เหม่ยหลินถอนหายใจ และพยายามเก็บอารมณ์เพราะตอนนี้เธอมีเรื่องให้หนักใจเยอะเกินพอ เลยไม่อยากผิดใจกับ ถิงถิงอีกคน
“ขอพักหน่อยเถอะ” เธอบอกแล้วทิ้งแผ่นหลังไปบนเก้าอี้หลับตาลง
“หากอยู่แล้วทำให้หนักใจเพิ่มงั้นไปก็ได้” แล้วสาวเท้าเตรียมเดินออกไป แต่ถูกรั้งไว้ด้วยคำถามเสียก่อน
“จะไปไหน”
“ไปให้พ้น ๆ ไง” ประชด
“อย่าทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาสิ”
ถิงถิงจิกตามองคนอายุมากกว่าด้วยสายตาตัดพ้อ ใช่เธอเป็นเด็กมีปัญหามาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วนี่...
สีหน้าและน้ำเสียงของถิงถิง หากเหม่ยหลินไม่คิดเข้าข้างตัวเอง เธอคิดว่านั้นเป็นประโยคที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกน้อยใจซึ่งเธอไม่เคยเห็นมุมนี้ของถิงถิง หรือเพราะถิงถิงไม่เคยอยู่ในสายตามาก่อนกันแน่!
เหม่ยหลินเริ่มสับสน กระนั้นเธอก็ไม่ปล่อยให้ความรับผิดชอบนี้ ต้องมาสร้างปัญหาให้เธอเพิ่ม...
ด้วยความอยากเอาชนะถิงถิงไม่ฟัง เธอเดินตรงไปยังประตูทางออก แต่เมื่อเปิดประตู สายตาสิบคู่พร้อมใจกันมองมาที่เธอเป็นตาเดียวกัน เธอจิกตามองกราด แต่กำแพงมนุษย์นั่น ไม่หวั่นไหวกับสีหน้าและอาการของเธอแม้แต่น้อย
“หลีก!” เธอสั่งเสียงห้วน ขัดหูขัดตามองหน้าใครก็เป็นหน้าของเหม่ยหลิน คนที่ปากบอกกับใคร ๆ ว่าไม่อยากเข้าใกล้ที่สุด แต่กลับไม่มีใครเชื่อ แม้แต่ผู้ให้กำเนิดทั้งสองของเธอ!
ชายทั้งห้าพร้อมใจกันก้มหน้ามองพื้น แต่เท้ากดแน่นไม่ขยับ
ถิงถิงกำหมัดง้างขึ้น อยากปาใส่หน้าคนพวกนั้นคนละทีสองที แต่ยังไม่ได้ขยับไปใกล้ ก็โดนขัดขึ้น
“คำสั่งอยู่ที่พี่ พี่ว่าเธอกลับมานั่งเถอะ เพราะถึงดื้อไป ก็รั้งแต่ให้คนพวกนั้นลำบากใจเปล่า ๆ ...”
ถิงถิงทิ้งหมัดลงข้างลำตัว นับ 1-10 ตวัดสายตากลับไปมองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ในท่านั่งไขว้ขา สองมือวางทับอยู่บนหน้าตัก สายตาแน่วแน่...
“พี่จะส่งนลินไปรักษา...” ‘เพื่อจะจัดการเธอได้เต็มที่’ ประโยคหลังไม่ได้พูดดังให้ใครได้ยิน แม้แต่คนตรงหน้า...
“จะไปเฝ้าดูแลด้วยเลยไหมคะ” ถิงถิงย้อนถาม ในขณะที่เธอเดินไปกระแทกก้นลงนั่งบนเก้าอี้บุนวม
เหม่ยหลินหรี่ตามอง สายตาอ่อนใจ ไม่เข้าใจว่าถิงถิงกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ทำไมถึงคิดแต่จะประชดประชันกับเรื่องนลินไม่หยุด ทั้งที่อีกคนบาดเจ็บ หรือว่านี่เป็นนิสัยอีกอย่างที่เธอเพิ่งรู้...
หากเป็นคนอื่นแม้จะไม่ใช่คนที่รู้จัก แต่บังเอิญเห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บ ก็ต้องรู้สึกเห็นใจและสงสารไม่ใช่เหรอ...แต่นี่เล่นตั้งแง่ใส่...
เหม่ยหลินยกมือขึ้นกดไปที่กระบอกตาข้างหนึ่งอย่างคนคิดไม่ตกและพูดขึ้น
“หิวไหม เราออกไปหาอะไรกินกันเถอะ”
ถิงถิงแอบย่นจมูกใส่ เมื่อเข้าใจว่าเหม่ยหลินจงใจเปลี่ยนเรื่อง “ทิ้งได้เหรอ” แล้วมองไปยังเตียง ที่มีคนนอนหลับอยู่
“ไม่นาน... อีกอย่างเป็นการฆ่าเวลา รอข่าวคุณเกรียงด้วย”
ฆ่าเวลา...อ้อนี่ที่ชวนไป เพราะอยากฆ่าเวลา เถอะ!
“ถามหน่อยเถอะ คนเจ็บขนาดนี่จะรออะไรอีก”
“หากยังติดต่อคุณเกรียงไม่ได้จริง ๆ พี่ก็จะจัดการเรื่องนี้โดยไม่ต้องรออนุญาตจากใคร แต่นี่...”
แล้วมองไปที่คนหลับที่ตอนนี้ได้ทำแผลและได้รับการรักษาเบื้องต้นไป
“อำนาจเด็ดขาดอยู่ที่คุณไม่ใช่เหรอ แล้วดูท่าคุณต้องรับผิดชอบเขาทั้งชีวิตแล้วนี่ คุณเกรียงคงไม่สิทธิ์ตัดสินอะไรแล้วมั่ง”
คำพูดของถิงถิงทำให้เหม่ยหลินนึกได้ ...เธอไม่ควรรอคำใครอีก ในเมื่อต้องรับผิดชอบชีวิตที่เหลือของนลิน
“หยางซิง!” จากนั้นเธอก็ผลุนผลันลุกขึ้นเรียกหามือขวา ซึ่งหนานซิงก็เปิดประตูโผล่หน้าเข้ามาในทันทีเช่นกัน
“ครับคุณหนูใหญ่ ”
“เตรียมย้ายคุณนลินไปรักษาตัวที่แอลเอ”
หนานซิงชะงักเพียงนิด “ครับ”
นั่นเท่ากับว่าต้องใช้เครื่องบินเจ็ทส่วนตัว และไม่มีใครเข้าถึงตัวนลินได้อีก จนกว่าเธอจะหายเป็นปกติ และมีอะไรที่ดีกว่าเดิมแน่นอน...
ถิงถิงนั่งมองคนอื่นที่กำลังวุ่นวาย ประหนึ่งเธอเป็นอากาศ ที่ไม่มีใครมองเห็น...จนกระทั่งเธอลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และเดินไปหาเหม่ยหลิน ที่นั่งกล่อมนลินอยู่บนเตียง
“เธอควรรับไว้นะ” ถิงถิงเอ่ยขึ้น
แม้ไม่เห็นหน้าคนพูด แต่นลินผันหน้าหาต้นเสียงได้ทันทีแล้วตอบกลับไป “รักษาที่ไทยก็ได้ โรงฯบาลดี ๆ มีเยอะแยะค่ะ”
“แต่หากเป็นฉัน ฉันเชื่อมือหมอศัลกรรมที่นู่นนะ” ถิงถิงเสริมต่อ
“ใช่ เธอไม่ต้องกลัวว่าไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนนะนลิน...” เหม่ยหลินพูดขึ้นบ้าง
“มีใครจะอยู่เป็นเพื่อนนลินหรือคะ” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหม่าถามด้วยความอยากรู้
ซึ่งคำถามของนลินทำให้ถิงถิงเองก็อยากรู้ ...อาจจะทั้งอยากรู้และกลัวไปในคราเดียวกัน
“นลินยังจำเหม่ยจูได้ไหม”
คำพูดของเหม่ยหลิน ทำให้คนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ รู้สึกโล่ง แต่แอบเก็บอาการ...
“คุ คุณเหม่ยจูนะหรือคะ จำได้สิ... ก็เป็นน้องสาวคุณหยกนี่คะ...” คำตอบบอกว่าเธอยังจำได้ดี เหม่ยหลินก็โล่งใจ
“เธอเหมือนคุณหยกมากนะคะ ไม่ว่า... นิสัย และความสามารถ”
...แม้จะไม่ได้เจอกันหลายปี เช่นเดียวกับถิงถิง ที่ต่างคนต่างไม่ลืม แต่ก็ไม่อยากพูดถึง
...แม้จะไม่ได้เจอกันหลายปี เช่นเดียวกับถิงถิง ที่ต่างคนต่างไม่ลืม แต่ก็ไม่อยากพูดถึง“นั่นแหละ เหม่ยจูจะไปรอเธออยู่ที่นั่น และจะกลับมาพร้อมกันในวันที่เธอหายเป็นปกติ หรือหากเป็นไปได้ ฉันจะขึ้นไปรับเธอกลับมาด้วยตัวเอง”“จะ จริงหรือคะ...”“ไม่สัญญา แต่ให้ถึงตอนนั้น จะพยายามทำตัวให้ว่าง”แม้ไม่ใช่คำสัญญาชัดเจน แต่นลินรู้ว่าคนอย่างหยางเหม่ยหลินรักษาคำพูดแค่ไหน“ก็ได้ค่ะ นลินจะไป และจะไม่ดื้อไม่ซน เพื่อจะกลับมารับใช้คุณหยกนะคะ” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังกล่าวอย่างดีใจส่วนคนข้าง ๆ ประหนึ่งรับบทนางร้าย ที่ต้องทนยืนดูพระนางเขาจีบกัน!หลังจากจัดการส่งตัวนลินขึ้นเครื่องบินเจ็ตไปแล้ว เหม่ยหลินก็สั่งให้ลูกน้องนำตัวของถิงถิงกลับไปยังห้องพักที่จัดเตรียมไว้ก่อนหน้านั้น ส่วนเธอมีธุระต้องสั่งการกับลูกน้อง เมื่อเห็นว่ามีสายไม่ได้รับแจ้งเตือนอยู่บนหน้าจอ ก่อนจะโทร.กลับไปหาเบอร์นั้นทันที ในระหว่างที่รอสายก็หันไปสั่งกับบอดี้การ์ด“พาคุณหนูถิงถิงกลับไปห้อง อีกครึ่งชั่วโมงออกมาเจอกัน...”เหม่ยหลินหันไปสั่งคนของหนานซิง หากแต่คนที่กำลังถูกแยกชักสีหน้า และไม่มีจังหวะพูดแทรก เมื่อเหม่ยหลินหันไปคุยกับลูกน้องคนส
หลังจากดูตัวเองในกระจกเงาจนมั่นใจว่าเรียบร้อยดีแล้ว เหม่ยหลินจึงเดินออกจากห้องบอดี้การ์ดเมื่อเห็นเหม่ยหลินก็ก้มศีรษะให้เธออย่างนอบน้อม แม้เหม่ยหลินจะเป็นผู้หญิงแต่ทุกคนให้ความเคารพเธอทั้งต่อหน้าและลับหลัง ระหว่างนั้นต่างก็ยืนรอคนในห้องอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไป เหม่ยหลินยกนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือขึ้นดู แล้วทิ้งแขนลง ต่อเวลาให้คนในห้องอีกนิด...สิบนาทีผ่านไป คนด้านในยังไม่ออกมา เหม่ยหลินจึงตัดสินใจเคาะประตู แต่ยังไม่มีเสียงตอบรับ เหม่ยหลินจึงยื่นมือไปจับลูกบิดแล้วหมุน พบว่าประตูล็อคอยู่ เธอหันไปมองหน้าบอดี้การ์ด ไม่กี่อึดใจคีย์การ์ดสำรองก็ถูกนำมาใช้เหม่ยหลินตัดสินใจเดินเข้าไปดูในห้องด้วยตนเอง และพบว่าถิงถิงยังอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาว กึ่งนั่งกึ่งนอน โดยนั่งเล่นมือถืออยู่บนเตียงสีหน้าไม่หือไม่อือ ทั้งที่เห็นว่าเหม่ยหลินเข้ามารอถึงในห้องแล้วก็ตามเหม่ยหลินรู้ตัวว่ากำลังโดนคุณหนูถิงถิงกวนประสาท และตอนนี้ก็เริ่มหมดความอดทน อยากจับเด็กดื้อมาตีก้น... จึงคิดแผนบางอย่างขึ้น“ทำไมยังไม่แต่งตัว หรือลืมเรื่องที่พี่สั่ง ว่าจะพาไปกินข้าว”ถิงถิงชายตามองเพียงนิด แล้วนั่งเลื่อนมือถือต่อ“ห
“ออกไปเลย”เหม่ยหลินหันกลับมา ส่ายหน้าเหนื่อยหน่ายในความรั้น ...ยังมีความเอาแต่ใจ ทั้งที่ทำตัวเองทั้งนั้น“คิดว่า พี่ควรฟังเธอหรือ” ครานี้น้ำเสียงของเหม่ยหลินฟังดูกดดันคู่สนทนา ซึ่งถิงถิงรับรู้ได้ “สั่งมากินบนห้องก็ได้...” ทั้งโกรธทั้งอาย แต่ก็ยอมอ่อนลง“ไม่ รีบแต่งตัวให้เสร็จ ภายในสิบนาที” ครานี้เหม่ยหลินไม่ยอมลงให้ถิงถิงตาลุกวาว อ้าปากจะเถียง แต่เห็นสายตาจริงจังที่ยังไม่ละไปจากใบหน้าของเธอ ก็ได้แต่ย้อนอยู่ในใจมีที่ไหนแต่งตัวสิบนาที... “หันหลังไปสิ”“ห้านาที...”“หา? บ้าไปแล้ว”ถิงถิง ผรุสวาทออกมาอย่างเหลืออด โดยรีบหันไปเลือกเสื้อผ้าที่คิดว่าไม่เป็นทางการที่สุดในกระเป๋าในขณะที่คนกำหนดเวลาให้กระชั้นชิดอมยิ้ม เฝ้าตามมองการกระทำของคนเอาแต่ใจตาเป็นประกายพอใจ... สุดท้ายเวลา10 นาที ก็ไม่พอกับการแต่งตัวของถิงถิง แต่เหม่ยหลินก็นั่งคอยอย่างใจเย็น นั้นเพราะแค่หล่อนไม่แผงฤทธิ์ใส่ ทั้งวันเธอก็นั่งรอได้... เจ้าของรูปร่างผอมบางหากมีส่วนเว้าส่วนโค้งเด่นสะดุดตา ยิ่งสวมใส่เสื้อยืดคอวีสีขาวพอดีตัวกับกางเกงยีนส์ขาเดฟสีเข้มเอวสูงขับให้รูปร่างของถิงถิงดูสูงเพรียวบางทะมัดทะแมงน่า
เวลาผ่านไป ทั้งคู่กินข้าวอิ่ม มือถือของเหม่ยหลินก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดูและเห็นว่าเป็นชื่อของใครจึงกดรับ แล้วลุกขึ้นเพื่อแยกออกไป“อืม... ชอบไหม...ไม่เป็นไร ว่างก็มาหาที่โรงแรมได้นะ...ก็เอามาด้วยเลยสิ...”ในขณะที่เหม่ยหลินพูดสาย ก็คุยไปยิ้มไป ซึ่งมันเป็นรอยยิ้มที่ไร้การปรุงแต่ง โดยเจ้าตัวไม่รู้ว่าหรอก ว่าเป็นการทำร้ายหัวใจของใครหลายคนที่เผอิญผันไปเห็นแบบไม่รู้ตัว... กระนั้นรอยยิ้มเช่นนี้ไม่เคยมีใครได้เห็นจากผู้หญิงอย่างหยางเหม่ยหลินมานานแล้วแล้วใครล่ะที่ทำให้เธอยิ้มได้... คนถูกทิ้งให้นั่งเฝ้าโต๊ะนั่งหน้าบอกบุญไม่รับ “จะไปไหนครับคุณถิงถิง”“ไปห้องน้ำ! จะไปด้วยไหมล่ะ”“ครับ”“หะ? ไม่ต้อง!”“ไม่ได้ครับ”“โอ้ย! เฝ้าคนของพวกนายเถอะ”แล้วเดินหน้าบึ้งออกไป บอดี้การ์ดที่รู้หน้าที่ดี รีบเดินตามหลัง แต่เธอหันกลับมา แล้วชี้หน้าคาดโทษ ชายทั้งสองก้มหน้ามองพื้น แต่พอเห็นว่าถิงถิงเดินไม่มองหลัง ก็รีบสาวเท้าเดินตามเหม่ยหลินที่คุยสายแต่สายตาของเธอก็มองดูถิงถิงเป็นระยะ เพียงเธอละสายตาไปไม่กี่นาทีอีกคนก็หาย หลังจากคุยสายเสร็จก็รีบเดินกลับมายังโต๊ะบอดี้การ์ดที่เหลืออยู่ก้มหน้ารายงาน “คุณถิงถิงไปห้องน
ไนต์คลับชั้นใต้ดินของโรงแรมหยางหลง หลังจากทำให้ตัวกลมกลืนกับกลุ่มนักท่องเที่ยว จนออกมาได้ ถิงถิงก็มาหยุดอยู่ที่ในผับชั้นใต้ดินของโรงแรมเธอเลือกนั่งเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ แล้วสั่ง“ขอKamikazeแก้วนึงค่ะ”(กามิกาเซ่)เธอเลือกเป็นค็อกเทลที่มีสีสัน โดยเฉพาะสีฟ้าแบบเทอร์คอยซ์ รสชาติเปรี้ยวหวานกำลังดี โดยมีส่วนผสมหลักเป็นวอดก้า น้ำมะนาว เหล้าจะออกหวานจากผิวส้ม...แม้ไม่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ค่ำคืนนี้เธออยากข้ามความรู้สึกนั้นอีกสักครั้ง และรสชาติที่ดูถูกปากทำเธอกระดกทีเดียวหมดแก้ว แล้วดันแก้วกลับไปให้บาร์เทนเดอร์“อีกแก้ว”พนักงานหรี่ตามอง เหมือนไม่อยากเชื่อ แต่สาวสวยหน้าหวานละมุนยิ้มตาเป็นประกาย ฉันรออยู่นะ!กามิกาเซ่แก้วใหม่จึงถูกวางไว้ตรงหน้า ถิงถิงยิ้มกว้าง จับก้านแก้วขึ้นมาจิบต่อเบา ๆ จากนั้นเธอก็กระดกรอบเดียวหมดอีกแก้ว ครานี้พนักบาร์เทนเดอร์ที่มองอยู่ก่อนแล้วตะลึงค้าง ไม่คิดว่าสาวสวยหน้าตาสะสวยจะดื่มเหมือนประชดคนทำ“ไม่กลัวเมาหรือครับ”ถึงจะเป็นรสชาติที่ผู้หญิงส่วนมากเลือกกิน หากบางคนคออ่อนก็ทำให้เดินเซได้เหมือนกัน“เมาเหรอ... ไม่หรอก” ประกายตาหวานฉ่ำพอ ๆ กับคำพูดตอบกลับ“
“ว่าไง อยากให้ส่งกลับฮ่องกงไหม” น้ำเสียงเด็ดขาดจริงจังจนถิงถิงหวาดผวา“ไม่ ไม่กลับฮ่องกง แต่หากคุณไม่ให้อยู่ที่นี่ ถิงถิงก็จะไปอยู่ที่อื่น”“ฝันไปเถอะ” เสียงแหลมกระชาก สายตาคาดโทษยังไม่ทันได้ตั้งตัว ข้อมือเรียวของถิงถิงก็ถูกกระชากลากออกไปจากสถานที่ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นฉุนกึก หากแต่ผู้คนต่างชื่นชอบกลิ่นพวกนี้...“ปล่อย ไม่ต้องมาจับ...” เธอสะบัดข้อมือและบิดไปมา แต่เหม่ยหลินไม่ยอม ซ้ำยังกดไว้แน่น “เจ็บนะ” เสียงเริ่มสั่น และไม่พอใจอย่างหนัก “เจ็บก็อยู่นิ่ง ๆ” เสียงกดต่ำและบังคับไปในตัว “พ่อกับแม่ไม่เคยทำแบบนี้นะ” เธอยังฝืนตัว “นี่พี่... อยากสมัครใจมาอยู่ ก็อย่าทำตัวมีปัญหา”คำพูดเด็ดขาด ที่เหม่ยหลินเลือกใช้ เพื่อไม่ให้เกิดเป็นปัญหาใหญ่ในวันข้างหน้า ในขณะเดียวกันคนถูกย้อนอย่างคุณหนูถิงถิงถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ...ใช่เธอสมัครใจและมาแบบไม่อยากเจอหน้าพ่อหรือใคร ๆเธอยอมรับ ในขณะที่ยังทำตัวสโลว์ไลฟ์ไปวัน ๆ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นพ่อในเชิงวางแผน เธอตัดสินใจบินมาเมืองไทยทันที ซึ่งคำพูดนั้นยังก้องอยู่ในหัวเป็นระยะ‘คุณจะว่าไงหากผมจะให้ถิงถิงหมั้นกับลูกชา
เวลาผ่านไป เหม่ยหลินออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อคลุมสีขาวเมื่อเธอมองไปบนเตียง ก็พบว่าถิงถิงได้หลับไปแล้ว เธอจึงจัดการเรื่องของเธอไปเรื่อย จนกระทั่งคนบนเตียงขยับตัวแล้วบ่นพึมพำเหมือนพูดอะไรบางอย่างออกมา ด้วยความอยากรู้ เหม่ยหลินจึงเดินไปย่อตัวลงนั่งตรงขอบเตียง แล้วโน้มตัวลงไปหา เอียงหูฟังเหม่ยหลินชะงักค้าง หน้าถอดสี ตากลมไหวระริก มองใบหน้าหวานละมุนที่หลับตาพริ้ม ก่อนจะใช้นิ้วชี้ปัดปอยผมที่ปรกอยู่บนใบหน้านั้นออกอย่างเบามือ จากนั้นก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าอกที่โผล่อยู่อย่างนึกเอ็นดูเด็กดื้อ... เธอบ่นให้คนหลับ ตัดสินใจแทรกตัวไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ในขณะที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ ทั้งที่ให้เวลาตัวเองมาแล้ว แต่ร่างกายกลับแสดงอาการออกมาอีกหลับเถอะหยางเหม่ยหลิน เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว... เฝ้าปลอบย้ำกับตัวเอง โดยมือจับหน้าอกข้างซ้ายไว้ แล้วฝืนเปลือกตาให้ปิดลง จากนั้นก็บังคับลมหายใจให้เข้าออกเป็นจังหวะ เพราะไม่เช่นนั้นเธอกลัวมันดังแข่งกับลมหายใจร้อน ๆ ที่ถูกพ่นออกมา ไปรบกวนคนหลับข้าง ๆ ไม่นานเธอก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลียตามอีกคนไป8.20น.เหม่ยหลินสะดุ้งตื่น เมื่อมีบางอย่างฟาดลงมาบนหน้าอกจนเจ็บจุก จาก
“คุณเหม่ยหลินคะ” เสียงเรียกดังผ่านออกมาจากห้องน้ำเหม่ยหลินหยุดชะงักแล้วมองไปยังประตูห้องน้ำที่ยังปิดสนิทอยู่“มีอะไรคะ” เธอจะโกนถามเข้าไป แล้วสังเกตว่าประตูห้องน้ำเปิดแง้มออกมาเล็กน้อย“ผ้าค่ะ... ผ้าขนหนู กับเสื้อคลุม ฉันไม่ได้เอาติดมือมา รบกวนคุณช่วยเอามาให้หน่อยได้ไหมคะ...”เสียงนั่นนุ่มระรื่นหูน่าฟัง จนเหม่ยหลินอดไม่ได้ที่จะยิ้มเอ็นดูให้กับเจ้าของเสียงที่ไม่กล้าโผล่หน้าออกมาเพื่อบอกจุดประสงค์“รอแปบ” แล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่พับไว้อย่างเป็นระเบียบออกมาจากชั้นวางเมื่อไปถึงหน้าประตูเหม่ยหลินเพียงเคาะเบา ๆ มือเรียวก็ยื่นออกมาอยากแกล้ง แต่เห็นนิ้วเรียว ๆ คว้าหาอยู่กลางอากาศก็แกล้งไม่ลง“รีบหน่อยนะ” เหม่ยหลินบอกไปเบา ๆ เมื่อผ้าขนหนูถูกดึงออกไปจากมือ ไม่นานคนในห้องน้ำก็เดินออกมา“มีอะไรด่วนหรือเปล่า หากมี คุณไปก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวจะตามไปทีหลัง”“ไม่ได้...”ไม่ได้เด็ดขาดมาขนาดนั้น ถิงถิงจึงเงียบและจัดการเรื่องของตัวเองต่อหนึ่งชั่วโมงต่อมาห้างหยางหลงทันทีที่ไปถึงหน้าห้างหยางหลง เหม่ยหลินก็พบกับหนานซิงและบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งยืนรออยู่ด้านหน้า จากนั้นก็พากันเดินไปยังห้องทำงานของเธอโดยมีถ