โรงแรมหยางหลงในโรงแรมตรงหน้าล็อบบี้ซึ่งมุมหนึ่ง มีโซฟาวางไว้เพื่อรองรับแขก ถิงถิงยังไม่อยากขึ้นไปบนห้อง จึงขอนั่งรอเหม่ยหลินอยู่ด้านล่าง โดยมีหนานซิงยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่าง“ปานนี้น่าจะกลับแล้วไม่ใช่เหรอ” เธอเปรยขึ้น สีหน้ายุ่ง ทั้งห่วงทั้งกังวล เพราะหนานซิงติดต่อไป เหม่ยหลินก็ไม่รับสายไม่รู้ยุ่งอะไรนักหนา... ถิงถิง คิดแล้วก็อดน้อยใจไม่ได้ หน้างอนคว้ำจนหนานซิงก้มหน้าไม่กล้าสบตาด้วย “หนานซิง...” “ครับ...” “โทรไปอีกทีสิ”หนานซิงอึกอัก เพราะหากสองครั้งไม่รับ คือต้องรอให้เหม่ยหลินโทรกลับมาเท่านั้นสีหน้าลำบากของหนานซิง ทำให้ถิงถิงหน้าคว่ำแล้วลุกขึ้นเดินไปยังลิฟต์ หนานซิงรีบสาวเท้าตามไปในตอนนั้นมือถือของหนานซิงก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู แล้วรีบกดรับสาย‘ครับคุณหนูใหญ่ คุณถิงถิงกำลังขึ้นห้องครับ... ครับ’ แล้วสายก็ตัดไป หนานซิงเก็บมือถือ แล้วหันมองนายอีกคน แต่เธอสะบัดหน้าหนี หนานซิงยิ้มเจื่อน “คุณหนูใหญ่ใกล้ถึงโรงแรมแล้วครับ”ถิงถิงไม่หือไม่อือ จากนั้นเธอเข้าห้องจัดการเรื่องส่วนตัวของตัวเองแล้วรีบขึ้นเตียงนอน โดยหนานซิงยืนอยู่ในห้องรับแขกด้านนอกเพื่อรอเหม่ยหลินกลั
“พะ พี่... อือ อึก...” เสียงเรียกประหนึ่งคนโดนทรมาน หากเป็นการทรมานที่ถิงถิงต้องการจากคนพี่มากที่สุดเหม่ยหลินช้อนตาหวานซึ้งแล้วกระหยิ่ม ล่าแต้มเพื่อจบเกมครูอริ ไม่ระทึกใจ เท่าทำให้คนใต้ร่างได้สุขสม! อีกทั้งเสียงครางกระเส่าดังเป็นระยะ นั้นยิ่งทำให้ฮึกเหิมเร่งเดินหน้าเพื่อเก็บแต้ม...ในขณะที่สองมือจับมั่นไปบนหนั่นเนื้อบีบเค้นกดขย้ำจนฝากรอยไว้ไปทั่วทุกที่ที่สัมผัสลงไปมือทั้งสองสลับกันทำหน้าที่ลูบไล้ไปตามสัดส่วนเนียนลออ พาดผ่านส่วนเว้าส่วนโค้ง และไปหยุดอยู่ตรงบัวตูมคู่งามนุ่ม กดคลึงสลับกันไป พาให้คนใต้ร่างบิดเกร็งเป็นการสนองตอบกลับมา เนิ่นนานกับการสัมผัสที่หวามไหว ไปตามเนื้อแท้และผิวกายเนียน เนื้อแนบเนื้อ เหม่ยหลินกดกลางลำตัวส่วนกลางให้ทักทายเสียดสี ความกระสันเริ่มทวีคูณ เข่ามนแยกเรียวขาเสลาของถิงถิงให้ห่างออกจากกัน แล้วกดส่วนกลาง ที่เป็นเนินอวบอูมเบียดชิด จนรู้สึกถึงความสากของเส้นขนอ่อนบางของกันและกัน“ซีดส์...” ต่างกัดริมฝีปากร้องซี้ดออกมา“โอ้ว มะ มะไหวแล้ว...” ถิงถิงส่งเสียงแผ่วหวานฟังไม่เป็นประโยค “อือ...”ประหนึ่งคนเมา ที่ไม่ได้เมาแอลกอฮอล์... หากทำให้คนโยกขยับอยู่ด้านบ
เวลาต่อมาในห้องทำงานผู้บริหาร“พี่ปล่อยหนูออกไปได้แล้ว...เดี๋ยวคุณแคทก็สงสัยหรอก ว่ามาส่งเอกสารอะไรนานขนาดนั้น” คนถูกจิกตามองค้อนกลับยักไหล่ ไม่แคร์“บอกให้ปล่อย!” ครานี้คนตัวเล็กที่ถูกรั้งให้นั่งอยู่บนหน้าตักขึ้นเสียง อีกฝ่ายสะบัดหน้าไม่ฟังมาดขรึม ๆ หน้าเก็ก ๆ หายไปไหนหมดเนี่ย... ถิงถิงถามหาคำตอบกับตัวเอง“ไม่ปล่อย หนูจะแผลงฤทธิ์ใส่แล้วนะ” ถิงถิงบอกเสียงเข้ม เมื่อแขนเรียว แต่แรงเยอะ รัดรั้งให้เธอนั่งอยู่บนตักไม่ยอมปล่อย “ก็นั่งให้นิ่งสักสิบนาทีไม่ได้หรือไง” เสียงอ้อนอ่อนหวาน ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดหรืออารมณ์เสียกับท่าทางบ่ายเบี่ยงของคนตัวเล็กแต่อย่างใด ซ้ำยังวางจมูกบนไหล่เนียนแล้วสูดความหอมเอาไว้จนเต็มปอด“ไม่เบื่อหรือไง” ถิงถิงถามเสียงเกร็งเครียด“ไม่เบื่อ แล้วไม่มีวันเบื่อด้วย” เหม่ยหลินตอบเต็มเสียง แล้วจรดปลายจมูกวกไปวนมาไปทั่วแผ่นหลังที่มีผ้าบาง ๆ กัน ในขณะไหล่มนมีเพียงสายเดี่ยวพาดขวาง แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่เธอจะสูดกลิ่นหอมคุ้นเคยเข้าไปจนเต็มอิ่ม โดยถิงถิงเองเริ่มอ่อนระทวยในขณะที่ด้านนอกกำลังจะเข้ามาเซอร์ไพรส์“ขอโทษนะคะ... คุณเหม่ยหลินยังไม่อนุญาต ก็เข้าไม่ได้นะคะ”เลขาแคทม
ในขณะที่เหม่ยหลินคุยอยู่กับนลินสีหน้าเคร่งเครียด ถิงถิงก็เดินออกมาจากห้อง เพราะดูแล้วว่าตัวเองไม่ได้มีส่วนร่วมในสนทนาด้วย อีกทั้งเหมือนเธอเป็นเพียงส่วนเกินเหม่ยหลินเห็นจะทักท้วงถิงถิงไว้ แต่ก็ไม่ทันได้เรียกเมื่อนลินเรียกเธอเสียก่อน“คุณหยกคะ นลินกลับไปหาพ่อ แต่พบว่าบ้านพ่อปิดเงียบเลยค่ะ แถมประตูรั้วก็คล้องกุญแจไว้ คุณหยกพอจะทราบไหมคะว่าพ่อไปไหน”คำถามที่หลุดออกมาจากปากหญิงสาวตรงหน้า ที่เหม่ยหลินคิดว่าไว้ ไม่วันใดก็วันหนึ่งคงได้ตอบคำถาม หากพอถึงวันเข้าจริง เหม่ยหลินก็จุกในอกเหม่ยหลินผันหน้าไปมองหน้าต่างเหมือนไม่อยากได้ยินหรือพูดถึงนลินในหายวาบ “มีอะไรเกิดขึ้นกับพ่อหรือเปล่าคะ”เมื่อเธอเกือบปางตาย แล้วพ่อเธอล่ะ จะโดนเหมือนเธอไหม และตลอดเวลาที่เธออยู่รักษาตัว หน้าที่ถูกพันไว้ ดวงตาที่ต้องรอคนมาบริจาคในเวลานั้นเธอเหมือนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมมืดและแคบ ๆ ไร้ญาติขาดมิตร แม้แต่จะพูดก็ยังขยับไม่ได้ พ่อเธอทางนี้จะเป็นเช่นไร รอการกลับมา หรือถามข่าวคราวของเธอบ้างไหม...“ขอโทษนะ...” เหม่ยหลินเปรยขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดนลินใจคอไม่ดี “ขอโทษนลินทำไมคะ”“ที่ทำให้หนูกับพ่อต้องมาเจอสิ่งเลวร้
เช้าวันเสาร์ถิงถิงมักตื่นสาย โดยที่เหม่ยหลินลุกจากที่นอนตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปออกกำลังกายในห้องไพรเวทในขณะกำลังหลับตาพริ้มเสียงดังมาจากด้านนอก ทำให้เธอสะดุ้ง ด้วยความรำคาญและไม่อยากลุกจึงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโป่ง ไม่นานเสียงดังคลิกเหมือนคนเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ส่งสัญญาณใด ๆ จึงโผล่หน้างัวเงียเพื่อดูว่าเป็นใคร โดยใจหมายมาดเอาไว้ จะต่อว่าเสียหน่อย โทษฐานที่รบกวนการนอนของเธอวันหยุด แทนที่จะได้พัก!แต่เมื่อปรื้อตาดู… เป็นนลิน ซึ่งเธอไม่คาดคิดว่าจะเป็นหล่อน!“อ้าวคุณถิงถิง...” สายตาแปลกใจมองคนบนเตียง “นี่นลินนึกว่าคุณไม่ได้อยู่ในห้อง กะว่าจะเข้ามาทำความสะอาดเสียหน่อย” ก้มมองอุปกรณ์ในมือสีหน้าผิดหวัง และพูดต่อ “ยังไงนลินไม่ได้เคาะประตู ต้องขอโทษด้วยนะคะ” เธอบอกพร้อมกับก้มศีรษะให้น้อย ๆ เป็นมารยาทถิงถิงแอบชักสีหน้า เพราะปกติมีแม่บ้านประจำทำอยู่แล้ว และรู้ว่าหากเวลานี้จะไม่เข้ามาในห้องนอนส่วนตัวจนกว่าจะเห็นเธอนั่งอยู่ด้านนอก หรือเดินออกมาแล้วเท่านั้น“แม่บ้านทำอยู่แล้ว อีกอย่างพี่เหม่ยหลินเขาให้เธออยู่เฉย ๆ ไม่ใช่เหรอ”“ไม่ได้หรอกค่ะ นลินชินกับการทำโน่นนี่นั้นให้คุณหยกอยู่แล้ว... ยังไงนลินออกไป
ทว่าสายตาที่มองมาของเหม่ยหลิน ทำให้ถิงถิงร้อนตัว “แค่ไปหาอะไรกินแก้เซ็ง ไม่ได้ไปคนเดียว หนานซิงก็ไปด้วย ใช่ไหม...” แล้วหันไปขอแรงเสริมจากหนานซิงที่ยืนสำรวมอยู่ แต่หนานซิงคิดว่าสายตานั้นไม่ใช่ เพราะเขากับถิงถิงลงไปด้านล่างแน่นอน“หนานซิง ช่วยเอาของพวกนี้ไปทิ้งให้ไกลตาเลยนะ” ตามองสิ่งที่วางอยู่เหมือนของพวกนั้นเป็นของเสียทั้งสามอึ้งตกใจ ถิงถิงที่สงสัยก็อดถามไม่ได้“ทิ้ง? ทิ้งเลยหรือคะ ของพวกนี้ยังใหม่อยู่เลย ทำไมต้องทิ้งค่ะ”แล้วเดินไปมองเพื่อให้แน่ใจ ในสภาพที่ยังใช้งานไม่คุ้ม โดยเฉพาะเครื่องดูฝุ่นที่ยังมีสภาพใหม่เอี่ยมเหม่ยหลินไม่ตอบ แต่หันไปเร่งหนานซิงทางสายตาจะไม่ทำตามก็ไม่ได้ เมื่อสายตาพิฆาตเร่งมา จากนั้นหนานซิงรีบทำตามคำสั่งทันที“หือ...” ถิงถิงมองตามด้วยความเสียดายในขณะที่นลินช่วยหยิบของที่ตัวเองเอามา ช่วยหนานซิงอีกแรงหลังจากทั้งคู่เดินออกมาจากห้อง หนานซิงมองไปที่นลิน ซึ่งนลินก็รู้ตัว“ทำไม มองนลินอย่างนั้นคะ”“ผมว่าคุณรู้อยู่แก่ใจ” จากประสบกาณ์และอายุที่มากกว่าก็พอเดาเกมหญิงสาวที่เห็นกันมาหลายปีออกได้ไม่ยากนลินจิกตามอง “ยุ่ง ไม่ใช่เรื่องของคุณ”หยางซิงถอนหายใจ แค่นี้กับการแส
ถิงถิงเดินหน้างอออกมาจากห้อง ซึ่งเลขาแคทก็พอเข้าใจได้ ก็ไม่ทักถาม ครู่ต่อมาเหม่ยหลินก็เดินตามออกมา เลขาแคทรีบก้มหน้าทำงาน ทำทีว่าไม่รู้ไม่เห็นเหม่ยหลินเดินมาทันระหว่างนั้นก็คว้าข้อมือเรียวของถิงถิงไว้ แล้วดันเข้าไปในห้องที่ปลอดสายตาคนนอก“พี่จะทำอะไร...” เสียงนั้นเย็นชา จนเหม่ยหลินใจหาย“ถิงถิง คุยกันก่อนได้ไหม” เสียงอ่อนเอ่ยขอร้องเจ้าของนัยน์ตาที่เคยเปล่งประกาย หากตอนนี้เรียบเฉยอย่างคนไร้อารมณ์มองหน้าผู้เป็นพี่ “มีอะไรจะคุยอีกหรือคะ” น้ำเสียงชืดชาประหนึ่งคนไร้ความรู้สึกเหม่ยหลินห่อเหี่ยว ใจไม่ดี เธอไม่ชอบอาการเช่นนี้ หากอยากให้คนตรงหน้าโวยวายยังดีเสียกว่า เพราะจะได้รู้ว่าอยู่ในอารมณ์ไหน... “คุยกันดี ๆ เถอะนะ มันไม่มีอะไรจริง ๆ ”ถิงถิงมองคนพูด “หากไม่มีอะไรพี่จะเดือดร้อนทำไมคะ” “แล้วเดินออกมาทำไม”“จะให้ไปอยู่เป็นส่วนเกินหรือไงคะ” น้ำเสียงเริ่มตึงขึ้นใช่ว่าเธอไม่พยายาม แต่ก็อดคิด อดน้อยใจไม่ได้ คนมันหึง! เหม่ยหลินเข้าใจทันที “เป็นไปไม่ได้ ที่ถิงถิงจะเป็นส่วนเกินในชีวิตพี่” “เถอะ... หากช้าอีกนิดคงไม่ใช่แค่ป้อนขนม” “หึงเหรอ”
หนานซิงเมื่อได้รับโทรศัพท์จากเหม่ยหลินเพื่อให้ตามดูนลิน โดยกำชับให้เฝ้าห่าง ๆ เพื่อไม่ให้เป็นการกดดันอีกฝ่ายซึ่งในขณะที่กำลังคุยสายกันอยู่ หนานซิงก็เห็นว่านลินนั้นได้กลับขึ้นรถไป พร้อมกับการ์ดฝีมือดีสองคน ที่เหม่ยหลินเป็นคนจัดไว้ให้เธอโดยเฉพาะนลินกลับมาโรงแรมจากนั้นเธอก็ลงไปชั้นใต้ดิน ที่เปิดเป็นไนท์คลับ แน่นอนว่าเป็นสถานที่ ที่ถิงถิงเคยไปสร้างเรื่องไว้นั่นเอง เมื่อรู้จุดหมายปลายทางของนลินเรียบร้อยแล้ว ก็โทรศัพท์ไปรายงานเหม่ยหลิน เธอได้กำชับอีกครั้งว่าให้ดูแลความปลอดภัยอยู่ห่าง ๆ แต่หากมีเหตุการณ์ เหนือการควบคุม ให้โทรมารายงาน จากนั้นก็วางสายไปไนต์คลับนลินไล่ให้การ์ดสองคนไปพักผ่อน แต่เพราะคำสั่งสูงสุดคือเหม่ยหลิน คนพวกนั้นจึงปฏิเสธอย่างมีมารยาท และเดินตามเธอเข้ามา แล้วหาที่เหมาะเพื่อยืนตรวจตราความเรียบร้อย ในขณะที่นลินเลือกนั่งเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ จากนั้นเธอก็สั่งเครื่องดื่มกับหนุ่มบาร์เทนเดอร์ โดยไม่ได้สนใจผู้คนรอบข้าง จนกระทั่งเสียงเพลงคาสสิกถูกเปลี่ยนเป็นแนวจังหวะเร็วขึ้น ทำให้ภายในร้านเริ่มคึกคัก แขกหนุ่มสาวเริ่มลุกจากเก้าอี้แล้วโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลง ในขณะที่นลิ