ลูกศรรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัวเหมือนคนผ่านสนามรบมาจะขยับตัวลุกขึ้นก็แทบไม่ไหว
"ตื่นแล้วเหรอ" เสียงทุ้มไม่คุ้นหูของคนที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ดังขึ้นเหนือหัวของลูกศร
"อาเธอร์" เมื่อสมองประมวลเหตุการเมื่อคืนที่งานเลี้ยงรุ่นจนมาจบที่บนเตียงนี้ของเธอและเขาอย่างที่เห็น
"ใช่ฉันเอง ว่าแต่เธอชื่ออะไรฉันยังไม่รู้จักชื่อของเธอเลย" คนตัวสูงถามผู้หญิงที่เขานอนด้วยความไม่ได้ตั้งเมื่อคืน
"ระเราชื่อลูกศร" ลูกศรรู้สึกว่าแก้มของเธอร้อนผ่าวมันต้องแดงแน่แค่คิดก็อายแทบแทรกแผ่นดินแล้ว
"เรียนคณะแพทย์ปีเดียวกันเหรอทำไมไม่ค่อยคุ้นหน้าเลย" อาเธอร์มองหน้าเธออย่างพิจารณา
"ใช่ค่ะ แต่ปกติเราใส่แว่นตอนนี้ไม่ใส่เธอคงไม่คุ้นหน้าได้"
"ก็คงจะเป็นอย่างนั้น" คนตัวสูงยักไหล่ด้วยความไม่แคร์เท่าไหร่ ส่วนลูกศรได้แต่ยิ้มเจื่อนๆอย่างทำตัวไม่ถูกจะลุกขึ้นแล้วไปแต่งตัวเพื่อออกจากห้องกลับหอพักแต่รู้สึกว่าจะลุกขึ้นเองไม่ไหวตอนนี้
"คือว่ารบกวนพยุงเราไปห้องน้ำหน่อยได้ไหม" อาเธอร์พยักหน้ารับแล้วลุกออกจากเตียงเพื่อพยุงลูกศรตามที่เธอเรียกร้อง
"ได้เดินไหวแน่นะ" ลูกศรพยักหน้ายืนยันว่าเธอไหวแล้วค่อยๆก้าวขาสั่นๆเดินเข้าห้องน้ำเอง พอเข้ามาในห้องน้ำก็สำรวจร่างกายที่เต็มไปด้วยร่องรอยที่คนด้านนอกทำเอาไว้โดยเฉพาะหน้าอกที่มีทั้งรอยมือและรอยริมฝีปากจนทำให้รู้สึกหน้าร้อนด้วยความเขิน
"ตั้งสติแล้วรีบแต่งตัวกลับหอได้แล้วลูกศร" พอเตือนตัวเองและเรียกสติได้แล้วลูกศรก็อาบน้ำแต่งตัวโดยใส่ชุดเดิมเมื่อคืนให้เรียบร้อยแล้วออกมาเจออาเธอร์ที่นั่งสูบบุหรี่รออยู่หน้าระเบียงห้องพัก
"เรากลับก่อนนะอาเธอร์" ลูกศรบอกคนที่อยู่ร่วมห้องมาตลอดทั้งคืน
"เดี๋ยวก่อนคุยกันก่อน" อาเธอร์บี้บุหรี่ให้ดับแล้วทิ้งจากนั้นก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของลูกศรีหยิบกระเป๋าตังเอาเงินสดที่มีในกระเป๋ามายื่นให้ลูกศร
"อะไร" ลูกศรมองด้วยความไม่เข้าใจว่าเขากำลังหมายถึงว่าอะไร
"เงินนี้เราอยากให้เป็นการขอบคุณกับเรื่องเมื่อคืน"
"ไม่เอาเราไม่ได้ขายตัว" ลูกศรฉุดจัดเขากำลังทำเหมือนเธอเป็นผู้หญิงขายบริการซึ่งทำให้เธอไม่พอใจขึ้นมาแล้ว
"แบบว่าอย่าพึ่งเข้าใจผิดคือว่าเราไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกเธอนะ แต่ว่าเราอยากให้เธอรับเอาไว้จริงๆเพื่อความสบายใจของเรา" ลูกศรมองเงินที่ยื่นมาตรงหน้าแล้วผลักมือเขาออกหากจากตัว
"เราก็สบายใจที่จะไม่รับเหมือนกัน"
"โอเคตามใจเธอก็ได้ แต่ว่าตามที่ตกลงกันเมื่อคืนเราต่างไม่ผูกมัดกันนะ" อาเธอร์พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์
"ตกลงไม่ผูกมัดถือว่าเมื่อคืนเกิดขึ้นจากความผิดพลาดไม่มีความรู้สึกอะไรมาเกี่ยวข้องระหว่างเราสองคน"
"อืมตามนั้น" พอเราสองคนตกลงที่จะให้เป็นอย่างที่คุยกันเมื่อคืนก็ต่างแยกย้ายกันกลับจากห้องพักนั้น
พอถึงหอพักอันคุ้นเคยน้ำตาเจ้ากรรมที่สู่อดกลั่นมาได้ตั้งนานก็ไหลทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ปากบอกรับได้แต่พอเอาเข้าจริงลูกศรก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนและสายตาที่ไม่มีความรู้สึกอะไรของผู้ชายที่เธอได้แต่แอบชอบและมองอยู่ห่างๆมาหลายปี
"ทำใจซะเถอะลูกศรยังไงผู้หญิงหน้าตาธรรมดาอย่างเธอก็คงไม่ได้เป็นคนรักกับหนุ่มหล่อเพอร์เฟคอย่างอาเธอร์หรอก ขนาดเสียตัวให้เขายังมองเธออย่างว่างเปล่าเลยตัดใจจากคนที่อยู่สูงเกินเอื้อมได้แล้วยัยลูกศร" เมื่อเตือนสติตัวเองดังๆและร้องไห้ออกมาจนพอใจแล้วลูกศรก็นอนหลับให้ร่างกายได้พักก่อนตื่นมาสู้กับความจริงตรงหน้าต่อไป
เพราะเป็นการเสียตัวครั้งแรกและหลายครั้งทำให้ร่างกายของเธอบอบช้ำจนไข้ขึ้นลุกออกไปไหนไม่ไหว จนโทรหาเพื่อนสนิททั้งสามคนกว่าเพื่อนจะมาถึงก็อาการแทบแย่จนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลดีที่ไม่ป่วยจนช็อกไปถือว่าโชคยังดี
กว่าจะหายป่วยเป็นอาทิตย์ที่ต้องนอนโรงพยาบาลก็มีเพื่อนทั้งสามคนวนเวียนกันมาเฝ้าเพราะลูกศรเป็นเด็กต่างจังหวัดครอบครัวอยู่ไกลไม่ได้ขึ้นมาดูแล
จากเหตุการณ์วันนั้นเพื่อนทั้งสามต่างรู้สาเหตุก็พากันรู้สึกผิดที่บังคับให้ลูกศรดื่มแอลกอฮอล์จนเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
"พวกแกทั้งสามคนไม่ต้องรู้สึกผิดแล้ว เรื่องมันผ่านไปแล้วถือว่าเป็นประสบการณ์ในชีวิตอย่างมัวแต่โทษตังเองเลยตอนนี้ลูกศรก็หายดีแล้วแข็งแรงมาก" ลูกศรปลอบใจเพื่อนสนิททั้งสามคนที่นั่งกันอยู่ในห้องสมุด
"เฮ้อขอบใจที่แกให้อภัยพวกฉัน" พอแน่ใจว่าลูกศรไม่โกรธแล้วเพื่อนๆทุกคนก็ต่างผ่อนคลายความกังวลลง
ใครจะคิดว่าเวลาผ่านไปร่วมสองเดือนจะทำให้ลูกศรที่ทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้แม้กระทั้งจะเดินผ่านเห็นหน้ากันกับอาเธอร์ก็ตามจนกระทั้งวันหนึ่งที่ฝึกงานอยู่ในวอร์ดเด็กลูกศรก็เกิดหน้ามืดทำให้อาจารย์และรุ่นพี่วุ่นวายกันหมดและผลตรวจออกมาว่าลูกศรท้องได้สองเดือนแล้ว!
"หนูท้องเหรอคะอาจารย์หมอ" เสียงแผ่วเบาอย่างไม่อยากให้เรื่องที่ได้ยินเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
"ค่ะนักศึกษา เธอท้องได้เกือบสองเดือนแล้ว" อาจารย์หมอตอบอย่างสงบแม้ในใจจะตกใจไม่ต่างกับนักศึกษาที่อยู่ในความดูแลของตัวเอง
"จะทำยังไงดี" ลูกศรอุทานขึ้นมาอย่างกักกลุ้มกับเรื่องที่ไม่คาดคิดที่เธอกำลังเผชิญหน้ากับมันอยู่ตอนนี้
"แฟนเธอรู้ไหม อาจารย์ว่าควรจะเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับผู้ชายด้วยก่อนจะตัดสินใจยังไงก็ตาม" อาจารย์แพทย์แนะนำเด็กในความดูแลของตัวเองอย่างใจเย็น
"ขอบคุณอาจารย์มากเลยนะคะ หนูขอตัวก่อนลาละค่ะ สวัสดีค่ะ" ลูกศรยกมือไหว้ลาอาจารย์หมอที่เป็นคนตรวจและเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาดูแลเธอในวอร์ดเด็กตอนนี้
พอเดินออกมาจากห้องตรวจก็คิดไม่ออกด้วยเรื่องราวที่ไม่คาดคิดว่าอยู่ๆตัวเองจะตั้งท้องขึ้นมาทั้งๆที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันท์คนรักกับพ่อเด็กในท้องอย่างนี้แล้วควรจะบอกเขาไหมเอายังไงต่อดียัยลูกศร
"ลูกศรเป็นยังไงบ้างชะนีอยู่ๆทำไมเป็นลมได้หรือเป็นโรคร้ายอะไรไหมเพื่อนสาวแว่น" ปอนพูดขึ้นเพราะมันฝึกงานอยู่วอร์ดเดียวกันกับลูกศรพอดี
"ฉันท้องกับอาเธอร์ได้สองเดือนแล้ว" ลูกศรบอกกับเพื่อนอย่างไม่ปิดบังเพราะเพื่อนสนิททั้งสามรู้เรื่องราวดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นดี
"ตายแล้ว!"
"ยังไม่ตายแต่กำลังจะมีเด็กเกิดมา" ลูกศรพูดขึ้นอย่างร่องลอยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมีทั้งความเครียดและกังวลทั้งเรื่องท้องและเรื่องเรียนต่อในตอนนี้และอนาคตที่สร้างมาจะเป็นยังไงไหนจะครอบครัวที่รออยู่
"แกต้องไปบอกอาเธอร์จะเอายังไงก็ต้องร่วมกันตัดสินใจถึงแม้พวกแกจะไม่ได้เป็นแฟนกันและเด็กก็เกิดจากความผิดพลาดในคืนเดียวก็ตาม"
"เอางั้นเหรอ" ลูกศรที่ถูกเพื่อนและอาจารย์บอกมาแล้วก็เหมือนคนกำลังถูกยุยงแกลมบังคับทำให้ตัดสินใจได้ในที่สุด
"แต่ฉันไม่รู้จะติดต่อเขาไปอย่างไง"
"ฉันมีเบอร์เขาเดียวนัดให้เคยราวบอร์ดเดียวกัน"
"ขอบใจแกมากปอน"
"แกก็อย่าพึ่งคิดมากเอาไว้คุยกันต่อหลังเลิก" จากนั้นพวกเราสองคนก็ไปทำหน้าที่ฝึกงานกันต่อไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ก้มหน้าเรียนต่อให้จบสู้มาจนปีสุดท้ายแล้วถอยไม่ได้แล้วเพราะความแอบกลัวในคำตอบของอาเธอร์ เธอเลยอยากให้เวลายืดออกไปนานกว่านี้แต่ไม่รู้ว่าความเป็นจริงมันไม่มีทางเป็นไปได้ ทำให้ตอนนี้ลูกศรนั่งอยู่ในร้านคาเฟ่กับอาเธอร์
"เธอมีเรื่องสำคัญอะไรเหรอ" อาเธอร์ได้รับข้อความจากเพื่อนของลูกศรทำให้เขาต้องมานั่งอยู่ตรงหน้าของเธอ
"เราท้องได้สองเดือนแล้ว" ลูกศรพูดเสียงเบาแทบจะกระซิบได้ดังก้องในความรู้สึกของอาเธอร์
"เรื่องจริงเหรอ" เสียงของอาเธอร์สั่นอย่างคนที่ได้ฟังเรื่องตลกร้ายที่กำลังพยายามควบคุมอารมณ์ให้มันเป็นแค่เรื่องแกล้งหยอกกันเล่นไม่เป็นความจริง "จริงนี้ผลตรวจ" ลูกศรหยิบเอกสารใบรับรองพร้อมกับยาพร้อมกับยาบำรุงครรภ์ที่ได้มาวันนี้ "เชี้ยเรื่องจริงวะ" อาเธอร์หยิบเอกสารขึ้นมาอ่านให้ละเอียดไม่ต้องถามอะไรก็รู้ว่าเด็กมาในคืนงานเลี้ยงรุ่นแน่นอน "ระเราอยากถามอาเธอร์ว่าจะทำยังไงกันดีกับเด็กในท้องที่มาถามความเห็นเพราะเราสองคนเป็นคนทำให้เขาเกิดมาเลยต้องถามความเห็นของนายด้วย" ร่างสูงรู้สึกเหมือนกำลังโดนต่อยเพราะตอนนี้ในหัวของเขามันมึนไปหมดจนแทบจะคิดอะไรไม่ออกแล้ว "เดี๋ยวขอตั้งสติสักยี่สิบนาทีไม่สิสามสิบนาทีเลยแล้วกัน" อาเธอร์ยกมือขึ้นห้ามไม่ให้ลูกศรพูดอะไรอีกเมื่อเห็นอาการของอาเธอร์ที่ไม่ต่างจากจินตนาการของตัวเองที่คิดมาแล้วว่าเขาต้องเป็นแบบนี้ทำให้ลูกศรยกน้ำผึ้งมะนาวขึ้นดื่มรอเวลาที่เขาจะตั้งสติได้แล้วให้คำตอบกับเธอ เราทั้งสองคนต่างก็เงียบทั้งสองฝ่าย ลูกศรมองคนที่เดินผ่านไปมานอกร้านผ่านกระจกร้านคาเฟ่เป็นการฆ่าเวลาและคิดเอาไว้ว่าจะเลือกทางไหนให้กับตัวเองจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง "เธอ
หลังลงวอร์ดโชคดีที่ไม่ต้องขึ้นเวรต่อแล้วจุุดมุ่งหมายต่อไปของลูกศรคือซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อไปซื้อของสดมาตุนเอาไว้ในตู้เย็นแต่ว่ายังไม่ทันได้กดเข้าแอปเรียกรถแท็กซี่ก็มีรถยุโรปคันหรูขับมาจอดเทียบอยู่ตรงหน้าเสียก่อน ลูกศรทำท่าจะขยับเดินถอยห่างเพื่อไม่ให้ตัวเองกีดขวางเจ้าของรถแต่ว่ากระจกรถกับเปิดพร้อมกับเสียงเรียกจากคนขับภายในรถ "เธอขึ้นรถมา" ลูกศรมองคนเรียกอย่างไม่ค่อยชอบใจที่อยู่ๆเขาก็มาสั่งเธอแล้วเรื่องเมื่องานที่เขาทำให้เสียใจก็ยังไม่หายยังจะโผล่หน้ามาเจอกับเธออีก "ไม่ไป ฉันจะไปทำธุระส่วนตัวไม่ว่างไปกับนายหรอก" ลูกศรปฎิเสธคนที่ไม่อยากเห็นแม้กระทั้งหน้าของเขาตอนนี้ "ลูกศร! ขึ้นมาอย่าพูดยากเห็นไหมว่าคันหลังเขาบีบแตรไล่เธอแล้ว" อาเธอร์ใช้น้ำเสียงกดดันใส่เธออย่างเป็นคนผิดเสียเต็มประดาลทำเอาลูกศรรู้สึกเดือดดาลโกรธขึ้นมาหน่อยๆ "ฉันไม่ได้พูดยาก แต่ไม่ไปคือไม่ไปแล้วนายก็เป็นคนจอดรถขวางทางคนอื่นเองนะอาเธอร์!" ลูกศรเถียงกับเขาไปอย่างไม่ยอมให้อีกฝ่ายมากล่าวหาเธอ "เฮ้อฉันก็ไม่อยากยุ่งกับเธอนักหรอกรู้เอาไว้ซะถ้าไม่มีเรื่องลูกฉันก็ไม่คิดจะตื้อให้เสียเวลาเหรอวะ" อาเธอร์บ่นออกอาการรำคาญเต็มทนกับลู
“เดี๋ยว” อาเธอร์พูดขึ้นขนาดที่ลูกศรกำลังจะเปิดประตูลงจากรถเพื่อขึ้นห้องในหอของคณะแพทย์ที่อยู่ข้างโรงพยาบาล “มีอะไรอีก” ลูกศรรู้ว่าตัวเธอกำลังพาลอย่างคนไม่มีเหตุผลแต่มันก็อดไม่ได้ที่จะอ่อนไหวและไม่พอใจกับข้อตกลงที่ว่าเขาสามารถมีแฟนหรือแม้กระทั้งแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ “ถ้าฉันเสนอให้เธอย้ายไปอยู่คอนโดด้วยกัน” “ไหนนายบอกว่าเราจะไม่เกี่ยวข้องกันนอกจากเรื่องลูก” “อย่าพึ่งเข้าใจผิด ฉันแค่กลัวว่าเธอจะไม่สะดวกยิ่งเวลาที่ท้องเริ่มโตกว่านี้จะลำบากและรบกวนคนอื่นหรือเปล่า” พอได้ยินแบบนั้นไม่ใช่ว่าตัวเธอจะไม่ได้คิดเอาไว้แต่ตอนนี้คิดว่าอยู่หอจะสะดวกในการไปฝึกงานในโรงพยาบาลมากกว่าในช่วงนี้ “อีกเดือนเดียวก็เรียนจบแล้ว ฉันทนได้ค่อยไปหาเช่าข้างนอกอยู่ก็ได้” “เอาแบบนี้ถ้าจบแล้วเธอก็ย้ายมาอยู่คอนโดเดียวกับฉันจะได้สะดวกและช่วยดูแลเธอตอนท้องแก่ใกล้คลอด”“อืมเอาอย่างนั้นก็ได้ ขอบคุณที่มาส่งนะไปแล้ว” ลูกศรเปิดประตูลงจากรถขึ้นห้องความจริงหอพักแพทย์ของมหาลัยเธอก็สะดวกสบายดีห้องพักมีให้แบบเดี่ยวไม่ต้องนอนกับใครมีห้องครัวสำหรับเอาไว้ทำอาหารเล็กๆด้วยถือว่าครบไม่ต่างกับลูกในคอนโดข้างนอกราคาแพงๆเล
ลูกศรลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดในห้องพักพิเศษของโรงพยาบาลพยายามจะลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปเข้าห้องน้ำแต่ประตูหน้าห้องพักเปิดออกมาก่อน "จะลุกไปไหนเหรอ" อาเธอร์กลับเข้ามาในห้องพักพร้อมกับเปิดไฟในห้องให้สว่างแล้วเดินเอาของที่ซื้อมาไปวางไว้โต๊ะ"อยากเข้าห้องน้ำ" อาเธอร์เดินมาช่วยลากสายน้ำเกลือเพื่อพาคนป่วยไปเข้าห้องน้ำตามที่เธอต้องการ "พอแล้วเราเข้าไปเองได้รออยู่ตรงนี้แหละ" อาเธอร์ปล่อยให้ลูกศรเข้าไปในห้องน้ำเองแล้วกลับมาจัดอาหารที่ซื้อมาใส่ถ้วยจานรอ "ซื้ออะไรมาเยอะแยะ" ลูกศรถามคนตัวสูงที่กำลังเทอาหารใส่จานอยู่ "ของกินบำรุงเธอทั้งนั้นเร็วรีบมาทานร้อนๆอยู่เลย" ลูกศรเดินตามแรงพยุงของอาเธอร์ไปนั่งลงนเตียงผู้ป่วยแล้วมองอาหารมากมายกับไม่รู้สึกถึงความยากอาหารทั้งๆที่ท้องร้องประท้วงอยู่ "ไม่ค่อยอยากกินอะไรตอนนี้""เธอต้องฝืนกินเพื่อลูกจะได้แข็งแรงนะลูกศร" พอได้ยินคำว่าลูกก็ทำให้ลูกศรรู้สึกผิดขึ้นมาจริงสินะไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไหนเธอก็ควรจะต้องกินเพราะตอนนี้ในท้องเธอมีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังเติบโตอยู่เธอควรจะห่วงไยเขามากกว่านี้ "อืมรู้แล้ว" จากนั่นลูกศรก็ฝืนกินอาหารที่อาเธอร์ซื้อมาให้ได้เยอะท
"ขออนุญาตพาน้องมาส่งคุณแม่นะคะ" พยาบาลสาวเข็นรถพาเด็กทารกน้อยออกจากตู้อบมาส่งครอบครัวที่นั่งรออยู่ภายในห้อง "เชิญค่ะ" คุณย่ายิ้มหน้าบานรีบลุกขึ้นเข้าไปดูหลานตัวน้อยใกล้ๆด้วยความตื้นตันดีใจยิ่งกว่าใคร "ได้เวลาให้น้องดื่มนมแล้วค่ะ" พยาบาลสาวอุ้มเด็กทารกน้อยส่งให้กับคุณแม่ที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้พร้อมอธิบายท่าอุ้มที่ถูกต้องในการให้นมเสร็จแล้วก็ออกไปจากห้องพัก "สงสัยจะอิ่มแล้วค่ะ" พอทารกน้อยคล้ายจะอิ่มแล้วก็ส่งให้กับคนเป็นย่าที่มายืนใกล้ๆพูดสอนเรื่องวิธีดูแลเด็กกับเธอ"โอ๋โอ๋นะลูกมามะมาให้ย่าอุ้มหน่อยเร็ว" คุณย่ารีบรับหลานชายตัวน้อยมาโอบอุ้มอย่างถนุถนอมเป็นที่สุด "ไหนๆขอปู่ดูหน้าหนูหน่อย" คุณปู่ก็มีอาการไม่ต่างกับคนเป็นย่ามากนักพวกท่านพาหลานเดินวนรอบห้องพูดคุยกับทารกน้อยที่กำลังบิดตัวกางแขนกางขาไปมาแต่ไม่ได้ร้องไห้ "เฮ้อคนเป็นพ่อยืนอยู่ตรงนี้นะครับ คุณพ่อคุณแม่ไม่คิดจะให้ผมอุ้มลูกตัวเองบ้างเลยเหรอ" อาเธอร์พูดขึ้นแทรกด้วยน้ำเสียงออกจะน้อยใจใส่พ่อแม่ของเขา "ก็เกือบลืมแล้วเหมือนกันเห็นแกยืนเงียบอยู่ดูเหมือนคนไม่สนใจลูกตัวเองเลยเหอะ" คุณแม่ของอาเธอร์พูดเหน็บแหนมใส่เขา "ใครว่าจะไม่สนใจละผ
หลังจากออกจากโรงพยาบาลลูกศรก็ได้มาอยู่ที่บ้านของอาเธอร์เพราะจะได้สะดวกในการที่จะมีคนช่วยเลี้ยงออกัสน้อย“ให้หนูลูกศรอยู่ห้องข้างล่างนี้แหละจะได้ไม่ขึ้นลงลำบาก น้าให้แม่บ้านจัดห้องให้เรียบร้อยแล้ว” คุณแม่ของอาเธอร์ให้แม่บ้านจัดห้องนอนให้เธอในระหว่างที่มาอยู่เลี้ยงดูออกัสน้อย “ขอบคุณคุณน้ากับคุณลุงมากนะคะสำหรับทุกอย่างที่ดูแลหนูมา”ลูกศรยกมือไหว้ขอบคุณพ่อแม่ของอาเธอร์ที่รู้จักมาครึ่งปีจนคลอดลูกออกมาท่านช่วยดูแลเธอดีเป็นเหมือนคนในครอบครัวจริงๆ “เรื่องเล็กน้อยอย่างเกรงใจเลยหนูลูกศร” คุณลุงพูดพร้อมรอยยิ้มผู้ใหญ่ใจดีให้กับแม่ของหลานชาย “สงสัยเจ้าหนูออกัสจะหิวนมแล้วครับร้องขึ้นมาจากที่ดีๆอยู่กับพ่อ” อาเธอร์อุ้มลูกชายตัวน้อยมาส่งให้ลูกศรที่พึ่งเอาของมาเก็บในห้องนอนที่ถูกจัดให้อยู่ที่บ้านของเขา “โอ๋โอ๋หนูหิวนมแล้วเหรอคะลูก” ลูกศรรับเอาทารกน้อยมาโอบอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขนของเธออย่างถนุถนอมเป็นที่สุด “ออกไปกันเถอะทุกคนให้ออกัสน้อยของเราได้หลับจะได้ไม่รบกวนหลาน” จากนั้นทั้งหมดก็ทยอยกันออกไปจากห้องไม่รบกวนเด็กทารกน้อยที่กำลังร้องไห้งอแงอยู่ “ค่อยๆดูดก็ได้ครับลูกไม่มีคนแย้งหนูหรอก” ลูกศรพาลูกมานอน
ตอนนี้เรียกว่าเธอกำลังกินข้าวกับน้ำตาอย่างที่เคยได้ยินคนพูดกันจริงๆ พอลับร่างสูงของอาเธอร์ลูกศรก็กับมาร้องไห้อีกครั้งเมื่อได้อยู่ตามลำพังร้องไห้พอเพื่อเป็นการชดใช้ความรู้สึกที่โกหกพ่อแม่ไม่รู้เมื่อถึงเวลารู้ความจริงพวกท่านจะเสียใจสักแค่ไหนกัน "ร้องออกมาให้พอเลยลูกศรเอ้ยฮื่อฮึก" กว่าจะตั้งสติให้หยุดร้องไห้ได้ลูกศรก็ใช้เวลาอยู่ห้องอาหารไปเป็นชั่วโมงจนรู้สึกถึงความหนักอึ้งของดวงตาทำให้เธอตัดสินใจหยุดลุกขึ้นไปนอนยังห้องที่คุณน้าบอกเอาไว้ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่จนรู้สึกตื่นขึ้นเพราะเสียงปลุกของป้าเจี๊ยบ"คุณลูกศรค่ะตื่นค่ะน้องออกัสร้องไห้งอแงไม่หยุดสงสัยคิดถึงคุณแม่ใครพูดกล่อมก็ไม่ยอมฟังเลย" ลูกศรเบิกตากว้างทั้งที่ยังหนักอึ้งจากตาที่บวมผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก "ค่ะป้าเจี๊ยบหนูจะไปเดียวนี้เลยค่ะ" ลูกศรรีบบุกขึ้นตามไปยังห้องเด็กที่มีประตูเชื่อมกันไปหาออกัสน้อยที่ร้องไห้งอแงอยู่ในอ้อมแขนของคุณย่าของเขาและมีเหล้าแม่บ้านอีกสามคนนั่งลุ้นไปด้วยดูอยู่ "มาแล้วค่ะคุณน้า" ลูกศรรีบเอาไปอุ้มเอาทารกน้อยที่งอแงร้องไห้ไม่หยุดจนตัวแดงก่ำอยู่ "โอ๋โอ๋ออกัสน้อยของแม่ร้องไห้ทำไมครับฮึคนเก่งแม่มาแล้ว
"เป็นไงอร่อยไหมลูก" ตอนนี้ครอบครัวของลูกศรนั่งกินข้าวอยู่ที่บ้านของเธอ "อืมหนูคิดว่า..." ลูกศรแกล้งหยุดพูดค้างเอาไว้ทำให้แม่ร้อนรนอยากรู้ว่าฝีมือการทำอาหารของตัวเองตกไปหรือไม่ "ว่าอะไรเล่ารีบพูดออกมาเลยลูกศร" แม่เร่งรัดเธออย่างฉุนเฉียว "ว่าหนูขอเติมข้าวอีกจานแน่ๆเลยจะกินให้พุงกายไปเลยวันนี้มีแต่ของอร่อยทั้งนั้นลาบปากหนูมาก" พอลูกศรพูดจบแม่กัยพ่อของเธอก็ยิ้มหน้าบานอย่าพออกพอใจที่ลูกสาวชม "ดีดีถ้าอยากกินอะไรอีกบอกได้เลยเดียวแม่ทำให้หนูกินทุกอย่างเลย" แม่พูดอย่างตื่นเต้นอย่างยินดี "หรือถ้าลูกอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปกินร้านอาหารเจ้าประจำที่เราชอบเดียวพรุ่งนี้ไปกันวันนี้เดินทางมาเหนื่อยนอนพักเอาแรงก่อนนะค่อยไปเที่ยวกัน" พ่อพูดขึ้นอย่างนำเสนอ "ตกลงค่ะพ่อหนูก็อยากไปเที่ยวเหมือนกันไม่ได้กลับบ้านมาเป็นปีไม่รู้อะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนแล้ว""เดียวแม่ไปชวนน้าเราไปด้วยลูกพี่ลูกน้องเราก็หยุดเสาร์-อาทิตย์พอดีจะไดเไปเที่ยวกันเป็นครอบครัวใหญ่" "ดีเลยค่ะศรไม่เจอคะนิ่งนานแล้วคุยกันผ่านแชทก็เกือบครึ่งปีแล้วนะเจอหน้าคงมีเรื่องเมาส์ไม่หยุดแน่" ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่ก่อนสนิทกันมากแย
3เดือนต่อมา..."อาเธอร์ฉันซื้อเนคไทด์ใหม่มาให้ลองเปิดดูซิว่านายจะชอบลายที่ฉันเลือกมาให้ไหม" วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ปกติลูกศรต้องไปทำงานแต่อาเธอร์อนุญาตให้ทำงานได้แค่วันเสาร์เท่านั้น ส่วนในวันอาทิตย์ให้เธอได้ใช้เวลาพักผ่อนอยู่กับครอบครัวบ้าง"ว้าวไหนดูซิว่าเธอจะเลือกแบบไหนให้สามีที่รักคนนนี้" อาเธอร์รับเอากล่องที่ภรรยาสาวยื่นให้กับเขา"เร็วๆรีบเปิดดูซิ" ลูกศรตื่นเต้นกับปฏิกิริยาของคนเป็นสามีอย่างเร่งเร้าให้เขารีบเปิดกล่องดู"ดูเธอจะตื่นเต้นมากเลยนะลูกศร เดือนนี้ก็ไม่ใช่วันเกิดของฉันนี้น่ามีอะไรกัน" อาเธอร์งงกับท่าทางของเมียตัวเองแต่ก็ยอมเปิดกล่องที่ลูกศรเอามาให้นี้ พอเปิดฝากล่องออกมาก็เจอกับ..."ที่ตรวจครรภ์นี้น่าลูกศร ธะเธอท้องแล้วเหรอเนี้ยโอ้สุดยอด" คนเป็นพ่อที่ขยันทำลูกแทบทุกคืนไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนก็ตามยังคงพยายามหื่นใส่ลูกศรทุกคืนโดยให้เหตุผลกับเธอเสมอว่าต้องมีน้องตัวน้อยๆให้ออกัส"ใช่ได้3เดือนแล้วนายดีใจมากไหมรอมานานหลายเดือนแล้วนี้น่า""ดีใจที่สุดเลยลูกศร ฉะฉันต้องไปบอกออกัสไม่สิพ่อแม่ของเราด้วยว่าพวกท่านกำลังจะได้มีหลานเพิ่มแล้วไปก่อนนะ" คนเป็นพ่อรีบวิ่งเอาที่ตรวจภรรค์ไปบอกข่าว
หลังจากงานแต่งงานที่บ้านนอกจบลง ลูกศรกับอาเธอร์ก็อยู่ได้ไม่นานเพราะคนนึงมีงานอีกคนมีเรียนทำให้จำเป็นต้องกลับกรุงเทพเลยฉากลาจากของตายายหลานชายวัยสามขวบก็เรียกเสียงร้องไห้งอแงไม่อยากกลับของออกัสเหมือนเดิมกว่าจะหายงอแงก็จนถึงบ้านที่กรุงเทพนั้นแหละตอนนี้ลูกศรนอนอยู่ในห้องนอนที่คอนโดหรูของอาเธอร์ที่หยุดงานขอฮันนีมูนในคอนโดหรูกลางกรุงแห่งนี้โดยที่เจ้าลูกชายตัวป่วนไปโรงเรียน"ลูกศรเธอต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้ในคืนเข้าหอนะ" อาเธอ์กอดรัดเอวบางเอาไว้แน่นซบหน้ากับบ่าเล็กคอเคลียร์ปากพ้นจูบไปเรื่อยจนถึงซอกคอ"สัญญาเหรอเรื่องอะไรนะทำไมยักกะจำไม่ได้""ลูกศรอย่ามาแกล้งเซไสอย่างนี้นะ เธอบอกจะขึ้นให้ฉันต้องทำตามสัญญานะบนโซฟานี้มองเห็นวิวตึกสูงข้างนอกอ้าส์วิวดีเหมาะกับการผลิตน้องสาวให้ออกัสมากๆเลยที่รัก""ท่าทางแบบนี้หักล้างใบหน้าหล่อๆของนายมากอาเธอร์ อย่ามาทำหน้าตาหื่นกามลามกแบบนี้ใส่ฉันนะ""ฮ่าๆฉันหื่นใส่เมียตัวเองผิดตรงไหนเนี้ยลูกศรยัยบ๊อง" อาเธอร์ดีดหน้าผากของลูกศรเบาอย่างหมั่นเขียวแล้วตวาดอุ้มร่างบางไปยังโซฟาที่เขาหมายมาดอย่างที่พูดออกมาเสื้อยืดสีขาวถูกถอดออกไปพร้อมโยนทิ้งอย่างไม่สนทิศทางตามด้วยกาง
งานช่วงกลางคืน"ก่อนที่จะทำการแสดงหมอลำในค่ำคืนนี้พวกเราอยากให้คู่บ่าวสาวของงานขึ้นมาบนเวทีเพื่อเล่าเรื่องราวความรักของคนทั้งคู่ให้กับแขกในงานได้รับรู้หน่อยครับ" เสียงพิธีกรประกาศเรียกบ่าวเช้าที่ยืนถ่ายรูปกับแขกที่มาในงานในค่ำคืนนี้"ขอสัมภาษณ์ความเป็นมาของเส้นทางรักในครั้งนี้หน่อยนะครับ ก่อนอื่นหมออาเธอร์กับหมอลูกศรรู้จักกันได้ยังไงครับ" พิธีกรยื่นไมค์ให้กับเจ้าบ่าวเป็นคนตอบก่อน"ผมเจอหน้าเธอครั้งแรกในร้านกาแฟหน้ามหาลัยครับ วันนั้นลูกศรนัดผมผ่านเพื่อนของเธอ เราคุยกันเรื่องสำคัญทำให้มีเรื่องให้เจอและสนิทกันจนก่อเกิดเป็นความรักขึ้นมาใน4ปีที่ผ่านมาครับ""ว้าวรักตอนเรียนมหาลัยโรแมนติกมากๆเลยครับ เอาล่ะผมว่าใครๆก็คงอยากเห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวบอกรักกันและหอมแก้มกันโชว์ความหวานให้พวกเราดูหน่อยนะครับ""อาเธอร์ฉันรักนายนะ" ลูกศรหอมแก้มเจ้าบ่าว"ลูกศรฉันก็รักเธอนะ" อาเธอร์ก็หอมแก้มเจ้าสาวแสนสวยของเขา"ว้าวปรบมือให้คู่บ่าวสาวในค่ำคืนนี้เพื่อเป็นการแสดงความยินดีกับเจ้าของงานในคืนนี้ด้วยนะครับ" เสียงปรบมือแสดงยินดีดังกระหึ่มก่อนที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะพากันเดินลงจากเวทีไปนั่งยังโต๊ะของครอบครัวเสียงดนตรี
"ว้าแม่ขึ้นมาเสียเที่ยวเลยแต่ใกล้จะได้ฤกษ์แห่ขันหมากอีกสามสิบนาทีนี้แล้วแม่ไปเช็คความเรียบร้อยข้างล่างก่อนนะลูก""ได้ค่ะแม่หนูก็เสร็จเรียบดีแล้วแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ" แม่เดินมากอดลูกศรพร้อมกับอดที่จะน้ำตาคลอจะไหลออกมาไม่ได้"ฮึกแม่ดีใจมากที่ได้ส่งลูกสาวคนเดียวเป็นฝั่งเป็นฝาสักที""ฮึกหนูก็ไม่คิดว่าจะมีวันนี้เหมือนกันค่ะแม่" สองแม่ลูกกอดกันกลมน้ำตาที่ไหลเป็นน้ำตาแห่งเป็นน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มปิติยินดีอีกหนึ่งวันในชีวิตของคนเป็นพ่อแม่"เอาๆอย่าร้องไห้วันนี้เป็นวันมงคลยิ้มกว้างๆเดียวเครื่องสำอางจะเลอะเอาได้นะลูก" แม่เช็ดน้ำตาให้ลูกศร"ขอบคุณค่ะแม่ ขอบคุณที่ไม่ว่าหนูจะทำตัวทั้งดีและไม่ดีที่ผ่านมาแม่กับพ่อก็ใหอภัยหนูเสมอมา" ลูกศรที่กอดแม่อยู่ก็พยักหน้ายิ้มให้ท่าน"แม่กับพ่อภูมิใจในตัวของลูกเสมอนะไม่ว่าเรื่องอะไรแม้กระทั้งเรื่องหลานลูกสาวของแม่ก็เลี้ยงดูออกัสน้อยออกมาได้ดีมากอย่างโทษตัวเองอีกเลยพ่อกับแม่ไม่โกรธลูกแล้วปล่อยให้เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้ผ่านไปนะลูก""หนูรักแม่ที่สุดเลย""ขบวนขันหมากแห่มาแล้ว!" เสียงร้องตะโกนโห่ขันหมากเข้ามาในบ้าน"ลูกได้เวลาฤกษ์แล้ว แม่ออกไปก่อนนะลูก" แม่รีบเด
"พวกลูกจะไปจัดงานแต่งงานที่บ้านต่างจังหวัดของหนูลูกศรเหรอ" คุณย่าของออกัสถามลูกชายกับลูกสะใภ้ของท่านที่เล่าเรื่องงานแต่งงานของทั้งคู่ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้อย่างปุ๊บปั๊บแบบแต่งงานสายฟ้าแลบ"ใช่ครับ รบกวนคุณแม่ให้ไปหาฤกษ์ให้ผมกับลูกศรภายในสองเดือนนี้เลยได้ไหมครับ" คนใจร้อนที่ครั้งนี้ลูกศรไม่คิดจะห้ามเขาพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า"โอ้ยแกใจร้อนไปไหมเจ้าอาเธอร์" คุณปู่ของออกัสอดที่จะแซวลูกชายของตัวเองไม่ได้พร้อมกับรอยยิ้มเหมือนกันเพราะว่าท่านก็รอคอยให้ครอบครัวของลูกชายสมบูรณ์จริงๆสักที"ไม่ร้อนหรอกครับพ่อ ผมกับลูกศรเสียเวลาที่จะได้แต่งงานกันมา4ปีแล้วนะพ่อกับแม่ก็รู้ดี""นั้นสิเนอะเอาจริงถ้าเริ่มนับตั้งแต่ลูกว่ามาตอนนี้ก็ช้าไปจริงๆนั้นแหละเจ้าอาเธอร์แล้วหนูลูกศรบอกพ่อแม่ของหนูหรือยังจ๊ะ" "ยังค่ะคุณแม่เดียวคุยเสร็จจากตรงนี้ หนูค่อยโทรบอกพวกท่านเลยนะคะ""ได้ๆถ้างั้นกลางเดือนนี้แม่จะไปคุยเรื่องสินสอดทองหมั่นพร้อมกันกับพวกลูกในวันที่กลับบ้านของหนูในกลางเดือน" "ได้ค่ะคุณแม่" เมื่อตกลงกันได้คุณย่าของออกัสก็ออกไปพร้อมกับคุณปู่เพื่อไปหาพระอาจารย์ดังที่พวกท่านนับถือให้หาฤกษ์ภายในสองเดือนให้ตามที่
ตกกลางคืน"ออกัสนอนกับพ่อแม่ไม่ได้เหรอครับ" เจ้าหนูคอตกกอดหุ่นยนต์ซุปเปอร์แมนเอาไว้ยู้ปากอย่างแงงอนไม่ยินยอม"ไม่ได้ห้องลูกเสร็จแล้วคืนนี้จะต้องเป็นคืนแรกที่ออกัสต้องเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่โดยการนอนคนเดียวนะลูก" คนเป็นพ่อยังแค้นเจ้าลูกชายที่มาขัดจังหวะหวานซึ้งระหว่างขอคนเป็นแม่แต่งงานอยู่บอกเสียงแข็งอย่างไม่ยินยอมใจอ่อนให้เจ้าหนูวัยสามขวบกว่าๆคนนี้ได้นอนกับพ่อแม่ในคืนนี้"กัสเป็นเด็กนะพ่อ" เจ้าหนูแสนฉลาดตอบโต้พ่อของแกอย่างไม่ยินยอมเช่นกัน"ลูกโตแล้วนะออกัสไปโรงเรียนแล้วควรแยกห้องนอนคนเดียวได้แล้ว""แต่พี่ป.1บอกว่ากัสเป็นเด็กที่สุดเลยนะพ่อยังไม่โตเล้ยยย" อาเธอร์ถึงกับอยากบิดหูเจ้าหนูตรงหน้านี้เขาเป็นที่สุดท่องเอาไว้อาเธอร์ลูกเราเหมือนเราโว้ยจะอดทนไม่ไหวแล้วเนี้ย"ฮึกฮ่าๆพอๆทั้งพ่อทั้งลูกเลิกเถียงกันได้แล้ว มาครับออกัสมาแม่อุ้มพาไปดูห้องใหม่กัน ถ้าลูกเห็นแล้วยังอยากนอนกับพ่อแม่อยู่แม่ก็จะไม่บังคับลูกนะจ๊ะ" แม่อุ้มเจ้าหนูพาเดินไปยังทิศทางห้องนอนใหม่ของแกชั้นบนของบ้านเพื่อตัดปัญหาที่ผู้ชายหน้าตาเหมือนกันแต่ต่างกันที่ขนาดยืนเท้าใส่เอวเถียงกันไม่หยุดจนจะดึกดื่นเลยเวลานอนของลูกไปแล้ว"ทีกับแม่
ไม่นานรถตู้ที่นั่งกันมาก็จอดลงบนชั้นในชั้นวีไอพีที่มีลิฟต์ส่วนตัวเอารถขึ้นมายังชั้นวีไอพีได้เลยไม่ต้องผ่านประตูหน้าโรงพยาบาลเพื่อปิดไม่ให้เรื่องราวเล็ดรอดออกไปให้คนนอกรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดในขึ้นครั้งนี้"เตียงผู้ป่วยมาแล้วค่ะท่านรอง" อาเธอร์เดินลงมายืนเองยกมือห้ามทีมแพทย์ที่กำลังจะเข้ามารุมล้อมแผลภายนอกเล็กน้อยให้ดูเป็นเรื่องราวบาตเจ็บสาหัสใหญ่โตไปได้"อย่าโทรไปรายงานท่านประธานนะเดียวผมกลับบ้านไปบอกท่านเองพวกคุณไม่ต้องโทรไปรบกวนเวลาพักผ่อนเข้าใจไหม ถ้าไม่เชื่อฟังคำสั่งของผมจะตัดเงินเดือนพวกคุณทุกคนที่รู้เรื่องนี้" "รับทราบค่ะครับท่านรอง" ทีมแพทย์ไม่ว่าคนหนุ่มหรือคนแก่ต่างก็กลัวลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลในโหมดหน้าตึงสั่งเสียงเฉียบขาดอย่างนี้ทุกคน"พวกคุณไม่ต้องมารักษาผมจะให้ภรรยาของผมเป็นคนดูแลเองเธอก็เป็นหมอเหมือนกันไม่ต้องห่วงนะแยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเองเถอะ""เอ่อถือว่าลุงขอร้องนะอาเธอร์ควรจะแสกนตรวจดูภายในว่าเป็นอะไรหรือเปล่าให้ละเอียดก่อนนะ" หัวหน้าทีมแพทย์ที่อาวุธโสที่สุดเอ่ยออกมาอย่างไม่ไว้ในด้วยคนตรงหน้าเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ถึงไม่รายงานเจ้านายแต่ก็
"ได้ที่อยู่ของเขาแล้วครับท่านรอง" ผู้ช่วยคนใหม่ของอาเธอร์ที่เขาได้คัดเลือกขึ้นมาเองใหม่มีทั้งฝีมือในการทางวิชาการและมีความรู้เรื่องวิชาการป้องกันตัวทุกแขนงมาได้ถึงสองคนเพื่อเป็นมือซ้ายมือขวา"ออกไปเตรียมรถและคนรอฉันอีกครึ่งชั่วโมงเราจะเดินทางไปหาตัวมัน" พอผู้ช่วยคนใหม่ออกไปแล้ว อาเธอร์ก็กดโทรหาลูกศรที่น่าจะเลิกเรียนแล้วพอดีและยังไม่ลืมโทรหาคุณย่าให้ท่านพาออกัสเข้านอนก่อนเลยเพราะพ่อแม่มีธุระต้องกลับดึกในคืนนี้"เตรียมใจของเธอให้พร้อมนะลูกศร" อาเธอร์พูดขึ้นขนาดที่ลูกศรขึ้นมานั่งบนรถข้างเขา ส่วนรถของเธอที่ขับมาเรียนวันนี้ให้คนขับรถของเขาขับตามมาด้านหลัง "ไม่ต้องหรอกห่วงน่า นี้นายเอาคนไปด้วยเยอะไปไหมเนี้ยอาเธอร์" ลูกศรมองรถอีกสองคันที่ขับตามมาเห็นคนเต็มคันรถที่ตามมาส่วนคันนี้มีแค่เธอกับเขาและคนขับเพียงสามคนในรถตู้คันหรูนี้"เอาไปเผื่อไว้ทางนั้นก็ไม่ได้กระจอกอย่างที่คาดคิดเอาไว้แต่แรกหรอกนะลูกศร""ก็ได้ฉันเชื่อนาย" "เด็กดี" อาเธอร์จับหัวลูกศรซบลงบนอกกอดเธอเอาไว้แน่นหลับตาลง"อยากให้ถึงที่หมายในเร็วๆเรื่องนี้จะได้จบลงซะที จะได้กลับบ้านไปหาลูกกันเนอลูกศร" อาเธอร์ว่าขึ้นแค่ทำงานบริหารและร่ว
ลูกศรจับเวลาเอาไว้สักห้านาทีจนแน่ใจแล้วอริสไปออกไปจากบริเวณห้องน้ำแล้วค่อยออกมาแล้วไปทำงานของตัวเองต่อในหัวของเธอก็คิดแต่เรื่องที่พึ่งได้รับรู้คิดว่าเธอควรจะแก้ปัญหานี้เองหรือบอกอาเธอร์ให้เขาช่วยปัญหาแต่อีกใจก็ไม่อยากบอกเขาเพราะกลัวว่าคนใจร้อนจะทำให้เรื่องราวใหญ่ดตอย่างที่อริสเตือนจุลนั้นแหละ"คุณหมอลูกศรมีสมาธิหน่อยสิค่ะเย็บแผลพลาดขึ้นมาคนไข้จะร้องเรียกเราได้นะคะ" เสียงเข้มของพยาบาลอาวุธโสที่ทำงานมานานนับสิบกว่าปีเตือนน้องหมอใหม่อย่าดุๆ"อะเอ่อขอโทษค่ะ หมอจะมีสมาธิให้มากกว่านี้" ลูกศรตั้งใจเย็บแผลให้เรียบร้อยที่สุดตัดเรื่องรบกวนภายในจิตใจออกตั้งใจทำงานตามหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมายตรงหน้าให้ดีหลังเลิกงานประมาณสี่โมงเย็นลูกศรขับรถตรงกลับบ้านด้วยจิตใจที่ไม่ค่อยมีสมาธิยังดีที่ไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้น"เฮ้อเอาไงดีนะยัยลูกศรบอกอาเธอร์ดีไหมนะ" บ้านของอาเธอร์กับโรงพยาบาลของเขาห่างกันแค่ยี่สิบนาทีก็ถึงแล้วเรียกว่าใกล้กว่าทุกวันมากจะถึงบ้านไวไปไหมเนี้ยคนยิ่งตัดสินใจไม่ได้อยู่ด้วย"ก๊อก ก๊อก ก๊อก" เสียงเคาะกระจกรถเรียกให้คนที่กำลังใช้ความคิดอยู่ในหัวสะดุ้งตกใจขึ้นมา อาเธอร์ทำมือท่าเปิดประต