว่าผู้ชายคนนี้น่ากลัวกว่าที่คิด“ผมดีใจที่ได้คุยกับคุณ หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก”เหม่ยหลินปรายตามอง หลังจากนั้นผู้ชายที่เธอคิดว่าไม่เหมือนคนอื่น ก็ล
หลังจากที่ส่งเหม่ยหลินขึ้นนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว ทีมซ่งก็ตรวจดูความเรียบร้อยโดยรอบอีกครั้งเมื่อเห็นว่าทุกอย่างไม่มีอะไรผิดปกติ จึงส่งสัญญาณไปยังรถอีกคันที่จอดรอเตรียมพร้อม จากนั้นตัวเองก็กะโดดขึ้นนั่งคู่กับคนขับ“ขับออกไปเลย” เสียงทุ้มสั่งเด็ดขาดรถกันกระสุนราคาหลายล้านก็เคลื่อนตัวออกไปทันทีขับออกไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็พบความผิดปกติ เมื่อมีรถตีคู่ขึ้นมาโดยไม่ชะลอความเร็วและไม่แซงไปข้างหน้าทั้งที่ถนนว่างและโล่ง“เร่งไปข้างหน้าอย่าหยุด” ทีมซ่งสั่ง แล้วหันไปมองเหม่ยหลินที่ตอนนี้เธอก็รู้ตัวแล้วเช่นกัน“มันเล่นกัดไม่ปล่อย” เธอพูดขึ้นสีหน้าระอาเบื่อที่จะเล่นบทโหด แต่ก็ยังมีคนตามมากระตุ้นให้ตื่นได้เสมอ...“ปลอดคนข้างหน้าปล่อยให้มันเล่นมา” เหม่ยหลินสั่ง เพราะเธออยากรู้ว่าคนพวกนั้นจะเล่นกับเธอหนักแค่ไหน คนขับทำตามอย่างดี โดยการปลดคันเร่ง จากนั้นรถก็สั่นสะเทือนด้วยแรงกระแทกมาจากด้านข้าง จนรถแกว่ง แต่คนขับมีประสบกาณ์และชำนาญจึงบังคับพวงมาลัยและประคองรถไม่ให้แฉลบออกนอกเส้นไว้ได้เพราะรถกันกระสุนพวกนั้นจึงเปลี่ยนการเล่น “เอาไงดีครับ” ทีมซงหันไปถาม เพราะในมือกระชับสิ่งที่มีอานุภาพ ตัดเหล็ก
โรงแรมหยางหลงในโรงแรมตรงหน้าล็อบบี้ซึ่งมุมหนึ่ง มีโซฟาวางไว้เพื่อรองรับแขก ถิงถิงยังไม่อยากขึ้นไปบนห้อง จึงขอนั่งรอเหม่ยหลินอยู่ด้านล่าง โดยมีหนานซิงยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่าง“ปานนี้น่าจะกลับแล้วไม่ใช่เหรอ” เธอเปรยขึ้น สีหน้ายุ่ง ทั้งห่วงทั้งกังวล เพราะหนานซิงติดต่อไป เหม่ยหลินก็ไม่รับสายไม่รู้ยุ่งอะไรนักหนา... ถิงถิง คิดแล้วก็อดน้อยใจไม่ได้ หน้างอนคว้ำจนหนานซิงก้มหน้าไม่กล้าสบตาด้วย “หนานซิง...” “ครับ...” “โทรไปอีกทีสิ”หนานซิงอึกอัก เพราะหากสองครั้งไม่รับ คือต้องรอให้เหม่ยหลินโทรกลับมาเท่านั้นสีหน้าลำบากของหนานซิง ทำให้ถิงถิงหน้าคว่ำแล้วลุกขึ้นเดินไปยังลิฟต์ หนานซิงรีบสาวเท้าตามไปในตอนนั้นมือถือของหนานซิงก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู แล้วรีบกดรับสาย‘ครับคุณหนูใหญ่ คุณถิงถิงกำลังขึ้นห้องครับ... ครับ’ แล้วสายก็ตัดไป หนานซิงเก็บมือถือ แล้วหันมองนายอีกคน แต่เธอสะบัดหน้าหนี หนานซิงยิ้มเจื่อน “คุณหนูใหญ่ใกล้ถึงโรงแรมแล้วครับ”ถิงถิงไม่หือไม่อือ จากนั้นเธอเข้าห้องจัดการเรื่องส่วนตัวของตัวเองแล้วรีบขึ้นเตียงนอน โดยหนานซิงยืนอยู่ในห้องรับแขกด้านนอกเพื่อรอเหม่ยหลินกลั
“พะ พี่... อือ อึก...” เสียงเรียกประหนึ่งคนโดนทรมาน หากเป็นการทรมานที่ถิงถิงต้องการจากคนพี่มากที่สุดเหม่ยหลินช้อนตาหวานซึ้งแล้วกระหยิ่ม ล่าแต้มเพื่อจบเกมครูอริ ไม่ระทึกใจ เท่าทำให้คนใต้ร่างได้สุขสม! อีกทั้งเสียงครางกระเส่าดังเป็นระยะ นั้นยิ่งทำให้ฮึกเหิมเร่งเดินหน้าเพื่อเก็บแต้ม...ในขณะที่สองมือจับมั่นไปบนหนั่นเนื้อบีบเค้นกดขย้ำจนฝากรอยไว้ไปทั่วทุกที่ที่สัมผัสลงไปมือทั้งสองสลับกันทำหน้าที่ลูบไล้ไปตามสัดส่วนเนียนลออ พาดผ่านส่วนเว้าส่วนโค้ง และไปหยุดอยู่ตรงบัวตูมคู่งามนุ่ม กดคลึงสลับกันไป พาให้คนใต้ร่างบิดเกร็งเป็นการสนองตอบกลับมา เนิ่นนานกับการสัมผัสที่หวามไหว ไปตามเนื้อแท้และผิวกายเนียน เนื้อแนบเนื้อ เหม่ยหลินกดกลางลำตัวส่วนกลางให้ทักทายเสียดสี ความกระสันเริ่มทวีคูณ เข่ามนแยกเรียวขาเสลาของถิงถิงให้ห่างออกจากกัน แล้วกดส่วนกลาง ที่เป็นเนินอวบอูมเบียดชิด จนรู้สึกถึงความสากของเส้นขนอ่อนบางของกันและกัน“ซีดส์...” ต่างกัดริมฝีปากร้องซี้ดออกมา“โอ้ว มะ มะไหวแล้ว...” ถิงถิงส่งเสียงแผ่วหวานฟังไม่เป็นประโยค “อือ...”ประหนึ่งคนเมา ที่ไม่ได้เมาแอลกอฮอล์... หากทำให้คนโยกขยับอยู่ด้านบ
เวลาต่อมาในห้องทำงานผู้บริหาร“พี่ปล่อยหนูออกไปได้แล้ว...เดี๋ยวคุณแคทก็สงสัยหรอก ว่ามาส่งเอกสารอะไรนานขนาดนั้น” คนถูกจิกตามองค้อนกลับยักไหล่ ไม่แคร์“บอกให้ปล่อย!” ครานี้คนตัวเล็กที่ถูกรั้งให้นั่งอยู่บนหน้าตักขึ้นเสียง อีกฝ่ายสะบัดหน้าไม่ฟังมาดขรึม ๆ หน้าเก็ก ๆ หายไปไหนหมดเนี่ย... ถิงถิงถามหาคำตอบกับตัวเอง“ไม่ปล่อย หนูจะแผลงฤทธิ์ใส่แล้วนะ” ถิงถิงบอกเสียงเข้ม เมื่อแขนเรียว แต่แรงเยอะ รัดรั้งให้เธอนั่งอยู่บนตักไม่ยอมปล่อย “ก็นั่งให้นิ่งสักสิบนาทีไม่ได้หรือไง” เสียงอ้อนอ่อนหวาน ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดหรืออารมณ์เสียกับท่าทางบ่ายเบี่ยงของคนตัวเล็กแต่อย่างใด ซ้ำยังวางจมูกบนไหล่เนียนแล้วสูดความหอมเอาไว้จนเต็มปอด“ไม่เบื่อหรือไง” ถิงถิงถามเสียงเกร็งเครียด“ไม่เบื่อ แล้วไม่มีวันเบื่อด้วย” เหม่ยหลินตอบเต็มเสียง แล้วจรดปลายจมูกวกไปวนมาไปทั่วแผ่นหลังที่มีผ้าบาง ๆ กัน ในขณะไหล่มนมีเพียงสายเดี่ยวพาดขวาง แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่เธอจะสูดกลิ่นหอมคุ้นเคยเข้าไปจนเต็มอิ่ม โดยถิงถิงเองเริ่มอ่อนระทวยในขณะที่ด้านนอกกำลังจะเข้ามาเซอร์ไพรส์“ขอโทษนะคะ... คุณเหม่ยหลินยังไม่อนุญาต ก็เข้าไม่ได้นะคะ”เลขาแคทม
ในขณะที่เหม่ยหลินคุยอยู่กับนลินสีหน้าเคร่งเครียด ถิงถิงก็เดินออกมาจากห้อง เพราะดูแล้วว่าตัวเองไม่ได้มีส่วนร่วมในสนทนาด้วย อีกทั้งเหมือนเธอเป็นเพียงส่วนเกินเหม่ยหลินเห็นจะทักท้วงถิงถิงไว้ แต่ก็ไม่ทันได้เรียกเมื่อนลินเรียกเธอเสียก่อน“คุณหยกคะ นลินกลับไปหาพ่อ แต่พบว่าบ้านพ่อปิดเงียบเลยค่ะ แถมประตูรั้วก็คล้องกุญแจไว้ คุณหยกพอจะทราบไหมคะว่าพ่อไปไหน”คำถามที่หลุดออกมาจากปากหญิงสาวตรงหน้า ที่เหม่ยหลินคิดว่าไว้ ไม่วันใดก็วันหนึ่งคงได้ตอบคำถาม หากพอถึงวันเข้าจริง เหม่ยหลินก็จุกในอกเหม่ยหลินผันหน้าไปมองหน้าต่างเหมือนไม่อยากได้ยินหรือพูดถึงนลินในหายวาบ “มีอะไรเกิดขึ้นกับพ่อหรือเปล่าคะ”เมื่อเธอเกือบปางตาย แล้วพ่อเธอล่ะ จะโดนเหมือนเธอไหม และตลอดเวลาที่เธออยู่รักษาตัว หน้าที่ถูกพันไว้ ดวงตาที่ต้องรอคนมาบริจาคในเวลานั้นเธอเหมือนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมมืดและแคบ ๆ ไร้ญาติขาดมิตร แม้แต่จะพูดก็ยังขยับไม่ได้ พ่อเธอทางนี้จะเป็นเช่นไร รอการกลับมา หรือถามข่าวคราวของเธอบ้างไหม...“ขอโทษนะ...” เหม่ยหลินเปรยขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดนลินใจคอไม่ดี “ขอโทษนลินทำไมคะ”“ที่ทำให้หนูกับพ่อต้องมาเจอสิ่งเลวร้
ผู้ใหญ่อีกสองคนยกมือขึ้นมาสัมผัสที่แขนของทั้งคู่แทนคำพูด ซึ่งถิงถิงและเหม่ยหลินรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่ผู้ใหญ่ทั้งสองแสดงออกมา ทั้งคู่ยกมือไหว้อีกครั้ง โดยถิงถิงปราบปลื้มจนน้ำตาเออเรื่อ ด้วยความซาบซึ้งใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าอาจมีญาติบางคนไม่เห็นด้วยกับความรักของเธอกับเหม่ยหลิน แต่ทุกคนกลับยิ้มยินดี โดยเฉพาะภรรยาใหญ่ทั้งสองของคุณลุงหยาง ซึ่งท่านไม่แม้จะพูดให้เสียความรู้สึก...เมื่อผู้ใหญ่เดินกลับที่พักไปแล้ว เหลือแค่หนุ่มสาววัยไล่เลี่ย ก็เข้ามาแสดงความยินดีและหยอกเย้า ทำให้นึกถึงบรรยากาศสมัยตอนเป็นเด็กที่ต่างคนต่างมีความซนและใสซื่อต่อกัน แต่เมื่อโตขึ้นต่างคนต่างมีเป้าหมายของตัวเองและแยกตัวไปทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ความคุ้นเคยกลายเป็นความห่างเหิน แต่ใจลึก ๆ ทั้งหมดก็ยังหวังดีและเป็นกำลังใจให้กันโดยไม่ต้องแสดงตัว...งานช่วงเย็นพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าวิวท้องฟ้าไล่แสงสีส้มตัดกับน้ำทะเล ทุกคนต่างเก็บภาพนั้นไว้ ด้วยความสนุกสนาน โดยเจ้าสาวทั้งคู่ยืนอยู่บนแท่นเพื่อแลกเปลี่ยนคำมั่นสัญญารักที่มีให้กัน ท่ามกลางหาดทรายขาว และมหาสมุทรสีฟ้าเข้มตัดกับขอบฟ้ากว้างที่อยู่เคียงข้างเป็นสักขี
ถิงถิงยิ้มรับ จากนั้นเธอก็โดนโอบรั้งให้ยืนขึ้น รอรับจูบดูดดื่มของคนตัวโตที่ส่งมอบมา จากนั้นเหม่ยหลินจัดการพาร่างที่อ่อนปวกเปียกเพราะรสจูบของตนให้ลงไปนั่งอยู่ในอ่างเคียงคู่กัน แล้วกอดรัดฟัดเหวี่ยงจูบซุกไซร้ซอกซอนไปตามจุดต่าง ๆ ของกันและกัน จนกระทั่งถิงถิงถูกจับกดให้นอนราบลงไป โดยเหม่ยหลินยกขาเรียวของถิงนั้นให้พาดไปกับขอบอ่างทั้งสองข้าง จนเห็นเนินอวบอูมสีเรื่องามสล้างตรงหน้าแจ่มชัดจนต้องกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอเธอไม่รีรอให้เวลาเดินไปโดยเปล่าประโยชน์ ก้มลงไปหาเนินอวบอิ่มที่แย้มโชว์กลีบกุหลาบงาม โดยการส่งลิ้นอ้อนพริ้วเข้าไปทักทายตามช่องแยกที่ปริ่มน้ำ ดูดกลืนกลิ่นความหวานนั้นอย่างไม่เกี่ยงงอน“อ่าส์ ซีดส์...” ถิงถิงแอ่นสะโพกร่อนรับ พร้อมเสียงร้องคราง ในขณะที่มือยกขึ้นมาจับเส้นผมของคนที่ก้มหน้าคลุกอยู่ตรงกลางกายสาว และเผลอกดศีรษะนั้นลงไปด้วยความกระสันเหม่ยหลินไม่อยากให้ถิงถิงถึงฝั่งฝันในตอนนี้ จึงยืดเวลาโดยถอนปลายลิ้นออกมา คนที่กำลังเคลิบเคลิ้มผงกหน้าขึ้นมามองคิ้วขมวด ทำหน้าแปลกใจเหม่ยหลินกระตุกยิ้มร้ายส่งให้ จากนั้นถิงถิงก็ทิ้งศีรษะลงที่เดิม เมื่อนิ้วเรียวเริ่มขยับและสัมผัสอยู่ตรงเนิน ลู
การไถ่โทษของเหม่ยหลินทำให้ถิงถิง ไม่มีโอกาสได้เปิดปากเถียง เมื่อทั้งมือทั้งริมฝีปากปากตะปบเข้ามาอย่างเสือตะครุบเหยื่อ โดยมือข้างหนึ่งปลดเสื้อผ้าที่เปียกน้ำของถิงถิงไปด้วย ส่วนมืออีกข้างจับต้นคองามเพื่อไม่ให้รอรับจังหวะจูบที่โน้มลงไปหาสัมผัสจูบนั้นนุ่มนวลและรุนแรงไปตามความปรารถนา ในขณะที่ลำตัวและเท้าพากันประคองเข้าไปในห้องน้ำกายเปลือยเปล่าแนบชิด ลูบไล้นัวเนีย ประหนึ่งคนอดอยากปากแห้ง ร้างราเรื่องอย่างว่ามานานนับปี...ความสุขกระสันเพลิดเพลิน กับความหวานล่ำของกันและกัน จนแผ่นหลังกระแทกไปกับฝาผนังห้องน้ำ จนคนแนบชิดรับรู้ถึงความสั่นสะเทือน แต่เจ้าตัวที่โดนทับกลับไม่รู้สึกรู้สา หรืออยากหยุดการกระทำของตัวเองเป็นถิงถิงเสียเองที่รู้สึกจุกแทน เพราะสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของสิ่งที่สัมผัสกันอยู่จนเกิดความกังวล ความรู้สึกหวาบหวามหยุดชะงักเป็นห่วง กลัวว่าถึงตอนนั้นคนพี่จะรู้สึกเจ็บทีหลัง“หือ...” เธอส่งเสียงเตือนออกจากลำคอ แต่คนคลั่งรักยังไม่ถอนริมฝีปากหรือผละออกห่าง สุดท้ายใช้นิ้วจี้ไปที่เอวคอดของเหม่ยหลิน“อุ๊!” เธอสะดุ้งและผละออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมมองใบหน้าหวานสีเรื่อเป็นเครื่องหมายคำถาม“
“ตอนหนูเข้าห้องน้ำพี่ยังหลับลงเลยนี่คะ”“ตอนนั้นหนูอยู่ในห้องน้ำ... แต่ตอนนี้หนูอยู่ข้างนอก จะให้หลับลงได้ยังไง... ปะ เรากลับกันเถอะ แดดก็ร้อนเดี๋ยวผิวเสียหมด”“หนูทากันแดดมาอย่างดีเลยค่ะ” คนดื้อบอกสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนพร้อมกับยกแขนเรียวขึ้นมาให้ดูอีกเหม่ยหลินกรอกตามองบน“ถึงจะทาแล้วก็เถอะ... ปะกลับที่พัก” เดินเข้ามาดึงแขนเรียวที่เจ้าของมีทีท่าจะเดินไปต่อ แต่โดนสะบัดออกพร้อมคำปฏิเสธ“ไม่เอา!” จนฝามือที่จับไว้หลวม ๆ หลุดออกเมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นอิสระแล้ว ถิงถิงก็ออกวิ่ง พร้อมกับตะโกนบอก “อยากให้กลับ ก็จับให้ทันสิคะ”เหม่ยหลินยกมือขึ้นเท้าสะเอว มองหญิงสาวร่างบาง ที่ตอนนี้เหมือนเด็กน้อยวัยสามขวบอยากได้เพื่อนเล่น ด้วยดวงตาหมายหมาด...หากตรงหน้าเปรียบเป็นเหยื่อ ผู้ล่าอย่างเธอจะไม่ปล่อยใหเหยื่อ เป็นอิสระสักวินาทีเดียว“จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม...” เหม่ยหลินกัดฟันปั้นปาก จ้องร่างบางที่สาวเท้าวิ่งออกไปอย่างไม่รอ “คิดว่าจะหยุดแค่จับหรือไง” เธอเปรยขึ้นด้วยความมันเขี้ยว จากนั้นก็พุ่งตามออกไปในขณะที่ถิงถิงหันกลับมาดู ก็เห็นว่าเหม่ยหลินกำลังวิ่งไล่ตามมาใกล้ถึง เธอก็ส่งเสียงกรี๊ดออกมาพร้อมกับหลบฝ่ามือที่
ผ่ามือเรียวที่ดันอยู่บนหน้าอกก็ถูกดึงออกมาฟาดไปบนไหล่คนหื่นหนัก ๆ “เนี่ย ระวังเหอะ จะหมดแรงคาอกหนูสักวัน” พูดข่ม คนอายุห่างเกือบ10ปีเหม่ยหลินยิ้มร่า สายตาท้าทาย “เคยมีสักครั้งไหมล่ะ”“เนี่ย หากยังไม่ไปอาบน้ำ แล้วกลับมานอนพักผ่อนเอาแรง...” สายตาและน้ำเสียงเป็นห่วงมากกว่าติเตียนเหม่ยหลินถอนหายใจ แกล้งทำหน้างอ “ใจร้าย...”“หวังดีค่ะ” ถิงถิงย้อนสายตาเต็มไปด้วยผู้ชัยชนะคนโดนสกัดทำได้แค่ส่งสายตาคาดโทษ ลุกขึ้นไปอาบน้ำเพื่อนอนพักผ่อนตามที่เด็กดื้อได้พูดไว้ เพราะหลังจากนี้คงไม่มีเวลาได้พักสายตาเต็มตื่น จนกว่างานทุกอย่างจะผ่านพ้นไป...แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อเด็กดื้อยังแผงฤทธิ์ไม่หยุด!เวลาผ่านไป...เหม่ยหลินเดินออกมาจากห้องน้ำ สายตาของเธอมองตรงไปยังเตียงนอน แต่พบว่าถิงถิงไม่ได้อยู่บนเตียงเพื่อนอนพักผ่อนไปด้วยกัน“ถิงถิง...” เธอเรียกหา “เด็กดื้อ... หายไปไม่บอกไม่รออีกแล้วนะ” บ่นคนให้เป็นห่วงเมื่อไม่มีถิงถิง เหม่ยหลินก็ไม่มีใจทำอะไร นอกจากเดินหาไปทั่วบ้านพักหลังใหญ่แต่ก็ไม่เจอ ใจเริ่มกังวล ตัดสินใจเดินกลับมาในห้องนอนและเห็นว่าชุดลำลองของตนถูกจัดวางไว้ให้ จึงรีบหยิบ
สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ห่วงความรู้สึก ห่วงการถูกมองจากคนในสังคมที่คนพี่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะบางสังคมและผู้ใหญ่บางคน ยังไม่ยอมรับเรื่องรักเพศเดียวกัน“เรื่องนี้ พี่พร้อมมาทั้งชีวิตแล้วล่ะ...ว่าแต่ห่วงตัวเองเถอะ พร้อมหรือยังฮึ?” คำถาม มาพร้อมสายตากรุ่มกริ่มที่แฝงไปด้วยความปรารถนาซ้ำยังยกยิ้มมุมปากถิงถิงทำหน้าเมื่อย อยากสั่งห้ามว่าอย่าไปทำหน้าทำตาออกอาการแบบนี้กับใคร!“พะพร้อมอะไร... ชุดเหรอ เรียบร้อยแล้วไง ก็ไปเลือกพร้อมกัน”ถิงถิงเสียอาการจนเสียงแกว่ง ทำเป็นเฉไฉตอบความหมายเป็นอย่างอื่น ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดในแง่ไหน...สายตาออกชัด ซึ่งทุกครั้งที่เห็นสายตานี้ อดเสียววาบช่องท้องไม่ได้“แน่เหรอ ว่าที่พี่ถาม หนูเข้าใจว่าเรื่องชุด?” สายตาของเหม่ยหลินยังวาบหวามเปล่งประกายถิงถิงหน้าฉาบสี เขินจนอยากหมุดหน้าหนี เถอะ!คนผีทะเล ยังจะมาขยี้จี้ถามได้อีก“ว่าไง ฮึ?”ทำเสียงเยิ้มหวาน ซึ่งเธอไม่ได้ตั้งใจเอาคำตอบ หากแต่อยากแกล้งให้อีกฝ่ายเขิน ซึ่งภาพนั้นมันน่ามองน่ารัก จนถอนตัวถอนใจไม่ได้อีกแล้วถิงถิงจิกตาค้อน หื่นได้ทุกทีสิน่า... “ไม่พูดด้วยแล้ว” เสียงนุ่มสะบัด จากนั้นหมุนตัวพาหน้าฉาบสี
“แล้วพี่จะหยุดงานหนึ่งอาทิตย์จริง ๆหรือคะ” ถิงถิงเอ่ยถามหลังจากที่อีกคนเงียบไปซึ่งคนที่รักงานเป็นชีวิตจิตใจจะหยุดงานที่ต้องใจแข็งแค่ไหน...“จริงสิ หรือหนูไม่ชอบที่เราจะมีเวลายู่ด้วยกัน”จากนั้นทั้งคู่ก็หันมาสบตาอย่างค้นหา หากถิงถิงโน้มใบหน้าเข้ามาหาแตะริมฝีปากไปบนปากบางได้รูป“ขอบคุณนะคะ” เสียงนั้นแผ่วเบาและแฝงไปด้วยความขัดเขินเหม่ยหลินเลิกคิ้วยกสูงแล้วถาม “ขอบคุณเรื่อง” สายตาเต็มไปด้วยความเอ็นดูเจ้าของใบหน้าขาวนวลไม่ตอบหากแต่หลบสายตานั้นทำให้เหม่ยหลินยกยิ้ม ที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เร็วกว่าความคิดของคนที่รอจังหวะอยู่แล้ว ก่อนจะเอี้ยวตัวไปดึงร่างบางให้หันนั่งค้อมตักของตัวเองถิงถิงเงอะงะไปเพียงครู่ “พี่คะ ที่มันที่โล่งนะคะ” เธอขืนตัวเพราะว่ามันโจ่งแจ้งเกินว่าจะทำเรื่องอย่างว่า“ที่ส่วนบุคคลใครจะกล้าเข้ามา” คนเอาแต่ใจบอก“แต่...”“นา เปลี่ยนบรรยากาศไง”สายตานั้นเว้าวอนมองมา ถิงถิงจึงปล่อยเลยตามเลย และเข้าใจความต้องการของอีกฝ่าย จึงตอบสนองให้ทันท่วงที โดยการรับจูบที่ดูดดื่ม ร้อนแรงและดูดดื่มส่งมอบไปให้คนบนตัก ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่เขากลั่นออกมาและสนองไปให้ด้วยการกระทำ รัก
ในห้องทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสารและหนังสือ “นั่งลงสิ” มิสเตอร์หยางหันมาบอกหลังจากที่ตัวเองหนังลงบนเก้าอี้ตัวโปรด“มีอะไรจะบอกพ่อไหม” สายตานั้นมองมาอย่างรอคอยและค้นหา“เรื่องที่ดินประมูลมาได้ ทุกอย่างไม่มีปัญหาค่ะ ตอนนี้หนูปล่อยให้เจ้าของกลับมาทำมาหากินในที่ตัวเอง โดยไม่เอาค่าเช่า”“ลูกลืมไปแล้วหรือว่าตระกูลของเราทำอะไร...” เสียงนั้นจริงจัง หากไม่มีแววตำหนิ แต่มีความสงสัยอยู่เต็มเปี่ยม“ทำธุรกิจค่ะ” เธอตอบอย่างมั่นใจ เพราะทุกวันนี้ชีวิตของเธอหมุนอยู่กับตัวเลข“ลูกรู้นิ แล้วทำแบบนั้น เราได้อะไรกลับมา” ผู้สูงวัยอยากรู้เหตุผล“ความไว้ใจและความเชื่อใจไงคะ”“แล้วลูกรู้หรือ ว่าคนพวกนั้นเขาจะมีให้ลูกได้”“มีค่ะ เพราะหากต่อไปที่ดินผืนนั้น ไม่มีใครอยากทำอาชีพเดิม ๆ หรือไม่เห็นผลกำไรเลย ถึงตอนนั้นเรายื่นขอเสนอ ขอเปิดทำโรงงาน หรืออุตสาหกรรม เพื่อยกระดับการทำงานให้ทุกคนมีงานทำ และได้เงินที่แน่นอนกว่า ถึงตอนนั้นคงไม่มีชาวบ้านคนไหนคัดค้าน”“เออ... คิดดี...” มิสเตอร์หยางตบโต๊ะดังปังด้วยความพอใจ คิดไม่ถึงว่าเหม่ยหลินจะสร้างเกมนี้ขึ้นมา “พ่อคิดไม่ถึงตรงนี้ ดีนะที่ลูกเข้าใจถึงเสียงของชาวบ้าน การพึ่งพาอาศั
หยางฟางหลงแนะนำน้องชายกับน้องสะใภ้ให้บุตรสาวได้รู้จักต่อ จากนั้นก็ปรายตามไปมองยังลูกสาวบุญธรรมของเขาอีกคน กับหลาน ๆ ที่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกัน ก่อนผ่อนลมหายใจยาวออกมา“นี่หลิงหลิง ไห่หมิง หวังเหว่ย เพ่ยเพ่ย น่าจะเป็นพี่เรานะ”สิ้นเสียงผู้เป็นบิดาบุญธรรม หยางเหม่ยจูก็ยกมือขึ้นไว้ทุกคนทันที และแน่นอนว่าคนที่รับไหว้นั้นมีเพียงสองหนุ่มเท่านั้น ส่วนหยางเพ่ยเพ่ยได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายนิ่งแล้วก็ยกริมฝีปากยิ้ม ทว่าคนที่ดูจะมีปฏิกิริยากต่อคนเพิ่งมามากที่สุดคือ หยางหลิงหลิง ที่เวลานี้ขยับตัวนั่งกอดอกเชิดหน้าขึ้นมองเธอเพียงหางตาเท่านั้น หากคนที่เห็นรับรู้ได้ทันที....เหม่ยจูน่าจะมีอริเพิ่มแบบไม่ทันตั้งตัวแล้ว ดังนั้นทางที่ดีขอให้เธอห่างจากผู้หญิงคนนี้ เพื่อเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นแบบไม่รู้ตัว...เหม่ยหลินคิดกังวลแทนเหม่ยจูขึ้นมา“เอาไว้ก็ไปทำความรู้จักกันแล้วกันนะ ... และส่วนอีกสองคนนั่น หยางหวังเหล่ย กับถิงถิง หวังเหล่ยน่าจะรุ่นเดียวกับเหม่ยจู ถิงถิง นั่นเด็กน้อยสุดแล้ว ทั้งดื้อ ทั้งซน ทั้งเอาแต่ใจตัวเอง” คำต่อกึ่งหยอกกึ่งแซวของประมุข ทำให้หลายคนอมยิ้ม“ถิงถิง ไม่ได้เอาแต่ใจตัวเองสักหน่อยค่ะ”คนโดน