เวลาผ่านไป เหม่ยหลินออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อคลุมสีขาวเมื่อเธอมองไปบนเตียง ก็พบว่าถิงถิงได้หลับไปแล้ว เธอจึงจัดการเรื่องของเธอไปเรื่อย จนกระทั่งคนบนเตียงขยับตัวแล้วบ่นพึมพำเหมือนพูดอะไรบางอย่างออกมา ด้วยความอยากรู้ เหม่ยหลินจึงเดินไปย่อตัวลงนั่งตรงขอบเตียง แล้วโน้มตัวลงไปหา เอียงหูฟังเหม่ยหลินชะงักค้าง หน้าถอดสี ตากลมไหวระริก มองใบหน้าหวานละมุนที่หลับตาพริ้ม ก่อนจะใช้นิ้วชี้ปัดปอยผมที่ปรกอยู่บนใบหน้านั้นออกอย่างเบามือ จากนั้นก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าอกที่โผล่อยู่อย่างนึกเอ็นดูเด็กดื้อ... เธอบ่นให้คนหลับ ตัดสินใจแทรกตัวไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ในขณะที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ ทั้งที่ให้เวลาตัวเองมาแล้ว แต่ร่างกายกลับแสดงอาการออกมาอีกหลับเถอะหยางเหม่ยหลิน เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว... เฝ้าปลอบย้ำกับตัวเอง โดยมือจับหน้าอกข้างซ้ายไว้ แล้วฝืนเปลือกตาให้ปิดลง จากนั้นก็บังคับลมหายใจให้เข้าออกเป็นจังหวะ เพราะไม่เช่นนั้นเธอกลัวมันดังแข่งกับลมหายใจร้อน ๆ ที่ถูกพ่นออกมา ไปรบกวนคนหลับข้าง ๆ ไม่นานเธอก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลียตามอีกคนไป8.20น.เหม่ยหลินสะดุ้งตื่น เมื่อมีบางอย่างฟาดลงมาบนหน้าอกจนเจ็บจุก จาก
“คุณเหม่ยหลินคะ” เสียงเรียกดังผ่านออกมาจากห้องน้ำเหม่ยหลินหยุดชะงักแล้วมองไปยังประตูห้องน้ำที่ยังปิดสนิทอยู่“มีอะไรคะ” เธอจะโกนถามเข้าไป แล้วสังเกตว่าประตูห้องน้ำเปิดแง้มออกมาเล็กน้อย“ผ้าค่ะ... ผ้าขนหนู กับเสื้อคลุม ฉันไม่ได้เอาติดมือมา รบกวนคุณช่วยเอามาให้หน่อยได้ไหมคะ...”เสียงนั่นนุ่มระรื่นหูน่าฟัง จนเหม่ยหลินอดไม่ได้ที่จะยิ้มเอ็นดูให้กับเจ้าของเสียงที่ไม่กล้าโผล่หน้าออกมาเพื่อบอกจุดประสงค์“รอแปบ” แล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่พับไว้อย่างเป็นระเบียบออกมาจากชั้นวางเมื่อไปถึงหน้าประตูเหม่ยหลินเพียงเคาะเบา ๆ มือเรียวก็ยื่นออกมาอยากแกล้ง แต่เห็นนิ้วเรียว ๆ คว้าหาอยู่กลางอากาศก็แกล้งไม่ลง“รีบหน่อยนะ” เหม่ยหลินบอกไปเบา ๆ เมื่อผ้าขนหนูถูกดึงออกไปจากมือ ไม่นานคนในห้องน้ำก็เดินออกมา“มีอะไรด่วนหรือเปล่า หากมี คุณไปก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวจะตามไปทีหลัง”“ไม่ได้...”ไม่ได้เด็ดขาดมาขนาดนั้น ถิงถิงจึงเงียบและจัดการเรื่องของตัวเองต่อหนึ่งชั่วโมงต่อมาห้างหยางหลงทันทีที่ไปถึงหน้าห้างหยางหลง เหม่ยหลินก็พบกับหนานซิงและบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งยืนรออยู่ด้านหน้า จากนั้นก็พากันเดินไปยังห้องทำงานของเธอโดยมีถ
สีหน้าไม่สู้ดีของเหม่ยหลิน ทำให้ถิงถิงไม่กล้าตอแย โดยเธอรอจังหวะให้อีกฝ่ายพูดขึ้นก่อน เพื่อเดาทางว่าอยู่ในอารมณ์ไหน “ลงไปหาอะไรกินกันเถอะ”เหม่ยหลินเอ่ยชวน หลังจากที่เข้ามาในห้องได้ไม่ถึงห้านาทีถิงถิงคิ้วขมวดผูกปม มองหน้าเหม่ยหลิน“ทำไม ไม่หิวหรือ”“หิ หิว แต่...” ถิงถิงตอบเสียงติดขัด อยากบอกว่าเป็นห่วง จนกระเพาะอาหารไม่ทำงานไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป“หิวก็ต้องไปกินก่อน ป่ะลุกขึ้น” เธอเร่ง“ค่ะ” ถิงถิงรับเสียงแผ่วจากนั้นทั้งคู่ก็พากันเดินออกจากห้องเพื่อตรงไปยังร้านอาหารที่อยู่ชั้นล่างของห้าง โดยมีการ์ดเดินตามอยู่ห่าง ๆถิงถิงมองซ้ายมองขวาเหมือนไม่อยากเชื่อ ศูนย์อาหารที่มีคนเดินกันพลุกพล่าน ทุกสายตามองมาเป็นจุดเดียวกัน“มีอะไรหรือเปล่า” เหม่ยหลินถามเมื่อเห็นท่าทางของถิงถิงดูตื่นผิดปกติ“นั่งกินที่นี่หรือคะ” เธอถามเพื่อให้แน่ใจ เพราะคิดว่า แม้ไม่พาไปภัตตคารเหมือนเมื่อคืน ก็เป็นร้านอาหารที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่านี้“ใช่ ที่ที่คิดว่าคนพลุกพล่านวุ่นวาย บางครั้งก็เป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเรา อีกอย่างกลางวันแบบนี้ มีสายตาหลายคู่รอจับผิดให้เราอยู่”ถิงถิงอึ้งในคำตอบของเหม่ยหลินแล
เด็กหญิงนลินเมื่อไม่ได้รับการสนใจ ก็รู้สึกกระดากอาย ผลุนผลันลุกขึ้น ในขณะที่ตุ๊กตาบลายท์หลุดจากมือ ร่วงทับปราสาททรายของอีกคนจนพังทลายเสียรูปจากนั้นเจ้าของปราสาททรายหน้าบิดเบี้ยว เมื่อเห็นสภาพของที่ตัวเองบรรจงสร้างมากับมือพังไม่เหลือชิ้นดี ด้วยความโมโหจึงหยิบตุ๊กตาผมสีทองตัวสวยขว้างออกไป จนตกไปที่แอ่งน้ำสีดำคล้ำเจ้าของตุ๊กตากรีดร้องเสียงหลง ทำให้เด็กและผู้ใหญ่แตกตื่น วิ่งกรูกันมาดูด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น‘เกิดอะไรขึ้นหนูนลิน’ เจ้าของสถานที่เอ่ยถามเสียงรนเด็กหญิงน้ำตาเอ่อเรื่อบอกเสียงสั่น ‘ตุ๊กตาค่ะ ตุ๊กตาหนูค่ะ’ แล้วชี้ไปยังหลุมน้ำสีคล้ำ ทุกคนหันมองแล้วก็ต้องตกใจอิงฟ้าหน้าถอดสี รีบเดินไปหยิบมาให้ ในขณะที่ตุ๊กตาตัวสวยสกปรกไม่เหลือเค้าเดิม‘ตุ๊กตาหนู สกปรกหมดแล้ว...ฮือ แล้วนลินจะเล่นยังไงล่ะคะ...’ เด็กหญิงนลินร้องไห้สะอื้น นายแพทย์เกรียงจึงเดินเข้ามาโอบไหล่ลูกสาวคนเดียวของเขาแล้วพูดขึ้น‘ไม่เป็นไร เดี๋ยวพ่อซื้อให้ใหม่นะ’‘เขาคนทำ ทำไมพ่อต้องซื้อ ให้เขาสิต้องซื้อให้’ แล้วชี้ไปยังเด็กหญิงรุ่นเดียวกันโดยที่ไม่มีสีหน้าสลดแม้แต่น้อยกลับกันเด็กหญิงถิงถิงกำหมัด กัดริมฝีปากแน่น เธอไม
หลังจากที่ลงจากรถคันหรู เหม่ยหลินก็หันมามองถิงถิงสาวร่างบางที่สูงแค่ร้อยหกสิบ ในชุดผ้าพริ้วลายดอกที่ขับให้ร่างบางสวยสะดุดตา โดยกระโปรงที่สั้นขึ้นไปเหนือเข้าโชว์เรียวขาขาวจนเห็นเส้นเลือด “เดินเล่นอยู่นั่นแหละ” เหม่ยหลินอดไม่ได้ที่ต้องทักไปเมื่ออีกฝ่ายเดินอ้อยอิ่งอยู่กลางแจ้ง จนกลัวว่าแดดเมืองไทยจะทำร้ายผิวบอบบางของเธอ จนอยากหาผ้ามาปิด คนโดนทักจิกตาใส่ แล้วเปลี่ยนใจหันกลับมาเดินผ่านเธอไป “กินอะไรก่อนไหม” เหม่ยหลินถามในขณะที่อีกคนก้าวฉับ ๆ ไปก่อนแล้ว “กาแฟ ที่ห้องคุณกับขนมปังกรอบหรือบราวนี่สักชิ้นดีกว่าค่ะ”เหม่ยหลินหยุดมอง พร้อมกับยิ้มเอ็นดูกับคำตอบ“อ้าวไหนบอกว่ารีบ”ถิงถิงหันกลับมา แล้วเห็นว่าคนเร่งยังยืนนิ่งอยู่“ก็เนี่ยไง” เหม่ยหลินตอบแล้วรีบก้าวตามมาถิงถิงแอบยิ้มแล้วเดินนำไปก่อน ซึ่งตั้งแต่มาอยู่ไทย นิสัยคุณหนูที่ใช้ในแต่ล่ะวันหายไป เมื่อเหม่ยหลินกินง่ายอยู่ง่ายเธอเองก็ทำได้เช่นกัน เธอเรียนรู้การใช้ชีวิตของเหม่ยหลิน ผู้หญิงที่หลายคนมองแค่เผด็จการ เขาถึงอยาก จิตใจโหดร้าย หากถึงตอนนี้มันไม่ใช่ เพราะสถานการณ์มันบีบให้เราต้องเอาตัวรอด อ่อนแอก็แพ
เหม่ยหลินออกมาจากห้องทำงานก็พบว่าถิงถิงยังคุยอยู่กับเลขาแคท จึงยืนมองทั้งคู่อยู่ห่าง ๆ จนกระทั่งทั้งคู่ผันมาเห็นจึงเลิกคุยกัน“คุณถิงถิงใช้แรงงานคุณแคทเกินเวลาหรือเปล่า”“อุ้ย! ไม่เลยค่ะ คุณเหม่ยหลิน คุณถิงถิงน่ารัก” หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยชื่นชมจากใจ คนถูกชมหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้ผู้บริหารที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก แล้วพูดขึ้น“เนี่ย ได้พี่เลี้ยงเก่งขนาดนี้ ถิงถิงว่าจะพาไปเลี้ยงอะไรเย็น ๆ สักหน่อย”เลขาแคทผู้ยังครองตัวเป็นโสดตาลุกวาวด้วยความดีใจ แต่พอนึกขึ้นได้ก็รีบบอก “มะ ไม่เป็นไรค่ะ... ”“ไม่เป็นไรไม่ได้...” มองหน้าเลขาแคทบอกเป็นนัย ว่าห้ามปฏิเสธ เลขาแคทหน้ามุ่ยกึ่งกล้า ๆ กลัว ๆ ทั้งเกรงใจและรู้สึกประหม่าเมื่อต้องอยู่ใกล้หยางเหม่ยหลิน ทั้งที่เธอก็อยู่นิ่ง ๆ ของเธอ ผิดกับอีกคน ที่คุยหัวเราะได้ โดยไม่รู้สึกเกร็งแต่อย่างใด“ถือว่าเป็นการขอบคุณที่เราทำงานเข้ากันได้ดี...นะ นะ” ทำสายตาเว้าวอน “หากไม่ไปถือว่าคุณแคทไม่ชอบถิงถิง”“อุ้ย! ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ”ในขณะที่เหม่ยหลินยกมือกอดอกรอฟังคนทั้งคู่ตกลงกัน“งั้นต้องไป ปะเก็บของ” แล้วเดินไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะแทนเจ้าของ เลขาแคทรีบวิ่งไปคว้า “ปะไปก
หลังจากที่นั่งดื่มไปได้ไม่นานผู้คนเริ่มหนาตา ถิงถิงจึงเรียกถามบริกรที่เดินผ่านมาพอดี“ปกติที่นี่คนเยอะแบบนี้ทุกคืนหรือเปล่าคะ” “ก็ไม่แบบนี้ทุกวันหรอกครับ แต่พอดีว่าคืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ มีกิจกรรมพิเศษ เป็นคืนรวมตัวนายแบบนางแบบ มาพบปะกันนะครับ...” แล้วบริกรหนุ่มก็มองถิงถิงกับเหม่ยหลิน ตั้งแต่หัวจรดเท้า “ขอโทษนะครับ ผมนึกว่าคุณลูกค้าทั้งสองจะเป็นดารานางแบบเสียอีกนะครับเนี่ย”“อ่อ ไม่ใช่ค่ะ”“อ้อครับ... ขอให้สนุกกับค่ำคืนนี้นะครับ” บริกรโค้งคำนับอย่างสุภาพนอบน้อมแล้วเดินไปทำงานต่อค่ำคืนที่เต็มไปด้วยบรรดาอาหารตา ถิงถิงแอบมองเหม่ยหลินเป็นระยะ หากแต่ไม่พบความผิดปกติ เธอนั่งจิบน้ำสีอำพัน ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง...จนกระทั่งมีหนุ่มหล่อเดินตรงเข้ามาสายตามุ่งหวังมองตรงมายังถิงถิง ในขณะที่หนานซิงกำลังขยับพร้อมรับมือ แต่เหม่ยหลินส่งสัญญาณไว้ เขาจึงยืนนิ่งอยู่กับที่ แต่เตรียมพร้อมเสมอ จากนั้นหนุ่มหล่อหุ่นสูงล่ำ อย่างคนดูแลรูปร่างเป็นอย่างดี เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า พร้อมยิ้มโปรยเสน่ห์ ถิงถิงยิ้มรับด้วยมารยาทเพราะในขณะที่อีกฝ่ายเดินมาถึง เหม่ยหลินยกแขนขึ้นหวาดไปโอบไหล่ของถิงถิงไว้ แล้วดึงมาหาจ
สองชั่วโมงผ่านไป...คนที่เคยปากแจ๋ว ตอนนี้เริ่มพูดลิ้นพัน เหม่ยหลินจัดการเรียกบริกร จากนั้นก็พากันออกจากร้าน“เดินดี ๆ” เหม่ยหลินร้องทักพร้อมกับคว้าหมับไปที่เอวคอด แล้วดึงมาประชิดตัวอย่างง่ายดาย เมื่อคนเมาไม่ดูสภาพตัวเองเดินปรี่ออกไปแบบไม่รอกัน ในขณะที่หนานซิงเดินขนาบเตรียมพร้อมเสมอหากทั้งคู่พลาด แต่เหม่ยหลินไม่ปล่อยให้มาถึงเขา...ใบหน้าสีเรื่อเพราะแอลกอฮอล์เกินลิมิต ดวงตาไหวระริกฉ่ำเยิ้มแฝงด้วยความซุกซนช้อนมอง แล้วฉีกยิ้มพราวน่ารัก!แม้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เป็นตัวของตัวเองเต็มร้อย แต่เหม่ยหลินจัดเก็บความรู้สึกไว้ไม่ได้ เลยต้องผันหน้าหนีแต่ใครจะคิดว่าคนที่ร่างกายเดินสูง ๆ ต่ำ ๆ แต่ความรู้สึกนึกยังเหมือนเดิมรังเกียจกันใช่ไหม... ถิงถิงคิดอย่างน้อยใจโดยที่เหม่ยหลินไม่คาดคิดหรือเฝ้าระวัง ถิงถิงตัดสินใจรวบรวมแรงที่มีอยู่น้อยนิดผลักดันตัวเองออกจากอ้อมแขนที่โอบอยู่ ซึ่งในจังหวะนั้นเหม่ยหลินไม่ทันระวัง ทำให้ร่างบางกระเด็น ออกไปอย่างง่ายดาย หากดีที่หนานซิงคว้าไว้ได้แล้วตวัดขึ้นแขนแกร่งไว้ด้วยสัญชาตญาณของผู้ดูแลและผู้ปกป้องนายจ้างให้ปลอดภัย“ขอโทษนะครับ...” ด้วยความที่ไม่รู้จะทำไงก็เพียงกล่าวคำขอ