“ออกไปเลย”เหม่ยหลินหันกลับมา ส่ายหน้าเหนื่อยหน่ายในความรั้น ...ยังมีความเอาแต่ใจ ทั้งที่ทำตัวเองทั้งนั้น“คิดว่า พี่ควรฟังเธอหรือ” ครานี้น้ำเสียงของเหม่ยหลินฟังดูกดดันคู่สนทนา ซึ่งถิงถิงรับรู้ได้ “สั่งมากินบนห้องก็ได้...” ทั้งโกรธทั้งอาย แต่ก็ยอมอ่อนลง“ไม่ รีบแต่งตัวให้เสร็จ ภายในสิบนาที” ครานี้เหม่ยหลินไม่ยอมลงให้ถิงถิงตาลุกวาว อ้าปากจะเถียง แต่เห็นสายตาจริงจังที่ยังไม่ละไปจากใบหน้าของเธอ ก็ได้แต่ย้อนอยู่ในใจมีที่ไหนแต่งตัวสิบนาที... “หันหลังไปสิ”“ห้านาที...”“หา? บ้าไปแล้ว”ถิงถิง ผรุสวาทออกมาอย่างเหลืออด โดยรีบหันไปเลือกเสื้อผ้าที่คิดว่าไม่เป็นทางการที่สุดในกระเป๋าในขณะที่คนกำหนดเวลาให้กระชั้นชิดอมยิ้ม เฝ้าตามมองการกระทำของคนเอาแต่ใจตาเป็นประกายพอใจ... สุดท้ายเวลา10 นาที ก็ไม่พอกับการแต่งตัวของถิงถิง แต่เหม่ยหลินก็นั่งคอยอย่างใจเย็น นั้นเพราะแค่หล่อนไม่แผงฤทธิ์ใส่ ทั้งวันเธอก็นั่งรอได้... เจ้าของรูปร่างผอมบางหากมีส่วนเว้าส่วนโค้งเด่นสะดุดตา ยิ่งสวมใส่เสื้อยืดคอวีสีขาวพอดีตัวกับกางเกงยีนส์ขาเดฟสีเข้มเอวสูงขับให้รูปร่างของถิงถิงดูสูงเพรียวบางทะมัดทะแมงน่า
เวลาผ่านไป ทั้งคู่กินข้าวอิ่ม มือถือของเหม่ยหลินก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดูและเห็นว่าเป็นชื่อของใครจึงกดรับ แล้วลุกขึ้นเพื่อแยกออกไป“อืม... ชอบไหม...ไม่เป็นไร ว่างก็มาหาที่โรงแรมได้นะ...ก็เอามาด้วยเลยสิ...”ในขณะที่เหม่ยหลินพูดสาย ก็คุยไปยิ้มไป ซึ่งมันเป็นรอยยิ้มที่ไร้การปรุงแต่ง โดยเจ้าตัวไม่รู้ว่าหรอก ว่าเป็นการทำร้ายหัวใจของใครหลายคนที่เผอิญผันไปเห็นแบบไม่รู้ตัว... กระนั้นรอยยิ้มเช่นนี้ไม่เคยมีใครได้เห็นจากผู้หญิงอย่างหยางเหม่ยหลินมานานแล้วแล้วใครล่ะที่ทำให้เธอยิ้มได้... คนถูกทิ้งให้นั่งเฝ้าโต๊ะนั่งหน้าบอกบุญไม่รับ “จะไปไหนครับคุณถิงถิง”“ไปห้องน้ำ! จะไปด้วยไหมล่ะ”“ครับ”“หะ? ไม่ต้อง!”“ไม่ได้ครับ”“โอ้ย! เฝ้าคนของพวกนายเถอะ”แล้วเดินหน้าบึ้งออกไป บอดี้การ์ดที่รู้หน้าที่ดี รีบเดินตามหลัง แต่เธอหันกลับมา แล้วชี้หน้าคาดโทษ ชายทั้งสองก้มหน้ามองพื้น แต่พอเห็นว่าถิงถิงเดินไม่มองหลัง ก็รีบสาวเท้าเดินตามเหม่ยหลินที่คุยสายแต่สายตาของเธอก็มองดูถิงถิงเป็นระยะ เพียงเธอละสายตาไปไม่กี่นาทีอีกคนก็หาย หลังจากคุยสายเสร็จก็รีบเดินกลับมายังโต๊ะบอดี้การ์ดที่เหลืออยู่ก้มหน้ารายงาน “คุณถิงถิงไปห้องน
ไนต์คลับชั้นใต้ดินของโรงแรมหยางหลง หลังจากทำให้ตัวกลมกลืนกับกลุ่มนักท่องเที่ยว จนออกมาได้ ถิงถิงก็มาหยุดอยู่ที่ในผับชั้นใต้ดินของโรงแรมเธอเลือกนั่งเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ แล้วสั่ง“ขอKamikazeแก้วนึงค่ะ”(กามิกาเซ่)เธอเลือกเป็นค็อกเทลที่มีสีสัน โดยเฉพาะสีฟ้าแบบเทอร์คอยซ์ รสชาติเปรี้ยวหวานกำลังดี โดยมีส่วนผสมหลักเป็นวอดก้า น้ำมะนาว เหล้าจะออกหวานจากผิวส้ม...แม้ไม่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ค่ำคืนนี้เธออยากข้ามความรู้สึกนั้นอีกสักครั้ง และรสชาติที่ดูถูกปากทำเธอกระดกทีเดียวหมดแก้ว แล้วดันแก้วกลับไปให้บาร์เทนเดอร์“อีกแก้ว”พนักงานหรี่ตามอง เหมือนไม่อยากเชื่อ แต่สาวสวยหน้าหวานละมุนยิ้มตาเป็นประกาย ฉันรออยู่นะ!กามิกาเซ่แก้วใหม่จึงถูกวางไว้ตรงหน้า ถิงถิงยิ้มกว้าง จับก้านแก้วขึ้นมาจิบต่อเบา ๆ จากนั้นเธอก็กระดกรอบเดียวหมดอีกแก้ว ครานี้พนักบาร์เทนเดอร์ที่มองอยู่ก่อนแล้วตะลึงค้าง ไม่คิดว่าสาวสวยหน้าตาสะสวยจะดื่มเหมือนประชดคนทำ“ไม่กลัวเมาหรือครับ”ถึงจะเป็นรสชาติที่ผู้หญิงส่วนมากเลือกกิน หากบางคนคออ่อนก็ทำให้เดินเซได้เหมือนกัน“เมาเหรอ... ไม่หรอก” ประกายตาหวานฉ่ำพอ ๆ กับคำพูดตอบกลับ“
“ว่าไง อยากให้ส่งกลับฮ่องกงไหม” น้ำเสียงเด็ดขาดจริงจังจนถิงถิงหวาดผวา“ไม่ ไม่กลับฮ่องกง แต่หากคุณไม่ให้อยู่ที่นี่ ถิงถิงก็จะไปอยู่ที่อื่น”“ฝันไปเถอะ” เสียงแหลมกระชาก สายตาคาดโทษยังไม่ทันได้ตั้งตัว ข้อมือเรียวของถิงถิงก็ถูกกระชากลากออกไปจากสถานที่ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นฉุนกึก หากแต่ผู้คนต่างชื่นชอบกลิ่นพวกนี้...“ปล่อย ไม่ต้องมาจับ...” เธอสะบัดข้อมือและบิดไปมา แต่เหม่ยหลินไม่ยอม ซ้ำยังกดไว้แน่น “เจ็บนะ” เสียงเริ่มสั่น และไม่พอใจอย่างหนัก “เจ็บก็อยู่นิ่ง ๆ” เสียงกดต่ำและบังคับไปในตัว “พ่อกับแม่ไม่เคยทำแบบนี้นะ” เธอยังฝืนตัว “นี่พี่... อยากสมัครใจมาอยู่ ก็อย่าทำตัวมีปัญหา”คำพูดเด็ดขาด ที่เหม่ยหลินเลือกใช้ เพื่อไม่ให้เกิดเป็นปัญหาใหญ่ในวันข้างหน้า ในขณะเดียวกันคนถูกย้อนอย่างคุณหนูถิงถิงถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ...ใช่เธอสมัครใจและมาแบบไม่อยากเจอหน้าพ่อหรือใคร ๆเธอยอมรับ ในขณะที่ยังทำตัวสโลว์ไลฟ์ไปวัน ๆ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นพ่อในเชิงวางแผน เธอตัดสินใจบินมาเมืองไทยทันที ซึ่งคำพูดนั้นยังก้องอยู่ในหัวเป็นระยะ‘คุณจะว่าไงหากผมจะให้ถิงถิงหมั้นกับลูกชา
เวลาผ่านไป เหม่ยหลินออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อคลุมสีขาวเมื่อเธอมองไปบนเตียง ก็พบว่าถิงถิงได้หลับไปแล้ว เธอจึงจัดการเรื่องของเธอไปเรื่อย จนกระทั่งคนบนเตียงขยับตัวแล้วบ่นพึมพำเหมือนพูดอะไรบางอย่างออกมา ด้วยความอยากรู้ เหม่ยหลินจึงเดินไปย่อตัวลงนั่งตรงขอบเตียง แล้วโน้มตัวลงไปหา เอียงหูฟังเหม่ยหลินชะงักค้าง หน้าถอดสี ตากลมไหวระริก มองใบหน้าหวานละมุนที่หลับตาพริ้ม ก่อนจะใช้นิ้วชี้ปัดปอยผมที่ปรกอยู่บนใบหน้านั้นออกอย่างเบามือ จากนั้นก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าอกที่โผล่อยู่อย่างนึกเอ็นดูเด็กดื้อ... เธอบ่นให้คนหลับ ตัดสินใจแทรกตัวไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ในขณะที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ ทั้งที่ให้เวลาตัวเองมาแล้ว แต่ร่างกายกลับแสดงอาการออกมาอีกหลับเถอะหยางเหม่ยหลิน เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว... เฝ้าปลอบย้ำกับตัวเอง โดยมือจับหน้าอกข้างซ้ายไว้ แล้วฝืนเปลือกตาให้ปิดลง จากนั้นก็บังคับลมหายใจให้เข้าออกเป็นจังหวะ เพราะไม่เช่นนั้นเธอกลัวมันดังแข่งกับลมหายใจร้อน ๆ ที่ถูกพ่นออกมา ไปรบกวนคนหลับข้าง ๆ ไม่นานเธอก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลียตามอีกคนไป8.20น.เหม่ยหลินสะดุ้งตื่น เมื่อมีบางอย่างฟาดลงมาบนหน้าอกจนเจ็บจุก จาก
“คุณเหม่ยหลินคะ” เสียงเรียกดังผ่านออกมาจากห้องน้ำเหม่ยหลินหยุดชะงักแล้วมองไปยังประตูห้องน้ำที่ยังปิดสนิทอยู่“มีอะไรคะ” เธอจะโกนถามเข้าไป แล้วสังเกตว่าประตูห้องน้ำเปิดแง้มออกมาเล็กน้อย“ผ้าค่ะ... ผ้าขนหนู กับเสื้อคลุม ฉันไม่ได้เอาติดมือมา รบกวนคุณช่วยเอามาให้หน่อยได้ไหมคะ...”เสียงนั่นนุ่มระรื่นหูน่าฟัง จนเหม่ยหลินอดไม่ได้ที่จะยิ้มเอ็นดูให้กับเจ้าของเสียงที่ไม่กล้าโผล่หน้าออกมาเพื่อบอกจุดประสงค์“รอแปบ” แล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่พับไว้อย่างเป็นระเบียบออกมาจากชั้นวางเมื่อไปถึงหน้าประตูเหม่ยหลินเพียงเคาะเบา ๆ มือเรียวก็ยื่นออกมาอยากแกล้ง แต่เห็นนิ้วเรียว ๆ คว้าหาอยู่กลางอากาศก็แกล้งไม่ลง“รีบหน่อยนะ” เหม่ยหลินบอกไปเบา ๆ เมื่อผ้าขนหนูถูกดึงออกไปจากมือ ไม่นานคนในห้องน้ำก็เดินออกมา“มีอะไรด่วนหรือเปล่า หากมี คุณไปก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวจะตามไปทีหลัง”“ไม่ได้...”ไม่ได้เด็ดขาดมาขนาดนั้น ถิงถิงจึงเงียบและจัดการเรื่องของตัวเองต่อหนึ่งชั่วโมงต่อมาห้างหยางหลงทันทีที่ไปถึงหน้าห้างหยางหลง เหม่ยหลินก็พบกับหนานซิงและบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งยืนรออยู่ด้านหน้า จากนั้นก็พากันเดินไปยังห้องทำงานของเธอโดยมีถ
สีหน้าไม่สู้ดีของเหม่ยหลิน ทำให้ถิงถิงไม่กล้าตอแย โดยเธอรอจังหวะให้อีกฝ่ายพูดขึ้นก่อน เพื่อเดาทางว่าอยู่ในอารมณ์ไหน “ลงไปหาอะไรกินกันเถอะ”เหม่ยหลินเอ่ยชวน หลังจากที่เข้ามาในห้องได้ไม่ถึงห้านาทีถิงถิงคิ้วขมวดผูกปม มองหน้าเหม่ยหลิน“ทำไม ไม่หิวหรือ”“หิ หิว แต่...” ถิงถิงตอบเสียงติดขัด อยากบอกว่าเป็นห่วง จนกระเพาะอาหารไม่ทำงานไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป“หิวก็ต้องไปกินก่อน ป่ะลุกขึ้น” เธอเร่ง“ค่ะ” ถิงถิงรับเสียงแผ่วจากนั้นทั้งคู่ก็พากันเดินออกจากห้องเพื่อตรงไปยังร้านอาหารที่อยู่ชั้นล่างของห้าง โดยมีการ์ดเดินตามอยู่ห่าง ๆถิงถิงมองซ้ายมองขวาเหมือนไม่อยากเชื่อ ศูนย์อาหารที่มีคนเดินกันพลุกพล่าน ทุกสายตามองมาเป็นจุดเดียวกัน“มีอะไรหรือเปล่า” เหม่ยหลินถามเมื่อเห็นท่าทางของถิงถิงดูตื่นผิดปกติ“นั่งกินที่นี่หรือคะ” เธอถามเพื่อให้แน่ใจ เพราะคิดว่า แม้ไม่พาไปภัตตคารเหมือนเมื่อคืน ก็เป็นร้านอาหารที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่านี้“ใช่ ที่ที่คิดว่าคนพลุกพล่านวุ่นวาย บางครั้งก็เป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเรา อีกอย่างกลางวันแบบนี้ มีสายตาหลายคู่รอจับผิดให้เราอยู่”ถิงถิงอึ้งในคำตอบของเหม่ยหลินแล
เด็กหญิงนลินเมื่อไม่ได้รับการสนใจ ก็รู้สึกกระดากอาย ผลุนผลันลุกขึ้น ในขณะที่ตุ๊กตาบลายท์หลุดจากมือ ร่วงทับปราสาททรายของอีกคนจนพังทลายเสียรูปจากนั้นเจ้าของปราสาททรายหน้าบิดเบี้ยว เมื่อเห็นสภาพของที่ตัวเองบรรจงสร้างมากับมือพังไม่เหลือชิ้นดี ด้วยความโมโหจึงหยิบตุ๊กตาผมสีทองตัวสวยขว้างออกไป จนตกไปที่แอ่งน้ำสีดำคล้ำเจ้าของตุ๊กตากรีดร้องเสียงหลง ทำให้เด็กและผู้ใหญ่แตกตื่น วิ่งกรูกันมาดูด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น‘เกิดอะไรขึ้นหนูนลิน’ เจ้าของสถานที่เอ่ยถามเสียงรนเด็กหญิงน้ำตาเอ่อเรื่อบอกเสียงสั่น ‘ตุ๊กตาค่ะ ตุ๊กตาหนูค่ะ’ แล้วชี้ไปยังหลุมน้ำสีคล้ำ ทุกคนหันมองแล้วก็ต้องตกใจอิงฟ้าหน้าถอดสี รีบเดินไปหยิบมาให้ ในขณะที่ตุ๊กตาตัวสวยสกปรกไม่เหลือเค้าเดิม‘ตุ๊กตาหนู สกปรกหมดแล้ว...ฮือ แล้วนลินจะเล่นยังไงล่ะคะ...’ เด็กหญิงนลินร้องไห้สะอื้น นายแพทย์เกรียงจึงเดินเข้ามาโอบไหล่ลูกสาวคนเดียวของเขาแล้วพูดขึ้น‘ไม่เป็นไร เดี๋ยวพ่อซื้อให้ใหม่นะ’‘เขาคนทำ ทำไมพ่อต้องซื้อ ให้เขาสิต้องซื้อให้’ แล้วชี้ไปยังเด็กหญิงรุ่นเดียวกันโดยที่ไม่มีสีหน้าสลดแม้แต่น้อยกลับกันเด็กหญิงถิงถิงกำหมัด กัดริมฝีปากแน่น เธอไม