-เมืองเป่ยเย่-
‘ว้าวเมืองเล็กๆ ยังน่าตื่นตาตื่นใจถึงเพียงนี้ถ้าเป็นเมืองหลวงเล่าจะใหญ่โตแค่ไหนกันนะ’
“เป็นอะไรไม่เคยเข้ามาในเมืองเลยงั้นหรือ ข้าจำได้ว่าพี่สะใภ้รองเคยพาเจ้ามาซื้อของในเมืองอยู่นะจำไม่ได้แล้วหรือ”
“ข้าเคยมาแล้วงั้นหรือ อาจจะเพราะตั้งแต่โดนตีเกือบตายวันนั้นข้าก็เลอะเลือนจนลืมไปเสียสนิทเลยน่ะเจ้าคะ”
“งั้นหรือ”
ซ่งอวี่ถงยังคงจับจ้องนางไม่หยุด มู่อิงเถาได้แต่ยิ้มให้เขาเท่านั้น
เกวียนวัวมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง บ้านที่ดูไม่ได้หลังใหญ่โตมากนักแต่เมื่อมองไปรอบๆ กลับมีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยเลยทีเดียว
“ลงไปกันเถอะ”
“ท่านพี่นี่บ้านใครหรือเจ้าคะ”
“บ้านใหม่ของเราอย่างไรล่ะ”
“อะไรนะ! ท่านแน่ใจนะเจ้าคะว่ามาถูกที่”
“ทำไมหรือ”
“ก็มันช่าง…ดูดีอะไรถึงเพียงนี้ท่านไปหามาได้อย่างไรแพงมากหรือไม่”
“ก็…”
“ท่านพี่ซ่ง”
ซ่งอวี่ถงกำลังจะตอบคำถามของนางก็ได้ยินเสียงหวานใสของสตรีนางหนึ่งเอ่ยเรียกเขาขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ดีใจ?
‘เสียงใครกันนะ’
มู่อิงเถาหันหลังไปดูก็เห็นว่าเป็นสตรีคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของเสียงหวานใสผู้นั้นนั่นเอง ใบหน้าสวยหวานรูปร่างอรชรนี้ช่างงดงามเหมือนกับนางฟ้าเสียจริงส่วนตัวของนางเองนั้นไม่ต้องบรรยายรูปร่างให้ยุ่งยาก เหมือนกองขี้อย่างไรอย่างนั้น
“เอ๋ ท่านพี่ซ่งนั่นใครหรือเจ้าคะ”
สตรีผู้นั้นหันมามองมู่อิงเถาแววตาของนางมีแต่ความฉงนสงสัยในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ยิ่งนัก
“ข้าเป็นญาติห่างๆ กับท่านพี่ซ่งน่ะ”
“เอ๋?”
ทั้งซ่งอวี่ถงและซ่งหงอี้อุทานออกมาแล้วก็หันไปมองมู่อิงเถาพร้อมๆกัน ยังคงนึกแปลกใจที่นางพูดออกไปเช่นนั้น
“เป็นเช่นนั้นหรือเจ้าคะท่านพี่ซ่ง”
“ข้าว่าเข้าไปข้างในกันดีกว่า หงเอ๋อยืนนานไม่ได้” มู่อิงเถารีบพูดแทรกขึ้นมาเพราะกลัวว่าความจะแตกเอาได้
“เช่นนั้นข้าจะเป็นคนพาเข้าไปชมบ้านเองนะเจ้าคะ”
สตรีผู้นั้นกระวีกระวาดเปิดประตูเข้าไป สภาพบ้านด้านในดูดีมากๆ ดูดีกว่าที่จะเป็นแค่บ้านที่มีไว้ให้เช่าเท่านั้น
“ท่านพี่อย่าบอกนะว่าที่นี่คือบ้านของนาง”
“เป็นอย่างไรอยู่ได้หรือไม่เจ้าคะท่านพี่ซ่ง”
ไม่ทันที่ซ่งอวี่ถงจะตอบออกไปสตรีผู้นั้นก็หันมาถามพวกเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ลำบากกว่านี้พวกข้าก็อยู่มาแล้ว ขอบใจแม่นางซูมากนะขอรับ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกเจ้าค่ะตามที่ตกลงกันไว้ ท่านไม่ต้องจ่ายค่าเช่าให้ข้าก็เพียงแค่สอนหนังสือข้าช่วงเลิกเรียนก็พอแล้ว”
‘หื้อ ว่าแล้วกลิ่นตุๆ ลอยมาแต่ไกล’
“นางชอบท่านหรือ”
“พูดอะไร” ซ่งอวี่ถงใช้นิ้วดีดไปที่หน้าผากของนางเบาๆ ก่อนจะหันไปพูดคุยกับสตรีผู้นั้นต่อ
“แม่นางซูจะให้ข้าเริ่มสอนวันไหนงั้นหรือ”
“ตามที่ท่านพี่ซ่งสะดวกเลยเจ้าค่ะแต่ว่าต้องไปสอนที่บ้านของข้านะเจ้าค่ะ ท่านแม่ไม่ค่อยยอมให้ข้าออกจากเรือนเท่าใดนัก”
มู่อิงเถาแอบยกยิ้มเล็กน้อย
‘น่าจะไม่ค่อยอยากให้ลูกสาวคบหาชายตรงหน้าเสียมากกว่า’
‘เดี๋ยวนะอาการหน้าแดงระเรื่อของนางนั่นหมายความว่าอย่างไร’
“นางเป็นญาติของท่านสินะเจ้าค่ะ เจ้าชื่ออะไรหรือ”
“ข้าชื่อว่ามู่อิงเถา”
“ข้าซูม่านอวี้เรียนที่สำนักบัณฑิตที่เดียวกันกับท่านพี่ซ่ง เอาไว้วันหลังข้าจะหาเสื้อผ้าสวยๆ มาให้เจ้าใส่ เสื้อผ้าที่บ้านของข้านั้นมีมากจนใส่ไม่ทันเลยล่ะ”
“อย่าเลยข้าเกรงใจ”
“จะเกรงใจข้าทำไมกัน เจ้าเป็นญาติกับท่านพี่ซ่งก็เหมือนกับเป็นญาติของข้า”
‘เหมือนตรงไหน!’
“ขอบคุณพี่สาวซูมากนะเจ้าคะ”
“เอาล่ะพวกท่านพักผ่อนเถอะอีกห้าวันข้างหน้าพบกันที่โรงเรียนนะเจ้าคะ”
“อืม”
มู่อิงเถาหันไปมองตามแผ่นหลังตรงสวยนั้นอยากรู้เสียจริงว่าสตรีผู้นี้มีความสัมพันธ์อะไรกับซ่งอวี่ถงกันแน่จำได้เพียงแค่ว่านางตามเขาไปที่เมืองหลวงด้วยนี่นา แล้วหลังจากนั้นล่ะ
‘เฮ้อ…นิยายเล่มที่ 2 ก็ยังไม่วางขายเสียด้วยน่าเสียดายเสียจริง’
ขณะที่นางยืนคิดเงียบๆ อยู่นั้นก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าคนขับเกวียนวัวได้นำสัมภาระของพวกเขามาวางไว้ที่หน้าบ้านให้แล้ว
“คิดอะไรอยู่หรือมาเก็บของเข้าบ้านได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ”
…
“เจ้าอยากไปเรียนหนังสือด้วยหรือไม่”
“ไม่เอาหรอกเจ้าค่ะ”
มู่อิงเถาตอบทันที นางรู้ดีว่าสตรีในยุคนี้ที่สามารถเรียนหนังสือได้ก็คงมีเพียงแค่สตรีที่มีฐานะหรือชนชั้นสูงเท่านั้น ส่วนสตรีที่ยากจนทั้งยังอัปลักษณ์เช่นนางไหนเลยจะกล้าไปเรียนร่วมกับเขาได้
ซ่งอวี่ถงแม้จะเป็นตัวร้ายแต่เขาก็มีใบหน้าที่คมคายหล่อเหลาไม่น้อย รูปร่างสูงโปร่งที่เดิมทีคิดว่าคงจะผอมแห้งแต่กลับกันเขากลับมีกล้ามเนื้อแน่นเป็นมัดๆ หากเป็นยุคที่นางจากมาเขาก็คือนายแบบดีๆ นี่เอง
แล้วดูตัวของนางสิทั้งอวบอ้วนผิวก็ดำด้านเช่นนี้จะมีใครกล้าเข้าใกล้กัน แค่โป้ปดว่าเป็นญาติกับเขาก็เกรงว่าเขาอายจะแย่อยู่แล้ว
“ท่านพี่ซ่งไหนๆ พวกเราก็แยกบ้านออกมาแล้วเช่นนั้นพวกเราสองคนก็..”
“อะไรหรือ”
“ความจริงพวกเราสองคนก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกันใช่หรือไม่ ดังนั้น….”
“อยากเป็นงั้นหรือ”
‘หื้ออ อย่ามาทำข้าสติแตกนะไม่ได้ๆ อิงเถาเจ้าอย่าหวั่นไหวไปกับลมปากของเขาสิ’
“เป็นอะไรตีหน้าตัวเองทำไม”
มู่อิงเถาหยุดชะงักก่อนจะมองไปที่มือทั้งสองข้างของนางที่ถูกมือหนาของเขากอบกุมเอาไว้ ใบหน้าของนางก็เริ่มร้อนขึ้นมาดื้อๆ โชคยังดีที่นางมีผิวสีเข้มไม่เช่นนั้นคงต้องอับอายเขาเป็นแน่
มู่อิงเถาค่อยๆ เลื้อยแขนออกจากมือของเขาก่อนจะเขยิบไปยืนด้านข้างของหงเอ๋อด้วยความรวดเร็ว
“คือข้าคิดว่าเราสองคนเป็นพี่น้องกันดีกว่านะเจ้าคะ”
“พี่น้อง?”
“อื้ม”
“ข้าแต่งเจ้ามาเป็นภรรยา หาได้อยากได้น้องสาวไม่”
ซ่งอวี่ถงก้มหน้าพูดกับนางๆจึงไม่เห็นว่าใบหน้าของเขาตอนนี้นั้นเป็นอย่างไร
“เจ้าอยากไปจากข้าและหงเอ๋อมากเช่นนั้นหรือ”
“ห๋า ไม่ใช่เช่นนั้นเสียหน่อย”
“แล้วเพราะอะไร”
“ก็…”
มู่อิงเถาไม่กล้าเอ่ยสิ่งที่นางคิดในใจ หนึ่งเพราะนางไม่อยากอยู่ในฐานะภรรยาผู้ที่ต้องตายด้วยน้ำมือสามีเช่นเขาอย่างไรเล่าและสองนางอัปลักษณ์ถึงเพียงนี้เขาจะกล้าบอกกับคนอื่นได้อย่างไรว่านางคือภรรยาของเขา ได้อายคนอื่นแย่เลย
“ข้าเข้าใจแล้ว หากว่าเจ้าลำบากใจที่จะอยู่กับคนยากจนเช่นข้าเช่นนั้นหากไว้ข้าเก็บเงินได้มากพอข้าจะแบ่งให้เจ้าคนละครึ่งไว้สร้างเนื้อสร้างตัวก็แล้วกัน”
“ไม่ใช่เช่นนั้นเสียหน่อย”
ครั้งนี้ซ่งอวี่ถงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับนางเป็นเชิงถามว่าเหตุใดนางถึงอยากหย่ากับเขา
“กะ ก็ข้าไม่งดงามเช่นแม่นางผู้นั้น ท่านไม่อายคนอื่นเขาหรอกหรือที่มีภรรยาเช่นข้า”
ซ่งอวี่ถงขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินสิ่งที่นางเอ่ยออกมาแต่ก่อนจะได้ตอบนางไปซ่งหงอี้ก็เอ่ยออกมาเสียก่อนแล้ว
“ท่านอาสะใภ้ท่านลำบากมากับพวกข้าตั้งนาน เมื่อสบายแล้วท่านคิดว่าข้ากับอาสามจะทอดทิ้งท่านเช่นนั้นหรือ”
‘ก็ใช่ไงในนิยายก็ทิ้งข้าอย่างไรเล่า’
“ข้ากับอาสามไม่ใช่คนใจดำเช่นนั้นเสียหน่อย”
‘น้อยไปกระมัง’
“และอีกอย่างต่อให้พี่สาวผู้นั้นมาทอดสะพานให้ท่านอาของข้ามากเพียงใด แต่ในใจของข้าท่านก็คืออาสะใภ้เพียงคนเดียวที่ข้ายอมรับ”
‘วาจาดีเป็นเลิศ จะใจอ่อนตามแล้วนะเนี่ย’
“หงเอ๋อพูดถูกข้าไม่ทอดทิ้งคนที่ลำบากมาด้วยกันหรอก เจ้าไปพักผ่อนเถอะข้าจะตรวจดูรอบๆ บ้านอีกครั้ง”
“อะ อืม”
มู่อิงเถาเดินเข้าไปในบ้านเพื่อมองหาห้องนอนสำหรับตนเองภายใต้สายตาของสองบุรุษที่มองตามหลังนางไป
พวกเขาหันไปสบตากันแต่ไม่มีใครยอมเอ่ยอะไรออกมาอีกและไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเขาต่างก็คิดอะไรอยู่กันแน่
“มู่อิงเถา”“งื้อ ข้าจะนอนขอนอนตื่นสายสักวันสิ”“มู่อิงเถาเจ้าตื่นเดี๋ยวนี้นะ!”“โอ๊ย! ใครกันเรียกอยู่ได้ หืม....ลิงฮุยงั้นหรือ”“ข้าบอกว่าหากเรียกชื่อข้าผิดอีก ต่อไปนี้ข้าจะไม่ช่วยเจ้าอีกแล้วนะ”“ขอโทษทีข้ายังมึนๆ อยู่น่ะ สองสามวันมานี้เจ้าหายไปไหนมา”“ข้าไม่ได้หายไปไหนทั้งนั้นเจ้าลุกขึ้นมาได้แล้วน้ำพุแห่งกาลเวลาจะล้นออกมาแล้วเนี่ย”“อะไรนะ”มู่อิงเถาได้ยินดังนั้นก็รีบลุกขึ้นมาทันที เมื่อมองไปรอบๆ ที่แห่งนี้กลับไม่ใช่ห้องนอนที่นางนอนเมื่อคืนนี้เสียอย่างนั้น
หมู่บ้านต้าไห่ เมืองเป่ยเย่“ท่านอาอวี่ถงขอรับอาสะใภ้สามตายแล้ว ท่านย่าเฆี่ยนตีนางจนตายไปแล้ว”ซ่งหงอี้บุตรชายของพี่รองของเขาเป็นคนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ“เจ้าพูดอะไร! กล้าใส่ความข้าได้อย่างไรนางป่วยออดๆ แอดๆ รอวันตายเช่นนี้เหตุใดเจ้าถึงกล้ามากล่าวหาข้า”ฮูหยินซ่งผู้ที่รังเกียจลูกสะใภ้มาตั้งแต่นางตบแต่งเข้ามาในบ้าน โบ้ยความผิดให้คนที่นอนหายใจอ่อนรวยรินที่แคร่หน้าบ้านของตระกูลซ่งบ้านตระกูลซ่งนั้นถือว่ามีฐานะที่ดีพอสมควรก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีเหตุการณ์ที่รุนแรงเกิดขึ้นในครอบครัวเลยสักครั้ง แต่เพราะไม่นานมานี้นายท่านซ่งนั้นได้สิ้นใจไปจึงทำให้ฮูหยินซ่งขึ้นเป็นหัวหน้าครอบครัวแทน ลูกหลานทุกคนจึงต้องเชื่อฟังนางนั่นเองฮูหยินซ่งนั้นมีลูกชายสามคน คนโตยังอยู่ที่บ้านใหญ่ ลูกชายคนรองเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งสิ้นใจตายไปพร้อมภรรยารักของเขา ส่วนลูกชายคนที่สามก็คือซ่งอวี่ถงสามีของมู่อิงเถาสตรีที่นอนอยู่บนแคร่หน้าบ้านตระกูลซ่งนั่นเองแต่ก่อนพี่ชายคนรองของซ่งอวี่ถงนั้นต้องตรากตรำทำงานหนักในไร่ในนาเพียงลำพัง ส่วนซ่งอวี่ถงนั้นเพราะเขาอ่านหนังสือออกมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว นายท่านซ่งจึงส่งเขาไปเรียนที่
“ผะ ผีหลอก! ช่วยด้วยผีหลอก”มู่อิงเถาค่อยๆขยับร่างกายขึ้นมาก่อนจะเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งของนางขึ้นทีละนิดความจริงนางนั้นตื่นมาได้สักพักแล้ว นานพอที่จะได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดและที่น่าปวดใจก็คือนางข้ามเวลามาอยู่ในร่างของสตรีผู้ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อผลักดันให้ผู้เป็นสามีเช่น ซ่งอวี่ถงสอบเข้าราชการจนได้ดิบได้ดีและสุดท้ายก็ต้องตายเพราะน้ำมือของเขานั่นเองเรื่องราวเหล่านี้อยู่ในนิยายเล่มโปรดที่เธอชอบอ่านจนจบไปหลายครั้งทว่าในส่วนท้ายของนิยายเล่มนั้นกลับไม่ได้กล่าวเอาไว้ถึงการดำเนินเรื่องของตัวร้ายว่าไปในทิศทางใดเพราะยังมีเล่ม 2 ที่นักเขียนยังเขียนไม่จบนั่นเองแม้จะไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตนเองจนได้แต่ในเมื่อเธอเข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้วก็คงทำได้แค่ทำใจอย่างเดียวเธอจำไม่ได้เลยสักเพียงนิดว่าเจ้าของร่างนี้รู้สึกอย่างไรกับคนในครอบครัวนี้ เพราะความทรงจำอันน้อยนิดที่พอจะนึกขึ้นได้ทำให้เธอไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับใครเลยแต่ที่น่าอนาจใจนั้นคือสตรีผู้ที่เธอเข้ามาอาศัยอยู่ในร่างนี้ต่างหากเล่า ถูกทุบตีจนตายเช่นนี้นางทนไปได้อย่างไรกัน“มะ มู่อิงเถาเจ้าตายไปแล้วนี่นา ข้าเป
“พวกเจ้าอย่าได้คิดเอาอะไรในบ้านของข้าไปแม้แต่ชิ้นเดียว ของทุกชิ้นในบ้านนี้เป็นของตระกูลซ่งทั้งหมด!”ซ่งอวี่ถงและซ่งหงอี้ถึงกับส่ายหน้าอย่างจนใจพวกเขาเข้าไปในบ้านโทรมๆ ที่ถูกแยกออกมาจากตัวบ้านใหญ่ก่อนจะเก็บเสื้อผ้าของใช้เล็กน้อยใส่หีบใบเล็กอย่างรวดเร็ว ซ่งหงอี้รนรานรีบเก็บเสื้อผ้าที่มีน้อยชิ้นของตนเองยัดลงไปในหีบเดียวกันกับผู้เป็นอาด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ออกจากบ้านหลังนี้“เจ้าก็มาเก็บของของเจ้าสิ”เป็นซ่งอวี่ถงที่เอ่ยออกมาเพราะเมื่อหันไปมองด้านหลังก็เห็นว่ามู่อิงเถาเอาแต่ยืนนิ่งจ้องมองมาที่พวกเขาตาปริบๆ ไม่คิดที่จะขยับตัวเลยสักเพียงนิด“อ่อ เอ่อได้ๆ”ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่มามุงดูสองบุรุษต่างวัยและหนึ่งสตรีอวบอ้วนต่างก็หอบเอาหีบเสื้อผ้าของตนเองออกมาที่ลานหน้าบ้าน และเป็นซ่งอวี่ถงที่เอ่ยปากออกมาในที่สุด“ท่านพูดเองว่าต่อไปนี้พวกข้ากับบ้านใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกันเป็นตายไม่รับรู้กัน เช่นนั้นพวกท่านเองก็อย่ามารบกวนพวกข้าอีกก็เป็นพอ”“คิดว่าพวกเจ้ามีดีตรงไหนพวกข้าถึงต้องร้องขอเจ้างั้นหรือ”“เป็นเช่นนั้นก็ดี”ซ่งอวี่ถงเอ่ยออกมาเพียงสั้นๆก่อนจะจ้องมองฮูหยินซ่งอีกครั้งแล้วรีบพาทั้งสองคนเดินออ
“นั่นเจ้าจะทำอะไร”“!” เสียงชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นขณะที่มู่อิงเถากำลังถือเสื้อผ้าของเขาเอาไว้ในมือ นางหันหลังกลับไปดูก็พบว่าเป็นซ่งอวี่ถงที่กำลังยืนถือถังใส่ปลาเอาไว้ในมือ ใบหน้าของเขามีความไม่พอใจแผ่ซ่านออกมาแต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้นแล้วก็กลับมาเป็นปกติดังเดิมมู่อิงเถายืนนิ่งพูดไม่ออกอยู่พักใหญ่เพราะคิดไม่ถึงว่าซ่งอวี่ถงจะกลับมาเร็วเช่นนี้ นางรนรานลุกขึ้นเดินไปยืนอยู่ข้างเตียงนอนที่จัดเตรียมเอาไว้ก่อนจะเอ่ยปากบอกผู้เป็นสามีว่า“ขอโทษที่ข้าเข้าไปรื้อของๆท่าน ข้าแค่เพียงจะจัดเตรียมที่นอนเอาไว้ให้ท่านก็เท่านั้นเอง”“เป็นเช่นนั้นหรือ เจ้าหยุดมือก่อนเถอะไปล้างเนื้อล้างตัวได้แล้ววันนี้ข้าจะทำอาหารเย็นเอง”“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าทำเอง”“เจ้าถูกท่านแม่ทุบตีมาเช่นนี้เนื้อตัวคงระบมแย่เลย ไปแช่น้ำอุ่นๆ ก่อนเถอะทางนี้ข้าจัดการเอง”“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”มู่อิงเถาช้อนสายตามองผู้เป็นสามีในนามที่กำลังเดินไปที่เพิงครัวที่เพิ่งทำขึ้นมาใหม่ๆ “แล้วหงเอ๋อเล่า”“อยู่หน้าบ้านกระมังเจ้าคะ”“งั้นหรือ”“ข้าไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน”“อืม”'คิดอะไรอยู่กันแน่นะ ดูแปลกคนเสียจริง’แม้จะแต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้วแต่
“อิงเอ๋อ อิงเอ๋อ!”“จะ เจ้าคะ”“ไปยืนทำอะไรตรงนั้นเข้ามานั่งได้แล้วหากอาหารเย็นชืดหมดจะเสียรสชาติเอา”“เจ้าค่ะ”“ท่านอาสะใภ้กินนี่สิ ข้าคีบให้”ซ่งหงอี้คีบเนื้อปลาให้นางอย่างทุลักทุเล ซ่งอวี่ถงเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเขาเอาแต่คีบข้าวเปล่ากินอยู่อย่างนั้นจนนางนึกสงสัย‘ปลามีตั้งหลายตัวเหตุใดถึงกินแต่ข้าวเปล่าๆเช่นนั้นกัน’“ท่านกินแต่ข้าวเปล่าไม่แตะอาหารสักคำ เป็นอะไรอาหารไม่ถูกปากหรือ”“ข้ากลัวเจ้าไม่อิ่ม”“ห๋า”“เจ้ากินไปเถอะตอนออกไปจับปลาข้าก็ย่างกินไปหลายตัวแล้ว ในท้องก็อิ่มพอตัวก็เพียงแค่นั่งกินเป็นเพื่อนเจ้ากับหงเอ๋อก็เท่านั้น”“อ่อ อย่างนี้เองหรือ”“นี่ท่านอาสะใภ้”“หืม”“พวกท่านนอนเตียงเดียวกันใช่ไหม เช่นนั้นข้าขอนอนเตียงเล็กนะขอรับ”“แค่กๆ”“อะไรกันข้าถามแค่นี้เองต้องตกใจด้วยงั้นหรือ”“คือว่าหงเอ๋อข้านอนกับเจ้าก็ได้นะ”“ไม่เอาตัวพวกท่านใหญ่ออกปานนั้นข้าได้ตกเตียงตายหรอก ข้าขอนอนคนเดียวดีกว่า”“อะ เอ่อ”มู่อิงเถาหันไปมองใบหน้าของชายหนุ่ม เดิมทีนึกว่าเขาจะต่อต้านหรือปฎิเสธอะไรออกไปบ้างแต่เขากลับเอาแต่นิ่งเงียบแล้วก็กินข้าวต่อเหมือนไม่ได้ยินที่ซ่งหงอี้พูดเมื่อครู่นี้เลย‘อะไรกัน
“เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ”“!”“พวกท่านดูสินางอัปลักษณ์คนนี้มันทำร้ายข้าดูสิเลือดข้าไหลอาบเต็มหน้าไปหมดแล้ว”‘อยากรับบทเป็นเหยื่อสินะ ข้าจะสอนพวกเจ้าเองว่าเหยื่อที่ดีต้องทำอย่างไร’“หากพวกท่านมีตาก็คงเห็นว่านางเข้ามาทำลายข้าวของในบ้านข้าแล้วยังจะมาทุบตีหงเอ๋ออีก กล้าดีอย่างไรถึงมาทำตัวน่าสงสารใส่ความว่าข้าทำร้ายเจ้ากัน”“นั่นนะสิ”เสียงของชาวบ้านต่างก็เห็นด้วยกับมู่อิงเถา คิดไปในทิศทางเดียวกันกับนาง ไม่มีใครเห็นด้วยกับสะใภ้ใหญ่ซ่งเลยสักคน“จะ เจ้า เจ้ากล้าใส่ความข้างั้นหรือ”“หรือไม่จริงล่ะคนบ
ซ่งอวี่ถงรีบออกจากบ้านเพื่อเดินทางเข้าไปตามท่านหมอในตัวเมืองแต่ยังไม่ทันได้ก้าวข้ามผ่านประตูรั้วเขาก็หันกลับมามองมู่อิงเถาอีกครั้ง แววตาของเขามีความกังวลบางอย่างซ่อนเอาไว้“เจ้าอยู่คนเดียวได้แน่นะ”“ท่านพี่ข้าอยู่คนเดียวเสียที่ไหนกันยังมีหงเอ๋ออยู่ด้วยนะ”“ท่านอาสามข้าดูแลอาสะใภ้ได้ขอรับ”ซ่งอวี่ถงส่ายหน้าให้พวกเขาเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินทางเข้าเมืองเพื่อไปที่โรงหมอเดิมทีเขาคิดจะพาซ่งหงอี้ไปด้วยแต่เพราะร่างกายที่บอบช้ำจากการโดนทุบตีอีกทั้งยังมีมู่อิงเถาอีกคนการเดินทางเข้าเมืองอาจจะทำให้ล่าช้าขึ้น เขาจึงเลือกที่จะทิ้งทั้งคู่เอาไว้ที่บ้านแล้วเดินทางไปเพียงลำพังในใจก็หวั่นเกรงทั้งคู่จะเป็นอันตราย ได้แต่คิดแล้วก็รีบเดินทางไปด้วยความรวดเร็ว“หงเอ๋อเจ้าเป็นลูกผู้ชายต้องอดทนเอาไว้นะเข้าใจหรือไม่”“เข้าใจขอรับท่านอาสะใภ้”“เลิกเรียกข้าว่าอาสะใภ้เสียทีเถอะข้ากับท่านอาสามของเจ้าแม้จะแต่งงานกันแล้วแต่ก็ไม่เคยร่วมหอกันเลยสักครั้งนะ อีกอย่างเจ้าดูรูปร่างของข้าสิเหมาะสมกับท่านอา
“มู่อิงเถา”“งื้อ ข้าจะนอนขอนอนตื่นสายสักวันสิ”“มู่อิงเถาเจ้าตื่นเดี๋ยวนี้นะ!”“โอ๊ย! ใครกันเรียกอยู่ได้ หืม....ลิงฮุยงั้นหรือ”“ข้าบอกว่าหากเรียกชื่อข้าผิดอีก ต่อไปนี้ข้าจะไม่ช่วยเจ้าอีกแล้วนะ”“ขอโทษทีข้ายังมึนๆ อยู่น่ะ สองสามวันมานี้เจ้าหายไปไหนมา”“ข้าไม่ได้หายไปไหนทั้งนั้นเจ้าลุกขึ้นมาได้แล้วน้ำพุแห่งกาลเวลาจะล้นออกมาแล้วเนี่ย”“อะไรนะ”มู่อิงเถาได้ยินดังนั้นก็รีบลุกขึ้นมาทันที เมื่อมองไปรอบๆ ที่แห่งนี้กลับไม่ใช่ห้องนอนที่นางนอนเมื่อคืนนี้เสียอย่างนั้น
-เมืองเป่ยเย่-‘ว้าวเมืองเล็กๆ ยังน่าตื่นตาตื่นใจถึงเพียงนี้ถ้าเป็นเมืองหลวงเล่าจะใหญ่โตแค่ไหนกันนะ’“เป็นอะไรไม่เคยเข้ามาในเมืองเลยงั้นหรือ ข้าจำได้ว่าพี่สะใภ้รองเคยพาเจ้ามาซื้อของในเมืองอยู่นะจำไม่ได้แล้วหรือ”“ข้าเคยมาแล้วงั้นหรือ อาจจะเพราะตั้งแต่โดนตีเกือบตายวันนั้นข้าก็เลอะเลือนจนลืมไปเสียสนิทเลยน่ะเจ้าคะ”“งั้นหรือ”ซ่งอวี่ถงยังคงจับจ้องนางไม่หยุด มู่อิงเถาได้แต่ยิ้มให้เขาเท่านั้นเกวียนวัวมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง บ้านที่ดูไม่ได้หลังใหญ่โตมากนักแต่เมื่อมองไปรอบๆ กลับมีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยเลยทีเดียว“ลงไปกันเถอะ”“ท่านพี่นี่บ้
ทั้งคู่เดินแบกหมูป่าคนละตัวกลับไปที่บ้านด้วยความรวดเร็ว เมื่อมาถึงบ้านซ่งอวี่ถงก็ถึงกับปาดเหงื่อไปไม่น้อยแต่เมื่อหันไปมองมู่อิงเถานางกลับไม่มีสีหน้าเหน็ดเหนื่อยเลยแม้เพียงนิด'เป็นไปได้อย่างไรกันล่ะเนี่ย'“ท่านมองข้าทำไมหรือ”“อะ เอ่อไม่มีอะไรหรอก เจ้าเหนื่อยหรือไม่”“ไม่เลยเจ้าค่ะข้าทำงานหนักมามากร่างกายจึงแข็งแรงกว่าคนปกตินัก ท่านรีบไปแล่เนื้อของมันเถอะจะได้รีบเอาไปขาย”“ข้ารู้แล้ว”“ท่านอาสามกลับมาแล้วหรือ”“หงเอ๋ออย่าวิ่งสิเดี๋ยวก็หกล้มหรอก แล้วนี่เจ้าวิ่งได้แล้วหรือ”“ข้าเจ็บที่แขนนะขอรับไม่ใช่ขาแม้จ
ซ่งอวี่ถงพานางเดินลัดเลาะมายังท้ายหมู่บ้านและเดินต่อไปเพียงไม่ถึงหกลี้[1] ก็มาถึงตีนเขาแล้ว แม้ระยะทางจะดูไม่ได้ไกลเกินไปแต่รูปร่างที่อวบอ้วนของนางนั้นกลับทำให้นางรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าคนปกติถึงสามเท่าเมื่อมองขึ้นไปบนหุบเขาบรรยากาศตรงหน้าช่างดูน่ากลัวเป็นอย่างมากแต่เมื่อหันไปมองใบหน้าของซ่งอวี่ถงกลับนิ่งเฉยเสียอย่างนั้น หรือว่าเป็นเรื่องปกติของเขาไปแล้วนะถึงไม่ได้ดูหวาดกลัวต่อสิ่งใดเลย“ท่านพี่ พวกเราต้องเดินเข้าไปอีกไกลหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่หรอกอีกไม่ถึงหนึ่งลี้[2] ก็ถึงแล้วล่ะเมื่อวานข้าทำลอบดักสัตว์เอาไว้ มาครั้งนี้ก็เพียงแค่เข้าไปตรวจดูเผื่อโชคดีอาจจะได้หมูป่าหรือกระต่ายป่ามาสักตัว”“งั้นหรือ”มู่อิงเถาไม่ได้คิดเช่นนั้นนางอยากได้สมุนไพรบางอย่างเพราะเมื่อวานที่คลองท้ายหมู่บ้าน นางได้ยินสะใภ
มู่อิงเถาเข้าครัวทำอาหารง่ายๆ ให้ซ่งอวี่ถงสองสามอย่างเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยนางจึงเดินเข้าไปในห้องนอนตั้งใจจะไปดูอาการของเด็กชายเสียหน่อย แต่เมื่อเดินไปถึงหน้าห้องประตูก็ถูกแง้มออกมาเล็กน้อยแล้วที่ข้างเตียงนอนของเด็กชายตัวน้อยนั้นมีซ่งอวี่ถงที่คอยเช็ดเนื้อตัวให้เขาอย่างเบามือด้วยความอ่อนโยน“ดูเหมือนหงเอ๋อจะไม่ทรมานมากเท่าใดแล้วนะเจ้าคะ”“ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น อีกสองวันข้าจะเข้าเมืองไปสำนักบัณฑิตขอลาหยุดสักเจ็ดวันเพื่ออยู่เป็นเพื่อนพวกเจ้า”“ไม่ต้องหรอก พวกข้าอยู่ได้”“แต่หงเอ๋อบาดเจ็บเพียงนี้หากว่าบ้านนั้นมาระรานพวกเจ้าอีกจะทำอย่างไร ไม่ได้หรอกข้าไม่ไว้ใจ”“ทำมาก็ทำกลับสิ”
ซ่งอวี่ถงรีบออกจากบ้านเพื่อเดินทางเข้าไปตามท่านหมอในตัวเมืองแต่ยังไม่ทันได้ก้าวข้ามผ่านประตูรั้วเขาก็หันกลับมามองมู่อิงเถาอีกครั้ง แววตาของเขามีความกังวลบางอย่างซ่อนเอาไว้“เจ้าอยู่คนเดียวได้แน่นะ”“ท่านพี่ข้าอยู่คนเดียวเสียที่ไหนกันยังมีหงเอ๋ออยู่ด้วยนะ”“ท่านอาสามข้าดูแลอาสะใภ้ได้ขอรับ”ซ่งอวี่ถงส่ายหน้าให้พวกเขาเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินทางเข้าเมืองเพื่อไปที่โรงหมอเดิมทีเขาคิดจะพาซ่งหงอี้ไปด้วยแต่เพราะร่างกายที่บอบช้ำจากการโดนทุบตีอีกทั้งยังมีมู่อิงเถาอีกคนการเดินทางเข้าเมืองอาจจะทำให้ล่าช้าขึ้น เขาจึงเลือกที่จะทิ้งทั้งคู่เอาไว้ที่บ้านแล้วเดินทางไปเพียงลำพังในใจก็หวั่นเกรงทั้งคู่จะเป็นอันตราย ได้แต่คิดแล้วก็รีบเดินทางไปด้วยความรวดเร็ว“หงเอ๋อเจ้าเป็นลูกผู้ชายต้องอดทนเอาไว้นะเข้าใจหรือไม่”“เข้าใจขอรับท่านอาสะใภ้”“เลิกเรียกข้าว่าอาสะใภ้เสียทีเถอะข้ากับท่านอาสามของเจ้าแม้จะแต่งงานกันแล้วแต่ก็ไม่เคยร่วมหอกันเลยสักครั้งนะ อีกอย่างเจ้าดูรูปร่างของข้าสิเหมาะสมกับท่านอา
“เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ”“!”“พวกท่านดูสินางอัปลักษณ์คนนี้มันทำร้ายข้าดูสิเลือดข้าไหลอาบเต็มหน้าไปหมดแล้ว”‘อยากรับบทเป็นเหยื่อสินะ ข้าจะสอนพวกเจ้าเองว่าเหยื่อที่ดีต้องทำอย่างไร’“หากพวกท่านมีตาก็คงเห็นว่านางเข้ามาทำลายข้าวของในบ้านข้าแล้วยังจะมาทุบตีหงเอ๋ออีก กล้าดีอย่างไรถึงมาทำตัวน่าสงสารใส่ความว่าข้าทำร้ายเจ้ากัน”“นั่นนะสิ”เสียงของชาวบ้านต่างก็เห็นด้วยกับมู่อิงเถา คิดไปในทิศทางเดียวกันกับนาง ไม่มีใครเห็นด้วยกับสะใภ้ใหญ่ซ่งเลยสักคน“จะ เจ้า เจ้ากล้าใส่ความข้างั้นหรือ”“หรือไม่จริงล่ะคนบ
“อิงเอ๋อ อิงเอ๋อ!”“จะ เจ้าคะ”“ไปยืนทำอะไรตรงนั้นเข้ามานั่งได้แล้วหากอาหารเย็นชืดหมดจะเสียรสชาติเอา”“เจ้าค่ะ”“ท่านอาสะใภ้กินนี่สิ ข้าคีบให้”ซ่งหงอี้คีบเนื้อปลาให้นางอย่างทุลักทุเล ซ่งอวี่ถงเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเขาเอาแต่คีบข้าวเปล่ากินอยู่อย่างนั้นจนนางนึกสงสัย‘ปลามีตั้งหลายตัวเหตุใดถึงกินแต่ข้าวเปล่าๆเช่นนั้นกัน’“ท่านกินแต่ข้าวเปล่าไม่แตะอาหารสักคำ เป็นอะไรอาหารไม่ถูกปากหรือ”“ข้ากลัวเจ้าไม่อิ่ม”“ห๋า”“เจ้ากินไปเถอะตอนออกไปจับปลาข้าก็ย่างกินไปหลายตัวแล้ว ในท้องก็อิ่มพอตัวก็เพียงแค่นั่งกินเป็นเพื่อนเจ้ากับหงเอ๋อก็เท่านั้น”“อ่อ อย่างนี้เองหรือ”“นี่ท่านอาสะใภ้”“หืม”“พวกท่านนอนเตียงเดียวกันใช่ไหม เช่นนั้นข้าขอนอนเตียงเล็กนะขอรับ”“แค่กๆ”“อะไรกันข้าถามแค่นี้เองต้องตกใจด้วยงั้นหรือ”“คือว่าหงเอ๋อข้านอนกับเจ้าก็ได้นะ”“ไม่เอาตัวพวกท่านใหญ่ออกปานนั้นข้าได้ตกเตียงตายหรอก ข้าขอนอนคนเดียวดีกว่า”“อะ เอ่อ”มู่อิงเถาหันไปมองใบหน้าของชายหนุ่ม เดิมทีนึกว่าเขาจะต่อต้านหรือปฎิเสธอะไรออกไปบ้างแต่เขากลับเอาแต่นิ่งเงียบแล้วก็กินข้าวต่อเหมือนไม่ได้ยินที่ซ่งหงอี้พูดเมื่อครู่นี้เลย‘อะไรกัน
“นั่นเจ้าจะทำอะไร”“!” เสียงชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นขณะที่มู่อิงเถากำลังถือเสื้อผ้าของเขาเอาไว้ในมือ นางหันหลังกลับไปดูก็พบว่าเป็นซ่งอวี่ถงที่กำลังยืนถือถังใส่ปลาเอาไว้ในมือ ใบหน้าของเขามีความไม่พอใจแผ่ซ่านออกมาแต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้นแล้วก็กลับมาเป็นปกติดังเดิมมู่อิงเถายืนนิ่งพูดไม่ออกอยู่พักใหญ่เพราะคิดไม่ถึงว่าซ่งอวี่ถงจะกลับมาเร็วเช่นนี้ นางรนรานลุกขึ้นเดินไปยืนอยู่ข้างเตียงนอนที่จัดเตรียมเอาไว้ก่อนจะเอ่ยปากบอกผู้เป็นสามีว่า“ขอโทษที่ข้าเข้าไปรื้อของๆท่าน ข้าแค่เพียงจะจัดเตรียมที่นอนเอาไว้ให้ท่านก็เท่านั้นเอง”“เป็นเช่นนั้นหรือ เจ้าหยุดมือก่อนเถอะไปล้างเนื้อล้างตัวได้แล้ววันนี้ข้าจะทำอาหารเย็นเอง”“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าทำเอง”“เจ้าถูกท่านแม่ทุบตีมาเช่นนี้เนื้อตัวคงระบมแย่เลย ไปแช่น้ำอุ่นๆ ก่อนเถอะทางนี้ข้าจัดการเอง”“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”มู่อิงเถาช้อนสายตามองผู้เป็นสามีในนามที่กำลังเดินไปที่เพิงครัวที่เพิ่งทำขึ้นมาใหม่ๆ “แล้วหงเอ๋อเล่า”“อยู่หน้าบ้านกระมังเจ้าคะ”“งั้นหรือ”“ข้าไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน”“อืม”'คิดอะไรอยู่กันแน่นะ ดูแปลกคนเสียจริง’แม้จะแต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้วแต่