อาคารบริษัทตระกูลกู้กู้ว่างเชินเพิ่งมาถึงห้องทำงาน อี้เซินก็รีบเข้ามาต้อนรับ "ท่านประธานครับ คุณหนูลู่ไม่ค่อยสบาย ผมเป็นธุระส่งเธอไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้วครับ""วิดีโอจากกล้องวงจรปิดในวิลล่าที่คุณต้องการ ก็ส่งไปที่อีเมลของคุณแล้วเช่นกันครับ"กู้ว่างเชินพยักหน้า เขาเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลง กดเปิดอีเมลในคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นไฟล์วิดีโอ ไม่รู้ทำไมมือของเขาก็ชะงักค้างทันทีเสียงสั่นเครือของฉู่เหมียนดังขึ้นข้างหู"กู้ว่างเชิน หลายครั้งแล้วที่เกิดเรื่องแบบนี้แต่คุณไม่ตรวจสอบเลย กลับตัดสินฉันทันที กลัวรู้ความจริงว่าคนรักของคุณจะไม่เป็นอย่างที่เห็น หรือกลัวว่าจะหาเรื่องเอาผิดฉันไม่ได้?"มือที่จับเมาส์ของกู้ว่างเชินเกร็งขึ้น เขามองไฟล์วิดีโอนั้น หัวใจพลันรู้สึกผิดขึ้นมาชั่วขณะเข้าใจฉู่เหมียนผิดเหรอ?เธอออกจะใจร้ายปานนั้น ทำเรื่องชั่วร้ายแค่ไหนก็ได้ นั่นก็แค่แกล้งทำตัวให้น่าสงสารเท่านั้นแหละ!คิดได้ดังนั้น กู้ว่างเชินก็คลิกเข้าไปในวิดีโอสำหรับลู่เจียว เขาเลือกที่จะเชื่อใจเธอโดยไม่มีเงื่อนไขแต่เมื่อเห็นวิดีโอแล้ว สีหน้าของเขากลับค่อย ๆ เย็นชาลง...โรงพยาบาลกู้ว่างเชิน
กลางคืน ณ สวนฉินเซียงร้านอาหารสไตล์โบราณที่เงียบสงบและหรูหราฉู่เหมียนถือพัด วันนี้เธอมาในชุดกี่เพ้าสีเขียวตกแต่งกระดุมสีเขียวเช่นเดียวกัน เธอเปิดประตูห้องอาหารส่วนตัวเข้าไป ทันใดนั้นคนที่กำลังจิบชาและพูดคุยกันอยู่ข้างในก็ลุกขึ้นยืนทันทีแสงไฟสาดส่องไปที่ตัวเธอ ผิวของเธอขาวผ่องน่าหลงใหล ชายกี่เพ้าผ่าสูง เผยให้เห็นท่อนขาเรียวยาวขาวนวลเส้นผมถูกรวบไว้ด้วยปิ่นปัก เธอไว้ผมหน้าม้าปิดบังรอยแผลบนหน้าผากทุกคนต่างตกตะลึงในความสวยของเธอ“โอ้ นี่คุณหนูฉู่ไม่ใช่เหรอ?” ชายอายุห้าสิบกว่าคนหนึ่งพูดขึ้นก่อนเขาคือหลินเหิงเอินเพื่อนสนิทของฉู่เทียนเหอ งานเลี้ยงอาหารแบบส่วนตัวในวันนี้จัดขึ้นโดยหลินเหิงเอิน ผู้ที่มาร่วมนั้นล้วนเป็นบุคคลสำคัญในแวดวงธุรกิจ“แค่คุณหนูฉู่ที่ไหนกัน? นี่แก้วตาดวงใจของฉู่เทียนเหอเลยนะ! ไม่ธรรมดาเลย!” ชายอีกคนหนึ่งแก้ไขคำพูดของเขาฉู่เหมียนมองไปที่ผู้คนในห้องแล้วก็คลี่ยิ้มตามมารยาทเธอเดินเข้าไปอย่างคล่องแคล่ว ทักทายทุกคนทีละคน ปากก็พูดว่า “คุณลุงทั้งหลายอย่าล้อฉันเลยค่ะ ฉันมาสาย ต้องขอโทษจริง ๆ นะคะ!”“ไม่เป็นไร อาหารดีรอได้”“คุณหนู ไม่เจอกันหลายปี ยิ่งโตยิ่งสวยวั
ชายหนุ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดึงฉู่เหมียนเข้ามากอดไว้ "แค่ร้อยล้านเอง สำหรับฉันแค่ขยับปากพูดก็ได้แล้ว!"ฉู่เหมียนหรี่ตาลง เหรอ? อวดรวยซะจริงพ่อคุณ"งั้นขอถามหน่อยสิคะว่าคุณเป็นใครกัน ทำไมถึงไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนเลย" ฉู่เหมียนมองชายหนุ่มตรงหน้าพร้อมเผยยิ้มชายหนุ่มเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ "ประธานบริษัทตระกูลเฉิน ชื่อเฉินซื่อวั่ง!"ฉู่เหมียนหัวเราะออกมาทันทีเฉินซื่อวั่ง?ก็แค่ลูกชายคนรองของตระกูลเฉินที่ทำตัวไร้ประโยชน์ผลาญเงินไปวัน ๆ ไม่ใช่หรือไง เหตุการณ์ที่โด่งดังที่สุดของเขาคือการถูกหลอกเอาเงินไปแปดแสนโดยสาวสวยที่ชีวิตจริงเป็นชายแท้ในโลกออนไลน์!พวกรวยแต่โง่!"หัวเราะอะไร? ดูถูกฉันเหรอ" เขาจ้องฉู่เหมียนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ "ถ้าเธอมาเป็นของฉัน ไม่ต้องพูดถึงแค่ร้อยล้าน ฉันจะขนภูเขาเงินภูเขาทองมากองไว้ตรงหน้าเธอเลย!"ฉู่เหมียนแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ฟังดูน่าสนใจอยู่เหมือนกัน"คุณเฉิน แต่ฉันไม่สนใจคุณค่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ แล้วเราจะแสร้งทำเป็นว่าไม่เคยเจอกันในคืนนี้" ฉู่เหมียนยิ้มหวานก่อนเจรจาดี ๆอย่างไรก็ตามวันนี้เธอมาเข้าร่วมงานเลี้ยงในนามของพ่อ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นอาจกลายเป็นขี้
ฉู่เหมียนอึ้งไปเล็กน้อย เธอค่อนข้างประหลาดใจที่เขาไปดูกล้องวงจรปิดจริง ๆแต่สำหรับเธอตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วฉู่เหมียนแปะพลาสเตอร์ยาลงไปแล้วปิดกล่องปฐมพยาบาล "เสร็จแล้ว"กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว มองใบหน้าที่ดูสบาย ๆ ของเธอแล้วรู้สึกไม่พอใจ"ฉู่เหมียน ฉันบอกว่าฉันดูกล้องวงจรปิดแล้ว" เขากล่าวซ้ำอีกครั้งอย่างหนักแน่นฉู่เหมียนเงยหน้ามองเขาแล้วหัวเราะ "ฉันได้ยินแล้วค่ะ"กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ได้ยินแล้วยังไงเธอไม่ต้องการคำขอโทษจากเขาหรืออะไรอื่นเลยเหรอเมื่อเห็นกู้ว่างเชินดูลำบากใจและสงสัย ฉู่เหมียนก็ลุกขึ้น เก็บกล่องปฐมพยาบาลกลับที่เดิมแล้วพูดอย่างเย็นชา "เมื่อก่อนฉันรักคุณ ฉันสนใจเสมอว่าคุณคิดยังไงกับฉัน""แต่ตอนนี้..." เธอหันหลัง กางพัดในมือออก ท่าทางสง่างามและเด็ดเดี่ยว "มันไม่สำคัญแล้ว"กู้ว่างเชินเลียริมฝีปาก ดวงตาสีดำมีประกายวูบหนึ่ง คล้ายจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม "ตอนนี้ไม่รักแล้วงั้นเหรอ""คุณกู้ยังฉลาดไม่เปลี่ยน" ฉู่เหมียนยกมุมปากขึ้น ยืนพิงตู้เก็บของอย่างสบายใจ รอยยิ้มเบ่งบานราวกับดอกไม้ แสดงถึงความเย้ายวนใจความรักที่มีต่อกู้ว่างเชินทำให้เธอต้องเอาชีวิตครึ่งหนึ่งโยนทิ้งไป ฉะนั้นจะให้
กู้ว่างเชินเดินออกจากร้านอาหาร ที่ปลายอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เสียงอี้เซินรายงานว่า "ท่านประธานกู้ครับ ผมยังมีอีกเรื่องหนึ่ง...""ว่ามา""เมื่อกี้นี้คุณหนูลู่สอบถามผมถึงตารางงานของคุณ ผมบอกเธอว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ร้านสวนฉินเซียง เธออาจจะ..." อี้เซินยังพูดไม่ทันจบ กู้ว่างเชินก็เห็นลู่เจียวรออยู่หน้าร้านอาหารแล้วกู้ว่างเชินกดวางสาย เมื่อมองไปยังร่างบอบบางของลู่เจียว เขาแทบไม่กล้าคิดเลยว่าหญิงสาวตัวเล็กและผอมบางแบบนี้จะกล้าต่อสู้กับพวกคนร้ายได้อย่างไรกู้ว่างเชินนึกถึงคำพูดของต้วนจิ่นเหนียน…ลู่เจียวกับฉู่เหมียน นายเลือกได้แค่คนเดียวเขาต้องเลือกลู่เจียวอยู่แล้วลู่เจียวเป็นคนดีมาก เขาไม่อยากปล่อยให้ลู่เจียวแบกรับความกดดันและความเสียสละใด ๆ อีกต่อไปแล้วกู้ว่างเชินเดินไปหาลู่เจียว "เจียวเจียว"ลู่เจียวหันกลับมา เธอยิ้มทันทีเหมือนเด็กน้อยที่เชื่อฟัง "อาเชิน"กู้ว่างเชินก้มลงมองอย่างอ่อนโยน "ทำไมไม่นอนพักผ่อนที่โรงพยาบาลดี ๆ มาที่นี่ทำไม?""อาเชิน เรื่องที่วิลล่า ฉันขอโทษจริง ๆ คิดแล้วก็นั่งไม่ติดทั้งวันเลย""ฉันไปหาคุณทั้งที่บริษัทและที่บ้านแต่คุณไม่อยู่ เลยถามอี้เซินถึงตารางงานข
ที่สำนักงานเขตฉู่เหมียนถือบัตรประชาชนและใบทะเบียนสมรสไว้ รอให้กู้ว่างเชินมาถึงนึกถึงเมื่อสามปีก่อนตอนที่ไปจดทะเบียนสมรสกัน วันนั้นเมืองอวิ๋นฝนตกหนักมากตอนแรกกู้ว่างเชินบอกว่ายุ่ง น่าจะมาช้าหน่อยหลังจากนั้นก็โทรมาบอกว่าฝนตกหนักเกินไปหรือไม่ก็ยังไม่ต้องจดทะเบียนวันนี้ เดี๋ยวสะดวกค่อยมาจดใหม่เธอได้แต่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขตเพียงลำพัง มองสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมาไม่หยุด จนกระทั่งใกล้เวลาปิดทำการ ในที่สุดกู้ว่างเชินก็มาฉู่เหมียนเฝ้ามองคู่รักหนุ่มสาวที่เดินเข้าออกตัวอาคารพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าอย่างมีความสุข อดรู้สึกซาบซึ้งใจไปกับพวกเขาไม่ได้คนที่รักกันอย่างแท้จริง ต่อให้ฝนจะตกหนักแค่ไหนก็ไม่สามารถขัดขวางการพบเจอกันได้ ยิ่งไปกว่านั้นการจดทะเบียนสมรสย่อมเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าสภาพอากาศเขาก็แค่ไม่รักเธอ ไม่อยากแต่งงานกับเธอเท่านั้นเองฉู่เหมียนเดินวนไปวนมาด้วยความเบื่อหน่าย เวลาผ่านไปจนถึงเก้าโมงเช้าเธอเงยหน้ามอง แต่ยังไม่เห็นกู้ว่างเชินฉู่เหมียนจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วส่งข้อความหากู้ว่างเชินว่า "คุณกู้กลายเป็นคนไม่ตรงต่อเวลาตั้งแต่เมื่อไหร่?"เขาไม่ตอบฉู่เหมียนจึงจำต้องรอ
ฉู่เหมียนปรับสภาพจิตใจ เธอประคองหลินไห่เม่ยพลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "คุณย่าคะ นั่นก็แค่เรื่องไร้สาระน่ะค่ะ คุณย่าอย่าไปฟังคำพูดเหลวไหลจากข้างนอกเลยนะคะ"ฉู่เหมียนจะไม่มีวันยอมรับต่อหน้าคุณย่าว่าพวกเขาหย่ากันถ้าคุณย่าเข้ามาขัดขวางไม่ให้พวกเขาหย่ากัน กู้ว่างเชินก็จะไม่มีวันได้แต่งงานกับคนที่เขารักในชาตินี้เดิมทีเขาก็เกลียดเธออยู่แล้ว เธอไม่อยากใช้ชีวิตอีกครึ่งหนึ่งที่เหลืออยู่ท่ามกลางความเกลียดชังของเขา"คุณย่าดูสิ วันนี้ฉันแต่งตัวสวยขนาดนี้ จะไปหย่ากันได้ยังไง" ฉู่เหมียนหมุนตัวเป็นวงกลม ชุดสายเดี่ยวทำให้เธอดูผอมเพรียวเป็นพิเศษกู้ว่างเชินถอนหายใจโล่งอก แต่ก็เกิดความสงสัยในตัวฉู่เหมียนช่วงหลังนี้คุณย่ายุ่งอยู่กับการจัดงานวันเกิดของตัวเอง แล้วทำไมถึงได้โผล่มาที่นี่อย่างกะทันหันแถมยังเลือกมาในวันที่เขาและฉู่เหมียนจะไปหย่ากันอีก!หรือว่าฉู่เหมียนเป็นคนบอกคุณย่า ที่จริงเธอไม่อยากหย่า?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ความคิดหนักอึ้ง"ย่าไม่เชื่อ ไม่มีเหตุแล้วจะมีผลได้ยังไง? อยู่ ๆ พวกเขาจะปล่อยข่าวลือว่าพวกเธอหย่ากันงั้นเหรอ!” เธอไม่เชื่อว่านี่เป็นแค่เรื่องไร้สาระ!ฉู่เหมียนจนปัญญา “ค
กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว มองเธอด้วยสายตาสงบไร้คลื่นลมปั่นป่วนใด ๆราวกับยอมรับว่าเธอเป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์และต่ำช้าน่ารังเกียจคนนั้นส่วนฉู่เหมียนนั้นทั้งโกรธทั้งขมขื่นในใจแม้ว่าเธอจะไม่สนเรื่องความประทับใจที่กู้ว่างเชินมีต่อเธอแล้วก็ตามแต่คำซักถามของกู้ว่างเชินครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังทำให้รู้สึกว่าไร้เกียรติฉู่เหมียนยิ้มจืดเจื่อน พูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น "ในเมื่อสายตาของคุณมองฉันน่างรังเกียจขนาดนี้ งั้นเราไปสารภาพกับคุณย่าตรง ๆ เถอะว่าเรากำลังจะหย่ากัน""เธอกล้าเหรอ!" กู้ว่างเชินก้าวเข้ามาใกล้จากการกระทำของคุณย่าเมื่อครู่ เขาพอจะมองออกว่าคุณย่าเป็นกังวลเรื่องการแต่งงานของพวกเขามากแค่ไหนถ้าโพล่งบอกเธอในเวลานี้ว่าพวกเขากำลังจะหย่ากัน นั่นไม่ได้เป็นการทำให้คุณย่าไม่สบายใจหรอกเหรอก่อนถึงงานเลี้ยงวันเกิดของคุณย่า เขาจะไม่ยอมให้เรื่องวุ่นวายใด ๆ เกิดขึ้นเด็ดขาด!ฉู่เหมียนหัวเราะ "ฉันจะไม่กล้าได้ยังไง กู้ว่างเชินคุณต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อน หลินไห่เม่ยคือคุณย่าแท้ ๆ ของคุณ แต่ไม่ใช่ย่าแท้ ๆ ของฉัน!"ที่เธอไม่บอกเรื่องหย่ากับหลินไห่เม่ยตั้งแต่แรก ก็เพราะที่ผ่านมาหลินไห่เม่ยปฏิบัติต่
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ