ทำไปทำมาจากที่จิรายุบอกว่าจะเข้ามาดูซีรี่ย์ด้วย กลับกลายเป็นว่าเวลานี้เธอเองต้องเป็นฝ่ายมานั่งปลอบใจเขา เบียร์กระป๋องแล้วกระป๋องเล่าถูกเปิดออก จิรายุดื่มมันราวกับว่าต้องการให้ความทุกข์เศร้านั้นมลายหายไป หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธอถูกปิดไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เขากำลังเมา
"คุณเจตน์คะคุณเจตน์ ตั้งสติหน่อยสิคะ หนูว่าหยุดดื่มก่อนเถอะค่ะ นี่คุณเมาเกินไปแล้วนะคะ" อิงรดารีบห้ามพัลวันเมื่อเวลานี้จิรายุกำลังเมามายราวกับแทบจะคุมสติไม่อยู่ เขาเป็นถึงขนาดนี้ได้ยังไง แสดงว่าจิรายุคงจะรักอีกฝ่ายหนึ่งมาก เลยถึงได้ฟูมฟายขนาดนี้
แต่อันที่จริงเธอกับเขาก็พึ่งจะกลับมาเจอหน้ากันได้เพียงแค่ไม่กี่วันเอง จิรายุน่าจะเก็บอาการหน่อยก็ไม่ได้ เล่นปล่อยออกมาหมดแบบนี้เธอก็ไม่รู้ว่าจะรับมือยังไง
"เธอม่ายต้องมาห้าม ม่ายรู้เหรองายว่าที่ช้านต้องดื่มก็เพราะว่าโคนมานกามลางเจ็บ"
"หนูเข้าใจค่ะหนูเข้าใจ แต่ว่าตอนนี้คุณเจตน์ดื่มมากเกินไปแล้ว พอแค่นี้ก่อนดีกว่าค่ะ"
จากนั้นกระป๋องเบียร์ในมือก็ถูกอิงรดาแย่งออกจากมือไป และสิ่งที่ไม่คาดคิดในอย่างที่สองก็คือการที่จิรายุเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น ปากก็เอาแต่พร่ำบ่นถึงคนที่ทิ้งตัวเองไปไม่หยุด
''ทามมายคุณต้องทิ้งโผม ทามมายถึงม่ายยอมอดทนเพื่อเรื่องของเรา รู้ไหมว่าโผมร้ากคุณมาก แต่ทามมายคุณถึงม่ายรักโผมบ้างเลย"
อิงรดามองไปที่จิรายุที่กำลังฟุบหน้าร้องไห้อยู่กับโต๊ะของเธอก็ได้แต่เกาหัว จิรายุคงจะรักนพนนท์มากเลยสินะถึงได้ฟูมฟายหนักขนาดนี้ นพนนท์ไม่น่าทำจิรายุแบบนี้เลย อิงรดาเห็นก็ได้แต่สงสารแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ก่อนที่อยู่ๆคนตัวใหญ่จะค่อยๆเอนตัวลงด้านข้างแล้วทิ้งตัวนอนลงไปเสียดื้อๆ
"อ๊ายคุณเจตน์คะคุณเจตน์ หนูว่าคุณเจตน์ขึ้นมานอนบนนี้ดีกว่าค่ะ จะนอนลงไปตรงไม่ได้ นั่นมันบนพื้นนะคะ ลุกขึ้นมาก่อน"
อิงรดาแทบจะร้องกรี๊ดขึ้นมาทันทีที่อยู่ๆจิรายุก็โค่นตัวนอนลงไปที่พื้นเฉยๆอย่างนั้น คนตัวเล็กหันซ้ายแลขวาก็คิดไม่ออกจริงๆว่าจะต้องทำอย่างไร เมื่อเวลานี้คนตัวใหญ่นั้นเมาสลบและหลับไปที่บนพื้นเรียบร้อยแล้ว ยิ่งถ้าจะให้วิ่งขึ้นไปเรียกทั้งยายและป้าของเขาลงมาช่วยกันก็ดูว่าจะเป็นไปไม่ได้ใหญ่ จนในที่สุดก็ต้องยอมเอาตัวเองลงไปงัดร่างเขาขึ้นมา
"คุณเจตน์หนูว่าคุณเจตน์ขึ้นมานอนตรงนี้ดีกว่าค่ะ บนพื้นมันเย็นจะตาย เดี๋ยวก็ไม่สบายไปหรอก ขึ้นมานอนบนเตียงหนูนี่ก็ได้"
อิงรดาพยายามเข้าไปจับประครองร่างสูงใหญ่นั้นให้ลุกขึ้นยืน แล้วเธอจึงเดินพาเขาเดินตรงไปที่เตียง ระหว่างนั้นจิรายุก็ยังคร่ำครวญถึงเรื่องราวความรักตัวเองออกมาแม้ว่าตอนนี้จะเมาจนแทบจะพูดอะไรไปไม่รู้เรื่อง เธอไม่น่าปล่อยให้เขาเดินกลับออกไปเอาเบียร์เข้ามาดื่มต่อเลย จากที่ตอนแรกเขาหยิบมาแค่กระป๋องเดียว พอบอกว่าขอออกไปเอาอีกรอบ คราวนี้ดันหอบเข้ามาเป็นครึ่งโหลเสียได้
"ทามมายความร้ากของราวถึงเปิดเผยม่ายด้าย ทามมายถึงต้องเปนแบบนี้ ทามมายๆ"
"โถ่คุณเจตน์ขา ตั้งสติหน่อยสิคะ"
จังหวะที่พยายามประครองจิรายุไปที่เตียง ฝ่ายนั้นก็ยังคงพร่ำปากพูดไปไม่หยุด อิงรดาไม่เคยได้รู้มาก่อนเลยว่าจิรายุนั้นมีคนรักตั้งแต่ตอนไหน แต่ที่แน่ๆแล้วความรักครั้งนี้ทำให้เขาหลุดได้ถึงขนาดนี้เลย แม้ว่าเมื่อก่อนเธอกับเขาจะพอสนิทกันอยู่บ้าง แต่พอต่างคนต่างแยกย้ายกันไปเติบโต ต่างคนก็ต่างเงียบหายไป อย่างน้อยที่แน่ๆก็สี่ปีนี้ที่ห่างกัน ยิ่งพอช่วงสองปีหลังมานี้นอกจากเทศกาลสำคัญเขาถึงจะโทรข้ามประเทศมา นอกนั้นก็มีเพียงแค่ข้อความอวยพรวันเกิดวันหยุดปีใหม่สงกรานต์วันวาเลนไทน์บ้างที่ส่งหากันแค่เท่านั้นที่ถือว่าเป็นการสื่อสาร
อิงรดาทั้งแบกทั้งลาก จนในที่สุดก็พาจิรายุไปถึงเตียงนอนตัวเองจนได้ แต่จังหวะที่เธอปล่อยคนตัวหนักให้ร่วงลงไปบนเตียง ข้อมือของเธอก็ดันถูกเขาฉุดให้ล้มลงไปบนตัวเขาด้วยอย่างกับฉากๆหนึ่งในละคร ทำเอาอิงรดาทั้งประหม่าและตกใจจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น เกิดมาจนอายุขนาดนี้ เธอกับเขาเคยสัมผัสตัวกันในระยะประชิดขนาดนี้เสียที่ไหน
"ว้าย คุณเจตน์"
"โผมร้ากคูณ ด้ายโปรดอย่าทิ้งโผมปายเลยนะ โผมอยากห้ายความร้ากของราวยางอยู่ ด้ายโปรดช่วยรอโผมหน่อย"
"คุณเจตน์นี่หนูเอง ตั้งสติหน่อยสิคะ หนูไม่ใช่คุณนนท์นะคุณเจตน์"
ดูเหมือนว่าสติของจิรายุนั้นดูท่าว่าจะไม่มีเหลืออยู่กับตัวเลยแม้แต่น้อย ทันทีที่ฉุดให้อิงรดาล้มลงไปบนตัวได้ คนตัวใหญ่ก็เริ่มปล้ำกอด อิงรดาทั้งตกอกตกใจ มือไม้ก็ไล่ปัดพัลวัน แต่ก็ยังคงไม่สามารถหยุดจิรายุได้ ทำเอาตัวเธอนั้นก็ใจหายใจคว่ำยามที่เริ่มถูกเขารุกรานมากขึ้น
"คุณเจตน์หยุด หนูบอกให้หยุดไง ไม่นะ อย่าสิ ถ้าไม่หยุดหนูตบจริงๆนะ"
นอกจากเมาจนไม่ได้สติแล้วดูเหมือนว่าจิรายุน่าจะหูตึงด้วย เขาใช้พละกำลังที่มีมากกว่าดึงตัวเธอให้เข้ามาใกล้ จากนั้นทั้งปากทั้งจมูกก็ไล่ซุกไซ้ไปตามใบหน้าและลำคอ ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วตามแผ่นหลังและพยายามดึงปลดตะขอเสื้อชั้นในของเธออกด้วย อิงรดาพอรู้ว่าตะขอเสื้อโดนปลดจนหลุดก็ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ ยิ่งพอจิรายุพยายามเอาริมฝีปากตัวเองประกบเข้ามาเพื่อจูบเธอด้วยแล้ว ความอดทนนั้นก็สิ้นสุดลง
ไม่ไหวแล้ว อิงรดากำลังจะต้านแรงเขาไม่ไหว เธอรวบรวมกำลังในช่วงวินาทีสุดท้ายสะบัดข้อมือตัวเองจนหลุด จากนั้นจึงตบเข้าไปที่ใบหน้าหล่เต็มแรงเสียงดังจนจิรายุหน้าหัน
เพี๊ยะ!
"โอ๊ย"
"หนูบอกให้หยุด!"
ได้ผลแฮะ ทันทีที่ถูกตบเข้าไป หลังจากร้องโอยแล้วจิรายุก็เงียบสนิทและหลับไปในทันที นี่เขาโอเคใช่ไหม แค่หลับสลบไปเฉยๆใช่หรือเปล่า คนอะไรถูกตบเข้าไปตั้งแรงยังจะหลับต่อได้อีก
อิงรดาที่ยังคงหน้าซี้ดตัวสั่นรีบลุกขึ้นจากเตียงอย่างไวแล้วถอยหลังลงมายืนยังปลายเตียง มือเล็กจับปิดชายเสื้อตัวเองเอาไว้แน่น แล้วปล่อยให้คนเมานอนแผ่หลาอยู่บนเตียงอย่างนั้น ส่วนเธอย้ายตัวเองมาสิงสถิตอยู่ที่บนโซฟาแล้วใช้ผ้าห่มผืนหนาคลุมปิดร่างกายตัวเองเอาไว้อย่างมิดชิดแทน
คนตัวสั่นยังคงนั่งสั่นอยู่อย่างนั้นและไม่กล้าที่จะปิดไฟนอน โคมไฟบนโต๊ะถูกเปิดค้างเอาไว้อยู่ เพื่ออย่างน้อยเธอจะได้มั่นใจว่าหากจิรายุลุกขึ้นมาตอนไหนเธอจะได้เห็นเขาก่อน
เกือบไปแล้ว เกือบพลาดท่าให้กับ 'ผู้ชายไม่แท้' แล้วไหมล่ะ อิงรดานั่งกอดเข่าขดตัวอยู่บนโซฟาพลางจ้องมองไปยังจิรายุที่นอนสลบเหมือดอยู่อีกเป็นพัก จนแน่ใจแล้วว่าเขาหลับและจะไม่ตื่นขึ้นมาจริงๆ แล้วจากนั้นเธอจึงได้ค่อยหลับตาลง
"อะไรนะ! นี่เธอว่าไงนะอิง ตาเจตน์น่ะหรือนอนเมาหัวทิ่มอยู่ในห้องเธอ""ค่ะคุณท่าน เมื่อคืนหนูนอนไม่หลับแล้วเปิดหนังดู พอตอนออกไปเอาขนมเข้ามากินก็เลยเจอคุณเจตน์เข้า คุยกันเรื่องหนังแล้วคุณเจตน์ก็เลยบอกว่าเขาก็ดูเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เลยว่าจะดูด้วยกันต่อ ทำไปทำมาไม่รู้ท่าไหนคุณเจตน์หอบเบียร์เข้าไปด้วยเฉย จากนั้นก็เริ่มฟูมฟายเมาหัวทิ่มเลยค่ะ"อิงรดาเล่าไปด้วยน้ำเสียงยเจือด้วยความเศร้าน้อยๆ เหตุก็เพราะว่ายังนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่ถูกจิรายุทั้งดึงเข้าไปกอดจูบลูบคลำ จนถูกเธอตบจนหน้าคว่ำไม่หาย และที่ตอนนี้เธอกล้าเล่าหรือว่าจำเป็นต้องเล่านั้นก็เป็นเพราะว่าตั้งแต่แรกอิงรดาถูกคุณกนกวรรณสั่งเอาไว้ ว่าต่อไปนี้ไม่ว่าจิรายุจะทำอะไรให้เธอคอยรายงานความเคลื่อนไหวมาให้หมด แน่นอนว่าในขณะที่จิรายุยังคงหลับอุตุไม่ตื่น แต่ผู้หญิงสูงอายุทั้งสองคนนั้นตื่นลงมาใส่บาตรกันแล้ว หากว่าเธอไม่บอกไป ยังไงเสียตอนที่ฝ่ายนั้นเดินออกจากห้องเธอมา คุณกนกวรรณและยายนางผู้เป็นยายของเธอก็ต้องเห็น สู้เธอเล่าไปเลยตอนนี้ยังจะดีกว่า เพราะถึงยังไงเสีย ต่อให้เธอและจิรายุจะนอนห้องเดียวกัน มันก็ไม่มีทางที่จะเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อฝ่ายนั้น
ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องจนกระทั่งตอนนี้น่าจะผ่านไปเกือบสองสัปดาห์เต็มแล้วที่จิรายุยังคงอยู่ในอาการเศร้า เธอไม่รู้หรอกว่าอาการของเขานั้นถึงขั้นไหน แต่เอาเป็นว่าจิรายุคนนี้นั้นเงียบขรึมลงจนสะดุดตาคนรอบตัวเขากินข้าวน้อยลง วันๆเอาแต่ทำงานจนดึกดื่น ค่ำมืดกว่าจะกลับบ้าน บางวันก็ไล่ให้เธอกลับไปก่อน ส่วนตัวเขาเองบางทีเที่ยงคืนถึงได้ยินเสียงรถกลับเข้ามาจอดสิ่งที่จิรายุเป็นอยู่ทำเอาทุกคนในบ้านอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ เรื่องที่เธอเคยสงสัยว่าหน้าที่ที่ถูกมอบหมายจากคุณกนกวรรณนั้นเธอควรไปต่อหรือพอเอาไว้ก่อน คำตอบที่ได้รับหลังจากที่คุณกนกวรรณออกจากโรงพยาบาลในทันทีก็คือยิ่งต้องให้เธอจับตามองจิรายุให้หนัก ยิ่งเขาเศร้าเสียใจมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งต้องคอยรายงานสถานการณ์ให้คุณกนกวรรณทราบทุกย่างก้าว "อาการตาเจตน์ดีขึ้นบ้างหรือยัง""ยังเลยค่ะคุณท่าน วันๆเอาแต่คร่ำอยู่กับงาน ไม่ยอมลืมตาไปไหนเลยค่ะ""แล้วแฟนตาเจตน์ล่ะ ไม่สิ ยัยนนนี่อะไรนั่นได้แวะกลับเข้ามาวอกแวกอะไรกับตาเจตน์อีกหรือเปล่า""ไม่นะคะ เงียบหายไปเลย""ดี ยังไงเธอคอยจับตาดูตาเจตน์เอาไว้นะ ถ้ามีอะไรคืบหน้าก็ให้รีบรายงานมา อาทิตย์หน้าฉันจะเริ่มนัดดูตัวให
ดึกดื่นค่อนคืนจิรายุก็ยังคงพาเธอนั่งอยู่ตรงนั้น รอบๆตัวผู้คนยังคงเดินผ่านกันไปกันมา ส่วนเธอกับเขาก็นั่งมองดูดาวฟังเสียงคลื่นที่สาดเข้ากระทบฝั่ง พอดึกเข้าเริ่มจะหนาวเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำตาลตัวยาวที่เขาใส่อยู่ก็ถูกถอดออกมาให้เธอได้ใส่"ดึกแล้วลมแรง เธอใส่เสื้อฉันเอาไว้ก็แล้วกัน มีแค่เสื้อแขนสั้นมาตัวเดียวมันหนาว""แล้วคุณเจตน์ไม่หนาวเหรอคะ""ฉันเป็นผู้ชาย ฉันทนได้น่า""ไม่เอาหรอกค่ะ ถึงคุณเจตน์จะเป็นผุ้ชาย แต่หนูก็ไม่อยากเอาเปรียบ ขยับเปลนอนมาใกล้ๆนี่สิคะ แบ่งกันคลุม"อิงรดาพยายามดึงลากเปลนอนของจิรายุให้ขยับเข้ามาจนชิดกับเปลเธอ จากนั้นแจ็คเก็ตตัวยาวก็ถูกคลุมเผื่อไปยังคนข้างๆด้วยเขาและเธอพากันพูดคุยเรื่องราวนึกย้อนไปวันเก่าๆ ว่าช่วงเวลาสี่ปีที่ผ่านมาใครทำอะไรที่ไหนกับใครบ้าง จนมีช่วงหนึ่งที่จิรายุเล่าว่าเขากับคนรักนั้นคบกันมานานมากกว่าสิบปีแล้ว แต่ว่าเขาไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าตัวเองนั้นมีคนรักอยู่ จิรายุบอกว่าป้าของเขาไม่มีทางยอมรับได้แน่ๆถ้าได้รู้ว่าคนรักของเขาคือใคร และนั่นเองอิงรดาถึงได้รู้ว่าทำไมจิรายุต้องเสียใจฟูมฟาย ระยะเวลาที่คบกันมาสิบกว่าปีก็ย่อมต้องรักกันมากเป็นธรรมดา พอฟังเขาเล่า
'ทำไมมันถึงได้ถอดยากถอดเย็นแบบนี้วะ'จิรายุได้แต่บนคนเดียวอยู่ในใจ ในเมื่อเมื่อครู่ที่ผ่านมาเขาจัดการถอดเสื้อยืดที่เปื้อนเลอะไปด้วยน้ำหมึกและกางเกงยีนต์ออกให้อิงรดาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่รายนั้นกลับวิ่งออกจากห้องน้ำมาให้เขาปลดตะขอเสื้อชั้นในให้อีก จิรายุพยายามปลดแล้วปลดอีก แต่ก็ยังไม่ได้ เขาไม่เข้าใจเลยว่าอิงรดาซื้อเสื้อชั้นในที่มีตะขอที่ซับซ้อนขนาดนี้มาเพื่ออะไร เวลาถอดทีจะไม่ใช้เวลาถอดเป็นชั่วโมงเลยเหรอ"ได้ไหมคะคุณเจตน์""พึ่งรู้ว่าชั้นในผู้หญิงมีตะขอแบบนี้ด้วย ปกติแค่ตะขอเกี่ยวแล้วก็ปลดออกแล้วไม่ใช่หรือไง" นั่นแน่ ทำเป็นรู้ดี คงแอบเคยใส่สิท่า อิงรดาแอบนึกย้อนขำในใจ โดยที่คนที่ถูกเธอครหาไม่มีทางรู้ตัว"ตะขอแบบนี้มันก็มีค่ะ คุณเจตน์แค่สไลด์ขึ้นลง มันจะมีล็อกของมันอยู่"'ตรงไหนของเธอวะอิง นี่ฉันก็บิดจนเจ็บมือแล้วเนี่ย'จิรายุเริ่มชักจะหน้ายุ่งและหงุดหงิดเมื่อพยายามแกะเท่าไหร่ก็ไม่ออก จนในที่สุดคนที่บอกว่าจะหลับตาก็แอบค่อยๆหรี่ตาขึ้นมองเพราะเบื่องมต่อไปไม่ไหว จนกระทั่งลืมตาขึ้นมาเจอแผ่นหลังที่ขาวเนียนละเอียดและภาพตรงหน้าเขาที่มีอิงรดายืนหอบกระโจมผ้าเช็ดตัวเอาไว้ พลางปล่อยขอบชายของม
"กลับมาถึงกันแล้วหรือตาเจตน์ นี่ไปซื้อหมึกกันมาถึงไหนถึงได้กลับมาสายกันจนป่านนี้ ป่านนี้วุ้นมะพร้าวป้ากับอาหารทะเลไม่เน่าหมดแล้วหรือไง แล้วนั่นดูเจ้าอิงอีก ตอนไปเธอไม่น่าจะแต่งชุดนี้ไปนะ""พอดีว่ามีอุปสรรคนิดหน่อยครับป้าไก่ รายนั้นไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนถึงได้โดนหมึกพ่นน้ำหมึกใส่เต็มตัวเลย ผมเลยต้องจอดแวะโรงแรมให้ล้างตัวแล้วค่อยกลับมา ส่วนของที่ป้าไก่สั่ง ไม่มีอะไรเน่าเสียหายหรอกครับ เพราะว่าผมอัดน้ำเเข็งใส่มาให้เต็มที่""งั้นก็ดี ไหนๆวันนี้เราก็อยู่กันพร้อมหน้าแล้ว เย็นนี้เพื่อนป้าจะพาหลานสาวที่พี่งกลับจากอังกฤษเข้ามาทานข้าวด้วย เจตน์อยู่ทานด้วยกันนะลูก ไม่ได้มีนัดอะไรที่ไหนใช่ไหม""ไม่มีครับป้าไก่""ดีแล้ว งั้นเจตน์ก็ขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ ไว้เย็นๆค่อยลงมา"และทันทีที่จิรายุเดินขึ้นบันไดไป คุณกนกวรรณก็รีบจูงข้อมืออิงรดาออกไปคุยกันที่ประตูหลังบ้านในทันที ทั้งสองคนทำท่าทีลับๆล่อๆ พอมองซ้ายแลขวาแล้วไม่มีใคร คุณกนกวรรณจึงได้เริ่มต้นเป็นฝ่ายถาม"ตาเจตน์เป็นยังไงบ้างอิง ดีขึ้นไหม""ก็คิดว่าน่าจะดีขึ้นบ้างค่ะคุณท่าน ไม่ได้มีท่าทีเศร้าใจอะไร ส่วนคุณนพนนท์เองก็ไม่เห็นติดต่อคุณเจตน์มา เพราะว่า
เมื่อทุกคนมาถึงกันพร้อมหน้า คุณกนกวรรณก็เริ่มทำหน้าที่ในการจับคู่ดูตัว จิรายุนั้นรู้จุดประสงค์ของผู้เป็นป้าอยู่แล้วว่าทำไมป้าของตัวเองถึงได้นัดป้าหลานคู่นี้มา แต่ก็ยังยอมที่จะเล่นไหลไปตามน้ำ"ตาเจตน์ลูกนี่หนูแอล พึ่งกลับมาจากอังกฤษ รู้จักกันเอาไว้สิ เผื่อวันหน้าวันหลังจะได้สนิทสนมกันมากขึ้นกว่านี้""ครับป้าไก่ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องแอล"จิรายุกล่าวทักทายอีกฝ่ายไปแบบจริงใจและไม่ได้คิดที่จะมีเลศนัยอะไร ดูไปดูมาฝ่ายนั้นก็เป็นผู้หญิงออกหวานดูน่ารักเรียบร้อยดี "สวัสดีค่ะพี่เจตน์ แล้วก็.."เอวารินยกมือขึ้นไหว้ทักทายจิรายุเสร็จแล้วจึงหันไปยิ้มหวานให้อิงรดา"อ๋อ นั่นเจ้าอิงน่ะหนูแอล ก็น่าจะรุ่นเดียวกันกับหนูใช่ไหมจ๊ะ เจ้าอิงปีนี้ก็ยี่สิบสามย่างยี่สิบสี่ พึ่งเรียนจบกลับมาจากอเมริกา นั่นก็เลี้ยงดูกันมาเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง"อิงรดายกมือขึ้นไหว้และก็ยิ้มหวานทักทายกลับไป "ชื่ออิงเหรอคะ เราชื่อพยัญชนะอออ่างเหมือนกันเลย อิงกับแอล ถ้าเกิดว่าแอลอยากจะขอเป็นเพื่อนกับอิงจะได้ไหม แอลเพื่อนน้อย กลับมานี่ก็ยังไม่ได้เจอใครเลย"พอเอวารินพูดแบบนั้นออกไป ทำเอาทุกคนก็ออกอาการเหรอหราไปตามๆกัน จากที่ต้อ
ในเมื่อจะดูซีรี่ย์ต่อก็ดูไม่รู้เรื่อง อยู่ๆอิงรดาจึงได้บอกจิรายุออกไปว่าเธอน่ะเริ่มง่วงแล้ว แล้วเขาจึงได้กลับออกไป ทั้งๆที่พยายามบอกใจตัวเองไปแล้วว่าเธอคิดอะไรกับเขาไม่ได้ แต่ทำไมสายตาที่จิรายุมองมาตอนที่ริมฝีปากของเธอและเขาประกบกันอยู่ถึงยังคงมีอิทธิพลนัก ไม่ได้ๆ เธอต้องรีบจัดการความรู้สึกติ๊ดๆ เสียงแจ้งเตือนข้อความในโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พอเปิดดูไอ้อาการร้อนหน้าวูบวาบเหมือนเมื่อกี้ก็กลับมาอีกเมื่อเห็นข้อความที่ถูกส่งมา'ใช้ลิปสติกของอะไร ทำไมปากถึงได้นุ่มจัง'เขาชอบลิปสติก เขาชอบลิปสติกจ้า..เขาอยากปากนุ่มเหมือนปากเธอ คงอยากแอบหามาใช้บ้าง อิงรดาอ่านข้อความแล้วก็บอกตัวเองไปแบบนั้น ก่อนจะจัดการถ่ายรูปแท่งลิปสติกสีหวานของตัวเองส่งกลับไปให้จิรายุ'ยี่ห้อนี้ไม่มีขายที่ไทยนี่ จะว่าอะไรไหมถ้าฉันอยากขอแบ่งใช้กับเธอบ้าง''คิดว่าไม่ได้ค่ะ เพราะว่ามันใกล้จะหมดแล้ว''หวงแบบนี้ เห็นทีต้องขโมยจุ๊บเอาจากปากเธอ'เฮ้อ! อิงรดาถอนหายใจออกไปแล้วก็รีบปิดไฟนอน ขนาดนอนไปแล้วก็ยังต้องพลิกไปพลิกมาเพราะนอนไม่หลับ นี่จิรายุคงจะไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นจริงๆหรอกใช่ไหม หลับตื่นขึ้นมาก็มีข้อความจากจิรายุส่งมาแต่เช้า
อิงรดาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็นั่งเล่นเอาขาจุ่มลงไปในสระว่ายน้ำ สายตายังคงโฟกัสไปที่จิรายุที่เดินเล่นอยู่ริมหาดคนเดียวไกลๆ เธอนั่งมองดูเขามาสักพักหนึ่งแล้วและไม่ได้คิดว่าจะอยากเข้าไปหา บางทีการที่ปล่อยให้เขาได้อยู่กับตัวเองและได้คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยคนเดียวมันอาจจะเป็นการดีกับเขามากขึ้นก็ได้"เจตน์ล่ะจ๊ะน้องอิง"นพนนท์และสามีกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เธอก็ไม่ทันได้สังเกต รู้อีกทีในมือของทั้งสองก็หอบหิ้วพวกอาหารสดกันเข้ามาเต็มมือ"โน่นค่ะ เดินวนไปมาอยู่อย่างนั้นมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว สงสัยอยากคิดอะไรคนเดียวเงียบๆหนูก็เลยไม่อยากเข้าไปขัด" อิงรดาบุ้ยปากและชี้มือไปยังทิศทางที่จิรายุอยู่"คงต้องปล่อยให้เจ้านั่นมันได้คิดอะไรอยู่กับตัวเองสักพัก เดี๋ยวมันก็คงจะค่อยๆดีขึ้น พี่ว่าเราไปช่วยกันเตรียมกับข้าวเย็นนี้กันดีกว่าเถอะ นี่พี่กับจิมมี่ซื้ออาหารทะเลสดๆมากันเยอะเลย เดี๋ยวก่อเตานิดหน่อยจะได้ปิ้งย่างกัน ขอแรงน้องอิงมาช่วยพี่หน่อยนะคะ สามีพี่น่ะถนัดกินอย่างเดียว"อิงรดาพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นจากสระว่ายน้ำ หากแต่สายตาก็ยังมิวายหันไปมองคนที่ตอนนี้นั่งกอดเข่าหล่อนก้นลงไปบนชายหาดเป็นที่เรียบร้อย"หวังว
"หนูท้องจริงๆด้วยค่ะคุณเจตน์""อะไรนะ นี่พูดจริงหรือเปล่าอิง""สองขีดชัดเจนขนาดนี้โกหกได้ด้วยเหรอคะ"อิงรดาชูแผ่นตรวจการตั้งครรภ์ที่ปรากฎสัญลักษณ์สองขีดที่อยู่ในมือชููยื่นให้จิรายุดู ช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เธอมีอาการแปลกๆ เอาแต่เวียนหัวหงุดหงิดวิงเวียนเป็นว่าเล่น ดึกๆดื่นๆก็ชอบตื่นลุกขึ้นมาหาอะไรกินทั้งที่นอนหลับไปแล้ว จนจิรายุเองยังเคยแอบแซวว่าสงสัยเธอคงจะท้องแล้วแน่ๆยิ่งพอได้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน รายนั้นก็ชอบจับเธอกินทั้งเช้าและค่ำ บางทีดึกดื่นค่ำมืดกว่าจะได้หลับได้นอนก็ปาไปเกือบค่อนคืน ทั้งทีเธอเองก็บอกไปแล้วว่าให้เขาเพลาๆลงหน่อย งานแต่งก็ยังไม่ได้จัด กว่าจะถึงฤกษ์ก็ต้องรออีกตั้งสองเดือนถึงจะถึงวันที่คุณกนกวรรณหาเอาไว้ให้ เธอเลยกลัวว่าป่านนั้นตัวเองจะได้ท้องโย้ก่อนเข้าพิธีแต่งงาน"เย้!ในที่สุดลูกพ่อก็มาสักที แบบนี้ต้องประกาศให้โลกรู้ว่าจิรายุก็มีน้ำยา นึกว่าจะต้องอับอายขายขี้หน้าคนแถวนี้เสียแล้วว่าฉันทำลูกไม่เป็น"จิรายุกระโดดเย้วๆอยู่สามสี่ทีก็วิ่งกลับมาอุ้มเธอขึ้นหมุนไปรอบๆ อิงรดาอดขำไม่ได้ที่จิรายุยังจำได้อยู่ว่าเธอแกล้งล้อเขาว่าอะไร เพราะตั้งแต่ที่ตั้งใจมีอะไรกันไปแบบไม่มีกา
"แกต้องรับผิดชอบยายอิง"นั่นคือคำประกาศิตที่คุณกนกวรรณพึ่งจะประกาศออกไป อิงรดายังคงนั่งก้มหน้าโดยมีจิรายุหลานชายของเธอนั่งจับมือไว้ คงจะเป็นเพราะว่าเด็กนั่นกลัวทำให้เธอและผู้เป็นยายผิดหวังเสียใจ จึงไม่กล้าเงยหน้าสบตา หากแต่ว่าความจริงเป็นอย่างไร คงจะมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้อยู่เต็มอก นึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เธอยังคงส่งนักสืบเฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวของอดีตสามีที่ย้ายออกจากบ้านไปอยู่กับภรรยาใหม่ ซึ่งก็คือ นันที อดีตแม่บ้าน ด้วยความที่ยังคงรักและเป็นห่วง บวกกับที่เธอได้ข่าวมาว่าพักหลังมานี้อดีตสามีสุขภาพไม่ค่อยจะดีนักและออกไปไหนไม่ค่อยได้ ทำให้ฝ่ายหญิงนั้นแอบลักลอบมีความสัมพันธ์กับชายคนใหม่ และไม่ได้ใส่ใจดูแลอดีตสามีของเธออย่างที่ควรจะเป็น จนอดีตสามีของเธอรู้เข้าก็เริ่มตรอมใจ เธอเองด้วยความที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายปี บอกตามตรงก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เลยยังแอบดูแลให้ความช่วยเหลือในฐานะเพื่อนเก่า โดยที่ไม่เคยเอ่ยปากบอกให้ใครรู้แต่พอสืบไปสืบมา นอกเหนือจากเรื่องสามี ความจริงบางอย่างที่เธอได้รับรู้เพิ่มมาอีกอย่างด้วยก็คือ พ่อหลานชายตัวดี ยังคงติดต่อคบหากับเอมมิกาลูกสาวของนันที
ไม่ใช่แค่อิงรดาที่หน้าเหวอ แต่เอวารินที่โทรมาอยู่ในสายก็หน้าเหวอตกใจไปตามๆกัน แถมฝ่ายนั้นยังจะถามจิรายุซ้ำเพื่อความแน่ใจอีกต่างหาก จนได้ฟังคำตอบรอบที่สองของจิรายุไป ทำเอาอิงรดาถึงกับต้องรีบแย่งโทรศัพท์มือถือที่ถูกจิรายุแย่งไปคืนกลับมา'น้องแอลฟังไม่ผิดหรอกครับ พี่บอกว่าอิงเป็นแฟนพี่ หรือว่าจะเอาให้ชัดๆเลยก็คือ อิงเป็นเมียพี่ครับ'"คุณเจตน์พูดแบบนั้นกับคุณแอลไปได้ยังคะ""ทำไมล่ะ ก็ในเมื่อฉันพูดความจริง หรือเธอจะเถียงอีกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน"จิรายุหน้ายุ่งคิ้วยุ่งสวนกลับคนตัวเล็กทันทีที่เธอแหวมา ก็จะให้เขาทำยังไงได้ล่ะ ยอมทนเห็นแฟนตัวเองถูกคนอื่นจีบเฉยๆอย่างนั้น ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นผู้หญิงก็ตามอย่างนั้นเหรอ คงไม่ใช่เขาล่ะ คอยดูเถอะ นี่ขนาดยังไม่ได้คบกันออกหน้าออกตาเขายังหวงเธอขนาดนี้ วันไหนที่มีโอกาสได้ประกาศความเป็นเจ้าของขึ้นมา รับรองว่าอิงรดาจะไม่มีทางได้เหลียวมองใคร"แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆนี่คะ"อิงรดาน้ำเสียงอ่อนลง แถมยังทิ้งตัวนั่งลงไปบนเตียงราวกับว่าหมดอะไรตายยาก ในเมื่อตอนนี้เธอเองไม่สามารถแสดงสิทธิ์ในการครอบครองเขาได้ เพราะฉะนั้นเรื่องสถานะความสัมพันธ์ระหว
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นก้องอยู่ภายในห้องครัว ยิ่งอิงรดาส่งเสียงกระเส่าครวญครางออกมาเท่าไหร่ เเรงกระแทกที่ถูกส่งไปก็ยิ่งมีมากเพิ่มขึ้นเท่านั้น ทันที่ผละออกจากริมฝีปากหวานได้ สายตาคมของเขาก็ก้มจ้องลงมายังจุดสอดประสาน อิงรดามองภาพจิรายุซี๊ดปากหน้านิ่วที่เกิดจากการกระทำร่วมกันของเขาและเธอก็เกิดความเสียวซ่านบวกกับความอาย จิรายุเองก็เลือกที่จะมองสลับกันบนล่าง ใบหน้างดงามที่กำลังเสียวซ่านของอิงรดา สลับกับจุดเชื่อมประสานกลางกาย"อ่าส์ แน่นดีมากๆเลยอิง ได้มองหน้าเธอสลับกับมองนมไปด้วยแบบนี้ ขยับแค่ไม่กี่ทีฉันก็เกือบจะเสร็จแล้ว""แน่ใจเหรอคะว่าคุณเจตน์มองแค่หน้าหนูแล้วก็มองนม หนูเห็นว่าคุณเจตน์ชอบมองลงไป..ข้างล่าง""ก็อันนั้นฉันก็อยากเห็นไงว่าร่างกายของเราสองคนเข้ากันได้ดีมากแค่ไหน ว่าแต่เธอยังเจ็บอยู่อีกหรือเปล่า""ไม่เจ็บแล้วค่ะ ตอนนี้มีแต่..เสียว"อิงรดายิ้มหวานตาหยี พร้อมกับใบหน้ายู่ยี่แล้วจึงแลบลิ้นน้อยๆออกมา พอจิรายุเห็นเข้าก็รีบตามเข้าไปประกบดูดปากอย่างไว ในขณะที่สะโพกแกร่งยังคงซอยขยับเรียกเสียงครางหวานๆ อิงรดาปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขที่จิรายุมอบให้ จนเผลอปล่อยเสียงครางออกมาเป็นที
"แล้วคุณเจตน์กับพี่เอม เอ่อ คบกันมานานแล้วเหรอคะ""อื้ม เป็นสิบปีแล้ว แต่ก็คบๆเลิกๆ บางทีเลิกกันไปปีสองปีแล้วก็กลับมาคบกันใหม่ ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ตัดเอมออกไปจากชีวิตจริงๆไม่ได้บางทีก็อาจจะเป็นเพราะว่า เราเป็นคนแรกของกันและกัน""คุณเจตน์กับพี่เอม เป็นคนแรกของกันและกัน" อิงรดาเผลอพูดย้ำซ้ำคำนั้นออกมาเสียงเบา ราวกับว่าสิ่งนั้นกำลังสร้างความเจ็บปวดให้กับเธออยู่ลึกๆ ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆน้อยๆสามสี่ทีเพื่อไล่เอามวลน้ำตาที่กำลังทำท่าว่าจะเอ่อทะลักขึ้นมา กระนั้นถ้าหากตอนนี้เขาได้จ้องมองเข้ามาในดวงตาก็คงจะเห็นได้ถึงร่องรอยความแดงของมัน"เธอหึงฉันเหรออิง น้อยใจฉันอยู่หรือเปล่า""ปละ เปล่านี่คะ""แต่ถ้าเธอจะบอกว่าหึงแทนคำว่าเปล่า คำนั้นมันอาจจะทำให้ฉันดีใจมากกว่าก็ได้นะ"จิรายุเองก็มองมาที่เธอตาละห้อยสร้อยเศร้า ทั้งในใจก็ยังเอาแต่ครุ่นคิดว่าความรู้สึกที่อิงรดามีต่อตนเองนั้นจะใช่ความจริงหรือเปล่า หากแต่ก็ทำได้เพียงแค่เว้าวอนว่าขอให้เธอชอบเขาจริงๆ เพราะตอนนี้ตัวเขานั้นสามารถพูดได้อย่างเต็มปากแล้วว่า เขาชอบเธอ"คุณเจตน์ อยากให้หนูรู้สึกอย่างนั้นจริงๆเหรอคะ""อื้ม อยาก เพ
'ถ้าเธออยากจะยกเลิกเรื่องที่เคยตกลงกันไว้ก็ได้ แต่ระหว่างนี้ห้ามกินยาคุมฉุกเฉินเด็ดขาด รอจนกว่าประจำเดือนจะมา ถ้าประจำเดือนมาเธอก็รอดตัวไป แต่ถ้าไม่ เราก็ต้องมาตกลงกัน'อิงรดานั่งเหม่อกับข้อเสนอแกมคำสั่งล่าสุดของจิรายุอยู่ที่บริเวณใต้ร่มไม้หน้าบ้านอย่างหมดไร้ซึ่งหนทางและไม่เข้าใจเลยว่าจิรายุจะบังคับเธอไปทำไม ในเมื่อการมีลูกกับเธอนั้นก็ไม่ได้ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เพราะการที่เธอยอมตกลงทำเรื่องอะไรกับเขาแบบนี้ตั้งแต่เริ่มแรกเลยนั้นก็คือความต้องการของคุณกนกวรรณต่างหาก บวกกับความสงสารและแอบมีเขาเข้ามาอยู่ในใจ ด้วยความที่อยากจะมีเขาอยู่ใกล้ๆ เลยทำให้เธอยอมรับปากอะไรออกไปแบบนั้น การที่เธอยินยอมที่จะปล่อยให้เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาได้เข้ามาเจริญเติบโตในร่างกายของเธอได้ นั่นก็เป็นเพราะว่า เธอรักเขา แล้วเขาล่ะ รักเธอก็ไม่ได้รัก ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้ผิดเพศผิดปกติอะไรเสียหน่อย ทำไมถึงต้องรั้งเธอไว้ด้วยเรื่องแบบนี้ ไม่รู้บ้างเลยหรือไงว่าแค่นี้เธอก็เจ็บเจียนตายอยู่มะรอมมะร่อแล้วภายใต้ความทึบของม่านกรองแสงผืนยาวบนชั้นสอง เรือนร่างสูงใหญ่ยืนเอียงตัวพิงบานกระจกหนามองทะลุผ่านเงาสะท้อนออกไปยังด้านนอก เพื
ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปบ้าง อิงรดาไม่รู้ตัวเลยสักนิดด้วยซ้ำว่าเผลอเอื้อมมือไปเปิดประตูให้เอมมิกาเข้ามาในบ้านตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เดินกลับเข้ามาในบ้านแล้วได้ยินเสียงของเอมมิกาพยายามเสียงดังแข่งใส่จิรายุอยู่"แต่เอมไม่เลิก! เจตน์คบกับเอมมาถึงขนาดนี้แล้ว เอมเสียเวลาชีวิตไปเป็นสิบๆปีก็เพราะว่าเจตน์มัวแต่เกรงใจป้า เอมต้องการเจตน์คืน ยังไงเจตน์ก็ต้องกลับมาคบกับเอมเหมือนเดิม""เลิกพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ได้แล้วนะเอม คุณเลิกกับผมแล้วแต่งงานใหม่ไปแล้ว ตอนนี้จะมาอยากทวงผมคืน คุณบ้าไปแล้วหรือเปล่าฮะ""เอมไม่ได้บ้า แต่เอมแค่อยากมาขอโอกาสเจตน์อีกครั้ง เอมคิดถึงเจตน์ ที่เอมต้องแต่งงานไปก็เพราะว่าแม่บังคับเอม ความจริงเอมไม่เคยรักผู้ชายคนนั้นเลย เอมรักเจตน์""แต่ผมไม่ได้รักคุณแล้วเอม ผมรักคนอื่น""คนอื่นของเจตน์ คืออีนังเด็กอิงรดาเนี่ยเหรอ เจตน์อย่าคิดนะว่าคืนนั้นเอมไม่เห็นว่าคุณนั่งจูบกันกับมันอยู่ที่ริมหาด""แล้วไง ผมกับคุณเลิกกันไปแล้ว ผมจะไปกอดใครจูบใครมันก็เรื่องของผมเอม"และอีกร้อยล้านถ้อยคำสารพัดสารเพที่ยังพากันหลั่งไหลเข้ามาในหูของอิงรดาผู้น่าสงสาร เธอไม่ได้เดินกลับเข้าไปในบ้าน หากเ
ในที่สุดอิงรดาก็ทำใจกล้าเปิดประตูออกไปได้เสียที หลังจากที่ยืนสวดมนต์ทำใจอยู่เสียนาน พอจิรายุบอกว่าจะเป็นฝ่ายเปิดออกไปเองก็ไม่ยอม บานประตูค่อยๆเปิดกว้างออกขึ้นทีละน้อย จนในที่สุดจิรายุทนไม่ไหวจึงได้เบียดตัวออกไปยืนอยู่หน้าห้องทันทีนาทีนั้นอิงรดาแทบจะอยากกรี๊ดออกมาดังๆแต่ก็ทำไม่ได้ ในเมื่อตกลงกันแล้วว่าเธอจะเป็นฝ่ายเปิดออกไปก่อนเพื่อดูลาดเลาแล้วเขาค่อยตามเธอไป เพราะถ้าหากว่าแถวนั้นมีใครอยู่ เธอจะได้เบี่ยงเบนความสนใจให้จิรายุออกมาได้ แต่พอออกมา ปรากฎว่าบ้านทั้งหลังนั้นกลับว่างเปล่า อิงรดาชะเง้อหน้ามองหาคนในบ้าน แต่ก็ไม่เจอใครเลย "เห็นไหม ไม่เห็นมีใครเลย""คุณเจตน์ อย่าพึ่งเสียงดังไปสิคะ"คนตัวเล็กรีบยกมือขึ้นมาจุ๊ปากเป็นสัญลักษณ์ให้จิรายุนั้นพูดเบาๆ แม้ว่าในใจจะคิดว่ามันแปลกมาก แต่อิงรดาก็เลือกที่จะสาวเท้าเข้าไปในครัว เพราะเป็นที่อยู่ประจำของยาย แต่พอเดินเข้าไปแล้วยังคงเห็นแก้วเปล่าใบที่จิรายุนั้นวางเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนก็เริ่มหน้าแดงขึ้นมา"รู้นะว่าคิดอะไร""หนูเปล่านะ"จิรายุที่เดินตามเข้ามาติดๆ หยุดมองตามทิศทางสายตาที่อิงรดานั้นมองไปก็ได้โอกาสแซวขึ้นมาทันที ยิ่งเดินอ้อมไปข้างหน้าแล้
อิงรดาถูกจิรายุอุ้มหวือตัวลอยขึ้นไปจากพื้น ทันทีที่เขาก้าวเดินพ้นจากห้องครัวออกมา ภายในใจก็ได้แต่ภาวนาขอว่าอย่าให้ใครได้ออกมาพบเห็นหรือเจอะเจอเลย แม้ว่าเปอร์เซ็นความเป็นไปได้จะน้อยมากที่หญิงสูงวัยทั้งสองคนนั้นจะเดินลงมาข้างล่างดึกดื่นป่านนี้ แต่ยังไงเสียเธอก็ยังกลัวอยู่ดี อิงรดากลัวว่าจะทำให้คุณกนกวรรณและผู้เป็นยายผิดหวัง กลัวถูกตราหน้าว่าเนรคุณ แต่หัวใจเจ้ากรรมกลับไม่สามารถที่จะหักห้ามไม่ให้พาเอาตัวเองเข้าไปใกล้จิรายุได้แต่ทันทีที่บานประตูห้องนอนถูกปิด ราวกับว่าเวลานี้โลกทั้งโลกนั้นมีเพียงแค่เธอกับเขาแค่สองคน ยามเมื่อจิรายุวางเธอลงไปบนเตียงนุ่ม อิงรดาก็ใช้มือวาดไปโอบกอดรอบคอแกร่งนั่นให้โน้มลงมาหาแล้วตอบกลับเขากลับด้วยจูบในแบบเดียวกัน ลิ้นร้อนเล็กใหญ่เกี่ยวก่ายพันกันจนแน่น เสื้อยืดของเธอถูกเขาเลิกขึ้นมาจนมากองรวมกันอยู่ที่คอ ในขณะที่เขาเริ่มใช้ฝ่ามือใหญ่สำรวจบีบคลึงไปทั่ว"คุณเจตน์"อิงรดาหลุดครางเสียงหวานออกมาทันทีที่ความอวบงามนั้นถูกเขี่ย สองคู่ชูชื่นพากันแข็งเกร็งตั้งชูราวกับรู้ว่าอีกไม่นานจะต้องถูกจิรายุแวะเข้ามาเยี่ยมชมเสื้อยืดสีขาวถูกเขาถอดออกไปทางศรีษะ ตามด้วยเสื้อยืดสีดำของต