ริมฝีปากบางยกยิ้มกับภาพใบหน้าที่นอนตะแคงข้างจนปากบี้น่ารักเหมือนเด็กน้อย ก่อนจะยื่นนิ้วเรียวยาวไปปัดปอยผมที่ปรกใบหน้างามเบา ๆ ถิงถิงยังคงหลับไม่รู้เรื่อง... เมื่อเห็นว่าคนเมาสงบลงแล้วเหม่ยหลินจึงค่อยลงจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำธุระส่วนตัว เกือบสี่ทุ้ม เหม่ยหลิน ก็มาหยุดยืนอยู่ริมเตียงนอนด้านข้าง ลังเลว่าจะจัดการกับคนเมายังไงดี อาบน้ำ เช็ดตัว หรือแค่เปลี่ยนเสื้อผ้า ยืนคิดด้วยความลังเลและประหม่า หากแต่สายตาจับจ้องใบหน้าสวยละมุน ก่อนที่ริมฝีปากบางอมชมพูที่ปราศจากการแต่งแต้ม หากแต่อวบอิ่มอย่างคนสุขภาพดีคลี่ยิ้ม มองคนเมานอนซุกหน้าจมอยู่บนหมอนพี่จะทำไงกับเธอดี ยายเด็กดื้อ...เหม่ยหลินค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งสายตาจับจ้องใบหน้างามเนียนที่ยังคงหลับตานิ่ง คนหลับตาพริ้มปรือตาขึ้นอย่างช้า ๆ เหมือนกับรู้ว่ากำลังมีใครจ้องเธออยู่ทันทีที่เริ่มรู้สึกตัว ถิงถิงรับก็ฉีกยิ้มหวานเชื่อมจนเหม่ยหลินต้องกระพริบตาเพื่อขับไล่สิ่งที่เห็น ตาฝาดหรือไม่...“พ พี่...” น้ำเสียงขาดหาย ไปกับอาการเมา พยายามเอาข้อศอกดันเพื่อที่จะนั่ง หากแอลกอฮอล์ ที่มีอยู่ในเลือด ปริมาณมาก ทำให้
เสียงทักถามทำให้เด็กหญิงหน้าตาอวบอิ่มเงยหน้าขึ้นมาจากความมืดที่พอให้เห็นใบหน้าของกันและกันชัดพอ‘ค่ะพี่...’ เสียงแหบเบาและสั่นฟังดูผิดปกติทำให้คนโตกว่าร้อนใจจนเดินเข้าไปหา‘เป็นอะไร ทำไมไม่ออกไปเล่นกับเพื่อน’ ในขณะที่ถามเด็กหญิงถิงถิง ก็ผันหน้าหนี จนเธอเดินเข้ามาใกล้ถึงได้รู้ว่า ใบหน้านั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา‘เป็นอะไรไม่สบายหรือเปล่า’ เหม่ยหลินตกใจรีบเดินไปเอาหลังฝ่ามือไปแต่ที่หน้าผากน้อย ๆ แต่อุณภูมิบนตัวเด็กหญิงก็ปกติดี‘ถิงถิงไม่ได้เป็นอะไรค่ะ...’ เสียงแผ่วตอบยืนยันกลับมา‘งั้นป่ะ พี่พาออกไปเล่นกับเพื่อน ๆ’‘พี่ไปเถอะ ถิงถิงจะนั่งอยู่ที่นี่’‘ตรงนี้มืดก็มืด ยุงก็เยอะ’ เธอบอกด้วยความเป็นห่วงเพราะเห็นว่าเด็กหญิงเกาไปบนแขนแรง ๆ ซ้ำ ๆ จนกลัวว่าผิวบาง ๆ จะถลอกหมดเสียก่อน‘ไม่เป็นไรค่ะ ถิงถิงนั่งได้’ เด็กหญิงยืนยันหนักแน่น‘งั้นพี่นั่งเป็นเพื่อนดีไหม’พูดจบเหม่ยหลินก็ทรุดตัวลงนั่งใกล้ ระหว่างนั้นก็นำคุยเพื่อให้เด็กหญิงลืมสิ่งที่กำลังกวนใจไปได้บ้าง โดยสังเกตอาการของเด็กหญิงที่ตัวเองรู้จัก ไม่เคยงอแงหรือชอบเรียกร้องความสนใจจากใคร กลับกันเป็นเด็กช่างพูดช่างเจรจา หากวันนี้มีอะไรให้ขุ่นข้อง
แม้จูบนั้นสัมผัสได้ถึงความเงอะงะไม่ช่ำชอง แต่ก็ทำให้ใจของคนที่คิดต่อต้านในคราแรก กลับคล้อยตามและวาบหวิวได้ไม่น้อยแต่...มันเหมาะสมหรือไม่ ความคิดความละอายก่อตัวขึ้น เหม่ยหลินจึงรวบรวมความกล้าแล้วฝืนใจดันร่างบางออก จนริมฝีปากของทั้งคู่แยกห่างออกจากกัน“อืออ...” เสียงนั้นติดรำคาญและเสียดาย“มันไม่เหมาะนะถิงถิง...” เหม่ยหลินเตือน เรื่องแบบนี้แค่ความต้องการตรงกันมันไม่ได้เมื่อโดนขัดคนที่กำลังเคลิ้มชักสีหน้า“อายุเท่าไหร่กันแล้วจะมาไม่เหมาะตรงไหน”“แต่พี่ เป็นพี่เธอนะ...”“พี่เหรอ...พี่แบบไหน พี่ก็รู้อยู่แก่ใจ” เสียงนั้นติดประชด แล้วเอ่ยต่อ “ถิงถิงไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน พี่ก็อย่าทำร้ายความรู้สึกถิงถิงด้วยการอ้างเหตุผลแบบนี้นะคะ”“เมื่อไหร่ ถิงถิงรู้สึกแบบนี้กับพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่” เหม่ยหลินถามเสียงเครียด“เมื่อไหร่มันไม่สำคัญหรอกค่ะ มันสำคัญอยู่ที่ว่าตอนนี้หนูรู้สึกกับพี่ไปแล้ว ว่าแต่พี่รู้สึกกับหนูบ้างไหม...” สายตาคนถามเว้าวอนและจริงจังหากเหม่ยหลินไม่ตอบ แต่พยายามขยับตัวหนีถิงถิงหงุดหงิดในอก กลืนก้อนแข็ง ๆ ลงท้อง ไม่ได้ผิดหวัง หากแต่น้อยใจ “หรือพี่ยังตัดใจจากผู้หญิงคนเก่าคนนั้น
จมูกโด่งคลอเคลีย อยู่ระหว่างซอกคอระหงและหน้าอกตูมนุ่มที่แข่งกันชูชันรับสัมผัสจนเป็นตุ่มไตเย้ายวนใจภายใต้ชุดเดรสที่เธอจับสาบเสื้อให้แยกห่างจนเห็นเสื้อในตัวจิ๋ว จากนั้นก็ผละออกมาจดจ้องร่างบางที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะตัดสินใจค่อย ๆ ปลดอาภรณ์ของคนน้องออกทีละชิ้น เผยให้เห็นผิวเนียนขาวผุดผาด ที่กลายเป็นสีแดงเรื่อน่ามอง จากนั้นก็ก้มลงไปจุมพิตบนไหล่มนเบาๆ ในขณะที่นิ้วเรียวลูบไล้และสัมผัสไปทั่วผิวบอบบาง ซึ่งเจ้าของร่างบางก็บิดกายเด้งขึ้นตอบสนอง ซีดปากอย่างกระสันเสียวบัวงามไหวสะท้านอยู่ในระยะประชิด เหม่ยหลินไม่รอช้า ก้มลงไปครอบครองแล้วดูดกลืนความหอมหวานนั้นอย่างหยามใจ จากนั้นเปลี่ยนเป็นค่อย ๆ ดึง ไล้เลียลงต่ำ ทักทายเนินหน้าอกขาวอมชมพูที่รอตั้งรับ ก่อนจะปล่อยปลายลิ้นชุ่มร้อนเข้าไปทักทายและหยอกเอิ้นยอดสีชมพูตรงหน้า ดูดกลื่น ไล้เลาะเล็มซ้ำ ๆ พร้อมกับนิ้วที่ขยับลูบไล้อยู่บนเนินอวบอูม ที่เจ้าของเริ่มผ่อนคลายโดยปล่อยให้เรียวขาเหยียดยาวไม่เกร็งเหมือนในคราเรียกที่ถูกเปลื้องผ้าออกไป“อืออ...” เสียงหวานกระเส่าลากยาน ในขณะที่ร่างบางสะท้านไหวบิดตัวและแอ่นอกรับด้วยความกระสันมุมปากยักยกสูง ก่อนจะปล่อยอุ้งปากร้
ความกำหนัดบวกกับแอลกอฮอล์ที่ผสมอยู่ในเส้นเลือด ความร้อนแรงจึงมีตามมา เหม่ยหลินเร่งส่งแรงกระแทกด้วยนิ้วที่ชำนาญ จนคนใต้ร่างสะเทือนไหวไปตามจังหวะหากแต่พร้อมรับโดยไม่มีถอย การเดินทางกำลังถึงฝั่ง และคนใต้ร่างก็กระตุกเกร็ง เหม่ยหลินกระตุกยิ้มเมื่อรับรู้ได้ว่าถิงถิงไปถึงฝั่งฝัน เช่นเดียวกันกับเธอ...ถิงถิงนอนนิ่งไปแล้ว เหม่ยหลินก็ขยับลุกขึ้นเข้าห้องน้ำ อึดใจต่อเดียวก็เดินตัวปลิวออกมา พร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กที่บิดน้ำพอหมาด ๆ จากนั้นก็นั่งลงบนขอบเตียง จัดการเช็ดเนื้อตัวให้คนกลับตาพริ้มจนสะอาด แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่โดยที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ขัดขืน หรือแสดงอาการเขินอาย จนกระทั้งเสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง จึงดึงผ้าห่มมาคลุมกายให้คนที่หลับตาพริ้ม ซึ่งเธอไม่มั่นใจว่าหลับไปแล้วหรือยัง จากนั้นก็จัดการกับตัวเองและสอดตัวไปใต้เผ้าห่มผืนเดียวกัน หลับตามอีกคนไป...หากแต่มุมปากบางของคนที่เหม่ยหลินคิดว่าหลับกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมเปลือกตาในภายใต้ขนตางอนงามปรือขึ้น“ขอบคุณ นะคะพี่หยก...” เธอมองเจ้าของชื่อที่เธอเรียกได้เต็มปาก ด้วยสายตาเป็นสุข... แสงแดดยามเช้าส่องผ่านเข้ามาทางกระจกบานใหญ่ ในขณะที่ร
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา... ความสัมพันธ์ของเหม่ยหลินและถิงถิงเป็นไปในทางที่ดี หากต่างฝ่ายยังไม่พูดถึงสถานะหรือมีข้อตกลงระหว่างกัน เพียงแค่อยู่ด้วยกันห่วงใยกันก็เป็นความสุขที่ไม่ต้องเรียกร้องเอาจากใครวันนี้ทุกคนดูสุขุมและเตรียมพร้อม...เช่นเดียวกับเหม่ยหลิน โดยถิงถิงสังเกตเห็นว่าเธอเงียบขรึมผิดปกติ ซึ่งอาการนี้เป็นตั้งแต่อยู่บนห้อง จนกระทั่งตอนนี้ ที่ไม่ได้ถามเพราะคิดว่าอาจเป็นเวลาเร่งรีบ จนกระทั่งตอนนี้ก็อดใจไม่ไหวตัดสินใจถามไป “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ดูพี่ไม่มีความสุขเลย” เหม่ยหลินหันมองคนถามในขณะที่รอให้ถิงถิงขึ้นไปนั่งประจำที่ของเธอ “วันนี้พี่ไม่ได้เข้าบริษัทกับถิงถิงนะ”เหม่ยหลินบอกในขณะที่ถิงถิงเข้าไปนั่งภายในรถเรียบร้อยแล้ว ส่วนตัวเองยังยืนอยู่ที่เดิม “อ้าว แล้วพี่ไปไหนคะ” มีอาการผิดหวังและแปลกใจ เพราะปกติจะเหมือนปาท่องโก๋ที่ไปไหนต้องไปคู่กัน “พี่มีธุระนิดหน่อย เสร็จแล้วจะรีบกลับ”ธุระสำคัญขนาดไหน ถึงเอาเธอไปด้วยไม่ได้...ถิงถิงคิด น้อยใจขึ้นมาครามครัน “หนูไปด้วยไม่ได้หรือคะ” “ไม่ได้” น้ำเสียงเด็ดขาดคนถูกปฏิเสธหน้างอ แต
บรรยากาศภายในห้องโถง เหม่ยหลินถูกนำไปยังโต๊ะที่ถูกเตรียมไว้ ในขณะที่นายจินถังถูกเชิญไปอีกโต๊ะซึ่งไม่ห่างจากกันมาก โดยบรรยากาศเริ่มครึกครื่นและแออัดไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ที่ทยอยเดินทางกันเข้ามา “สวัสดีครับ ใช่คุณหยางเหม่ยหลินใช่ไหมครับ” เสียงทุ้มของใครบางคนทักทายขึ้น เหม่ยหลินที่เพิ่งนั่งลงในตำแหน่งที่ถูกจัดไว้หันไปมอง ก็พบว่าเป็นหนุ่มหล่อ ท่าทางภูมิฐานในชุดสูทสีดำทั้งตัว พร้อมกับชายฉกรรจ์เดินขนาบข้างอีกสองคน เหม่ยหลินคิ้วขมวด “สวัสดีค่ะ...”เธอทักทายตามมารยาท เพราะหากเขาทักทายและรู้จักชื่อ นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายให้ความสนใจ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบมิตรหรือคู่แข่ง หากไม่ยื่นมีดมาหา เธอก็ไม่ตัดไมตรี“ผม...คิมหันต์ ยินดีที่ได้เจอตัวจริงของคุณหยาง”“อ้อ คุณคิมหันต์ ยินดีที่ได้เจอตัวจริงของคุณเช่นกันนะคะ”เมื่อได้ยินชื่อเหม่ยหลินจึงนึกขึ้นได้ ว่ารายชื่อนี้ อยู่ในบันชีลับของนักธุรกิจสีเทา หากไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งต่างจากนายจินถัง“ครับ เราไม่เคยเจอกัน แต่ผมได้ยินกิตติศัพท์ของคุณหยาง อยู่บ้าง”ดวงตากลมโตเบิกกว้าง แล้วเอ่ยทีเล่นทีจริง “ทางที่ดีหรือเปล่าคะ”เจ้าของใบหน้าขรึมก่อนหน้านี้หัวเรา
...แล้วคนที่ถูกเลือกมาเป็นสินค้า เป็นใคร แล้วเป็นการเต็มใจขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งในการประมูลครั้งนี้หรือเปล่า คำถามวนอยู่ในความคิดของเธอจนนั่งไม่ติดที่ ตัดสินใจหันไปมองผู้ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แต่กลับพบว่าเขานั่งนิ่งเหมือนชินกับเหตุการณ์“เขาทำผิดอะไร ถึงทำกันขนาดนี้” เธอเปรยขึ้นด้วยความอึดอัดอีกครั้งใจคิดว่าหากเขาไม่เลวที่ต้องได้รับผลจากการกระทำจริง ๆ คงไม่โดนกระทำถึงขั้นนี้“จะไม่มีใครได้แตะต้องเขาหรอก” เสียงทุ้มราบเปรยขึ้น เหม่ยหลินหันขวับ“คุณจะประมูลเอาไว้เหรอ” เธอรู้สึกชื่นชอบผู้ชายคนนี้จริง ๆ แล้ว“เปล่า เขาเป็นของผมมาตั้งแต่ต้น”“อ้าว...งั้นคุณจะช้าอยู่ทำไมล่ะคะ”“หากผมไม่สั่ง ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรเขาหรอก”เหม่ยหลินตาเบิกโต “อย่าบอกนะ ว่าที่เขาโดนขึงพรืดอยู่นี่เพราะคำสั่งคุณ”ใบหน้านั้นเรียบเฉยแทนคำตอบ เหม่ยหลินอยากเอาความคิดเมื่อกี้ที่เผลอชื่นชมเขากลับคืนมา...“บ้าไปแล้ว...”เหม่ยหลินออกอาการหัวเสีย ทั้งรู้สึกโล่งทั้งแปลกใจ จนกลับมาคิดว่าผู้ชายคนนี้น่ากลัวกว่าที่คิด“ผมดีใจที่ได้คุยกับคุณ หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก”เหม่ยหลินปรายตามอง หลังจากนั้นผู้ชายที่เธอคิดว่าไม่เหมือนคนอื่น ก็ล