"ตกลงสิ้นเดือนนี้ยายอิงก็จะกลับแล้วใช่ไหมนาง ใจฉันนี่มันร้อนรุ่มจนแทบจะทนรอไม่ไหวอยู่แล้ว อยากให้ยายอิงรีบกลับมาเร็วๆสักที"
"เห็นอิงบอกว่าจะเลื่อนกลับมาเร็วกว่ากำหนดค่ะคุณท่าน เอกสารทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว อีกสักสองวันก็คงน่าจะถึงค่ะ"
"โอ๊ยดีๆ ใจฉันนี่อยากจะให้ยายอิงกลับมาเสียมันวันนี้ให้ได้เลย จะได้มาช่วยฉันแก้ปัญหาบ้าๆนี้ ว่าแต่เธอแน่ใจแล้วใช่ไหมว่ายายอิงมันจะยอมช่วยแน่ๆ"
"ดิฉันคิดว่าน่าจะพอมีวิธีเกลี้ยมกล่อมอิงให้ได้ค่ะ ลองบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้คุณท่านร้อนใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับแล้วล่ะก็ อิงไม่มีทางยอมอยู่เฉยแน่ ที่ทุกวันนี้อิงมันได้มีโอกาสเรียนจบสูงๆ ก็เพราะว่าคุณท่านเมตตากรุณา ดิฉันเชื่อว่าเรื่องนี้อิงจะต้องช่วยคุณท่านได้แน่นอนค่ะ"
"ดี คอยดูซิว่าทีนี้ระหว่างพวกเราร่วมมือกันกับตาเจตน์คนเดียว ใครมันจะแน่กว่ากัน"
ที่สวนหลังบ้านตรงใต้บริเวณต้นมะม่วงใหญ่ สองหญิงรุ่นเก๋าที่อายุรวมกันเกินร้อยไปอีกครึ่งกำลังตั้งหน้าคุยกันเรื่องชายหนุ่มคนที่เป็นที่รักของทั้งสองคนด้วยท่าทางเคร่งเครียด เพราะอยากหาทางจัดการกับปัญหาเรื่องที่ว่าหลานชายคนเดียวของผู้ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านนั้นน่าจะกำลังมีพฤติกรรมเบี่ยงเบน
นิตยามองผู้เป็นนายแล้วก็ได้แต่สงสารเห็นใจ จิรายุปีนี้อายุอานามก็ย่างเข้าไปสามสิบหกปี แต่กลับยังไม่มีท่าทีว่าจะพาสาวคนไหนเข้ามาเปิดตัวหรือกราบสวัสดีคุณกนกวรรณในฐานะหลานสะใภ้ วันๆเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน จนบางทีพ่อหลานชายตัวดีก็หายหน้าหายตาไปเป็นอาทิตย์ถ้าได้ลงใต้
ทีแรกคุณกนกวรรณก็ยังไม่คิดหรอกว่าเรื่องนี้มันจะน่าเครียดสักเท่าไหร่ หากว่าหลานชายยังไม่เจอคนที่ถูกใจแล้วจะทำตัวชิวไป ก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่..ในที่สุดเรื่องที่คิดว่าไม่น่าเป็นปัญหา มันก็กลายมาเป็นปัญหาจนได้
เมื่อธุรกิจของครอบครัว มาตรวิจิตรา นั้นหลักๆก็คือ โรงงานผลิตจิวเวลรี่ที่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพ หากแต่ช่วงหลังมานี้จิรายุเอาแต่ลงใต้บ่อยเกิน เอะอะๆไป เพราะว่ากลับไปสนิทกับเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง ซึ่งที่บ้านของทางฝั่งนั้นทำฟาร์มหอยมุก ก่อนจะมีการดิวซื้อขายมุกจากในฟาร์มของอีกฝ่าย เพื่อมาใช้ในการทำเครื่องประดับผลิตขายของโรงงานตัวเอง
ด้วยความที่ว่าช่วงนี้หลานชายมักจะทำตัวแปลกๆ ชอบหายหน้าหายตา โดยเอาแต่อ้างว่าทำงาน ความที่อดสงสัยไม่ไหว เลยทำให้คุณกนกวรรณตัดสินใจแอบลงใต้ไป เพื่อที่จะได้เห็นกับตาว่าความจริงแล้วจิรายุนั้นกำลังแอบซุกซ่อนอะไรไว้ที่นั่นกันแน่
และมันก็เป็นจริงดังคาด วันที่ไปถึงทำเอาคุณกนกวรรณถึงกับช็อกตาค้าง เมื่อเปิดบ้านพักของเพื่อนที่หลานชายชอบไปพัก แล้วเจอว่าบนเตียงนอนนั้นมีหลานชายและเพื่อนชายที่จิรายุอ้างว่าสนิท นอนกอดแก้ผ้าบนเตียงด้วยกันอยู่
นาทีนั้นทำเอาคุณกนกวรรณช็อกมาก ถึงกับต้องรีบเปิดกระเป๋าควานหายาดมมายัดเข้าไปที่จมูกแล้วสูดดมเข้าไปอย่างไว จากนั้นก็พยายามตั้งสติให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว แล้วจึงได้พาตัวเองกลับออกมาจากบ้านหลังนั้นเงียบๆโดยที่ไม่ได้บอกจิรายุรู้
พอกลับมาถึงกรุงเทพ ก็รีบเอาเรื่องนี้มาปรึกษายายนางหรือนิตยา คนที่ช่วยเลี้ยงดูจิรายุมาตั้งแต่เกิด พอยายนางรู้เข้าก็ถึงกับอึ้งแล้วช็อกปากค้างไปอีกคน ไม่นึกเลยว่าจิรายุที่เลี้ยงมาเองกับมือจะมีมุมลับแบบนี้ที่เธอไม่เคยเห็น ทำเอาผู้เฒ่าทั้งสองต่างพากันหนักอกหนักใจ เพราะอยากให้จิรายุนั้นได้แต่งงานมีครอบครัวเหมือนคนอื่นๆมากกว่า
"แล้วนี่คุณเจตน์จะกลับขึ้นมากรุงเทพเมื่อไหร่กันคะ ลงใต้ไปเป็นอาทิตย์ๆอีกแล้ว"
"ฉันโทรไปตามตาเจตน์เมื่อเช้าแล้วล่ะ บอกว่าอีกสักสองวันถึงจะขึ้นมา ว่าแต่วันนั้นยายอิงก็คงน่าจะมาถึงพอดีเหมือนกันสินะนาง"
"ค่ะคุณท่าน อิงจะมาถึงพร้อมวันที่คุณเจตน์กลับมาพอดี"
"ดีเลย ถ้าได้ยายอิงมาช่วยอีกคน เรื่องทำให้ตาเจตน์หายกลับมาเป็นปกติ ก็น่าจะพอมีทางพอที่จะเป็นไปได้"
เมื่อนี่เป็นจังหวะพอเหมาะพอดีที่อิงรดากำลังจะกลับมา คนที่เอาแต่คิดเครียดเรื่องหลายชายจนไม่เป็นอันทำอะไรก็เลยมั่นใจและก็เริ่มสบายขึ้นมาได้หน่อยหนึ่ง ที่อย่างน้อยก็ยังมีอิงรดาเข้ามาร่วมมือช่วยได้อีกคน
แม้ว่าจะพอที่จะหาทางออกได้บ้างแล้ว แต่คุณกนกวรรณก็ยังคงนั่งกลุ้มคิดไม่ตก โดยเธอบอกกับนิตยาว่าเรื่องเพศที่สามนั้นเธอไม่ได้รังเกียจ แต่ถ้าเลือกได้ก็ไม่ได้อยากให้จิรายุเป็นแบบนั้น ปกติแล้วตัวเธอเองก็เป็นคนเปิดกว้าง ยอมรับคบหาได้หมดทุกเพศทุกวัย ใครจะเป็นอะไรยังไงเธอก็เคารพในความคิดการตัดสินใจ
แต่พอวันนี้มาเป็นเรื่องของเจ้าหลานชายตัวดี อยู่ๆต่อมความเป็นแม่และความเป็นมนุษย์ป้าคนหนึ่งก็เริ่มทำงาน ยังไงเสียเธอก็ต้องการได้หลานชายคนเดิมกลับมา บอกตามตรงว่าเธอยังรับไม่ได้ เธอเตรียมใจไม่ทันหรอก ในเมื่อหลานชายไม่ได้ส่อแววมีแนวโน้มว่าจะเป็นมาก่อน อิงรดาและจิรายุก็ถือว่าเป็นคนคุ้นเคยกันดีอยู่ หวังว่าการวางแผนครั้งนี้จะสามารถช่วยจิรายุหลุดพ้นจากการมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนได้
ทั้งจิรายุและอิงรดาต่างก็ไม่มีใครมีพ่อแม่ จิรายุถูกผู้ที่เป็นป้าแท้ๆแบบคุณกนกวรรณนำมาเลี้ยงดูตั้งแต่แบเบาะเมื่อแม่ของเขาเลือกที่จะทิ้งเขาเอาไว้ แล้วตัวเองก็ขอหนีไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนอกกับสามีใหม่เนื่องจากว่าต้องการที่จะลืมความทรงจำที่มีต่อสามีเก่า หลายปีแล้วที่รายนั้นไม่ได้ติดต่อกลับมา จนตัวคุณกนกวรรณเองที่เคยโกรธในสิ่งที่น้องสาวทำเริ่มที่จะปล่อยวางความโกรธลงไปได้บ้างแล้ว
ดังนั้นตั้งแต่เล็กจนโตมา ชีวิตทั้งชีวิตของจิรายุจึงมีเพียงแค่คุณกนกวรรณคนเดียวที่เป็นทั้งป้าและแม่ เขาไม่เคยถามหาว่ามารดานั้นอยู่ที่ไหน มีเพียงแค่คุณกนกวรรณผู้เป็นป้าและนิตยาที่เป็นแม่บ้านเท่านั้นที่อยู่ช่วยกันดูแลมาตั้งแต่ยังสาวๆ จิรายุถูกอบรมเลี้ยงดูมาด้วยมนุษย์ป้าทั้งสองคนจนเติบใหญ่ จนกระทั่งเขานั้นเริ่มเข้ามัธยมต้น จากนั้นโชคชะตาจึงได้นำพาเด็กหญิงอิงรดาเข้ามาอยู่ร่วมชายคาบ้าน
เด็กหญิงอิงรดา หลานสาว ยายนาง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ยายหลานกันแท้ๆ แต่พ่อแม่เด็กกับนิตยาก็ถือว่าเป็นญาติพี่น้องกัน ชีวิตนิตยาเป็นสาวโสดที่เข้ามาหางานทำในกรุงเทพตั้งแต่ยังสาว และก็ไม่ได้คิดอยากจะมีครอบครัว
กระทั่งอยู่มาวันหนึ่งญาติของนิตยาก็หอบลูกสาวอายุเพียงแค่หนึ่งเดือนจากต่างจังหวัดมาฝากให้นิตยาเลี้ยงไว้ บอกว่าจะขอฝากเพียงแค่อาทิตย์เดียวเพราะต้องการไปทำธุระทางไกล จากนั้นพ่อแม่เด็กก็หายสาบสูญไปไม่มีใครติดต่อได้อีก
จนกระทั่งตอนนี้ก็ผ่านไปยี่สิบสามปีเต็ม สามีภรรยาคู่นั้นก็ไม่ได้กลับมารับลูกสาวอีกเลย ทำให้เด็กหญิงอิงรดา จึงต้องอยู่ในความปกครองของนิตยา โดยมีคุณกนกวรรณเป็นคนส่งเสียเลี้ยงดูอุปการะอีกคน
พูดถึงอิงรดา รายนั้นเป็นทั้งเด็กฉลาดคล่องแคล่วว่องไวและฉายแววเรียนเก่งมาแต่ไหนแต่ไร ล่าสุดก็สอบชิงทุนได้ จึงขอไปเรียนต่อถึงอเมริกา
นี่ก็ผ่านไปสี่ปีแล้วที่เด็กสาวไม่ได้กลับมา แต่จากรูปถ่ายที่ส่งมาให้ผู้เป็นยายได้ดูอยู่เรื่อยๆ อิงรดาก็ถือได้ว่ามีหน้าตาที่สวยสะดุดตาจนน่ามองมาก คิดแล้วก็คุณกนกวรรณก็เอาแต่นั่งถอนหายใจ หวังว่าเธอคงจะไม่ผิดบาปมากนักหรอกนะ ถ้าหากว่าแผนที่เธอคิดวางเอาไว้นั้นจะมีอิงรดาเป็นเหยื่อล่อ
"เป็นยังไงบ้างล่ะเจ้าอิง ไปอยู่ที่โน่นมาสี่ปีคิดถึงเมืองไทยบ้างหรือเปล่า" "คิดถึงค่ะคุณท่าน ที่อเมริกาหนาวก็หนาว อาหารก็อร่อยสู้เมืองไทยไม่ได้เลยสักนิด หนูกินข้าวทีไรก็ไม่อร่อยเลยค่ะ คิดถึงแต่กับข้าวฝีมือยายทุกวัน" "ถึงว่าสิเธอถึงได้ผอมเหลือแต่กระดูกแบบนี้""โหคุณท่านขา ก็ระหว่างอยู่ที่โน่นหนูต้องรับจ็อบเดินแบบด้วยนี่คะ เลยต้องคอยรักษาหุ่นกันนิดหนึ่ง ขืนหนูอ้วนเป็นหมูไปก็คงไม่มีใครจ้างหนูกันพอดี"อิงรดาพูดไปยิ้มไปเสียงดังเจื้อยแจ้วในขณะที่นั่งตอบคำถามผู้มีพระคุณ ทันทีที่กลับมาถึง พอวางกระเป๋าได้ ยายนางก็บอกให้เธอรีบเข้ามากราบคุณกนกวรรณเลยทันที บอกว่าท่านมีเรื่องรบกวนอยากขอให้เธอช่วย ซึ่งมันแน่นอนว่าอย่างไรเสียเธอก็คงไม่มีทางปฏิเสธ เพราะชีวิตเธอ ถ้าหากไม่มีหญิงสูงวัยสองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าตอนนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน ฉะนั้นแล้วหากมีทางใดที่จะทำให้เธอสามารถทดแทนพระคุณของท่านได้บ้างแล้วล่ะก็ ขอให้บอกอิงรดามาเถอะ"มีแฟนหรือยัง""คะ คุณท่านถามว่าอะไรนะคะ"พูดคุยกันยังไม่ทันสามสี่ประโยค อยู่ๆคุณกนกวรรณก็ถามแบบนั้นขึ้นมา จากที่กำลังนึกอยากจะเล่าถึงชีวิตการทำงานขณะที่อยู่ท
อิงรดาหน้าเครียดทันทีที่กลับถึงห้อง สิ่งที่คุณกนกวรรณร้องขอนั้นทำเอาเธอหายใจแทบไม่สะดวก การที่คุณกนกวรรณต้องการให้เธอทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าเป็นการทำร้ายหัวใจของจิรายุ เธอจะทำแบบนั้นได้จริงๆหรือ แล้วถ้าหากว่าจิรายุรักแฟนของเขามากล่ะ คิดแล้วก็อยากจะร้องไห้ เพราะไม่รู้ว่าควรจะสงสารใครก่อนดี ระหว่างคุณกนกวรรณ ตัวเธอเอง หรือคู่รักสองคนนั้นแล้วเรื่องที่ว่าจิรายุมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศนั้นสรุปแล้วมันจริงหรือไม่ จำได้ว่าก่อนไปเรียนต่อเธอก็ไม่เคยเห็นเขามีพฤติกรรมใดที่ส่อไปในทางนั้นเลย จิรายุใช้ชีวิตปกติ กิจกรรมของเขาก็เหมือนกับพวกผู้ชายทั่วไป แต่จะว่าไปก็มีเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้นที่น่าสงสัย ก็คือ เขาไม่เคยพาแฟนหรือคนรักมาที่บ้านเลย ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา อิงรดาและคนในบ้านไม่เคยเห็นว่าจิรายุนั้นมีคนรัก ซึ่งนี่มันคือสิ่งเดียวจริงๆถ้าหากว่ามันจะแปลกพอได้กลับมาถึงห้องตัวเอง อิงรดาก็ยังคงนั่งคิดทบทวนถึงสิ่งที่คุณกนกวรรณต้องการให้ตนช่วยไม่หาย แม้ว่าลึกๆในใจจะยังไม่อยากจะเชื่อว่าจิรายุนั้นมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนจริง แต่สี่ปีมานี้เธอกับเขาก็ไม่เคยได้เจอกันเลยถามว่าเมื่อก่อนระหว่างเธอกับเขาสนิทกันมากไ
ระหว่างทานอาหารมื้อค่ำก็ได้มีการพูดคุยกันไปเรื่อยๆ คุยเรื่องจิรายุบ้างวกกลับมาเรื่องเธอบ้าง แต่ดูท่าว่าคนที่ดูจะเอ็นจอยในการคุยที่สุดก็น่าจะเป็นนพนนท์ หรือ คุณพี่นนนี่นั่นเอง รายนั้นเม้าท์มอยเรื่องนั้นทีเรื่องนี้ทีได้แบบไหลลื่นไม่มีสะดุดจนบางทีจิรายุถึงกับต้องดักเบรกอันที่จริงนพนนท์ถือว่าเป็นคนน่ารักและก็อัธยาศัยดีคนหนึ่ง ถ้าลองว่าเขาเป็นแค่เพื่อนของจิรายุธรรมดา ไม่ใช่..คู่ขา อย่างที่คุณกนกวรรณว่าไว้ อิงรดาเชื่อว่าทุกคนในบ้านจะต้องชื่นชอบนพนนท์กันทั้งหมดแน่นอน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้มีใครแสดงออกว่าเกลียด แต่มันก็ไม่ได้เต็มใจที่จะพูดคุยได้ด้วยอย่างสนิทใจ เนื่องจากว่าเกรงใจคุณกนกวรรณกันหมด"เอาอย่างนี้สิเจตน์ เห็นเจตน์บอกป้าว่าช่วงนี้ยุ่งมากงานการล้นมือ ป้าว่าเจตน์เอาอิงไปเป็นผู้ช่วยก็ดีนะ ไหนๆก็เรียนจบกลับมาแล้ว งานการก็ยังไม่ได้หาสมัคร เจตน์ลองเอาอิงไปช่วยงานดูก่อนสิ เผื่อจะช่วยแบ่งเบางานเจตน์ที่บริษัทเราได้บ้าง"พอถีงช่วงประจบเหมาะจังหวะช่องว่าง คุณกนกวรรณก็รีบจัดการยัดเยียดเธอให้ไปทำงานกับจิรายุเสียเลยทันที เป็นไงล่ะรวดเร็วดีไหม สงสัยคงเป็นเพราะว่าท่านกลัวว่าเธอจะไม่ยอมทำหน้าที่นี้
ขับมาไม่นานจิรายุก็พาทุกคนมาจอดถึงหน้าคอนโดของนพนนท์ ตลอดทางที่ผ่านมาสองคนข้างหน้าก็เอาแต่พูดกันเรื่องธุรกิจ ราวกับลืมไปว่ามีเธอนั้นนั่งมาด้วย แต่จากที่ฟังๆดูแล้วเขาทั้งสองดูท่าทางจริงจังในเรื่องงานมาก โดยทางฝั่งของนพนนท์เองก็ได้มีการเตรียมตัวเรียนรู้งานเพื่อต้องการสานต่อธุรกิจของที่บ้าน หากว่าเธอไม่ได้รับรู้ข้อมูลจากคุณกนกวรรณมาก่อนแต่แรกว่าสองคนนี้แอบกุ๊กกิ๊กกัน อิงรดาก็คงจะคิดว่าเขาทั้งสองนั้นเพียงแค่คบหากันทางด้านธุรกิจเฉยๆ แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอแอบไปล่วงรู้ความจริงมาแล้ว ยังไงๆเธอก็คงจะไม่สามารถกลับไปคิดว่าสองคนนี้ไม่ได้มีอะไรเกินเลยหรือเป็นเพียงแค่เพื่อนปกติกันได้อยู่ดีจนกระทั่งรถยนต์มาจอด นพนนท์ก็ยิ่งทำในสิ่งที่มันตอกย้ำให้อิงรดานั้นอ้าปากค้างจนหุบไม่ลงและไม่คิดว่าจะได้เห็นกับตา เมื่ออยู่ๆนพนนท์ก็ทำการหันหน้าและยื่นปากจู๋ๆไปจุ๊บแก้มจิรายุหนึ่งทีก่อนเปิดประตูลงรถไป โดยที่จิรายุเองทำเพียงแค่หันหน้าไปยิ้มแล้วส่ายศรีษะเพียงเท่านั้น นี่จิรายุไม่คิดว่าจะปกปิดเรื่องราวความรักของเขาเอาไว้ก่อนบ้างเลยหรือไง อย่างน้อยก็น่าจะกลัวว่าเธอจะเอาไปพูดต่อให้เข้าไปถึงหูคุณกนกวรรณเข้า หรือว่าจ
หลังจากปล่อยให้เธออยู่บ้านได้แค่เพียงสองวัน คุณกนกวรรณก็ทำการส่งเธอให้ติดสอยตามจิรายุออกไป ไม่ว่าเขาจะทำอะไรที่ไหน หน้าที่ของเธอก็คือต้องคอยรายงานโดยห้ามจิรายุรู้ อีกทั้งยังต้องคอยจดบันทึกรวบรวมข้อมูลสถานะความสัมพันธ์ระหว่างเขาและคนรักว่าพอจะมีแนวโน้มไปในทิศทางใด เพื่อที่ว่าคุณกนกวรรณเองจะได้ช่วยหาทางในการคิดวิเคราะห์แยกแยะและจัดการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนั้นเสีย"เย็นนี้ฉันมีนัดกินข้าวกับนนท์นะ จะไปด้วยไหมหรือถ้าไม่เธอก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านเองก่อนได้เลย"และพอทันทีที่เธอรายงานความเคลื่อนไหนนี้ไป แน่นอนว่าคุณกนกวรรณไม่มีทางยอมปล่อยให้เธอลอยหน้าลอยตากลับบ้านไปก่อนแน่ๆ ยังไงเสียเธอก็ต้องตามเขาไป แม้ว่าในใจจะไม่ได้อยากไปเป็นก้างขัดขวางช่วงเวลาความสุขของเขากับคนรักเลยสักนิด แต่จะไม่ไปก็ไม่ได้ คิดแล้วอยากนั่งร้องไห้ตรงนี้"แล้วถ้าหนูไปด้วย คุณเจตน์กับคุณนนท์จะโอเคเหรอคะ""แล้วเพราะอะไรถึงจะไม่โอเคล่ะ ในเมื่อเธอทำงานกับฉัน ที่ไปกินข้าวกันนี่ก็เผลอๆไปคุยกันเรื่องงานด้วยซ้ำ แต่ที่ถามเธอก่อนก็เผื่อว่าเลิกงานแล้ว เผื่อว่าเธอมีธุระอะไรต่อที่ไหน""หนูไม่มีธุระที่ไหนหรอกค่ะ ถ้าเกิดว่าคุณเจตน์
หลังจากที่ดูหนังจบจิรายุก็พาเธอกลับมาถึงบ้านราวๆสี่ทุ่มกว่า พอมาถึงก็พบว่าผู้สูงอายุทั้งสองท่านนั้นได้ขึ้นห้องเข้านอนกันหมดแล้ว เธอและจิรายุจึงได้แยกย้ายห้องใครห้องมันบ้าง พอเปิดประตูเข้าห้องไป อิงรดาก็จัดการอาบน้ำอาบท่า มองเข็มนาฬิกาก็พึ่งจะห้าทุ่มกว่าและหนังตาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลย นี่ก็พึ่งจะเข้าสามสี่วันเองที่เธอกลับมา สงสัยว่านาฬิการ่างกายเธอคงจะยังไม่ได้การปรับเปลี่ยนเป็นเวลาที่เมืองไทยเป็นแน่ คิดได้คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คก็ถูกหยิบออกมาวางเพื่อค้นหาซีรี่ย์แนวลึกลับผจญภัยและโลกคู่ขนานที่ดูค้างไว้ตั้งแต่อยู่ที่โน่น อาทิตย์นี้คงน่าจะลงตอนใหม่มาหลายตอนแล้ว นานแค่ไหนกันนะที่เธอดูค้างเอาไว้เนื้อหาในซีรี่ย์เป็นเรื่องเกี่ยวกับพวกเด็กๆที่พากันตามหาเพื่อนที่หายตัวไปในโลกคู่ขนาน ในนั้นมีทั้งสัตว์ประหลาดและเรื่องราวแปลกๆลึกลับเต็มไปหมด อิงรดาไม่รู้เลยว่าตัวเองชอบดูหนังแนวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งๆที่เป็นคนไม่ชอบดูแนวสยองขวัญสั่นประสาท แต่ซีรี่ย์เรื่องนี้กลับทำให้เธออยากติดตามดูตอนต่อไปได้เรื่อยๆตอนแรกจบไปก็ต่อไปตอนที่สอง ปกติแล้วซีรี่ย์จะลงแค่อาทิตย์ละตอน แต่นี่มีดองค้างไว้อยู่เป็นสิบ นั
ทำไปทำมาจากที่จิรายุบอกว่าจะเข้ามาดูซีรี่ย์ด้วย กลับกลายเป็นว่าเวลานี้เธอเองต้องเป็นฝ่ายมานั่งปลอบใจเขา เบียร์กระป๋องแล้วกระป๋องเล่าถูกเปิดออก จิรายุดื่มมันราวกับว่าต้องการให้ความทุกข์เศร้านั้นมลายหายไป หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธอถูกปิดไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เขากำลังเมา"คุณเจตน์คะคุณเจตน์ ตั้งสติหน่อยสิคะ หนูว่าหยุดดื่มก่อนเถอะค่ะ นี่คุณเมาเกินไปแล้วนะคะ" อิงรดารีบห้ามพัลวันเมื่อเวลานี้จิรายุกำลังเมามายราวกับแทบจะคุมสติไม่อยู่ เขาเป็นถึงขนาดนี้ได้ยังไง แสดงว่าจิรายุคงจะรักอีกฝ่ายหนึ่งมาก เลยถึงได้ฟูมฟายขนาดนี้แต่อันที่จริงเธอกับเขาก็พึ่งจะกลับมาเจอหน้ากันได้เพียงแค่ไม่กี่วันเอง จิรายุน่าจะเก็บอาการหน่อยก็ไม่ได้ เล่นปล่อยออกมาหมดแบบนี้เธอก็ไม่รู้ว่าจะรับมือยังไง"เธอม่ายต้องมาห้าม ม่ายรู้เหรองายว่าที่ช้านต้องดื่มก็เพราะว่าโคนมานกามลางเจ็บ""หนูเข้าใจค่ะหนูเข้าใจ แต่ว่าตอนนี้คุณเจตน์ดื่มมากเกินไปแล้ว พอแค่นี้ก่อนดีกว่าค่ะ"จากนั้นกระป๋องเบียร์ในมือก็ถูกอิงรดาแย่งออกจากมือไป และสิ่งที่ไม่คาดคิดในอย่างที่สองก็คือการที่จิรายุเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น ปากก็เอาแต่พร่ำบ่นถึงค
"อะไรนะ! นี่เธอว่าไงนะอิง ตาเจตน์น่ะหรือนอนเมาหัวทิ่มอยู่ในห้องเธอ""ค่ะคุณท่าน เมื่อคืนหนูนอนไม่หลับแล้วเปิดหนังดู พอตอนออกไปเอาขนมเข้ามากินก็เลยเจอคุณเจตน์เข้า คุยกันเรื่องหนังแล้วคุณเจตน์ก็เลยบอกว่าเขาก็ดูเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เลยว่าจะดูด้วยกันต่อ ทำไปทำมาไม่รู้ท่าไหนคุณเจตน์หอบเบียร์เข้าไปด้วยเฉย จากนั้นก็เริ่มฟูมฟายเมาหัวทิ่มเลยค่ะ"อิงรดาเล่าไปด้วยน้ำเสียงยเจือด้วยความเศร้าน้อยๆ เหตุก็เพราะว่ายังนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่ถูกจิรายุทั้งดึงเข้าไปกอดจูบลูบคลำ จนถูกเธอตบจนหน้าคว่ำไม่หาย และที่ตอนนี้เธอกล้าเล่าหรือว่าจำเป็นต้องเล่านั้นก็เป็นเพราะว่าตั้งแต่แรกอิงรดาถูกคุณกนกวรรณสั่งเอาไว้ ว่าต่อไปนี้ไม่ว่าจิรายุจะทำอะไรให้เธอคอยรายงานความเคลื่อนไหวมาให้หมด แน่นอนว่าในขณะที่จิรายุยังคงหลับอุตุไม่ตื่น แต่ผู้หญิงสูงอายุทั้งสองคนนั้นตื่นลงมาใส่บาตรกันแล้ว หากว่าเธอไม่บอกไป ยังไงเสียตอนที่ฝ่ายนั้นเดินออกจากห้องเธอมา คุณกนกวรรณและยายนางผู้เป็นยายของเธอก็ต้องเห็น สู้เธอเล่าไปเลยตอนนี้ยังจะดีกว่า เพราะถึงยังไงเสีย ต่อให้เธอและจิรายุจะนอนห้องเดียวกัน มันก็ไม่มีทางที่จะเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อฝ่ายนั้น
"หนูท้องจริงๆด้วยค่ะคุณเจตน์""อะไรนะ นี่พูดจริงหรือเปล่าอิง""สองขีดชัดเจนขนาดนี้โกหกได้ด้วยเหรอคะ"อิงรดาชูแผ่นตรวจการตั้งครรภ์ที่ปรากฎสัญลักษณ์สองขีดที่อยู่ในมือชููยื่นให้จิรายุดู ช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เธอมีอาการแปลกๆ เอาแต่เวียนหัวหงุดหงิดวิงเวียนเป็นว่าเล่น ดึกๆดื่นๆก็ชอบตื่นลุกขึ้นมาหาอะไรกินทั้งที่นอนหลับไปแล้ว จนจิรายุเองยังเคยแอบแซวว่าสงสัยเธอคงจะท้องแล้วแน่ๆยิ่งพอได้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน รายนั้นก็ชอบจับเธอกินทั้งเช้าและค่ำ บางทีดึกดื่นค่ำมืดกว่าจะได้หลับได้นอนก็ปาไปเกือบค่อนคืน ทั้งทีเธอเองก็บอกไปแล้วว่าให้เขาเพลาๆลงหน่อย งานแต่งก็ยังไม่ได้จัด กว่าจะถึงฤกษ์ก็ต้องรออีกตั้งสองเดือนถึงจะถึงวันที่คุณกนกวรรณหาเอาไว้ให้ เธอเลยกลัวว่าป่านนั้นตัวเองจะได้ท้องโย้ก่อนเข้าพิธีแต่งงาน"เย้!ในที่สุดลูกพ่อก็มาสักที แบบนี้ต้องประกาศให้โลกรู้ว่าจิรายุก็มีน้ำยา นึกว่าจะต้องอับอายขายขี้หน้าคนแถวนี้เสียแล้วว่าฉันทำลูกไม่เป็น"จิรายุกระโดดเย้วๆอยู่สามสี่ทีก็วิ่งกลับมาอุ้มเธอขึ้นหมุนไปรอบๆ อิงรดาอดขำไม่ได้ที่จิรายุยังจำได้อยู่ว่าเธอแกล้งล้อเขาว่าอะไร เพราะตั้งแต่ที่ตั้งใจมีอะไรกันไปแบบไม่มีกา
"แกต้องรับผิดชอบยายอิง"นั่นคือคำประกาศิตที่คุณกนกวรรณพึ่งจะประกาศออกไป อิงรดายังคงนั่งก้มหน้าโดยมีจิรายุหลานชายของเธอนั่งจับมือไว้ คงจะเป็นเพราะว่าเด็กนั่นกลัวทำให้เธอและผู้เป็นยายผิดหวังเสียใจ จึงไม่กล้าเงยหน้าสบตา หากแต่ว่าความจริงเป็นอย่างไร คงจะมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้อยู่เต็มอก นึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เธอยังคงส่งนักสืบเฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวของอดีตสามีที่ย้ายออกจากบ้านไปอยู่กับภรรยาใหม่ ซึ่งก็คือ นันที อดีตแม่บ้าน ด้วยความที่ยังคงรักและเป็นห่วง บวกกับที่เธอได้ข่าวมาว่าพักหลังมานี้อดีตสามีสุขภาพไม่ค่อยจะดีนักและออกไปไหนไม่ค่อยได้ ทำให้ฝ่ายหญิงนั้นแอบลักลอบมีความสัมพันธ์กับชายคนใหม่ และไม่ได้ใส่ใจดูแลอดีตสามีของเธออย่างที่ควรจะเป็น จนอดีตสามีของเธอรู้เข้าก็เริ่มตรอมใจ เธอเองด้วยความที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายปี บอกตามตรงก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เลยยังแอบดูแลให้ความช่วยเหลือในฐานะเพื่อนเก่า โดยที่ไม่เคยเอ่ยปากบอกให้ใครรู้แต่พอสืบไปสืบมา นอกเหนือจากเรื่องสามี ความจริงบางอย่างที่เธอได้รับรู้เพิ่มมาอีกอย่างด้วยก็คือ พ่อหลานชายตัวดี ยังคงติดต่อคบหากับเอมมิกาลูกสาวของนันที
ไม่ใช่แค่อิงรดาที่หน้าเหวอ แต่เอวารินที่โทรมาอยู่ในสายก็หน้าเหวอตกใจไปตามๆกัน แถมฝ่ายนั้นยังจะถามจิรายุซ้ำเพื่อความแน่ใจอีกต่างหาก จนได้ฟังคำตอบรอบที่สองของจิรายุไป ทำเอาอิงรดาถึงกับต้องรีบแย่งโทรศัพท์มือถือที่ถูกจิรายุแย่งไปคืนกลับมา'น้องแอลฟังไม่ผิดหรอกครับ พี่บอกว่าอิงเป็นแฟนพี่ หรือว่าจะเอาให้ชัดๆเลยก็คือ อิงเป็นเมียพี่ครับ'"คุณเจตน์พูดแบบนั้นกับคุณแอลไปได้ยังคะ""ทำไมล่ะ ก็ในเมื่อฉันพูดความจริง หรือเธอจะเถียงอีกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน"จิรายุหน้ายุ่งคิ้วยุ่งสวนกลับคนตัวเล็กทันทีที่เธอแหวมา ก็จะให้เขาทำยังไงได้ล่ะ ยอมทนเห็นแฟนตัวเองถูกคนอื่นจีบเฉยๆอย่างนั้น ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นผู้หญิงก็ตามอย่างนั้นเหรอ คงไม่ใช่เขาล่ะ คอยดูเถอะ นี่ขนาดยังไม่ได้คบกันออกหน้าออกตาเขายังหวงเธอขนาดนี้ วันไหนที่มีโอกาสได้ประกาศความเป็นเจ้าของขึ้นมา รับรองว่าอิงรดาจะไม่มีทางได้เหลียวมองใคร"แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆนี่คะ"อิงรดาน้ำเสียงอ่อนลง แถมยังทิ้งตัวนั่งลงไปบนเตียงราวกับว่าหมดอะไรตายยาก ในเมื่อตอนนี้เธอเองไม่สามารถแสดงสิทธิ์ในการครอบครองเขาได้ เพราะฉะนั้นเรื่องสถานะความสัมพันธ์ระหว
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นก้องอยู่ภายในห้องครัว ยิ่งอิงรดาส่งเสียงกระเส่าครวญครางออกมาเท่าไหร่ เเรงกระแทกที่ถูกส่งไปก็ยิ่งมีมากเพิ่มขึ้นเท่านั้น ทันที่ผละออกจากริมฝีปากหวานได้ สายตาคมของเขาก็ก้มจ้องลงมายังจุดสอดประสาน อิงรดามองภาพจิรายุซี๊ดปากหน้านิ่วที่เกิดจากการกระทำร่วมกันของเขาและเธอก็เกิดความเสียวซ่านบวกกับความอาย จิรายุเองก็เลือกที่จะมองสลับกันบนล่าง ใบหน้างดงามที่กำลังเสียวซ่านของอิงรดา สลับกับจุดเชื่อมประสานกลางกาย"อ่าส์ แน่นดีมากๆเลยอิง ได้มองหน้าเธอสลับกับมองนมไปด้วยแบบนี้ ขยับแค่ไม่กี่ทีฉันก็เกือบจะเสร็จแล้ว""แน่ใจเหรอคะว่าคุณเจตน์มองแค่หน้าหนูแล้วก็มองนม หนูเห็นว่าคุณเจตน์ชอบมองลงไป..ข้างล่าง""ก็อันนั้นฉันก็อยากเห็นไงว่าร่างกายของเราสองคนเข้ากันได้ดีมากแค่ไหน ว่าแต่เธอยังเจ็บอยู่อีกหรือเปล่า""ไม่เจ็บแล้วค่ะ ตอนนี้มีแต่..เสียว"อิงรดายิ้มหวานตาหยี พร้อมกับใบหน้ายู่ยี่แล้วจึงแลบลิ้นน้อยๆออกมา พอจิรายุเห็นเข้าก็รีบตามเข้าไปประกบดูดปากอย่างไว ในขณะที่สะโพกแกร่งยังคงซอยขยับเรียกเสียงครางหวานๆ อิงรดาปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขที่จิรายุมอบให้ จนเผลอปล่อยเสียงครางออกมาเป็นที
"แล้วคุณเจตน์กับพี่เอม เอ่อ คบกันมานานแล้วเหรอคะ""อื้ม เป็นสิบปีแล้ว แต่ก็คบๆเลิกๆ บางทีเลิกกันไปปีสองปีแล้วก็กลับมาคบกันใหม่ ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ตัดเอมออกไปจากชีวิตจริงๆไม่ได้บางทีก็อาจจะเป็นเพราะว่า เราเป็นคนแรกของกันและกัน""คุณเจตน์กับพี่เอม เป็นคนแรกของกันและกัน" อิงรดาเผลอพูดย้ำซ้ำคำนั้นออกมาเสียงเบา ราวกับว่าสิ่งนั้นกำลังสร้างความเจ็บปวดให้กับเธออยู่ลึกๆ ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆน้อยๆสามสี่ทีเพื่อไล่เอามวลน้ำตาที่กำลังทำท่าว่าจะเอ่อทะลักขึ้นมา กระนั้นถ้าหากตอนนี้เขาได้จ้องมองเข้ามาในดวงตาก็คงจะเห็นได้ถึงร่องรอยความแดงของมัน"เธอหึงฉันเหรออิง น้อยใจฉันอยู่หรือเปล่า""ปละ เปล่านี่คะ""แต่ถ้าเธอจะบอกว่าหึงแทนคำว่าเปล่า คำนั้นมันอาจจะทำให้ฉันดีใจมากกว่าก็ได้นะ"จิรายุเองก็มองมาที่เธอตาละห้อยสร้อยเศร้า ทั้งในใจก็ยังเอาแต่ครุ่นคิดว่าความรู้สึกที่อิงรดามีต่อตนเองนั้นจะใช่ความจริงหรือเปล่า หากแต่ก็ทำได้เพียงแค่เว้าวอนว่าขอให้เธอชอบเขาจริงๆ เพราะตอนนี้ตัวเขานั้นสามารถพูดได้อย่างเต็มปากแล้วว่า เขาชอบเธอ"คุณเจตน์ อยากให้หนูรู้สึกอย่างนั้นจริงๆเหรอคะ""อื้ม อยาก เพ
'ถ้าเธออยากจะยกเลิกเรื่องที่เคยตกลงกันไว้ก็ได้ แต่ระหว่างนี้ห้ามกินยาคุมฉุกเฉินเด็ดขาด รอจนกว่าประจำเดือนจะมา ถ้าประจำเดือนมาเธอก็รอดตัวไป แต่ถ้าไม่ เราก็ต้องมาตกลงกัน'อิงรดานั่งเหม่อกับข้อเสนอแกมคำสั่งล่าสุดของจิรายุอยู่ที่บริเวณใต้ร่มไม้หน้าบ้านอย่างหมดไร้ซึ่งหนทางและไม่เข้าใจเลยว่าจิรายุจะบังคับเธอไปทำไม ในเมื่อการมีลูกกับเธอนั้นก็ไม่ได้ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เพราะการที่เธอยอมตกลงทำเรื่องอะไรกับเขาแบบนี้ตั้งแต่เริ่มแรกเลยนั้นก็คือความต้องการของคุณกนกวรรณต่างหาก บวกกับความสงสารและแอบมีเขาเข้ามาอยู่ในใจ ด้วยความที่อยากจะมีเขาอยู่ใกล้ๆ เลยทำให้เธอยอมรับปากอะไรออกไปแบบนั้น การที่เธอยินยอมที่จะปล่อยให้เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาได้เข้ามาเจริญเติบโตในร่างกายของเธอได้ นั่นก็เป็นเพราะว่า เธอรักเขา แล้วเขาล่ะ รักเธอก็ไม่ได้รัก ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้ผิดเพศผิดปกติอะไรเสียหน่อย ทำไมถึงต้องรั้งเธอไว้ด้วยเรื่องแบบนี้ ไม่รู้บ้างเลยหรือไงว่าแค่นี้เธอก็เจ็บเจียนตายอยู่มะรอมมะร่อแล้วภายใต้ความทึบของม่านกรองแสงผืนยาวบนชั้นสอง เรือนร่างสูงใหญ่ยืนเอียงตัวพิงบานกระจกหนามองทะลุผ่านเงาสะท้อนออกไปยังด้านนอก เพื
ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปบ้าง อิงรดาไม่รู้ตัวเลยสักนิดด้วยซ้ำว่าเผลอเอื้อมมือไปเปิดประตูให้เอมมิกาเข้ามาในบ้านตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เดินกลับเข้ามาในบ้านแล้วได้ยินเสียงของเอมมิกาพยายามเสียงดังแข่งใส่จิรายุอยู่"แต่เอมไม่เลิก! เจตน์คบกับเอมมาถึงขนาดนี้แล้ว เอมเสียเวลาชีวิตไปเป็นสิบๆปีก็เพราะว่าเจตน์มัวแต่เกรงใจป้า เอมต้องการเจตน์คืน ยังไงเจตน์ก็ต้องกลับมาคบกับเอมเหมือนเดิม""เลิกพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ได้แล้วนะเอม คุณเลิกกับผมแล้วแต่งงานใหม่ไปแล้ว ตอนนี้จะมาอยากทวงผมคืน คุณบ้าไปแล้วหรือเปล่าฮะ""เอมไม่ได้บ้า แต่เอมแค่อยากมาขอโอกาสเจตน์อีกครั้ง เอมคิดถึงเจตน์ ที่เอมต้องแต่งงานไปก็เพราะว่าแม่บังคับเอม ความจริงเอมไม่เคยรักผู้ชายคนนั้นเลย เอมรักเจตน์""แต่ผมไม่ได้รักคุณแล้วเอม ผมรักคนอื่น""คนอื่นของเจตน์ คืออีนังเด็กอิงรดาเนี่ยเหรอ เจตน์อย่าคิดนะว่าคืนนั้นเอมไม่เห็นว่าคุณนั่งจูบกันกับมันอยู่ที่ริมหาด""แล้วไง ผมกับคุณเลิกกันไปแล้ว ผมจะไปกอดใครจูบใครมันก็เรื่องของผมเอม"และอีกร้อยล้านถ้อยคำสารพัดสารเพที่ยังพากันหลั่งไหลเข้ามาในหูของอิงรดาผู้น่าสงสาร เธอไม่ได้เดินกลับเข้าไปในบ้าน หากเ
ในที่สุดอิงรดาก็ทำใจกล้าเปิดประตูออกไปได้เสียที หลังจากที่ยืนสวดมนต์ทำใจอยู่เสียนาน พอจิรายุบอกว่าจะเป็นฝ่ายเปิดออกไปเองก็ไม่ยอม บานประตูค่อยๆเปิดกว้างออกขึ้นทีละน้อย จนในที่สุดจิรายุทนไม่ไหวจึงได้เบียดตัวออกไปยืนอยู่หน้าห้องทันทีนาทีนั้นอิงรดาแทบจะอยากกรี๊ดออกมาดังๆแต่ก็ทำไม่ได้ ในเมื่อตกลงกันแล้วว่าเธอจะเป็นฝ่ายเปิดออกไปก่อนเพื่อดูลาดเลาแล้วเขาค่อยตามเธอไป เพราะถ้าหากว่าแถวนั้นมีใครอยู่ เธอจะได้เบี่ยงเบนความสนใจให้จิรายุออกมาได้ แต่พอออกมา ปรากฎว่าบ้านทั้งหลังนั้นกลับว่างเปล่า อิงรดาชะเง้อหน้ามองหาคนในบ้าน แต่ก็ไม่เจอใครเลย "เห็นไหม ไม่เห็นมีใครเลย""คุณเจตน์ อย่าพึ่งเสียงดังไปสิคะ"คนตัวเล็กรีบยกมือขึ้นมาจุ๊ปากเป็นสัญลักษณ์ให้จิรายุนั้นพูดเบาๆ แม้ว่าในใจจะคิดว่ามันแปลกมาก แต่อิงรดาก็เลือกที่จะสาวเท้าเข้าไปในครัว เพราะเป็นที่อยู่ประจำของยาย แต่พอเดินเข้าไปแล้วยังคงเห็นแก้วเปล่าใบที่จิรายุนั้นวางเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนก็เริ่มหน้าแดงขึ้นมา"รู้นะว่าคิดอะไร""หนูเปล่านะ"จิรายุที่เดินตามเข้ามาติดๆ หยุดมองตามทิศทางสายตาที่อิงรดานั้นมองไปก็ได้โอกาสแซวขึ้นมาทันที ยิ่งเดินอ้อมไปข้างหน้าแล้
อิงรดาถูกจิรายุอุ้มหวือตัวลอยขึ้นไปจากพื้น ทันทีที่เขาก้าวเดินพ้นจากห้องครัวออกมา ภายในใจก็ได้แต่ภาวนาขอว่าอย่าให้ใครได้ออกมาพบเห็นหรือเจอะเจอเลย แม้ว่าเปอร์เซ็นความเป็นไปได้จะน้อยมากที่หญิงสูงวัยทั้งสองคนนั้นจะเดินลงมาข้างล่างดึกดื่นป่านนี้ แต่ยังไงเสียเธอก็ยังกลัวอยู่ดี อิงรดากลัวว่าจะทำให้คุณกนกวรรณและผู้เป็นยายผิดหวัง กลัวถูกตราหน้าว่าเนรคุณ แต่หัวใจเจ้ากรรมกลับไม่สามารถที่จะหักห้ามไม่ให้พาเอาตัวเองเข้าไปใกล้จิรายุได้แต่ทันทีที่บานประตูห้องนอนถูกปิด ราวกับว่าเวลานี้โลกทั้งโลกนั้นมีเพียงแค่เธอกับเขาแค่สองคน ยามเมื่อจิรายุวางเธอลงไปบนเตียงนุ่ม อิงรดาก็ใช้มือวาดไปโอบกอดรอบคอแกร่งนั่นให้โน้มลงมาหาแล้วตอบกลับเขากลับด้วยจูบในแบบเดียวกัน ลิ้นร้อนเล็กใหญ่เกี่ยวก่ายพันกันจนแน่น เสื้อยืดของเธอถูกเขาเลิกขึ้นมาจนมากองรวมกันอยู่ที่คอ ในขณะที่เขาเริ่มใช้ฝ่ามือใหญ่สำรวจบีบคลึงไปทั่ว"คุณเจตน์"อิงรดาหลุดครางเสียงหวานออกมาทันทีที่ความอวบงามนั้นถูกเขี่ย สองคู่ชูชื่นพากันแข็งเกร็งตั้งชูราวกับรู้ว่าอีกไม่นานจะต้องถูกจิรายุแวะเข้ามาเยี่ยมชมเสื้อยืดสีขาวถูกเขาถอดออกไปทางศรีษะ ตามด้วยเสื้อยืดสีดำของต