หลังจากปล่อยให้เธออยู่บ้านได้แค่เพียงสองวัน คุณกนกวรรณก็ทำการส่งเธอให้ติดสอยตามจิรายุออกไป ไม่ว่าเขาจะทำอะไรที่ไหน หน้าที่ของเธอก็คือต้องคอยรายงานโดยห้ามจิรายุรู้ อีกทั้งยังต้องคอยจดบันทึกรวบรวมข้อมูลสถานะความสัมพันธ์ระหว่างเขาและคนรักว่าพอจะมีแนวโน้มไปในทิศทางใด เพื่อที่ว่าคุณกนกวรรณเองจะได้ช่วยหาทางในการคิดวิเคราะห์แยกแยะและจัดการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนั้นเสีย
"เย็นนี้ฉันมีนัดกินข้าวกับนนท์นะ จะไปด้วยไหมหรือถ้าไม่เธอก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านเองก่อนได้เลย"
และพอทันทีที่เธอรายงานความเคลื่อนไหนนี้ไป แน่นอนว่าคุณกนกวรรณไม่มีทางยอมปล่อยให้เธอลอยหน้าลอยตากลับบ้านไปก่อนแน่ๆ ยังไงเสียเธอก็ต้องตามเขาไป แม้ว่าในใจจะไม่ได้อยากไปเป็นก้างขัดขวางช่วงเวลาความสุขของเขากับคนรักเลยสักนิด แต่จะไม่ไปก็ไม่ได้ คิดแล้วอยากนั่งร้องไห้ตรงนี้
"แล้วถ้าหนูไปด้วย คุณเจตน์กับคุณนนท์จะโอเคเหรอคะ"
"แล้วเพราะอะไรถึงจะไม่โอเคล่ะ ในเมื่อเธอทำงานกับฉัน ที่ไปกินข้าวกันนี่ก็เผลอๆไปคุยกันเรื่องงานด้วยซ้ำ แต่ที่ถามเธอก่อนก็เผื่อว่าเลิกงานแล้ว เผื่อว่าเธอมีธุระอะไรต่อที่ไหน"
"หนูไม่มีธุระที่ไหนหรอกค่ะ ถ้าเกิดว่าคุณเจตน์ไม่ว่าอะไรจริงๆงั้นหนูขอตามไปด้วยนะคะ ไม่ได้เดินห้างที่ไทยนานแล้ว จะขอไปอัพเดตสักหน่อย"
"อื้ม ก็ไปสิ"
"ว่าแต่ว่าคุณนนท์ไม่ว่าแน่จริงๆนะคะ"
"นนท์มันจะไปว่าเธอทำไม แค่ฉันลากเธอไปกินข้าวด้วยแค่นี้ เธอนี่ก็ถามแปลกๆ"
จากนั้นพอถึงเวลาเลิกงานจิรายุก็พาเธอขับรถไปยังห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพ อิงรดาเพลิดเพลินกับการมองนั่นมองนี่ไปรอบๆระหว่างที่จิรายุยังคงยืนรอนพนนท์ จากที่เห็นภายในเวลาเพียงแค่สี่ปี หลายสิ่งหลายอย่างนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก บางอย่างหายไป บางอย่างผุดทยอยขึ้นมาทดแทน กระทั่งเธอและจิรายุยืนคอยนพนนท์อยู่อย่างนั้นน่าจะราวๆสิบห้านาที จิรายุก็ได้รับสายโทรศัพท์จากนพนนท์ว่าตนเองติดธุระด่วน ทำให้ไม่สามารถมาตามนัดได้ การนัดหมายถือเป็นอันว่า ล่ม
"นนท์ติดธุระ มาไม่ได้"
"งั้นคุณเจตน์จะกลับเลยไหมคะ"
"เธออยากกลับเหรอ ไหนว่าไม่ได้เดินห้างนานแล้วไง ตามมาสิเดี๋ยวพาไปกินของอร่อยๆ"
จากนั้นก็เป็นอันว่าจิรายุพาเธอไปตะลุยตามร้านต่างๆ เดินเข้าร้านนั้นเดินออกร้านนี้ กินไปกินมาสามสี่ร้านเธอก็เลยบอกเขาไปว่าให้พอแค่นี้ก่อน เพราะกระเพาะเธอไม่สามารถที่จะไปต่อได้แล้วนั่นแหละเขาถึงได้หยุด
"ทำไมกินน้อยจัง ไหนบอกว่าคิดถึงอาหารไทย"
"ไอ้คิดถึงน่ะมันก็ใช่ แต่คุณเจตน์ที่พามานี่มันร้านที่สี่แล้วนะคะ สงสารกระเพาะหนูเถอะค่ะ ไม่รู้ว่าจะเอาไปเก็บไว้ที่ไหนแล้ว"
"ถ้างั้นระหว่างนี้จะไปเดินช้อปปิ้งย่อยอาหารก่อนไหม แล้วค่อยกลับ"
"หนูยังไงก็ได้ค่ะ ตามใจคุณเจตน์"
แล้วอิงรดาก็ถูกจิรายุดึงแขนให้เดินตามไป แม้ว่ามองตามข้างหลังแล้วเขาจะมีรูปร่างสูงใหญ่สมชายชาตรี แต่พอมองลงไปยังข้อมือเล็กของตัวเองที่ถูกฝ่ามือใหญ่จับเอาไว้ ความรู้สึกที่มีต่อเขามันก็ชักเริ่มจะแปลกๆ อยู่ๆอิงรดาก็รู้สึกราวกับว่าจิรายุนั้นเป็นเสมือนเพื่อนสาวหรือพี่สาวเธอไปซะอย่างงั้น คงเป็นเพราะว่าเธอดันไปล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาเข้าแล้วว่าเขาไม่ได้มีใจชอบผู้หญิง ก็เลยทำให้เธอรู้สึกกับเขาแบบนี้
"ดูชุดนี้สิฉันว่ามันเข้ากับเธอดีนะ บ้านเราอากาศร้อน จะตาย เธอก็หัดใส่สั้นๆอย่างคนอื่นเขาซะบ้าง ดูสิเเต่ละคนเดินมามีแต่คนใส่สั้นๆกันทั้งนั้น นี่ถ้าฉันเป็นผู้หญิงนะจะใส่สั้นยิ่งกว่านี้อีก เอาให้แบบว่าพวกผู้ชายตะลึงกันไปเลยดีไหม"
จิรายุพูดเองขำเองก่อนจะดึงแขนเธอตรงเข้าไปยังร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังยี่ห้อหนึ่ง จากนั้นจึงยกพวกมันขึ้นมาทาบทับไปบนตัวเธอ แล้วสิ่งเหล่านี้ก็มันยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของอิงรดาเข้าไปอีกว่าสิ่งที่จิรายุทำอยู่นี่มันฟีลเพื่อนสาวชัดๆ
จิรายุพาเธอเดินเลือกชิ้นนั้นหยิบลองชิ้นนี้ ลองคิดเปรียบเทียบดูว่าถ้าเป็นผู้ชายปกติ เขาจะไม่มีทางที่จะสนใจหรือเต็มใจมาช่วยผู้หญิงเลือกซื้อเสื้อผ้าแน่ๆ แต่ละคนคงเอาแต่บ่นว่านานไม่ก็คงรำคาญ หากแต่จิรายุกลับทำด้วยความเต็มใจไม่มีบ่นเลย
แต่กระนั้นสิ่งที่จิรายุทำไป กลับทำเอาอิงรดาได้แต่สงสาร หรือมันอาจจะเป็นเพราะว่าชุดพวกนี้จิรายุอยากจะใส่เองแต่เขาไม่สามารถใส่มันได้หรือเปล่านะ โชคก็เลยได้มาหล่นทับอยู่ที่เธอ
"ปกติหนูไม่ค่อยชอบใส่ขาสั้นเวลาออกมาข้างนอกหรอกค่ะ ยิ่งบ้านเราแดดแรงจะตาย ผิวหนูมันคล้ำง่ายแล้วหนูกลัวดำ"
"ถ้าขาวขนาดเธอโดนแดดแล้วผิวคล้ำ งั้นฉันโดนทีไม่มืดเป็นตอตะโกเลยหรือไงอิง"
"พูดอย่างกับว่าคุณเจตน์ดำ ผิวคุณเจตน์ก็ขาวเนียนพอๆกับหนูนี่แหละค่ะ บอกเคล็ดลับบ้างสิคะว่าคุณเจตน์ใช้ครีมอะไร ทำไมหน้านี่เนียนอย่างกับก้นเด็ก"
"ก้นเด็กเลยเหรอ ตกลงนี่ชมใช่ไหม แต่ฉันก็ไม่ได้ใช้อะไรที่มันพิเศษเลยนะ จะมีก็แค่ทาครีมกันแดด"
"โห ดีขนาดนั้นเชียว"
"อยากจะได้บ้างไหมล่ะ เดี๋ยวซื้อให้เลยเซ็ตหนึ่ง ถือว่าเป็นของขวัญต้อนรับที่ได้มาทำงานด้วยกัน"
"เอาค่ะ ของฟรีมีใครบ้างไม่เอา"
"ชอบของฟรี? งั้นเสื้อผ้าพวกนี้ที่หยิบๆมาก็เอาไปด้วยหมดเลย ฉันว่ามันเข้ากับเธอดี"
"โหทำไมคุณเจตน์ใจดีจัง ทำแบบนี้นี่หวังจะติดสินบนอะไรหนูหรือเปล่าคะ"
"รู้ทัน"
จากนั้นจิรายุก็พาเธอไปจ่ายตังค์ชำระเงิน ซึ่งรวมๆแล้วก็หลายบาทอยู่ ว่าแต่เรื่องที่เธอพูดแหย่เขาเมื่อกี้นี้จิรายุพูดจริงหรือเปล่า เขาคงไม่ได้คิดจะใช้ของพวกนี้มาเป็นสินบนในการปิดปากเธอหรอกนะ ไม่อย่างนั้นเธอคงจะทำใจลำบากหน่อย
"พึ่งจะทุ่มหนึ่งเอง ดูหนังกันสักเรื่องดีไหม"
"คุณเจตน์อยากดูเหรอคะ"
"ก็อันที่จริงวันนี้นนท์ก็ชวนดูอยู่ แต่ดูสิมันผิดนัดเฉย"
'อ๋อ ที่แท้ก็น้อยใจแฟนตัวเอง เลยอยากหาคนไปดูเป็นเพื่อนแก้เซ็งสินะ แต่ก็ได้อยู่แล้ว เห็นแก่ที่จิรายุพึ่งซื้อเสื้อผ้าให้เธอเป็นหอบ'
"ได้ค่ะ คุณนนท์ไม่มาไม่เป็นไร เดี๋ยวหนูดูเป็นเพื่อนคุณเจตน์เอง"
ว่าแล้วจิรายุก็พาเธอเดินไปยังทิศทางที่โรงหนังตั้งอยู่ ส่วนจะดูเรื่องอะไรนั้นเขาให้สิทธิ์เธอเป็นคนเลือก นี่คงจะยังอยู่ในโหมดน้อยใจที่แฟนผิดนัดจนไม่มีอารมณ์ทำอะไรสินะ หน้าที่เอ็นเตอร์เทนเขาจึงต้องตกมาที่เธอ
หลังจากที่ดูหนังจบจิรายุก็พาเธอกลับมาถึงบ้านราวๆสี่ทุ่มกว่า พอมาถึงก็พบว่าผู้สูงอายุทั้งสองท่านนั้นได้ขึ้นห้องเข้านอนกันหมดแล้ว เธอและจิรายุจึงได้แยกย้ายห้องใครห้องมันบ้าง พอเปิดประตูเข้าห้องไป อิงรดาก็จัดการอาบน้ำอาบท่า มองเข็มนาฬิกาก็พึ่งจะห้าทุ่มกว่าและหนังตาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลย นี่ก็พึ่งจะเข้าสามสี่วันเองที่เธอกลับมา สงสัยว่านาฬิการ่างกายเธอคงจะยังไม่ได้การปรับเปลี่ยนเป็นเวลาที่เมืองไทยเป็นแน่ คิดได้คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คก็ถูกหยิบออกมาวางเพื่อค้นหาซีรี่ย์แนวลึกลับผจญภัยและโลกคู่ขนานที่ดูค้างไว้ตั้งแต่อยู่ที่โน่น อาทิตย์นี้คงน่าจะลงตอนใหม่มาหลายตอนแล้ว นานแค่ไหนกันนะที่เธอดูค้างเอาไว้เนื้อหาในซีรี่ย์เป็นเรื่องเกี่ยวกับพวกเด็กๆที่พากันตามหาเพื่อนที่หายตัวไปในโลกคู่ขนาน ในนั้นมีทั้งสัตว์ประหลาดและเรื่องราวแปลกๆลึกลับเต็มไปหมด อิงรดาไม่รู้เลยว่าตัวเองชอบดูหนังแนวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งๆที่เป็นคนไม่ชอบดูแนวสยองขวัญสั่นประสาท แต่ซีรี่ย์เรื่องนี้กลับทำให้เธออยากติดตามดูตอนต่อไปได้เรื่อยๆตอนแรกจบไปก็ต่อไปตอนที่สอง ปกติแล้วซีรี่ย์จะลงแค่อาทิตย์ละตอน แต่นี่มีดองค้างไว้อยู่เป็นสิบ นั
ทำไปทำมาจากที่จิรายุบอกว่าจะเข้ามาดูซีรี่ย์ด้วย กลับกลายเป็นว่าเวลานี้เธอเองต้องเป็นฝ่ายมานั่งปลอบใจเขา เบียร์กระป๋องแล้วกระป๋องเล่าถูกเปิดออก จิรายุดื่มมันราวกับว่าต้องการให้ความทุกข์เศร้านั้นมลายหายไป หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธอถูกปิดไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เขากำลังเมา"คุณเจตน์คะคุณเจตน์ ตั้งสติหน่อยสิคะ หนูว่าหยุดดื่มก่อนเถอะค่ะ นี่คุณเมาเกินไปแล้วนะคะ" อิงรดารีบห้ามพัลวันเมื่อเวลานี้จิรายุกำลังเมามายราวกับแทบจะคุมสติไม่อยู่ เขาเป็นถึงขนาดนี้ได้ยังไง แสดงว่าจิรายุคงจะรักอีกฝ่ายหนึ่งมาก เลยถึงได้ฟูมฟายขนาดนี้แต่อันที่จริงเธอกับเขาก็พึ่งจะกลับมาเจอหน้ากันได้เพียงแค่ไม่กี่วันเอง จิรายุน่าจะเก็บอาการหน่อยก็ไม่ได้ เล่นปล่อยออกมาหมดแบบนี้เธอก็ไม่รู้ว่าจะรับมือยังไง"เธอม่ายต้องมาห้าม ม่ายรู้เหรองายว่าที่ช้านต้องดื่มก็เพราะว่าโคนมานกามลางเจ็บ""หนูเข้าใจค่ะหนูเข้าใจ แต่ว่าตอนนี้คุณเจตน์ดื่มมากเกินไปแล้ว พอแค่นี้ก่อนดีกว่าค่ะ"จากนั้นกระป๋องเบียร์ในมือก็ถูกอิงรดาแย่งออกจากมือไป และสิ่งที่ไม่คาดคิดในอย่างที่สองก็คือการที่จิรายุเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น ปากก็เอาแต่พร่ำบ่นถึงค
"อะไรนะ! นี่เธอว่าไงนะอิง ตาเจตน์น่ะหรือนอนเมาหัวทิ่มอยู่ในห้องเธอ""ค่ะคุณท่าน เมื่อคืนหนูนอนไม่หลับแล้วเปิดหนังดู พอตอนออกไปเอาขนมเข้ามากินก็เลยเจอคุณเจตน์เข้า คุยกันเรื่องหนังแล้วคุณเจตน์ก็เลยบอกว่าเขาก็ดูเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เลยว่าจะดูด้วยกันต่อ ทำไปทำมาไม่รู้ท่าไหนคุณเจตน์หอบเบียร์เข้าไปด้วยเฉย จากนั้นก็เริ่มฟูมฟายเมาหัวทิ่มเลยค่ะ"อิงรดาเล่าไปด้วยน้ำเสียงยเจือด้วยความเศร้าน้อยๆ เหตุก็เพราะว่ายังนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่ถูกจิรายุทั้งดึงเข้าไปกอดจูบลูบคลำ จนถูกเธอตบจนหน้าคว่ำไม่หาย และที่ตอนนี้เธอกล้าเล่าหรือว่าจำเป็นต้องเล่านั้นก็เป็นเพราะว่าตั้งแต่แรกอิงรดาถูกคุณกนกวรรณสั่งเอาไว้ ว่าต่อไปนี้ไม่ว่าจิรายุจะทำอะไรให้เธอคอยรายงานความเคลื่อนไหวมาให้หมด แน่นอนว่าในขณะที่จิรายุยังคงหลับอุตุไม่ตื่น แต่ผู้หญิงสูงอายุทั้งสองคนนั้นตื่นลงมาใส่บาตรกันแล้ว หากว่าเธอไม่บอกไป ยังไงเสียตอนที่ฝ่ายนั้นเดินออกจากห้องเธอมา คุณกนกวรรณและยายนางผู้เป็นยายของเธอก็ต้องเห็น สู้เธอเล่าไปเลยตอนนี้ยังจะดีกว่า เพราะถึงยังไงเสีย ต่อให้เธอและจิรายุจะนอนห้องเดียวกัน มันก็ไม่มีทางที่จะเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อฝ่ายนั้น
ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องจนกระทั่งตอนนี้น่าจะผ่านไปเกือบสองสัปดาห์เต็มแล้วที่จิรายุยังคงอยู่ในอาการเศร้า เธอไม่รู้หรอกว่าอาการของเขานั้นถึงขั้นไหน แต่เอาเป็นว่าจิรายุคนนี้นั้นเงียบขรึมลงจนสะดุดตาคนรอบตัวเขากินข้าวน้อยลง วันๆเอาแต่ทำงานจนดึกดื่น ค่ำมืดกว่าจะกลับบ้าน บางวันก็ไล่ให้เธอกลับไปก่อน ส่วนตัวเขาเองบางทีเที่ยงคืนถึงได้ยินเสียงรถกลับเข้ามาจอดสิ่งที่จิรายุเป็นอยู่ทำเอาทุกคนในบ้านอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ เรื่องที่เธอเคยสงสัยว่าหน้าที่ที่ถูกมอบหมายจากคุณกนกวรรณนั้นเธอควรไปต่อหรือพอเอาไว้ก่อน คำตอบที่ได้รับหลังจากที่คุณกนกวรรณออกจากโรงพยาบาลในทันทีก็คือยิ่งต้องให้เธอจับตามองจิรายุให้หนัก ยิ่งเขาเศร้าเสียใจมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งต้องคอยรายงานสถานการณ์ให้คุณกนกวรรณทราบทุกย่างก้าว "อาการตาเจตน์ดีขึ้นบ้างหรือยัง""ยังเลยค่ะคุณท่าน วันๆเอาแต่คร่ำอยู่กับงาน ไม่ยอมลืมตาไปไหนเลยค่ะ""แล้วแฟนตาเจตน์ล่ะ ไม่สิ ยัยนนนี่อะไรนั่นได้แวะกลับเข้ามาวอกแวกอะไรกับตาเจตน์อีกหรือเปล่า""ไม่นะคะ เงียบหายไปเลย""ดี ยังไงเธอคอยจับตาดูตาเจตน์เอาไว้นะ ถ้ามีอะไรคืบหน้าก็ให้รีบรายงานมา อาทิตย์หน้าฉันจะเริ่มนัดดูตัวให
ดึกดื่นค่อนคืนจิรายุก็ยังคงพาเธอนั่งอยู่ตรงนั้น รอบๆตัวผู้คนยังคงเดินผ่านกันไปกันมา ส่วนเธอกับเขาก็นั่งมองดูดาวฟังเสียงคลื่นที่สาดเข้ากระทบฝั่ง พอดึกเข้าเริ่มจะหนาวเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำตาลตัวยาวที่เขาใส่อยู่ก็ถูกถอดออกมาให้เธอได้ใส่"ดึกแล้วลมแรง เธอใส่เสื้อฉันเอาไว้ก็แล้วกัน มีแค่เสื้อแขนสั้นมาตัวเดียวมันหนาว""แล้วคุณเจตน์ไม่หนาวเหรอคะ""ฉันเป็นผู้ชาย ฉันทนได้น่า""ไม่เอาหรอกค่ะ ถึงคุณเจตน์จะเป็นผุ้ชาย แต่หนูก็ไม่อยากเอาเปรียบ ขยับเปลนอนมาใกล้ๆนี่สิคะ แบ่งกันคลุม"อิงรดาพยายามดึงลากเปลนอนของจิรายุให้ขยับเข้ามาจนชิดกับเปลเธอ จากนั้นแจ็คเก็ตตัวยาวก็ถูกคลุมเผื่อไปยังคนข้างๆด้วยเขาและเธอพากันพูดคุยเรื่องราวนึกย้อนไปวันเก่าๆ ว่าช่วงเวลาสี่ปีที่ผ่านมาใครทำอะไรที่ไหนกับใครบ้าง จนมีช่วงหนึ่งที่จิรายุเล่าว่าเขากับคนรักนั้นคบกันมานานมากกว่าสิบปีแล้ว แต่ว่าเขาไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าตัวเองนั้นมีคนรักอยู่ จิรายุบอกว่าป้าของเขาไม่มีทางยอมรับได้แน่ๆถ้าได้รู้ว่าคนรักของเขาคือใคร และนั่นเองอิงรดาถึงได้รู้ว่าทำไมจิรายุต้องเสียใจฟูมฟาย ระยะเวลาที่คบกันมาสิบกว่าปีก็ย่อมต้องรักกันมากเป็นธรรมดา พอฟังเขาเล่า
'ทำไมมันถึงได้ถอดยากถอดเย็นแบบนี้วะ'จิรายุได้แต่บนคนเดียวอยู่ในใจ ในเมื่อเมื่อครู่ที่ผ่านมาเขาจัดการถอดเสื้อยืดที่เปื้อนเลอะไปด้วยน้ำหมึกและกางเกงยีนต์ออกให้อิงรดาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่รายนั้นกลับวิ่งออกจากห้องน้ำมาให้เขาปลดตะขอเสื้อชั้นในให้อีก จิรายุพยายามปลดแล้วปลดอีก แต่ก็ยังไม่ได้ เขาไม่เข้าใจเลยว่าอิงรดาซื้อเสื้อชั้นในที่มีตะขอที่ซับซ้อนขนาดนี้มาเพื่ออะไร เวลาถอดทีจะไม่ใช้เวลาถอดเป็นชั่วโมงเลยเหรอ"ได้ไหมคะคุณเจตน์""พึ่งรู้ว่าชั้นในผู้หญิงมีตะขอแบบนี้ด้วย ปกติแค่ตะขอเกี่ยวแล้วก็ปลดออกแล้วไม่ใช่หรือไง" นั่นแน่ ทำเป็นรู้ดี คงแอบเคยใส่สิท่า อิงรดาแอบนึกย้อนขำในใจ โดยที่คนที่ถูกเธอครหาไม่มีทางรู้ตัว"ตะขอแบบนี้มันก็มีค่ะ คุณเจตน์แค่สไลด์ขึ้นลง มันจะมีล็อกของมันอยู่"'ตรงไหนของเธอวะอิง นี่ฉันก็บิดจนเจ็บมือแล้วเนี่ย'จิรายุเริ่มชักจะหน้ายุ่งและหงุดหงิดเมื่อพยายามแกะเท่าไหร่ก็ไม่ออก จนในที่สุดคนที่บอกว่าจะหลับตาก็แอบค่อยๆหรี่ตาขึ้นมองเพราะเบื่องมต่อไปไม่ไหว จนกระทั่งลืมตาขึ้นมาเจอแผ่นหลังที่ขาวเนียนละเอียดและภาพตรงหน้าเขาที่มีอิงรดายืนหอบกระโจมผ้าเช็ดตัวเอาไว้ พลางปล่อยขอบชายของม
"กลับมาถึงกันแล้วหรือตาเจตน์ นี่ไปซื้อหมึกกันมาถึงไหนถึงได้กลับมาสายกันจนป่านนี้ ป่านนี้วุ้นมะพร้าวป้ากับอาหารทะเลไม่เน่าหมดแล้วหรือไง แล้วนั่นดูเจ้าอิงอีก ตอนไปเธอไม่น่าจะแต่งชุดนี้ไปนะ""พอดีว่ามีอุปสรรคนิดหน่อยครับป้าไก่ รายนั้นไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนถึงได้โดนหมึกพ่นน้ำหมึกใส่เต็มตัวเลย ผมเลยต้องจอดแวะโรงแรมให้ล้างตัวแล้วค่อยกลับมา ส่วนของที่ป้าไก่สั่ง ไม่มีอะไรเน่าเสียหายหรอกครับ เพราะว่าผมอัดน้ำเเข็งใส่มาให้เต็มที่""งั้นก็ดี ไหนๆวันนี้เราก็อยู่กันพร้อมหน้าแล้ว เย็นนี้เพื่อนป้าจะพาหลานสาวที่พี่งกลับจากอังกฤษเข้ามาทานข้าวด้วย เจตน์อยู่ทานด้วยกันนะลูก ไม่ได้มีนัดอะไรที่ไหนใช่ไหม""ไม่มีครับป้าไก่""ดีแล้ว งั้นเจตน์ก็ขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ ไว้เย็นๆค่อยลงมา"และทันทีที่จิรายุเดินขึ้นบันไดไป คุณกนกวรรณก็รีบจูงข้อมืออิงรดาออกไปคุยกันที่ประตูหลังบ้านในทันที ทั้งสองคนทำท่าทีลับๆล่อๆ พอมองซ้ายแลขวาแล้วไม่มีใคร คุณกนกวรรณจึงได้เริ่มต้นเป็นฝ่ายถาม"ตาเจตน์เป็นยังไงบ้างอิง ดีขึ้นไหม""ก็คิดว่าน่าจะดีขึ้นบ้างค่ะคุณท่าน ไม่ได้มีท่าทีเศร้าใจอะไร ส่วนคุณนพนนท์เองก็ไม่เห็นติดต่อคุณเจตน์มา เพราะว่า
เมื่อทุกคนมาถึงกันพร้อมหน้า คุณกนกวรรณก็เริ่มทำหน้าที่ในการจับคู่ดูตัว จิรายุนั้นรู้จุดประสงค์ของผู้เป็นป้าอยู่แล้วว่าทำไมป้าของตัวเองถึงได้นัดป้าหลานคู่นี้มา แต่ก็ยังยอมที่จะเล่นไหลไปตามน้ำ"ตาเจตน์ลูกนี่หนูแอล พึ่งกลับมาจากอังกฤษ รู้จักกันเอาไว้สิ เผื่อวันหน้าวันหลังจะได้สนิทสนมกันมากขึ้นกว่านี้""ครับป้าไก่ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องแอล"จิรายุกล่าวทักทายอีกฝ่ายไปแบบจริงใจและไม่ได้คิดที่จะมีเลศนัยอะไร ดูไปดูมาฝ่ายนั้นก็เป็นผู้หญิงออกหวานดูน่ารักเรียบร้อยดี "สวัสดีค่ะพี่เจตน์ แล้วก็.."เอวารินยกมือขึ้นไหว้ทักทายจิรายุเสร็จแล้วจึงหันไปยิ้มหวานให้อิงรดา"อ๋อ นั่นเจ้าอิงน่ะหนูแอล ก็น่าจะรุ่นเดียวกันกับหนูใช่ไหมจ๊ะ เจ้าอิงปีนี้ก็ยี่สิบสามย่างยี่สิบสี่ พึ่งเรียนจบกลับมาจากอเมริกา นั่นก็เลี้ยงดูกันมาเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง"อิงรดายกมือขึ้นไหว้และก็ยิ้มหวานทักทายกลับไป "ชื่ออิงเหรอคะ เราชื่อพยัญชนะอออ่างเหมือนกันเลย อิงกับแอล ถ้าเกิดว่าแอลอยากจะขอเป็นเพื่อนกับอิงจะได้ไหม แอลเพื่อนน้อย กลับมานี่ก็ยังไม่ได้เจอใครเลย"พอเอวารินพูดแบบนั้นออกไป ทำเอาทุกคนก็ออกอาการเหรอหราไปตามๆกัน จากที่ต้อ
"หนูท้องจริงๆด้วยค่ะคุณเจตน์""อะไรนะ นี่พูดจริงหรือเปล่าอิง""สองขีดชัดเจนขนาดนี้โกหกได้ด้วยเหรอคะ"อิงรดาชูแผ่นตรวจการตั้งครรภ์ที่ปรากฎสัญลักษณ์สองขีดที่อยู่ในมือชููยื่นให้จิรายุดู ช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เธอมีอาการแปลกๆ เอาแต่เวียนหัวหงุดหงิดวิงเวียนเป็นว่าเล่น ดึกๆดื่นๆก็ชอบตื่นลุกขึ้นมาหาอะไรกินทั้งที่นอนหลับไปแล้ว จนจิรายุเองยังเคยแอบแซวว่าสงสัยเธอคงจะท้องแล้วแน่ๆยิ่งพอได้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน รายนั้นก็ชอบจับเธอกินทั้งเช้าและค่ำ บางทีดึกดื่นค่ำมืดกว่าจะได้หลับได้นอนก็ปาไปเกือบค่อนคืน ทั้งทีเธอเองก็บอกไปแล้วว่าให้เขาเพลาๆลงหน่อย งานแต่งก็ยังไม่ได้จัด กว่าจะถึงฤกษ์ก็ต้องรออีกตั้งสองเดือนถึงจะถึงวันที่คุณกนกวรรณหาเอาไว้ให้ เธอเลยกลัวว่าป่านนั้นตัวเองจะได้ท้องโย้ก่อนเข้าพิธีแต่งงาน"เย้!ในที่สุดลูกพ่อก็มาสักที แบบนี้ต้องประกาศให้โลกรู้ว่าจิรายุก็มีน้ำยา นึกว่าจะต้องอับอายขายขี้หน้าคนแถวนี้เสียแล้วว่าฉันทำลูกไม่เป็น"จิรายุกระโดดเย้วๆอยู่สามสี่ทีก็วิ่งกลับมาอุ้มเธอขึ้นหมุนไปรอบๆ อิงรดาอดขำไม่ได้ที่จิรายุยังจำได้อยู่ว่าเธอแกล้งล้อเขาว่าอะไร เพราะตั้งแต่ที่ตั้งใจมีอะไรกันไปแบบไม่มีกา
"แกต้องรับผิดชอบยายอิง"นั่นคือคำประกาศิตที่คุณกนกวรรณพึ่งจะประกาศออกไป อิงรดายังคงนั่งก้มหน้าโดยมีจิรายุหลานชายของเธอนั่งจับมือไว้ คงจะเป็นเพราะว่าเด็กนั่นกลัวทำให้เธอและผู้เป็นยายผิดหวังเสียใจ จึงไม่กล้าเงยหน้าสบตา หากแต่ว่าความจริงเป็นอย่างไร คงจะมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้อยู่เต็มอก นึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เธอยังคงส่งนักสืบเฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวของอดีตสามีที่ย้ายออกจากบ้านไปอยู่กับภรรยาใหม่ ซึ่งก็คือ นันที อดีตแม่บ้าน ด้วยความที่ยังคงรักและเป็นห่วง บวกกับที่เธอได้ข่าวมาว่าพักหลังมานี้อดีตสามีสุขภาพไม่ค่อยจะดีนักและออกไปไหนไม่ค่อยได้ ทำให้ฝ่ายหญิงนั้นแอบลักลอบมีความสัมพันธ์กับชายคนใหม่ และไม่ได้ใส่ใจดูแลอดีตสามีของเธออย่างที่ควรจะเป็น จนอดีตสามีของเธอรู้เข้าก็เริ่มตรอมใจ เธอเองด้วยความที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายปี บอกตามตรงก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เลยยังแอบดูแลให้ความช่วยเหลือในฐานะเพื่อนเก่า โดยที่ไม่เคยเอ่ยปากบอกให้ใครรู้แต่พอสืบไปสืบมา นอกเหนือจากเรื่องสามี ความจริงบางอย่างที่เธอได้รับรู้เพิ่มมาอีกอย่างด้วยก็คือ พ่อหลานชายตัวดี ยังคงติดต่อคบหากับเอมมิกาลูกสาวของนันที
ไม่ใช่แค่อิงรดาที่หน้าเหวอ แต่เอวารินที่โทรมาอยู่ในสายก็หน้าเหวอตกใจไปตามๆกัน แถมฝ่ายนั้นยังจะถามจิรายุซ้ำเพื่อความแน่ใจอีกต่างหาก จนได้ฟังคำตอบรอบที่สองของจิรายุไป ทำเอาอิงรดาถึงกับต้องรีบแย่งโทรศัพท์มือถือที่ถูกจิรายุแย่งไปคืนกลับมา'น้องแอลฟังไม่ผิดหรอกครับ พี่บอกว่าอิงเป็นแฟนพี่ หรือว่าจะเอาให้ชัดๆเลยก็คือ อิงเป็นเมียพี่ครับ'"คุณเจตน์พูดแบบนั้นกับคุณแอลไปได้ยังคะ""ทำไมล่ะ ก็ในเมื่อฉันพูดความจริง หรือเธอจะเถียงอีกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน"จิรายุหน้ายุ่งคิ้วยุ่งสวนกลับคนตัวเล็กทันทีที่เธอแหวมา ก็จะให้เขาทำยังไงได้ล่ะ ยอมทนเห็นแฟนตัวเองถูกคนอื่นจีบเฉยๆอย่างนั้น ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นผู้หญิงก็ตามอย่างนั้นเหรอ คงไม่ใช่เขาล่ะ คอยดูเถอะ นี่ขนาดยังไม่ได้คบกันออกหน้าออกตาเขายังหวงเธอขนาดนี้ วันไหนที่มีโอกาสได้ประกาศความเป็นเจ้าของขึ้นมา รับรองว่าอิงรดาจะไม่มีทางได้เหลียวมองใคร"แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆนี่คะ"อิงรดาน้ำเสียงอ่อนลง แถมยังทิ้งตัวนั่งลงไปบนเตียงราวกับว่าหมดอะไรตายยาก ในเมื่อตอนนี้เธอเองไม่สามารถแสดงสิทธิ์ในการครอบครองเขาได้ เพราะฉะนั้นเรื่องสถานะความสัมพันธ์ระหว
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นก้องอยู่ภายในห้องครัว ยิ่งอิงรดาส่งเสียงกระเส่าครวญครางออกมาเท่าไหร่ เเรงกระแทกที่ถูกส่งไปก็ยิ่งมีมากเพิ่มขึ้นเท่านั้น ทันที่ผละออกจากริมฝีปากหวานได้ สายตาคมของเขาก็ก้มจ้องลงมายังจุดสอดประสาน อิงรดามองภาพจิรายุซี๊ดปากหน้านิ่วที่เกิดจากการกระทำร่วมกันของเขาและเธอก็เกิดความเสียวซ่านบวกกับความอาย จิรายุเองก็เลือกที่จะมองสลับกันบนล่าง ใบหน้างดงามที่กำลังเสียวซ่านของอิงรดา สลับกับจุดเชื่อมประสานกลางกาย"อ่าส์ แน่นดีมากๆเลยอิง ได้มองหน้าเธอสลับกับมองนมไปด้วยแบบนี้ ขยับแค่ไม่กี่ทีฉันก็เกือบจะเสร็จแล้ว""แน่ใจเหรอคะว่าคุณเจตน์มองแค่หน้าหนูแล้วก็มองนม หนูเห็นว่าคุณเจตน์ชอบมองลงไป..ข้างล่าง""ก็อันนั้นฉันก็อยากเห็นไงว่าร่างกายของเราสองคนเข้ากันได้ดีมากแค่ไหน ว่าแต่เธอยังเจ็บอยู่อีกหรือเปล่า""ไม่เจ็บแล้วค่ะ ตอนนี้มีแต่..เสียว"อิงรดายิ้มหวานตาหยี พร้อมกับใบหน้ายู่ยี่แล้วจึงแลบลิ้นน้อยๆออกมา พอจิรายุเห็นเข้าก็รีบตามเข้าไปประกบดูดปากอย่างไว ในขณะที่สะโพกแกร่งยังคงซอยขยับเรียกเสียงครางหวานๆ อิงรดาปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขที่จิรายุมอบให้ จนเผลอปล่อยเสียงครางออกมาเป็นที
"แล้วคุณเจตน์กับพี่เอม เอ่อ คบกันมานานแล้วเหรอคะ""อื้ม เป็นสิบปีแล้ว แต่ก็คบๆเลิกๆ บางทีเลิกกันไปปีสองปีแล้วก็กลับมาคบกันใหม่ ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ตัดเอมออกไปจากชีวิตจริงๆไม่ได้บางทีก็อาจจะเป็นเพราะว่า เราเป็นคนแรกของกันและกัน""คุณเจตน์กับพี่เอม เป็นคนแรกของกันและกัน" อิงรดาเผลอพูดย้ำซ้ำคำนั้นออกมาเสียงเบา ราวกับว่าสิ่งนั้นกำลังสร้างความเจ็บปวดให้กับเธออยู่ลึกๆ ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆน้อยๆสามสี่ทีเพื่อไล่เอามวลน้ำตาที่กำลังทำท่าว่าจะเอ่อทะลักขึ้นมา กระนั้นถ้าหากตอนนี้เขาได้จ้องมองเข้ามาในดวงตาก็คงจะเห็นได้ถึงร่องรอยความแดงของมัน"เธอหึงฉันเหรออิง น้อยใจฉันอยู่หรือเปล่า""ปละ เปล่านี่คะ""แต่ถ้าเธอจะบอกว่าหึงแทนคำว่าเปล่า คำนั้นมันอาจจะทำให้ฉันดีใจมากกว่าก็ได้นะ"จิรายุเองก็มองมาที่เธอตาละห้อยสร้อยเศร้า ทั้งในใจก็ยังเอาแต่ครุ่นคิดว่าความรู้สึกที่อิงรดามีต่อตนเองนั้นจะใช่ความจริงหรือเปล่า หากแต่ก็ทำได้เพียงแค่เว้าวอนว่าขอให้เธอชอบเขาจริงๆ เพราะตอนนี้ตัวเขานั้นสามารถพูดได้อย่างเต็มปากแล้วว่า เขาชอบเธอ"คุณเจตน์ อยากให้หนูรู้สึกอย่างนั้นจริงๆเหรอคะ""อื้ม อยาก เพ
'ถ้าเธออยากจะยกเลิกเรื่องที่เคยตกลงกันไว้ก็ได้ แต่ระหว่างนี้ห้ามกินยาคุมฉุกเฉินเด็ดขาด รอจนกว่าประจำเดือนจะมา ถ้าประจำเดือนมาเธอก็รอดตัวไป แต่ถ้าไม่ เราก็ต้องมาตกลงกัน'อิงรดานั่งเหม่อกับข้อเสนอแกมคำสั่งล่าสุดของจิรายุอยู่ที่บริเวณใต้ร่มไม้หน้าบ้านอย่างหมดไร้ซึ่งหนทางและไม่เข้าใจเลยว่าจิรายุจะบังคับเธอไปทำไม ในเมื่อการมีลูกกับเธอนั้นก็ไม่ได้ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เพราะการที่เธอยอมตกลงทำเรื่องอะไรกับเขาแบบนี้ตั้งแต่เริ่มแรกเลยนั้นก็คือความต้องการของคุณกนกวรรณต่างหาก บวกกับความสงสารและแอบมีเขาเข้ามาอยู่ในใจ ด้วยความที่อยากจะมีเขาอยู่ใกล้ๆ เลยทำให้เธอยอมรับปากอะไรออกไปแบบนั้น การที่เธอยินยอมที่จะปล่อยให้เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาได้เข้ามาเจริญเติบโตในร่างกายของเธอได้ นั่นก็เป็นเพราะว่า เธอรักเขา แล้วเขาล่ะ รักเธอก็ไม่ได้รัก ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้ผิดเพศผิดปกติอะไรเสียหน่อย ทำไมถึงต้องรั้งเธอไว้ด้วยเรื่องแบบนี้ ไม่รู้บ้างเลยหรือไงว่าแค่นี้เธอก็เจ็บเจียนตายอยู่มะรอมมะร่อแล้วภายใต้ความทึบของม่านกรองแสงผืนยาวบนชั้นสอง เรือนร่างสูงใหญ่ยืนเอียงตัวพิงบานกระจกหนามองทะลุผ่านเงาสะท้อนออกไปยังด้านนอก เพื
ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปบ้าง อิงรดาไม่รู้ตัวเลยสักนิดด้วยซ้ำว่าเผลอเอื้อมมือไปเปิดประตูให้เอมมิกาเข้ามาในบ้านตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เดินกลับเข้ามาในบ้านแล้วได้ยินเสียงของเอมมิกาพยายามเสียงดังแข่งใส่จิรายุอยู่"แต่เอมไม่เลิก! เจตน์คบกับเอมมาถึงขนาดนี้แล้ว เอมเสียเวลาชีวิตไปเป็นสิบๆปีก็เพราะว่าเจตน์มัวแต่เกรงใจป้า เอมต้องการเจตน์คืน ยังไงเจตน์ก็ต้องกลับมาคบกับเอมเหมือนเดิม""เลิกพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ได้แล้วนะเอม คุณเลิกกับผมแล้วแต่งงานใหม่ไปแล้ว ตอนนี้จะมาอยากทวงผมคืน คุณบ้าไปแล้วหรือเปล่าฮะ""เอมไม่ได้บ้า แต่เอมแค่อยากมาขอโอกาสเจตน์อีกครั้ง เอมคิดถึงเจตน์ ที่เอมต้องแต่งงานไปก็เพราะว่าแม่บังคับเอม ความจริงเอมไม่เคยรักผู้ชายคนนั้นเลย เอมรักเจตน์""แต่ผมไม่ได้รักคุณแล้วเอม ผมรักคนอื่น""คนอื่นของเจตน์ คืออีนังเด็กอิงรดาเนี่ยเหรอ เจตน์อย่าคิดนะว่าคืนนั้นเอมไม่เห็นว่าคุณนั่งจูบกันกับมันอยู่ที่ริมหาด""แล้วไง ผมกับคุณเลิกกันไปแล้ว ผมจะไปกอดใครจูบใครมันก็เรื่องของผมเอม"และอีกร้อยล้านถ้อยคำสารพัดสารเพที่ยังพากันหลั่งไหลเข้ามาในหูของอิงรดาผู้น่าสงสาร เธอไม่ได้เดินกลับเข้าไปในบ้าน หากเ
ในที่สุดอิงรดาก็ทำใจกล้าเปิดประตูออกไปได้เสียที หลังจากที่ยืนสวดมนต์ทำใจอยู่เสียนาน พอจิรายุบอกว่าจะเป็นฝ่ายเปิดออกไปเองก็ไม่ยอม บานประตูค่อยๆเปิดกว้างออกขึ้นทีละน้อย จนในที่สุดจิรายุทนไม่ไหวจึงได้เบียดตัวออกไปยืนอยู่หน้าห้องทันทีนาทีนั้นอิงรดาแทบจะอยากกรี๊ดออกมาดังๆแต่ก็ทำไม่ได้ ในเมื่อตกลงกันแล้วว่าเธอจะเป็นฝ่ายเปิดออกไปก่อนเพื่อดูลาดเลาแล้วเขาค่อยตามเธอไป เพราะถ้าหากว่าแถวนั้นมีใครอยู่ เธอจะได้เบี่ยงเบนความสนใจให้จิรายุออกมาได้ แต่พอออกมา ปรากฎว่าบ้านทั้งหลังนั้นกลับว่างเปล่า อิงรดาชะเง้อหน้ามองหาคนในบ้าน แต่ก็ไม่เจอใครเลย "เห็นไหม ไม่เห็นมีใครเลย""คุณเจตน์ อย่าพึ่งเสียงดังไปสิคะ"คนตัวเล็กรีบยกมือขึ้นมาจุ๊ปากเป็นสัญลักษณ์ให้จิรายุนั้นพูดเบาๆ แม้ว่าในใจจะคิดว่ามันแปลกมาก แต่อิงรดาก็เลือกที่จะสาวเท้าเข้าไปในครัว เพราะเป็นที่อยู่ประจำของยาย แต่พอเดินเข้าไปแล้วยังคงเห็นแก้วเปล่าใบที่จิรายุนั้นวางเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนก็เริ่มหน้าแดงขึ้นมา"รู้นะว่าคิดอะไร""หนูเปล่านะ"จิรายุที่เดินตามเข้ามาติดๆ หยุดมองตามทิศทางสายตาที่อิงรดานั้นมองไปก็ได้โอกาสแซวขึ้นมาทันที ยิ่งเดินอ้อมไปข้างหน้าแล้
อิงรดาถูกจิรายุอุ้มหวือตัวลอยขึ้นไปจากพื้น ทันทีที่เขาก้าวเดินพ้นจากห้องครัวออกมา ภายในใจก็ได้แต่ภาวนาขอว่าอย่าให้ใครได้ออกมาพบเห็นหรือเจอะเจอเลย แม้ว่าเปอร์เซ็นความเป็นไปได้จะน้อยมากที่หญิงสูงวัยทั้งสองคนนั้นจะเดินลงมาข้างล่างดึกดื่นป่านนี้ แต่ยังไงเสียเธอก็ยังกลัวอยู่ดี อิงรดากลัวว่าจะทำให้คุณกนกวรรณและผู้เป็นยายผิดหวัง กลัวถูกตราหน้าว่าเนรคุณ แต่หัวใจเจ้ากรรมกลับไม่สามารถที่จะหักห้ามไม่ให้พาเอาตัวเองเข้าไปใกล้จิรายุได้แต่ทันทีที่บานประตูห้องนอนถูกปิด ราวกับว่าเวลานี้โลกทั้งโลกนั้นมีเพียงแค่เธอกับเขาแค่สองคน ยามเมื่อจิรายุวางเธอลงไปบนเตียงนุ่ม อิงรดาก็ใช้มือวาดไปโอบกอดรอบคอแกร่งนั่นให้โน้มลงมาหาแล้วตอบกลับเขากลับด้วยจูบในแบบเดียวกัน ลิ้นร้อนเล็กใหญ่เกี่ยวก่ายพันกันจนแน่น เสื้อยืดของเธอถูกเขาเลิกขึ้นมาจนมากองรวมกันอยู่ที่คอ ในขณะที่เขาเริ่มใช้ฝ่ามือใหญ่สำรวจบีบคลึงไปทั่ว"คุณเจตน์"อิงรดาหลุดครางเสียงหวานออกมาทันทีที่ความอวบงามนั้นถูกเขี่ย สองคู่ชูชื่นพากันแข็งเกร็งตั้งชูราวกับรู้ว่าอีกไม่นานจะต้องถูกจิรายุแวะเข้ามาเยี่ยมชมเสื้อยืดสีขาวถูกเขาถอดออกไปทางศรีษะ ตามด้วยเสื้อยืดสีดำของต