ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องจนกระทั่งตอนนี้น่าจะผ่านไปเกือบสองสัปดาห์เต็มแล้วที่จิรายุยังคงอยู่ในอาการเศร้า เธอไม่รู้หรอกว่าอาการของเขานั้นถึงขั้นไหน แต่เอาเป็นว่าจิรายุคนนี้นั้นเงียบขรึมลงจนสะดุดตาคนรอบตัว
เขากินข้าวน้อยลง วันๆเอาแต่ทำงานจนดึกดื่น ค่ำมืดกว่าจะกลับบ้าน บางวันก็ไล่ให้เธอกลับไปก่อน ส่วนตัวเขาเองบางทีเที่ยงคืนถึงได้ยินเสียงรถกลับเข้ามาจอด
สิ่งที่จิรายุเป็นอยู่ทำเอาทุกคนในบ้านอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ เรื่องที่เธอเคยสงสัยว่าหน้าที่ที่ถูกมอบหมายจากคุณกนกวรรณนั้นเธอควรไปต่อหรือพอเอาไว้ก่อน คำตอบที่ได้รับหลังจากที่คุณกนกวรรณออกจากโรงพยาบาลในทันทีก็คือยิ่งต้องให้เธอจับตามองจิรายุให้หนัก ยิ่งเขาเศร้าเสียใจมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งต้องคอยรายงานสถานการณ์ให้คุณกนกวรรณทราบทุกย่างก้าว
"อาการตาเจตน์ดีขึ้นบ้างหรือยัง"
"ยังเลยค่ะคุณท่าน วันๆเอาแต่คร่ำอยู่กับงาน ไม่ยอมลืมตาไปไหนเลยค่ะ"
"แล้วแฟนตาเจตน์ล่ะ ไม่สิ ยัยนนนี่อะไรนั่นได้แวะกลับเข้ามาวอกแวกอะไรกับตาเจตน์อีกหรือเปล่า"
"ไม่นะคะ เงียบหายไปเลย"
"ดี ยังไงเธอคอยจับตาดูตาเจตน์เอาไว้นะ ถ้ามีอะไรคืบหน้าก็ให้รีบรายงานมา อาทิตย์หน้าฉันจะเริ่มนัดดูตัวให้ตาเจตน์"
"ได้ค่ะ หนูจะคอยจับตาดูคุณเจตน์ไว้"
หลังจากที่วางสายจากคุณกนกวรรณ อิงรดาก็ได้แต่นั่งถอนหายใจด้วยความอึดอัด สภาพของจิรายุตอนนี้คือเริ่มไม่ค่อยกินข้าวกินปลา บางวันก็มีเพียงแค่กาแฟดำแก้วเดียวที่ตกถึงท้อง ลองเธอบอกคุณกนกวรรณไปแบบนี้มีหวังรายนั้นคงจะยิ่งไม่สบายใจเพราะเป็นห่วงหลานชายหนักเข้าไปอีก นี่เธอควรจะทำอย่างไรดี ที่พอจะช่วยให้เขาหายจากอาการที่เป็นอยู่ได้บ้าง
อิงรดาเฝ้ามองเข็มนาฬิกาจนกระทั่งมันบอกว่านี่คือเวลาเลิกงาน แน่นอนว่าจิรายุคงจะยังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานต่อ แต่เธอคิดว่าการที่เขาปมปลักอยู่แบบนั้นไปก็ยิ่งไม่มีอะไรดีขึ้น ทางที่ดีควรพาเข้าออกไปเปิดหูเปิดตา ดีกว่ามานั่งอุดอู้อยู่แบบนี้ พาลจะยิ่งพาให้เครียดเอา
ก๊อกๆ
"ได้เวลาเลิกงานแล้วค่ะคุณเจตน์ เย็นนี้คุณเจตน์ว่างไหมคะ เมื่อกี้คุณท่านโทรมาบ่นว่าอยากทานวุ้นมะพร้าวน้ำหอมเจ้าประจำ ให้คุณเจตน์ขับไปซื้อให้หน่อย"
"พูดเป็นเล่น ไปตอนนี้เนี่ยนะ"
"ค่ะ"
จากนั้นรถยนต์คันหรูก็พาเธอและจิรายุมุ่งหน้าตรงไปยังพัทยา ใช้เวลาขับไปสองชั่วโมงกว่าๆทั้งเขาและเธอก็พากันมาถึงยังหน้าร้านเจ้าประจำ จิรายุจอดรถไว้ริมถนนซึ่งอยู่ติดกับฟุตพาททางเดิน ก่อนจะลงไปจัดการเหมาวุ้นน้ำพร้าวน้ำหอมเจ้าดังอัดใส่กล่องโฟมพร้อมทั้งอัดน้ำแข็งให้เสียเต็มหลังรถ
"ป้าไก่อยากได้แค่นี้ใช่ไหม ได้สั่งว่าจะเอาอะไรอีกหรือเปล่า"
"เอ่อ แล้วก็คุณท่านบอกว่าอยากได้พวกกุ้งกับหมึกสดๆที่ชาวประมงพึ่งลากขึ้นมาจากอวนค่ะ บอกด้วยว่าถ้าไม่สดไม่ต้องเอาไป"
"หมายความว่ายังไง"
"ก็คือ หมายความว่าคุณเจตน์กับหนูต้องอยู่รอจนถึงตีห้าพรุ่งนี้เช้า ตอนที่ชาวประมงเขากลับเข้าฝั่งแล้วเราค่อยไปซื้อปลาหมึกกันจากที่นั่นไงคะ" ประโยคนี้ทั้งประโยคอิงรดาเอ่ยออกไปอย่างเสียงเบา เธอไม่รู้หรอกว่าพอฟังถึงตรงนี้จิรายุจะรู้ไหมว่านี่เป็นแผนการของคุณกนกวรรณที่ต้องการสั่งให้เธอพาเขาออกมาเปิดหูเปิดตา
"ไม่ตลก"
"หนูก็ไม่ได้ตลกนะคะคุณเจตน์ แต่คุณท่านบอกมาแบบนี้จริงๆค่ะ"
"งั้นหมายความว่าคืนนี้ฉันกับเธอต้องรออยู่ที่นี่จนกว่าจะเช้า แล้วค่อยไปซื้อปลาหมึกให้คุณป้า"
"ค่ะ" คราวนี้อิงรดายิ่งตอบเสียงเบาเข้าไปอีก
"อิงเอ๊ยอิง"
อะไรกัน ทำไมจิรายุถึงได้ส่ายศรีษะแล้วเดินกลับไปขึ้นรถแบบนั้น นี่เขารู้ทันแล้วใช่ไหม แต่เธอเพียงแค่ทำตามคำสั่งของคุณกนกวรรณเท่านั้นเองนะ ว่าแล้วก็ต้องรีบโดดวิ่งขึ้นตามรถของจิรายุไป
"คุณเจตน์คะรอหนูด้วย"
จิรายุพาเธอขับซอกแซกลัดเลาะไปตามซอกซอย เขาขับเข้าถนนเส้นนั้นตัดเข้าเส้นนี้ ก่อนจะพาเธอโผล่มาหยุดอยู่ที่ริมถนนติดชายหาด อิงรดามองตามสายตาที่เขามองไปด้านหน้า พบว่ามันคือตลาดเรียบชายหาดที่มีของกินยาวตามถนนไปจนสุดลูกหูลูกตา เพราะมัวแต่มองเพลิน หันมาอีกทีจิรายุก็เปิดประตูเดินลงไปโน่นแล้ว อิงรดาจึงต้องรีบหยิบกระเป๋าสะพายข้างของตัวเองขึ้นมาถือไว้แล้ววิ่งตามหลังเขาไปอย่างไว
"รอหนูด้วยสิคะคุณเจตน์"
"เห็นมัวแต่นั่งเหม่อ ก็นึกว่าไม่อยากลงมา"
"แหมลงสิคะ ก็หนูแค่ตื่นเต้นไปหน่อย ไม่ได้เดินตลาดแบบนี้มานานแล้ว ไม่ยักรู้ว่าที่พัทยามีตลาดแบบนี้ด้วย"
"เขาเรียกถนนคนเดินเรียบหาด มีทุกศุกร์เสาร์อาทิตย์"
"ถึงว่า วันนี้เป็นวันศุกร์นี่เอง โชคดีจังเลยนะคะ"
"เดี๋ยวเราหาซื้ออะไรไปนั่งกินทางสุดหาดฝั่งโน้นก็แล้วกัน ด้านนั้นจะมีดนตรีสดเล่นอยู่"
"โอเคค่ะ"
ว่าแล้วทั้งเธอและจิรายุก็เริ่มดูนั่นดูนี่ ต่างคนต่างเดินเลือกซื้อ ใครอยากกินอะไรเมนูไหนก็ซื้อใส่กล่องใส่ถุงเพื่อจะได้เอาไปนั่งกินที่ริมหาด
เมื่อจิรายุหันกลับมามองหาอิงรดาอีกทีก็ตกต้องใจ น่าจะด้วยความที่ว่าไปอยู่อเมริกานานถึงสี่ปี ภาพที่เห็นในตอนนี้คือสองมือของคนตัวเล็กนั่นกำลังหิ้วทั้งอาหารเครื่องดื่มอย่างพะรุงพะรัง มีทั้งของเค็มของมันของหวานของทอด อิงรดาน่าจะแวะซื้อมันเสียทุกอย่างทุกร้านที่เธอเดินผ่านมาแน่ๆ
"นี่แน่ใจนะว่าจะกินหมดนี่"
"ไม่ได้ซื้อมากินคนเดียวนี่คะ หนูซื้อมาเผื่อคุณเจตน์ด้วย"
"อยากกินเองก็บอกมาเถอะ ไม่ต้องเอาฉันมาอ้างหรอกน่า" นี่เป็นครั้งแรกที่ตั้งแต่เกิดเรื่องมาแล้วเธอเห็นจิรายุยิ้ม เข้าใจว่าเขาคงอยากจะแกล้งเย้าหยอกเธอเล่น แต่การที่ถูกเขาล้อเอาแบบนี้ก็ทำเดาอิงรดามีเคืองได้เหมือนกัน
"คุณเจตน์น่ะ ไม่ต้องมาล้อหนูเลยค่ะ"
จิรายุพาเธอเดินผ่านทะลุตลาดที่ทอดตัวเลียบยาวตามชายหาดมาจนถึงลานดนตรีในที่สุด เธอและเขาเลือกที่จะเช่าโต๊ะนั่งที่ตรงใต้ต้นมะพร้าวริมหาดติดทะเลที่สามารถนั่งไปได้เลยยาวๆ จิรายุบอกว่าไม่อยากจะเข้าไปใกล้ลานดนตรีมากนักเนื่องจากว่าตรงนั้นคนเยอะ
อาหารหลายต่อหลายอย่างถูกแกะออกมาวางเรียงเต็มหน้าและเตรียมพร้อมที่จะถูกกิน แต่เชื่อไหมว่าคำว่าโลกกลมนั้นไม่ได้ถูกพูดขึ้นมาเล่นๆ เวลานี้ภาพที่อิงรดาเห็นคือนพนนท์และชายชาวต่างชาติรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งกำลังเดินจูงมือกันเดินเล่นอยู่ที่ริมหาดใกล้เข้ามา
ขอร้องล่ะ คุณนพนนท์ขากรุณาอย่าเดินมาทางนี้ เธอรู้สึกว่าจิรายุพึ่งจะได้อารมณ์ดีผ่อนคลายขึ้นมาบ้างเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี้เอง หากเขาต้องมาเห็นภาพบาดตานี้เข้า มีหวังแผนพาจิรายุออกมาจากถ้ำของคุณกนกวรรณนั้นเป็นอันต้องล่มแน่ๆ
"คุณเจตน์อย่าพึ่งกินค่ะ รอก่อนแป๊บหนึ่งอย่าพึ่งกินนะคะ"
นาทีนั้นสิ่งเดียวที่อิงรดาคิดได้ก็คือรีบเอามือตัวเองไปตะปบปิดตาของจิรายุเอาไว้ รอให้นพนนท์และคู่รักของเขาได้เดินผ่านไปเสียก่อนเธอถึงจะยอมเปิด จะให้เปิดตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด ส่วนคำตอบที่จะต้องตอบยามเมื่อจิรายุถามว่าเธอเอามือมาปิดตาเขาเอาไว้ทำไมนั้นเดี๋ยวค่อยคิดก็แล้วกัน
"เล่นอะไรอิง"
จิรายุยกมือของตัวเองมาจับมือเธอเอาไว้เบาๆ เขาไม่ได้พยายามแกะออกออก หากแต่ยอมอยู่นิ่งเฉยให้เธอปิดเอาไว้อย่างนั้นจนเธอเองแปลกใจ จนกระทั่งสองคู่รักนั้นเดินไปไกลแล้ว อิงรดาจึงได้ค่อยๆเปิดตาเขาออก และพอถูกเปิดตาออก สายตาจิรายุกลับมาโฟกัสอยู่ที่ใบหน้าเธอไว้ คิ้วเข้มเลิกขึ้นน้อยๆราวกับต้องการจะถาม
"ตกลงกินได้หรือยัง"อ้าว เขาไม่ได้จะถามเธอหรอกหรือว่าเอามือมาปิดตาเขาเอาไว้ทำไม
"คุณเจตน์ไม่ได้จะถามว่าหนูปิดตาคุณเจตน์ทำไมหรอกหรือคะ"
"ไม่อ่ะขี้เกียจอยากรู้ หิวข้าว อย่างเธอจะมีอะไรเอาแต่เล่นอะไรเป็นเด็กอยู่เรื่อย"
"สะงั้นน่ะ"
แล้วจิรายุก็ก้มลงตักอาหารกินเอาโดยที่อิงรดายังคงทำหน้ามุ่ย ในสายตาจิรายุเขาคงจะยังมองเห็นเธอเป็นแค่เด็กกะโปยังไงยังงั้นอยู่แน่ๆ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรเขาก็มักจะคิดว่าเธอทำตัวเป็นเด็กไปเสียหมด เฮ้อ
ดึกดื่นค่อนคืนจิรายุก็ยังคงพาเธอนั่งอยู่ตรงนั้น รอบๆตัวผู้คนยังคงเดินผ่านกันไปกันมา ส่วนเธอกับเขาก็นั่งมองดูดาวฟังเสียงคลื่นที่สาดเข้ากระทบฝั่ง พอดึกเข้าเริ่มจะหนาวเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำตาลตัวยาวที่เขาใส่อยู่ก็ถูกถอดออกมาให้เธอได้ใส่"ดึกแล้วลมแรง เธอใส่เสื้อฉันเอาไว้ก็แล้วกัน มีแค่เสื้อแขนสั้นมาตัวเดียวมันหนาว""แล้วคุณเจตน์ไม่หนาวเหรอคะ""ฉันเป็นผู้ชาย ฉันทนได้น่า""ไม่เอาหรอกค่ะ ถึงคุณเจตน์จะเป็นผุ้ชาย แต่หนูก็ไม่อยากเอาเปรียบ ขยับเปลนอนมาใกล้ๆนี่สิคะ แบ่งกันคลุม"อิงรดาพยายามดึงลากเปลนอนของจิรายุให้ขยับเข้ามาจนชิดกับเปลเธอ จากนั้นแจ็คเก็ตตัวยาวก็ถูกคลุมเผื่อไปยังคนข้างๆด้วยเขาและเธอพากันพูดคุยเรื่องราวนึกย้อนไปวันเก่าๆ ว่าช่วงเวลาสี่ปีที่ผ่านมาใครทำอะไรที่ไหนกับใครบ้าง จนมีช่วงหนึ่งที่จิรายุเล่าว่าเขากับคนรักนั้นคบกันมานานมากกว่าสิบปีแล้ว แต่ว่าเขาไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าตัวเองนั้นมีคนรักอยู่ จิรายุบอกว่าป้าของเขาไม่มีทางยอมรับได้แน่ๆถ้าได้รู้ว่าคนรักของเขาคือใคร และนั่นเองอิงรดาถึงได้รู้ว่าทำไมจิรายุต้องเสียใจฟูมฟาย ระยะเวลาที่คบกันมาสิบกว่าปีก็ย่อมต้องรักกันมากเป็นธรรมดา พอฟังเขาเล่า
'ทำไมมันถึงได้ถอดยากถอดเย็นแบบนี้วะ'จิรายุได้แต่บนคนเดียวอยู่ในใจ ในเมื่อเมื่อครู่ที่ผ่านมาเขาจัดการถอดเสื้อยืดที่เปื้อนเลอะไปด้วยน้ำหมึกและกางเกงยีนต์ออกให้อิงรดาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่รายนั้นกลับวิ่งออกจากห้องน้ำมาให้เขาปลดตะขอเสื้อชั้นในให้อีก จิรายุพยายามปลดแล้วปลดอีก แต่ก็ยังไม่ได้ เขาไม่เข้าใจเลยว่าอิงรดาซื้อเสื้อชั้นในที่มีตะขอที่ซับซ้อนขนาดนี้มาเพื่ออะไร เวลาถอดทีจะไม่ใช้เวลาถอดเป็นชั่วโมงเลยเหรอ"ได้ไหมคะคุณเจตน์""พึ่งรู้ว่าชั้นในผู้หญิงมีตะขอแบบนี้ด้วย ปกติแค่ตะขอเกี่ยวแล้วก็ปลดออกแล้วไม่ใช่หรือไง" นั่นแน่ ทำเป็นรู้ดี คงแอบเคยใส่สิท่า อิงรดาแอบนึกย้อนขำในใจ โดยที่คนที่ถูกเธอครหาไม่มีทางรู้ตัว"ตะขอแบบนี้มันก็มีค่ะ คุณเจตน์แค่สไลด์ขึ้นลง มันจะมีล็อกของมันอยู่"'ตรงไหนของเธอวะอิง นี่ฉันก็บิดจนเจ็บมือแล้วเนี่ย'จิรายุเริ่มชักจะหน้ายุ่งและหงุดหงิดเมื่อพยายามแกะเท่าไหร่ก็ไม่ออก จนในที่สุดคนที่บอกว่าจะหลับตาก็แอบค่อยๆหรี่ตาขึ้นมองเพราะเบื่องมต่อไปไม่ไหว จนกระทั่งลืมตาขึ้นมาเจอแผ่นหลังที่ขาวเนียนละเอียดและภาพตรงหน้าเขาที่มีอิงรดายืนหอบกระโจมผ้าเช็ดตัวเอาไว้ พลางปล่อยขอบชายของม
"กลับมาถึงกันแล้วหรือตาเจตน์ นี่ไปซื้อหมึกกันมาถึงไหนถึงได้กลับมาสายกันจนป่านนี้ ป่านนี้วุ้นมะพร้าวป้ากับอาหารทะเลไม่เน่าหมดแล้วหรือไง แล้วนั่นดูเจ้าอิงอีก ตอนไปเธอไม่น่าจะแต่งชุดนี้ไปนะ""พอดีว่ามีอุปสรรคนิดหน่อยครับป้าไก่ รายนั้นไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนถึงได้โดนหมึกพ่นน้ำหมึกใส่เต็มตัวเลย ผมเลยต้องจอดแวะโรงแรมให้ล้างตัวแล้วค่อยกลับมา ส่วนของที่ป้าไก่สั่ง ไม่มีอะไรเน่าเสียหายหรอกครับ เพราะว่าผมอัดน้ำเเข็งใส่มาให้เต็มที่""งั้นก็ดี ไหนๆวันนี้เราก็อยู่กันพร้อมหน้าแล้ว เย็นนี้เพื่อนป้าจะพาหลานสาวที่พี่งกลับจากอังกฤษเข้ามาทานข้าวด้วย เจตน์อยู่ทานด้วยกันนะลูก ไม่ได้มีนัดอะไรที่ไหนใช่ไหม""ไม่มีครับป้าไก่""ดีแล้ว งั้นเจตน์ก็ขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ ไว้เย็นๆค่อยลงมา"และทันทีที่จิรายุเดินขึ้นบันไดไป คุณกนกวรรณก็รีบจูงข้อมืออิงรดาออกไปคุยกันที่ประตูหลังบ้านในทันที ทั้งสองคนทำท่าทีลับๆล่อๆ พอมองซ้ายแลขวาแล้วไม่มีใคร คุณกนกวรรณจึงได้เริ่มต้นเป็นฝ่ายถาม"ตาเจตน์เป็นยังไงบ้างอิง ดีขึ้นไหม""ก็คิดว่าน่าจะดีขึ้นบ้างค่ะคุณท่าน ไม่ได้มีท่าทีเศร้าใจอะไร ส่วนคุณนพนนท์เองก็ไม่เห็นติดต่อคุณเจตน์มา เพราะว่า
เมื่อทุกคนมาถึงกันพร้อมหน้า คุณกนกวรรณก็เริ่มทำหน้าที่ในการจับคู่ดูตัว จิรายุนั้นรู้จุดประสงค์ของผู้เป็นป้าอยู่แล้วว่าทำไมป้าของตัวเองถึงได้นัดป้าหลานคู่นี้มา แต่ก็ยังยอมที่จะเล่นไหลไปตามน้ำ"ตาเจตน์ลูกนี่หนูแอล พึ่งกลับมาจากอังกฤษ รู้จักกันเอาไว้สิ เผื่อวันหน้าวันหลังจะได้สนิทสนมกันมากขึ้นกว่านี้""ครับป้าไก่ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องแอล"จิรายุกล่าวทักทายอีกฝ่ายไปแบบจริงใจและไม่ได้คิดที่จะมีเลศนัยอะไร ดูไปดูมาฝ่ายนั้นก็เป็นผู้หญิงออกหวานดูน่ารักเรียบร้อยดี "สวัสดีค่ะพี่เจตน์ แล้วก็.."เอวารินยกมือขึ้นไหว้ทักทายจิรายุเสร็จแล้วจึงหันไปยิ้มหวานให้อิงรดา"อ๋อ นั่นเจ้าอิงน่ะหนูแอล ก็น่าจะรุ่นเดียวกันกับหนูใช่ไหมจ๊ะ เจ้าอิงปีนี้ก็ยี่สิบสามย่างยี่สิบสี่ พึ่งเรียนจบกลับมาจากอเมริกา นั่นก็เลี้ยงดูกันมาเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง"อิงรดายกมือขึ้นไหว้และก็ยิ้มหวานทักทายกลับไป "ชื่ออิงเหรอคะ เราชื่อพยัญชนะอออ่างเหมือนกันเลย อิงกับแอล ถ้าเกิดว่าแอลอยากจะขอเป็นเพื่อนกับอิงจะได้ไหม แอลเพื่อนน้อย กลับมานี่ก็ยังไม่ได้เจอใครเลย"พอเอวารินพูดแบบนั้นออกไป ทำเอาทุกคนก็ออกอาการเหรอหราไปตามๆกัน จากที่ต้อ
ในเมื่อจะดูซีรี่ย์ต่อก็ดูไม่รู้เรื่อง อยู่ๆอิงรดาจึงได้บอกจิรายุออกไปว่าเธอน่ะเริ่มง่วงแล้ว แล้วเขาจึงได้กลับออกไป ทั้งๆที่พยายามบอกใจตัวเองไปแล้วว่าเธอคิดอะไรกับเขาไม่ได้ แต่ทำไมสายตาที่จิรายุมองมาตอนที่ริมฝีปากของเธอและเขาประกบกันอยู่ถึงยังคงมีอิทธิพลนัก ไม่ได้ๆ เธอต้องรีบจัดการความรู้สึกติ๊ดๆ เสียงแจ้งเตือนข้อความในโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พอเปิดดูไอ้อาการร้อนหน้าวูบวาบเหมือนเมื่อกี้ก็กลับมาอีกเมื่อเห็นข้อความที่ถูกส่งมา'ใช้ลิปสติกของอะไร ทำไมปากถึงได้นุ่มจัง'เขาชอบลิปสติก เขาชอบลิปสติกจ้า..เขาอยากปากนุ่มเหมือนปากเธอ คงอยากแอบหามาใช้บ้าง อิงรดาอ่านข้อความแล้วก็บอกตัวเองไปแบบนั้น ก่อนจะจัดการถ่ายรูปแท่งลิปสติกสีหวานของตัวเองส่งกลับไปให้จิรายุ'ยี่ห้อนี้ไม่มีขายที่ไทยนี่ จะว่าอะไรไหมถ้าฉันอยากขอแบ่งใช้กับเธอบ้าง''คิดว่าไม่ได้ค่ะ เพราะว่ามันใกล้จะหมดแล้ว''หวงแบบนี้ เห็นทีต้องขโมยจุ๊บเอาจากปากเธอ'เฮ้อ! อิงรดาถอนหายใจออกไปแล้วก็รีบปิดไฟนอน ขนาดนอนไปแล้วก็ยังต้องพลิกไปพลิกมาเพราะนอนไม่หลับ นี่จิรายุคงจะไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นจริงๆหรอกใช่ไหม หลับตื่นขึ้นมาก็มีข้อความจากจิรายุส่งมาแต่เช้า
อิงรดาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็นั่งเล่นเอาขาจุ่มลงไปในสระว่ายน้ำ สายตายังคงโฟกัสไปที่จิรายุที่เดินเล่นอยู่ริมหาดคนเดียวไกลๆ เธอนั่งมองดูเขามาสักพักหนึ่งแล้วและไม่ได้คิดว่าจะอยากเข้าไปหา บางทีการที่ปล่อยให้เขาได้อยู่กับตัวเองและได้คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยคนเดียวมันอาจจะเป็นการดีกับเขามากขึ้นก็ได้"เจตน์ล่ะจ๊ะน้องอิง"นพนนท์และสามีกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เธอก็ไม่ทันได้สังเกต รู้อีกทีในมือของทั้งสองก็หอบหิ้วพวกอาหารสดกันเข้ามาเต็มมือ"โน่นค่ะ เดินวนไปมาอยู่อย่างนั้นมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว สงสัยอยากคิดอะไรคนเดียวเงียบๆหนูก็เลยไม่อยากเข้าไปขัด" อิงรดาบุ้ยปากและชี้มือไปยังทิศทางที่จิรายุอยู่"คงต้องปล่อยให้เจ้านั่นมันได้คิดอะไรอยู่กับตัวเองสักพัก เดี๋ยวมันก็คงจะค่อยๆดีขึ้น พี่ว่าเราไปช่วยกันเตรียมกับข้าวเย็นนี้กันดีกว่าเถอะ นี่พี่กับจิมมี่ซื้ออาหารทะเลสดๆมากันเยอะเลย เดี๋ยวก่อเตานิดหน่อยจะได้ปิ้งย่างกัน ขอแรงน้องอิงมาช่วยพี่หน่อยนะคะ สามีพี่น่ะถนัดกินอย่างเดียว"อิงรดาพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นจากสระว่ายน้ำ หากแต่สายตาก็ยังมิวายหันไปมองคนที่ตอนนี้นั่งกอดเข่าหล่อนก้นลงไปบนชายหาดเป็นที่เรียบร้อย"หวังว
หลังจากเดินกลับเข้ามา ภาพตรงหน้าก็น่าจะเหมือนกำลังตอกย้ำความรู้สึกของจิรายุให้ดำดิ่งลงไปทุกทีในสายตาของอิงรดา เมื่อขณะที่ทั้งเธอและเขาเดินกลับเข้ามา ภาพเบื้องหน้าก็คือนพนนท์ที่เปิดเพลงยืนโอบกอดเต้นรำกันกับสามียิ่งเห็นอิงรดาก็ยิ่งชักหมั่นไส้เพื่อนสาวตัวร้าย..ไม่สิ อดีตคนเคยรักของจิรายุมากขึ้นไปอีก ที่เอะอะก็เอาแต่จุ๊บแก้ม กอดหอม คลอเคลียกันตั้งแต่บ่ายยันเย็น โดยไม่รู้จักนึกสงสารหรือเห็นใจอดีตคนเคยรักอย่างจิรายุบ้างอิงรดายืนมองคนทั้งสองคนยืนกอดกันกลมเต้นรำใต้แสงโคมไฟอยู่ตรงหน้า ส่วนจิรายุก็เดินเข้าไปเปิดเบียร์ขวดใหม่ออกมากระดกดื่ม แน่นอนว่าสิ่งที่อิงรดาเห็นจากจิรายุคือเขามีแต่ความเจ็บช้ำ หากขอได้เธออยากจะมีพรวิเศษที่จะสามารถช่วยปัดเป่าความเจ็บปวดให้หายไปจากเขา"นี่เจตน์ แกพาน้องอิงมาเต้นรำด้วยกันสิ เพลงเพราะขนาดนี้โรแมนติกเวอร์มากแม่" นพนนท์ตะโกนเบาๆและหันกลับมามองทางที่เธอและจิรายุนั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล"ไม่ล่ะ ฉันมันไม่ใช่ผู้ชายโรแมนติก แกเต้นกันกับผัวแกไปเถอะ""เศร้าไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น สู้ทำตัวใหม่ให้ไฉไลและสดใสขึ้นให้เขาเสียดายเล่นไม่ดีกว่าเหรอ" นพนนท์ยังคงตื้อไม่หยุดและดูเหมือน
เมื่อช่วยกันวิ่งเก็บข้าวเก็บของจนตัวเปียกฝนหมดแล้ว ทีนี้ทุกคนก็ต่างว่าเป็นอันได้แยกย้ายตัวใครตัวมันเพื่อไปอาบน้ำ นพนนท์และสามีของเขานั้นพักอยู่กันที่ชั้นบน ส่วนเธอและจิรายุอยู่ห้องติดกันที่ชั้นล่างอิงรดาอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วจึงออกมานั่งเป่าผมและคิดอะไรไปพลางๆ มิวายใบหน้าและสัมผัสของจิรายุก็ยังตามมาหลอกหลอนเข้าอีกจนได้ จนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตู ก๊อกๆ อย่าบอกนะว่า.."นอนหรือยังอิง""ยังค่ะ คือว่าหนูพึ่งอาบน้ำเสร็จ คุณเจตน์มีอะไรคะ""พึ่งสองทุ่มครึ่งเอง ฉันนอนไม่หลับ""แล้ว?""ขอเข้าไปคุยด้วยหน่อย"จากนั้นจิรายุก็เดินดุ่มๆเข้ามาหน้าตาเฉย ทำเอาอิงรดาที่ทำท่าว่าจะอ้าปากห้ามเอาไว้เพราะยังไม่หายจากอาการใจเต้นเมื่อจิรายุพาตัวเองเข้ามาอยู่ใกล้ๆอีกถึงกับต้องรีบหุบปากไป"ทำอะไร เป่าผมอยู่เหรอ""ค่ะ หนูกำลังไดร์ผมอยู่""มานั่งสิเดี๋ยวเป่าให้""หือ คุณเจตน์เนี่ยนะคะเป่าผมเป็น" อิงรดายังคงยืนงงและมองหน้าจิรายุตาปริบๆ เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน ตอนเย็นก็ทำเอาเธอใจเต้นไปทีหนึ่งแล้ว ส่วนตอนนี้ก็ดันบุกเข้าห้องเธอมาเฉยๆเพื่อที่จะมาไดร์ผมให้"ยืนงงอะไร มานั่งลงสิ""มันเอ่อจะดีเหรอคะ หนูว่ายังไง
"หนูท้องจริงๆด้วยค่ะคุณเจตน์""อะไรนะ นี่พูดจริงหรือเปล่าอิง""สองขีดชัดเจนขนาดนี้โกหกได้ด้วยเหรอคะ"อิงรดาชูแผ่นตรวจการตั้งครรภ์ที่ปรากฎสัญลักษณ์สองขีดที่อยู่ในมือชููยื่นให้จิรายุดู ช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เธอมีอาการแปลกๆ เอาแต่เวียนหัวหงุดหงิดวิงเวียนเป็นว่าเล่น ดึกๆดื่นๆก็ชอบตื่นลุกขึ้นมาหาอะไรกินทั้งที่นอนหลับไปแล้ว จนจิรายุเองยังเคยแอบแซวว่าสงสัยเธอคงจะท้องแล้วแน่ๆยิ่งพอได้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน รายนั้นก็ชอบจับเธอกินทั้งเช้าและค่ำ บางทีดึกดื่นค่ำมืดกว่าจะได้หลับได้นอนก็ปาไปเกือบค่อนคืน ทั้งทีเธอเองก็บอกไปแล้วว่าให้เขาเพลาๆลงหน่อย งานแต่งก็ยังไม่ได้จัด กว่าจะถึงฤกษ์ก็ต้องรออีกตั้งสองเดือนถึงจะถึงวันที่คุณกนกวรรณหาเอาไว้ให้ เธอเลยกลัวว่าป่านนั้นตัวเองจะได้ท้องโย้ก่อนเข้าพิธีแต่งงาน"เย้!ในที่สุดลูกพ่อก็มาสักที แบบนี้ต้องประกาศให้โลกรู้ว่าจิรายุก็มีน้ำยา นึกว่าจะต้องอับอายขายขี้หน้าคนแถวนี้เสียแล้วว่าฉันทำลูกไม่เป็น"จิรายุกระโดดเย้วๆอยู่สามสี่ทีก็วิ่งกลับมาอุ้มเธอขึ้นหมุนไปรอบๆ อิงรดาอดขำไม่ได้ที่จิรายุยังจำได้อยู่ว่าเธอแกล้งล้อเขาว่าอะไร เพราะตั้งแต่ที่ตั้งใจมีอะไรกันไปแบบไม่มีกา
"แกต้องรับผิดชอบยายอิง"นั่นคือคำประกาศิตที่คุณกนกวรรณพึ่งจะประกาศออกไป อิงรดายังคงนั่งก้มหน้าโดยมีจิรายุหลานชายของเธอนั่งจับมือไว้ คงจะเป็นเพราะว่าเด็กนั่นกลัวทำให้เธอและผู้เป็นยายผิดหวังเสียใจ จึงไม่กล้าเงยหน้าสบตา หากแต่ว่าความจริงเป็นอย่างไร คงจะมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้อยู่เต็มอก นึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เธอยังคงส่งนักสืบเฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวของอดีตสามีที่ย้ายออกจากบ้านไปอยู่กับภรรยาใหม่ ซึ่งก็คือ นันที อดีตแม่บ้าน ด้วยความที่ยังคงรักและเป็นห่วง บวกกับที่เธอได้ข่าวมาว่าพักหลังมานี้อดีตสามีสุขภาพไม่ค่อยจะดีนักและออกไปไหนไม่ค่อยได้ ทำให้ฝ่ายหญิงนั้นแอบลักลอบมีความสัมพันธ์กับชายคนใหม่ และไม่ได้ใส่ใจดูแลอดีตสามีของเธออย่างที่ควรจะเป็น จนอดีตสามีของเธอรู้เข้าก็เริ่มตรอมใจ เธอเองด้วยความที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายปี บอกตามตรงก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เลยยังแอบดูแลให้ความช่วยเหลือในฐานะเพื่อนเก่า โดยที่ไม่เคยเอ่ยปากบอกให้ใครรู้แต่พอสืบไปสืบมา นอกเหนือจากเรื่องสามี ความจริงบางอย่างที่เธอได้รับรู้เพิ่มมาอีกอย่างด้วยก็คือ พ่อหลานชายตัวดี ยังคงติดต่อคบหากับเอมมิกาลูกสาวของนันที
ไม่ใช่แค่อิงรดาที่หน้าเหวอ แต่เอวารินที่โทรมาอยู่ในสายก็หน้าเหวอตกใจไปตามๆกัน แถมฝ่ายนั้นยังจะถามจิรายุซ้ำเพื่อความแน่ใจอีกต่างหาก จนได้ฟังคำตอบรอบที่สองของจิรายุไป ทำเอาอิงรดาถึงกับต้องรีบแย่งโทรศัพท์มือถือที่ถูกจิรายุแย่งไปคืนกลับมา'น้องแอลฟังไม่ผิดหรอกครับ พี่บอกว่าอิงเป็นแฟนพี่ หรือว่าจะเอาให้ชัดๆเลยก็คือ อิงเป็นเมียพี่ครับ'"คุณเจตน์พูดแบบนั้นกับคุณแอลไปได้ยังคะ""ทำไมล่ะ ก็ในเมื่อฉันพูดความจริง หรือเธอจะเถียงอีกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน"จิรายุหน้ายุ่งคิ้วยุ่งสวนกลับคนตัวเล็กทันทีที่เธอแหวมา ก็จะให้เขาทำยังไงได้ล่ะ ยอมทนเห็นแฟนตัวเองถูกคนอื่นจีบเฉยๆอย่างนั้น ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นผู้หญิงก็ตามอย่างนั้นเหรอ คงไม่ใช่เขาล่ะ คอยดูเถอะ นี่ขนาดยังไม่ได้คบกันออกหน้าออกตาเขายังหวงเธอขนาดนี้ วันไหนที่มีโอกาสได้ประกาศความเป็นเจ้าของขึ้นมา รับรองว่าอิงรดาจะไม่มีทางได้เหลียวมองใคร"แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆนี่คะ"อิงรดาน้ำเสียงอ่อนลง แถมยังทิ้งตัวนั่งลงไปบนเตียงราวกับว่าหมดอะไรตายยาก ในเมื่อตอนนี้เธอเองไม่สามารถแสดงสิทธิ์ในการครอบครองเขาได้ เพราะฉะนั้นเรื่องสถานะความสัมพันธ์ระหว
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นก้องอยู่ภายในห้องครัว ยิ่งอิงรดาส่งเสียงกระเส่าครวญครางออกมาเท่าไหร่ เเรงกระแทกที่ถูกส่งไปก็ยิ่งมีมากเพิ่มขึ้นเท่านั้น ทันที่ผละออกจากริมฝีปากหวานได้ สายตาคมของเขาก็ก้มจ้องลงมายังจุดสอดประสาน อิงรดามองภาพจิรายุซี๊ดปากหน้านิ่วที่เกิดจากการกระทำร่วมกันของเขาและเธอก็เกิดความเสียวซ่านบวกกับความอาย จิรายุเองก็เลือกที่จะมองสลับกันบนล่าง ใบหน้างดงามที่กำลังเสียวซ่านของอิงรดา สลับกับจุดเชื่อมประสานกลางกาย"อ่าส์ แน่นดีมากๆเลยอิง ได้มองหน้าเธอสลับกับมองนมไปด้วยแบบนี้ ขยับแค่ไม่กี่ทีฉันก็เกือบจะเสร็จแล้ว""แน่ใจเหรอคะว่าคุณเจตน์มองแค่หน้าหนูแล้วก็มองนม หนูเห็นว่าคุณเจตน์ชอบมองลงไป..ข้างล่าง""ก็อันนั้นฉันก็อยากเห็นไงว่าร่างกายของเราสองคนเข้ากันได้ดีมากแค่ไหน ว่าแต่เธอยังเจ็บอยู่อีกหรือเปล่า""ไม่เจ็บแล้วค่ะ ตอนนี้มีแต่..เสียว"อิงรดายิ้มหวานตาหยี พร้อมกับใบหน้ายู่ยี่แล้วจึงแลบลิ้นน้อยๆออกมา พอจิรายุเห็นเข้าก็รีบตามเข้าไปประกบดูดปากอย่างไว ในขณะที่สะโพกแกร่งยังคงซอยขยับเรียกเสียงครางหวานๆ อิงรดาปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขที่จิรายุมอบให้ จนเผลอปล่อยเสียงครางออกมาเป็นที
"แล้วคุณเจตน์กับพี่เอม เอ่อ คบกันมานานแล้วเหรอคะ""อื้ม เป็นสิบปีแล้ว แต่ก็คบๆเลิกๆ บางทีเลิกกันไปปีสองปีแล้วก็กลับมาคบกันใหม่ ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ตัดเอมออกไปจากชีวิตจริงๆไม่ได้บางทีก็อาจจะเป็นเพราะว่า เราเป็นคนแรกของกันและกัน""คุณเจตน์กับพี่เอม เป็นคนแรกของกันและกัน" อิงรดาเผลอพูดย้ำซ้ำคำนั้นออกมาเสียงเบา ราวกับว่าสิ่งนั้นกำลังสร้างความเจ็บปวดให้กับเธออยู่ลึกๆ ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆน้อยๆสามสี่ทีเพื่อไล่เอามวลน้ำตาที่กำลังทำท่าว่าจะเอ่อทะลักขึ้นมา กระนั้นถ้าหากตอนนี้เขาได้จ้องมองเข้ามาในดวงตาก็คงจะเห็นได้ถึงร่องรอยความแดงของมัน"เธอหึงฉันเหรออิง น้อยใจฉันอยู่หรือเปล่า""ปละ เปล่านี่คะ""แต่ถ้าเธอจะบอกว่าหึงแทนคำว่าเปล่า คำนั้นมันอาจจะทำให้ฉันดีใจมากกว่าก็ได้นะ"จิรายุเองก็มองมาที่เธอตาละห้อยสร้อยเศร้า ทั้งในใจก็ยังเอาแต่ครุ่นคิดว่าความรู้สึกที่อิงรดามีต่อตนเองนั้นจะใช่ความจริงหรือเปล่า หากแต่ก็ทำได้เพียงแค่เว้าวอนว่าขอให้เธอชอบเขาจริงๆ เพราะตอนนี้ตัวเขานั้นสามารถพูดได้อย่างเต็มปากแล้วว่า เขาชอบเธอ"คุณเจตน์ อยากให้หนูรู้สึกอย่างนั้นจริงๆเหรอคะ""อื้ม อยาก เพ
'ถ้าเธออยากจะยกเลิกเรื่องที่เคยตกลงกันไว้ก็ได้ แต่ระหว่างนี้ห้ามกินยาคุมฉุกเฉินเด็ดขาด รอจนกว่าประจำเดือนจะมา ถ้าประจำเดือนมาเธอก็รอดตัวไป แต่ถ้าไม่ เราก็ต้องมาตกลงกัน'อิงรดานั่งเหม่อกับข้อเสนอแกมคำสั่งล่าสุดของจิรายุอยู่ที่บริเวณใต้ร่มไม้หน้าบ้านอย่างหมดไร้ซึ่งหนทางและไม่เข้าใจเลยว่าจิรายุจะบังคับเธอไปทำไม ในเมื่อการมีลูกกับเธอนั้นก็ไม่ได้ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เพราะการที่เธอยอมตกลงทำเรื่องอะไรกับเขาแบบนี้ตั้งแต่เริ่มแรกเลยนั้นก็คือความต้องการของคุณกนกวรรณต่างหาก บวกกับความสงสารและแอบมีเขาเข้ามาอยู่ในใจ ด้วยความที่อยากจะมีเขาอยู่ใกล้ๆ เลยทำให้เธอยอมรับปากอะไรออกไปแบบนั้น การที่เธอยินยอมที่จะปล่อยให้เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาได้เข้ามาเจริญเติบโตในร่างกายของเธอได้ นั่นก็เป็นเพราะว่า เธอรักเขา แล้วเขาล่ะ รักเธอก็ไม่ได้รัก ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้ผิดเพศผิดปกติอะไรเสียหน่อย ทำไมถึงต้องรั้งเธอไว้ด้วยเรื่องแบบนี้ ไม่รู้บ้างเลยหรือไงว่าแค่นี้เธอก็เจ็บเจียนตายอยู่มะรอมมะร่อแล้วภายใต้ความทึบของม่านกรองแสงผืนยาวบนชั้นสอง เรือนร่างสูงใหญ่ยืนเอียงตัวพิงบานกระจกหนามองทะลุผ่านเงาสะท้อนออกไปยังด้านนอก เพื
ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปบ้าง อิงรดาไม่รู้ตัวเลยสักนิดด้วยซ้ำว่าเผลอเอื้อมมือไปเปิดประตูให้เอมมิกาเข้ามาในบ้านตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เดินกลับเข้ามาในบ้านแล้วได้ยินเสียงของเอมมิกาพยายามเสียงดังแข่งใส่จิรายุอยู่"แต่เอมไม่เลิก! เจตน์คบกับเอมมาถึงขนาดนี้แล้ว เอมเสียเวลาชีวิตไปเป็นสิบๆปีก็เพราะว่าเจตน์มัวแต่เกรงใจป้า เอมต้องการเจตน์คืน ยังไงเจตน์ก็ต้องกลับมาคบกับเอมเหมือนเดิม""เลิกพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ได้แล้วนะเอม คุณเลิกกับผมแล้วแต่งงานใหม่ไปแล้ว ตอนนี้จะมาอยากทวงผมคืน คุณบ้าไปแล้วหรือเปล่าฮะ""เอมไม่ได้บ้า แต่เอมแค่อยากมาขอโอกาสเจตน์อีกครั้ง เอมคิดถึงเจตน์ ที่เอมต้องแต่งงานไปก็เพราะว่าแม่บังคับเอม ความจริงเอมไม่เคยรักผู้ชายคนนั้นเลย เอมรักเจตน์""แต่ผมไม่ได้รักคุณแล้วเอม ผมรักคนอื่น""คนอื่นของเจตน์ คืออีนังเด็กอิงรดาเนี่ยเหรอ เจตน์อย่าคิดนะว่าคืนนั้นเอมไม่เห็นว่าคุณนั่งจูบกันกับมันอยู่ที่ริมหาด""แล้วไง ผมกับคุณเลิกกันไปแล้ว ผมจะไปกอดใครจูบใครมันก็เรื่องของผมเอม"และอีกร้อยล้านถ้อยคำสารพัดสารเพที่ยังพากันหลั่งไหลเข้ามาในหูของอิงรดาผู้น่าสงสาร เธอไม่ได้เดินกลับเข้าไปในบ้าน หากเ
ในที่สุดอิงรดาก็ทำใจกล้าเปิดประตูออกไปได้เสียที หลังจากที่ยืนสวดมนต์ทำใจอยู่เสียนาน พอจิรายุบอกว่าจะเป็นฝ่ายเปิดออกไปเองก็ไม่ยอม บานประตูค่อยๆเปิดกว้างออกขึ้นทีละน้อย จนในที่สุดจิรายุทนไม่ไหวจึงได้เบียดตัวออกไปยืนอยู่หน้าห้องทันทีนาทีนั้นอิงรดาแทบจะอยากกรี๊ดออกมาดังๆแต่ก็ทำไม่ได้ ในเมื่อตกลงกันแล้วว่าเธอจะเป็นฝ่ายเปิดออกไปก่อนเพื่อดูลาดเลาแล้วเขาค่อยตามเธอไป เพราะถ้าหากว่าแถวนั้นมีใครอยู่ เธอจะได้เบี่ยงเบนความสนใจให้จิรายุออกมาได้ แต่พอออกมา ปรากฎว่าบ้านทั้งหลังนั้นกลับว่างเปล่า อิงรดาชะเง้อหน้ามองหาคนในบ้าน แต่ก็ไม่เจอใครเลย "เห็นไหม ไม่เห็นมีใครเลย""คุณเจตน์ อย่าพึ่งเสียงดังไปสิคะ"คนตัวเล็กรีบยกมือขึ้นมาจุ๊ปากเป็นสัญลักษณ์ให้จิรายุนั้นพูดเบาๆ แม้ว่าในใจจะคิดว่ามันแปลกมาก แต่อิงรดาก็เลือกที่จะสาวเท้าเข้าไปในครัว เพราะเป็นที่อยู่ประจำของยาย แต่พอเดินเข้าไปแล้วยังคงเห็นแก้วเปล่าใบที่จิรายุนั้นวางเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนก็เริ่มหน้าแดงขึ้นมา"รู้นะว่าคิดอะไร""หนูเปล่านะ"จิรายุที่เดินตามเข้ามาติดๆ หยุดมองตามทิศทางสายตาที่อิงรดานั้นมองไปก็ได้โอกาสแซวขึ้นมาทันที ยิ่งเดินอ้อมไปข้างหน้าแล้
อิงรดาถูกจิรายุอุ้มหวือตัวลอยขึ้นไปจากพื้น ทันทีที่เขาก้าวเดินพ้นจากห้องครัวออกมา ภายในใจก็ได้แต่ภาวนาขอว่าอย่าให้ใครได้ออกมาพบเห็นหรือเจอะเจอเลย แม้ว่าเปอร์เซ็นความเป็นไปได้จะน้อยมากที่หญิงสูงวัยทั้งสองคนนั้นจะเดินลงมาข้างล่างดึกดื่นป่านนี้ แต่ยังไงเสียเธอก็ยังกลัวอยู่ดี อิงรดากลัวว่าจะทำให้คุณกนกวรรณและผู้เป็นยายผิดหวัง กลัวถูกตราหน้าว่าเนรคุณ แต่หัวใจเจ้ากรรมกลับไม่สามารถที่จะหักห้ามไม่ให้พาเอาตัวเองเข้าไปใกล้จิรายุได้แต่ทันทีที่บานประตูห้องนอนถูกปิด ราวกับว่าเวลานี้โลกทั้งโลกนั้นมีเพียงแค่เธอกับเขาแค่สองคน ยามเมื่อจิรายุวางเธอลงไปบนเตียงนุ่ม อิงรดาก็ใช้มือวาดไปโอบกอดรอบคอแกร่งนั่นให้โน้มลงมาหาแล้วตอบกลับเขากลับด้วยจูบในแบบเดียวกัน ลิ้นร้อนเล็กใหญ่เกี่ยวก่ายพันกันจนแน่น เสื้อยืดของเธอถูกเขาเลิกขึ้นมาจนมากองรวมกันอยู่ที่คอ ในขณะที่เขาเริ่มใช้ฝ่ามือใหญ่สำรวจบีบคลึงไปทั่ว"คุณเจตน์"อิงรดาหลุดครางเสียงหวานออกมาทันทีที่ความอวบงามนั้นถูกเขี่ย สองคู่ชูชื่นพากันแข็งเกร็งตั้งชูราวกับรู้ว่าอีกไม่นานจะต้องถูกจิรายุแวะเข้ามาเยี่ยมชมเสื้อยืดสีขาวถูกเขาถอดออกไปทางศรีษะ ตามด้วยเสื้อยืดสีดำของต