“ผมขอไปทำงานกับพวกคุณได้ไหมครับ คนล้างรถก็ได้”“งั้นหลังจากนี้ ไปเก็บตัวสักพัก แล้วค่อยไปหาฉันนะ”“ครับขอบคุณครับ”หลังจากนั้นทั้งหมดก็กลับขึ้นรถ ส่วนทีมซงและการ์ดส่วนหนึ่งจัดการพวกที่เหลือในบ้านหลังนั้นโรงพยาบาลเอกชน...นลินถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัด โดยมีอดีตนายแพทย์เกรียงนั่งคอตกอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าจะตายแทนลูกให้ได้“พี่... ขอถามหน่อย” ถิงถิงเดินเข้ามาใกล้“จะกลับไปพักผ่อนก่อนไหม พี่จะให้หนานซิงพากลับก่อน”“ไม่ค่ะ... คือหนูมีเรื่องอยากถาม”“ถามมาสิ”“ทำไมพี่พูดกับคนพวกนั้นแบบนั้นคะ”“พวกนั้น?”“คนที่เอามือถือมาคืนไงคะ”“อ๋อ นึกว่าเรื่องอะไร...” ยิ้มเอ็นดู “ทำไม หรือที่พี่ตัดสินใจไปแบบนั้น มันดูไม่ดีเหรอ”“ก็ไม่ถึงกับว่าไม่เห็นด้วยหรอกนะคะ”“รู้ไหมหากไม่มีมือถือเครื่องนั้น พี่ก็ตามถิงถิงไม่เจอ หรืออาจไปช่วยถิงถิงไม่ทัน”ถิงถิงยิ้มเจื่อน พอเข้าใจความต้องการของเหม่ยหลินได้ จากนั้นก็หันไปมองคนสูงวัย ที่เหม่ยหลินมองอยู่ก่อนแล้ว สายตานั้นผิดหวังและเสียใจเด่นชัด“เข้าใจพี่หรือยัง...” สายตาอบอุ่น ที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู มองสาวตรงหน้า แล้วส่งผ่านไออุ่นให้กันโดยการจับมือ“แล้วพี่จะเอาไงกับคุณเก
เกรียงทุ่มเทเวลาให้กับจินจนกระทั่งลูกสาวเรียนจบ ตนจากนั้นก็ตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่ทำมาหลายสิบปีโดยมีข้ออ้างว่าร่างกายไม่แข็งแรง เพื่อลาออกได้ง่ายขึ้น จากนั้นก็ส่งลูกเข้าไปทำงานแทน เพื่อที่ตนจะได้มีเวลาไปอยู่กับจินมากขึ้น และจินเป็นคนให้ตังค์ใช้ โดยที่เรื่องนี้เป็นความลับแม้กระทั่งลูกสาวคนเดียวก็ไม่รู้ หากใครจะรู้ว่าความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพียงการหวังผล และตนก็ตกหลุ่มพลาง โดยการถูกแบล็คเมล์ และให้ทำงานตามที่อีกฝ่ายต้องการ นั้นคือหาข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่งที่อยู่ในวงการธุรกิจเดียวกัน นั้นก็คือตระกูลหยาง ที่เหม่ยหลินเป็นคนกุมบังเหียนในไทย ในตอนนั้นตนได้ปฏิเสธ และแยกห่างออกมา หากแต่จินไม่ยอมรามือ และดึงลูกสาวคนเดียวของเกรียงมาเอี่ยวด้วย นั้นก็คือนลิน เมื่อรักและเป็นห่วงต่อลูกสาวคนเดียวจะได้รับอันตรายจึงทำให้เกรียงเลือกความปลอดภัยของลูกสาว และยอมทำงานให้จินโดยการนำคุย แล้วแทรกถามข้อมูล สุดท้ายนลินจับสังเกตได้ และไม่ยอมพูดเรื่องของเกี่ยวกับเหม่ยหลินอีก สร้างความโกรธเคืองให้กับจินและส่งคนมาดักทำร้ายนลิน และทำการส่งคนเข้าไปขโมยข้อมูลโดยการปลอมตัวเป็นนลิน โดยที่ผู้เป็นพ่อไม่อ
สุดท้ายข่าวคราวของนลินและอดีตหมอเกรียงเงียบหายไปเหมือนไม่เคยมีคนชื่อนี้อยู่ในความทรงจำของเหม่ยหลินหรือใคร ๆ ในขณะที่ข่าวหน้าหนึ่งลงภาพนายจินถังเสียชีวิตอยู่ในห้องน้ำ จากการชันสูตรของแพทย์ลงความเห็นว่านายจินถังวัย 46ปีหัวใจล้มเหลว...“ดูอะไรอยู่คะ...” ถิงถิงเดินเข้ามาพร้อมของว่างตอนบ่ายเหม่ยหลินปิดแท็บเล็ตแล้วมองสาวสวยที่เดินยิ้มแป้นมาหา “วงการบันเทิงนะ”“แน่หรือคะ... ไหนให้หนูดูหน่อย” เธอรีบวางถาดกาแฟลงแล้วเดินเลี่ยงไปดูหน้าแท็บเล็ต แต่พบว่าหน้าจอมืดไปแล้ว “ไหนคะ” เธอถาม มองค้อนคนพี่เหม่ยหลินยิ้มเย้า “หลอกง่ายจังนะเรา”แล้วแขนเรียวก็คว้าเอวคอดดึงให้นั่งลงบนหน้าตักตัวเอง“ก็แค่พี่หรอก” เสียงเง้างอดตอบกลับ เธอยอมแค่เหม่ยหลินตนเดียวจริง ๆ“ชื่นใจ...” จากนั้นก็จุ๊บไปบนไหล่เนียนเบา ๆ แล้วมือก็กลายเป็นหนวดปลามึกทันที ทั้งจับทั้งลูบไปทั่วสัดส่วนของคนบนตักเพี้ยะ! จากนั้นถิงถิงก็สั่งให้หยุดโดยการฟาดไปหนึ่งครั้งบนหลังมือของเหม่ยหลิน“หวงเหรอ”“แล้วมันใช่ที่ไหมล่ะคะ”“นี่ห้องส่วนตัวนะ” คนหน้าด้านตอบหน้าตาเฉย แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าเข้ามา แม้แต่เลขาแคท!“ห้องทำงานค่ะ…” ถิงถิงแย้ง “รีบกินกาแฟเถอะค
เธอถูกวางลงบนพื้นห้องน้ำอย่างเบามือ จากนั้นเหม่ยหลินก็ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปจัดการลูบไล้ แล้วปลดเสื้อคลุมของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว โดยริมฝีปากยังคงลากไล้และจุมพิตไปตามผิวกายนวลเนียนของถิงถิงอย่างปรารถนาเมื่อจัดการกับเสื้อผ้าตัวเองเสร็จเรียบร้อย มือเรียวก็ถูกส่งกลับมาทำหน้าที่ฟ้อนเฟ้นสองเต้ากลมกลึงที่เด้งรับเมื่อกดขยำลงไป“อืมส์...” ถิงถิงส่งเสียงคราง เข่าอ่อนแรง หากดีที่แขนของเหม่ยหลินสวมกอดเอาไว้ได้เป็นหลักยืด เหม่ยหลินหมุนตัวให้ถิงถิงหันหน้ามาหาตนเองแล้วดันคนตัวเล็กหลังชิดกำแพง ตาสบตาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่กำลังเปลี่ยมล้นใบหน้าที่ซุกไซร้พรมจูบไปทั่ว ก่อนจะย่อตัวเลื่อนลงต่ำในท่านั่งคุกเข่า แล้วแยกขาเรียวของถิงถิงให้ห่างออกจากกัน ใบหน้าของเหม่ยหลินอยู่ระดับกลางลำตัวถิงถิงพอดิบพอดีถิงถิงเหงนหน้าหู่ปากสูดเอาอากาศเข้าไป แล้วค่อย ๆ ผ่อนออกมา เพื่อบรรเทาความกระสันเสียว นัยน์ตาเคลิ้มลอย เมื่อริมฝีปากอิ่มประทับลงไปบนหน้าท้องราบแบน แล้วลากไล้ด้วยลิ้นอุ่นร้อนไปทั่วผิวเนื้อนวลเนียนที่ไร้ไขมันส่วนเกินของเธอ“ช้า ๆ ไม่ต้องรีบนะ...” เสียงแผ่วพร่าเอ่ยบอก ในขณะที่เงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของผิวกายนวลเ
ความหวาบหวามไหลซ่านไปทั่วอณูขุมขน เหม่ยหลินถอนริมฝีปากห่าง สองมือเลื่อนลงมาคำยันด้านหลัง ก่อนจะยกสะโพกสูงเพื่อให้ได้จังหวะกดทับกลีบบัวงามที่บานเบ่ง กดคลึงแน่นย้ำขยี้ไปตามความปรารถาที่กำลังถาโถมเข้ามา แล้วยกห่างแล้วกระแทกลงไปใหม่ จนน้ำหวานที่หลั่งรินของกันและกันไหลเยิ้มออกมาด้วยความกระสันเสียวหากเหม่ยหลินไม่หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อเธอกดให้ถิงถิงนอนราบไปกับอ่างเปลี่ยนท่าให้นอนตะแคงข้าง ยกขาข้างหนึ่งขึ้นสูง ส่วนตัวเองก็นั่งยอง ๆ คร่อมหน้าขา สายตาจดจ่อ มองดูกลีบบัวงามที่เริ่มบวมแดงของคนตัวเล็กที่มีสภาพไม่ต่างกันเหม่ยหลินกดกลางกายสาวให้ทักทายกันอีกครั้ง ค่อย ๆ บดเบียดเสียดสี ไปตามจังหวะที่ถนัดถนี่ขึ้น แล้วเพิ่มความแรงกดคลึงเสียดสีจนเสียวซ่านไปทั่วช่องท้อง มือก็ทำหน้าที่เค้นคลึงสองเต้ากลมที่เด้งดึงไปตามจังหวะยามที่ส่วนกลางกระแทกลงไป“พะ พี่ หยก นะหนู มะ ไม่ไหวแล้ว...” เสียงแหบพล่าเริ่มไม่ไหวกับความรัญจวนที่โถมเข้ามา เหม่ยหลินขยับเปลี่ยนท่านอนตะแคงสองขายังไขว้และซ้อนทับกันอยู่ เพื่อให้ได้จังหวะจะโคนตอกกลีบกุหลาบงามชิดแนบ บดเบียดไม่แยกห่าง จนช่องทางกลีบงามเริ่มตอดขมิบเกร็งและแตะเส้นสีรุ้งไปพร้
เมื่อสัมผัสด้วยมือจนพอใจ ถิงถิงจึงก้มหน้าลงต่ำ กดปลายจมูกสูดดมกลิ่นสาบสาวหืดเข้าจนเต็มปอด แล้วใช้ลิ้นตวัดยอดเกษร จนเหม่ยหลินต้องซีดปากด้วยความกระสันเสียวช่องท้อง จนตัวบิดเกร็งเหม่ยหลินตัดสินใจดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง และจัดการเสียเองโดยคนถูกแย่งหน้าที่ไม่คัดค้าน เมื่อเหม่ยหลินลุกขึ้นนั่ง แล้วดันให้ร่างบางนอนราบไปในอ่าง ที่มีน้ำเพิ่มสูงขึ้นเหม่ยหลินเริ่มทาบทับริมฝีปากลงไป ตามร่างกายที่มีรอยช้ำเขียวทั้งเก่าและรอยใหม่ที่เธอเป็นคนฝากไว้อุ้งปากบางครอบครองยอดปลายถัน ใช้ฟันหน้างับไปที่เม็ดบัวเบา ๆ แล้วค่อย ๆ รูดขึ้นสลับกับงับแล้วอม จากนั้นใช้ปลายลิ้นสะกิดเม็ดบัวด้วยความเร็วคงที่ซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นแล้วสลับไปอีกข้าง เพื่อให้เท่าเทียมกันทั้งสองเต้ากลมถิงถิงถึงกับบิดตัวเกร็ง ส่วนกลางกายตอดขมิบรับสัมผัสส่วนบนที่ถูกกระทำ “โอ้ว...”เสียงร้องที่มาพร้อมกับการบิดเกร็งของคนใต้ร่าง ทำให้เหม่ยหลินรีบประเคนลีลาตอบสนอง โดยดันตัวออกห่าง แล้วยกร่างบางให้อยู่ในท่าคลานคุกเข่า โดยมือให้จับขอบอ่างไว้ เพื่อเป็นหลักยืดเหม่ยหลินจ้องกลีบกุหลาบงาม ที่บานเบ่งอยู่ตรงหน้า ก่อนจะให้ลิ้นตวัดไปตรงกลีบกุหลาบด้านซ้าย ทักทา
ฮ่องกง...ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นเขตวิกตอเรียพีค ซึ่งเป็นย่านที่อยู่อาศัยของเหล่าดารา นักธุรกิจ และมหาเศรษฐีชาวฮ่องกง เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้ถือเป็นสถานที่พักผ่อน ห่างจากความวุ่นวายและมลพิษในเมืองหลวง และมากกว่านั้น พื้นที่บริเวณนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่อสังหาริมทรัพย์แพงที่สุดในเอเชียรถคันหรูที่ได้รับคำสั่งให้ไปรับทายาทรุ่นที่หนึ่งถึงสนามบิน ก็เคลื่อนผ่านประตูใหญ่เข้ามาจอดอยู่ด้านหน้าคฤหาสน์หรู ซึ่งมีน้ำพุขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ในขณะที่ผู้คนยื่นอยู่ในแต่ละจุดหันมามองเป็นตาเดียวกัน และเมื่อรถจอดด้านหน้าโดมใหญ่ ประตูรถด้านหลังฝั่งคนนั่งถูกเปิดออกด้วยการ์ดในชุดสูทสีดำที่ยืนรออยู่แล้วอย่างรู้หน้าที่ หากแต่คนด้านหลังยังนั่งจับมือส่งกำลังใจให้กัน“หนูสัญญา ไม่ว่าใครจะบังคับยังไง หนูก็เลือกพี่ แม้จะถูกคุณพ่อไล่ออกจากกองมรดกก็เถอะ... ยังไงซะ พี่ก็ไม่ทิ้งหนูลงกลางทางหรอกใช่ไหมคะ”ทำท่าจะซึ้ง ได้ยินประโยคหลังของถิงถิง เหม่ยหลินก็หลุดขำออกมา“พี่ว่า เราลงจากรถกันเถอะ” กำลังขยับ แต่คนน้องดึงแขนไว้ เหม่ยหลินหันมามองเห็นแววตาไหวสั่น จึงถามออกไป“มีอะไรงั้นรึ”“พี่ยังไม่ตอบหนูเลย...” สายตา
“พ่อไม่ต้องแนะนำใครให้รู้จักแล้วนะ” มิสเตอร์หยางพูดขึ้น เพราะรู้แล้วว่าทุกคนต่างรู้จักเหม่ยหลินดี หากแต่ยังพูดประกาศต่อ“ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วนะว่าเหม่ยหลินคือลูกสาวคนโตของฉัน ส่วนเหม่ยจูคือลูกสาวคนเล็กแต่ตอนนี้เธอยังเดินทางมาไม่ถึง ขอให้รอกันอีกนิด”เสียงที่มีพลังบารมีดังกังวานไปทั่วห้อง ทำเอาบางคนที่เป็นเพียงคนรับใช้ในบ้านถึงกับต้องก้มหน้ามองต่ำลงไปตาม ๆ กัน“ยินดีต้อนรับกลับมานะเหม่ยหลิน” อี้ถง กับ ไฉ่หง ภรรยาคนแรกกับคนที่สองของพ่อบุญธรรมของเธอ เอ่ยขึ้นพร้อมกัน เหม่ยหลินยกมือไหว้อย่างนอบน้อม“ยินดีต้อนรับกลับมาเช่นกันนะ” ครานี้เป็น ไห่หลงซึ่งเป็นอารองและอิงฟ้าที่ผู้เป็นภรรยาก็พูดขึ้น ในขณะที่ อาสามอย่าง เฟยหลง กับ บัวบงกช ก็พยักหน้ายิ้มให้อยากคนมีจิตไมตรีดีต่อกัน ซึ่งภรรยาของทั้งคู่เป็นคนไทย การเข้าหาและรู้เขารู้เราจึงเป็นง่ายจากนั้นหนุ่มสาว ที่เคยเจอกันตั้งแต่สมัยเด็กรุ่น ๆ หากตอนนี้โตเป็นหนุ่มสาวเต็มตัวกันหมด นั้นก็คือ หลิงหลิง ไห่หมิง หวังเหว่ย เพ่ยเพ่ย...ทั้งหมดเพียงยิ้มและค้อมคำนับให้กัน แต่มีอยู่หนึ่งคนที่เหม่ยหลินรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นแฝงความรู้สึกบางอย่างไว้ นั้นก็คือ หยางห