“คุณหนูใหญ่ เจอปัญหาใหญ่แล้วงานนี้ ...” หนานซิงเปรยขึ้น ด้วยความเป็นห่วง เพราะรับรู้ได้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่แต่ก็ไม่ได้เอามาพูดหรือเล่าต่อให้คนอื่นรับรู้ แม้แต่ลูกน้องที่สนิท ซึ่งหลายคนพอดูออก แต่ไม่มีใครเอามาพูดหรือเอามาเป็นประเด็นในหัวข้อสนทนา ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลังเจ้านาย เพราะถือว่าการไม่พูดถึงเรื่องส่วนตัวคือการให้เกียรติอีกฝ่าย เพราะมันเป็นสิทธิ์และความชอบของแต่ละคนที่คนนอกไม่ควรไปยุ่ง ในระหว่างนั้นก็ลังเล ว่าจะเข้าไปรายงานเจ้านายดีไหม“นลินหลับแล้ว คุณหยกค่อยออกไปได้ไหมคะ” เสียงนั้นเว้าวอนเหม่ยหลินได้แต่ยิ้มบาง ๆ ใจก็นึกถึงถิงถิง ปานนี้คงรอ จะพิมพ์ข้อความไปบอก ก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เอามือถือติดมือมาด้วย...“ได้สิ...” แล้วประคองให้นลินนอนลงไปบนเตียงนลินหลับตาลง เพียงเสี้ยวนาทีที่เหม่ยหลินเบนสายตาไปทางอื่น มุมปากหยักของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็กระตุกยิ้มมุมปากแล้วจางหายไป โดยเหม่ยหลินไม่มีโอกาสได้เห็นน้ำหนักของฝีเท้าที่เดินเข้ามา แล้วหยุดเว้นระยะห่างพอสมควร เหม่ยหลินหันไปมอง และสังเกตเห็นท่าทางของหนานซิง เธอจึงลุกขึ้นไปหา“มีอะไรหรือเปล่า...”“คุณถิงถิง...” เสียทุ้มเบา ๆ เปรย
เมื่อกดเข้าสัญญาณหน้าจอมอนิเตอร์ที่ติดตั้งอยู่ภายในรถ ก็ขึ้นจุดสีแดงกลม ๆ กำลังเคลื่อนไปตามเส้นทางรถที่พร้อมอยู่แล้วตะบึงออกไปหลังจากได้รับคำสั่ง“คุณถิงถิงกำลังออกนอกเส้นทางสายหลักครับ” หนานซิงหันมารายงานจากที่นั่งนิ่ง ๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหม่ยหลินก็ร้อนรนขึ้นทันที “ถิงถิงไม่รู้เส้นทางรีบตามไป” เธอออกคำสั่งทันทีหลังจากที่ขับตามอยู่ประมาณสิบห้านาที จุดแดงก็หยุดการเคลื่อนไหว “คุณถิงถิงไม่ไปต่อครับ”“งั้นเร่งให้ทัน”ไม่นานรถของเหม่ยหลินและการ์ดที่ตามมา ก็ถึงจุดที่รถของ ถิงถิงจอดอยู่ เหม่ยหลินหน้าถอดสี เธอแทบจะพุ่งออกจากตัวรถก่อนที่รถจะจอดสนิท หนานซิงรีบวิ่งตามออกมาเป้าหมายคือด้านคนขับ เหม่ยหลินตรงเข้าไปเกาะที่กระจกรถ เธอเพ่งมองไปด้านคนขับ หากแต่ว่างเปล่าไม่มีใคร เธอหายใจไม่ทั่วท้อง มือสั่นใจสั่น จับประตูแล้วเปิดกว้าง ซึ่งมันย้ำให้เธอรู้ว่าไม่มีคนที่เธอตามหาจริง ๆ“นี่...มันเกิดอะไรขึ้น” เธอเปรยอย่างคนสิ้นหวัง หากมือไม่จับประตูรถไว้เธอคงประคองตัวไม่อยู่หนานซิงวิ่งออกมาสมทบ แล้วมองไปในรถอีกครั้ง ก่อนจะแล้วมองหน้าเหม่ยหลินด้วยความเป็นห่วงตอนนี้เธอประคองสติเกือบไม่ไหว สายตาหวาดหวั
หนานซิงลดกระจกลง เหม่ยหลินหน้าถอดสี เมื่อสัญญาณจีพีเอสสิ้นสุดลง“ลงไป” เธอสั่งจากนั้นหนานซิงก็ลงไป ด้วยความระมัดระวัง การ์ดสองคนที่จอดรถจ่ออยู่ด้านหลังลงตามมาสมทบ“ผมสแตนบายการ์ดทีมซงไปแล้ว ตอนนี้กำลังมาครับ”“ดีมาก”“จากนี้หากมีอะไรเกิดขึ้นเราแค่ยื้อเวลาไว้ก่อน อย่าทำอะไรวู่วาม จนกว่าจะมีคำสั่งเพิ่ม” หนานซิงสั่งการในขณะที่เหม่ยหลินลงจากรถก้าวไปข้างหน้าสายตามองบ้านหลังนั้นอย่างประเมินสถานการณ์ ซึ่งมีรถตู้สีขาวจอดอยู่หากมองไม่เห็นคนที่อยู่ด้านใน จากนั้นหนานซิงส่งสัญญาณให้คนขับรถขับเลยออกไป เพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตเมื่อรถสองคันขับเคลื่อนออกไปแล้ว คนที่อยู่ก็หาที่ซ่อนตัวและรอจังหวะเข้าไปใกล้บริเวณบ้านหลังนั้นมากขึ้นหลังจากหาที่ซ่อนได้ไม่นาน รถเก๋งคันใหม่ก็ขับเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าบ้านหลังนั้นทุกคนต่างเพ่งมองไปยังบุคคลที่เข้ามาใหม่ เป็นชายร่างสูงแต่งตัวภูมิฐานหากมองใบหน้าไม่ชัด พร้อมกับชายฉกรรจ์อีกสองคนถือว่าคนพวกนั้นมีไม่เยอะสำหรับเหม่ยหลิน หากแต่คนด้านในยังไม่รู้จำนวน ทุกคนจึงรอจังหวะที่จะเข้าไปใกล้มากกว่านี้“คนนั้นน่าจะเป็นตัวการ...” เหม่ยหลินเปรยขึ้นหนานซิงที่อยู่ประกบเจ้านายไม
“ใช่ หากเธอกลับไปตอนนี้ฉันจะให้คนไปส่งที่สนามบิน แต่หากไม่กลับ เธอก็เตรียมเป็นปุ๋ยอยู่ที่นี่”ถิงถิงกระตุกยิ้ม ชายที่เป็นนักเลงปลายแถวทั้งสาม หน้าถอดสี เหงื่อตกตกใจกลัว หากแต่สาวสวยกลับไม่มีทีท่าแสดงถึงความหวาดหวั่นหรือเกรงกลัวแต่อย่างใด ทั้งที่มีอาวุธร้ายแรงจี้อยู่ตรงหน้า“สะ เสี่ย พวกเราทำงานเสร็จแล้ว พวกเราขอตัวนะครับ” คนไม่อยากเอี่ยวด้วยรีบพูดขัดขึ้น“ไม่เอาค่าจ้างแล้วหรือ”“อะ เอาครับ แต่หากเสี่ยยุ่งอยู่พวกผมค่อยเอางานหน้าก็ได้ครับ”“จะมีไหมล่ะงานหน้า ถ้าจะเอาก็รอทำงานนี้ให้เสร็จก่อนสิ”“ก็บอกแค่เอาผู้หญิงมา พวกผมก็พามาให้แล้ว ส่วนเสี่ยจะทำอะไร พวกผมไม่อยากรู้ครับ”“ไม่อยากรู้เหรอ...” แล้วจ่อปืนไปที่คนทั้งสาม ส่ายกระบอกปืนไปมา“พะพวกผมไม่เอาแล้วก็ได้ครับ” หนึ่งในนั้นรีบบอก ยกมือขึ้นท่วมหัวแล้วลนลานวิ่งออกไป แต่ชายฉกรรจ์ที่ยืนขวางอยู่หน้าประตูลั่นไกรครั้งเดียวชายหนึ่งนั้นก็ล้มฟุบชักกระตุกสองสามครั้งแล้วแน่นิ่งไป อีกสองคนเมื่อเห็นเพื่อนถูกยิงไปต่อหน้าต่อตา ก็เข่าอ่อนทรุดตัวลงไปบนพื้น ยกมือขึ้นพนมชายสูงวัยอย่างคนกลัวตายในขณะที่ถิงถิงทำใจดีสู้เสือ ทั้งที่เธอกลัวจนทรงตัวไม่อยู่ ส่วนห
ตอนนี้ความคิดของนลินที่แล่นเข้ามา คือเหม่ยหลินต้องถึงมาที่นี่ก่อนเธอ แต่ในเมื่อไม่มี อาจเกิดเหตุร้ายระหว่างทาง จากคนพวกนี้ เธอหันมองคนพวกนั้นตาขวาง “พวกคุณ... ทำอะไรคุณเหม่ยหลิน ไอ้สารเลวชาติชั่ว” เธอผรุสวาทคำหยาบด้วยความเกรียวโกรธ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อคิดว่าคนพวกนี้คงจัดการเหม่ยหลินไปแล้ว ซึ่งความโกรธของเธอทำให้ลืมความหวาดกลัวไปชั่วขณะ จากนั้นก็พุ่งไปหาชายสูงวัย แต่โดนลูกสมุนอีกคนเข้ามาขวางไว้ เธอง้างมือขึ้นฟาด และข่วนไปบนตัวของชายคนนั้น ซึ่งคนตัวโตหน้าเหี้ยมได้แต่ปัดป้อง โดยไม่ทำรุนแรงไปกว่านั้น“ไอ้พวกเลว...” เธอยังด่ากราด ยิ่งสายตามองไปเห็นชายนอนจมกองเลือดเธอยิ่งสติแตก “พวกคุณเป็นคนร้าย เป็นฆาตกร”ชายฉกรรจ์ที่จับตัวเธอไว้บอกออกมาว่า“แต่คนที่คุณเอ่ยถึงพวกเรายังไม่เห็นเลยนะ”“ไม่เชื่อ!”“นายเอาไง ผมว่าเรื่องมันยุ่งไปกันใหญ่ หาก...” คนที่เพิ่งตามมาสมทบถามขึ้น เมื่อชักช้าคนพวกที่กล่าวถึงอาจจะมาถึงในอีกไม่ช้า และตอนนั้นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่“เรื่องนี้ไม่มีคนอื่นรู้ไม่ใช่เหรอ...” แล้วหันไปถามผู้ชายที่นั่งตัวสั่นหลบมุมอยู่ “พวกแกทำงานพลาดใช่ไหม” ชายสูงวัยหันไปเล่นงานชายที่เหลือ
ในระหว่างที่ทุกคนให้ความสนใจอยู่กับเหม่ยหลิน ถิงถิงรวบรวมความกล้ายกขาขึ้นเตะผ่าหมาก หากแต่ไม่ตรงเป้านัก ชายสูงวัยเพียงตกใจปล่อยมือออกจากคอเสื้อ จากนั้นเธอก็วิ่งมุ่งเข้าไปหาเหม่ยหลินในจังหวะนั้นทุกคนต่างรอดูท่าที ปืนกระบอกขนาดเหมาะมือก็เล็งตามหลังถิงถิง เหม่ยหลินเมื่อเห็นดังนั้นก็พุ่งไปหาเช่นเดียวกับนลินที่วิ่งออกไปปัง ปัง! กระสุนถูกปล่อยออกมาสองครั้ง เป็นร่างของนลินร่วงฟุบไปบนพื้นพร้อมกับเลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมา ซึ่งในวินาทีนั้นกระสุนอีกฝากก็ตัดขั้วหัวใจของชายอีกคนไปพร้อมกันหลายคนแตกตื่นหากคนของเหม่ยหลินเล็งไปยังเป้าหมาย เตรียมพร้อม หากใครขยับคือยมทูตรอรับสถานเดียวในสถานการณ์ตอนนี้ฝ่ายนั้นรู้ตัวดี อาวุธที่อยู่ในมือถูกวางลงพื้น พร้อมยกมือขึ้นไว้เหนือศีรษะ จากนั้นหนานซิงก็กระโดดข้ามหน้าต่างเข้ามา มุ่งตรงมาดูอาการของนลินทันที“ไม่โดนจุดสำคัญ แต่อาจจะเสียเลือดมาก เราต้องหาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด”หนานซิงรายงานพร้อมออกความคิดเห็นกับเหม่ยหลินในขณะที่ชายสูงวัย มีใบหน้าเจ็บปวดประหนึ่งคน โดนยิงเป็นญาติสนิทของตัวเอง ยิ่งทำให้เหม่ยหลินและหนานซิงแปลกใจใบหน้าเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสมองร่างบางที
“ผมขอไปทำงานกับพวกคุณได้ไหมครับ คนล้างรถก็ได้”“งั้นหลังจากนี้ ไปเก็บตัวสักพัก แล้วค่อยไปหาฉันนะ”“ครับขอบคุณครับ”หลังจากนั้นทั้งหมดก็กลับขึ้นรถ ส่วนทีมซงและการ์ดส่วนหนึ่งจัดการพวกที่เหลือในบ้านหลังนั้นโรงพยาบาลเอกชน...นลินถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัด โดยมีอดีตนายแพทย์เกรียงนั่งคอตกอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าจะตายแทนลูกให้ได้“พี่... ขอถามหน่อย” ถิงถิงเดินเข้ามาใกล้“จะกลับไปพักผ่อนก่อนไหม พี่จะให้หนานซิงพากลับก่อน”“ไม่ค่ะ... คือหนูมีเรื่องอยากถาม”“ถามมาสิ”“ทำไมพี่พูดกับคนพวกนั้นแบบนั้นคะ”“พวกนั้น?”“คนที่เอามือถือมาคืนไงคะ”“อ๋อ นึกว่าเรื่องอะไร...” ยิ้มเอ็นดู “ทำไม หรือที่พี่ตัดสินใจไปแบบนั้น มันดูไม่ดีเหรอ”“ก็ไม่ถึงกับว่าไม่เห็นด้วยหรอกนะคะ”“รู้ไหมหากไม่มีมือถือเครื่องนั้น พี่ก็ตามถิงถิงไม่เจอ หรืออาจไปช่วยถิงถิงไม่ทัน”ถิงถิงยิ้มเจื่อน พอเข้าใจความต้องการของเหม่ยหลินได้ จากนั้นก็หันไปมองคนสูงวัย ที่เหม่ยหลินมองอยู่ก่อนแล้ว สายตานั้นผิดหวังและเสียใจเด่นชัด“เข้าใจพี่หรือยัง...” สายตาอบอุ่น ที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู มองสาวตรงหน้า แล้วส่งผ่านไออุ่นให้กันโดยการจับมือ“แล้วพี่จะเอาไงกับคุณเก
เกรียงทุ่มเทเวลาให้กับจินจนกระทั่งลูกสาวเรียนจบ ตนจากนั้นก็ตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่ทำมาหลายสิบปีโดยมีข้ออ้างว่าร่างกายไม่แข็งแรง เพื่อลาออกได้ง่ายขึ้น จากนั้นก็ส่งลูกเข้าไปทำงานแทน เพื่อที่ตนจะได้มีเวลาไปอยู่กับจินมากขึ้น และจินเป็นคนให้ตังค์ใช้ โดยที่เรื่องนี้เป็นความลับแม้กระทั่งลูกสาวคนเดียวก็ไม่รู้ หากใครจะรู้ว่าความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพียงการหวังผล และตนก็ตกหลุ่มพลาง โดยการถูกแบล็คเมล์ และให้ทำงานตามที่อีกฝ่ายต้องการ นั้นคือหาข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่งที่อยู่ในวงการธุรกิจเดียวกัน นั้นก็คือตระกูลหยาง ที่เหม่ยหลินเป็นคนกุมบังเหียนในไทย ในตอนนั้นตนได้ปฏิเสธ และแยกห่างออกมา หากแต่จินไม่ยอมรามือ และดึงลูกสาวคนเดียวของเกรียงมาเอี่ยวด้วย นั้นก็คือนลิน เมื่อรักและเป็นห่วงต่อลูกสาวคนเดียวจะได้รับอันตรายจึงทำให้เกรียงเลือกความปลอดภัยของลูกสาว และยอมทำงานให้จินโดยการนำคุย แล้วแทรกถามข้อมูล สุดท้ายนลินจับสังเกตได้ และไม่ยอมพูดเรื่องของเกี่ยวกับเหม่ยหลินอีก สร้างความโกรธเคืองให้กับจินและส่งคนมาดักทำร้ายนลิน และทำการส่งคนเข้าไปขโมยข้อมูลโดยการปลอมตัวเป็นนลิน โดยที่ผู้เป็นพ่อไม่อ