ระหว่างทานอาหารมื้อค่ำก็ได้มีการพูดคุยกันไปเรื่อยๆ คุยเรื่องจิรายุบ้างวกกลับมาเรื่องเธอบ้าง แต่ดูท่าว่าคนที่ดูจะเอ็นจอยในการคุยที่สุดก็น่าจะเป็นนพนนท์ หรือ คุณพี่นนนี่นั่นเอง รายนั้นเม้าท์มอยเรื่องนั้นทีเรื่องนี้ทีได้แบบไหลลื่นไม่มีสะดุดจนบางทีจิรายุถึงกับต้องดักเบรก
อันที่จริงนพนนท์ถือว่าเป็นคนน่ารักและก็อัธยาศัยดีคนหนึ่ง ถ้าลองว่าเขาเป็นแค่เพื่อนของจิรายุธรรมดา ไม่ใช่..คู่ขา อย่างที่คุณกนกวรรณว่าไว้ อิงรดาเชื่อว่าทุกคนในบ้านจะต้องชื่นชอบนพนนท์กันทั้งหมดแน่นอน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้มีใครแสดงออกว่าเกลียด แต่มันก็ไม่ได้เต็มใจที่จะพูดคุยได้ด้วยอย่างสนิทใจ เนื่องจากว่าเกรงใจคุณกนกวรรณกันหมด
"เอาอย่างนี้สิเจตน์ เห็นเจตน์บอกป้าว่าช่วงนี้ยุ่งมากงานการล้นมือ ป้าว่าเจตน์เอาอิงไปเป็นผู้ช่วยก็ดีนะ ไหนๆก็เรียนจบกลับมาแล้ว งานการก็ยังไม่ได้หาสมัคร เจตน์ลองเอาอิงไปช่วยงานดูก่อนสิ เผื่อจะช่วยแบ่งเบางานเจตน์ที่บริษัทเราได้บ้าง"
พอถีงช่วงประจบเหมาะจังหวะช่องว่าง คุณกนกวรรณก็รีบจัดการยัดเยียดเธอให้ไปทำงานกับจิรายุเสียเลยทันที เป็นไงล่ะรวดเร็วดีไหม สงสัยคงเป็นเพราะว่าท่านกลัวว่าเธอจะไม่ยอมทำหน้าที่นี้ก็เลยรีบเสนอก่อน
"คุณป้าคิดว่าอย่างนั้นเหรอครับ ตัวผมยังไงก็ได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้วถ้าอิงอยากจะไปทำด้วย ว่าไงล่ะอยากไปทำงานกับฉันหรือเปล่า" จิรายุเงยหน้าถามผู้เป็นป้าแล้วจึงเงยมองหน้าเธอพร้อมคำถาม
อิงรดาอึกอักทันทีที่คำถามถูกส่งมา ด้วยความที่ว่าในใจนั้นรู้จุดประสงค์ของหญิงสูงวัยอยู่แล้วว่าต้องการให้เธอไปทำงานกับจิรายุด้วยเหตุใด จึงทำให้เธอไม่สามารถตอบออกไปอย่างเต็มปากเต็มคำได้ว่าเธออยากไปทำงานกับเขา
"เอ่อ คือว่าหนู.."
"ไปสิลูก คุณท่านกับคุณเจตน์ให้โอกาสอิงขนาดนี้แล้ว จะมัวมาอ้ำอึ้งอยู่ทำไม" นั่นไงยายนางก็หาทางส่งเสริมสนับสนุนเข้าอีกคน
"ใช่จ๊ะน้องอิง ไปทำงานกับเจตน์พี่ว่าเหมือนหนูจะได้ไปเที่ยวมากกว่านะ เพราะรายนั้นน่ะ เอะอะลงใต้ๆ นี่พี่ยังคิดเลยว่าเจตน์มันน่าจะย้ายบ้านไปอยู่ภาคใต้เลยเสียมากกว่า จริงไหมคะคุณป้า" นพนนท์หันไปถามหาเสียงสนับสนุนจากผู้ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ แต่ดูเหมือนว่าผู้เป็นป้าของจิรายุนั้นจะไม่ได้มีท่าทีเห็นดีด้วยสักเท่าไหร่
"แต่ป้าว่าคงไม่ดีมั้งจ๊ะนนท์ ถ้าเกิดว่าตาเจตน์ย้ายลงไปอยู่ใต้ขึ้นมาจริงๆ โรงงานจิวเวลรี่ของป้าล่ะใครจะช่วยดูแล ลูกเต้าป้าเองก็ไม่มี ทุกวันนี้ก็มีแต่ตาเจตน์นี่แหละจ๊ะที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง"
"อุ๊ย จริงด้วยสินะคะคุณป้าขา นนนี่ลืมไปเสียสนิทเลยค่ะ" นพนนท์หน้าแหยเมื่อรู้ว่าความคิดของตัวเองนั้นไม่ได้เข้าท่าสักเท่าไหร่
"งั้นก็เป็นอันว่าเอาตามที่ป้าบอกไปก็แล้วกันนะ เจตน์พาอิงไปทำงานด้วย ไม่ว่าจะไปไหนทำอะไร ขึ้นเหนือลงใต้ ถือว่าเป็นความต้องการของป้าก็แล้วกัน"
"ป้าไก่จะไม่ลองถามความสมัครใจของอิงดูหน่อยก่อนหรือครับ" จิรายุถามผู้เป็นป้าแล้วก็หันมามองหน้าเธออีกรอบ
"เธอไม่อยากไปทำงานกับตาเจตน์เหรออิง ไหนบอกหน่อยสิว่าฉันบังคับใจเธออยู่หรือเปล่า"
จากตอนแรกที่ยังคงตัดสินใจไม่ได้ แต่พอได้เจอสายตาพิฆาตของคุณกนกวรรณไป ทำเอาอิงรดาถึงกับต้องตาลีตาเหลือกตอบตกลงจิรายุไปทันที
"อ๋อ เปล่าเลยค่ะคุณท่าน หนูอยากไปทำงานกับคุณเจตน์ค่ะ ดีเสียอีกที่คุณเจตน์ให้โอกาสหนู หนูจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลานั่งหางานให้ลำบาก"
"เห็นไหมล่ะตาเจตน์ ป้าบอกแล้วว่าเจ้าอิงน่ะอยากไปทำงานกับแก"
"ครับคุณป้า"
จิรายุรับคำของผู้เป็นป้าไปแบบงงๆ เพราะจากที่ตนสังเกตสีหน้าท่าทางของอิงรดาแล้ว รายนั้นดูเหมือนว่ามีอะไรให้กังวลในใจอะไรสักอย่าง ยิ่งพอถูกผู้เป็นป้าของเขาเค้นถาม อิงรดาก็รีบผวาตอบออกมาอย่างราวกับว่าจำใจ
หลังจากได้ข้อสรุปแล้วก็นั่งคุยกันต่ออีกหน่อย จากนั้นจิรายุจึงได้ขอตัวออกไปส่งนพนนท์ที่คอนโด รายนั้นถึงว่าจะมีบ้านอยู่ทางใต้ แต่คอนโดที่มีไว้อยู่อาศัยในกรุงเทพก็มีหลายที่ ทันทีที่คุณกนกวรรณได้ยินว่าจิรายุจะออกไปส่งนพนนท์ เป็นอันว่าหน้าที่ของเธอได้เริ่มต้นขึ้นในบัดดล
"คุณเจตน์คะ คุณเจตน์ ให้หนูไปส่งคุณนนท์เป็นเพื่อนนะคะ พอดีว่าคุณท่านเป็นห่วงน่ะค่ะ ไม่อยากให้คุณเจตน์ขับไปขับกลับคนเดียว"
'เสียที่ไหนล่ะ อันที่จริงคุณกนกวรรณกลัวว่าจิรายุไปส่งแล้วจะอยู่ค้างต่อที่คอนโดอีกฝ่ายแล้วไม่ยอมกลับมาค้างที่บ้านเสียมากกว่า ก็เลยจัดการส่งเธอไปเป็นไม้กันหมาขัดขวางคนสองคนนี้ไว้'
"เฮ้ยบ้าน่า ป้าไก่พูดอย่างกับว่าฉันเป็นเด็กๆ เธอรีบกลับเข้าไปนอนเถอะ ร่างกายน่าจะยังปรับเวลาไม่ได้หรือเปล่า คอนโดนนท์อยู่แค่นี้เองฉันไปแป๊บเดียวก็กลับ"
พูดจบจิรายุก็เดินไปเปิดประตูทำท่าว่าจะขึ้นรถไป จังหวะนั้นสมองอันว่องไวของอิงรดาก็ต้องรีบหาข้ออ้างให้ได้ว่าต้องทำอย่างไรจิรายุถึงจะยอมให้เธอติดรถออกไปกับเขาได้ ขืนเธอกลับเข้าบ้านไปบอกคุณกนกวรรณว่าภารกิจที่ได้รับมอบหมายล้มเหลวแล้วล่ะก็ท่านคงเสียใจ
"คุณเจตน์คะ เดี๋ยวค่ะเดี๋ยว"อิงรดาตัดสินใจวิ่งตามไปเปิดประตูเบาะหลังรถทันทีเมื่อจิรายุเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ
"ว่าไง"
"หนูขอติดรถออกไปด้วยนะคะ คือว่า คือว่าหนูอยากจะขอแวะเซเว่นตรงหน้าปากซอยน่ะค่ะ มีของใช้จำเป็นบางอย่างที่หนูไม่ได้เอาติดมาด้วยแล้วมันต้องใช้ตอนนี้"
อิงรดาหายใจเหนื่อยหอบ พยายามหาข้ออ้างอย่างว่องไวในการได้ติดรถออกไป แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วเธอจะรู้สึกผิดที่กำลังเอาตัวเองไปขัดขวางเป็นก้างคู่รักที่เขาอยากใช้เวลาด้วยกัน
"ของใช้อะไรกัน นี่เธอจำเป็นต้องรีบใช้ขนาดนั้นเลยเหรอ"
"ค่ะจำเป็นมาก คือว่ามันเป็นของใช้สำหรับผู้หญิงที่ต้องใช้ทุกเดือนค่ะ"
"อ๋อ พี่นนนี่เข้าใจแล้วค่ะน้องอิง หนูคงจะหมายถึงผ้าอนามัยใช่ไหมคะลูก"
"เอ่อคือ ใช่ค่ะใช่ พี่นนนี่ขาคือว่าหนูต้องขอโทษนะคะที่รบกวนเวลาส่วนตัวพี่กับคุณเจตน์แบบนี้ แต่คือว่าของมันก็จำเป็นต้องใช้จริงๆ ในบ้านก็ไม่มีใครใช้แล้วด้วย จะให้ไปขอยืมใครก่อนก็ไม่มี" อิงรดาจำใจต้องพูดปดร่ายมาเสียยืดยาวเพื่อหวังว่าให้คู่รักทั้งสองคนนี้เชื่อเธอหน่อย
"โอ๊ยไม่เป็นไรหรอกจ๊ะน้องอิง เรื่องแบบนี้ธรรมดาออกจะตายไป ไปเถอะเจตน์นี่ฉันก็เริ่มง่วงแล้วนะ นอนดึกไม่ดีเดี๋ยวหน้าเหี่ยวค่ะ" ว่าแล้วบีเอ็มดับเบิ้ลยูเอ็กซ์หนึ่งสีดำเงาก็เคลื่อนตัวออกไป โดยมีอิงรดานั่งใจหายใจคว่ำได้ติดรถออกไปด้วยเพื่อคอยขัดขวาง
ขับมาไม่นานจิรายุก็พาทุกคนมาจอดถึงหน้าคอนโดของนพนนท์ ตลอดทางที่ผ่านมาสองคนข้างหน้าก็เอาแต่พูดกันเรื่องธุรกิจ ราวกับลืมไปว่ามีเธอนั้นนั่งมาด้วย แต่จากที่ฟังๆดูแล้วเขาทั้งสองดูท่าทางจริงจังในเรื่องงานมาก โดยทางฝั่งของนพนนท์เองก็ได้มีการเตรียมตัวเรียนรู้งานเพื่อต้องการสานต่อธุรกิจของที่บ้าน หากว่าเธอไม่ได้รับรู้ข้อมูลจากคุณกนกวรรณมาก่อนแต่แรกว่าสองคนนี้แอบกุ๊กกิ๊กกัน อิงรดาก็คงจะคิดว่าเขาทั้งสองนั้นเพียงแค่คบหากันทางด้านธุรกิจเฉยๆ แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอแอบไปล่วงรู้ความจริงมาแล้ว ยังไงๆเธอก็คงจะไม่สามารถกลับไปคิดว่าสองคนนี้ไม่ได้มีอะไรเกินเลยหรือเป็นเพียงแค่เพื่อนปกติกันได้อยู่ดีจนกระทั่งรถยนต์มาจอด นพนนท์ก็ยิ่งทำในสิ่งที่มันตอกย้ำให้อิงรดานั้นอ้าปากค้างจนหุบไม่ลงและไม่คิดว่าจะได้เห็นกับตา เมื่ออยู่ๆนพนนท์ก็ทำการหันหน้าและยื่นปากจู๋ๆไปจุ๊บแก้มจิรายุหนึ่งทีก่อนเปิดประตูลงรถไป โดยที่จิรายุเองทำเพียงแค่หันหน้าไปยิ้มแล้วส่ายศรีษะเพียงเท่านั้น นี่จิรายุไม่คิดว่าจะปกปิดเรื่องราวความรักของเขาเอาไว้ก่อนบ้างเลยหรือไง อย่างน้อยก็น่าจะกลัวว่าเธอจะเอาไปพูดต่อให้เข้าไปถึงหูคุณกนกวรรณเข้า หรือว่าจ
หลังจากปล่อยให้เธออยู่บ้านได้แค่เพียงสองวัน คุณกนกวรรณก็ทำการส่งเธอให้ติดสอยตามจิรายุออกไป ไม่ว่าเขาจะทำอะไรที่ไหน หน้าที่ของเธอก็คือต้องคอยรายงานโดยห้ามจิรายุรู้ อีกทั้งยังต้องคอยจดบันทึกรวบรวมข้อมูลสถานะความสัมพันธ์ระหว่างเขาและคนรักว่าพอจะมีแนวโน้มไปในทิศทางใด เพื่อที่ว่าคุณกนกวรรณเองจะได้ช่วยหาทางในการคิดวิเคราะห์แยกแยะและจัดการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนั้นเสีย"เย็นนี้ฉันมีนัดกินข้าวกับนนท์นะ จะไปด้วยไหมหรือถ้าไม่เธอก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านเองก่อนได้เลย"และพอทันทีที่เธอรายงานความเคลื่อนไหนนี้ไป แน่นอนว่าคุณกนกวรรณไม่มีทางยอมปล่อยให้เธอลอยหน้าลอยตากลับบ้านไปก่อนแน่ๆ ยังไงเสียเธอก็ต้องตามเขาไป แม้ว่าในใจจะไม่ได้อยากไปเป็นก้างขัดขวางช่วงเวลาความสุขของเขากับคนรักเลยสักนิด แต่จะไม่ไปก็ไม่ได้ คิดแล้วอยากนั่งร้องไห้ตรงนี้"แล้วถ้าหนูไปด้วย คุณเจตน์กับคุณนนท์จะโอเคเหรอคะ""แล้วเพราะอะไรถึงจะไม่โอเคล่ะ ในเมื่อเธอทำงานกับฉัน ที่ไปกินข้าวกันนี่ก็เผลอๆไปคุยกันเรื่องงานด้วยซ้ำ แต่ที่ถามเธอก่อนก็เผื่อว่าเลิกงานแล้ว เผื่อว่าเธอมีธุระอะไรต่อที่ไหน""หนูไม่มีธุระที่ไหนหรอกค่ะ ถ้าเกิดว่าคุณเจตน์
หลังจากที่ดูหนังจบจิรายุก็พาเธอกลับมาถึงบ้านราวๆสี่ทุ่มกว่า พอมาถึงก็พบว่าผู้สูงอายุทั้งสองท่านนั้นได้ขึ้นห้องเข้านอนกันหมดแล้ว เธอและจิรายุจึงได้แยกย้ายห้องใครห้องมันบ้าง พอเปิดประตูเข้าห้องไป อิงรดาก็จัดการอาบน้ำอาบท่า มองเข็มนาฬิกาก็พึ่งจะห้าทุ่มกว่าและหนังตาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลย นี่ก็พึ่งจะเข้าสามสี่วันเองที่เธอกลับมา สงสัยว่านาฬิการ่างกายเธอคงจะยังไม่ได้การปรับเปลี่ยนเป็นเวลาที่เมืองไทยเป็นแน่ คิดได้คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คก็ถูกหยิบออกมาวางเพื่อค้นหาซีรี่ย์แนวลึกลับผจญภัยและโลกคู่ขนานที่ดูค้างไว้ตั้งแต่อยู่ที่โน่น อาทิตย์นี้คงน่าจะลงตอนใหม่มาหลายตอนแล้ว นานแค่ไหนกันนะที่เธอดูค้างเอาไว้เนื้อหาในซีรี่ย์เป็นเรื่องเกี่ยวกับพวกเด็กๆที่พากันตามหาเพื่อนที่หายตัวไปในโลกคู่ขนาน ในนั้นมีทั้งสัตว์ประหลาดและเรื่องราวแปลกๆลึกลับเต็มไปหมด อิงรดาไม่รู้เลยว่าตัวเองชอบดูหนังแนวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งๆที่เป็นคนไม่ชอบดูแนวสยองขวัญสั่นประสาท แต่ซีรี่ย์เรื่องนี้กลับทำให้เธออยากติดตามดูตอนต่อไปได้เรื่อยๆตอนแรกจบไปก็ต่อไปตอนที่สอง ปกติแล้วซีรี่ย์จะลงแค่อาทิตย์ละตอน แต่นี่มีดองค้างไว้อยู่เป็นสิบ นั
ทำไปทำมาจากที่จิรายุบอกว่าจะเข้ามาดูซีรี่ย์ด้วย กลับกลายเป็นว่าเวลานี้เธอเองต้องเป็นฝ่ายมานั่งปลอบใจเขา เบียร์กระป๋องแล้วกระป๋องเล่าถูกเปิดออก จิรายุดื่มมันราวกับว่าต้องการให้ความทุกข์เศร้านั้นมลายหายไป หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธอถูกปิดไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เขากำลังเมา"คุณเจตน์คะคุณเจตน์ ตั้งสติหน่อยสิคะ หนูว่าหยุดดื่มก่อนเถอะค่ะ นี่คุณเมาเกินไปแล้วนะคะ" อิงรดารีบห้ามพัลวันเมื่อเวลานี้จิรายุกำลังเมามายราวกับแทบจะคุมสติไม่อยู่ เขาเป็นถึงขนาดนี้ได้ยังไง แสดงว่าจิรายุคงจะรักอีกฝ่ายหนึ่งมาก เลยถึงได้ฟูมฟายขนาดนี้แต่อันที่จริงเธอกับเขาก็พึ่งจะกลับมาเจอหน้ากันได้เพียงแค่ไม่กี่วันเอง จิรายุน่าจะเก็บอาการหน่อยก็ไม่ได้ เล่นปล่อยออกมาหมดแบบนี้เธอก็ไม่รู้ว่าจะรับมือยังไง"เธอม่ายต้องมาห้าม ม่ายรู้เหรองายว่าที่ช้านต้องดื่มก็เพราะว่าโคนมานกามลางเจ็บ""หนูเข้าใจค่ะหนูเข้าใจ แต่ว่าตอนนี้คุณเจตน์ดื่มมากเกินไปแล้ว พอแค่นี้ก่อนดีกว่าค่ะ"จากนั้นกระป๋องเบียร์ในมือก็ถูกอิงรดาแย่งออกจากมือไป และสิ่งที่ไม่คาดคิดในอย่างที่สองก็คือการที่จิรายุเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น ปากก็เอาแต่พร่ำบ่นถึงค
"อะไรนะ! นี่เธอว่าไงนะอิง ตาเจตน์น่ะหรือนอนเมาหัวทิ่มอยู่ในห้องเธอ""ค่ะคุณท่าน เมื่อคืนหนูนอนไม่หลับแล้วเปิดหนังดู พอตอนออกไปเอาขนมเข้ามากินก็เลยเจอคุณเจตน์เข้า คุยกันเรื่องหนังแล้วคุณเจตน์ก็เลยบอกว่าเขาก็ดูเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เลยว่าจะดูด้วยกันต่อ ทำไปทำมาไม่รู้ท่าไหนคุณเจตน์หอบเบียร์เข้าไปด้วยเฉย จากนั้นก็เริ่มฟูมฟายเมาหัวทิ่มเลยค่ะ"อิงรดาเล่าไปด้วยน้ำเสียงยเจือด้วยความเศร้าน้อยๆ เหตุก็เพราะว่ายังนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่ถูกจิรายุทั้งดึงเข้าไปกอดจูบลูบคลำ จนถูกเธอตบจนหน้าคว่ำไม่หาย และที่ตอนนี้เธอกล้าเล่าหรือว่าจำเป็นต้องเล่านั้นก็เป็นเพราะว่าตั้งแต่แรกอิงรดาถูกคุณกนกวรรณสั่งเอาไว้ ว่าต่อไปนี้ไม่ว่าจิรายุจะทำอะไรให้เธอคอยรายงานความเคลื่อนไหวมาให้หมด แน่นอนว่าในขณะที่จิรายุยังคงหลับอุตุไม่ตื่น แต่ผู้หญิงสูงอายุทั้งสองคนนั้นตื่นลงมาใส่บาตรกันแล้ว หากว่าเธอไม่บอกไป ยังไงเสียตอนที่ฝ่ายนั้นเดินออกจากห้องเธอมา คุณกนกวรรณและยายนางผู้เป็นยายของเธอก็ต้องเห็น สู้เธอเล่าไปเลยตอนนี้ยังจะดีกว่า เพราะถึงยังไงเสีย ต่อให้เธอและจิรายุจะนอนห้องเดียวกัน มันก็ไม่มีทางที่จะเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อฝ่ายนั้น
ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องจนกระทั่งตอนนี้น่าจะผ่านไปเกือบสองสัปดาห์เต็มแล้วที่จิรายุยังคงอยู่ในอาการเศร้า เธอไม่รู้หรอกว่าอาการของเขานั้นถึงขั้นไหน แต่เอาเป็นว่าจิรายุคนนี้นั้นเงียบขรึมลงจนสะดุดตาคนรอบตัวเขากินข้าวน้อยลง วันๆเอาแต่ทำงานจนดึกดื่น ค่ำมืดกว่าจะกลับบ้าน บางวันก็ไล่ให้เธอกลับไปก่อน ส่วนตัวเขาเองบางทีเที่ยงคืนถึงได้ยินเสียงรถกลับเข้ามาจอดสิ่งที่จิรายุเป็นอยู่ทำเอาทุกคนในบ้านอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ เรื่องที่เธอเคยสงสัยว่าหน้าที่ที่ถูกมอบหมายจากคุณกนกวรรณนั้นเธอควรไปต่อหรือพอเอาไว้ก่อน คำตอบที่ได้รับหลังจากที่คุณกนกวรรณออกจากโรงพยาบาลในทันทีก็คือยิ่งต้องให้เธอจับตามองจิรายุให้หนัก ยิ่งเขาเศร้าเสียใจมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งต้องคอยรายงานสถานการณ์ให้คุณกนกวรรณทราบทุกย่างก้าว "อาการตาเจตน์ดีขึ้นบ้างหรือยัง""ยังเลยค่ะคุณท่าน วันๆเอาแต่คร่ำอยู่กับงาน ไม่ยอมลืมตาไปไหนเลยค่ะ""แล้วแฟนตาเจตน์ล่ะ ไม่สิ ยัยนนนี่อะไรนั่นได้แวะกลับเข้ามาวอกแวกอะไรกับตาเจตน์อีกหรือเปล่า""ไม่นะคะ เงียบหายไปเลย""ดี ยังไงเธอคอยจับตาดูตาเจตน์เอาไว้นะ ถ้ามีอะไรคืบหน้าก็ให้รีบรายงานมา อาทิตย์หน้าฉันจะเริ่มนัดดูตัวให
ดึกดื่นค่อนคืนจิรายุก็ยังคงพาเธอนั่งอยู่ตรงนั้น รอบๆตัวผู้คนยังคงเดินผ่านกันไปกันมา ส่วนเธอกับเขาก็นั่งมองดูดาวฟังเสียงคลื่นที่สาดเข้ากระทบฝั่ง พอดึกเข้าเริ่มจะหนาวเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำตาลตัวยาวที่เขาใส่อยู่ก็ถูกถอดออกมาให้เธอได้ใส่"ดึกแล้วลมแรง เธอใส่เสื้อฉันเอาไว้ก็แล้วกัน มีแค่เสื้อแขนสั้นมาตัวเดียวมันหนาว""แล้วคุณเจตน์ไม่หนาวเหรอคะ""ฉันเป็นผู้ชาย ฉันทนได้น่า""ไม่เอาหรอกค่ะ ถึงคุณเจตน์จะเป็นผุ้ชาย แต่หนูก็ไม่อยากเอาเปรียบ ขยับเปลนอนมาใกล้ๆนี่สิคะ แบ่งกันคลุม"อิงรดาพยายามดึงลากเปลนอนของจิรายุให้ขยับเข้ามาจนชิดกับเปลเธอ จากนั้นแจ็คเก็ตตัวยาวก็ถูกคลุมเผื่อไปยังคนข้างๆด้วยเขาและเธอพากันพูดคุยเรื่องราวนึกย้อนไปวันเก่าๆ ว่าช่วงเวลาสี่ปีที่ผ่านมาใครทำอะไรที่ไหนกับใครบ้าง จนมีช่วงหนึ่งที่จิรายุเล่าว่าเขากับคนรักนั้นคบกันมานานมากกว่าสิบปีแล้ว แต่ว่าเขาไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าตัวเองนั้นมีคนรักอยู่ จิรายุบอกว่าป้าของเขาไม่มีทางยอมรับได้แน่ๆถ้าได้รู้ว่าคนรักของเขาคือใคร และนั่นเองอิงรดาถึงได้รู้ว่าทำไมจิรายุต้องเสียใจฟูมฟาย ระยะเวลาที่คบกันมาสิบกว่าปีก็ย่อมต้องรักกันมากเป็นธรรมดา พอฟังเขาเล่า
'ทำไมมันถึงได้ถอดยากถอดเย็นแบบนี้วะ'จิรายุได้แต่บนคนเดียวอยู่ในใจ ในเมื่อเมื่อครู่ที่ผ่านมาเขาจัดการถอดเสื้อยืดที่เปื้อนเลอะไปด้วยน้ำหมึกและกางเกงยีนต์ออกให้อิงรดาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่รายนั้นกลับวิ่งออกจากห้องน้ำมาให้เขาปลดตะขอเสื้อชั้นในให้อีก จิรายุพยายามปลดแล้วปลดอีก แต่ก็ยังไม่ได้ เขาไม่เข้าใจเลยว่าอิงรดาซื้อเสื้อชั้นในที่มีตะขอที่ซับซ้อนขนาดนี้มาเพื่ออะไร เวลาถอดทีจะไม่ใช้เวลาถอดเป็นชั่วโมงเลยเหรอ"ได้ไหมคะคุณเจตน์""พึ่งรู้ว่าชั้นในผู้หญิงมีตะขอแบบนี้ด้วย ปกติแค่ตะขอเกี่ยวแล้วก็ปลดออกแล้วไม่ใช่หรือไง" นั่นแน่ ทำเป็นรู้ดี คงแอบเคยใส่สิท่า อิงรดาแอบนึกย้อนขำในใจ โดยที่คนที่ถูกเธอครหาไม่มีทางรู้ตัว"ตะขอแบบนี้มันก็มีค่ะ คุณเจตน์แค่สไลด์ขึ้นลง มันจะมีล็อกของมันอยู่"'ตรงไหนของเธอวะอิง นี่ฉันก็บิดจนเจ็บมือแล้วเนี่ย'จิรายุเริ่มชักจะหน้ายุ่งและหงุดหงิดเมื่อพยายามแกะเท่าไหร่ก็ไม่ออก จนในที่สุดคนที่บอกว่าจะหลับตาก็แอบค่อยๆหรี่ตาขึ้นมองเพราะเบื่องมต่อไปไม่ไหว จนกระทั่งลืมตาขึ้นมาเจอแผ่นหลังที่ขาวเนียนละเอียดและภาพตรงหน้าเขาที่มีอิงรดายืนหอบกระโจมผ้าเช็ดตัวเอาไว้ พลางปล่อยขอบชายของม
"หนูท้องจริงๆด้วยค่ะคุณเจตน์""อะไรนะ นี่พูดจริงหรือเปล่าอิง""สองขีดชัดเจนขนาดนี้โกหกได้ด้วยเหรอคะ"อิงรดาชูแผ่นตรวจการตั้งครรภ์ที่ปรากฎสัญลักษณ์สองขีดที่อยู่ในมือชููยื่นให้จิรายุดู ช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เธอมีอาการแปลกๆ เอาแต่เวียนหัวหงุดหงิดวิงเวียนเป็นว่าเล่น ดึกๆดื่นๆก็ชอบตื่นลุกขึ้นมาหาอะไรกินทั้งที่นอนหลับไปแล้ว จนจิรายุเองยังเคยแอบแซวว่าสงสัยเธอคงจะท้องแล้วแน่ๆยิ่งพอได้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน รายนั้นก็ชอบจับเธอกินทั้งเช้าและค่ำ บางทีดึกดื่นค่ำมืดกว่าจะได้หลับได้นอนก็ปาไปเกือบค่อนคืน ทั้งทีเธอเองก็บอกไปแล้วว่าให้เขาเพลาๆลงหน่อย งานแต่งก็ยังไม่ได้จัด กว่าจะถึงฤกษ์ก็ต้องรออีกตั้งสองเดือนถึงจะถึงวันที่คุณกนกวรรณหาเอาไว้ให้ เธอเลยกลัวว่าป่านนั้นตัวเองจะได้ท้องโย้ก่อนเข้าพิธีแต่งงาน"เย้!ในที่สุดลูกพ่อก็มาสักที แบบนี้ต้องประกาศให้โลกรู้ว่าจิรายุก็มีน้ำยา นึกว่าจะต้องอับอายขายขี้หน้าคนแถวนี้เสียแล้วว่าฉันทำลูกไม่เป็น"จิรายุกระโดดเย้วๆอยู่สามสี่ทีก็วิ่งกลับมาอุ้มเธอขึ้นหมุนไปรอบๆ อิงรดาอดขำไม่ได้ที่จิรายุยังจำได้อยู่ว่าเธอแกล้งล้อเขาว่าอะไร เพราะตั้งแต่ที่ตั้งใจมีอะไรกันไปแบบไม่มีกา
"แกต้องรับผิดชอบยายอิง"นั่นคือคำประกาศิตที่คุณกนกวรรณพึ่งจะประกาศออกไป อิงรดายังคงนั่งก้มหน้าโดยมีจิรายุหลานชายของเธอนั่งจับมือไว้ คงจะเป็นเพราะว่าเด็กนั่นกลัวทำให้เธอและผู้เป็นยายผิดหวังเสียใจ จึงไม่กล้าเงยหน้าสบตา หากแต่ว่าความจริงเป็นอย่างไร คงจะมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้อยู่เต็มอก นึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เธอยังคงส่งนักสืบเฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวของอดีตสามีที่ย้ายออกจากบ้านไปอยู่กับภรรยาใหม่ ซึ่งก็คือ นันที อดีตแม่บ้าน ด้วยความที่ยังคงรักและเป็นห่วง บวกกับที่เธอได้ข่าวมาว่าพักหลังมานี้อดีตสามีสุขภาพไม่ค่อยจะดีนักและออกไปไหนไม่ค่อยได้ ทำให้ฝ่ายหญิงนั้นแอบลักลอบมีความสัมพันธ์กับชายคนใหม่ และไม่ได้ใส่ใจดูแลอดีตสามีของเธออย่างที่ควรจะเป็น จนอดีตสามีของเธอรู้เข้าก็เริ่มตรอมใจ เธอเองด้วยความที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายปี บอกตามตรงก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เลยยังแอบดูแลให้ความช่วยเหลือในฐานะเพื่อนเก่า โดยที่ไม่เคยเอ่ยปากบอกให้ใครรู้แต่พอสืบไปสืบมา นอกเหนือจากเรื่องสามี ความจริงบางอย่างที่เธอได้รับรู้เพิ่มมาอีกอย่างด้วยก็คือ พ่อหลานชายตัวดี ยังคงติดต่อคบหากับเอมมิกาลูกสาวของนันที
ไม่ใช่แค่อิงรดาที่หน้าเหวอ แต่เอวารินที่โทรมาอยู่ในสายก็หน้าเหวอตกใจไปตามๆกัน แถมฝ่ายนั้นยังจะถามจิรายุซ้ำเพื่อความแน่ใจอีกต่างหาก จนได้ฟังคำตอบรอบที่สองของจิรายุไป ทำเอาอิงรดาถึงกับต้องรีบแย่งโทรศัพท์มือถือที่ถูกจิรายุแย่งไปคืนกลับมา'น้องแอลฟังไม่ผิดหรอกครับ พี่บอกว่าอิงเป็นแฟนพี่ หรือว่าจะเอาให้ชัดๆเลยก็คือ อิงเป็นเมียพี่ครับ'"คุณเจตน์พูดแบบนั้นกับคุณแอลไปได้ยังคะ""ทำไมล่ะ ก็ในเมื่อฉันพูดความจริง หรือเธอจะเถียงอีกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน"จิรายุหน้ายุ่งคิ้วยุ่งสวนกลับคนตัวเล็กทันทีที่เธอแหวมา ก็จะให้เขาทำยังไงได้ล่ะ ยอมทนเห็นแฟนตัวเองถูกคนอื่นจีบเฉยๆอย่างนั้น ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นผู้หญิงก็ตามอย่างนั้นเหรอ คงไม่ใช่เขาล่ะ คอยดูเถอะ นี่ขนาดยังไม่ได้คบกันออกหน้าออกตาเขายังหวงเธอขนาดนี้ วันไหนที่มีโอกาสได้ประกาศความเป็นเจ้าของขึ้นมา รับรองว่าอิงรดาจะไม่มีทางได้เหลียวมองใคร"แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆนี่คะ"อิงรดาน้ำเสียงอ่อนลง แถมยังทิ้งตัวนั่งลงไปบนเตียงราวกับว่าหมดอะไรตายยาก ในเมื่อตอนนี้เธอเองไม่สามารถแสดงสิทธิ์ในการครอบครองเขาได้ เพราะฉะนั้นเรื่องสถานะความสัมพันธ์ระหว
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นก้องอยู่ภายในห้องครัว ยิ่งอิงรดาส่งเสียงกระเส่าครวญครางออกมาเท่าไหร่ เเรงกระแทกที่ถูกส่งไปก็ยิ่งมีมากเพิ่มขึ้นเท่านั้น ทันที่ผละออกจากริมฝีปากหวานได้ สายตาคมของเขาก็ก้มจ้องลงมายังจุดสอดประสาน อิงรดามองภาพจิรายุซี๊ดปากหน้านิ่วที่เกิดจากการกระทำร่วมกันของเขาและเธอก็เกิดความเสียวซ่านบวกกับความอาย จิรายุเองก็เลือกที่จะมองสลับกันบนล่าง ใบหน้างดงามที่กำลังเสียวซ่านของอิงรดา สลับกับจุดเชื่อมประสานกลางกาย"อ่าส์ แน่นดีมากๆเลยอิง ได้มองหน้าเธอสลับกับมองนมไปด้วยแบบนี้ ขยับแค่ไม่กี่ทีฉันก็เกือบจะเสร็จแล้ว""แน่ใจเหรอคะว่าคุณเจตน์มองแค่หน้าหนูแล้วก็มองนม หนูเห็นว่าคุณเจตน์ชอบมองลงไป..ข้างล่าง""ก็อันนั้นฉันก็อยากเห็นไงว่าร่างกายของเราสองคนเข้ากันได้ดีมากแค่ไหน ว่าแต่เธอยังเจ็บอยู่อีกหรือเปล่า""ไม่เจ็บแล้วค่ะ ตอนนี้มีแต่..เสียว"อิงรดายิ้มหวานตาหยี พร้อมกับใบหน้ายู่ยี่แล้วจึงแลบลิ้นน้อยๆออกมา พอจิรายุเห็นเข้าก็รีบตามเข้าไปประกบดูดปากอย่างไว ในขณะที่สะโพกแกร่งยังคงซอยขยับเรียกเสียงครางหวานๆ อิงรดาปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขที่จิรายุมอบให้ จนเผลอปล่อยเสียงครางออกมาเป็นที
"แล้วคุณเจตน์กับพี่เอม เอ่อ คบกันมานานแล้วเหรอคะ""อื้ม เป็นสิบปีแล้ว แต่ก็คบๆเลิกๆ บางทีเลิกกันไปปีสองปีแล้วก็กลับมาคบกันใหม่ ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ตัดเอมออกไปจากชีวิตจริงๆไม่ได้บางทีก็อาจจะเป็นเพราะว่า เราเป็นคนแรกของกันและกัน""คุณเจตน์กับพี่เอม เป็นคนแรกของกันและกัน" อิงรดาเผลอพูดย้ำซ้ำคำนั้นออกมาเสียงเบา ราวกับว่าสิ่งนั้นกำลังสร้างความเจ็บปวดให้กับเธออยู่ลึกๆ ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆน้อยๆสามสี่ทีเพื่อไล่เอามวลน้ำตาที่กำลังทำท่าว่าจะเอ่อทะลักขึ้นมา กระนั้นถ้าหากตอนนี้เขาได้จ้องมองเข้ามาในดวงตาก็คงจะเห็นได้ถึงร่องรอยความแดงของมัน"เธอหึงฉันเหรออิง น้อยใจฉันอยู่หรือเปล่า""ปละ เปล่านี่คะ""แต่ถ้าเธอจะบอกว่าหึงแทนคำว่าเปล่า คำนั้นมันอาจจะทำให้ฉันดีใจมากกว่าก็ได้นะ"จิรายุเองก็มองมาที่เธอตาละห้อยสร้อยเศร้า ทั้งในใจก็ยังเอาแต่ครุ่นคิดว่าความรู้สึกที่อิงรดามีต่อตนเองนั้นจะใช่ความจริงหรือเปล่า หากแต่ก็ทำได้เพียงแค่เว้าวอนว่าขอให้เธอชอบเขาจริงๆ เพราะตอนนี้ตัวเขานั้นสามารถพูดได้อย่างเต็มปากแล้วว่า เขาชอบเธอ"คุณเจตน์ อยากให้หนูรู้สึกอย่างนั้นจริงๆเหรอคะ""อื้ม อยาก เพ
'ถ้าเธออยากจะยกเลิกเรื่องที่เคยตกลงกันไว้ก็ได้ แต่ระหว่างนี้ห้ามกินยาคุมฉุกเฉินเด็ดขาด รอจนกว่าประจำเดือนจะมา ถ้าประจำเดือนมาเธอก็รอดตัวไป แต่ถ้าไม่ เราก็ต้องมาตกลงกัน'อิงรดานั่งเหม่อกับข้อเสนอแกมคำสั่งล่าสุดของจิรายุอยู่ที่บริเวณใต้ร่มไม้หน้าบ้านอย่างหมดไร้ซึ่งหนทางและไม่เข้าใจเลยว่าจิรายุจะบังคับเธอไปทำไม ในเมื่อการมีลูกกับเธอนั้นก็ไม่ได้ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เพราะการที่เธอยอมตกลงทำเรื่องอะไรกับเขาแบบนี้ตั้งแต่เริ่มแรกเลยนั้นก็คือความต้องการของคุณกนกวรรณต่างหาก บวกกับความสงสารและแอบมีเขาเข้ามาอยู่ในใจ ด้วยความที่อยากจะมีเขาอยู่ใกล้ๆ เลยทำให้เธอยอมรับปากอะไรออกไปแบบนั้น การที่เธอยินยอมที่จะปล่อยให้เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาได้เข้ามาเจริญเติบโตในร่างกายของเธอได้ นั่นก็เป็นเพราะว่า เธอรักเขา แล้วเขาล่ะ รักเธอก็ไม่ได้รัก ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้ผิดเพศผิดปกติอะไรเสียหน่อย ทำไมถึงต้องรั้งเธอไว้ด้วยเรื่องแบบนี้ ไม่รู้บ้างเลยหรือไงว่าแค่นี้เธอก็เจ็บเจียนตายอยู่มะรอมมะร่อแล้วภายใต้ความทึบของม่านกรองแสงผืนยาวบนชั้นสอง เรือนร่างสูงใหญ่ยืนเอียงตัวพิงบานกระจกหนามองทะลุผ่านเงาสะท้อนออกไปยังด้านนอก เพื
ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปบ้าง อิงรดาไม่รู้ตัวเลยสักนิดด้วยซ้ำว่าเผลอเอื้อมมือไปเปิดประตูให้เอมมิกาเข้ามาในบ้านตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เดินกลับเข้ามาในบ้านแล้วได้ยินเสียงของเอมมิกาพยายามเสียงดังแข่งใส่จิรายุอยู่"แต่เอมไม่เลิก! เจตน์คบกับเอมมาถึงขนาดนี้แล้ว เอมเสียเวลาชีวิตไปเป็นสิบๆปีก็เพราะว่าเจตน์มัวแต่เกรงใจป้า เอมต้องการเจตน์คืน ยังไงเจตน์ก็ต้องกลับมาคบกับเอมเหมือนเดิม""เลิกพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ได้แล้วนะเอม คุณเลิกกับผมแล้วแต่งงานใหม่ไปแล้ว ตอนนี้จะมาอยากทวงผมคืน คุณบ้าไปแล้วหรือเปล่าฮะ""เอมไม่ได้บ้า แต่เอมแค่อยากมาขอโอกาสเจตน์อีกครั้ง เอมคิดถึงเจตน์ ที่เอมต้องแต่งงานไปก็เพราะว่าแม่บังคับเอม ความจริงเอมไม่เคยรักผู้ชายคนนั้นเลย เอมรักเจตน์""แต่ผมไม่ได้รักคุณแล้วเอม ผมรักคนอื่น""คนอื่นของเจตน์ คืออีนังเด็กอิงรดาเนี่ยเหรอ เจตน์อย่าคิดนะว่าคืนนั้นเอมไม่เห็นว่าคุณนั่งจูบกันกับมันอยู่ที่ริมหาด""แล้วไง ผมกับคุณเลิกกันไปแล้ว ผมจะไปกอดใครจูบใครมันก็เรื่องของผมเอม"และอีกร้อยล้านถ้อยคำสารพัดสารเพที่ยังพากันหลั่งไหลเข้ามาในหูของอิงรดาผู้น่าสงสาร เธอไม่ได้เดินกลับเข้าไปในบ้าน หากเ
ในที่สุดอิงรดาก็ทำใจกล้าเปิดประตูออกไปได้เสียที หลังจากที่ยืนสวดมนต์ทำใจอยู่เสียนาน พอจิรายุบอกว่าจะเป็นฝ่ายเปิดออกไปเองก็ไม่ยอม บานประตูค่อยๆเปิดกว้างออกขึ้นทีละน้อย จนในที่สุดจิรายุทนไม่ไหวจึงได้เบียดตัวออกไปยืนอยู่หน้าห้องทันทีนาทีนั้นอิงรดาแทบจะอยากกรี๊ดออกมาดังๆแต่ก็ทำไม่ได้ ในเมื่อตกลงกันแล้วว่าเธอจะเป็นฝ่ายเปิดออกไปก่อนเพื่อดูลาดเลาแล้วเขาค่อยตามเธอไป เพราะถ้าหากว่าแถวนั้นมีใครอยู่ เธอจะได้เบี่ยงเบนความสนใจให้จิรายุออกมาได้ แต่พอออกมา ปรากฎว่าบ้านทั้งหลังนั้นกลับว่างเปล่า อิงรดาชะเง้อหน้ามองหาคนในบ้าน แต่ก็ไม่เจอใครเลย "เห็นไหม ไม่เห็นมีใครเลย""คุณเจตน์ อย่าพึ่งเสียงดังไปสิคะ"คนตัวเล็กรีบยกมือขึ้นมาจุ๊ปากเป็นสัญลักษณ์ให้จิรายุนั้นพูดเบาๆ แม้ว่าในใจจะคิดว่ามันแปลกมาก แต่อิงรดาก็เลือกที่จะสาวเท้าเข้าไปในครัว เพราะเป็นที่อยู่ประจำของยาย แต่พอเดินเข้าไปแล้วยังคงเห็นแก้วเปล่าใบที่จิรายุนั้นวางเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนก็เริ่มหน้าแดงขึ้นมา"รู้นะว่าคิดอะไร""หนูเปล่านะ"จิรายุที่เดินตามเข้ามาติดๆ หยุดมองตามทิศทางสายตาที่อิงรดานั้นมองไปก็ได้โอกาสแซวขึ้นมาทันที ยิ่งเดินอ้อมไปข้างหน้าแล้
อิงรดาถูกจิรายุอุ้มหวือตัวลอยขึ้นไปจากพื้น ทันทีที่เขาก้าวเดินพ้นจากห้องครัวออกมา ภายในใจก็ได้แต่ภาวนาขอว่าอย่าให้ใครได้ออกมาพบเห็นหรือเจอะเจอเลย แม้ว่าเปอร์เซ็นความเป็นไปได้จะน้อยมากที่หญิงสูงวัยทั้งสองคนนั้นจะเดินลงมาข้างล่างดึกดื่นป่านนี้ แต่ยังไงเสียเธอก็ยังกลัวอยู่ดี อิงรดากลัวว่าจะทำให้คุณกนกวรรณและผู้เป็นยายผิดหวัง กลัวถูกตราหน้าว่าเนรคุณ แต่หัวใจเจ้ากรรมกลับไม่สามารถที่จะหักห้ามไม่ให้พาเอาตัวเองเข้าไปใกล้จิรายุได้แต่ทันทีที่บานประตูห้องนอนถูกปิด ราวกับว่าเวลานี้โลกทั้งโลกนั้นมีเพียงแค่เธอกับเขาแค่สองคน ยามเมื่อจิรายุวางเธอลงไปบนเตียงนุ่ม อิงรดาก็ใช้มือวาดไปโอบกอดรอบคอแกร่งนั่นให้โน้มลงมาหาแล้วตอบกลับเขากลับด้วยจูบในแบบเดียวกัน ลิ้นร้อนเล็กใหญ่เกี่ยวก่ายพันกันจนแน่น เสื้อยืดของเธอถูกเขาเลิกขึ้นมาจนมากองรวมกันอยู่ที่คอ ในขณะที่เขาเริ่มใช้ฝ่ามือใหญ่สำรวจบีบคลึงไปทั่ว"คุณเจตน์"อิงรดาหลุดครางเสียงหวานออกมาทันทีที่ความอวบงามนั้นถูกเขี่ย สองคู่ชูชื่นพากันแข็งเกร็งตั้งชูราวกับรู้ว่าอีกไม่นานจะต้องถูกจิรายุแวะเข้ามาเยี่ยมชมเสื้อยืดสีขาวถูกเขาถอดออกไปทางศรีษะ ตามด้วยเสื้อยืดสีดำของต