“ใช่ หากเธอกลับไปตอนนี้ฉันจะให้คนไปส่งที่สนามบิน แต่หากไม่กลับ เธอก็เตรียมเป็นปุ๋ยอยู่ที่นี่”ถิงถิงกระตุกยิ้ม ชายที่เป็นนักเลงปลายแถวทั้งสาม หน้าถอดสี เหงื่อตกตกใจกลัว หากแต่สาวสวยกลับไม่มีทีท่าแสดงถึงความหวาดหวั่นหรือเกรงกลัวแต่อย่างใด ทั้งที่มีอาวุธร้ายแรงจี้อยู่ตรงหน้า“สะ เสี่ย พวกเราทำงานเสร็จแล้ว พวกเราขอตัวนะครับ” คนไม่อยากเอี่ยวด้วยรีบพูดขัดขึ้น“ไม่เอาค่าจ้างแล้วหรือ”“อะ เอาครับ แต่หากเสี่ยยุ่งอยู่พวกผมค่อยเอางานหน้าก็ได้ครับ”“จะมีไหมล่ะงานหน้า ถ้าจะเอาก็รอทำงานนี้ให้เสร็จก่อนสิ”“ก็บอกแค่เอาผู้หญิงมา พวกผมก็พามาให้แล้ว ส่วนเสี่ยจะทำอะไร พวกผมไม่อยากรู้ครับ”“ไม่อยากรู้เหรอ...” แล้วจ่อปืนไปที่คนทั้งสาม ส่ายกระบอกปืนไปมา“พะพวกผมไม่เอาแล้วก็ได้ครับ” หนึ่งในนั้นรีบบอก ยกมือขึ้นท่วมหัวแล้วลนลานวิ่งออกไป แต่ชายฉกรรจ์ที่ยืนขวางอยู่หน้าประตูลั่นไกรครั้งเดียวชายหนึ่งนั้นก็ล้มฟุบชักกระตุกสองสามครั้งแล้วแน่นิ่งไป อีกสองคนเมื่อเห็นเพื่อนถูกยิงไปต่อหน้าต่อตา ก็เข่าอ่อนทรุดตัวลงไปบนพื้น ยกมือขึ้นพนมชายสูงวัยอย่างคนกลัวตายในขณะที่ถิงถิงทำใจดีสู้เสือ ทั้งที่เธอกลัวจนทรงตัวไม่อยู่ ส่วนห
ตอนนี้ความคิดของนลินที่แล่นเข้ามา คือเหม่ยหลินต้องถึงมาที่นี่ก่อนเธอ แต่ในเมื่อไม่มี อาจเกิดเหตุร้ายระหว่างทาง จากคนพวกนี้ เธอหันมองคนพวกนั้นตาขวาง “พวกคุณ... ทำอะไรคุณเหม่ยหลิน ไอ้สารเลวชาติชั่ว” เธอผรุสวาทคำหยาบด้วยความเกรียวโกรธ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อคิดว่าคนพวกนี้คงจัดการเหม่ยหลินไปแล้ว ซึ่งความโกรธของเธอทำให้ลืมความหวาดกลัวไปชั่วขณะ จากนั้นก็พุ่งไปหาชายสูงวัย แต่โดนลูกสมุนอีกคนเข้ามาขวางไว้ เธอง้างมือขึ้นฟาด และข่วนไปบนตัวของชายคนนั้น ซึ่งคนตัวโตหน้าเหี้ยมได้แต่ปัดป้อง โดยไม่ทำรุนแรงไปกว่านั้น“ไอ้พวกเลว...” เธอยังด่ากราด ยิ่งสายตามองไปเห็นชายนอนจมกองเลือดเธอยิ่งสติแตก “พวกคุณเป็นคนร้าย เป็นฆาตกร”ชายฉกรรจ์ที่จับตัวเธอไว้บอกออกมาว่า“แต่คนที่คุณเอ่ยถึงพวกเรายังไม่เห็นเลยนะ”“ไม่เชื่อ!”“นายเอาไง ผมว่าเรื่องมันยุ่งไปกันใหญ่ หาก...” คนที่เพิ่งตามมาสมทบถามขึ้น เมื่อชักช้าคนพวกที่กล่าวถึงอาจจะมาถึงในอีกไม่ช้า และตอนนั้นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่“เรื่องนี้ไม่มีคนอื่นรู้ไม่ใช่เหรอ...” แล้วหันไปถามผู้ชายที่นั่งตัวสั่นหลบมุมอยู่ “พวกแกทำงานพลาดใช่ไหม” ชายสูงวัยหันไปเล่นงานชายที่เหลือ
ในระหว่างที่ทุกคนให้ความสนใจอยู่กับเหม่ยหลิน ถิงถิงรวบรวมความกล้ายกขาขึ้นเตะผ่าหมาก หากแต่ไม่ตรงเป้านัก ชายสูงวัยเพียงตกใจปล่อยมือออกจากคอเสื้อ จากนั้นเธอก็วิ่งมุ่งเข้าไปหาเหม่ยหลินในจังหวะนั้นทุกคนต่างรอดูท่าที ปืนกระบอกขนาดเหมาะมือก็เล็งตามหลังถิงถิง เหม่ยหลินเมื่อเห็นดังนั้นก็พุ่งไปหาเช่นเดียวกับนลินที่วิ่งออกไปปัง ปัง! กระสุนถูกปล่อยออกมาสองครั้ง เป็นร่างของนลินร่วงฟุบไปบนพื้นพร้อมกับเลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมา ซึ่งในวินาทีนั้นกระสุนอีกฝากก็ตัดขั้วหัวใจของชายอีกคนไปพร้อมกันหลายคนแตกตื่นหากคนของเหม่ยหลินเล็งไปยังเป้าหมาย เตรียมพร้อม หากใครขยับคือยมทูตรอรับสถานเดียวในสถานการณ์ตอนนี้ฝ่ายนั้นรู้ตัวดี อาวุธที่อยู่ในมือถูกวางลงพื้น พร้อมยกมือขึ้นไว้เหนือศีรษะ จากนั้นหนานซิงก็กระโดดข้ามหน้าต่างเข้ามา มุ่งตรงมาดูอาการของนลินทันที“ไม่โดนจุดสำคัญ แต่อาจจะเสียเลือดมาก เราต้องหาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด”หนานซิงรายงานพร้อมออกความคิดเห็นกับเหม่ยหลินในขณะที่ชายสูงวัย มีใบหน้าเจ็บปวดประหนึ่งคน โดนยิงเป็นญาติสนิทของตัวเอง ยิ่งทำให้เหม่ยหลินและหนานซิงแปลกใจใบหน้าเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสมองร่างบางที
“ผมขอไปทำงานกับพวกคุณได้ไหมครับ คนล้างรถก็ได้”“งั้นหลังจากนี้ ไปเก็บตัวสักพัก แล้วค่อยไปหาฉันนะ”“ครับขอบคุณครับ”หลังจากนั้นทั้งหมดก็กลับขึ้นรถ ส่วนทีมซงและการ์ดส่วนหนึ่งจัดการพวกที่เหลือในบ้านหลังนั้นโรงพยาบาลเอกชน...นลินถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัด โดยมีอดีตนายแพทย์เกรียงนั่งคอตกอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าจะตายแทนลูกให้ได้“พี่... ขอถามหน่อย” ถิงถิงเดินเข้ามาใกล้“จะกลับไปพักผ่อนก่อนไหม พี่จะให้หนานซิงพากลับก่อน”“ไม่ค่ะ... คือหนูมีเรื่องอยากถาม”“ถามมาสิ”“ทำไมพี่พูดกับคนพวกนั้นแบบนั้นคะ”“พวกนั้น?”“คนที่เอามือถือมาคืนไงคะ”“อ๋อ นึกว่าเรื่องอะไร...” ยิ้มเอ็นดู “ทำไม หรือที่พี่ตัดสินใจไปแบบนั้น มันดูไม่ดีเหรอ”“ก็ไม่ถึงกับว่าไม่เห็นด้วยหรอกนะคะ”“รู้ไหมหากไม่มีมือถือเครื่องนั้น พี่ก็ตามถิงถิงไม่เจอ หรืออาจไปช่วยถิงถิงไม่ทัน”ถิงถิงยิ้มเจื่อน พอเข้าใจความต้องการของเหม่ยหลินได้ จากนั้นก็หันไปมองคนสูงวัย ที่เหม่ยหลินมองอยู่ก่อนแล้ว สายตานั้นผิดหวังและเสียใจเด่นชัด“เข้าใจพี่หรือยัง...” สายตาอบอุ่น ที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู มองสาวตรงหน้า แล้วส่งผ่านไออุ่นให้กันโดยการจับมือ“แล้วพี่จะเอาไงกับคุณเก
เกรียงทุ่มเทเวลาให้กับจินจนกระทั่งลูกสาวเรียนจบ ตนจากนั้นก็ตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่ทำมาหลายสิบปีโดยมีข้ออ้างว่าร่างกายไม่แข็งแรง เพื่อลาออกได้ง่ายขึ้น จากนั้นก็ส่งลูกเข้าไปทำงานแทน เพื่อที่ตนจะได้มีเวลาไปอยู่กับจินมากขึ้น และจินเป็นคนให้ตังค์ใช้ โดยที่เรื่องนี้เป็นความลับแม้กระทั่งลูกสาวคนเดียวก็ไม่รู้ หากใครจะรู้ว่าความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพียงการหวังผล และตนก็ตกหลุ่มพลาง โดยการถูกแบล็คเมล์ และให้ทำงานตามที่อีกฝ่ายต้องการ นั้นคือหาข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่งที่อยู่ในวงการธุรกิจเดียวกัน นั้นก็คือตระกูลหยาง ที่เหม่ยหลินเป็นคนกุมบังเหียนในไทย ในตอนนั้นตนได้ปฏิเสธ และแยกห่างออกมา หากแต่จินไม่ยอมรามือ และดึงลูกสาวคนเดียวของเกรียงมาเอี่ยวด้วย นั้นก็คือนลิน เมื่อรักและเป็นห่วงต่อลูกสาวคนเดียวจะได้รับอันตรายจึงทำให้เกรียงเลือกความปลอดภัยของลูกสาว และยอมทำงานให้จินโดยการนำคุย แล้วแทรกถามข้อมูล สุดท้ายนลินจับสังเกตได้ และไม่ยอมพูดเรื่องของเกี่ยวกับเหม่ยหลินอีก สร้างความโกรธเคืองให้กับจินและส่งคนมาดักทำร้ายนลิน และทำการส่งคนเข้าไปขโมยข้อมูลโดยการปลอมตัวเป็นนลิน โดยที่ผู้เป็นพ่อไม่อ
สุดท้ายข่าวคราวของนลินและอดีตหมอเกรียงเงียบหายไปเหมือนไม่เคยมีคนชื่อนี้อยู่ในความทรงจำของเหม่ยหลินหรือใคร ๆ ในขณะที่ข่าวหน้าหนึ่งลงภาพนายจินถังเสียชีวิตอยู่ในห้องน้ำ จากการชันสูตรของแพทย์ลงความเห็นว่านายจินถังวัย 46ปีหัวใจล้มเหลว...“ดูอะไรอยู่คะ...” ถิงถิงเดินเข้ามาพร้อมของว่างตอนบ่ายเหม่ยหลินปิดแท็บเล็ตแล้วมองสาวสวยที่เดินยิ้มแป้นมาหา “วงการบันเทิงนะ”“แน่หรือคะ... ไหนให้หนูดูหน่อย” เธอรีบวางถาดกาแฟลงแล้วเดินเลี่ยงไปดูหน้าแท็บเล็ต แต่พบว่าหน้าจอมืดไปแล้ว “ไหนคะ” เธอถาม มองค้อนคนพี่เหม่ยหลินยิ้มเย้า “หลอกง่ายจังนะเรา”แล้วแขนเรียวก็คว้าเอวคอดดึงให้นั่งลงบนหน้าตักตัวเอง“ก็แค่พี่หรอก” เสียงเง้างอดตอบกลับ เธอยอมแค่เหม่ยหลินตนเดียวจริง ๆ“ชื่นใจ...” จากนั้นก็จุ๊บไปบนไหล่เนียนเบา ๆ แล้วมือก็กลายเป็นหนวดปลามึกทันที ทั้งจับทั้งลูบไปทั่วสัดส่วนของคนบนตักเพี้ยะ! จากนั้นถิงถิงก็สั่งให้หยุดโดยการฟาดไปหนึ่งครั้งบนหลังมือของเหม่ยหลิน“หวงเหรอ”“แล้วมันใช่ที่ไหมล่ะคะ”“นี่ห้องส่วนตัวนะ” คนหน้าด้านตอบหน้าตาเฉย แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าเข้ามา แม้แต่เลขาแคท!“ห้องทำงานค่ะ…” ถิงถิงแย้ง “รีบกินกาแฟเถอะค
เธอถูกวางลงบนพื้นห้องน้ำอย่างเบามือ จากนั้นเหม่ยหลินก็ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปจัดการลูบไล้ แล้วปลดเสื้อคลุมของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว โดยริมฝีปากยังคงลากไล้และจุมพิตไปตามผิวกายนวลเนียนของถิงถิงอย่างปรารถนาเมื่อจัดการกับเสื้อผ้าตัวเองเสร็จเรียบร้อย มือเรียวก็ถูกส่งกลับมาทำหน้าที่ฟ้อนเฟ้นสองเต้ากลมกลึงที่เด้งรับเมื่อกดขยำลงไป“อืมส์...” ถิงถิงส่งเสียงคราง เข่าอ่อนแรง หากดีที่แขนของเหม่ยหลินสวมกอดเอาไว้ได้เป็นหลักยืด เหม่ยหลินหมุนตัวให้ถิงถิงหันหน้ามาหาตนเองแล้วดันคนตัวเล็กหลังชิดกำแพง ตาสบตาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่กำลังเปลี่ยมล้นใบหน้าที่ซุกไซร้พรมจูบไปทั่ว ก่อนจะย่อตัวเลื่อนลงต่ำในท่านั่งคุกเข่า แล้วแยกขาเรียวของถิงถิงให้ห่างออกจากกัน ใบหน้าของเหม่ยหลินอยู่ระดับกลางลำตัวถิงถิงพอดิบพอดีถิงถิงเหงนหน้าหู่ปากสูดเอาอากาศเข้าไป แล้วค่อย ๆ ผ่อนออกมา เพื่อบรรเทาความกระสันเสียว นัยน์ตาเคลิ้มลอย เมื่อริมฝีปากอิ่มประทับลงไปบนหน้าท้องราบแบน แล้วลากไล้ด้วยลิ้นอุ่นร้อนไปทั่วผิวเนื้อนวลเนียนที่ไร้ไขมันส่วนเกินของเธอ“ช้า ๆ ไม่ต้องรีบนะ...” เสียงแผ่วพร่าเอ่ยบอก ในขณะที่เงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของผิวกายนวลเ
ความหวาบหวามไหลซ่านไปทั่วอณูขุมขน เหม่ยหลินถอนริมฝีปากห่าง สองมือเลื่อนลงมาคำยันด้านหลัง ก่อนจะยกสะโพกสูงเพื่อให้ได้จังหวะกดทับกลีบบัวงามที่บานเบ่ง กดคลึงแน่นย้ำขยี้ไปตามความปรารถาที่กำลังถาโถมเข้ามา แล้วยกห่างแล้วกระแทกลงไปใหม่ จนน้ำหวานที่หลั่งรินของกันและกันไหลเยิ้มออกมาด้วยความกระสันเสียวหากเหม่ยหลินไม่หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อเธอกดให้ถิงถิงนอนราบไปกับอ่างเปลี่ยนท่าให้นอนตะแคงข้าง ยกขาข้างหนึ่งขึ้นสูง ส่วนตัวเองก็นั่งยอง ๆ คร่อมหน้าขา สายตาจดจ่อ มองดูกลีบบัวงามที่เริ่มบวมแดงของคนตัวเล็กที่มีสภาพไม่ต่างกันเหม่ยหลินกดกลางกายสาวให้ทักทายกันอีกครั้ง ค่อย ๆ บดเบียดเสียดสี ไปตามจังหวะที่ถนัดถนี่ขึ้น แล้วเพิ่มความแรงกดคลึงเสียดสีจนเสียวซ่านไปทั่วช่องท้อง มือก็ทำหน้าที่เค้นคลึงสองเต้ากลมที่เด้งดึงไปตามจังหวะยามที่ส่วนกลางกระแทกลงไป“พะ พี่ หยก นะหนู มะ ไม่ไหวแล้ว...” เสียงแหบพล่าเริ่มไม่ไหวกับความรัญจวนที่โถมเข้ามา เหม่ยหลินขยับเปลี่ยนท่านอนตะแคงสองขายังไขว้และซ้อนทับกันอยู่ เพื่อให้ได้จังหวะจะโคนตอกกลีบกุหลาบงามชิดแนบ บดเบียดไม่แยกห่าง จนช่องทางกลีบงามเริ่มตอดขมิบเกร็งและแตะเส้นสีรุ้งไปพร้
ผู้ใหญ่อีกสองคนยกมือขึ้นมาสัมผัสที่แขนของทั้งคู่แทนคำพูด ซึ่งถิงถิงและเหม่ยหลินรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่ผู้ใหญ่ทั้งสองแสดงออกมา ทั้งคู่ยกมือไหว้อีกครั้ง โดยถิงถิงปราบปลื้มจนน้ำตาเออเรื่อ ด้วยความซาบซึ้งใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าอาจมีญาติบางคนไม่เห็นด้วยกับความรักของเธอกับเหม่ยหลิน แต่ทุกคนกลับยิ้มยินดี โดยเฉพาะภรรยาใหญ่ทั้งสองของคุณลุงหยาง ซึ่งท่านไม่แม้จะพูดให้เสียความรู้สึก...เมื่อผู้ใหญ่เดินกลับที่พักไปแล้ว เหลือแค่หนุ่มสาววัยไล่เลี่ย ก็เข้ามาแสดงความยินดีและหยอกเย้า ทำให้นึกถึงบรรยากาศสมัยตอนเป็นเด็กที่ต่างคนต่างมีความซนและใสซื่อต่อกัน แต่เมื่อโตขึ้นต่างคนต่างมีเป้าหมายของตัวเองและแยกตัวไปทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ความคุ้นเคยกลายเป็นความห่างเหิน แต่ใจลึก ๆ ทั้งหมดก็ยังหวังดีและเป็นกำลังใจให้กันโดยไม่ต้องแสดงตัว...งานช่วงเย็นพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าวิวท้องฟ้าไล่แสงสีส้มตัดกับน้ำทะเล ทุกคนต่างเก็บภาพนั้นไว้ ด้วยความสนุกสนาน โดยเจ้าสาวทั้งคู่ยืนอยู่บนแท่นเพื่อแลกเปลี่ยนคำมั่นสัญญารักที่มีให้กัน ท่ามกลางหาดทรายขาว และมหาสมุทรสีฟ้าเข้มตัดกับขอบฟ้ากว้างที่อยู่เคียงข้างเป็นสักขี
ถิงถิงยิ้มรับ จากนั้นเธอก็โดนโอบรั้งให้ยืนขึ้น รอรับจูบดูดดื่มของคนตัวโตที่ส่งมอบมา จากนั้นเหม่ยหลินจัดการพาร่างที่อ่อนปวกเปียกเพราะรสจูบของตนให้ลงไปนั่งอยู่ในอ่างเคียงคู่กัน แล้วกอดรัดฟัดเหวี่ยงจูบซุกไซร้ซอกซอนไปตามจุดต่าง ๆ ของกันและกัน จนกระทั่งถิงถิงถูกจับกดให้นอนราบลงไป โดยเหม่ยหลินยกขาเรียวของถิงนั้นให้พาดไปกับขอบอ่างทั้งสองข้าง จนเห็นเนินอวบอูมสีเรื่องามสล้างตรงหน้าแจ่มชัดจนต้องกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอเธอไม่รีรอให้เวลาเดินไปโดยเปล่าประโยชน์ ก้มลงไปหาเนินอวบอิ่มที่แย้มโชว์กลีบกุหลาบงาม โดยการส่งลิ้นอ้อนพริ้วเข้าไปทักทายตามช่องแยกที่ปริ่มน้ำ ดูดกลืนกลิ่นความหวานนั้นอย่างไม่เกี่ยงงอน“อ่าส์ ซีดส์...” ถิงถิงแอ่นสะโพกร่อนรับ พร้อมเสียงร้องคราง ในขณะที่มือยกขึ้นมาจับเส้นผมของคนที่ก้มหน้าคลุกอยู่ตรงกลางกายสาว และเผลอกดศีรษะนั้นลงไปด้วยความกระสันเหม่ยหลินไม่อยากให้ถิงถิงถึงฝั่งฝันในตอนนี้ จึงยืดเวลาโดยถอนปลายลิ้นออกมา คนที่กำลังเคลิบเคลิ้มผงกหน้าขึ้นมามองคิ้วขมวด ทำหน้าแปลกใจเหม่ยหลินกระตุกยิ้มร้ายส่งให้ จากนั้นถิงถิงก็ทิ้งศีรษะลงที่เดิม เมื่อนิ้วเรียวเริ่มขยับและสัมผัสอยู่ตรงเนิน ลู
การไถ่โทษของเหม่ยหลินทำให้ถิงถิง ไม่มีโอกาสได้เปิดปากเถียง เมื่อทั้งมือทั้งริมฝีปากปากตะปบเข้ามาอย่างเสือตะครุบเหยื่อ โดยมือข้างหนึ่งปลดเสื้อผ้าที่เปียกน้ำของถิงถิงไปด้วย ส่วนมืออีกข้างจับต้นคองามเพื่อไม่ให้รอรับจังหวะจูบที่โน้มลงไปหาสัมผัสจูบนั้นนุ่มนวลและรุนแรงไปตามความปรารถนา ในขณะที่ลำตัวและเท้าพากันประคองเข้าไปในห้องน้ำกายเปลือยเปล่าแนบชิด ลูบไล้นัวเนีย ประหนึ่งคนอดอยากปากแห้ง ร้างราเรื่องอย่างว่ามานานนับปี...ความสุขกระสันเพลิดเพลิน กับความหวานล่ำของกันและกัน จนแผ่นหลังกระแทกไปกับฝาผนังห้องน้ำ จนคนแนบชิดรับรู้ถึงความสั่นสะเทือน แต่เจ้าตัวที่โดนทับกลับไม่รู้สึกรู้สา หรืออยากหยุดการกระทำของตัวเองเป็นถิงถิงเสียเองที่รู้สึกจุกแทน เพราะสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของสิ่งที่สัมผัสกันอยู่จนเกิดความกังวล ความรู้สึกหวาบหวามหยุดชะงักเป็นห่วง กลัวว่าถึงตอนนั้นคนพี่จะรู้สึกเจ็บทีหลัง“หือ...” เธอส่งเสียงเตือนออกจากลำคอ แต่คนคลั่งรักยังไม่ถอนริมฝีปากหรือผละออกห่าง สุดท้ายใช้นิ้วจี้ไปที่เอวคอดของเหม่ยหลิน“อุ๊!” เธอสะดุ้งและผละออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมมองใบหน้าหวานสีเรื่อเป็นเครื่องหมายคำถาม“
“ตอนหนูเข้าห้องน้ำพี่ยังหลับลงเลยนี่คะ”“ตอนนั้นหนูอยู่ในห้องน้ำ... แต่ตอนนี้หนูอยู่ข้างนอก จะให้หลับลงได้ยังไง... ปะ เรากลับกันเถอะ แดดก็ร้อนเดี๋ยวผิวเสียหมด”“หนูทากันแดดมาอย่างดีเลยค่ะ” คนดื้อบอกสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนพร้อมกับยกแขนเรียวขึ้นมาให้ดูอีกเหม่ยหลินกรอกตามองบน“ถึงจะทาแล้วก็เถอะ... ปะกลับที่พัก” เดินเข้ามาดึงแขนเรียวที่เจ้าของมีทีท่าจะเดินไปต่อ แต่โดนสะบัดออกพร้อมคำปฏิเสธ“ไม่เอา!” จนฝามือที่จับไว้หลวม ๆ หลุดออกเมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นอิสระแล้ว ถิงถิงก็ออกวิ่ง พร้อมกับตะโกนบอก “อยากให้กลับ ก็จับให้ทันสิคะ”เหม่ยหลินยกมือขึ้นเท้าสะเอว มองหญิงสาวร่างบาง ที่ตอนนี้เหมือนเด็กน้อยวัยสามขวบอยากได้เพื่อนเล่น ด้วยดวงตาหมายหมาด...หากตรงหน้าเปรียบเป็นเหยื่อ ผู้ล่าอย่างเธอจะไม่ปล่อยใหเหยื่อ เป็นอิสระสักวินาทีเดียว“จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม...” เหม่ยหลินกัดฟันปั้นปาก จ้องร่างบางที่สาวเท้าวิ่งออกไปอย่างไม่รอ “คิดว่าจะหยุดแค่จับหรือไง” เธอเปรยขึ้นด้วยความมันเขี้ยว จากนั้นก็พุ่งตามออกไปในขณะที่ถิงถิงหันกลับมาดู ก็เห็นว่าเหม่ยหลินกำลังวิ่งไล่ตามมาใกล้ถึง เธอก็ส่งเสียงกรี๊ดออกมาพร้อมกับหลบฝ่ามือที่
ผ่ามือเรียวที่ดันอยู่บนหน้าอกก็ถูกดึงออกมาฟาดไปบนไหล่คนหื่นหนัก ๆ “เนี่ย ระวังเหอะ จะหมดแรงคาอกหนูสักวัน” พูดข่ม คนอายุห่างเกือบ10ปีเหม่ยหลินยิ้มร่า สายตาท้าทาย “เคยมีสักครั้งไหมล่ะ”“เนี่ย หากยังไม่ไปอาบน้ำ แล้วกลับมานอนพักผ่อนเอาแรง...” สายตาและน้ำเสียงเป็นห่วงมากกว่าติเตียนเหม่ยหลินถอนหายใจ แกล้งทำหน้างอ “ใจร้าย...”“หวังดีค่ะ” ถิงถิงย้อนสายตาเต็มไปด้วยผู้ชัยชนะคนโดนสกัดทำได้แค่ส่งสายตาคาดโทษ ลุกขึ้นไปอาบน้ำเพื่อนอนพักผ่อนตามที่เด็กดื้อได้พูดไว้ เพราะหลังจากนี้คงไม่มีเวลาได้พักสายตาเต็มตื่น จนกว่างานทุกอย่างจะผ่านพ้นไป...แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อเด็กดื้อยังแผงฤทธิ์ไม่หยุด!เวลาผ่านไป...เหม่ยหลินเดินออกมาจากห้องน้ำ สายตาของเธอมองตรงไปยังเตียงนอน แต่พบว่าถิงถิงไม่ได้อยู่บนเตียงเพื่อนอนพักผ่อนไปด้วยกัน“ถิงถิง...” เธอเรียกหา “เด็กดื้อ... หายไปไม่บอกไม่รออีกแล้วนะ” บ่นคนให้เป็นห่วงเมื่อไม่มีถิงถิง เหม่ยหลินก็ไม่มีใจทำอะไร นอกจากเดินหาไปทั่วบ้านพักหลังใหญ่แต่ก็ไม่เจอ ใจเริ่มกังวล ตัดสินใจเดินกลับมาในห้องนอนและเห็นว่าชุดลำลองของตนถูกจัดวางไว้ให้ จึงรีบหยิบ
สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ห่วงความรู้สึก ห่วงการถูกมองจากคนในสังคมที่คนพี่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะบางสังคมและผู้ใหญ่บางคน ยังไม่ยอมรับเรื่องรักเพศเดียวกัน“เรื่องนี้ พี่พร้อมมาทั้งชีวิตแล้วล่ะ...ว่าแต่ห่วงตัวเองเถอะ พร้อมหรือยังฮึ?” คำถาม มาพร้อมสายตากรุ่มกริ่มที่แฝงไปด้วยความปรารถนาซ้ำยังยกยิ้มมุมปากถิงถิงทำหน้าเมื่อย อยากสั่งห้ามว่าอย่าไปทำหน้าทำตาออกอาการแบบนี้กับใคร!“พะพร้อมอะไร... ชุดเหรอ เรียบร้อยแล้วไง ก็ไปเลือกพร้อมกัน”ถิงถิงเสียอาการจนเสียงแกว่ง ทำเป็นเฉไฉตอบความหมายเป็นอย่างอื่น ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดในแง่ไหน...สายตาออกชัด ซึ่งทุกครั้งที่เห็นสายตานี้ อดเสียววาบช่องท้องไม่ได้“แน่เหรอ ว่าที่พี่ถาม หนูเข้าใจว่าเรื่องชุด?” สายตาของเหม่ยหลินยังวาบหวามเปล่งประกายถิงถิงหน้าฉาบสี เขินจนอยากหมุดหน้าหนี เถอะ!คนผีทะเล ยังจะมาขยี้จี้ถามได้อีก“ว่าไง ฮึ?”ทำเสียงเยิ้มหวาน ซึ่งเธอไม่ได้ตั้งใจเอาคำตอบ หากแต่อยากแกล้งให้อีกฝ่ายเขิน ซึ่งภาพนั้นมันน่ามองน่ารัก จนถอนตัวถอนใจไม่ได้อีกแล้วถิงถิงจิกตาค้อน หื่นได้ทุกทีสิน่า... “ไม่พูดด้วยแล้ว” เสียงนุ่มสะบัด จากนั้นหมุนตัวพาหน้าฉาบสี
“แล้วพี่จะหยุดงานหนึ่งอาทิตย์จริง ๆหรือคะ” ถิงถิงเอ่ยถามหลังจากที่อีกคนเงียบไปซึ่งคนที่รักงานเป็นชีวิตจิตใจจะหยุดงานที่ต้องใจแข็งแค่ไหน...“จริงสิ หรือหนูไม่ชอบที่เราจะมีเวลายู่ด้วยกัน”จากนั้นทั้งคู่ก็หันมาสบตาอย่างค้นหา หากถิงถิงโน้มใบหน้าเข้ามาหาแตะริมฝีปากไปบนปากบางได้รูป“ขอบคุณนะคะ” เสียงนั้นแผ่วเบาและแฝงไปด้วยความขัดเขินเหม่ยหลินเลิกคิ้วยกสูงแล้วถาม “ขอบคุณเรื่อง” สายตาเต็มไปด้วยความเอ็นดูเจ้าของใบหน้าขาวนวลไม่ตอบหากแต่หลบสายตานั้นทำให้เหม่ยหลินยกยิ้ม ที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เร็วกว่าความคิดของคนที่รอจังหวะอยู่แล้ว ก่อนจะเอี้ยวตัวไปดึงร่างบางให้หันนั่งค้อมตักของตัวเองถิงถิงเงอะงะไปเพียงครู่ “พี่คะ ที่มันที่โล่งนะคะ” เธอขืนตัวเพราะว่ามันโจ่งแจ้งเกินว่าจะทำเรื่องอย่างว่า“ที่ส่วนบุคคลใครจะกล้าเข้ามา” คนเอาแต่ใจบอก“แต่...”“นา เปลี่ยนบรรยากาศไง”สายตานั้นเว้าวอนมองมา ถิงถิงจึงปล่อยเลยตามเลย และเข้าใจความต้องการของอีกฝ่าย จึงตอบสนองให้ทันท่วงที โดยการรับจูบที่ดูดดื่ม ร้อนแรงและดูดดื่มส่งมอบไปให้คนบนตัก ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่เขากลั่นออกมาและสนองไปให้ด้วยการกระทำ รัก
ในห้องทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสารและหนังสือ “นั่งลงสิ” มิสเตอร์หยางหันมาบอกหลังจากที่ตัวเองหนังลงบนเก้าอี้ตัวโปรด“มีอะไรจะบอกพ่อไหม” สายตานั้นมองมาอย่างรอคอยและค้นหา“เรื่องที่ดินประมูลมาได้ ทุกอย่างไม่มีปัญหาค่ะ ตอนนี้หนูปล่อยให้เจ้าของกลับมาทำมาหากินในที่ตัวเอง โดยไม่เอาค่าเช่า”“ลูกลืมไปแล้วหรือว่าตระกูลของเราทำอะไร...” เสียงนั้นจริงจัง หากไม่มีแววตำหนิ แต่มีความสงสัยอยู่เต็มเปี่ยม“ทำธุรกิจค่ะ” เธอตอบอย่างมั่นใจ เพราะทุกวันนี้ชีวิตของเธอหมุนอยู่กับตัวเลข“ลูกรู้นิ แล้วทำแบบนั้น เราได้อะไรกลับมา” ผู้สูงวัยอยากรู้เหตุผล“ความไว้ใจและความเชื่อใจไงคะ”“แล้วลูกรู้หรือ ว่าคนพวกนั้นเขาจะมีให้ลูกได้”“มีค่ะ เพราะหากต่อไปที่ดินผืนนั้น ไม่มีใครอยากทำอาชีพเดิม ๆ หรือไม่เห็นผลกำไรเลย ถึงตอนนั้นเรายื่นขอเสนอ ขอเปิดทำโรงงาน หรืออุตสาหกรรม เพื่อยกระดับการทำงานให้ทุกคนมีงานทำ และได้เงินที่แน่นอนกว่า ถึงตอนนั้นคงไม่มีชาวบ้านคนไหนคัดค้าน”“เออ... คิดดี...” มิสเตอร์หยางตบโต๊ะดังปังด้วยความพอใจ คิดไม่ถึงว่าเหม่ยหลินจะสร้างเกมนี้ขึ้นมา “พ่อคิดไม่ถึงตรงนี้ ดีนะที่ลูกเข้าใจถึงเสียงของชาวบ้าน การพึ่งพาอาศั
หยางฟางหลงแนะนำน้องชายกับน้องสะใภ้ให้บุตรสาวได้รู้จักต่อ จากนั้นก็ปรายตามไปมองยังลูกสาวบุญธรรมของเขาอีกคน กับหลาน ๆ ที่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกัน ก่อนผ่อนลมหายใจยาวออกมา“นี่หลิงหลิง ไห่หมิง หวังเหว่ย เพ่ยเพ่ย น่าจะเป็นพี่เรานะ”สิ้นเสียงผู้เป็นบิดาบุญธรรม หยางเหม่ยจูก็ยกมือขึ้นไว้ทุกคนทันที และแน่นอนว่าคนที่รับไหว้นั้นมีเพียงสองหนุ่มเท่านั้น ส่วนหยางเพ่ยเพ่ยได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายนิ่งแล้วก็ยกริมฝีปากยิ้ม ทว่าคนที่ดูจะมีปฏิกิริยากต่อคนเพิ่งมามากที่สุดคือ หยางหลิงหลิง ที่เวลานี้ขยับตัวนั่งกอดอกเชิดหน้าขึ้นมองเธอเพียงหางตาเท่านั้น หากคนที่เห็นรับรู้ได้ทันที....เหม่ยจูน่าจะมีอริเพิ่มแบบไม่ทันตั้งตัวแล้ว ดังนั้นทางที่ดีขอให้เธอห่างจากผู้หญิงคนนี้ เพื่อเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นแบบไม่รู้ตัว...เหม่ยหลินคิดกังวลแทนเหม่ยจูขึ้นมา“เอาไว้ก็ไปทำความรู้จักกันแล้วกันนะ ... และส่วนอีกสองคนนั่น หยางหวังเหล่ย กับถิงถิง หวังเหล่ยน่าจะรุ่นเดียวกับเหม่ยจู ถิงถิง นั่นเด็กน้อยสุดแล้ว ทั้งดื้อ ทั้งซน ทั้งเอาแต่ใจตัวเอง” คำต่อกึ่งหยอกกึ่งแซวของประมุข ทำให้หลายคนอมยิ้ม“ถิงถิง ไม่ได้เอาแต่ใจตัวเองสักหน่อยค่ะ”คนโดน