ทว่าสายตาที่มองมาของเหม่ยหลิน ทำให้ถิงถิงร้อนตัว “แค่ไปหาอะไรกินแก้เซ็ง ไม่ได้ไปคนเดียว หนานซิงก็ไปด้วย ใช่ไหม...” แล้วหันไปขอแรงเสริมจากหนานซิงที่ยืนสำรวมอยู่ แต่หนานซิงคิดว่าสายตานั้นไม่ใช่ เพราะเขากับถิงถิงลงไปด้านล่างแน่นอน“หนานซิง ช่วยเอาของพวกนี้ไปทิ้งให้ไกลตาเลยนะ” ตามองสิ่งที่วางอยู่เหมือนของพวกนั้นเป็นของเสียทั้งสามอึ้งตกใจ ถิงถิงที่สงสัยก็อดถามไม่ได้“ทิ้ง? ทิ้งเลยหรือคะ ของพวกนี้ยังใหม่อยู่เลย ทำไมต้องทิ้งค่ะ”แล้วเดินไปมองเพื่อให้แน่ใจ ในสภาพที่ยังใช้งานไม่คุ้ม โดยเฉพาะเครื่องดูฝุ่นที่ยังมีสภาพใหม่เอี่ยมเหม่ยหลินไม่ตอบ แต่หันไปเร่งหนานซิงทางสายตาจะไม่ทำตามก็ไม่ได้ เมื่อสายตาพิฆาตเร่งมา จากนั้นหนานซิงรีบทำตามคำสั่งทันที“หือ...” ถิงถิงมองตามด้วยความเสียดายในขณะที่นลินช่วยหยิบของที่ตัวเองเอามา ช่วยหนานซิงอีกแรงหลังจากทั้งคู่เดินออกมาจากห้อง หนานซิงมองไปที่นลิน ซึ่งนลินก็รู้ตัว“ทำไม มองนลินอย่างนั้นคะ”“ผมว่าคุณรู้อยู่แก่ใจ” จากประสบกาณ์และอายุที่มากกว่าก็พอเดาเกมหญิงสาวที่เห็นกันมาหลายปีออกได้ไม่ยากนลินจิกตามอง “ยุ่ง ไม่ใช่เรื่องของคุณ”หยางซิงถอนหายใจ แค่นี้กับการแส
ถิงถิงเดินหน้างอออกมาจากห้อง ซึ่งเลขาแคทก็พอเข้าใจได้ ก็ไม่ทักถาม ครู่ต่อมาเหม่ยหลินก็เดินตามออกมา เลขาแคทรีบก้มหน้าทำงาน ทำทีว่าไม่รู้ไม่เห็นเหม่ยหลินเดินมาทันระหว่างนั้นก็คว้าข้อมือเรียวของถิงถิงไว้ แล้วดันเข้าไปในห้องที่ปลอดสายตาคนนอก“พี่จะทำอะไร...” เสียงนั้นเย็นชา จนเหม่ยหลินใจหาย“ถิงถิง คุยกันก่อนได้ไหม” เสียงอ่อนเอ่ยขอร้องเจ้าของนัยน์ตาที่เคยเปล่งประกาย หากตอนนี้เรียบเฉยอย่างคนไร้อารมณ์มองหน้าผู้เป็นพี่ “มีอะไรจะคุยอีกหรือคะ” น้ำเสียงชืดชาประหนึ่งคนไร้ความรู้สึกเหม่ยหลินห่อเหี่ยว ใจไม่ดี เธอไม่ชอบอาการเช่นนี้ หากอยากให้คนตรงหน้าโวยวายยังดีเสียกว่า เพราะจะได้รู้ว่าอยู่ในอารมณ์ไหน... “คุยกันดี ๆ เถอะนะ มันไม่มีอะไรจริง ๆ ”ถิงถิงมองคนพูด “หากไม่มีอะไรพี่จะเดือดร้อนทำไมคะ” “แล้วเดินออกมาทำไม”“จะให้ไปอยู่เป็นส่วนเกินหรือไงคะ” น้ำเสียงเริ่มตึงขึ้นใช่ว่าเธอไม่พยายาม แต่ก็อดคิด อดน้อยใจไม่ได้ คนมันหึง! เหม่ยหลินเข้าใจทันที “เป็นไปไม่ได้ ที่ถิงถิงจะเป็นส่วนเกินในชีวิตพี่” “เถอะ... หากช้าอีกนิดคงไม่ใช่แค่ป้อนขนม” “หึงเหรอ”
หนานซิงเมื่อได้รับโทรศัพท์จากเหม่ยหลินเพื่อให้ตามดูนลิน โดยกำชับให้เฝ้าห่าง ๆ เพื่อไม่ให้เป็นการกดดันอีกฝ่ายซึ่งในขณะที่กำลังคุยสายกันอยู่ หนานซิงก็เห็นว่านลินนั้นได้กลับขึ้นรถไป พร้อมกับการ์ดฝีมือดีสองคน ที่เหม่ยหลินเป็นคนจัดไว้ให้เธอโดยเฉพาะนลินกลับมาโรงแรมจากนั้นเธอก็ลงไปชั้นใต้ดิน ที่เปิดเป็นไนท์คลับ แน่นอนว่าเป็นสถานที่ ที่ถิงถิงเคยไปสร้างเรื่องไว้นั่นเอง เมื่อรู้จุดหมายปลายทางของนลินเรียบร้อยแล้ว ก็โทรศัพท์ไปรายงานเหม่ยหลิน เธอได้กำชับอีกครั้งว่าให้ดูแลความปลอดภัยอยู่ห่าง ๆ แต่หากมีเหตุการณ์ เหนือการควบคุม ให้โทรมารายงาน จากนั้นก็วางสายไปไนต์คลับนลินไล่ให้การ์ดสองคนไปพักผ่อน แต่เพราะคำสั่งสูงสุดคือเหม่ยหลิน คนพวกนั้นจึงปฏิเสธอย่างมีมารยาท และเดินตามเธอเข้ามา แล้วหาที่เหมาะเพื่อยืนตรวจตราความเรียบร้อย ในขณะที่นลินเลือกนั่งเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ จากนั้นเธอก็สั่งเครื่องดื่มกับหนุ่มบาร์เทนเดอร์ โดยไม่ได้สนใจผู้คนรอบข้าง จนกระทั่งเสียงเพลงคาสสิกถูกเปลี่ยนเป็นแนวจังหวะเร็วขึ้น ทำให้ภายในร้านเริ่มคึกคัก แขกหนุ่มสาวเริ่มลุกจากเก้าอี้แล้วโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลง ในขณะที่นลิ
ในห้องเหม่ยหลิน “พี่จะอาบน้ำ ไปอาบด้วยกันไหม” เหม่ยหลินพูดขึ้นหลังจากที่กลับมาห้องและนั่งพักไปได้ไม่นาน ถิงถิงหันไปส่งค้อน “ยังจะมีใจอีกนะคะ...” เพราะรู้ หากเข้าไปในห้องน้ำด้วยกันแล้วจะจบลงยังไง แล้วพูดต่อ “ไม่ห่วงคนของตัวเองบ้างหรือไง หนานซิงจะเอานลินอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้”เหม่ยหลินหัวเราะร่า “นี่พี่นึกว่าหนูจะหายงอนแล้วนะ”คนที่ถูกกล่าวหาว่า ‘งอน’ ถลึงตาใส่ “แค่ห่วง เพราะดูแล้ว นลินก็ไม่เบาไปกว่าหนู”เหม่ยหลินยิ้มกริ่ม ส่งสายตาเป็นเชิงล้อ ‘รู้ตัวเหรอ’รู้ตัวสิ ก็อยากงี่เง่าแค่กับพี่... ถิงถิงคิด“พี่ หนูไปอาบน้ำก่อนดีกว่า” ในขณะที่พูดก็เดินไปคว้าผ้าขนหนูแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปก่อน ด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน เหม่ยหลินกะโจนเข้าไปตะครุบตัว แต่แค่เฉียด เมื่อคนตัวเล็กไวกว่า จนเธอคว้าได้แต่ลม“ร้ายนะเรา” เธอตะโกนผ่านกำแพงสายตาคาดโทษ เมื่อเดินตามมา ก็พบว่าแม่ตัวร้ายได้ล็อคประตูไว้ ในระหว่างที่รอถิงถิงอาบน้ำ เหม่ยหลินฆ่าเวลาด้วยการหยิบมือถือเพื่อมาเปิดดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย จากนั้นก็มีสายโทรเข้ามาเป็นชื่อของหนานซิง เหม่ยหลินกดรับและกรอกเสียงเข้าไป “หนานซิงว
“คุณหนูใหญ่ เจอปัญหาใหญ่แล้วงานนี้ ...” หนานซิงเปรยขึ้น ด้วยความเป็นห่วง เพราะรับรู้ได้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่แต่ก็ไม่ได้เอามาพูดหรือเล่าต่อให้คนอื่นรับรู้ แม้แต่ลูกน้องที่สนิท ซึ่งหลายคนพอดูออก แต่ไม่มีใครเอามาพูดหรือเอามาเป็นประเด็นในหัวข้อสนทนา ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลังเจ้านาย เพราะถือว่าการไม่พูดถึงเรื่องส่วนตัวคือการให้เกียรติอีกฝ่าย เพราะมันเป็นสิทธิ์และความชอบของแต่ละคนที่คนนอกไม่ควรไปยุ่ง ในระหว่างนั้นก็ลังเล ว่าจะเข้าไปรายงานเจ้านายดีไหม“นลินหลับแล้ว คุณหยกค่อยออกไปได้ไหมคะ” เสียงนั้นเว้าวอนเหม่ยหลินได้แต่ยิ้มบาง ๆ ใจก็นึกถึงถิงถิง ปานนี้คงรอ จะพิมพ์ข้อความไปบอก ก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เอามือถือติดมือมาด้วย...“ได้สิ...” แล้วประคองให้นลินนอนลงไปบนเตียงนลินหลับตาลง เพียงเสี้ยวนาทีที่เหม่ยหลินเบนสายตาไปทางอื่น มุมปากหยักของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็กระตุกยิ้มมุมปากแล้วจางหายไป โดยเหม่ยหลินไม่มีโอกาสได้เห็นน้ำหนักของฝีเท้าที่เดินเข้ามา แล้วหยุดเว้นระยะห่างพอสมควร เหม่ยหลินหันไปมอง และสังเกตเห็นท่าทางของหนานซิง เธอจึงลุกขึ้นไปหา“มีอะไรหรือเปล่า...”“คุณถิงถิง...” เสียทุ้มเบา ๆ เปรย
เมื่อกดเข้าสัญญาณหน้าจอมอนิเตอร์ที่ติดตั้งอยู่ภายในรถ ก็ขึ้นจุดสีแดงกลม ๆ กำลังเคลื่อนไปตามเส้นทางรถที่พร้อมอยู่แล้วตะบึงออกไปหลังจากได้รับคำสั่ง“คุณถิงถิงกำลังออกนอกเส้นทางสายหลักครับ” หนานซิงหันมารายงานจากที่นั่งนิ่ง ๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหม่ยหลินก็ร้อนรนขึ้นทันที “ถิงถิงไม่รู้เส้นทางรีบตามไป” เธอออกคำสั่งทันทีหลังจากที่ขับตามอยู่ประมาณสิบห้านาที จุดแดงก็หยุดการเคลื่อนไหว “คุณถิงถิงไม่ไปต่อครับ”“งั้นเร่งให้ทัน”ไม่นานรถของเหม่ยหลินและการ์ดที่ตามมา ก็ถึงจุดที่รถของ ถิงถิงจอดอยู่ เหม่ยหลินหน้าถอดสี เธอแทบจะพุ่งออกจากตัวรถก่อนที่รถจะจอดสนิท หนานซิงรีบวิ่งตามออกมาเป้าหมายคือด้านคนขับ เหม่ยหลินตรงเข้าไปเกาะที่กระจกรถ เธอเพ่งมองไปด้านคนขับ หากแต่ว่างเปล่าไม่มีใคร เธอหายใจไม่ทั่วท้อง มือสั่นใจสั่น จับประตูแล้วเปิดกว้าง ซึ่งมันย้ำให้เธอรู้ว่าไม่มีคนที่เธอตามหาจริง ๆ“นี่...มันเกิดอะไรขึ้น” เธอเปรยอย่างคนสิ้นหวัง หากมือไม่จับประตูรถไว้เธอคงประคองตัวไม่อยู่หนานซิงวิ่งออกมาสมทบ แล้วมองไปในรถอีกครั้ง ก่อนจะแล้วมองหน้าเหม่ยหลินด้วยความเป็นห่วงตอนนี้เธอประคองสติเกือบไม่ไหว สายตาหวาดหวั
หนานซิงลดกระจกลง เหม่ยหลินหน้าถอดสี เมื่อสัญญาณจีพีเอสสิ้นสุดลง“ลงไป” เธอสั่งจากนั้นหนานซิงก็ลงไป ด้วยความระมัดระวัง การ์ดสองคนที่จอดรถจ่ออยู่ด้านหลังลงตามมาสมทบ“ผมสแตนบายการ์ดทีมซงไปแล้ว ตอนนี้กำลังมาครับ”“ดีมาก”“จากนี้หากมีอะไรเกิดขึ้นเราแค่ยื้อเวลาไว้ก่อน อย่าทำอะไรวู่วาม จนกว่าจะมีคำสั่งเพิ่ม” หนานซิงสั่งการในขณะที่เหม่ยหลินลงจากรถก้าวไปข้างหน้าสายตามองบ้านหลังนั้นอย่างประเมินสถานการณ์ ซึ่งมีรถตู้สีขาวจอดอยู่หากมองไม่เห็นคนที่อยู่ด้านใน จากนั้นหนานซิงส่งสัญญาณให้คนขับรถขับเลยออกไป เพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตเมื่อรถสองคันขับเคลื่อนออกไปแล้ว คนที่อยู่ก็หาที่ซ่อนตัวและรอจังหวะเข้าไปใกล้บริเวณบ้านหลังนั้นมากขึ้นหลังจากหาที่ซ่อนได้ไม่นาน รถเก๋งคันใหม่ก็ขับเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าบ้านหลังนั้นทุกคนต่างเพ่งมองไปยังบุคคลที่เข้ามาใหม่ เป็นชายร่างสูงแต่งตัวภูมิฐานหากมองใบหน้าไม่ชัด พร้อมกับชายฉกรรจ์อีกสองคนถือว่าคนพวกนั้นมีไม่เยอะสำหรับเหม่ยหลิน หากแต่คนด้านในยังไม่รู้จำนวน ทุกคนจึงรอจังหวะที่จะเข้าไปใกล้มากกว่านี้“คนนั้นน่าจะเป็นตัวการ...” เหม่ยหลินเปรยขึ้นหนานซิงที่อยู่ประกบเจ้านายไม
“ใช่ หากเธอกลับไปตอนนี้ฉันจะให้คนไปส่งที่สนามบิน แต่หากไม่กลับ เธอก็เตรียมเป็นปุ๋ยอยู่ที่นี่”ถิงถิงกระตุกยิ้ม ชายที่เป็นนักเลงปลายแถวทั้งสาม หน้าถอดสี เหงื่อตกตกใจกลัว หากแต่สาวสวยกลับไม่มีทีท่าแสดงถึงความหวาดหวั่นหรือเกรงกลัวแต่อย่างใด ทั้งที่มีอาวุธร้ายแรงจี้อยู่ตรงหน้า“สะ เสี่ย พวกเราทำงานเสร็จแล้ว พวกเราขอตัวนะครับ” คนไม่อยากเอี่ยวด้วยรีบพูดขัดขึ้น“ไม่เอาค่าจ้างแล้วหรือ”“อะ เอาครับ แต่หากเสี่ยยุ่งอยู่พวกผมค่อยเอางานหน้าก็ได้ครับ”“จะมีไหมล่ะงานหน้า ถ้าจะเอาก็รอทำงานนี้ให้เสร็จก่อนสิ”“ก็บอกแค่เอาผู้หญิงมา พวกผมก็พามาให้แล้ว ส่วนเสี่ยจะทำอะไร พวกผมไม่อยากรู้ครับ”“ไม่อยากรู้เหรอ...” แล้วจ่อปืนไปที่คนทั้งสาม ส่ายกระบอกปืนไปมา“พะพวกผมไม่เอาแล้วก็ได้ครับ” หนึ่งในนั้นรีบบอก ยกมือขึ้นท่วมหัวแล้วลนลานวิ่งออกไป แต่ชายฉกรรจ์ที่ยืนขวางอยู่หน้าประตูลั่นไกรครั้งเดียวชายหนึ่งนั้นก็ล้มฟุบชักกระตุกสองสามครั้งแล้วแน่นิ่งไป อีกสองคนเมื่อเห็นเพื่อนถูกยิงไปต่อหน้าต่อตา ก็เข่าอ่อนทรุดตัวลงไปบนพื้น ยกมือขึ้นพนมชายสูงวัยอย่างคนกลัวตายในขณะที่ถิงถิงทำใจดีสู้เสือ ทั้งที่เธอกลัวจนทรงตัวไม่อยู่ ส่วนห
ผู้ใหญ่อีกสองคนยกมือขึ้นมาสัมผัสที่แขนของทั้งคู่แทนคำพูด ซึ่งถิงถิงและเหม่ยหลินรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่ผู้ใหญ่ทั้งสองแสดงออกมา ทั้งคู่ยกมือไหว้อีกครั้ง โดยถิงถิงปราบปลื้มจนน้ำตาเออเรื่อ ด้วยความซาบซึ้งใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าอาจมีญาติบางคนไม่เห็นด้วยกับความรักของเธอกับเหม่ยหลิน แต่ทุกคนกลับยิ้มยินดี โดยเฉพาะภรรยาใหญ่ทั้งสองของคุณลุงหยาง ซึ่งท่านไม่แม้จะพูดให้เสียความรู้สึก...เมื่อผู้ใหญ่เดินกลับที่พักไปแล้ว เหลือแค่หนุ่มสาววัยไล่เลี่ย ก็เข้ามาแสดงความยินดีและหยอกเย้า ทำให้นึกถึงบรรยากาศสมัยตอนเป็นเด็กที่ต่างคนต่างมีความซนและใสซื่อต่อกัน แต่เมื่อโตขึ้นต่างคนต่างมีเป้าหมายของตัวเองและแยกตัวไปทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ความคุ้นเคยกลายเป็นความห่างเหิน แต่ใจลึก ๆ ทั้งหมดก็ยังหวังดีและเป็นกำลังใจให้กันโดยไม่ต้องแสดงตัว...งานช่วงเย็นพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าวิวท้องฟ้าไล่แสงสีส้มตัดกับน้ำทะเล ทุกคนต่างเก็บภาพนั้นไว้ ด้วยความสนุกสนาน โดยเจ้าสาวทั้งคู่ยืนอยู่บนแท่นเพื่อแลกเปลี่ยนคำมั่นสัญญารักที่มีให้กัน ท่ามกลางหาดทรายขาว และมหาสมุทรสีฟ้าเข้มตัดกับขอบฟ้ากว้างที่อยู่เคียงข้างเป็นสักขี
ถิงถิงยิ้มรับ จากนั้นเธอก็โดนโอบรั้งให้ยืนขึ้น รอรับจูบดูดดื่มของคนตัวโตที่ส่งมอบมา จากนั้นเหม่ยหลินจัดการพาร่างที่อ่อนปวกเปียกเพราะรสจูบของตนให้ลงไปนั่งอยู่ในอ่างเคียงคู่กัน แล้วกอดรัดฟัดเหวี่ยงจูบซุกไซร้ซอกซอนไปตามจุดต่าง ๆ ของกันและกัน จนกระทั่งถิงถิงถูกจับกดให้นอนราบลงไป โดยเหม่ยหลินยกขาเรียวของถิงนั้นให้พาดไปกับขอบอ่างทั้งสองข้าง จนเห็นเนินอวบอูมสีเรื่องามสล้างตรงหน้าแจ่มชัดจนต้องกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอเธอไม่รีรอให้เวลาเดินไปโดยเปล่าประโยชน์ ก้มลงไปหาเนินอวบอิ่มที่แย้มโชว์กลีบกุหลาบงาม โดยการส่งลิ้นอ้อนพริ้วเข้าไปทักทายตามช่องแยกที่ปริ่มน้ำ ดูดกลืนกลิ่นความหวานนั้นอย่างไม่เกี่ยงงอน“อ่าส์ ซีดส์...” ถิงถิงแอ่นสะโพกร่อนรับ พร้อมเสียงร้องคราง ในขณะที่มือยกขึ้นมาจับเส้นผมของคนที่ก้มหน้าคลุกอยู่ตรงกลางกายสาว และเผลอกดศีรษะนั้นลงไปด้วยความกระสันเหม่ยหลินไม่อยากให้ถิงถิงถึงฝั่งฝันในตอนนี้ จึงยืดเวลาโดยถอนปลายลิ้นออกมา คนที่กำลังเคลิบเคลิ้มผงกหน้าขึ้นมามองคิ้วขมวด ทำหน้าแปลกใจเหม่ยหลินกระตุกยิ้มร้ายส่งให้ จากนั้นถิงถิงก็ทิ้งศีรษะลงที่เดิม เมื่อนิ้วเรียวเริ่มขยับและสัมผัสอยู่ตรงเนิน ลู
การไถ่โทษของเหม่ยหลินทำให้ถิงถิง ไม่มีโอกาสได้เปิดปากเถียง เมื่อทั้งมือทั้งริมฝีปากปากตะปบเข้ามาอย่างเสือตะครุบเหยื่อ โดยมือข้างหนึ่งปลดเสื้อผ้าที่เปียกน้ำของถิงถิงไปด้วย ส่วนมืออีกข้างจับต้นคองามเพื่อไม่ให้รอรับจังหวะจูบที่โน้มลงไปหาสัมผัสจูบนั้นนุ่มนวลและรุนแรงไปตามความปรารถนา ในขณะที่ลำตัวและเท้าพากันประคองเข้าไปในห้องน้ำกายเปลือยเปล่าแนบชิด ลูบไล้นัวเนีย ประหนึ่งคนอดอยากปากแห้ง ร้างราเรื่องอย่างว่ามานานนับปี...ความสุขกระสันเพลิดเพลิน กับความหวานล่ำของกันและกัน จนแผ่นหลังกระแทกไปกับฝาผนังห้องน้ำ จนคนแนบชิดรับรู้ถึงความสั่นสะเทือน แต่เจ้าตัวที่โดนทับกลับไม่รู้สึกรู้สา หรืออยากหยุดการกระทำของตัวเองเป็นถิงถิงเสียเองที่รู้สึกจุกแทน เพราะสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของสิ่งที่สัมผัสกันอยู่จนเกิดความกังวล ความรู้สึกหวาบหวามหยุดชะงักเป็นห่วง กลัวว่าถึงตอนนั้นคนพี่จะรู้สึกเจ็บทีหลัง“หือ...” เธอส่งเสียงเตือนออกจากลำคอ แต่คนคลั่งรักยังไม่ถอนริมฝีปากหรือผละออกห่าง สุดท้ายใช้นิ้วจี้ไปที่เอวคอดของเหม่ยหลิน“อุ๊!” เธอสะดุ้งและผละออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมมองใบหน้าหวานสีเรื่อเป็นเครื่องหมายคำถาม“
“ตอนหนูเข้าห้องน้ำพี่ยังหลับลงเลยนี่คะ”“ตอนนั้นหนูอยู่ในห้องน้ำ... แต่ตอนนี้หนูอยู่ข้างนอก จะให้หลับลงได้ยังไง... ปะ เรากลับกันเถอะ แดดก็ร้อนเดี๋ยวผิวเสียหมด”“หนูทากันแดดมาอย่างดีเลยค่ะ” คนดื้อบอกสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนพร้อมกับยกแขนเรียวขึ้นมาให้ดูอีกเหม่ยหลินกรอกตามองบน“ถึงจะทาแล้วก็เถอะ... ปะกลับที่พัก” เดินเข้ามาดึงแขนเรียวที่เจ้าของมีทีท่าจะเดินไปต่อ แต่โดนสะบัดออกพร้อมคำปฏิเสธ“ไม่เอา!” จนฝามือที่จับไว้หลวม ๆ หลุดออกเมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นอิสระแล้ว ถิงถิงก็ออกวิ่ง พร้อมกับตะโกนบอก “อยากให้กลับ ก็จับให้ทันสิคะ”เหม่ยหลินยกมือขึ้นเท้าสะเอว มองหญิงสาวร่างบาง ที่ตอนนี้เหมือนเด็กน้อยวัยสามขวบอยากได้เพื่อนเล่น ด้วยดวงตาหมายหมาด...หากตรงหน้าเปรียบเป็นเหยื่อ ผู้ล่าอย่างเธอจะไม่ปล่อยใหเหยื่อ เป็นอิสระสักวินาทีเดียว“จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม...” เหม่ยหลินกัดฟันปั้นปาก จ้องร่างบางที่สาวเท้าวิ่งออกไปอย่างไม่รอ “คิดว่าจะหยุดแค่จับหรือไง” เธอเปรยขึ้นด้วยความมันเขี้ยว จากนั้นก็พุ่งตามออกไปในขณะที่ถิงถิงหันกลับมาดู ก็เห็นว่าเหม่ยหลินกำลังวิ่งไล่ตามมาใกล้ถึง เธอก็ส่งเสียงกรี๊ดออกมาพร้อมกับหลบฝ่ามือที่
ผ่ามือเรียวที่ดันอยู่บนหน้าอกก็ถูกดึงออกมาฟาดไปบนไหล่คนหื่นหนัก ๆ “เนี่ย ระวังเหอะ จะหมดแรงคาอกหนูสักวัน” พูดข่ม คนอายุห่างเกือบ10ปีเหม่ยหลินยิ้มร่า สายตาท้าทาย “เคยมีสักครั้งไหมล่ะ”“เนี่ย หากยังไม่ไปอาบน้ำ แล้วกลับมานอนพักผ่อนเอาแรง...” สายตาและน้ำเสียงเป็นห่วงมากกว่าติเตียนเหม่ยหลินถอนหายใจ แกล้งทำหน้างอ “ใจร้าย...”“หวังดีค่ะ” ถิงถิงย้อนสายตาเต็มไปด้วยผู้ชัยชนะคนโดนสกัดทำได้แค่ส่งสายตาคาดโทษ ลุกขึ้นไปอาบน้ำเพื่อนอนพักผ่อนตามที่เด็กดื้อได้พูดไว้ เพราะหลังจากนี้คงไม่มีเวลาได้พักสายตาเต็มตื่น จนกว่างานทุกอย่างจะผ่านพ้นไป...แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อเด็กดื้อยังแผงฤทธิ์ไม่หยุด!เวลาผ่านไป...เหม่ยหลินเดินออกมาจากห้องน้ำ สายตาของเธอมองตรงไปยังเตียงนอน แต่พบว่าถิงถิงไม่ได้อยู่บนเตียงเพื่อนอนพักผ่อนไปด้วยกัน“ถิงถิง...” เธอเรียกหา “เด็กดื้อ... หายไปไม่บอกไม่รออีกแล้วนะ” บ่นคนให้เป็นห่วงเมื่อไม่มีถิงถิง เหม่ยหลินก็ไม่มีใจทำอะไร นอกจากเดินหาไปทั่วบ้านพักหลังใหญ่แต่ก็ไม่เจอ ใจเริ่มกังวล ตัดสินใจเดินกลับมาในห้องนอนและเห็นว่าชุดลำลองของตนถูกจัดวางไว้ให้ จึงรีบหยิบ
สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ห่วงความรู้สึก ห่วงการถูกมองจากคนในสังคมที่คนพี่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะบางสังคมและผู้ใหญ่บางคน ยังไม่ยอมรับเรื่องรักเพศเดียวกัน“เรื่องนี้ พี่พร้อมมาทั้งชีวิตแล้วล่ะ...ว่าแต่ห่วงตัวเองเถอะ พร้อมหรือยังฮึ?” คำถาม มาพร้อมสายตากรุ่มกริ่มที่แฝงไปด้วยความปรารถนาซ้ำยังยกยิ้มมุมปากถิงถิงทำหน้าเมื่อย อยากสั่งห้ามว่าอย่าไปทำหน้าทำตาออกอาการแบบนี้กับใคร!“พะพร้อมอะไร... ชุดเหรอ เรียบร้อยแล้วไง ก็ไปเลือกพร้อมกัน”ถิงถิงเสียอาการจนเสียงแกว่ง ทำเป็นเฉไฉตอบความหมายเป็นอย่างอื่น ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดในแง่ไหน...สายตาออกชัด ซึ่งทุกครั้งที่เห็นสายตานี้ อดเสียววาบช่องท้องไม่ได้“แน่เหรอ ว่าที่พี่ถาม หนูเข้าใจว่าเรื่องชุด?” สายตาของเหม่ยหลินยังวาบหวามเปล่งประกายถิงถิงหน้าฉาบสี เขินจนอยากหมุดหน้าหนี เถอะ!คนผีทะเล ยังจะมาขยี้จี้ถามได้อีก“ว่าไง ฮึ?”ทำเสียงเยิ้มหวาน ซึ่งเธอไม่ได้ตั้งใจเอาคำตอบ หากแต่อยากแกล้งให้อีกฝ่ายเขิน ซึ่งภาพนั้นมันน่ามองน่ารัก จนถอนตัวถอนใจไม่ได้อีกแล้วถิงถิงจิกตาค้อน หื่นได้ทุกทีสิน่า... “ไม่พูดด้วยแล้ว” เสียงนุ่มสะบัด จากนั้นหมุนตัวพาหน้าฉาบสี
“แล้วพี่จะหยุดงานหนึ่งอาทิตย์จริง ๆหรือคะ” ถิงถิงเอ่ยถามหลังจากที่อีกคนเงียบไปซึ่งคนที่รักงานเป็นชีวิตจิตใจจะหยุดงานที่ต้องใจแข็งแค่ไหน...“จริงสิ หรือหนูไม่ชอบที่เราจะมีเวลายู่ด้วยกัน”จากนั้นทั้งคู่ก็หันมาสบตาอย่างค้นหา หากถิงถิงโน้มใบหน้าเข้ามาหาแตะริมฝีปากไปบนปากบางได้รูป“ขอบคุณนะคะ” เสียงนั้นแผ่วเบาและแฝงไปด้วยความขัดเขินเหม่ยหลินเลิกคิ้วยกสูงแล้วถาม “ขอบคุณเรื่อง” สายตาเต็มไปด้วยความเอ็นดูเจ้าของใบหน้าขาวนวลไม่ตอบหากแต่หลบสายตานั้นทำให้เหม่ยหลินยกยิ้ม ที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เร็วกว่าความคิดของคนที่รอจังหวะอยู่แล้ว ก่อนจะเอี้ยวตัวไปดึงร่างบางให้หันนั่งค้อมตักของตัวเองถิงถิงเงอะงะไปเพียงครู่ “พี่คะ ที่มันที่โล่งนะคะ” เธอขืนตัวเพราะว่ามันโจ่งแจ้งเกินว่าจะทำเรื่องอย่างว่า“ที่ส่วนบุคคลใครจะกล้าเข้ามา” คนเอาแต่ใจบอก“แต่...”“นา เปลี่ยนบรรยากาศไง”สายตานั้นเว้าวอนมองมา ถิงถิงจึงปล่อยเลยตามเลย และเข้าใจความต้องการของอีกฝ่าย จึงตอบสนองให้ทันท่วงที โดยการรับจูบที่ดูดดื่ม ร้อนแรงและดูดดื่มส่งมอบไปให้คนบนตัก ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่เขากลั่นออกมาและสนองไปให้ด้วยการกระทำ รัก
ในห้องทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสารและหนังสือ “นั่งลงสิ” มิสเตอร์หยางหันมาบอกหลังจากที่ตัวเองหนังลงบนเก้าอี้ตัวโปรด“มีอะไรจะบอกพ่อไหม” สายตานั้นมองมาอย่างรอคอยและค้นหา“เรื่องที่ดินประมูลมาได้ ทุกอย่างไม่มีปัญหาค่ะ ตอนนี้หนูปล่อยให้เจ้าของกลับมาทำมาหากินในที่ตัวเอง โดยไม่เอาค่าเช่า”“ลูกลืมไปแล้วหรือว่าตระกูลของเราทำอะไร...” เสียงนั้นจริงจัง หากไม่มีแววตำหนิ แต่มีความสงสัยอยู่เต็มเปี่ยม“ทำธุรกิจค่ะ” เธอตอบอย่างมั่นใจ เพราะทุกวันนี้ชีวิตของเธอหมุนอยู่กับตัวเลข“ลูกรู้นิ แล้วทำแบบนั้น เราได้อะไรกลับมา” ผู้สูงวัยอยากรู้เหตุผล“ความไว้ใจและความเชื่อใจไงคะ”“แล้วลูกรู้หรือ ว่าคนพวกนั้นเขาจะมีให้ลูกได้”“มีค่ะ เพราะหากต่อไปที่ดินผืนนั้น ไม่มีใครอยากทำอาชีพเดิม ๆ หรือไม่เห็นผลกำไรเลย ถึงตอนนั้นเรายื่นขอเสนอ ขอเปิดทำโรงงาน หรืออุตสาหกรรม เพื่อยกระดับการทำงานให้ทุกคนมีงานทำ และได้เงินที่แน่นอนกว่า ถึงตอนนั้นคงไม่มีชาวบ้านคนไหนคัดค้าน”“เออ... คิดดี...” มิสเตอร์หยางตบโต๊ะดังปังด้วยความพอใจ คิดไม่ถึงว่าเหม่ยหลินจะสร้างเกมนี้ขึ้นมา “พ่อคิดไม่ถึงตรงนี้ ดีนะที่ลูกเข้าใจถึงเสียงของชาวบ้าน การพึ่งพาอาศั
หยางฟางหลงแนะนำน้องชายกับน้องสะใภ้ให้บุตรสาวได้รู้จักต่อ จากนั้นก็ปรายตามไปมองยังลูกสาวบุญธรรมของเขาอีกคน กับหลาน ๆ ที่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกัน ก่อนผ่อนลมหายใจยาวออกมา“นี่หลิงหลิง ไห่หมิง หวังเหว่ย เพ่ยเพ่ย น่าจะเป็นพี่เรานะ”สิ้นเสียงผู้เป็นบิดาบุญธรรม หยางเหม่ยจูก็ยกมือขึ้นไว้ทุกคนทันที และแน่นอนว่าคนที่รับไหว้นั้นมีเพียงสองหนุ่มเท่านั้น ส่วนหยางเพ่ยเพ่ยได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายนิ่งแล้วก็ยกริมฝีปากยิ้ม ทว่าคนที่ดูจะมีปฏิกิริยากต่อคนเพิ่งมามากที่สุดคือ หยางหลิงหลิง ที่เวลานี้ขยับตัวนั่งกอดอกเชิดหน้าขึ้นมองเธอเพียงหางตาเท่านั้น หากคนที่เห็นรับรู้ได้ทันที....เหม่ยจูน่าจะมีอริเพิ่มแบบไม่ทันตั้งตัวแล้ว ดังนั้นทางที่ดีขอให้เธอห่างจากผู้หญิงคนนี้ เพื่อเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นแบบไม่รู้ตัว...เหม่ยหลินคิดกังวลแทนเหม่ยจูขึ้นมา“เอาไว้ก็ไปทำความรู้จักกันแล้วกันนะ ... และส่วนอีกสองคนนั่น หยางหวังเหล่ย กับถิงถิง หวังเหล่ยน่าจะรุ่นเดียวกับเหม่ยจู ถิงถิง นั่นเด็กน้อยสุดแล้ว ทั้งดื้อ ทั้งซน ทั้งเอาแต่ใจตัวเอง” คำต่อกึ่งหยอกกึ่งแซวของประมุข ทำให้หลายคนอมยิ้ม“ถิงถิง ไม่ได้เอาแต่ใจตัวเองสักหน่อยค่ะ”คนโดน