มู่อิงเถานั่งนวดแป้งสำหรับทำซาลาเปาอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้านพลางจ้องมองสองอาหลานที่กำลังพูดคุยกันอย่างถูกคอ เสียงหัวเราะของพวกเขาดังก้องไปทั่วบริเวณบ้าน นางหันไปมองแล้วส่ายหน้าให้พวกเขาเบาๆเพราะไม่ได้พบกันนานร่วมเดือนด้วยความคิดถึงพวกเขาจึงนั่งสนทนากันตั้งแต่กลับจากตลาดจนกินเวลาไปหลายชั่วยามกว่าทั้งคู่จะผละออกจากกันได้ก็เป็นเวลาเกือบยามโหย่ว[1] แล้วซ่งหงอี้ทำตัวติดผู้เป็นอาทั้งวันจนซ่งอวี่ถงถึงกับต้องออกปากไล่หลานชายของเขาให้ไปนอนเสียทีเพราะทั้งวันเอาแต่พูดคุยและวิ่งเล่นรอบๆ ตัวซ่งอวี่ถงไม่หยุดเมื่อหัวถึงหมอนเด็กชายตัวน้อยก็หลับไปอย่างง่ายดายจนลืมหยิบเอากระโถนสำหรับปัสสาวะติดมือเข้าไปในห้องนอนด้วยกลางดึกซ่งหงอี้จึงจำต้องงัวเงียลุกขึ้นมาจากเตียงนอนก่อนจะเดินโซเซเพื่อออกจากห้องไปทำธุระส่วนตัวด้วยอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นยังไม่เต็มตาดีนักเขาเดินพ้นจากประตูหน้าเพื่อออกไปลานหน้าบ้านท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรีบรรยากาศที่เงียบงันในเวลากลางดึกเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกขนลุกอยู่ไม่น้อย จึงรีบจัดการตนเองแล้วรีบเดินหันหลังกลับเข้าบ้านด้วยความรวดเร็วแต่ขณะที่กำลังจะเดินผ่านประตูเข้าไปนั้น สายตาของเข
มู่อิงเถารู้สึกโล่งใจไม่น้อยที่เขาไม่สนใจนาง ก่อนจะเอนหลังลงกับเตียงนอนหนานุ่มนั้นเตียงนอนอุ่นๆ ช่างต่างจากอากาศรอบข้างที่หนาวเย็นจับใจอาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ซ่งอวี่ถงนั่งอยู่บริเวณนี้ถึงยังมีไออุ่นหลงเหลืออยู่ มู่อิงเถาขดตัวกับผ้าห่มหนานุ่มเพียงไม่นานก็หลับตาลงลมหายใจที่สม่ำเสมอบ่งบอกว่านางนอนหลับไปแล้วซ่งอวี่ถงหันไปมองคนด้านข้างก่อนจะปิดตำราแล้ววางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง เขาขยับร่างกายเข้าใกล้นางเล็กน้อยก่อนจะจับจ้องใบหน้าขาวนวลนั้นอย่างไม่วางตาไล่สายตาตั้งแต่ผมยาวดกดำไปจนถึงริมฝีปากสีแดงระเรื่อนั้นก่อนจะก้มหน้าลงบรรจงจูบไปที่ปากนุ่มนิ่มของนางเบาๆ ความหวานของนางละลายเชื่อมเข้ากับริมฝีปากหนารสจูบที่นุ่มนวลค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นมู่อิงเถาครึ่งหลับครึ่งตื่นรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออกแต่เพราะอาการเหนื่อยล้าที่สะสมมานานทำให้นางไม่สามารถลืมตาตื่นขึ้นมาได้ในเวลานี้ ทำได้เพียงแค่ใช้สองแขนนั้นผลักบางสิ่งบางอย่างที่อยู่บนตัวนางออกไปเท่านั้นซ่งอวี่ถงรวบข้อมือของนางเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวก่อนจะตักตวงความหอมหวานอย่างไม่คิดจะปล่อยโอกาสเช่นนี้ให้หลุดลอยไป อาการที่คล้ายจะขาดอากาศหายใจของน
-สำนักบัณฑิต-“อวี่ถง ซ่งอวี่ถง!”เฉิงมู่เหยียนอาจารย์ที่สั่งสอนเขามาตั้งแต่ยังเยาว์วัยกำลังยืนมองเขาด้วยความรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย'เขายืนอยู่หน้าห้องหนังสือแท้ๆ เหตุใดเจ้าเด็กคนนี้ถึงได้มองไม่เห็นกัน'“ท่านอาจารย์ ขออภัยขอรับพักนี้ข้ารู้สึกว่า..”“เจ้าเหม่อลอยแทบทุกวัน คุณหนูซูเคยบอกกับข้าว่าครอบครัวของเจ้ามีปัญหาก่อเรื่องให้เจ้าไม่เว้นวัน”“นางไม่ได้ก่อเรื่องอันใดเลยนี่ขอรับ”“นาง? ภรรยาของเจ้าคนนั้นนะหรือ”“คือว่า”“นายท่านซ่งเคยบอกกับข้าเอาไว้ก่อนที่เขาจะสิ้นใจสตรีที่แต่งงานกับเจ้าจะผลักดันทำให้เจ้ามีหน้าที่การงานที่ดี แต่เหตุใดเท่าที่ข้าเห็นทุกวันนี้เจ้าถึงได้มีสภาพเช่นนี้ไม่มีสมาธิเหมือนเมื่อก่อนนี้เลย อะไรทำให้เจ้าเป็นกังวลใจอยู่อย่างนั้นหรือ”“ไม่มีอะไรขอรับท่านอาจารย์”“เฮ้อ…ช่างเถอะหากเจ้าไม่สบายใจที่จะบอกข้าก็จะไม่ซักไซร้เจ้าอีก แต่เจ้าจงจำเอาไว้การที่พ่อของเจ้าส่งมาเรียนที่นี่ก็เพราะเขาอยากให้เจ้ามีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้อย่าทำให้ใครบางคนมาฉุดรั้งเจ้าเอาไว้เช่นนี้สิ”“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ”“อีกสองเดือนข้างหน้าจะถึงเวลาสอบจอหงวนแล้ว หวังว่าศิษย์เอกของข้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวั
ซ่งอี้ถงให้เหตุผลว่าใกล้เข้าสู่ช่วงสอบแข่งขันแล้วเขาจึงไม่สามารถไปสอนหนังสือให้คุณหนูซูผู้นั้นได้อีกต่อไป สตรีผู้นั้นพยักหน้ารับรู้แต่วันต่อมากลับหอบเอาตำรามาที่บ้านของพวกนางตั้งแต่เช้า“ข้าเองก็จะเข้าเมืองหลวงท่านแม่อยากให้ข้าไปช่วยงานที่ร้านโอสถน่ะเจ้าค่ะข้าจึงต้องอ่านให้มากๆ หน่อย”‘อ่านให้มากๆ ไม่ใช่ว่าต้องใช้เวลาส่วนตัวอ่านเงียบๆ หรอกหรือ’มู่อิงเถาแม้จะงุนงงกับเหตุผลโง่ๆ ของนางอยู่ไม่น้อยแต่เพราะภารกิจเปลี่ยนตัวภรรยาของซ่งอวี่ถงยังไม่สำเร็จนางจึงทำได้เพียงแค่ส่งยิ้มบางๆ ไปให้ซูม่านอี้เท่านั้น“ข้าจะไปเตรียมของว่างมาให้พวกท่านๆ เองก็อยู่สอนนางไปก่อนนะเจ้าคะ”“เดี๋ยวสิ! เวลานี้มู่เฉินกับหงเอ๋อเองก็ไม่อยู่บ้านเช่นนั้นเจ้าก็อยู่สนทนาเป็นเพื่อนกับนางไปก่อนดีหรือไม่”“ข้าไม่…”“แม่นางซู ภรรยาของข้าทำซาลาเปาเอาไว้รสชาติอร่อยใช้ได้เลยเดี๋ยวข้าจะไปเอามาให้เจ้าชิมดู เจ้าอยู่กับนางไปก่อนนะอิงเอ๋อ”‘ภรรยา? จะย้ำไปทำไมกันนะ’“ก็ได้เจ้าค่ะ”“ดีเลยข้าเองก็เอาน้ำชามาด้วยเหมือนกัน ลำบากท่านพี่ซ่งแล้วนะเจ้าคะ”มู่อิงเถามองคนนั้นคนนี้สลับกันไปมา ‘นี่นางกลายเป็นสิ่งของที่ใช้คั่นกลางระหว่างพวกเขาไปแ
มู่อิงเถาที่นั่งถือจอกน้ำอุ่นอยู่นั้นก็เหลือบไปเห็นชายผ้าของเขาที่ดูเหมือนว่าจะใกล้นางเข้ามาทุกที นางเงยหน้าขึ้นไปมองซ่งอวี่ถงด้วยแววตาสงสัยครู่หนึ่งในดวงตาของเขามีแววตาที่ร้อนแรงส่องประกายออกมาแต่ไม่นานก็หายไป ในชาติที่แล้วนางครองตัวเป็นโสดมาจนถึงอายุยี่สิบห้าปีจึงไม่เข้าใจอากัปกิริยาของเขาในเวลานี้นัก“ท่าน?”“ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะ เจ้าช่วยพาข้าไปที่ตลาดหน่อยจะได้หรือไม่”“ไปทำไมหรือเจ้าคะ”“ข้าต้องหาของขวัญให้ท่านอาจารย์น่ะ”“อ่อ ได้สิ”มู่อิงเถาวางจอกน้ำลงบนโต๊ะก่อนที่ทั้งคู่จะออกเดินทางไปตลาดที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองห่างจากบ้านของพวกเขาราวๆ สองลี้[1]ซ่งอวี่ถงพานางเดินลัดเลาะไปจนถ
มู่อิงเถาตั้งใจจะออกมานั่งรับลมด้านนอกบ้านเสียหน่อย เมื่อเดินออกมาก็พบกับซ่งหงอี้นั่งอยู่ก่อนแล้วสิ่งที่แคลงใจนางอยู่นั้นยังคงไม่ได้รับการพิสูจน์ความจริงแต่อย่างใด นางจำใจเดินเข้าไปใกล้ๆ เขาเสี้ยวใบหน้าด้านข้างของเขานั้นแลดูมีความกังวลแผ่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด“หงเอ๋อทำไมถึงมานั่งคนเดียวล่ะ”“ท่านอาสะใภ้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ขอรับ”“เมื่อครู่นี้เองเจ้าใจลอยไปถึงไหนกันถึงไม่รู้ว่าข้าเดินมาตั้งนานแล้ว”“ข้าคิดเรื่อยเปื่อยอยู่น่ะขอรับ”“เป็นเด็กเป็นเล็กมีอะไรให้คิดมากกันเล่า”ซ่งหงอี้หันไปมองนางเล็กน้อยก่อนจะรีบหันกลับไปอย่างรวดเร็วเหมือนกลัวว่านางจะเห็นความผิดปกติที่ส่งออกมาผ่า
‘ให้ตายสิเหตุใดข้าต้องมาทำอะไรเช่นนี้ด้วยนะ’“ดูทำเข้าสิจะปีนขึ้นไปทำไมกัน รอข้าอยู่ตรงนั้นอย่าขยับเชียวล่ะเดี๋ยวข้าเอาบันไดมาให้”“ขอรับ”มู่อิงเถาส่ายหน้าให้เขาเบาๆ ก่อนจะไปหยิบเอาบันไดที่ชันเก็บเอาไว้ตรงด้านข้างกำแพงบ้านมายื่นให้เขา“ปีนขึ้นไปทำไมหากตกลงมาได้แข้งขาหักกันพอดี”“คือว่าข้าได้ยินลูกนกร้องเกรงว่ามันจะตกลงมาตายน่ะขอรับจึงปีนขึ้นไปดูเสียหน่อย”“ช่างเถอะเจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”นางกล่าวจบก็หันหลังไปหยิบเอาตระกร้าที่ถือติดมือออกมาจากห้องครัวด้วยก่อนจะเปิดออกแล้วหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาอย่างทะนุถนอม“น่
“ข้าต้องขอโทษพวกเจ้าด้วยนะวันหลังข้าจะไม่ไปซื้อที่ร้านนั้นอีกแล้ว ต่อไปนี้ข้าจะกลับมาทำอาหารเองทุกวันเลย”“ไม่เป็นไรหรอกหน้าที่ทำอาหารปล่อยให้ข้าจัดการดีกว่า”“จะดีหรือเจ้าคะ”“ดีมากเลยขอรับท่านอาสะใภ้”มู่อิงเถาทำหน้าเศร้าใจแต่เมื่อหันหลังเพื่อเดินกลับเข้าไปในครัวก็เป็นต้องเหยียดยิ้มออกมาทันทีตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาซ่งอวี่ถงก็เข้าครัวทำอาหารไว้ให้นางทุกวันเป็นมู่อิงเถาที่นั่งรอกินอย่างสบายที่สุดกว่าใครแล้ว‘รู้อย่างนี้ทำแบบนี้ตั้งแต่ทีแรกเสียก็ดี’-เจ็ดวันผ่านไป-
เรื่องทุกอย่างดูจะคลี่คลายลงไปแล้วแต่เช้าวันนี้ที่หน้าประตูจวนกลับมีทหารรักษาประตูที่วิ่งมารายงานนางว่า เวลานี้มีสตรีสองคนกำลังยืนถกเถียงกันอย่างไม่ยอมกันมู่อิงเถาเดินไปที่หน้าประตูจวนก็พบกับซูม่านอวี้และเซี่ยเย่อิง ทั้งคู่ดูจะไม่สนใจสิ่งรอบข้างเพราะเวลานี้เอาแต่เถียงกันไม่หยุดนั่นเอง“เซี่ยเย่อิงเจ้าเป็นอะไรกับข้านักหนากันนะถึงได้ตามติดข้าเช่นนี้”“เฮ้อ…ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วข้าก็ไม่อยากปิดบังความรู้สึกอีกต่อไป”“พูดเรื่องอะไรของเจ้า”“ข้าชอบเจ้านะ”“อะ อะไรนะ!”“ทีแรกข้าชอบแม่นางมู่ แต่ว่าตอนนี้นางเป็นถึงพระชายาของเจิ้นอ๋องเช่นนี้แล้วข้าคงไม่อาจเอื้อมอีกต่อไป ดังนั้นข้าจึงคิดว่าจะหันมาชอบเจ้าแทนดีกว่า”“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร”“ทำไมล่ะ ในแคว้นต้าฮั่นต่างก็เป็นเสรีแล้วฮ่องเต้ไม่ได้กำหนดบทลงโทษของคนที่ชอบเพศเดียวกันไว้เสียหน่อย ดังนั้นตอนนี้ข้าชอบเจ้าพวกเรามาทำความรู้จักกันดีหรือไม่”“กรี๊ด! เจ้าไปไกลๆ ข้าเลยนะ”“โธ่…แม่นางซูท่านน่ารักถึงเพียงนี้หากท่านอ๋องไม่ชอบ เจ้าก็หันมาหาข้าก็ได้นี่นา”“ไม่! พวกเจ้าสองคนยืนทำอะไรมาเอานางออกไปจากข้าเสียทีสิ”“เจ้าค่ะคุณหนู”เซี่ยเย่อิงยิ้มหัวเราะช
เพราะเมื่อคืนวานมู่อิงเถามัวแต่สนทนากับพระชายารัชทายาทที่เป็นสหายคนสนิทของนางไปหลายชั่วยาม กว่าจะกลับถึงจวนก็เป็นเวลาเกือบยามสาม[1] แล้วเช้านี้จึงเป็นอีกวันที่นางนอนตื่นสาย เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าคนข้างกายนั้นได้ตื่นก่อนนางเป็นที่เรียบร้อย“น่าอายจัง นอนตื่นสายจนได้”มู่อิงเถารีบจัดการตนเองก่อนจะออกไปนั่งเล่นที่ศาลาหน้าตำหนัก นางกำลังจ้องมองฝูงปลาที่แหวกว่ายไปมาด้วยความเบิกบานใจยิ่งนักโดยมีสาวใช้ข้างกายที่คอยปรนนิบัติดูแลอยู่ไม่ห่างที่หน้าเรือนใหญ่ซ่งอวี่ถงกำลังยืนจับจ้องนางอยู่อย่างไม่วางตา ก่อนที่มู่เฉินจะมารายงานเขาว่าใต้เท้าโจวมาถึงแล้ว“ใต้เท้าโจวท่านมาแต่เช้าเลยนะขอรับ”“พระชายานางเป็นอย่างไรบ้างหรือพ่ะย่ะค่ะท่านอ่อง”
-เจ็ดวันผ่านไป-เมื่องานเลี้ยงกำลังจะเริ่มขึ้นบรรดาเหล่าขุนนางและฮูหยินของพวกเขาต่างก็ทยอยเดินเข้ามาในงานเรื่อยๆ ขณะที่มู่อิงเถาเดินอยู่เคียงข้างกับเซ่งอวี่ถงอยู่นั้นก็ได้ยินขุนนางที่ยืนจับกลุ่มกันอยู่นั้นกำลังซุบซิบนินทานางอยู่ แม้จะพูดคุยกันด้วยเสียงอันเบาแต่กับคนที่มีวรยุทธ์แล้วนั้นย่อมได้ยินชัดทุกถ้อยคำ“ท่านอ๋องผู้นี้ช่างเก่งกาจและมีบุญบารมีมากเหลือเกินแต่น่าเสียดายที่ชายาของเขานั้นกลับเป็นหน้าเป็นตาให้เขาไม่ได้”“จริงดังที่ใต้เท้ากล่าว สตรีผู้นั้นเป็นเพียงคนธรรมดาไหนเลยจะส่งเสริมท่านอ๋องได้กัน”“บุตรสาวของใต้เท้าซู ซูม่านอวี้ผู้นั้นท่านว่าเป็นอย่างไรนางพึ่งผ่านวัยปิ่นปักไปได้ไม่นานทั้งยังไม่มีคู่ครองอีกด้วย ดูเหมือนว่า….”ซ่งอวี่ถงที่หยุดเดินไปนั้นก็ทำให้มู่อิงเถางุนงงไปไม่น้อย“มีอะไรหรือเจ้าคะ”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเหตุใดข้าถึงไม่เห็นเจ้าอยู่ที่จวนของท่านอ๋องล่ะ เจ้ารู้อะไรหรือไม่ข้านั้นตกใจแทบสิ้นสติเลยนะ”“ทำไมหรือ”“ก็ครั้งที่อยู่เมืองเป่ยเย่ข้าด่าสามีของเจ้าไปมากเลยทีเดียว”ประโยคหลังนางกระซิบกับมู่อิงเถาแทนด้วยกลัวว่าจะมีใครได้ยินคำพูดของนาง ซ่งอวี่ถงเวลานี้เป็นถึงท่านอ๋องย่อมมีคนเป็นหูเป็นตาให้เขามากมายจะพูดอะไรคงต้องระวังให้มากขึ้นเสียแล้ว“ฮ่าๆๆ เรื่องนั้นเจ้าอย่าใส่ใจไปเลย”“ไม่ใส่ใจคงไม่ได้ หากเขาไล่เอาทีละคนข้าไม่แย่หรือ”“ไม่หรอกน่า”“เย่เอ๋อกลับจวนกันได้แล้ว หากช้าไปกว่านี้ท่านพ่อจะดุเจ้าเอาได้นะ”“โธ่ท่านพี่ ให้ข้าได้สนทนากับสหายเสียหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร”
การเดินทางเข้าเมืองหลวงกินเวลาไปถึงสิบวันแม้ความเป็นจริงคนทั่วๆ ไปนั้นจะใช้เวลาเดินทางแค่เพียงห้าวันเท่านั้น เพราะทั้งสองเอาแต่งอนง้อกันตลอดทั้งเส้นทางทำให้ใช้เวลาในการเดินทางเพิ่มขึ้นถึงสองเท่ามู่เฉินปาดเหงื่อทุกครั้งที่ท่านอ๋องของเขาเริ่มบทรักร้อนแรงกับพระชายา เขาทำเป็นไม่ได้ยินเสียงใดๆ ที่เล็ดลอดออกมาจากรถม้าในยามกลางวันนั้นจนเมื่อระยะทางสุดท้ายก่อนเข้าเมืองหลวงก็มาถึง มู่เฉินถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกมู่อิงเถาเลิกผ้าม่านขึ้นเพื่อมองดูบรรยากาศข้างนอกสองข้างทางเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิดจากที่มีเพียงป่าเขา เวลานี้เริ่มมีบ้านเรือนของผู้คนมากขึ้นทุกทีแล้วที่นางยอมสงบลงไม่ใช่เพราะติดใจในรสสัมผัสของเขาแต่เพราะว่าอยากฟังเรื่องราวระหว่างที่นางหนีเขาไปต่างหากเล่า‘ถ้าไม่อยากรู้เรื่องชาวบ้านข้าไม่ยอมคุยกับเขาดีๆ แน่’‘หนะ
“นั่นเจ้าจะทำอะไรไปฉุดลูกสาวใครเขามา”“นางเป็นเมียข้า”“เมีย? บังเอิญอะไรเช่นนี้แล้วเหตุใดนางถึงมาอยู่ที่เมืองเดียวกันกับชายาของข้าได้ล่ะ”“ข้าจะไปรู้หรือ สตรีที่อยู่ในห้องอีกคนนั้นน่าจะเป็นมารดาของเด็กคนนั้น พวกนางสองคนรู้จักกันที่เหลือท่านจัดการเองก็แล้วกันข้าคงต้องขอตัวไปจัดการเรื่องในบ้านของข้าก่อน”‘หากปล่อยให้พวกนางอยู่ด้วยกันชาตินี้พวกเขาอย่าหวังที่จะได้เมียคืนเลย’“เตรียมตัวพร้อมแล้วใช่หรือไม่”“ขอรับท่านอ๋อง”ซ่งอวี่ถงพูดจบก็อุ้มนางขึ้นไปนั่งในรถม้าด้วยความรวดเร็ว มู่เฉินผู้รับหน้าที่เป็นสารถีก็รีบออกรถม้าทันทีด้วยกลัวว่าสตรีที่อยู่ข้างในจะกระโดดออกมาเสียก่อน“ท่านจับข้ามา
ยามพลบค่ำ ณ ตรอกแห่งหนึ่งในเมืองฉางอันบุรุษหนุ่มสองคนกำลังพิงหลังกับกำแพงจ้องมองไปยังโรงเตี๊ยมที่ตอนนี้ดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษ แสงไฟที่ส่องประกายระยิบระยับออกมาจากหน้าต่างแต่ละบานนั้นทำให้ความมืดมิดด้านนอกส่องสว่างไปทั่วท้องถนน“เจ้าแน่ใจนะว่าเป็นนาง”“คือว่านางใช้ผ้าปิดบังใบหน้าไปครึ่งซีก ข้าน้อยจึง…”“เหลวไหลเสียจริง แล้วยังกล้ายืนยันกับข้าได้อย่างไร”“ท่านจะโมโหไปทำไมก็เพียงแค่ลองไปดูด้วยตาของตนเองก็ได้นี่นา ไม่เสียเวลามากนักหรอก”ซ่งอวี่ถงพูดไปอย่างตัดรำคานเขาหันไปยังทิศทางของห้องพักที่คาดว่าคนผู้นั้นน่าจะอยู่ในนั้น ทั้งคู่ใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นไปบนหลังคาร้านค้าที่อยู่ใกล้เคียงกับโรงเตี๊ยมแห่งนั้นก่อนจะนั่งท้าวคางมองไปยังหน้าต่างห้องที่ยังคงปิดสนิทอยู่
จวนใต้เท้าโจว ชายแดนใต้“ใต้เท้าขอรับ”“เป็นอย่างไรบ้างได้ความว่าอย่างไร”“ข้าน้อยไปที่เมืองเป่ยเย่มาแล้ว เฒ่าแก่ร้านขายเครื่องประดับบอกว่านางมาจำนำแหวนวงนี้เอาไว้จริงๆ ขอรับ”“จริงหรือแล้วนางเป็นใครตอนนี้อยู่ที่ไหน”“คือว่าเฒ่าแก่ไม่ได้ถามชื่อแซ่เอาไว้เขารู้เพียงว่าเป็นหญิงสาวคนหนึ่งรูปร่างหน้าตาคล้ายรูปวาดของฮูหยินเลยขอรับ”“แล้วแหวนนั่นยังอยู่หรือไม่ หรือว่าขายไปแล้ว”“มีคนมาขอซื้อคืนขอรับเมื่อไม่นานมานี้เองเป็นบุรุษผู้หนึ่งดูจากการแต่งกายแล้วคาดว่าน่าจะเป็นคนที่มีฐานะอาจจะเป็นคนที่มาจากเมืองหลวงขอรับ”“ทำไมถึงขายไปง่ายๆ กันเล่า”“คนผู้นั้นมีใบรับจำนำจึงจำเป็นต้อง
เมืองฉางอันซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของแคว้นต้าฮั่น แม้จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่กลับมีความสะดวกสบายทั้งการเดินทางและการค้าขายต่างก็มั่งคั่งยิ่งไปกว่าเมืองอื่นๆ หลายเท่านักฟ้าหลังฝนช่างงดงามดังคำที่คนโบราณกล่าวเอาไว้จริงๆ เช้าวันนี้ทั้งสามคนเดินถือตระกร้ามาที่ตลาดหวังจะซื้อยาสมุนไพรเพื่อทำการทดลองยาบางอย่างเพิ่มเมื่อมาถึงก็เห็นแผงขายของมากมายตั้งเรียงรายตามถนนหลักของชุมชนเมืองมีกลิ่นหอมจากซาลาเปาร้อนๆ และผลไม้สด เสียงเรียกขายของจากพ่อค้าแม่ค้าดังก้องไปทั่วท้องถนนมู่อิงเถามองบรรยากาศโดยรอบด้วยความรู้สึกเบิกบานใจ นางระบายยิ้มออกมาก่อนจะเดินเข้าไปนั่งในร้านน้ำชาเล็กๆ ที่ทำจากไม้ไผ่ ตั้งแต่ที่นางย้ายมาอยู่ที่นี่ก็ไม่ค่อยออกมาข้างนอกบ้านเท่าใดนักเพราะการเก็บตัวอยู่แต่ในห้องปรุงยาจึงทำให้ผิวของนางนั้นขาวผ่องเหมือนหิมะที่ละเอียดอ่อนสะท้อนความงามที่บริสุทธิ์และไร้ที่ติ ผมที่ยาวสล