“พวกเจ้าอย่าได้คิดเอาอะไรในบ้านของข้าไปแม้แต่ชิ้นเดียว ของทุกชิ้นในบ้านนี้เป็นของตระกูลซ่งทั้งหมด!”
ซ่งอวี่ถงและซ่งหงอี้ถึงกับส่ายหน้าอย่างจนใจพวกเขาเข้าไปในบ้านโทรมๆ ที่ถูกแยกออกมาจากตัวบ้านใหญ่ก่อนจะเก็บเสื้อผ้าของใช้เล็กน้อยใส่หีบใบเล็กอย่างรวดเร็ว ซ่งหงอี้รนรานรีบเก็บเสื้อผ้าที่มีน้อยชิ้นของตนเองยัดลงไปในหีบเดียวกันกับผู้เป็นอาด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ออกจากบ้านหลังนี้
“เจ้าก็มาเก็บของของเจ้าสิ”
เป็นซ่งอวี่ถงที่เอ่ยออกมาเพราะเมื่อหันไปมองด้านหลังก็เห็นว่ามู่อิงเถาเอาแต่ยืนนิ่งจ้องมองมาที่พวกเขาตาปริบๆ ไม่คิดที่จะขยับตัวเลยสักเพียงนิด
“อ่อ เอ่อได้ๆ”
ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่มามุงดูสองบุรุษต่างวัยและหนึ่งสตรีอวบอ้วนต่างก็หอบเอาหีบเสื้อผ้าของตนเองออกมาที่ลานหน้าบ้าน และเป็นซ่งอวี่ถงที่เอ่ยปากออกมาในที่สุด
“ท่านพูดเองว่าต่อไปนี้พวกข้ากับบ้านใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกันเป็นตายไม่รับรู้กัน เช่นนั้นพวกท่านเองก็อย่ามารบกวนพวกข้าอีกก็เป็นพอ”
“คิดว่าพวกเจ้ามีดีตรงไหนพวกข้าถึงต้องร้องขอเจ้างั้นหรือ”
“เป็นเช่นนั้นก็ดี”
ซ่งอวี่ถงเอ่ยออกมาเพียงสั้นๆก่อนจะจ้องมองฮูหยินซ่งอีกครั้งแล้วรีบพาทั้งสองคนเดินออกไปจากบ้านตระกูลซ่งด้วยความรวดเร็ว
ซ่งอวี่ถงรู้มานานแล้วว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆของนาง นางถึงได้ปฏิบัติตัวกับเขาเยี่ยงคนรับใช้เช่นนี้มาโดยตลอด เขาจึงไม่รู้สึกเสียดายหรือเสียใจที่นางตัดขาดเขาออกจากบ้านใหญ่เลยสักเพียงนิด
มู่อิงเถาและซ่งหงอี้เดินตามซ่งอวี่ถงออกมาจากบ้านใหญ่มาตามถนนสายใหญ่จนมาสิ้นสุดที่ถนนสายเล็กๆ เกือบจะท้ายหมู่บ้านอยู่แล้ว นางมองตามแผ่นหลังแกร่งของเขาในใจก็รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้พวกเขาถูกไล่ออกมาแบบนี้
“เอ่อ พวกท่านโกรธที่ข้า…”
“โกรธเรื่องอะไรเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ”
“ท่านคิดเช่นนั้นหรือ แล้วพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะเจ้าคะ”
“นั่นอย่างไรล่ะ บ้านร้างหลังนั้นไม่มีคนอยู่อาศัยมานานแล้วล่ะพวกเราก็ไปอยู่ที่นั่นกันก่อนไว้ให้มีเงินมากหน่อยค่อยไปขอซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ้านขึ้นมาใหม่ หงเอ๋อข้าขอโทษนะที่ทำให้เจ้ามาลำบากด้วย”
“พูดอะไรเช่นนั้นขอรับท่านอา พวกเราก็มีกันอยู่แค่นี้คนที่ท่านต้องขอโทษก็คือนางต่างหากเล่า”
“จริงด้วย! อิงเอ๋อข้าขอโทษนะที่ทำให้เจ้าต้องมาลำบากด้วยหากว่าพวกเราไม่ไปสู่ขอตระกูลมู่เจ้าก็คงไม่ต้องมาลำบากกับพวกข้าเช่นนี้”
“พูดอะไรเช่นนั้นกันเจ้าคะท่านพี่หากว่าข้าไม่มาอยู่กับพวกท่าน ตัวข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะถูกขายไปที่ไหนเลย อยู่กับพวกท่านก็ดีแล้วไม่ได้ลำบากอะไรมาก”
‘ซะที่ไหนล่ะตอนนี้ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว’
โครกคราก…
‘ไอ้ท้องเวรเอ้ย มาร้องอะไรตอนนี้เล่า’
“คือว่า”
“ฮ่าๆๆ ท่านอาสะใภ้ท้องท่านร้องแล้ว”
“สงสัยข้าคงหิวมากไปหน่อย ข้าไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเช้ามาก็ต้องมาทำงานต่อเลยลืมไปเสียสนิท”
“เช่นนั้นพวกเจ้าเข้าไปรอข้าที่บ้านหลังนั้นนะ ข้าจะไปจับปลาที่ทะเลสาปไปเพียงครู่เดียวไม่นานหรอก”
“ก็ได้เจ้าค่ะ/ขอรับ”
ซ่งอวี่ถงเดินถือไม้ปลายแหลมไปตามทางเดินไปยังทะเลสาปท้ายหมู่บ้านมู่อิงเถามองตามแผ่นหลังนั้นไปพอดีกับที่เขาหันกลับมามองนาง แววตาฉงนสงสัยนั้นสร้างความกระอักกระอ่วนใจให้แก่นางเป็นอย่างมาก
มู่อิงเถาอยากตามเขาไปที่ทะเลสาปด้วยแต่เพราะนางต้องทำความสะอาดบ้านร้างเก่าๆ แห่งนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อนไม่เช่นนั้นคืนนี้คงต้องนอนคลุกกับฝุ่นทั้งคืนเป็นแน่
“ท่านอาสะใภ้”
แววตาใสซื่อของเด็กชายตัวน้อยที่กำลังจ้องมองนางอยู่นั้นทำให้มู่อิงเถาหันมามองด้วยความเอ็นดู
“ว่าอย่างไร”
“ท่านหายดีแล้วงั้นหรือ ข้าเห็นกับตาเลยนะว่าท่านนอนแน่นิ่งไปที่แคร่หน้าบ้านตรงนั้น”
“ข้าก็แค่เหนื่อยน่ะเลยหยุดพัก เห็นหรือไม่ว่าพอพักแล้วข้าก็กลับมาแข็งแรงแล้วอย่างไรเล่า”
มู่อิงเถายิ้มสดใสพร้อมทั้งยืนขึ้นเดินไปมาให้เด็กชายดูแม้ภายในร่างกายของนางนั้นจะระบมเพราะฝีมือฮูหยินใจร้ายผู้นั้นไม่หายแต่ก็ทำใจแข็งเพื่อไม่ให้เด็กน้อยเป็นกังวล
“มา เจ้ามาช่วยข้าทำความสะอาดที่นี่กันเถอะ”
“ขอรับ”
วันนี้ทั้งวันมู่อิงเถาและซ่งหงอี้ช่วยกันทำความสะอาดบ้านเก่าๆ หลังนี้จนสะอาดเรียบร้อย โชคยังดีที่ในบ้านหลังนี้ยังมีของใช้เก่าๆ และแคร่เก่าๆอยู่สองอันให้พอได้ใช้เป็นที่นอนได้ นางรีบนำผ้าปูสำหรับรองนอนออกมาผึ่งแดดเพื่อปูนอนคืนนี้และคิดเอาไว้แล้วว่าพรุ่งนี้จะนำผ้าห่มเหล่านี้ไปซักที่คลองท้ายหมู่บ้านอีกครั้ง
นางถือวิสาสะรื้อหีบผ้าของซ่งอวี่ถงออกมาดู ในนั้นมีแต่เสื้อผ้าชุดเก่าที่ถูกตัดเย็บจนแทบมองไม่เห็นเนื้อผ้าดีๆเลย
“เท่าที่ข้าพอจะจำได้ท่านพ่อของเขาก็ดูจะรักเขามากไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงมีแต่เสื้อผ้าเก่าๆ เช่นนี้นะ”
“คนบ้านใหญ่นั่นแย่จริงๆ ใช้งานบ้านสามจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน อาหารดีๆ ไหนจะเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มยังไม่ยอมเจียดแบ่งมาให้”
จะว่าไปเท่าที่นางจำได้เสื้อผ้าของบ้านใหญ่แทบทุกคนใหม่เอี่ยมกันทั้งนั้นเลยนี่นา ก็คงมีเพียงบ้านสามนี้กระมังที่เหมือนคนรับใช้ไม่มีผิด!
“นั่นเจ้าจะทำอะไร”
“!”
“นั่นเจ้าจะทำอะไร”“!” เสียงชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นขณะที่มู่อิงเถากำลังถือเสื้อผ้าของเขาเอาไว้ในมือ นางหันหลังกลับไปดูก็พบว่าเป็นซ่งอวี่ถงที่กำลังยืนถือถังใส่ปลาเอาไว้ในมือ ใบหน้าของเขามีความไม่พอใจแผ่ซ่านออกมาแต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้นแล้วก็กลับมาเป็นปกติดังเดิมมู่อิงเถายืนนิ่งพูดไม่ออกอยู่พักใหญ่เพราะคิดไม่ถึงว่าซ่งอวี่ถงจะกลับมาเร็วเช่นนี้ นางรนรานลุกขึ้นเดินไปยืนอยู่ข้างเตียงนอนที่จัดเตรียมเอาไว้ก่อนจะเอ่ยปากบอกผู้เป็นสามีว่า“ขอโทษที่ข้าเข้าไปรื้อของๆท่าน ข้าแค่เพียงจะจัดเตรียมที่นอนเอาไว้ให้ท่านก็เท่านั้นเอง”“เป็นเช่นนั้นหรือ เจ้าหยุดมือก่อนเถอะไปล้างเนื้อล้างตัวได้แล้ววันนี้ข้าจะทำอาหารเย็นเอง”“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าทำเอง”“เจ้าถูกท่านแม่ทุบตีมาเช่นนี้เนื้อตัวคงระบมแย่เลย ไปแช่น้ำอุ่นๆ ก่อนเถอะทางนี้ข้าจัดการเอง”“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”มู่อิงเถาช้อนสายตามองผู้เป็นสามีในนามที่กำลังเดินไปที่เพิงครัวที่เพิ่งทำขึ้นมาใหม่ๆ “แล้วหงเอ๋อเล่า”“อยู่หน้าบ้านกระมังเจ้าคะ”“งั้นหรือ”“ข้าไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน”“อืม”'คิดอะไรอยู่กันแน่นะ ดูแปลกคนเสียจริง’แม้จะแต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้วแต่
“อิงเอ๋อ อิงเอ๋อ!”“จะ เจ้าคะ”“ไปยืนทำอะไรตรงนั้นเข้ามานั่งได้แล้วหากอาหารเย็นชืดหมดจะเสียรสชาติเอา”“เจ้าค่ะ”“ท่านอาสะใภ้กินนี่สิ ข้าคีบให้”ซ่งหงอี้คีบเนื้อปลาให้นางอย่างทุลักทุเล ซ่งอวี่ถงเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเขาเอาแต่คีบข้าวเปล่ากินอยู่อย่างนั้นจนนางนึกสงสัย‘ปลามีตั้งหลายตัวเหตุใดถึงกินแต่ข้าวเปล่าๆเช่นนั้นกัน’“ท่านกินแต่ข้าวเปล่าไม่แตะอาหารสักคำ เป็นอะไรอาหารไม่ถูกปากหรือ”“ข้ากลัวเจ้าไม่อิ่ม”“ห๋า”“เจ้ากินไปเถอะตอนออกไปจับปลาข้าก็ย่างกินไปหลายตัวแล้ว ในท้องก็อิ่มพอตัวก็เพียงแค่นั่งกินเป็นเพื่อนเจ้ากับหงเอ๋อก็เท่านั้น”“อ่อ อย่างนี้เองหรือ”“นี่ท่านอาสะใภ้”“หืม”“พวกท่านนอนเตียงเดียวกันใช่ไหม เช่นนั้นข้าขอนอนเตียงเล็กนะขอรับ”“แค่กๆ”“อะไรกันข้าถามแค่นี้เองต้องตกใจด้วยงั้นหรือ”“คือว่าหงเอ๋อข้านอนกับเจ้าก็ได้นะ”“ไม่เอาตัวพวกท่านใหญ่ออกปานนั้นข้าได้ตกเตียงตายหรอก ข้าขอนอนคนเดียวดีกว่า”“อะ เอ่อ”มู่อิงเถาหันไปมองใบหน้าของชายหนุ่ม เดิมทีนึกว่าเขาจะต่อต้านหรือปฎิเสธอะไรออกไปบ้างแต่เขากลับเอาแต่นิ่งเงียบแล้วก็กินข้าวต่อเหมือนไม่ได้ยินที่ซ่งหงอี้พูดเมื่อครู่นี้เลย‘อะไรกัน
“เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ”“!”“พวกท่านดูสินางอัปลักษณ์คนนี้มันทำร้ายข้าดูสิเลือดข้าไหลอาบเต็มหน้าไปหมดแล้ว”‘อยากรับบทเป็นเหยื่อสินะ ข้าจะสอนพวกเจ้าเองว่าเหยื่อที่ดีต้องทำอย่างไร’“หากพวกท่านมีตาก็คงเห็นว่านางเข้ามาทำลายข้าวของในบ้านข้าแล้วยังจะมาทุบตีหงเอ๋ออีก กล้าดีอย่างไรถึงมาทำตัวน่าสงสารใส่ความว่าข้าทำร้ายเจ้ากัน”“นั่นนะสิ”เสียงของชาวบ้านต่างก็เห็นด้วยกับมู่อิงเถา คิดไปในทิศทางเดียวกันกับนาง ไม่มีใครเห็นด้วยกับสะใภ้ใหญ่ซ่งเลยสักคน“จะ เจ้า เจ้ากล้าใส่ความข้างั้นหรือ”“หรือไม่จริงล่ะคนบ
ซ่งอวี่ถงรีบออกจากบ้านเพื่อเดินทางเข้าไปตามท่านหมอในตัวเมืองแต่ยังไม่ทันได้ก้าวข้ามผ่านประตูรั้วเขาก็หันกลับมามองมู่อิงเถาอีกครั้ง แววตาของเขามีความกังวลบางอย่างซ่อนเอาไว้“เจ้าอยู่คนเดียวได้แน่นะ”“ท่านพี่ข้าอยู่คนเดียวเสียที่ไหนกันยังมีหงเอ๋ออยู่ด้วยนะ”“ท่านอาสามข้าดูแลอาสะใภ้ได้ขอรับ”ซ่งอวี่ถงส่ายหน้าให้พวกเขาเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินทางเข้าเมืองเพื่อไปที่โรงหมอเดิมทีเขาคิดจะพาซ่งหงอี้ไปด้วยแต่เพราะร่างกายที่บอบช้ำจากการโดนทุบตีอีกทั้งยังมีมู่อิงเถาอีกคนการเดินทางเข้าเมืองอาจจะทำให้ล่าช้าขึ้น เขาจึงเลือกที่จะทิ้งทั้งคู่เอาไว้ที่บ้านแล้วเดินทางไปเพียงลำพังในใจก็หวั่นเกรงทั้งคู่จะเป็นอันตราย ได้แต่คิดแล้วก็รีบเดินทางไปด้วยความรวดเร็ว“หงเอ๋อเจ้าเป็นลูกผู้ชายต้องอดทนเอาไว้นะเข้าใจหรือไม่”“เข้าใจขอรับท่านอาสะใภ้”“เลิกเรียกข้าว่าอาสะใภ้เสียทีเถอะข้ากับท่านอาสามของเจ้าแม้จะแต่งงานกันแล้วแต่ก็ไม่เคยร่วมหอกันเลยสักครั้งนะ อีกอย่างเจ้าดูรูปร่างของข้าสิเหมาะสมกับท่านอา
มู่อิงเถาเข้าครัวทำอาหารง่ายๆ ให้ซ่งอวี่ถงสองสามอย่างเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยนางจึงเดินเข้าไปในห้องนอนตั้งใจจะไปดูอาการของเด็กชายเสียหน่อย แต่เมื่อเดินไปถึงหน้าห้องประตูก็ถูกแง้มออกมาเล็กน้อยแล้วที่ข้างเตียงนอนของเด็กชายตัวน้อยนั้นมีซ่งอวี่ถงที่คอยเช็ดเนื้อตัวให้เขาอย่างเบามือด้วยความอ่อนโยน“ดูเหมือนหงเอ๋อจะไม่ทรมานมากเท่าใดแล้วนะเจ้าคะ”“ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น อีกสองวันข้าจะเข้าเมืองไปสำนักบัณฑิตขอลาหยุดสักเจ็ดวันเพื่ออยู่เป็นเพื่อนพวกเจ้า”“ไม่ต้องหรอก พวกข้าอยู่ได้”“แต่หงเอ๋อบาดเจ็บเพียงนี้หากว่าบ้านนั้นมาระรานพวกเจ้าอีกจะทำอย่างไร ไม่ได้หรอกข้าไม่ไว้ใจ”“ทำมาก็ทำกลับสิ”
ซ่งอวี่ถงพานางเดินลัดเลาะมายังท้ายหมู่บ้านและเดินต่อไปเพียงไม่ถึงหกลี้[1] ก็มาถึงตีนเขาแล้ว แม้ระยะทางจะดูไม่ได้ไกลเกินไปแต่รูปร่างที่อวบอ้วนของนางนั้นกลับทำให้นางรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าคนปกติถึงสามเท่าเมื่อมองขึ้นไปบนหุบเขาบรรยากาศตรงหน้าช่างดูน่ากลัวเป็นอย่างมากแต่เมื่อหันไปมองใบหน้าของซ่งอวี่ถงกลับนิ่งเฉยเสียอย่างนั้น หรือว่าเป็นเรื่องปกติของเขาไปแล้วนะถึงไม่ได้ดูหวาดกลัวต่อสิ่งใดเลย“ท่านพี่ พวกเราต้องเดินเข้าไปอีกไกลหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่หรอกอีกไม่ถึงหนึ่งลี้[2] ก็ถึงแล้วล่ะเมื่อวานข้าทำลอบดักสัตว์เอาไว้ มาครั้งนี้ก็เพียงแค่เข้าไปตรวจดูเผื่อโชคดีอาจจะได้หมูป่าหรือกระต่ายป่ามาสักตัว”“งั้นหรือ”มู่อิงเถาไม่ได้คิดเช่นนั้นนางอยากได้สมุนไพรบางอย่างเพราะเมื่อวานที่คลองท้ายหมู่บ้าน นางได้ยินสะใภ
ทั้งคู่เดินแบกหมูป่าคนละตัวกลับไปที่บ้านด้วยความรวดเร็ว เมื่อมาถึงบ้านซ่งอวี่ถงก็ถึงกับปาดเหงื่อไปไม่น้อยแต่เมื่อหันไปมองมู่อิงเถานางกลับไม่มีสีหน้าเหน็ดเหนื่อยเลยแม้เพียงนิด'เป็นไปได้อย่างไรกันล่ะเนี่ย'“ท่านมองข้าทำไมหรือ”“อะ เอ่อไม่มีอะไรหรอก เจ้าเหนื่อยหรือไม่”“ไม่เลยเจ้าค่ะข้าทำงานหนักมามากร่างกายจึงแข็งแรงกว่าคนปกตินัก ท่านรีบไปแล่เนื้อของมันเถอะจะได้รีบเอาไปขาย”“ข้ารู้แล้ว”“ท่านอาสามกลับมาแล้วหรือ”“หงเอ๋ออย่าวิ่งสิเดี๋ยวก็หกล้มหรอก แล้วนี่เจ้าวิ่งได้แล้วหรือ”“ข้าเจ็บที่แขนนะขอรับไม่ใช่ขาแม้จ
-เมืองเป่ยเย่-‘ว้าวเมืองเล็กๆ ยังน่าตื่นตาตื่นใจถึงเพียงนี้ถ้าเป็นเมืองหลวงเล่าจะใหญ่โตแค่ไหนกันนะ’“เป็นอะไรไม่เคยเข้ามาในเมืองเลยงั้นหรือ ข้าจำได้ว่าพี่สะใภ้รองเคยพาเจ้ามาซื้อของในเมืองอยู่นะจำไม่ได้แล้วหรือ”“ข้าเคยมาแล้วงั้นหรือ อาจจะเพราะตั้งแต่โดนตีเกือบตายวันนั้นข้าก็เลอะเลือนจนลืมไปเสียสนิทเลยน่ะเจ้าคะ”“งั้นหรือ”ซ่งอวี่ถงยังคงจับจ้องนางไม่หยุด มู่อิงเถาได้แต่ยิ้มให้เขาเท่านั้นเกวียนวัวมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง บ้านที่ดูไม่ได้หลังใหญ่โตมากนักแต่เมื่อมองไปรอบๆ กลับมีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยเลยทีเดียว“ลงไปกันเถอะ”“ท่านพี่นี่บ้
“มู่อิงเถา”“งื้อ ข้าจะนอนขอนอนตื่นสายสักวันสิ”“มู่อิงเถาเจ้าตื่นเดี๋ยวนี้นะ!”“โอ๊ย! ใครกันเรียกอยู่ได้ หืม....ลิงฮุยงั้นหรือ”“ข้าบอกว่าหากเรียกชื่อข้าผิดอีก ต่อไปนี้ข้าจะไม่ช่วยเจ้าอีกแล้วนะ”“ขอโทษทีข้ายังมึนๆ อยู่น่ะ สองสามวันมานี้เจ้าหายไปไหนมา”“ข้าไม่ได้หายไปไหนทั้งนั้นเจ้าลุกขึ้นมาได้แล้วน้ำพุแห่งกาลเวลาจะล้นออกมาแล้วเนี่ย”“อะไรนะ”มู่อิงเถาได้ยินดังนั้นก็รีบลุกขึ้นมาทันที เมื่อมองไปรอบๆ ที่แห่งนี้กลับไม่ใช่ห้องนอนที่นางนอนเมื่อคืนนี้เสียอย่างนั้น
-เมืองเป่ยเย่-‘ว้าวเมืองเล็กๆ ยังน่าตื่นตาตื่นใจถึงเพียงนี้ถ้าเป็นเมืองหลวงเล่าจะใหญ่โตแค่ไหนกันนะ’“เป็นอะไรไม่เคยเข้ามาในเมืองเลยงั้นหรือ ข้าจำได้ว่าพี่สะใภ้รองเคยพาเจ้ามาซื้อของในเมืองอยู่นะจำไม่ได้แล้วหรือ”“ข้าเคยมาแล้วงั้นหรือ อาจจะเพราะตั้งแต่โดนตีเกือบตายวันนั้นข้าก็เลอะเลือนจนลืมไปเสียสนิทเลยน่ะเจ้าคะ”“งั้นหรือ”ซ่งอวี่ถงยังคงจับจ้องนางไม่หยุด มู่อิงเถาได้แต่ยิ้มให้เขาเท่านั้นเกวียนวัวมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง บ้านที่ดูไม่ได้หลังใหญ่โตมากนักแต่เมื่อมองไปรอบๆ กลับมีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยเลยทีเดียว“ลงไปกันเถอะ”“ท่านพี่นี่บ้
ทั้งคู่เดินแบกหมูป่าคนละตัวกลับไปที่บ้านด้วยความรวดเร็ว เมื่อมาถึงบ้านซ่งอวี่ถงก็ถึงกับปาดเหงื่อไปไม่น้อยแต่เมื่อหันไปมองมู่อิงเถานางกลับไม่มีสีหน้าเหน็ดเหนื่อยเลยแม้เพียงนิด'เป็นไปได้อย่างไรกันล่ะเนี่ย'“ท่านมองข้าทำไมหรือ”“อะ เอ่อไม่มีอะไรหรอก เจ้าเหนื่อยหรือไม่”“ไม่เลยเจ้าค่ะข้าทำงานหนักมามากร่างกายจึงแข็งแรงกว่าคนปกตินัก ท่านรีบไปแล่เนื้อของมันเถอะจะได้รีบเอาไปขาย”“ข้ารู้แล้ว”“ท่านอาสามกลับมาแล้วหรือ”“หงเอ๋ออย่าวิ่งสิเดี๋ยวก็หกล้มหรอก แล้วนี่เจ้าวิ่งได้แล้วหรือ”“ข้าเจ็บที่แขนนะขอรับไม่ใช่ขาแม้จ
ซ่งอวี่ถงพานางเดินลัดเลาะมายังท้ายหมู่บ้านและเดินต่อไปเพียงไม่ถึงหกลี้[1] ก็มาถึงตีนเขาแล้ว แม้ระยะทางจะดูไม่ได้ไกลเกินไปแต่รูปร่างที่อวบอ้วนของนางนั้นกลับทำให้นางรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าคนปกติถึงสามเท่าเมื่อมองขึ้นไปบนหุบเขาบรรยากาศตรงหน้าช่างดูน่ากลัวเป็นอย่างมากแต่เมื่อหันไปมองใบหน้าของซ่งอวี่ถงกลับนิ่งเฉยเสียอย่างนั้น หรือว่าเป็นเรื่องปกติของเขาไปแล้วนะถึงไม่ได้ดูหวาดกลัวต่อสิ่งใดเลย“ท่านพี่ พวกเราต้องเดินเข้าไปอีกไกลหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่หรอกอีกไม่ถึงหนึ่งลี้[2] ก็ถึงแล้วล่ะเมื่อวานข้าทำลอบดักสัตว์เอาไว้ มาครั้งนี้ก็เพียงแค่เข้าไปตรวจดูเผื่อโชคดีอาจจะได้หมูป่าหรือกระต่ายป่ามาสักตัว”“งั้นหรือ”มู่อิงเถาไม่ได้คิดเช่นนั้นนางอยากได้สมุนไพรบางอย่างเพราะเมื่อวานที่คลองท้ายหมู่บ้าน นางได้ยินสะใภ
มู่อิงเถาเข้าครัวทำอาหารง่ายๆ ให้ซ่งอวี่ถงสองสามอย่างเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยนางจึงเดินเข้าไปในห้องนอนตั้งใจจะไปดูอาการของเด็กชายเสียหน่อย แต่เมื่อเดินไปถึงหน้าห้องประตูก็ถูกแง้มออกมาเล็กน้อยแล้วที่ข้างเตียงนอนของเด็กชายตัวน้อยนั้นมีซ่งอวี่ถงที่คอยเช็ดเนื้อตัวให้เขาอย่างเบามือด้วยความอ่อนโยน“ดูเหมือนหงเอ๋อจะไม่ทรมานมากเท่าใดแล้วนะเจ้าคะ”“ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น อีกสองวันข้าจะเข้าเมืองไปสำนักบัณฑิตขอลาหยุดสักเจ็ดวันเพื่ออยู่เป็นเพื่อนพวกเจ้า”“ไม่ต้องหรอก พวกข้าอยู่ได้”“แต่หงเอ๋อบาดเจ็บเพียงนี้หากว่าบ้านนั้นมาระรานพวกเจ้าอีกจะทำอย่างไร ไม่ได้หรอกข้าไม่ไว้ใจ”“ทำมาก็ทำกลับสิ”
ซ่งอวี่ถงรีบออกจากบ้านเพื่อเดินทางเข้าไปตามท่านหมอในตัวเมืองแต่ยังไม่ทันได้ก้าวข้ามผ่านประตูรั้วเขาก็หันกลับมามองมู่อิงเถาอีกครั้ง แววตาของเขามีความกังวลบางอย่างซ่อนเอาไว้“เจ้าอยู่คนเดียวได้แน่นะ”“ท่านพี่ข้าอยู่คนเดียวเสียที่ไหนกันยังมีหงเอ๋ออยู่ด้วยนะ”“ท่านอาสามข้าดูแลอาสะใภ้ได้ขอรับ”ซ่งอวี่ถงส่ายหน้าให้พวกเขาเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินทางเข้าเมืองเพื่อไปที่โรงหมอเดิมทีเขาคิดจะพาซ่งหงอี้ไปด้วยแต่เพราะร่างกายที่บอบช้ำจากการโดนทุบตีอีกทั้งยังมีมู่อิงเถาอีกคนการเดินทางเข้าเมืองอาจจะทำให้ล่าช้าขึ้น เขาจึงเลือกที่จะทิ้งทั้งคู่เอาไว้ที่บ้านแล้วเดินทางไปเพียงลำพังในใจก็หวั่นเกรงทั้งคู่จะเป็นอันตราย ได้แต่คิดแล้วก็รีบเดินทางไปด้วยความรวดเร็ว“หงเอ๋อเจ้าเป็นลูกผู้ชายต้องอดทนเอาไว้นะเข้าใจหรือไม่”“เข้าใจขอรับท่านอาสะใภ้”“เลิกเรียกข้าว่าอาสะใภ้เสียทีเถอะข้ากับท่านอาสามของเจ้าแม้จะแต่งงานกันแล้วแต่ก็ไม่เคยร่วมหอกันเลยสักครั้งนะ อีกอย่างเจ้าดูรูปร่างของข้าสิเหมาะสมกับท่านอา
“เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ”“!”“พวกท่านดูสินางอัปลักษณ์คนนี้มันทำร้ายข้าดูสิเลือดข้าไหลอาบเต็มหน้าไปหมดแล้ว”‘อยากรับบทเป็นเหยื่อสินะ ข้าจะสอนพวกเจ้าเองว่าเหยื่อที่ดีต้องทำอย่างไร’“หากพวกท่านมีตาก็คงเห็นว่านางเข้ามาทำลายข้าวของในบ้านข้าแล้วยังจะมาทุบตีหงเอ๋ออีก กล้าดีอย่างไรถึงมาทำตัวน่าสงสารใส่ความว่าข้าทำร้ายเจ้ากัน”“นั่นนะสิ”เสียงของชาวบ้านต่างก็เห็นด้วยกับมู่อิงเถา คิดไปในทิศทางเดียวกันกับนาง ไม่มีใครเห็นด้วยกับสะใภ้ใหญ่ซ่งเลยสักคน“จะ เจ้า เจ้ากล้าใส่ความข้างั้นหรือ”“หรือไม่จริงล่ะคนบ
“อิงเอ๋อ อิงเอ๋อ!”“จะ เจ้าคะ”“ไปยืนทำอะไรตรงนั้นเข้ามานั่งได้แล้วหากอาหารเย็นชืดหมดจะเสียรสชาติเอา”“เจ้าค่ะ”“ท่านอาสะใภ้กินนี่สิ ข้าคีบให้”ซ่งหงอี้คีบเนื้อปลาให้นางอย่างทุลักทุเล ซ่งอวี่ถงเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเขาเอาแต่คีบข้าวเปล่ากินอยู่อย่างนั้นจนนางนึกสงสัย‘ปลามีตั้งหลายตัวเหตุใดถึงกินแต่ข้าวเปล่าๆเช่นนั้นกัน’“ท่านกินแต่ข้าวเปล่าไม่แตะอาหารสักคำ เป็นอะไรอาหารไม่ถูกปากหรือ”“ข้ากลัวเจ้าไม่อิ่ม”“ห๋า”“เจ้ากินไปเถอะตอนออกไปจับปลาข้าก็ย่างกินไปหลายตัวแล้ว ในท้องก็อิ่มพอตัวก็เพียงแค่นั่งกินเป็นเพื่อนเจ้ากับหงเอ๋อก็เท่านั้น”“อ่อ อย่างนี้เองหรือ”“นี่ท่านอาสะใภ้”“หืม”“พวกท่านนอนเตียงเดียวกันใช่ไหม เช่นนั้นข้าขอนอนเตียงเล็กนะขอรับ”“แค่กๆ”“อะไรกันข้าถามแค่นี้เองต้องตกใจด้วยงั้นหรือ”“คือว่าหงเอ๋อข้านอนกับเจ้าก็ได้นะ”“ไม่เอาตัวพวกท่านใหญ่ออกปานนั้นข้าได้ตกเตียงตายหรอก ข้าขอนอนคนเดียวดีกว่า”“อะ เอ่อ”มู่อิงเถาหันไปมองใบหน้าของชายหนุ่ม เดิมทีนึกว่าเขาจะต่อต้านหรือปฎิเสธอะไรออกไปบ้างแต่เขากลับเอาแต่นิ่งเงียบแล้วก็กินข้าวต่อเหมือนไม่ได้ยินที่ซ่งหงอี้พูดเมื่อครู่นี้เลย‘อะไรกัน
“นั่นเจ้าจะทำอะไร”“!” เสียงชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นขณะที่มู่อิงเถากำลังถือเสื้อผ้าของเขาเอาไว้ในมือ นางหันหลังกลับไปดูก็พบว่าเป็นซ่งอวี่ถงที่กำลังยืนถือถังใส่ปลาเอาไว้ในมือ ใบหน้าของเขามีความไม่พอใจแผ่ซ่านออกมาแต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้นแล้วก็กลับมาเป็นปกติดังเดิมมู่อิงเถายืนนิ่งพูดไม่ออกอยู่พักใหญ่เพราะคิดไม่ถึงว่าซ่งอวี่ถงจะกลับมาเร็วเช่นนี้ นางรนรานลุกขึ้นเดินไปยืนอยู่ข้างเตียงนอนที่จัดเตรียมเอาไว้ก่อนจะเอ่ยปากบอกผู้เป็นสามีว่า“ขอโทษที่ข้าเข้าไปรื้อของๆท่าน ข้าแค่เพียงจะจัดเตรียมที่นอนเอาไว้ให้ท่านก็เท่านั้นเอง”“เป็นเช่นนั้นหรือ เจ้าหยุดมือก่อนเถอะไปล้างเนื้อล้างตัวได้แล้ววันนี้ข้าจะทำอาหารเย็นเอง”“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าทำเอง”“เจ้าถูกท่านแม่ทุบตีมาเช่นนี้เนื้อตัวคงระบมแย่เลย ไปแช่น้ำอุ่นๆ ก่อนเถอะทางนี้ข้าจัดการเอง”“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”มู่อิงเถาช้อนสายตามองผู้เป็นสามีในนามที่กำลังเดินไปที่เพิงครัวที่เพิ่งทำขึ้นมาใหม่ๆ “แล้วหงเอ๋อเล่า”“อยู่หน้าบ้านกระมังเจ้าคะ”“งั้นหรือ”“ข้าไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน”“อืม”'คิดอะไรอยู่กันแน่นะ ดูแปลกคนเสียจริง’แม้จะแต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้วแต่