กลางคืน ณ สวนฉินเซียงร้านอาหารสไตล์โบราณที่เงียบสงบและหรูหราฉู่เหมียนถือพัด วันนี้เธอมาในชุดกี่เพ้าสีเขียวตกแต่งกระดุมสีเขียวเช่นเดียวกัน เธอเปิดประตูห้องอาหารส่วนตัวเข้าไป ทันใดนั้นคนที่กำลังจิบชาและพูดคุยกันอยู่ข้างในก็ลุกขึ้นยืนทันทีแสงไฟสาดส่องไปที่ตัวเธอ ผิวของเธอขาวผ่องน่าหลงใหล ชายกี่เพ้าผ่าสูง เผยให้เห็นท่อนขาเรียวยาวขาวนวลเส้นผมถูกรวบไว้ด้วยปิ่นปัก เธอไว้ผมหน้าม้าปิดบังรอยแผลบนหน้าผากทุกคนต่างตกตะลึงในความสวยของเธอ“โอ้ นี่คุณหนูฉู่ไม่ใช่เหรอ?” ชายอายุห้าสิบกว่าคนหนึ่งพูดขึ้นก่อนเขาคือหลินเหิงเอินเพื่อนสนิทของฉู่เทียนเหอ งานเลี้ยงอาหารแบบส่วนตัวในวันนี้จัดขึ้นโดยหลินเหิงเอิน ผู้ที่มาร่วมนั้นล้วนเป็นบุคคลสำคัญในแวดวงธุรกิจ“แค่คุณหนูฉู่ที่ไหนกัน? นี่แก้วตาดวงใจของฉู่เทียนเหอเลยนะ! ไม่ธรรมดาเลย!” ชายอีกคนหนึ่งแก้ไขคำพูดของเขาฉู่เหมียนมองไปที่ผู้คนในห้องแล้วก็คลี่ยิ้มตามมารยาทเธอเดินเข้าไปอย่างคล่องแคล่ว ทักทายทุกคนทีละคน ปากก็พูดว่า “คุณลุงทั้งหลายอย่าล้อฉันเลยค่ะ ฉันมาสาย ต้องขอโทษจริง ๆ นะคะ!”“ไม่เป็นไร อาหารดีรอได้”“คุณหนู ไม่เจอกันหลายปี ยิ่งโตยิ่งสวยวั
ชายหนุ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดึงฉู่เหมียนเข้ามากอดไว้ "แค่ร้อยล้านเอง สำหรับฉันแค่ขยับปากพูดก็ได้แล้ว!"ฉู่เหมียนหรี่ตาลง เหรอ? อวดรวยซะจริงพ่อคุณ"งั้นขอถามหน่อยสิคะว่าคุณเป็นใครกัน ทำไมถึงไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนเลย" ฉู่เหมียนมองชายหนุ่มตรงหน้าพร้อมเผยยิ้มชายหนุ่มเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ "ประธานบริษัทตระกูลเฉิน ชื่อเฉินซื่อวั่ง!"ฉู่เหมียนหัวเราะออกมาทันทีเฉินซื่อวั่ง?ก็แค่ลูกชายคนรองของตระกูลเฉินที่ทำตัวไร้ประโยชน์ผลาญเงินไปวัน ๆ ไม่ใช่หรือไง เหตุการณ์ที่โด่งดังที่สุดของเขาคือการถูกหลอกเอาเงินไปแปดแสนโดยสาวสวยที่ชีวิตจริงเป็นชายแท้ในโลกออนไลน์!พวกรวยแต่โง่!"หัวเราะอะไร? ดูถูกฉันเหรอ" เขาจ้องฉู่เหมียนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ "ถ้าเธอมาเป็นของฉัน ไม่ต้องพูดถึงแค่ร้อยล้าน ฉันจะขนภูเขาเงินภูเขาทองมากองไว้ตรงหน้าเธอเลย!"ฉู่เหมียนแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ฟังดูน่าสนใจอยู่เหมือนกัน"คุณเฉิน แต่ฉันไม่สนใจคุณค่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ แล้วเราจะแสร้งทำเป็นว่าไม่เคยเจอกันในคืนนี้" ฉู่เหมียนยิ้มหวานก่อนเจรจาดี ๆอย่างไรก็ตามวันนี้เธอมาเข้าร่วมงานเลี้ยงในนามของพ่อ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นอาจกลายเป็นขี้
ฉู่เหมียนอึ้งไปเล็กน้อย เธอค่อนข้างประหลาดใจที่เขาไปดูกล้องวงจรปิดจริง ๆแต่สำหรับเธอตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วฉู่เหมียนแปะพลาสเตอร์ยาลงไปแล้วปิดกล่องปฐมพยาบาล "เสร็จแล้ว"กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว มองใบหน้าที่ดูสบาย ๆ ของเธอแล้วรู้สึกไม่พอใจ"ฉู่เหมียน ฉันบอกว่าฉันดูกล้องวงจรปิดแล้ว" เขากล่าวซ้ำอีกครั้งอย่างหนักแน่นฉู่เหมียนเงยหน้ามองเขาแล้วหัวเราะ "ฉันได้ยินแล้วค่ะ"กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ได้ยินแล้วยังไงเธอไม่ต้องการคำขอโทษจากเขาหรืออะไรอื่นเลยเหรอเมื่อเห็นกู้ว่างเชินดูลำบากใจและสงสัย ฉู่เหมียนก็ลุกขึ้น เก็บกล่องปฐมพยาบาลกลับที่เดิมแล้วพูดอย่างเย็นชา "เมื่อก่อนฉันรักคุณ ฉันสนใจเสมอว่าคุณคิดยังไงกับฉัน""แต่ตอนนี้..." เธอหันหลัง กางพัดในมือออก ท่าทางสง่างามและเด็ดเดี่ยว "มันไม่สำคัญแล้ว"กู้ว่างเชินเลียริมฝีปาก ดวงตาสีดำมีประกายวูบหนึ่ง คล้ายจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม "ตอนนี้ไม่รักแล้วงั้นเหรอ""คุณกู้ยังฉลาดไม่เปลี่ยน" ฉู่เหมียนยกมุมปากขึ้น ยืนพิงตู้เก็บของอย่างสบายใจ รอยยิ้มเบ่งบานราวกับดอกไม้ แสดงถึงความเย้ายวนใจความรักที่มีต่อกู้ว่างเชินทำให้เธอต้องเอาชีวิตครึ่งหนึ่งโยนทิ้งไป ฉะนั้นจะให้
กู้ว่างเชินเดินออกจากร้านอาหาร ที่ปลายอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เสียงอี้เซินรายงานว่า "ท่านประธานกู้ครับ ผมยังมีอีกเรื่องหนึ่ง...""ว่ามา""เมื่อกี้นี้คุณหนูลู่สอบถามผมถึงตารางงานของคุณ ผมบอกเธอว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ร้านสวนฉินเซียง เธออาจจะ..." อี้เซินยังพูดไม่ทันจบ กู้ว่างเชินก็เห็นลู่เจียวรออยู่หน้าร้านอาหารแล้วกู้ว่างเชินกดวางสาย เมื่อมองไปยังร่างบอบบางของลู่เจียว เขาแทบไม่กล้าคิดเลยว่าหญิงสาวตัวเล็กและผอมบางแบบนี้จะกล้าต่อสู้กับพวกคนร้ายได้อย่างไรกู้ว่างเชินนึกถึงคำพูดของต้วนจิ่นเหนียน…ลู่เจียวกับฉู่เหมียน นายเลือกได้แค่คนเดียวเขาต้องเลือกลู่เจียวอยู่แล้วลู่เจียวเป็นคนดีมาก เขาไม่อยากปล่อยให้ลู่เจียวแบกรับความกดดันและความเสียสละใด ๆ อีกต่อไปแล้วกู้ว่างเชินเดินไปหาลู่เจียว "เจียวเจียว"ลู่เจียวหันกลับมา เธอยิ้มทันทีเหมือนเด็กน้อยที่เชื่อฟัง "อาเชิน"กู้ว่างเชินก้มลงมองอย่างอ่อนโยน "ทำไมไม่นอนพักผ่อนที่โรงพยาบาลดี ๆ มาที่นี่ทำไม?""อาเชิน เรื่องที่วิลล่า ฉันขอโทษจริง ๆ คิดแล้วก็นั่งไม่ติดทั้งวันเลย""ฉันไปหาคุณทั้งที่บริษัทและที่บ้านแต่คุณไม่อยู่ เลยถามอี้เซินถึงตารางงานข
ที่สำนักงานเขตฉู่เหมียนถือบัตรประชาชนและใบทะเบียนสมรสไว้ รอให้กู้ว่างเชินมาถึงนึกถึงเมื่อสามปีก่อนตอนที่ไปจดทะเบียนสมรสกัน วันนั้นเมืองอวิ๋นฝนตกหนักมากตอนแรกกู้ว่างเชินบอกว่ายุ่ง น่าจะมาช้าหน่อยหลังจากนั้นก็โทรมาบอกว่าฝนตกหนักเกินไปหรือไม่ก็ยังไม่ต้องจดทะเบียนวันนี้ เดี๋ยวสะดวกค่อยมาจดใหม่เธอได้แต่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขตเพียงลำพัง มองสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมาไม่หยุด จนกระทั่งใกล้เวลาปิดทำการ ในที่สุดกู้ว่างเชินก็มาฉู่เหมียนเฝ้ามองคู่รักหนุ่มสาวที่เดินเข้าออกตัวอาคารพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าอย่างมีความสุข อดรู้สึกซาบซึ้งใจไปกับพวกเขาไม่ได้คนที่รักกันอย่างแท้จริง ต่อให้ฝนจะตกหนักแค่ไหนก็ไม่สามารถขัดขวางการพบเจอกันได้ ยิ่งไปกว่านั้นการจดทะเบียนสมรสย่อมเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าสภาพอากาศเขาก็แค่ไม่รักเธอ ไม่อยากแต่งงานกับเธอเท่านั้นเองฉู่เหมียนเดินวนไปวนมาด้วยความเบื่อหน่าย เวลาผ่านไปจนถึงเก้าโมงเช้าเธอเงยหน้ามอง แต่ยังไม่เห็นกู้ว่างเชินฉู่เหมียนจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วส่งข้อความหากู้ว่างเชินว่า "คุณกู้กลายเป็นคนไม่ตรงต่อเวลาตั้งแต่เมื่อไหร่?"เขาไม่ตอบฉู่เหมียนจึงจำต้องรอ
ฉู่เหมียนปรับสภาพจิตใจ เธอประคองหลินไห่เม่ยพลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "คุณย่าคะ นั่นก็แค่เรื่องไร้สาระน่ะค่ะ คุณย่าอย่าไปฟังคำพูดเหลวไหลจากข้างนอกเลยนะคะ"ฉู่เหมียนจะไม่มีวันยอมรับต่อหน้าคุณย่าว่าพวกเขาหย่ากันถ้าคุณย่าเข้ามาขัดขวางไม่ให้พวกเขาหย่ากัน กู้ว่างเชินก็จะไม่มีวันได้แต่งงานกับคนที่เขารักในชาตินี้เดิมทีเขาก็เกลียดเธออยู่แล้ว เธอไม่อยากใช้ชีวิตอีกครึ่งหนึ่งที่เหลืออยู่ท่ามกลางความเกลียดชังของเขา"คุณย่าดูสิ วันนี้ฉันแต่งตัวสวยขนาดนี้ จะไปหย่ากันได้ยังไง" ฉู่เหมียนหมุนตัวเป็นวงกลม ชุดสายเดี่ยวทำให้เธอดูผอมเพรียวเป็นพิเศษกู้ว่างเชินถอนหายใจโล่งอก แต่ก็เกิดความสงสัยในตัวฉู่เหมียนช่วงหลังนี้คุณย่ายุ่งอยู่กับการจัดงานวันเกิดของตัวเอง แล้วทำไมถึงได้โผล่มาที่นี่อย่างกะทันหันแถมยังเลือกมาในวันที่เขาและฉู่เหมียนจะไปหย่ากันอีก!หรือว่าฉู่เหมียนเป็นคนบอกคุณย่า ที่จริงเธอไม่อยากหย่า?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ความคิดหนักอึ้ง"ย่าไม่เชื่อ ไม่มีเหตุแล้วจะมีผลได้ยังไง? อยู่ ๆ พวกเขาจะปล่อยข่าวลือว่าพวกเธอหย่ากันงั้นเหรอ!” เธอไม่เชื่อว่านี่เป็นแค่เรื่องไร้สาระ!ฉู่เหมียนจนปัญญา “ค
กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว มองเธอด้วยสายตาสงบไร้คลื่นลมปั่นป่วนใด ๆราวกับยอมรับว่าเธอเป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์และต่ำช้าน่ารังเกียจคนนั้นส่วนฉู่เหมียนนั้นทั้งโกรธทั้งขมขื่นในใจแม้ว่าเธอจะไม่สนเรื่องความประทับใจที่กู้ว่างเชินมีต่อเธอแล้วก็ตามแต่คำซักถามของกู้ว่างเชินครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังทำให้รู้สึกว่าไร้เกียรติฉู่เหมียนยิ้มจืดเจื่อน พูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น "ในเมื่อสายตาของคุณมองฉันน่างรังเกียจขนาดนี้ งั้นเราไปสารภาพกับคุณย่าตรง ๆ เถอะว่าเรากำลังจะหย่ากัน""เธอกล้าเหรอ!" กู้ว่างเชินก้าวเข้ามาใกล้จากการกระทำของคุณย่าเมื่อครู่ เขาพอจะมองออกว่าคุณย่าเป็นกังวลเรื่องการแต่งงานของพวกเขามากแค่ไหนถ้าโพล่งบอกเธอในเวลานี้ว่าพวกเขากำลังจะหย่ากัน นั่นไม่ได้เป็นการทำให้คุณย่าไม่สบายใจหรอกเหรอก่อนถึงงานเลี้ยงวันเกิดของคุณย่า เขาจะไม่ยอมให้เรื่องวุ่นวายใด ๆ เกิดขึ้นเด็ดขาด!ฉู่เหมียนหัวเราะ "ฉันจะไม่กล้าได้ยังไง กู้ว่างเชินคุณต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อน หลินไห่เม่ยคือคุณย่าแท้ ๆ ของคุณ แต่ไม่ใช่ย่าแท้ ๆ ของฉัน!"ที่เธอไม่บอกเรื่องหย่ากับหลินไห่เม่ยตั้งแต่แรก ก็เพราะที่ผ่านมาหลินไห่เม่ยปฏิบัติต่
ปกติแล้วฉู่เทียนเหอไม่เคยพูดเสียงดังกับเธอ ทว่าวันนี้กลับมีท่าทีแข็งกร้าวมากดูเหมือนการที่เธอหย่าไม่ได้ซะที ทำให้พวกเขาเป็นกังวลกันจริง ๆ"พ่อ หนูไม่ไปไม่ได้เหรอคะ? หนูสาบานกับพ่อได้เลยว่าจะหย่ากับกู้ว่างเชินค่ะ" ฉู่เหมียนมีทีท่าอ่อนลงฉู่เทียนเหอไม่ตอบ นั่นหมายความว่าไม่ได้"แต่หนูยังไม่ได้หย่ากับกู้ว่างเชินเลย เขาไม่ถือเหรอคะ" ฉู่เหมียนทำหน้าเศร้า"เขาไม่ว่า!" ฉู่เทียนเหอตอบอย่างหนักแน่นฉู่เหมียนกระตุกมุมปาก ผู้ชายนี้คงไม่ใช่คนหัวทึบเหมือนจอห์นหรอกนะรู้ทั้งรู้ว่าสามีของเธอคือกู้ว่างเชิน ยังกล้านัดดูตัวกับเธออีกบ้าไปแล้ว"ฉู่เหมียน ผู้ชายคนนี้ลูกต้องรู้จักแน่ เขาชื่นชมในตัวลูกมาก แล้วพวกเธอก็ดูเหมาะสมกันมากด้วย เชื่อฟังพ่อสักครั้งได้ไหม" ฉู่เทียนเหอพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเมื่อได้ยินเขาพูดว่า ‘เชื่อฟังพ่อสักครั้งได้ไหม’ ฉู่เหมียนรู้สึกว่าตัวเองน่าจะดื้อรั้นเกินไปนี่มันต่างอะไรกับการขอร้องแต่เธอไม่อยากไปดูตัวจริง ๆ"พ่อคะ หนูรู้ว่าพวกพ่อหวังดีกับหนู อยากให้หนูหลุดพ้นจากช่วงเวลาแย่ ๆ นี้โดยเร็วที่สุด แต่หนูสัญญาว่าจะปรับตัวให้ดีขึ้นกว่านี้ค่ะ..." ฉู่เหมียนพูดอย่างจริ