...แม้จะไม่ได้เจอกันหลายปี เช่นเดียวกับถิงถิง ที่ต่างคนต่างไม่ลืม แต่ก็ไม่อยากพูดถึง
“นั่นแหละ เหม่ยจูจะไปรอเธออยู่ที่นั่น และจะกลับมาพร้อมกันในวันที่เธอหายเป็นปกติ หรือหากเป็นไปได้ ฉันจะขึ้นไปรับเธอกลับมาด้วยตัวเอง”
“จะ จริงหรือคะ...”
“ไม่สัญญา แต่ให้ถึงตอนนั้น จะพยายามทำตัวให้ว่าง”
แม้ไม่ใช่คำสัญญาชัดเจน แต่นลินรู้ว่าคนอย่างหยางเหม่ยหลินรักษาคำพูดแค่ไหน
“ก็ได้ค่ะ นลินจะไป และจะไม่ดื้อไม่ซน เพื่อจะกลับมารับใช้คุณหยกนะคะ” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังกล่าวอย่างดีใจ
ส่วนคนข้าง ๆ ประหนึ่งรับบทนางร้าย ที่ต้องทนยืนดูพระนางเขาจีบกัน!
หลังจากจัดการส่งตัวนลินขึ้นเครื่องบินเจ็ตไปแล้ว เหม่ยหลินก็สั่งให้ลูกน้องนำตัวของถิงถิงกลับไปยังห้องพักที่จัดเตรียมไว้ก่อนหน้านั้น ส่วนเธอมีธุระต้องสั่งการกับลูกน้อง เมื่อเห็นว่ามีสายไม่ได้รับแจ้งเตือนอยู่บนหน้าจอ ก่อนจะโทร.กลับไปหาเบอร์นั้นทันที ในระหว่างที่รอสายก็หันไปสั่งกับบอดี้การ์ด
“พาคุณหนูถิงถิงกลับไปห้อง อีกครึ่งชั่วโมงออกมาเจอกัน...”
เหม่ยหลินหันไปสั่งคนของหนานซิง หากแต่คนที่กำลังถูกแยกชักสีหน้า และไม่มีจังหวะพูดแทรก เมื่อเหม่ยหลินหันไปคุยกับลูกน้องคนสนิทต่อ “ส่วนนายตามฉันไปที่ห้อง” หันไปบอกหนานซิง ที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่แล้ว
“ครับ”
“ดะเดี๋ยว...” ถิงถิงได้จังหวะก็เรียกไว้
เหม่ยหลินคิ้วขมวดหันมองหน้างาม ที่ตอนนี้ยังไม่มีร่องรอยความเหนื่อยล้า ซึ่งผิดกับเธอเหนื่อยจนอยากทิ้งร่างไปบนเตียงแหละหลับไปจนถึงเช้า แต่ก็นั่นแหละมันทำไม่ได้อย่างที่ต้องการ และเป็นจังหวะเดียวกับที่ปลายสายส่งเสียงผ่านสายเข้ามา ทำให้ ถิงถิงหงุดหงิดกว่าเดิม
“ว่าไง...หายหน้าหายตาไปเลยนะ...ได้ ได้สิ... มีอะไรบอกพี่มาได้เลย... ไม่รบกวนหรอก... โอเคไว้ว่างนัดเจอกันสักครั้ง...โอเคเดี๋ยวพี่จัดการส่งคนของพี่ไป” พูดจบก็วางสายแล้วหันมาคุยต่อกับ ถิงถิง
ซึ่งในขณะที่ถิงถิงหายใจเอาสิ่งร้อน ๆ ออกจากตัว และแดกดันอีกฝ่ายอยู่ในใจ เถอะ! มีอะไรก็บอกพี่... ไปมีพี่น้องไว้ตรงไหนอีกล่ะ
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวจะพาออกไปหาอะไรกิน อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันหน้าห้อง” เหม่ยหลินกำชับใหม่
“ฮึ...” ถิงถิงทำเสียงขึ้นจมูก
“ห้องพี่ก็อยู่ตรงกันข้ามนี่แหละ มีอะไรอีกหรือเปล่า...”
“ไม่มีก็ได้ค่ะ...นำไปสิ!” คนหน้าหงิก หันไปสั่งบอดี้การ์ด เสียงห้วน
เหม่ยหลินส่ายหน้า แล้วยืนรอให้คนหน้างอปากเป็นจวักเดินเข้าห้อง แต่ไม่วายก็ยังโดนเธอหันมาจิกตาใส่ทิ้งท้ายก่อนจะมีเสียงปิดประตูดังปัง จนบอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่ยืนเฝ้าหน้าประตูสะดุ้งหน้าเจื่อน
เหม่ยหลินกระตุกยิ้ม ไม่รู้ว่าจะรู้สึกแบบไหนดีกว่ากัน ระหว่างหมั่นเขี้ยวกับเอ็นดูผู้หญิงอายุยี่สิบสี่ที่โตแต่ตัว แล้วเดินไปยังห้องพักของตัวเอง โดยมีหนานซิงเดินตามมาติด ๆ
“มีอะไรหรือครับ” หนานซิงถามหลังจากที่เดินเข้ามาในห้องพักเพียงสองคน
“มีเรื่องให้นายทำ แต่ต้องเป็นความลับนะ...”
“ได้ครับ”
“อยากให้นายไปส่งเองกับมือ... นี่ที่อยู่” แล้วยื่นมือถือให้ดู
“ได้ครับ ผมจะรีบไปรีบกลับมา”
“แล้วเรื่องคุณเกรียงล่ะ ได้ข่าวบ้างหรือยัง”
“ยังครับ เพราะคนของผมเฝ้าอยู่หน้าบ้าน ตลอด 24 ชั่วโมง ยังไม่เห็นคุณเกรียงเข้าออกในบ้านเลยครับ เหมือนไม่มีคนอยู่ในบ้านมากกว่าครับ”
“งั้นส่งคนเข้าไปดู มันแปลกเกินไป ที่คนในบ้านจะไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย ...บอกคนพวกนั้นไปนะ ว่าหากมีอะไรฉันรับผิดชอบเอง”
“งั้นผมจะให้พวกนั้นรีบจัดการเลยครับ”
“อืม...” เธอรับคำเบา ๆ จากนั้นหนานซิงก็ออกจากห้องไป เหม่ยหลินจึงจัดการเรื่องส่วนตัวของตัวเองต่อโดยไม่รอช้า...
ในการแต่งตัวเหม่ยหลินเป็นคนที่ไม่ชอบแต่งหน้าทาปากจนกลบหน้าจริง แต่ก็ยังมีความเป็นผู้หญิงที่รักสวยรักงามทั่วไปโดยการแต่งหน้าบาง ๆ และใช้ลิปสติกสีอ่อนมันวาวเพื่อขับใบหน้าให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น...
หลังจากดูตัวเองในกระจกเงาจนมั่นใจว่าเรียบร้อยดีแล้ว เหม่ยหลินจึงเดินออกจากห้องบอดี้การ์ดเมื่อเห็นเหม่ยหลินก็ก้มศีรษะให้เธออย่างนอบน้อม แม้เหม่ยหลินจะเป็นผู้หญิงแต่ทุกคนให้ความเคารพเธอทั้งต่อหน้าและลับหลัง ระหว่างนั้นต่างก็ยืนรอคนในห้องอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไป เหม่ยหลินยกนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือขึ้นดู แล้วทิ้งแขนลง ต่อเวลาให้คนในห้องอีกนิด...สิบนาทีผ่านไป คนด้านในยังไม่ออกมา เหม่ยหลินจึงตัดสินใจเคาะประตู แต่ยังไม่มีเสียงตอบรับ เหม่ยหลินจึงยื่นมือไปจับลูกบิดแล้วหมุน พบว่าประตูล็อคอยู่ เธอหันไปมองหน้าบอดี้การ์ด ไม่กี่อึดใจคีย์การ์ดสำรองก็ถูกนำมาใช้เหม่ยหลินตัดสินใจเดินเข้าไปดูในห้องด้วยตนเอง และพบว่าถิงถิงยังอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาว กึ่งนั่งกึ่งนอน โดยนั่งเล่นมือถืออยู่บนเตียงสีหน้าไม่หือไม่อือ ทั้งที่เห็นว่าเหม่ยหลินเข้ามารอถึงในห้องแล้วก็ตามเหม่ยหลินรู้ตัวว่ากำลังโดนคุณหนูถิงถิงกวนประสาท และตอนนี้ก็เริ่มหมดความอดทน อยากจับเด็กดื้อมาตีก้น... จึงคิดแผนบางอย่างขึ้น“ทำไมยังไม่แต่งตัว หรือลืมเรื่องที่พี่สั่ง ว่าจะพาไปกินข้าว”ถิงถิงชายตามองเพียงนิด แล้วนั่งเลื่อนมือถือต่อ“ห
“ออกไปเลย”เหม่ยหลินหันกลับมา ส่ายหน้าเหนื่อยหน่ายในความรั้น ...ยังมีความเอาแต่ใจ ทั้งที่ทำตัวเองทั้งนั้น“คิดว่า พี่ควรฟังเธอหรือ” ครานี้น้ำเสียงของเหม่ยหลินฟังดูกดดันคู่สนทนา ซึ่งถิงถิงรับรู้ได้ “สั่งมากินบนห้องก็ได้...” ทั้งโกรธทั้งอาย แต่ก็ยอมอ่อนลง“ไม่ รีบแต่งตัวให้เสร็จ ภายในสิบนาที” ครานี้เหม่ยหลินไม่ยอมลงให้ถิงถิงตาลุกวาว อ้าปากจะเถียง แต่เห็นสายตาจริงจังที่ยังไม่ละไปจากใบหน้าของเธอ ก็ได้แต่ย้อนอยู่ในใจมีที่ไหนแต่งตัวสิบนาที... “หันหลังไปสิ”“ห้านาที...”“หา? บ้าไปแล้ว”ถิงถิง ผรุสวาทออกมาอย่างเหลืออด โดยรีบหันไปเลือกเสื้อผ้าที่คิดว่าไม่เป็นทางการที่สุดในกระเป๋าในขณะที่คนกำหนดเวลาให้กระชั้นชิดอมยิ้ม เฝ้าตามมองการกระทำของคนเอาแต่ใจตาเป็นประกายพอใจ... สุดท้ายเวลา10 นาที ก็ไม่พอกับการแต่งตัวของถิงถิง แต่เหม่ยหลินก็นั่งคอยอย่างใจเย็น นั้นเพราะแค่หล่อนไม่แผงฤทธิ์ใส่ ทั้งวันเธอก็นั่งรอได้... เจ้าของรูปร่างผอมบางหากมีส่วนเว้าส่วนโค้งเด่นสะดุดตา ยิ่งสวมใส่เสื้อยืดคอวีสีขาวพอดีตัวกับกางเกงยีนส์ขาเดฟสีเข้มเอวสูงขับให้รูปร่างของถิงถิงดูสูงเพรียวบางทะมัดทะแมงน่า
เวลาผ่านไป ทั้งคู่กินข้าวอิ่ม มือถือของเหม่ยหลินก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดูและเห็นว่าเป็นชื่อของใครจึงกดรับ แล้วลุกขึ้นเพื่อแยกออกไป“อืม... ชอบไหม...ไม่เป็นไร ว่างก็มาหาที่โรงแรมได้นะ...ก็เอามาด้วยเลยสิ...”ในขณะที่เหม่ยหลินพูดสาย ก็คุยไปยิ้มไป ซึ่งมันเป็นรอยยิ้มที่ไร้การปรุงแต่ง โดยเจ้าตัวไม่รู้ว่าหรอก ว่าเป็นการทำร้ายหัวใจของใครหลายคนที่เผอิญผันไปเห็นแบบไม่รู้ตัว... กระนั้นรอยยิ้มเช่นนี้ไม่เคยมีใครได้เห็นจากผู้หญิงอย่างหยางเหม่ยหลินมานานแล้วแล้วใครล่ะที่ทำให้เธอยิ้มได้... คนถูกทิ้งให้นั่งเฝ้าโต๊ะนั่งหน้าบอกบุญไม่รับ “จะไปไหนครับคุณถิงถิง”“ไปห้องน้ำ! จะไปด้วยไหมล่ะ”“ครับ”“หะ? ไม่ต้อง!”“ไม่ได้ครับ”“โอ้ย! เฝ้าคนของพวกนายเถอะ”แล้วเดินหน้าบึ้งออกไป บอดี้การ์ดที่รู้หน้าที่ดี รีบเดินตามหลัง แต่เธอหันกลับมา แล้วชี้หน้าคาดโทษ ชายทั้งสองก้มหน้ามองพื้น แต่พอเห็นว่าถิงถิงเดินไม่มองหลัง ก็รีบสาวเท้าเดินตามเหม่ยหลินที่คุยสายแต่สายตาของเธอก็มองดูถิงถิงเป็นระยะ เพียงเธอละสายตาไปไม่กี่นาทีอีกคนก็หาย หลังจากคุยสายเสร็จก็รีบเดินกลับมายังโต๊ะบอดี้การ์ดที่เหลืออยู่ก้มหน้ารายงาน “คุณถิงถิงไปห้องน
ไนต์คลับชั้นใต้ดินของโรงแรมหยางหลง หลังจากทำให้ตัวกลมกลืนกับกลุ่มนักท่องเที่ยว จนออกมาได้ ถิงถิงก็มาหยุดอยู่ที่ในผับชั้นใต้ดินของโรงแรมเธอเลือกนั่งเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ แล้วสั่ง“ขอKamikazeแก้วนึงค่ะ”(กามิกาเซ่)เธอเลือกเป็นค็อกเทลที่มีสีสัน โดยเฉพาะสีฟ้าแบบเทอร์คอยซ์ รสชาติเปรี้ยวหวานกำลังดี โดยมีส่วนผสมหลักเป็นวอดก้า น้ำมะนาว เหล้าจะออกหวานจากผิวส้ม...แม้ไม่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ค่ำคืนนี้เธออยากข้ามความรู้สึกนั้นอีกสักครั้ง และรสชาติที่ดูถูกปากทำเธอกระดกทีเดียวหมดแก้ว แล้วดันแก้วกลับไปให้บาร์เทนเดอร์“อีกแก้ว”พนักงานหรี่ตามอง เหมือนไม่อยากเชื่อ แต่สาวสวยหน้าหวานละมุนยิ้มตาเป็นประกาย ฉันรออยู่นะ!กามิกาเซ่แก้วใหม่จึงถูกวางไว้ตรงหน้า ถิงถิงยิ้มกว้าง จับก้านแก้วขึ้นมาจิบต่อเบา ๆ จากนั้นเธอก็กระดกรอบเดียวหมดอีกแก้ว ครานี้พนักบาร์เทนเดอร์ที่มองอยู่ก่อนแล้วตะลึงค้าง ไม่คิดว่าสาวสวยหน้าตาสะสวยจะดื่มเหมือนประชดคนทำ“ไม่กลัวเมาหรือครับ”ถึงจะเป็นรสชาติที่ผู้หญิงส่วนมากเลือกกิน หากบางคนคออ่อนก็ทำให้เดินเซได้เหมือนกัน“เมาเหรอ... ไม่หรอก” ประกายตาหวานฉ่ำพอ ๆ กับคำพูดตอบกลับ“
“ว่าไง อยากให้ส่งกลับฮ่องกงไหม” น้ำเสียงเด็ดขาดจริงจังจนถิงถิงหวาดผวา“ไม่ ไม่กลับฮ่องกง แต่หากคุณไม่ให้อยู่ที่นี่ ถิงถิงก็จะไปอยู่ที่อื่น”“ฝันไปเถอะ” เสียงแหลมกระชาก สายตาคาดโทษยังไม่ทันได้ตั้งตัว ข้อมือเรียวของถิงถิงก็ถูกกระชากลากออกไปจากสถานที่ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นฉุนกึก หากแต่ผู้คนต่างชื่นชอบกลิ่นพวกนี้...“ปล่อย ไม่ต้องมาจับ...” เธอสะบัดข้อมือและบิดไปมา แต่เหม่ยหลินไม่ยอม ซ้ำยังกดไว้แน่น “เจ็บนะ” เสียงเริ่มสั่น และไม่พอใจอย่างหนัก “เจ็บก็อยู่นิ่ง ๆ” เสียงกดต่ำและบังคับไปในตัว “พ่อกับแม่ไม่เคยทำแบบนี้นะ” เธอยังฝืนตัว “นี่พี่... อยากสมัครใจมาอยู่ ก็อย่าทำตัวมีปัญหา”คำพูดเด็ดขาด ที่เหม่ยหลินเลือกใช้ เพื่อไม่ให้เกิดเป็นปัญหาใหญ่ในวันข้างหน้า ในขณะเดียวกันคนถูกย้อนอย่างคุณหนูถิงถิงถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ...ใช่เธอสมัครใจและมาแบบไม่อยากเจอหน้าพ่อหรือใคร ๆเธอยอมรับ ในขณะที่ยังทำตัวสโลว์ไลฟ์ไปวัน ๆ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นพ่อในเชิงวางแผน เธอตัดสินใจบินมาเมืองไทยทันที ซึ่งคำพูดนั้นยังก้องอยู่ในหัวเป็นระยะ‘คุณจะว่าไงหากผมจะให้ถิงถิงหมั้นกับลูกชา
เวลาผ่านไป เหม่ยหลินออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อคลุมสีขาวเมื่อเธอมองไปบนเตียง ก็พบว่าถิงถิงได้หลับไปแล้ว เธอจึงจัดการเรื่องของเธอไปเรื่อย จนกระทั่งคนบนเตียงขยับตัวแล้วบ่นพึมพำเหมือนพูดอะไรบางอย่างออกมา ด้วยความอยากรู้ เหม่ยหลินจึงเดินไปย่อตัวลงนั่งตรงขอบเตียง แล้วโน้มตัวลงไปหา เอียงหูฟังเหม่ยหลินชะงักค้าง หน้าถอดสี ตากลมไหวระริก มองใบหน้าหวานละมุนที่หลับตาพริ้ม ก่อนจะใช้นิ้วชี้ปัดปอยผมที่ปรกอยู่บนใบหน้านั้นออกอย่างเบามือ จากนั้นก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าอกที่โผล่อยู่อย่างนึกเอ็นดูเด็กดื้อ... เธอบ่นให้คนหลับ ตัดสินใจแทรกตัวไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ในขณะที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ ทั้งที่ให้เวลาตัวเองมาแล้ว แต่ร่างกายกลับแสดงอาการออกมาอีกหลับเถอะหยางเหม่ยหลิน เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว... เฝ้าปลอบย้ำกับตัวเอง โดยมือจับหน้าอกข้างซ้ายไว้ แล้วฝืนเปลือกตาให้ปิดลง จากนั้นก็บังคับลมหายใจให้เข้าออกเป็นจังหวะ เพราะไม่เช่นนั้นเธอกลัวมันดังแข่งกับลมหายใจร้อน ๆ ที่ถูกพ่นออกมา ไปรบกวนคนหลับข้าง ๆ ไม่นานเธอก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลียตามอีกคนไป8.20น.เหม่ยหลินสะดุ้งตื่น เมื่อมีบางอย่างฟาดลงมาบนหน้าอกจนเจ็บจุก จาก
“คุณเหม่ยหลินคะ” เสียงเรียกดังผ่านออกมาจากห้องน้ำเหม่ยหลินหยุดชะงักแล้วมองไปยังประตูห้องน้ำที่ยังปิดสนิทอยู่“มีอะไรคะ” เธอจะโกนถามเข้าไป แล้วสังเกตว่าประตูห้องน้ำเปิดแง้มออกมาเล็กน้อย“ผ้าค่ะ... ผ้าขนหนู กับเสื้อคลุม ฉันไม่ได้เอาติดมือมา รบกวนคุณช่วยเอามาให้หน่อยได้ไหมคะ...”เสียงนั่นนุ่มระรื่นหูน่าฟัง จนเหม่ยหลินอดไม่ได้ที่จะยิ้มเอ็นดูให้กับเจ้าของเสียงที่ไม่กล้าโผล่หน้าออกมาเพื่อบอกจุดประสงค์“รอแปบ” แล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่พับไว้อย่างเป็นระเบียบออกมาจากชั้นวางเมื่อไปถึงหน้าประตูเหม่ยหลินเพียงเคาะเบา ๆ มือเรียวก็ยื่นออกมาอยากแกล้ง แต่เห็นนิ้วเรียว ๆ คว้าหาอยู่กลางอากาศก็แกล้งไม่ลง“รีบหน่อยนะ” เหม่ยหลินบอกไปเบา ๆ เมื่อผ้าขนหนูถูกดึงออกไปจากมือ ไม่นานคนในห้องน้ำก็เดินออกมา“มีอะไรด่วนหรือเปล่า หากมี คุณไปก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวจะตามไปทีหลัง”“ไม่ได้...”ไม่ได้เด็ดขาดมาขนาดนั้น ถิงถิงจึงเงียบและจัดการเรื่องของตัวเองต่อหนึ่งชั่วโมงต่อมาห้างหยางหลงทันทีที่ไปถึงหน้าห้างหยางหลง เหม่ยหลินก็พบกับหนานซิงและบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งยืนรออยู่ด้านหน้า จากนั้นก็พากันเดินไปยังห้องทำงานของเธอโดยมีถ
สีหน้าไม่สู้ดีของเหม่ยหลิน ทำให้ถิงถิงไม่กล้าตอแย โดยเธอรอจังหวะให้อีกฝ่ายพูดขึ้นก่อน เพื่อเดาทางว่าอยู่ในอารมณ์ไหน “ลงไปหาอะไรกินกันเถอะ”เหม่ยหลินเอ่ยชวน หลังจากที่เข้ามาในห้องได้ไม่ถึงห้านาทีถิงถิงคิ้วขมวดผูกปม มองหน้าเหม่ยหลิน“ทำไม ไม่หิวหรือ”“หิ หิว แต่...” ถิงถิงตอบเสียงติดขัด อยากบอกว่าเป็นห่วง จนกระเพาะอาหารไม่ทำงานไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป“หิวก็ต้องไปกินก่อน ป่ะลุกขึ้น” เธอเร่ง“ค่ะ” ถิงถิงรับเสียงแผ่วจากนั้นทั้งคู่ก็พากันเดินออกจากห้องเพื่อตรงไปยังร้านอาหารที่อยู่ชั้นล่างของห้าง โดยมีการ์ดเดินตามอยู่ห่าง ๆถิงถิงมองซ้ายมองขวาเหมือนไม่อยากเชื่อ ศูนย์อาหารที่มีคนเดินกันพลุกพล่าน ทุกสายตามองมาเป็นจุดเดียวกัน“มีอะไรหรือเปล่า” เหม่ยหลินถามเมื่อเห็นท่าทางของถิงถิงดูตื่นผิดปกติ“นั่งกินที่นี่หรือคะ” เธอถามเพื่อให้แน่ใจ เพราะคิดว่า แม้ไม่พาไปภัตตคารเหมือนเมื่อคืน ก็เป็นร้านอาหารที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่านี้“ใช่ ที่ที่คิดว่าคนพลุกพล่านวุ่นวาย บางครั้งก็เป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเรา อีกอย่างกลางวันแบบนี้ มีสายตาหลายคู่รอจับผิดให้เราอยู่”ถิงถิงอึ้งในคำตอบของเหม่ยหลินแล