Share

บทที่ 7

ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นฉู่เหมียน!

ลู่เจียวถูกผลักจนล้มลงไปกับพื้น กู้ว่างเชินรีบเข้าไปประคองเธอไว้

ฉู่เหมียนคุกเข่าลง มือเรียวสวยของเธอปลดเนคไทของคุณหานออกแล้วโยนทิ้งไป

ลู่เจียวส่ายหน้าให้กู้ว่างเชิน หันไปมองฉู่เหมียนแล้วขมวดคิ้วถามว่า "เหมียนเหมียน ทำอะไรน่ะ เธอทำได้ด้วยเหรอ?"

คนข้าง ๆ ก็ตกใจจนนิ่งงันอยู่กับที่

"แม้แต่คุณหนูลู่ยังทำไม่ได้เลย แล้วคนไร้ความสามารถอย่างเธอจะทำได้เหรอ?"

"คุณหานเป็นคนมีหน้ามีตาขนาดไหน เธอยังกล้าปลดเสื้อผ้าของคุณหานกลางงานเลี้ยงแบบนี้ ฉู่เหมียนเธอคิดอะไรอยู่?"

เมื่อได้ยินคนทั้งหลายต่อว่าฉู่เหมียน ลู่เจียวก็เม้มริมฝีปากแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "เธออย่าดื้อรั้นเพียงเพราะคำพูดของคนอื่นแค่ไม่กี่คำสิ"

"เหมียนเหมียน ปกติคนในตระกูลฉู่อาจตามใจเธอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเล่นอะไรแบบนี้ ถ้าเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นมาละก็…" ลู่เจียวยิ่งพูดก็ยิ่งร้อนใจ ถึงกับยกมือขึ้นมาลูบแขนฉู่เหมียน ทำทีเหมือนเป็นห่วงฉู่เหมียน

ฉู่เหมียนสะบัดแขนลู่เจียวออกแล้วหรี่ตามอง "หุบปากซะ”

ลู่เจียวเงียบไปทันที แววตาของฉู่เหมียนดุร้ายเกินไป ทำให้เธอรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก

ฉู่เหมียนมองกู้ว่างเชินที่กำลังกอดเธออยู่แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ประธานกู้คะ จัดการผู้หญิงของคุณให้ดีหน่อยสิ"

สีหน้ากู้ว่างเชินตึงเครียด เขาไม่คุ้นเคยกับฉู่เหมียนที่เป็นแบบนี้เลย "ฉู่เหมียน เจียวเจียวพูดก็เพราะเป็นห่วงเธอหรอก อย่าปฏิเสธความหวังดีอย่างไร้มารยาทสิ!"

ฉู่เหมียนหัวเราะเยาะ

เป็นห่วงเธอ หรือเป็นห่วงว่าเธอจะช่วยคุณหานได้แล้วแย่งความโดดเด่นไปจากลู่เจียว?

เธอเป็นเพื่อนกับลู่เจียวมาหลายปี จะไม่รู้จักนิสัยลู่เจียวได้อย่างไร?

ลู่เจียวแค่ทำตัวอ่อนแอแล้วร้องไห้ เธอก็ยอมสละทุกอย่างเพื่อลู่เจียวได้ แต่เรื่องแบบนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก!

"ฉู่เหมียน เห็นแก่ที่เราเป็นสามีภรรยากันมาหลายปี ฉันขอเตือนเธอว่าอย่ามายุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่อง" กู้ว่างเชิน

ขมวดคิ้ว

ฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้นมองกู้ว่างเชินแล้วหัวเราะอย่างขมขื่น "คุณเองก็คิดว่าฉันเป็นขยะที่ไร้ความรู้ความสามารถสินะ?"

เขาไม่พูดอะไร ถือเป็นการยอมรับกลาย ๆ

ฉู่เหมียนสูดจมูกแล้วพูดอย่างสิ้นหวัง "น่าเสียดายที่เราเป็นสามีภรรยากันมาหลายปี แต่คุณกลับไม่รู้จักฉันเลยสักนิด"

…น่าเสียดายที่เราเป็นสามีภรรยากันมาหลายปี แต่คุณกลับไม่รู้จักฉันเลยสักนิด

กู้ว่างเชินกลืนน้ำลายแล้วมองฉู่เหมียนด้วยสายตาซับซ้อน ความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูกทำให้เขาหงุดหงิดใจ

ฉู่เหมียนหยิบปากกาขึ้นมา

ตอนนี้ทุกคนต่างก็ตกใจ

ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ เธอหยิบปากกามาทำไม?

"เธอจะทำอะไรน่ะ?"

"ขยะตระกูลฉู่คนนี้ อย่าสาระแนทำให้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นเชียวนะ ไม่งั้น…"

ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ฉู่เหมียนก็ทำอะไรที่ทำให้พวกเขาตกใจยิ่งกว่าเดิม

เธอถอดหัวปากกาออกแล้วแทงเข้าไปที่คอของคุณหานอย่างรวดเร็วและแม่นยำ

ฝูงชนต่างก็โกรธเกรี้ยวและด่าทอ "ฉู่เหมียน เป็นบ้าไปแล้วหรือไง?"

"ถ้าคุณหานเป็นอะไรไป เธอเตรียมตัวรับผิดชอบได้เลย!"

ลู่เจียวอดไม่ได้ที่จะกำแขนกู้ว่างเชินไว้แล้วเบิกตากว้าง

นี่คือ...?

การเปิดทางเดินหายใจฉุกเฉิน?

โห ฉู่เหมียนช่างกล้าหาญเหลือเกิน

ฉู่เหมียนก้มลงแล้วเป่าลมเข้าไปผ่านปลายปากกาที่โผล่ออกมา แล้วกดหน้าอกของคุณหานอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของเธอจริงจังมาก

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน นิ้วของคุณหานก็เริ่มขยับอีกครั้ง

เสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัยในห้องโถงเงียบลงทันที

คนถามด้วยเสียงกระซิบว่า "ช่วยได้แล้วเหรอ?"

"เป็นไปได้ยังไง ในเมื่อแม้แต่คุณหนูลู่ยังทำไม่ได้ เธอทำอะไรมั่ว ๆ แบบนี้แล้วจะช่วยได้จริงเหรอ?"

ทันใดนั้นมีคนรีบวิ่งเข้ามาจากด้านนอก "รถพยาบาลมาแล้ว!"

เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์รีบวิ่งเข้ามา

ฉู่เหมียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ช่วยพาคุณหานขึ้นเปล แล้วก็ไม่ลืมที่จะพูดคุยกับแพทย์

"คนไข้มีโรคหัวใจแต่กำเนิด ตอนที่คนไข้หมดสติครั้งแรก เราได้ให้ยารักษาโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันไปแล้ว หลังจากที่กินยาเข้าไป คนไข้รู้สึกตัวชั่วครู่ แต่หลังจากนั้นไม่นานคนไข้ก็หมดสติไปอีกครั้ง"

"คาดว่าคนไข้ป่วยเป็นโรคหอบหืดรุนแรง สาเหตุการกำเริบอาจเกิดจากการอุดตันของทางเดินหายใจ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ฉันจึงทำการเปิดทางเดินหายใจฉุกเฉินค่ะ"

ฝูงชนที่เฝ้าดูต่างก็พึมพำออกมา ได้ยินช่วงแรกยังรู้สึกว่าน่าเชื่อถือ

แต่พอได้ยินช่วงหลังก็โต้แย้งขึ้นมาทันที "คุณหานไม่ได้เป็นโรคหอบหืดซะหน่อย! พูดเหมือนรู้ดีจังเลยคิดว่าตัวเองเป็นหมอหรือไง?"

"ฉันเป็นเพื่อนกับคุณหานมาหลายปี เขาไม่ได้เป็นโรคหอบหืดซะหน่อย" ชายอีกคนหนึ่งที่มีอายุไล่เลี่ยกับคุณหานพูด

"เหอะ ถ้าเธอเก่งจริง ฉันจะคุกเข่ากราบเธอสามครั้งแล้วเรียกเธอว่าพระโพธิสัตว์เลย!"

ทันใดนั้นสายตาที่ร้อนแรงนับไม่ถ้วนก็พุ่งเป้ามาที่ฉู่เหมียน

พวกเขาดูเหมือนจะพูดว่า "ดูสิ ขยะก็เป็นขยะอยู่วันยังค่ำ!"

ฉู่เหมียนยิ้มมุมปาก แต่แววตาของเธอกลับมีความคาดหวังแฝงอยู่

จะคุกเข่ากราบเหรอ? ดูเหมือนจะน่าสนใจดีนะ

ตอนนั้นเองเสียงของชายหนุ่มอีกคนก็ดังขึ้น "พ่อผมเป็นโรคหอบหืดรุนแรงจริง ๆ ครับ!"

ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง ตอนนี้ชายหนุ่มที่เพิ่งวิ่งเข้ามาคือลูกชายของคุณหาน หานซือหลี่

ชายหนุ่มสวมสูท ผูกเนคไท และสวมแว่นตา ดูสุภาพเรียบร้อย

เขาพยักหน้าให้ฉู่เหมียนเล็กน้อย ถือเป็นการทักทาย

จู่ ๆ ฉู่เหมียนก็รู้สึกเจ็บที่ฝ่ามือ เธอจึงก้มลงแล้วแบมือออก คิ้วของเธอขมวดเล็กน้อย

ปลายปากกาแหลมเกินไป เมื่อกี้เธอน่าจะรีบร้อนทำหัตถการเกินไป ปล่ายปากกาเลยเผลอข่วนมือตัวเอง

"ลุงฉินครับ พ่อผมป่วยเป็นโรคหอบหืดจริง ๆ เขาแค่ไม่ได้บอกคนอื่น เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องดีอะไร"

หานซือหลี่อธิบายให้ชายคนนั้นฟัง

ชายคนนั้นถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ…

ตอนนี้ห้องโถงเงียบสงัดจนได้ยินเสียงเข็มตก ทุกคนต่างก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วน

"เป็นไปได้ยังไง?! ฉู่เหมียนช่วยชีวิตคุณหานไว้จริง ๆ เหรอ?"

"คงเป็นแมวที่ไปเจอหนูตาย[footnoteRef:0]มั้ง จับพลัดจับผลูทำมั่วซั่วแล้วก็ดันถูกวิธี!" [0: แมวตาบอดไปเจอหนูตาย 瞎猫撞上死耗子 เป็นการเปรียบเปรยว่า ทำอะไรโดยบังเอิญ โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่กลับประสบความสำเร็จ เหมือนกับแมวตาบอดที่ไปเจอหนูตายพอดี]

หลังจากที่แพทย์ตรวจสอบอย่างคร่าว ๆ แล้ว ก็ทำให้คนเหล่านั้นพูดไม่ออก "คุณวิเคราะห์ได้ถูกต้องและลงมือปฐมพยาบาลได้อย่างกล้าหาญและสมบูรณ์แบบ! ขอบคุณที่คุณช่วยเราซื้อเวลาอันมีค่า ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คนไข้คง..."

ทันใดนั้นห้องโถงก็เงียบสงัด

ทุกคนต่างทำท่าเหมือนกลืนอะไรที่ติดค้างในลำคอลงไป พูดอะไรไม่ออก

ขยะตระกูลฉู่คนนี้ที่แท้ก็มีความสามารถจริง ๆ เหรอ?

กู้ว่างเชินไม่ได้รู้สึกประหลาดใจขนาดนั้น ฉู่เหมียนชอบวิชาการแพทย์มาโดยตลอด ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธออ่านตำราทางการแพทย์นับไม่ถ้วน และยังเคยเขียนบทความ SCI[footnoteRef:1] อีกหลายบทความ [1: SCI งานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติ]

ฝีมือทางการแพทย์ของเธอไม่ควรถูกตั้งคำถาม

แต่ในฐานะสามีของเธอ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาก็คิดว่าเธอเป็นขยะที่ไร้ประโยชน์เหมือนคนอื่น ๆ

เมื่อนึกถึงคำพูดของฉู่เหมียนเมื่อกี้ เขาก็รู้สึกอับอายอย่างบอกไม่ถูก

ฉู่เหมียนหันหลังกลับ ร่างกายของเธอสั่นเทาเล็กน้อย ขาอ่อนแรงจนควบคุมไม่ได้ ทำให้ถอยหลังไปหนึ่งก้าว

เธอเป็นโรคระดับน้ำตาลในเลือดต่ำอยู่แล้ว ช่วงสองสามวันนี้ไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ แถมยังก้มหน้าทำอะไรนานเกินไปท่ามกลางภาวะเครียด ทำให้เธอรู้สึกมึนหัว

กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว เมื่อรู้สึกว่าฉู่เหมียนจวนจะหมดสติ เขาก็เดินเข้าไปหาโดยไม่รู้ตัว

จู่ ๆ เอวของเธอก็ถูกพยุงไว้

ฉู่เหมียนเงยหน้ามอง ก็เห็นหานซือหลี่กำลังประคองเธออยู่ ชายหนุ่มทั้งอ่อนโยนและสง่างามน้ำเสียงของเขาก็อ่อนโยน "คุณฉู่ คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?"

ฉู่เหมียนเหลือบมองกู้ว่างเชินด้วยหางตา ไม่รู้ว่าลู่เจียวพูดอะไร กู้ว่างเชินถึงได้รีบอุ้มลู่เจียวออกไปทันที

ฉู่เหมียนละสายตาไปอย่างผิดหวัง หัวใจของเธอเต้นแรงจนรู้สึกเจ็บเหมือนถูกเข็มทิ่ม

"ไม่เป็นไรค่ะ" ฉู่เหมียนยิ้มหวานแล้วตอบกลับไป

หานซือหลี่หยิบนามบัตรสีทองใบหนึ่งออกมาแล้วส่งให้ฉู่เหมียน พร้อมกับพูดด้วยความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง

"ขอบคุณมากนะครับที่คุณช่วยชีวิตคุณพ่อผม นี่นามบัตรของผมเองครับ สักวันตระกูลหานจะไปเยี่ยมคุณที่บ้านเพื่อขอบคุณอย่างเป็นทางการ!"

"คุณหานเกรงใจเกินไปแล้ว รีบไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ" ฉู่เหมียนพูดอย่างใจเย็น

หานซือหลี่พยักหน้าแล้วจากไป

ฉู่เหมียนหันไปมองคนรอบข้าง

สีหน้าของทุกคนดูไม่ค่อยดี

พวกเขาตราหน้าเธอว่าขยะ แต่เธอกลับช่วยคุณหานไว้ได้หน้าตาเฉย นี่ไม่ใช่การตบหน้าพวกเขาเหรอ?

เมื่อมองไปรอบ ๆ เห็นว่าลู่เจียวที่พวกเขาเคยสรรเสริญเหมือนเป็นของขวัญจากสวรรค์หายตัวไปนานแล้ว

ฉู่เหมียนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดแผลที่มือ เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "เมื่อกี้นี้ใครบอกว่าจะคุกเข่ากราบฉันแล้วเรียกฉันว่าพระโพธิสัตว์นะคะ?"

คนที่กำลังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินจากไปพลันหยุดชะงัก

ฉู่เหมียนนั่งลงบนเก้าอี้ตัวสูงหน้าบาร์ เอนตัวไปด้านหลังด้วยท่วงท่าเซ็กซี่ปนเกียจคร้าน ขาเรียวยาวขาวผ่องโผล่ออกมาจากใต้เดรสยาว

ห้องโถงเงียบสงัด ความเจ็บปวดและความกดดันที่มองไม่เห็นทำให้พวกเขาเหมือนไม่มีที่ยืน ความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูกทำให้ชายวัยสามสิบกว่าคนหนึ่งจำต้องเดินออกมา

ฉู่เหมียนมองชายคนนั้น หางตาตวัดมองเพียงเล็กน้อย ใบหน้าสวยงามมีอำนาจกดขี่ราวกับปีศาจ

เธอค่อย ๆ ยกมุมปากขึ้น แล้วพูดคำหนึ่งอย่างหนักแน่นกับชายคนนั้น "คุกเข่าสิ!"

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status