ในขณะที่เหม่ยหลินคุยอยู่กับนลินสีหน้าเคร่งเครียด ถิงถิงก็เดินออกมาจากห้อง เพราะดูแล้วว่าตัวเองไม่ได้มีส่วนร่วมในสนทนาด้วย อีกทั้งเหมือนเธอเป็นเพียงส่วนเกินเหม่ยหลินเห็นจะทักท้วงถิงถิงไว้ แต่ก็ไม่ทันได้เรียกเมื่อนลินเรียกเธอเสียก่อน“คุณหยกคะ นลินกลับไปหาพ่อ แต่พบว่าบ้านพ่อปิดเงียบเลยค่ะ แถมประตูรั้วก็คล้องกุญแจไว้ คุณหยกพอจะทราบไหมคะว่าพ่อไปไหน”คำถามที่หลุดออกมาจากปากหญิงสาวตรงหน้า ที่เหม่ยหลินคิดว่าไว้ ไม่วันใดก็วันหนึ่งคงได้ตอบคำถาม หากพอถึงวันเข้าจริง เหม่ยหลินก็จุกในอกเหม่ยหลินผันหน้าไปมองหน้าต่างเหมือนไม่อยากได้ยินหรือพูดถึงนลินในหายวาบ “มีอะไรเกิดขึ้นกับพ่อหรือเปล่าคะ”เมื่อเธอเกือบปางตาย แล้วพ่อเธอล่ะ จะโดนเหมือนเธอไหม และตลอดเวลาที่เธออยู่รักษาตัว หน้าที่ถูกพันไว้ ดวงตาที่ต้องรอคนมาบริจาคในเวลานั้นเธอเหมือนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมมืดและแคบ ๆ ไร้ญาติขาดมิตร แม้แต่จะพูดก็ยังขยับไม่ได้ พ่อเธอทางนี้จะเป็นเช่นไร รอการกลับมา หรือถามข่าวคราวของเธอบ้างไหม...“ขอโทษนะ...” เหม่ยหลินเปรยขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดนลินใจคอไม่ดี “ขอโทษนลินทำไมคะ”“ที่ทำให้หนูกับพ่อต้องมาเจอสิ่งเลวร้
เช้าวันเสาร์ถิงถิงมักตื่นสาย โดยที่เหม่ยหลินลุกจากที่นอนตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปออกกำลังกายในห้องไพรเวทในขณะกำลังหลับตาพริ้มเสียงดังมาจากด้านนอก ทำให้เธอสะดุ้ง ด้วยความรำคาญและไม่อยากลุกจึงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโป่ง ไม่นานเสียงดังคลิกเหมือนคนเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ส่งสัญญาณใด ๆ จึงโผล่หน้างัวเงียเพื่อดูว่าเป็นใคร โดยใจหมายมาดเอาไว้ จะต่อว่าเสียหน่อย โทษฐานที่รบกวนการนอนของเธอวันหยุด แทนที่จะได้พัก!แต่เมื่อปรื้อตาดู… เป็นนลิน ซึ่งเธอไม่คาดคิดว่าจะเป็นหล่อน!“อ้าวคุณถิงถิง...” สายตาแปลกใจมองคนบนเตียง “นี่นลินนึกว่าคุณไม่ได้อยู่ในห้อง กะว่าจะเข้ามาทำความสะอาดเสียหน่อย” ก้มมองอุปกรณ์ในมือสีหน้าผิดหวัง และพูดต่อ “ยังไงนลินไม่ได้เคาะประตู ต้องขอโทษด้วยนะคะ” เธอบอกพร้อมกับก้มศีรษะให้น้อย ๆ เป็นมารยาทถิงถิงแอบชักสีหน้า เพราะปกติมีแม่บ้านประจำทำอยู่แล้ว และรู้ว่าหากเวลานี้จะไม่เข้ามาในห้องนอนส่วนตัวจนกว่าจะเห็นเธอนั่งอยู่ด้านนอก หรือเดินออกมาแล้วเท่านั้น“แม่บ้านทำอยู่แล้ว อีกอย่างพี่เหม่ยหลินเขาให้เธออยู่เฉย ๆ ไม่ใช่เหรอ”“ไม่ได้หรอกค่ะ นลินชินกับการทำโน่นนี่นั้นให้คุณหยกอยู่แล้ว... ยังไงนลินออกไป
ทว่าสายตาที่มองมาของเหม่ยหลิน ทำให้ถิงถิงร้อนตัว “แค่ไปหาอะไรกินแก้เซ็ง ไม่ได้ไปคนเดียว หนานซิงก็ไปด้วย ใช่ไหม...” แล้วหันไปขอแรงเสริมจากหนานซิงที่ยืนสำรวมอยู่ แต่หนานซิงคิดว่าสายตานั้นไม่ใช่ เพราะเขากับถิงถิงลงไปด้านล่างแน่นอน“หนานซิง ช่วยเอาของพวกนี้ไปทิ้งให้ไกลตาเลยนะ” ตามองสิ่งที่วางอยู่เหมือนของพวกนั้นเป็นของเสียทั้งสามอึ้งตกใจ ถิงถิงที่สงสัยก็อดถามไม่ได้“ทิ้ง? ทิ้งเลยหรือคะ ของพวกนี้ยังใหม่อยู่เลย ทำไมต้องทิ้งค่ะ”แล้วเดินไปมองเพื่อให้แน่ใจ ในสภาพที่ยังใช้งานไม่คุ้ม โดยเฉพาะเครื่องดูฝุ่นที่ยังมีสภาพใหม่เอี่ยมเหม่ยหลินไม่ตอบ แต่หันไปเร่งหนานซิงทางสายตาจะไม่ทำตามก็ไม่ได้ เมื่อสายตาพิฆาตเร่งมา จากนั้นหนานซิงรีบทำตามคำสั่งทันที“หือ...” ถิงถิงมองตามด้วยความเสียดายในขณะที่นลินช่วยหยิบของที่ตัวเองเอามา ช่วยหนานซิงอีกแรงหลังจากทั้งคู่เดินออกมาจากห้อง หนานซิงมองไปที่นลิน ซึ่งนลินก็รู้ตัว“ทำไม มองนลินอย่างนั้นคะ”“ผมว่าคุณรู้อยู่แก่ใจ” จากประสบกาณ์และอายุที่มากกว่าก็พอเดาเกมหญิงสาวที่เห็นกันมาหลายปีออกได้ไม่ยากนลินจิกตามอง “ยุ่ง ไม่ใช่เรื่องของคุณ”หยางซิงถอนหายใจ แค่นี้กับการแส
ถิงถิงเดินหน้างอออกมาจากห้อง ซึ่งเลขาแคทก็พอเข้าใจได้ ก็ไม่ทักถาม ครู่ต่อมาเหม่ยหลินก็เดินตามออกมา เลขาแคทรีบก้มหน้าทำงาน ทำทีว่าไม่รู้ไม่เห็นเหม่ยหลินเดินมาทันระหว่างนั้นก็คว้าข้อมือเรียวของถิงถิงไว้ แล้วดันเข้าไปในห้องที่ปลอดสายตาคนนอก“พี่จะทำอะไร...” เสียงนั้นเย็นชา จนเหม่ยหลินใจหาย“ถิงถิง คุยกันก่อนได้ไหม” เสียงอ่อนเอ่ยขอร้องเจ้าของนัยน์ตาที่เคยเปล่งประกาย หากตอนนี้เรียบเฉยอย่างคนไร้อารมณ์มองหน้าผู้เป็นพี่ “มีอะไรจะคุยอีกหรือคะ” น้ำเสียงชืดชาประหนึ่งคนไร้ความรู้สึกเหม่ยหลินห่อเหี่ยว ใจไม่ดี เธอไม่ชอบอาการเช่นนี้ หากอยากให้คนตรงหน้าโวยวายยังดีเสียกว่า เพราะจะได้รู้ว่าอยู่ในอารมณ์ไหน... “คุยกันดี ๆ เถอะนะ มันไม่มีอะไรจริง ๆ ”ถิงถิงมองคนพูด “หากไม่มีอะไรพี่จะเดือดร้อนทำไมคะ” “แล้วเดินออกมาทำไม”“จะให้ไปอยู่เป็นส่วนเกินหรือไงคะ” น้ำเสียงเริ่มตึงขึ้นใช่ว่าเธอไม่พยายาม แต่ก็อดคิด อดน้อยใจไม่ได้ คนมันหึง! เหม่ยหลินเข้าใจทันที “เป็นไปไม่ได้ ที่ถิงถิงจะเป็นส่วนเกินในชีวิตพี่” “เถอะ... หากช้าอีกนิดคงไม่ใช่แค่ป้อนขนม” “หึงเหรอ”
หนานซิงเมื่อได้รับโทรศัพท์จากเหม่ยหลินเพื่อให้ตามดูนลิน โดยกำชับให้เฝ้าห่าง ๆ เพื่อไม่ให้เป็นการกดดันอีกฝ่ายซึ่งในขณะที่กำลังคุยสายกันอยู่ หนานซิงก็เห็นว่านลินนั้นได้กลับขึ้นรถไป พร้อมกับการ์ดฝีมือดีสองคน ที่เหม่ยหลินเป็นคนจัดไว้ให้เธอโดยเฉพาะนลินกลับมาโรงแรมจากนั้นเธอก็ลงไปชั้นใต้ดิน ที่เปิดเป็นไนท์คลับ แน่นอนว่าเป็นสถานที่ ที่ถิงถิงเคยไปสร้างเรื่องไว้นั่นเอง เมื่อรู้จุดหมายปลายทางของนลินเรียบร้อยแล้ว ก็โทรศัพท์ไปรายงานเหม่ยหลิน เธอได้กำชับอีกครั้งว่าให้ดูแลความปลอดภัยอยู่ห่าง ๆ แต่หากมีเหตุการณ์ เหนือการควบคุม ให้โทรมารายงาน จากนั้นก็วางสายไปไนต์คลับนลินไล่ให้การ์ดสองคนไปพักผ่อน แต่เพราะคำสั่งสูงสุดคือเหม่ยหลิน คนพวกนั้นจึงปฏิเสธอย่างมีมารยาท และเดินตามเธอเข้ามา แล้วหาที่เหมาะเพื่อยืนตรวจตราความเรียบร้อย ในขณะที่นลินเลือกนั่งเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ จากนั้นเธอก็สั่งเครื่องดื่มกับหนุ่มบาร์เทนเดอร์ โดยไม่ได้สนใจผู้คนรอบข้าง จนกระทั่งเสียงเพลงคาสสิกถูกเปลี่ยนเป็นแนวจังหวะเร็วขึ้น ทำให้ภายในร้านเริ่มคึกคัก แขกหนุ่มสาวเริ่มลุกจากเก้าอี้แล้วโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลง ในขณะที่นลิ
ในห้องเหม่ยหลิน “พี่จะอาบน้ำ ไปอาบด้วยกันไหม” เหม่ยหลินพูดขึ้นหลังจากที่กลับมาห้องและนั่งพักไปได้ไม่นาน ถิงถิงหันไปส่งค้อน “ยังจะมีใจอีกนะคะ...” เพราะรู้ หากเข้าไปในห้องน้ำด้วยกันแล้วจะจบลงยังไง แล้วพูดต่อ “ไม่ห่วงคนของตัวเองบ้างหรือไง หนานซิงจะเอานลินอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้”เหม่ยหลินหัวเราะร่า “นี่พี่นึกว่าหนูจะหายงอนแล้วนะ”คนที่ถูกกล่าวหาว่า ‘งอน’ ถลึงตาใส่ “แค่ห่วง เพราะดูแล้ว นลินก็ไม่เบาไปกว่าหนู”เหม่ยหลินยิ้มกริ่ม ส่งสายตาเป็นเชิงล้อ ‘รู้ตัวเหรอ’รู้ตัวสิ ก็อยากงี่เง่าแค่กับพี่... ถิงถิงคิด“พี่ หนูไปอาบน้ำก่อนดีกว่า” ในขณะที่พูดก็เดินไปคว้าผ้าขนหนูแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปก่อน ด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน เหม่ยหลินกะโจนเข้าไปตะครุบตัว แต่แค่เฉียด เมื่อคนตัวเล็กไวกว่า จนเธอคว้าได้แต่ลม“ร้ายนะเรา” เธอตะโกนผ่านกำแพงสายตาคาดโทษ เมื่อเดินตามมา ก็พบว่าแม่ตัวร้ายได้ล็อคประตูไว้ ในระหว่างที่รอถิงถิงอาบน้ำ เหม่ยหลินฆ่าเวลาด้วยการหยิบมือถือเพื่อมาเปิดดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย จากนั้นก็มีสายโทรเข้ามาเป็นชื่อของหนานซิง เหม่ยหลินกดรับและกรอกเสียงเข้าไป “หนานซิงว
“คุณหนูใหญ่ เจอปัญหาใหญ่แล้วงานนี้ ...” หนานซิงเปรยขึ้น ด้วยความเป็นห่วง เพราะรับรู้ได้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่แต่ก็ไม่ได้เอามาพูดหรือเล่าต่อให้คนอื่นรับรู้ แม้แต่ลูกน้องที่สนิท ซึ่งหลายคนพอดูออก แต่ไม่มีใครเอามาพูดหรือเอามาเป็นประเด็นในหัวข้อสนทนา ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลังเจ้านาย เพราะถือว่าการไม่พูดถึงเรื่องส่วนตัวคือการให้เกียรติอีกฝ่าย เพราะมันเป็นสิทธิ์และความชอบของแต่ละคนที่คนนอกไม่ควรไปยุ่ง ในระหว่างนั้นก็ลังเล ว่าจะเข้าไปรายงานเจ้านายดีไหม“นลินหลับแล้ว คุณหยกค่อยออกไปได้ไหมคะ” เสียงนั้นเว้าวอนเหม่ยหลินได้แต่ยิ้มบาง ๆ ใจก็นึกถึงถิงถิง ปานนี้คงรอ จะพิมพ์ข้อความไปบอก ก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เอามือถือติดมือมาด้วย...“ได้สิ...” แล้วประคองให้นลินนอนลงไปบนเตียงนลินหลับตาลง เพียงเสี้ยวนาทีที่เหม่ยหลินเบนสายตาไปทางอื่น มุมปากหยักของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็กระตุกยิ้มมุมปากแล้วจางหายไป โดยเหม่ยหลินไม่มีโอกาสได้เห็นน้ำหนักของฝีเท้าที่เดินเข้ามา แล้วหยุดเว้นระยะห่างพอสมควร เหม่ยหลินหันไปมอง และสังเกตเห็นท่าทางของหนานซิง เธอจึงลุกขึ้นไปหา“มีอะไรหรือเปล่า...”“คุณถิงถิง...” เสียทุ้มเบา ๆ เปรย
เมื่อกดเข้าสัญญาณหน้าจอมอนิเตอร์ที่ติดตั้งอยู่ภายในรถ ก็ขึ้นจุดสีแดงกลม ๆ กำลังเคลื่อนไปตามเส้นทางรถที่พร้อมอยู่แล้วตะบึงออกไปหลังจากได้รับคำสั่ง“คุณถิงถิงกำลังออกนอกเส้นทางสายหลักครับ” หนานซิงหันมารายงานจากที่นั่งนิ่ง ๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหม่ยหลินก็ร้อนรนขึ้นทันที “ถิงถิงไม่รู้เส้นทางรีบตามไป” เธอออกคำสั่งทันทีหลังจากที่ขับตามอยู่ประมาณสิบห้านาที จุดแดงก็หยุดการเคลื่อนไหว “คุณถิงถิงไม่ไปต่อครับ”“งั้นเร่งให้ทัน”ไม่นานรถของเหม่ยหลินและการ์ดที่ตามมา ก็ถึงจุดที่รถของ ถิงถิงจอดอยู่ เหม่ยหลินหน้าถอดสี เธอแทบจะพุ่งออกจากตัวรถก่อนที่รถจะจอดสนิท หนานซิงรีบวิ่งตามออกมาเป้าหมายคือด้านคนขับ เหม่ยหลินตรงเข้าไปเกาะที่กระจกรถ เธอเพ่งมองไปด้านคนขับ หากแต่ว่างเปล่าไม่มีใคร เธอหายใจไม่ทั่วท้อง มือสั่นใจสั่น จับประตูแล้วเปิดกว้าง ซึ่งมันย้ำให้เธอรู้ว่าไม่มีคนที่เธอตามหาจริง ๆ“นี่...มันเกิดอะไรขึ้น” เธอเปรยอย่างคนสิ้นหวัง หากมือไม่จับประตูรถไว้เธอคงประคองตัวไม่อยู่หนานซิงวิ่งออกมาสมทบ แล้วมองไปในรถอีกครั้ง ก่อนจะแล้วมองหน้าเหม่ยหลินด้วยความเป็นห่วงตอนนี้เธอประคองสติเกือบไม่ไหว สายตาหวาดหวั