"อะไรนะ! นี่เธอว่าไงนะอิง ตาเจตน์น่ะหรือนอนเมาหัวทิ่มอยู่ในห้องเธอ"
"ค่ะคุณท่าน เมื่อคืนหนูนอนไม่หลับแล้วเปิดหนังดู พอตอนออกไปเอาขนมเข้ามากินก็เลยเจอคุณเจตน์เข้า คุยกันเรื่องหนังแล้วคุณเจตน์ก็เลยบอกว่าเขาก็ดูเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เลยว่าจะดูด้วยกันต่อ ทำไปทำมาไม่รู้ท่าไหนคุณเจตน์หอบเบียร์เข้าไปด้วยเฉย จากนั้นก็เริ่มฟูมฟายเมาหัวทิ่มเลยค่ะ"
อิงรดาเล่าไปด้วยน้ำเสียงยเจือด้วยความเศร้าน้อยๆ เหตุก็เพราะว่ายังนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่ถูกจิรายุทั้งดึงเข้าไปกอดจูบลูบคลำ จนถูกเธอตบจนหน้าคว่ำไม่หาย และที่ตอนนี้เธอกล้าเล่าหรือว่าจำเป็นต้องเล่านั้นก็เป็นเพราะว่าตั้งแต่แรกอิงรดาถูกคุณกนกวรรณสั่งเอาไว้ ว่าต่อไปนี้ไม่ว่าจิรายุจะทำอะไรให้เธอคอยรายงานความเคลื่อนไหวมาให้หมด แน่นอนว่าในขณะที่จิรายุยังคงหลับอุตุไม่ตื่น แต่ผู้หญิงสูงอายุทั้งสองคนนั้นตื่นลงมาใส่บาตรกันแล้ว หากว่าเธอไม่บอกไป ยังไงเสียตอนที่ฝ่ายนั้นเดินออกจากห้องเธอมา คุณกนกวรรณและยายนางผู้เป็นยายของเธอก็ต้องเห็น สู้เธอเล่าไปเลยตอนนี้ยังจะดีกว่า เพราะถึงยังไงเสีย ต่อให้เธอและจิรายุจะนอนห้องเดียวกัน มันก็ไม่มีทางที่จะเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อฝ่ายนั้นไม่ได้ชอบผู้หญิง
"แล้วเพราะอะไรตาเจตน์มันถึงได้มาหัวทิ่มแบบนั้น แล้วเจ้านั่นมันได้ทำอะไรเธอหรือเปล่า"คุณกนกวรรณถามอิงรดาหน้าเครียดถึงสาเหตุการเมาของหลานชาย
"ก็ เปล่าหรอกค่ะ" อิงรดาพูดปด หากแต่จะบอกว่าตนเองเกือบถูกจิรายุปล้ำกอดไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อฝ่ายนั้นทั้งเมา แถมยังไม่ใช่ผู้ชาย พูดไปก็ไม่เกิดประโยชน์ เลยเลือกเก็บไว้ดีกว่า
"คุณเจตน์แค่อกหักค่ะ บอกว่าความรักไม่สมหวัง เลยถูกแฟนบอกเลิกเพื่อไปแต่งงานใหม่ สาเหตุหลักๆเลยเป็นเพราะว่าคุณเจตน์ให้สถานะที่ชัดเจนกับคนรักไม่ได้ แฟนคุณเจตน์ไม่อยากอยู่แบบหลบๆซ่อนๆอีกค่ะ" พออิงรดาเล่าจบคุณกนกวรรณก็ตบหน้าขาตัวเองฉาดใหญ่ เพราะสิ่งที่เคยคิดเอาไว้นั้นเป็นไปตามที่คาด
"ฉันว่าแล้วไง ว่าตาเจตน์กับเพื่อนมันต้องมีอะไรกันจริงๆด้วย ตาเจตน์นะตาเจตน์รูปร่างทั้งหล่อทั้งหน้าตาดี ไม่น่ามีรสนิยมแบบนี้ไปได้ ฉันอยากจะบ้าตาย แทนที่มันจะหาเมียได้เป็นโขยง ดันริอาจจะอยากมี ผ.."
คุณกนกวรรณหยุดคำพูดไว้เพียงแค่นั้นทันทีเมื่อหันไปเห็นว่าคนที่ตนกำลังพูดถึงนั้นเดินออกจากห้องเธอมา อิงรดานั่งก้มหน้าอยู่หลบตา บอกตามตรงว่าเธอยังไม่กล้ามองหน้าเขา ไม่รู้ว่าจิรายุจะรู้หรือเปล่าว่าเมื่อคืนตัวเองทำอะไรลงไป และถูกเธอทำอะไรไปบ้าง
"ตื่นแล้วหรือไงพ่อตัวดี รู้ตัวหรือเปล่าว่าเมื่อคืนทำอะไรลงไป"
"ป้าไก่ครับ ยายนาง คือว่าเมื่อคืนผม.."
จิรายุพูดเพียงเท่านั้นก็เงียบไป สายตาคมจ้องมองไปยังคนตัวเล็กที่นั่งก้มหน้าลงและไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาด้วยความสงสัยว่าเมื่อคืนระหว่างเขาและเธอเกิดอะไรขึ้นบ้างหรือเปล่า จำได้แค่เพียงว่าเมื่อคืนเขาตามอิงรดาเข้าไปดูซีนี่ย์ในห้องเธอด้วยแล้วก็หยิบเบียร์หนึ่งกระป๋องติดมือเข้าไป จากนั้นเกิดอะไรขึ้นต่อเขาจำไม่ได้จริงๆ นอกจากรอยอะไรแดงๆที่ปรากฎอยู่บนใบหน้าในตอนเช้าซึ่งก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน ตื่นขึ้นมาก็เห็นว่าตัวเองยังอยู่ในห้องของอิงรดา แต่เจ้าตัวนั้นไม่อยู่แล้ว สิ่งเดียวที่เขาค่อนข้างจะมั่นใจว่าระหว่างเขาและเธอนั้นไม่ได้มีอะไรเกินเลยก็คือตอนที่ตื่นมาเสื้อผ้าเขายังอยู่ครบดีทุกตัว
"ผมจำอะไรไม่ได้เลยครับ"
"เจ้าอิงมันบอกว่าเมื่อคืนแกเมาแล้วไปพร่ำพรรณาเรื่องความรักที่ไม่สมหวังของแกมันจริงหรือเปล่า แกไปมีความรักอะไรที่ไม่สมหวังกับใครซ่อนไว้ที่ไหนกันตาเจตน์ ทำไมถึงไม่เคยบอกป้า"
จิรายุหันขวับไปมองหน้าอิงรดาทันที แต่จนแล้วจนรอดคนที่ถูกเอ่ยถึงก็ยังคงนั่งก้มหน้าไม่เงยขึ้นมามองเขา คงจะเพราะกลัวว่าจะถูกเขาตำหนิ
"ผมนี่เหรอครับที่ทำแบบนั้น"
"ก็แกน่ะสิ บอกป้ามานะว่าคนรักของแกเป็นใคร" คุณกนกวรรณทำเป็นกลั้นใจถามหลานชายออกไปทั้งๆที่ในใจนั้นก็รู้ดีอยู่แล้วว่าคนรักของหลานชายคือใคร
"ก็..ไม่มีนี่ครับ ผมยังไม่ได้มีใคร"
"นี่แกคิดจะปิดบังป้าไปถึงเมื่อไหร่ตาเจตน์"
"ก็ถ้าผมบอกไปแล้วป้าไก่จะรับได้หรือครับ"
"นี่หมายความว่าแกแอบมีคนรักจริงๆใช่ไหม ใครแกบอกป้ามานะ"
"ผมขอไม่เอ่ยถึงเขาก็แล้วกันนะครับ ไหนๆผมกับก็จบกันไปสักพักแล้ว หรืออีกอย่างถึงผมกับเขาจะยังไม่จบกัน ยังไงเสียป้าไก่ก็คงไม่มีทางให้ผมคบกันกับเขาหรอก"
ใช่จริงๆด้วย ในที่สุดจิรายุก็ยอมรับออกมาแล้วว่าตัวเองแอบคบหากันกับนพนนท์ ดูท่าว่าคุณเจตน์ของเธอน่าจะรักฝ่ายนั้นมาก ดูจากอาการเมามายเมื่อคืนแล้วเขาคงเสียใจมากน่าดู
"นี่ตกลงแกยอมรับแล้วจริงๆหรือตาเจตน์ว่าแก..(เป็นเกย์"
"ครับผมยอมรับ(ว่าผมแอบคบหากับคนที่คุณป้าไม่มีทางยอมรับได้)"
"อกอีแป้นจะแตก ตายแล้วยายนางแกฟังมันสิ ในที่สุดตาเจตน์มันก็ยอมรับออกมา โอ๊ยฉันจะเป็นลม"
จากนั้นทุกอย่างก็อย่างก็ชุลมุนวุ่นวายเมื่ออยู่ๆคุณกนกวรรณก็ทำท่าลมใส่ล้มลงไปบนโซฟา เป็นอันว่าถึงกับต้องเรียกรถพยาบาลมากันเลยทีเดียว และได้ข้อสรุปว่าหมอให้นอนโรงพยาบาลต่อหนึ่งคืนเนื่องจากว่าผู้ป่วยค่อนข้างจะสูงอายุแล้ว โดยยายนางบอกว่าให้เธอกับจิรายุกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ ทางนี้ไม่ต้องห่วงอะไร เพราะว่ามีพยายาบาลพิเศษเฝ้าดูแลอย่างดี
ระหว่างทางกลับบ้านจิรายุไม่พูดกับเธอสักคำ ไม่รู้ว่าเขาโกรธอะไรเธอเรื่องนั้นหรือเปล่า ทำเอาอิงรดาได้แต่สงสัยแต่ก็ยังไม่กล้าถาม จนกระทั่งเขาพูดออกมา
"ทำไมเธอถึงได้เอาเรื่องของฉันไปเล่าให้ป้าไก่ฟังแบบนั้น รู้หรือเปล่าว่าป้าไก่สุขภาพไม่ได้แข็งแรงอย่างที่เห็น พอมารู้เรื่องอะไรแบบนี้เข้าเดี๋ยวคุณป้าจะช็อกเอาได้ ฉันไม่อยากให้ป้าไก่ต้องไม่สบายใจเพราะเรื่องของฉัน"
จิรายุไม่ได้โกรธเธอ หากแต่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบราบเรียบในขณะที่สายตายังคงโฟกัสไปบนท้องถนน อิงรดาฟังแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิด จากที่ต้องการอยากจะช่วยทุกคนแท้ๆเชียว ทำไปทำมาเธอกลับเป็นคนทำทุกอย่างให้ยุ่งเหยิง
"คือว่า หนูขอโทษค่ะคุณเจตน์ หนูแค่ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้" อิงรดายกมือขึ้นไหว้ขอโทษเขาตาปรอย
"อื้ม ช่างมันเถอะ ทีหน้าทีหลังทำอะไรก็คิดหน่อยก็แล้วกัน แค่นี้ฉันก็รู้สึกแย่มากพอแล้ว ไม่อยากให้ป้าไก่ต้องเป็นอะไรไปเพราะฉันน่ะ"
"หนูขอโทษจริงๆค่ะ ทีหลังหนูจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว"
อิงรดารับปากจิรายุเสียงอ่อน ในเมื่อยังไม่รู้เลยว่าต่อไปเรื่องราวจะเป็นยังไง หน้าที่ที่ถูกมอบหมายนั้นเธอควรต้องทำต่อหรือไม่ หรือว่าจะหยุดทุกอย่างไว้เพียงเท่านี้ดี
ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องจนกระทั่งตอนนี้น่าจะผ่านไปเกือบสองสัปดาห์เต็มแล้วที่จิรายุยังคงอยู่ในอาการเศร้า เธอไม่รู้หรอกว่าอาการของเขานั้นถึงขั้นไหน แต่เอาเป็นว่าจิรายุคนนี้นั้นเงียบขรึมลงจนสะดุดตาคนรอบตัวเขากินข้าวน้อยลง วันๆเอาแต่ทำงานจนดึกดื่น ค่ำมืดกว่าจะกลับบ้าน บางวันก็ไล่ให้เธอกลับไปก่อน ส่วนตัวเขาเองบางทีเที่ยงคืนถึงได้ยินเสียงรถกลับเข้ามาจอดสิ่งที่จิรายุเป็นอยู่ทำเอาทุกคนในบ้านอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ เรื่องที่เธอเคยสงสัยว่าหน้าที่ที่ถูกมอบหมายจากคุณกนกวรรณนั้นเธอควรไปต่อหรือพอเอาไว้ก่อน คำตอบที่ได้รับหลังจากที่คุณกนกวรรณออกจากโรงพยาบาลในทันทีก็คือยิ่งต้องให้เธอจับตามองจิรายุให้หนัก ยิ่งเขาเศร้าเสียใจมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งต้องคอยรายงานสถานการณ์ให้คุณกนกวรรณทราบทุกย่างก้าว "อาการตาเจตน์ดีขึ้นบ้างหรือยัง""ยังเลยค่ะคุณท่าน วันๆเอาแต่คร่ำอยู่กับงาน ไม่ยอมลืมตาไปไหนเลยค่ะ""แล้วแฟนตาเจตน์ล่ะ ไม่สิ ยัยนนนี่อะไรนั่นได้แวะกลับเข้ามาวอกแวกอะไรกับตาเจตน์อีกหรือเปล่า""ไม่นะคะ เงียบหายไปเลย""ดี ยังไงเธอคอยจับตาดูตาเจตน์เอาไว้นะ ถ้ามีอะไรคืบหน้าก็ให้รีบรายงานมา อาทิตย์หน้าฉันจะเริ่มนัดดูตัวให
ดึกดื่นค่อนคืนจิรายุก็ยังคงพาเธอนั่งอยู่ตรงนั้น รอบๆตัวผู้คนยังคงเดินผ่านกันไปกันมา ส่วนเธอกับเขาก็นั่งมองดูดาวฟังเสียงคลื่นที่สาดเข้ากระทบฝั่ง พอดึกเข้าเริ่มจะหนาวเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำตาลตัวยาวที่เขาใส่อยู่ก็ถูกถอดออกมาให้เธอได้ใส่"ดึกแล้วลมแรง เธอใส่เสื้อฉันเอาไว้ก็แล้วกัน มีแค่เสื้อแขนสั้นมาตัวเดียวมันหนาว""แล้วคุณเจตน์ไม่หนาวเหรอคะ""ฉันเป็นผู้ชาย ฉันทนได้น่า""ไม่เอาหรอกค่ะ ถึงคุณเจตน์จะเป็นผุ้ชาย แต่หนูก็ไม่อยากเอาเปรียบ ขยับเปลนอนมาใกล้ๆนี่สิคะ แบ่งกันคลุม"อิงรดาพยายามดึงลากเปลนอนของจิรายุให้ขยับเข้ามาจนชิดกับเปลเธอ จากนั้นแจ็คเก็ตตัวยาวก็ถูกคลุมเผื่อไปยังคนข้างๆด้วยเขาและเธอพากันพูดคุยเรื่องราวนึกย้อนไปวันเก่าๆ ว่าช่วงเวลาสี่ปีที่ผ่านมาใครทำอะไรที่ไหนกับใครบ้าง จนมีช่วงหนึ่งที่จิรายุเล่าว่าเขากับคนรักนั้นคบกันมานานมากกว่าสิบปีแล้ว แต่ว่าเขาไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าตัวเองนั้นมีคนรักอยู่ จิรายุบอกว่าป้าของเขาไม่มีทางยอมรับได้แน่ๆถ้าได้รู้ว่าคนรักของเขาคือใคร และนั่นเองอิงรดาถึงได้รู้ว่าทำไมจิรายุต้องเสียใจฟูมฟาย ระยะเวลาที่คบกันมาสิบกว่าปีก็ย่อมต้องรักกันมากเป็นธรรมดา พอฟังเขาเล่า
'ทำไมมันถึงได้ถอดยากถอดเย็นแบบนี้วะ'จิรายุได้แต่บนคนเดียวอยู่ในใจ ในเมื่อเมื่อครู่ที่ผ่านมาเขาจัดการถอดเสื้อยืดที่เปื้อนเลอะไปด้วยน้ำหมึกและกางเกงยีนต์ออกให้อิงรดาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่รายนั้นกลับวิ่งออกจากห้องน้ำมาให้เขาปลดตะขอเสื้อชั้นในให้อีก จิรายุพยายามปลดแล้วปลดอีก แต่ก็ยังไม่ได้ เขาไม่เข้าใจเลยว่าอิงรดาซื้อเสื้อชั้นในที่มีตะขอที่ซับซ้อนขนาดนี้มาเพื่ออะไร เวลาถอดทีจะไม่ใช้เวลาถอดเป็นชั่วโมงเลยเหรอ"ได้ไหมคะคุณเจตน์""พึ่งรู้ว่าชั้นในผู้หญิงมีตะขอแบบนี้ด้วย ปกติแค่ตะขอเกี่ยวแล้วก็ปลดออกแล้วไม่ใช่หรือไง" นั่นแน่ ทำเป็นรู้ดี คงแอบเคยใส่สิท่า อิงรดาแอบนึกย้อนขำในใจ โดยที่คนที่ถูกเธอครหาไม่มีทางรู้ตัว"ตะขอแบบนี้มันก็มีค่ะ คุณเจตน์แค่สไลด์ขึ้นลง มันจะมีล็อกของมันอยู่"'ตรงไหนของเธอวะอิง นี่ฉันก็บิดจนเจ็บมือแล้วเนี่ย'จิรายุเริ่มชักจะหน้ายุ่งและหงุดหงิดเมื่อพยายามแกะเท่าไหร่ก็ไม่ออก จนในที่สุดคนที่บอกว่าจะหลับตาก็แอบค่อยๆหรี่ตาขึ้นมองเพราะเบื่องมต่อไปไม่ไหว จนกระทั่งลืมตาขึ้นมาเจอแผ่นหลังที่ขาวเนียนละเอียดและภาพตรงหน้าเขาที่มีอิงรดายืนหอบกระโจมผ้าเช็ดตัวเอาไว้ พลางปล่อยขอบชายของม
"กลับมาถึงกันแล้วหรือตาเจตน์ นี่ไปซื้อหมึกกันมาถึงไหนถึงได้กลับมาสายกันจนป่านนี้ ป่านนี้วุ้นมะพร้าวป้ากับอาหารทะเลไม่เน่าหมดแล้วหรือไง แล้วนั่นดูเจ้าอิงอีก ตอนไปเธอไม่น่าจะแต่งชุดนี้ไปนะ""พอดีว่ามีอุปสรรคนิดหน่อยครับป้าไก่ รายนั้นไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนถึงได้โดนหมึกพ่นน้ำหมึกใส่เต็มตัวเลย ผมเลยต้องจอดแวะโรงแรมให้ล้างตัวแล้วค่อยกลับมา ส่วนของที่ป้าไก่สั่ง ไม่มีอะไรเน่าเสียหายหรอกครับ เพราะว่าผมอัดน้ำเเข็งใส่มาให้เต็มที่""งั้นก็ดี ไหนๆวันนี้เราก็อยู่กันพร้อมหน้าแล้ว เย็นนี้เพื่อนป้าจะพาหลานสาวที่พี่งกลับจากอังกฤษเข้ามาทานข้าวด้วย เจตน์อยู่ทานด้วยกันนะลูก ไม่ได้มีนัดอะไรที่ไหนใช่ไหม""ไม่มีครับป้าไก่""ดีแล้ว งั้นเจตน์ก็ขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ ไว้เย็นๆค่อยลงมา"และทันทีที่จิรายุเดินขึ้นบันไดไป คุณกนกวรรณก็รีบจูงข้อมืออิงรดาออกไปคุยกันที่ประตูหลังบ้านในทันที ทั้งสองคนทำท่าทีลับๆล่อๆ พอมองซ้ายแลขวาแล้วไม่มีใคร คุณกนกวรรณจึงได้เริ่มต้นเป็นฝ่ายถาม"ตาเจตน์เป็นยังไงบ้างอิง ดีขึ้นไหม""ก็คิดว่าน่าจะดีขึ้นบ้างค่ะคุณท่าน ไม่ได้มีท่าทีเศร้าใจอะไร ส่วนคุณนพนนท์เองก็ไม่เห็นติดต่อคุณเจตน์มา เพราะว่า
เมื่อทุกคนมาถึงกันพร้อมหน้า คุณกนกวรรณก็เริ่มทำหน้าที่ในการจับคู่ดูตัว จิรายุนั้นรู้จุดประสงค์ของผู้เป็นป้าอยู่แล้วว่าทำไมป้าของตัวเองถึงได้นัดป้าหลานคู่นี้มา แต่ก็ยังยอมที่จะเล่นไหลไปตามน้ำ"ตาเจตน์ลูกนี่หนูแอล พึ่งกลับมาจากอังกฤษ รู้จักกันเอาไว้สิ เผื่อวันหน้าวันหลังจะได้สนิทสนมกันมากขึ้นกว่านี้""ครับป้าไก่ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องแอล"จิรายุกล่าวทักทายอีกฝ่ายไปแบบจริงใจและไม่ได้คิดที่จะมีเลศนัยอะไร ดูไปดูมาฝ่ายนั้นก็เป็นผู้หญิงออกหวานดูน่ารักเรียบร้อยดี "สวัสดีค่ะพี่เจตน์ แล้วก็.."เอวารินยกมือขึ้นไหว้ทักทายจิรายุเสร็จแล้วจึงหันไปยิ้มหวานให้อิงรดา"อ๋อ นั่นเจ้าอิงน่ะหนูแอล ก็น่าจะรุ่นเดียวกันกับหนูใช่ไหมจ๊ะ เจ้าอิงปีนี้ก็ยี่สิบสามย่างยี่สิบสี่ พึ่งเรียนจบกลับมาจากอเมริกา นั่นก็เลี้ยงดูกันมาเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง"อิงรดายกมือขึ้นไหว้และก็ยิ้มหวานทักทายกลับไป "ชื่ออิงเหรอคะ เราชื่อพยัญชนะอออ่างเหมือนกันเลย อิงกับแอล ถ้าเกิดว่าแอลอยากจะขอเป็นเพื่อนกับอิงจะได้ไหม แอลเพื่อนน้อย กลับมานี่ก็ยังไม่ได้เจอใครเลย"พอเอวารินพูดแบบนั้นออกไป ทำเอาทุกคนก็ออกอาการเหรอหราไปตามๆกัน จากที่ต้อ
ในเมื่อจะดูซีรี่ย์ต่อก็ดูไม่รู้เรื่อง อยู่ๆอิงรดาจึงได้บอกจิรายุออกไปว่าเธอน่ะเริ่มง่วงแล้ว แล้วเขาจึงได้กลับออกไป ทั้งๆที่พยายามบอกใจตัวเองไปแล้วว่าเธอคิดอะไรกับเขาไม่ได้ แต่ทำไมสายตาที่จิรายุมองมาตอนที่ริมฝีปากของเธอและเขาประกบกันอยู่ถึงยังคงมีอิทธิพลนัก ไม่ได้ๆ เธอต้องรีบจัดการความรู้สึกติ๊ดๆ เสียงแจ้งเตือนข้อความในโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พอเปิดดูไอ้อาการร้อนหน้าวูบวาบเหมือนเมื่อกี้ก็กลับมาอีกเมื่อเห็นข้อความที่ถูกส่งมา'ใช้ลิปสติกของอะไร ทำไมปากถึงได้นุ่มจัง'เขาชอบลิปสติก เขาชอบลิปสติกจ้า..เขาอยากปากนุ่มเหมือนปากเธอ คงอยากแอบหามาใช้บ้าง อิงรดาอ่านข้อความแล้วก็บอกตัวเองไปแบบนั้น ก่อนจะจัดการถ่ายรูปแท่งลิปสติกสีหวานของตัวเองส่งกลับไปให้จิรายุ'ยี่ห้อนี้ไม่มีขายที่ไทยนี่ จะว่าอะไรไหมถ้าฉันอยากขอแบ่งใช้กับเธอบ้าง''คิดว่าไม่ได้ค่ะ เพราะว่ามันใกล้จะหมดแล้ว''หวงแบบนี้ เห็นทีต้องขโมยจุ๊บเอาจากปากเธอ'เฮ้อ! อิงรดาถอนหายใจออกไปแล้วก็รีบปิดไฟนอน ขนาดนอนไปแล้วก็ยังต้องพลิกไปพลิกมาเพราะนอนไม่หลับ นี่จิรายุคงจะไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นจริงๆหรอกใช่ไหม หลับตื่นขึ้นมาก็มีข้อความจากจิรายุส่งมาแต่เช้า
อิงรดาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็นั่งเล่นเอาขาจุ่มลงไปในสระว่ายน้ำ สายตายังคงโฟกัสไปที่จิรายุที่เดินเล่นอยู่ริมหาดคนเดียวไกลๆ เธอนั่งมองดูเขามาสักพักหนึ่งแล้วและไม่ได้คิดว่าจะอยากเข้าไปหา บางทีการที่ปล่อยให้เขาได้อยู่กับตัวเองและได้คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยคนเดียวมันอาจจะเป็นการดีกับเขามากขึ้นก็ได้"เจตน์ล่ะจ๊ะน้องอิง"นพนนท์และสามีกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เธอก็ไม่ทันได้สังเกต รู้อีกทีในมือของทั้งสองก็หอบหิ้วพวกอาหารสดกันเข้ามาเต็มมือ"โน่นค่ะ เดินวนไปมาอยู่อย่างนั้นมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว สงสัยอยากคิดอะไรคนเดียวเงียบๆหนูก็เลยไม่อยากเข้าไปขัด" อิงรดาบุ้ยปากและชี้มือไปยังทิศทางที่จิรายุอยู่"คงต้องปล่อยให้เจ้านั่นมันได้คิดอะไรอยู่กับตัวเองสักพัก เดี๋ยวมันก็คงจะค่อยๆดีขึ้น พี่ว่าเราไปช่วยกันเตรียมกับข้าวเย็นนี้กันดีกว่าเถอะ นี่พี่กับจิมมี่ซื้ออาหารทะเลสดๆมากันเยอะเลย เดี๋ยวก่อเตานิดหน่อยจะได้ปิ้งย่างกัน ขอแรงน้องอิงมาช่วยพี่หน่อยนะคะ สามีพี่น่ะถนัดกินอย่างเดียว"อิงรดาพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นจากสระว่ายน้ำ หากแต่สายตาก็ยังมิวายหันไปมองคนที่ตอนนี้นั่งกอดเข่าหล่อนก้นลงไปบนชายหาดเป็นที่เรียบร้อย"หวังว
หลังจากเดินกลับเข้ามา ภาพตรงหน้าก็น่าจะเหมือนกำลังตอกย้ำความรู้สึกของจิรายุให้ดำดิ่งลงไปทุกทีในสายตาของอิงรดา เมื่อขณะที่ทั้งเธอและเขาเดินกลับเข้ามา ภาพเบื้องหน้าก็คือนพนนท์ที่เปิดเพลงยืนโอบกอดเต้นรำกันกับสามียิ่งเห็นอิงรดาก็ยิ่งชักหมั่นไส้เพื่อนสาวตัวร้าย..ไม่สิ อดีตคนเคยรักของจิรายุมากขึ้นไปอีก ที่เอะอะก็เอาแต่จุ๊บแก้ม กอดหอม คลอเคลียกันตั้งแต่บ่ายยันเย็น โดยไม่รู้จักนึกสงสารหรือเห็นใจอดีตคนเคยรักอย่างจิรายุบ้างอิงรดายืนมองคนทั้งสองคนยืนกอดกันกลมเต้นรำใต้แสงโคมไฟอยู่ตรงหน้า ส่วนจิรายุก็เดินเข้าไปเปิดเบียร์ขวดใหม่ออกมากระดกดื่ม แน่นอนว่าสิ่งที่อิงรดาเห็นจากจิรายุคือเขามีแต่ความเจ็บช้ำ หากขอได้เธออยากจะมีพรวิเศษที่จะสามารถช่วยปัดเป่าความเจ็บปวดให้หายไปจากเขา"นี่เจตน์ แกพาน้องอิงมาเต้นรำด้วยกันสิ เพลงเพราะขนาดนี้โรแมนติกเวอร์มากแม่" นพนนท์ตะโกนเบาๆและหันกลับมามองทางที่เธอและจิรายุนั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล"ไม่ล่ะ ฉันมันไม่ใช่ผู้ชายโรแมนติก แกเต้นกันกับผัวแกไปเถอะ""เศร้าไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น สู้ทำตัวใหม่ให้ไฉไลและสดใสขึ้นให้เขาเสียดายเล่นไม่ดีกว่าเหรอ" นพนนท์ยังคงตื้อไม่หยุดและดูเหมือน
"หนูท้องจริงๆด้วยค่ะคุณเจตน์""อะไรนะ นี่พูดจริงหรือเปล่าอิง""สองขีดชัดเจนขนาดนี้โกหกได้ด้วยเหรอคะ"อิงรดาชูแผ่นตรวจการตั้งครรภ์ที่ปรากฎสัญลักษณ์สองขีดที่อยู่ในมือชููยื่นให้จิรายุดู ช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เธอมีอาการแปลกๆ เอาแต่เวียนหัวหงุดหงิดวิงเวียนเป็นว่าเล่น ดึกๆดื่นๆก็ชอบตื่นลุกขึ้นมาหาอะไรกินทั้งที่นอนหลับไปแล้ว จนจิรายุเองยังเคยแอบแซวว่าสงสัยเธอคงจะท้องแล้วแน่ๆยิ่งพอได้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน รายนั้นก็ชอบจับเธอกินทั้งเช้าและค่ำ บางทีดึกดื่นค่ำมืดกว่าจะได้หลับได้นอนก็ปาไปเกือบค่อนคืน ทั้งทีเธอเองก็บอกไปแล้วว่าให้เขาเพลาๆลงหน่อย งานแต่งก็ยังไม่ได้จัด กว่าจะถึงฤกษ์ก็ต้องรออีกตั้งสองเดือนถึงจะถึงวันที่คุณกนกวรรณหาเอาไว้ให้ เธอเลยกลัวว่าป่านนั้นตัวเองจะได้ท้องโย้ก่อนเข้าพิธีแต่งงาน"เย้!ในที่สุดลูกพ่อก็มาสักที แบบนี้ต้องประกาศให้โลกรู้ว่าจิรายุก็มีน้ำยา นึกว่าจะต้องอับอายขายขี้หน้าคนแถวนี้เสียแล้วว่าฉันทำลูกไม่เป็น"จิรายุกระโดดเย้วๆอยู่สามสี่ทีก็วิ่งกลับมาอุ้มเธอขึ้นหมุนไปรอบๆ อิงรดาอดขำไม่ได้ที่จิรายุยังจำได้อยู่ว่าเธอแกล้งล้อเขาว่าอะไร เพราะตั้งแต่ที่ตั้งใจมีอะไรกันไปแบบไม่มีกา
"แกต้องรับผิดชอบยายอิง"นั่นคือคำประกาศิตที่คุณกนกวรรณพึ่งจะประกาศออกไป อิงรดายังคงนั่งก้มหน้าโดยมีจิรายุหลานชายของเธอนั่งจับมือไว้ คงจะเป็นเพราะว่าเด็กนั่นกลัวทำให้เธอและผู้เป็นยายผิดหวังเสียใจ จึงไม่กล้าเงยหน้าสบตา หากแต่ว่าความจริงเป็นอย่างไร คงจะมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้อยู่เต็มอก นึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เธอยังคงส่งนักสืบเฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวของอดีตสามีที่ย้ายออกจากบ้านไปอยู่กับภรรยาใหม่ ซึ่งก็คือ นันที อดีตแม่บ้าน ด้วยความที่ยังคงรักและเป็นห่วง บวกกับที่เธอได้ข่าวมาว่าพักหลังมานี้อดีตสามีสุขภาพไม่ค่อยจะดีนักและออกไปไหนไม่ค่อยได้ ทำให้ฝ่ายหญิงนั้นแอบลักลอบมีความสัมพันธ์กับชายคนใหม่ และไม่ได้ใส่ใจดูแลอดีตสามีของเธออย่างที่ควรจะเป็น จนอดีตสามีของเธอรู้เข้าก็เริ่มตรอมใจ เธอเองด้วยความที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายปี บอกตามตรงก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เลยยังแอบดูแลให้ความช่วยเหลือในฐานะเพื่อนเก่า โดยที่ไม่เคยเอ่ยปากบอกให้ใครรู้แต่พอสืบไปสืบมา นอกเหนือจากเรื่องสามี ความจริงบางอย่างที่เธอได้รับรู้เพิ่มมาอีกอย่างด้วยก็คือ พ่อหลานชายตัวดี ยังคงติดต่อคบหากับเอมมิกาลูกสาวของนันที
ไม่ใช่แค่อิงรดาที่หน้าเหวอ แต่เอวารินที่โทรมาอยู่ในสายก็หน้าเหวอตกใจไปตามๆกัน แถมฝ่ายนั้นยังจะถามจิรายุซ้ำเพื่อความแน่ใจอีกต่างหาก จนได้ฟังคำตอบรอบที่สองของจิรายุไป ทำเอาอิงรดาถึงกับต้องรีบแย่งโทรศัพท์มือถือที่ถูกจิรายุแย่งไปคืนกลับมา'น้องแอลฟังไม่ผิดหรอกครับ พี่บอกว่าอิงเป็นแฟนพี่ หรือว่าจะเอาให้ชัดๆเลยก็คือ อิงเป็นเมียพี่ครับ'"คุณเจตน์พูดแบบนั้นกับคุณแอลไปได้ยังคะ""ทำไมล่ะ ก็ในเมื่อฉันพูดความจริง หรือเธอจะเถียงอีกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน"จิรายุหน้ายุ่งคิ้วยุ่งสวนกลับคนตัวเล็กทันทีที่เธอแหวมา ก็จะให้เขาทำยังไงได้ล่ะ ยอมทนเห็นแฟนตัวเองถูกคนอื่นจีบเฉยๆอย่างนั้น ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นผู้หญิงก็ตามอย่างนั้นเหรอ คงไม่ใช่เขาล่ะ คอยดูเถอะ นี่ขนาดยังไม่ได้คบกันออกหน้าออกตาเขายังหวงเธอขนาดนี้ วันไหนที่มีโอกาสได้ประกาศความเป็นเจ้าของขึ้นมา รับรองว่าอิงรดาจะไม่มีทางได้เหลียวมองใคร"แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆนี่คะ"อิงรดาน้ำเสียงอ่อนลง แถมยังทิ้งตัวนั่งลงไปบนเตียงราวกับว่าหมดอะไรตายยาก ในเมื่อตอนนี้เธอเองไม่สามารถแสดงสิทธิ์ในการครอบครองเขาได้ เพราะฉะนั้นเรื่องสถานะความสัมพันธ์ระหว
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นก้องอยู่ภายในห้องครัว ยิ่งอิงรดาส่งเสียงกระเส่าครวญครางออกมาเท่าไหร่ เเรงกระแทกที่ถูกส่งไปก็ยิ่งมีมากเพิ่มขึ้นเท่านั้น ทันที่ผละออกจากริมฝีปากหวานได้ สายตาคมของเขาก็ก้มจ้องลงมายังจุดสอดประสาน อิงรดามองภาพจิรายุซี๊ดปากหน้านิ่วที่เกิดจากการกระทำร่วมกันของเขาและเธอก็เกิดความเสียวซ่านบวกกับความอาย จิรายุเองก็เลือกที่จะมองสลับกันบนล่าง ใบหน้างดงามที่กำลังเสียวซ่านของอิงรดา สลับกับจุดเชื่อมประสานกลางกาย"อ่าส์ แน่นดีมากๆเลยอิง ได้มองหน้าเธอสลับกับมองนมไปด้วยแบบนี้ ขยับแค่ไม่กี่ทีฉันก็เกือบจะเสร็จแล้ว""แน่ใจเหรอคะว่าคุณเจตน์มองแค่หน้าหนูแล้วก็มองนม หนูเห็นว่าคุณเจตน์ชอบมองลงไป..ข้างล่าง""ก็อันนั้นฉันก็อยากเห็นไงว่าร่างกายของเราสองคนเข้ากันได้ดีมากแค่ไหน ว่าแต่เธอยังเจ็บอยู่อีกหรือเปล่า""ไม่เจ็บแล้วค่ะ ตอนนี้มีแต่..เสียว"อิงรดายิ้มหวานตาหยี พร้อมกับใบหน้ายู่ยี่แล้วจึงแลบลิ้นน้อยๆออกมา พอจิรายุเห็นเข้าก็รีบตามเข้าไปประกบดูดปากอย่างไว ในขณะที่สะโพกแกร่งยังคงซอยขยับเรียกเสียงครางหวานๆ อิงรดาปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขที่จิรายุมอบให้ จนเผลอปล่อยเสียงครางออกมาเป็นที
"แล้วคุณเจตน์กับพี่เอม เอ่อ คบกันมานานแล้วเหรอคะ""อื้ม เป็นสิบปีแล้ว แต่ก็คบๆเลิกๆ บางทีเลิกกันไปปีสองปีแล้วก็กลับมาคบกันใหม่ ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ตัดเอมออกไปจากชีวิตจริงๆไม่ได้บางทีก็อาจจะเป็นเพราะว่า เราเป็นคนแรกของกันและกัน""คุณเจตน์กับพี่เอม เป็นคนแรกของกันและกัน" อิงรดาเผลอพูดย้ำซ้ำคำนั้นออกมาเสียงเบา ราวกับว่าสิ่งนั้นกำลังสร้างความเจ็บปวดให้กับเธออยู่ลึกๆ ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆน้อยๆสามสี่ทีเพื่อไล่เอามวลน้ำตาที่กำลังทำท่าว่าจะเอ่อทะลักขึ้นมา กระนั้นถ้าหากตอนนี้เขาได้จ้องมองเข้ามาในดวงตาก็คงจะเห็นได้ถึงร่องรอยความแดงของมัน"เธอหึงฉันเหรออิง น้อยใจฉันอยู่หรือเปล่า""ปละ เปล่านี่คะ""แต่ถ้าเธอจะบอกว่าหึงแทนคำว่าเปล่า คำนั้นมันอาจจะทำให้ฉันดีใจมากกว่าก็ได้นะ"จิรายุเองก็มองมาที่เธอตาละห้อยสร้อยเศร้า ทั้งในใจก็ยังเอาแต่ครุ่นคิดว่าความรู้สึกที่อิงรดามีต่อตนเองนั้นจะใช่ความจริงหรือเปล่า หากแต่ก็ทำได้เพียงแค่เว้าวอนว่าขอให้เธอชอบเขาจริงๆ เพราะตอนนี้ตัวเขานั้นสามารถพูดได้อย่างเต็มปากแล้วว่า เขาชอบเธอ"คุณเจตน์ อยากให้หนูรู้สึกอย่างนั้นจริงๆเหรอคะ""อื้ม อยาก เพ
'ถ้าเธออยากจะยกเลิกเรื่องที่เคยตกลงกันไว้ก็ได้ แต่ระหว่างนี้ห้ามกินยาคุมฉุกเฉินเด็ดขาด รอจนกว่าประจำเดือนจะมา ถ้าประจำเดือนมาเธอก็รอดตัวไป แต่ถ้าไม่ เราก็ต้องมาตกลงกัน'อิงรดานั่งเหม่อกับข้อเสนอแกมคำสั่งล่าสุดของจิรายุอยู่ที่บริเวณใต้ร่มไม้หน้าบ้านอย่างหมดไร้ซึ่งหนทางและไม่เข้าใจเลยว่าจิรายุจะบังคับเธอไปทำไม ในเมื่อการมีลูกกับเธอนั้นก็ไม่ได้ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เพราะการที่เธอยอมตกลงทำเรื่องอะไรกับเขาแบบนี้ตั้งแต่เริ่มแรกเลยนั้นก็คือความต้องการของคุณกนกวรรณต่างหาก บวกกับความสงสารและแอบมีเขาเข้ามาอยู่ในใจ ด้วยความที่อยากจะมีเขาอยู่ใกล้ๆ เลยทำให้เธอยอมรับปากอะไรออกไปแบบนั้น การที่เธอยินยอมที่จะปล่อยให้เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาได้เข้ามาเจริญเติบโตในร่างกายของเธอได้ นั่นก็เป็นเพราะว่า เธอรักเขา แล้วเขาล่ะ รักเธอก็ไม่ได้รัก ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้ผิดเพศผิดปกติอะไรเสียหน่อย ทำไมถึงต้องรั้งเธอไว้ด้วยเรื่องแบบนี้ ไม่รู้บ้างเลยหรือไงว่าแค่นี้เธอก็เจ็บเจียนตายอยู่มะรอมมะร่อแล้วภายใต้ความทึบของม่านกรองแสงผืนยาวบนชั้นสอง เรือนร่างสูงใหญ่ยืนเอียงตัวพิงบานกระจกหนามองทะลุผ่านเงาสะท้อนออกไปยังด้านนอก เพื
ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปบ้าง อิงรดาไม่รู้ตัวเลยสักนิดด้วยซ้ำว่าเผลอเอื้อมมือไปเปิดประตูให้เอมมิกาเข้ามาในบ้านตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เดินกลับเข้ามาในบ้านแล้วได้ยินเสียงของเอมมิกาพยายามเสียงดังแข่งใส่จิรายุอยู่"แต่เอมไม่เลิก! เจตน์คบกับเอมมาถึงขนาดนี้แล้ว เอมเสียเวลาชีวิตไปเป็นสิบๆปีก็เพราะว่าเจตน์มัวแต่เกรงใจป้า เอมต้องการเจตน์คืน ยังไงเจตน์ก็ต้องกลับมาคบกับเอมเหมือนเดิม""เลิกพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ได้แล้วนะเอม คุณเลิกกับผมแล้วแต่งงานใหม่ไปแล้ว ตอนนี้จะมาอยากทวงผมคืน คุณบ้าไปแล้วหรือเปล่าฮะ""เอมไม่ได้บ้า แต่เอมแค่อยากมาขอโอกาสเจตน์อีกครั้ง เอมคิดถึงเจตน์ ที่เอมต้องแต่งงานไปก็เพราะว่าแม่บังคับเอม ความจริงเอมไม่เคยรักผู้ชายคนนั้นเลย เอมรักเจตน์""แต่ผมไม่ได้รักคุณแล้วเอม ผมรักคนอื่น""คนอื่นของเจตน์ คืออีนังเด็กอิงรดาเนี่ยเหรอ เจตน์อย่าคิดนะว่าคืนนั้นเอมไม่เห็นว่าคุณนั่งจูบกันกับมันอยู่ที่ริมหาด""แล้วไง ผมกับคุณเลิกกันไปแล้ว ผมจะไปกอดใครจูบใครมันก็เรื่องของผมเอม"และอีกร้อยล้านถ้อยคำสารพัดสารเพที่ยังพากันหลั่งไหลเข้ามาในหูของอิงรดาผู้น่าสงสาร เธอไม่ได้เดินกลับเข้าไปในบ้าน หากเ
ในที่สุดอิงรดาก็ทำใจกล้าเปิดประตูออกไปได้เสียที หลังจากที่ยืนสวดมนต์ทำใจอยู่เสียนาน พอจิรายุบอกว่าจะเป็นฝ่ายเปิดออกไปเองก็ไม่ยอม บานประตูค่อยๆเปิดกว้างออกขึ้นทีละน้อย จนในที่สุดจิรายุทนไม่ไหวจึงได้เบียดตัวออกไปยืนอยู่หน้าห้องทันทีนาทีนั้นอิงรดาแทบจะอยากกรี๊ดออกมาดังๆแต่ก็ทำไม่ได้ ในเมื่อตกลงกันแล้วว่าเธอจะเป็นฝ่ายเปิดออกไปก่อนเพื่อดูลาดเลาแล้วเขาค่อยตามเธอไป เพราะถ้าหากว่าแถวนั้นมีใครอยู่ เธอจะได้เบี่ยงเบนความสนใจให้จิรายุออกมาได้ แต่พอออกมา ปรากฎว่าบ้านทั้งหลังนั้นกลับว่างเปล่า อิงรดาชะเง้อหน้ามองหาคนในบ้าน แต่ก็ไม่เจอใครเลย "เห็นไหม ไม่เห็นมีใครเลย""คุณเจตน์ อย่าพึ่งเสียงดังไปสิคะ"คนตัวเล็กรีบยกมือขึ้นมาจุ๊ปากเป็นสัญลักษณ์ให้จิรายุนั้นพูดเบาๆ แม้ว่าในใจจะคิดว่ามันแปลกมาก แต่อิงรดาก็เลือกที่จะสาวเท้าเข้าไปในครัว เพราะเป็นที่อยู่ประจำของยาย แต่พอเดินเข้าไปแล้วยังคงเห็นแก้วเปล่าใบที่จิรายุนั้นวางเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนก็เริ่มหน้าแดงขึ้นมา"รู้นะว่าคิดอะไร""หนูเปล่านะ"จิรายุที่เดินตามเข้ามาติดๆ หยุดมองตามทิศทางสายตาที่อิงรดานั้นมองไปก็ได้โอกาสแซวขึ้นมาทันที ยิ่งเดินอ้อมไปข้างหน้าแล้
อิงรดาถูกจิรายุอุ้มหวือตัวลอยขึ้นไปจากพื้น ทันทีที่เขาก้าวเดินพ้นจากห้องครัวออกมา ภายในใจก็ได้แต่ภาวนาขอว่าอย่าให้ใครได้ออกมาพบเห็นหรือเจอะเจอเลย แม้ว่าเปอร์เซ็นความเป็นไปได้จะน้อยมากที่หญิงสูงวัยทั้งสองคนนั้นจะเดินลงมาข้างล่างดึกดื่นป่านนี้ แต่ยังไงเสียเธอก็ยังกลัวอยู่ดี อิงรดากลัวว่าจะทำให้คุณกนกวรรณและผู้เป็นยายผิดหวัง กลัวถูกตราหน้าว่าเนรคุณ แต่หัวใจเจ้ากรรมกลับไม่สามารถที่จะหักห้ามไม่ให้พาเอาตัวเองเข้าไปใกล้จิรายุได้แต่ทันทีที่บานประตูห้องนอนถูกปิด ราวกับว่าเวลานี้โลกทั้งโลกนั้นมีเพียงแค่เธอกับเขาแค่สองคน ยามเมื่อจิรายุวางเธอลงไปบนเตียงนุ่ม อิงรดาก็ใช้มือวาดไปโอบกอดรอบคอแกร่งนั่นให้โน้มลงมาหาแล้วตอบกลับเขากลับด้วยจูบในแบบเดียวกัน ลิ้นร้อนเล็กใหญ่เกี่ยวก่ายพันกันจนแน่น เสื้อยืดของเธอถูกเขาเลิกขึ้นมาจนมากองรวมกันอยู่ที่คอ ในขณะที่เขาเริ่มใช้ฝ่ามือใหญ่สำรวจบีบคลึงไปทั่ว"คุณเจตน์"อิงรดาหลุดครางเสียงหวานออกมาทันทีที่ความอวบงามนั้นถูกเขี่ย สองคู่ชูชื่นพากันแข็งเกร็งตั้งชูราวกับรู้ว่าอีกไม่นานจะต้องถูกจิรายุแวะเข้ามาเยี่ยมชมเสื้อยืดสีขาวถูกเขาถอดออกไปทางศรีษะ ตามด้วยเสื้อยืดสีดำของต