Share

บทที่ 8

ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ รีบพูดว่า "ผมแค่พูดเล่น คุณเก็บไปคิดจริงจังด้วยเหรอ?"

"จริงจังสิ ทำไมจะไม่จริงจัง ฉันเป็นคนจริงจังมาตั้งแต่เด็กแล้ว" ฉู่เหมียนหยิบแก้วเหล้าข้าง ๆ ขึ้นมาดื่ม

นึกถึงตอนที่กู้ว่างเชินปกป้องลู่เจียว กอดลู่เจียวและทำอะไรต่าง ๆ ให้ลู่เจียว เธอก็รู้สึกโกรธและไม่พอใจ

เธอแย่กว่าลู่เจียวตรงไหน แย่ยังไง?

ทำไมกู้ว่างเชินถึงมองเธอเป็นแค่เสี้ยนหนามในสายตาตลอดเวลา

"ฉู่เหมียน คุณใจแคบมากเลยนะ ไม่แปลกใจเลยที่กู้ว่างเชินไม่ชอบคุณ" ชายหนุ่มตะโกนด่าอย่างรุนแรง

ฉู่เหมียนเงยหน้า เมื่ออีกฝ่ายพูดถึงกู้ว่างเชิน ราวกับเธอถูกสะกิดบาดแผล

พวกเขามีสิทธิ์อะไรมาว่าเธอใจแคบ

ถ้าเมื่อกี้เธอไม่สามารถช่วยชีวิตคุณหานได้ พวกเขาก็คงจะแสดงสีหน้าแบบเดิม

ถ้าเธอขอให้พวกเขาปล่อยเธอไป พวกเขาจะปล่อยเธอไปโดยดีไหม

พวกเขากัดไม่ปล่อยแน่ แถมยังจะเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธออย่างบ้าคลั่ง ผลักเธอลงสู่เหวลึก

ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ทำไมถึงกล่าวหาว่าเธอใจแคบกันล่ะ

ฉู่เหมียนโยนแก้วในมือลงที่เท้าของเขา สายตาเย็นชาและเฉียบคม "ในเมื่อคุณไม่ยอมคุกเข่าดี ๆ งั้นฉันจะช่วยทำให้คุณคุกเข่าเอง"

พูดจบ เธอก็หยิบปากกาออกมาอีกด้าม

ผู้คนที่มุงดูต่างก็พากันซุบซิบ เธอจะทำอะไรอีก?

ชายคนนั้นรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที

เขาไม่ทันมองว่าเมื่อกี้ฉู่เหมียนใช้ปากกาแทงเข้าไปที่คอของคุณหานอย่างไร

ฉากนั้นรวดเร็วและรุนแรงมาก แต่ไม่เห็นเลือดซึมออกมาเลย ฆ่าคนโดยเหยื่อไม่รู้ตัว คิดแล้วก็รู้สึกขนพองสยองเกล้า

ชายคนนั้นกลืนน้ำลาย ล่าถอยไปหนึ่งก้าว

ฉู่เหมียนมองไปที่ชายตรงหน้า ปากกาหมุนควงไปมาที่ปลายนิ้วของเธอ

เธออยู่ในท่าทางที่เกียจคร้านและเฉื่อยชา ดวงตาคู่สวยของเธอเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก น้ำเสียงเย้ายวนเป็นพิเศษ "รู้ไหม ฉันใช้มันช่วยชีวิตคนได้ แต่ก็ใช้มันฆ่าคนได้เหมือนกัน..."

ชายหนุ่มได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งสันหลัง

"เพราะฉะนั้น ฉันจะให้เวลาคุณสามวินาทีในการพิจารณา จะคุกเข่า หรือ..." เท้าขวาของฉู่เหมียนยกออกจากเก้าอี้บาร์ มองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า ปลายเท้ากำลังจะแตะพื้น

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียง ‘ตุบ’ ชายหนุ่มคุกเข่าลงทันที

คุกเข่า

เขาคุกเข่า

ชายหนุ่มก้มหัวลงไปกราบกราน พร้อมกับร้องไห้ "พระโพธิสัตว์ผู้มีบุญ คุณคือพระโพธิสัตว์ผู้มีบุญจริง ๆ ผมผิดไปแล้ว ผมรู้ตัวแล้วว่าผมผิด"

"ผมมีตาแต่มองไม่เห็นภูเขาไท่ซาน ไม่รู้ว่าคุณหนูฉู่เก่งขนาดไหน"

"ได้โปรดเมตตาผมด้วย"

"ขอร้องล่ะ ขอร้องล่ะ"

เขาไม่หยุดโขกหัว เข่าทั้งสองข้างสั่นเทา

คำพูดของชายคนนี้เมื่อตอนที่ฉู่เหมียนช่วยชีวิตผู้อื่นนั้นโหดเหี้ยมเพียงใด ตอนนี้ก็ยิ่งขลาดเขลามากเท่านั้น

ฉู่เหมียนเอียงคอ สายตาของเธอกวาดผ่านไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ราวกับจะถามว่ายังมีใครไม่พอใจอีกไหม

ภายในสถานที่นี้เงียบเหมือนเป่าสาก ไม่มีใครกล้าส่งเสียงแม้แต่คนเดียวเมื่อเห็นฉากอันน่าตกตะลึงเช่นนี้

เธอเชือดไก่ให้ลิงดูถึงขั้นนี้ ใครจะกล้าแสดงความไม่พอใจ

ตั้งแต่ฉู่เหมียนแต่งงานกับกู้ว่างเชิน เธอก็แทบไม่ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน กู้ว่างเชินและลู่เจียวมีความสุขกันอย่างออกนอกหน้า ในขณะที่เธอไม่แม้แต่จะพูดอะไรเลย

ทุกคนคิดว่าฉู่เหมียนเป็นลูกคุณหนูที่ถูกตระกูลฉู่ตามใจจนทำอะไรไม่เป็นเลย

แต่ตอนนี้คำว่า ‘ลูกคุณหนูที่ถูกตามใจ’ นี้ จะหลอมรวมเข้ากับราชินีที่อยู่เหนือกว่าคนอื่นได้อย่างไร

เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่พูดอะไร ฉู่เหมียนก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน

เห็นแบบนั้น พวกเขาก็ต่างถอยหลังไปหนึ่งก้าว

ฉู่เหมียนอดหัวเราะเยาะไม่ได้

กลัวเธอกันขนาดนี้เลยเหรอ

เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ คนพวกนี้ช่างอ่อนแอไร้จุดยืน

ฉู่เหมียนเดินมาหยุดอยู่หน้าชายคนนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ

จากนั้นเธอก็ยกเท้า เหยียบหัวของเขาลงไปจนสุด

ฉู่เหมียนก้มลงมองอย่างหยิ่งผยอง "ต้องคุกเข่าแบบนี้สิ ถึงจะจริงใจ"

พูดจบเธอก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง

จอห์นมองตามแผ่นหลังของฉู่เหมียน อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าพลางหัวเราะ

ฉู่เหมียนทำให้เขาประหลาดใจอีกครั้งจริง ๆ

ฉู่เหมียนยืนพิงผนังลิฟต์ด้วยความเหนื่อยล้า มองดูตัวเลขด้านบนกระโดดไปที่ ‘1’ ก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออก

ฉู่เหมียนลุกขึ้น แต่เดินไปแค่ไม่กี่ก้าวเท้าของเธอก็เจ็บปวดอย่างรุนแรง

เธอถอดรองเท้าส้นสูงออกอย่างหงุดหงิด เธอถือรองเท้าไว้ในมือโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง แล้วเดินออกไปทั้งเท้าเปล่า

ไม่รู้ว่าฝนตกตั้งแต่เมื่อไหร่ หน้าตึกมีฝนตกปรอยอย่างต่อเนื่อง ฉู่เหมียนเงยหน้า ปล่อยให้ละอองฝนตกลงบนแก้มของเธอ

แสงไฟสลัวส่องใบหน้าของเธอที่ทั้งสวยและสง่างาม

เพิ่งก้าวออกมาจากความแข็งแกร่งเมื่อกี้นี้เอง ตอนนี้ฉู่เหมียนกลับรู้สึกแตกสลายอย่างบอกไม่ถูก

พอเหลือบมองไปด้านข้าง ฉู่เหมียนก็หยุดชะงัก

เธอมองตรงไปข้างหน้า เห็นกู้ว่างเชินสวมเสื้อเชิ้ตสีดำยืนพิงอยู่ข้างรถ ก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อจุดบุหรี่สูบ แสงไฟจากที่จุดบุหรี่ส่องสว่างไปทั่วใบหน้าของเขา

ฝนโปรยปรายลงมาที่ไหล่ เขาไม่ได้กางร่ม พาดเสื้อสูทไว้ที่แขน นิ้วหนีบบุหรี่ ค่อย ๆ พ่นควันบุหรี่ออกมา ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านออกมาจากตัวของเขา สายตาที่เย็นชาและเฉยเมยจ้องมาที่เธอ

แสงไฟในตอนกลางคืนไม่สว่างพอ เขาแค่ยืนอยู่ที่นั่นไม่ต้องพูดอะไร ก็ทำให้คนอื่นไม่อาจละสายตา

"ฉู่เหมียน มาคุยกันหน่อย" เขาพูดช้า ๆ แสดงให้เห็นว่ากำลังรอฉู่เหมียนอยู่

ฉู่เหมียนกำรองเท้าในมือไว้ แพขนตาสั่นไหว

ตั้งใจมารอเธอที่นี่ อยากคุยเรื่องอะไร เรื่องหย่าเหรอ?

รีบร้อนหย่ากับเธอขนาดนี้เชียว อยากให้คนรักมาแทนที่จนทนไม่ไหวสินะ?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉู่เหมียนก็รู้สึกเศร้าใจ

เธอพยายามกลั้นความเจ็บปวดไว้ พยายามยิ้มเพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้น "ฉันรู้ว่าคุณงานยุ่ง ไม่เห็นต้องคุยกันเลย"

"ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างแล้วแต่คุณจะจัดการเลย"

เมื่อได้ยินแบบนั้น กู้ว่างเชินก็ขมวดคิ้ว

ในความทรงจำ เธอมักจะเป็นแบบนี้เสมอ

กลัวว่าเขาจะงานยุ่ง จึงไม่เคยรบกวน

ทุกครั้งที่ต้องไปร่วมงานเลี้ยงที่บ้านด้วยกัน เธอมักจะบอกว่า "ฉันรู้ว่าคุณงานยุ่ง งั้นฉันจะล่วงหน้าไปจัดการเรื่องต่าง ๆ ที่บ้านก่อน"

ตอนที่ขอร้องให้เขาออกไปฉลองวันเกิดกับเธอ เธอก็บอกว่า "ฉันรู้ว่าคุณงานยุ่ง อยู่กับฉันครึ่งชั่วโมงก็พอแล้ว"

ตอนเธอป่วยเข้าโรงพยาบาล ครอบครัวโทรบอกให้เขาไปเยี่ยมเธอหน่อย แต่เธอกลับบอกว่า "ไปทำงานเถอะค่ะ ฉันสบายดี ไม่ต้องมาอยู่เฝ้าฉัน"

ตอนนี้พอจะหย่า เธอก็ยังคงเป็นแบบเดิม

ใครเคยบอกว่าฉู่เหมียนงี่เง่าไม่รู้ความกัน?

"ฉันไม่ยุ่ง" กู้ว่างเชินจ้องมองฉู่เหมียน ทันใดนั้นก็พูดประโยคนี้ออกมา

หัวใจของฉู่เหมียนเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

แต่งงานกันมาสามปี นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินกู้ว่างเชินตอบแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง

แต่เมื่อคิดว่าเขากระตือรือร้นก็เพราะอยากเจรจาเรื่องการหย่า เธอก็รู้สึกเย้ยหยันอย่างมาก

"ฉู่เหมียน" ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของจอห์นดังมาจากด้านหลัง

ฉู่เหมียนหันกลับไป

จอห์นกางร่มสีดำไว้เหนือศีรษะของเธอ พูดด้วยรอยยิ้มว่า "ทำไมตากฝนแบบนี้ล่ะ?"

"ไม่รู้น่ะสิว่าข้างนอกฝนตก" ฉู่เหมียนตอบขณะมองสบตาจอห์น

"ใช่ ฝนตกหนักมาก" จอห์นยกมือขึ้น ช่วยฉู่เหมียนเช็ดหยดน้ำฝนบนเส้นผมอย่างใกล้ชิด "ฉู่เหมียน ให้ผมไปส่งคุณที่บ้านดีไหม?"

การกระทำที่ใกล้ชิดอย่างกะทันหัน ทำให้ฉู่เหมียนตั้งตัวไม่ทัน

เธอแทบจะตอบสนองตามสัญชาตญาณคือถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วมองไปที่กู้ว่างเชิน

แต่ไม่นานเธอก็ละสายตา

ก่อนหน้านี้เธอให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของตัวเองในใจกู้ว่างเชินมาก ไม่กล้าเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่นนอกจากเขา กลัวเขาจะคิดว่าเธอเป็นคนเจ้าชู้

เธอระมัดระวังตัวมาหลายปี จนหลงลืมไปว่าเขาไม่เคยสนใจเธอเลย

"คุณจะไปส่งฉันเหรอ บอกให้ฉันไปส่งคุณที่บ้านยังน่าเชื่อถือซะกว่า" ฉู่เหมียนตอบจอห์นด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

"ถ้าคุณอยากไปส่งผมก็ได้นะ" จอห์นพยักหน้ารับทันที

กู้ว่างเชินมองฉากนี้เงียบ ๆ ลูกกระเดือกแหลมคมเคลื่อนไหวขึ้นลง ดวงตาสีดำเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน

ตั้งแต่ที่ฉู่เหมียนขอหย่า การมีตัวตนของเขาต่อหน้าฉู่เหมียนก็ยิ่งลดน้อยลงเรื่อย ๆ

เขาเอื้อมมือเข้าไปในรถแล้วกดแตรอย่างใจเย็น

เสียงแตรรถดังเสียดแก้วหู ดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบข้างนับไม่ถ้วน

จอห์นเงยหน้าขึ้นก็เห็นกู้ว่างเชิน เขาแปลกใจมาก "คุณกู้ มารอคนเหรอครับ?"

กู้ว่างเชินสูบบุหรี่แล้วใช้นิ้วดีดเถ้าบุหรี่ทิ้งไป ชี้ไปที่ฉู่เหมียนอย่างใจเย็นและแน่วแน่ "รอเธอนั่นแหละ"

ฉู่เหมียนมองไปที่กู้ว่างเชิน

จอห์นสงสัย "คุณกู้กับฉู่เหมียนรู้จักกันมาก่อนแล้วเหรอครับ?"

กู้ว่างเชินจ้องมองฉู่เหมียน นัยน์ตาดำล้ำลึกมีความโกรธปรากฏขึ้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฝนตกหรือเพราะบรรยากาศยามค่ำคืนที่อึมครึม คืนที่มีฝนตกแบบนี้ เสียงของเขาทุ้มต่ำเป็นพิเศษ "ผมเป็นสามีของเธอ"

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status