หมู่บ้านต้าไห่ เมืองเป่ยเย่
“ท่านอาอวี่ถงขอรับอาสะใภ้สามตายแล้ว ท่านย่าเฆี่ยนตีนางจนตายไปแล้ว”
ซ่งหงอี้บุตรชายของพี่รองของเขาเป็นคนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ
“เจ้าพูดอะไร! กล้าใส่ความข้าได้อย่างไรนางป่วยออดๆ แอดๆ รอวันตายเช่นนี้เหตุใดเจ้าถึงกล้ามากล่าวหาข้า”
ฮูหยินซ่งผู้ที่รังเกียจลูกสะใภ้มาตั้งแต่นางตบแต่งเข้ามาในบ้าน โบ้ยความผิดให้คนที่นอนหายใจอ่อนรวยรินที่แคร่หน้าบ้านของตระกูลซ่ง
บ้านตระกูลซ่งนั้นถือว่ามีฐานะที่ดีพอสมควรก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีเหตุการณ์ที่รุนแรงเกิดขึ้นในครอบครัวเลยสักครั้ง แต่เพราะไม่นานมานี้นายท่านซ่งนั้นได้สิ้นใจไปจึงทำให้ฮูหยินซ่งขึ้นเป็นหัวหน้าครอบครัวแทน ลูกหลานทุกคนจึงต้องเชื่อฟังนางนั่นเอง
ฮูหยินซ่งนั้นมีลูกชายสามคน คนโตยังอยู่ที่บ้านใหญ่ ลูกชายคนรองเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งสิ้นใจตายไปพร้อมภรรยารักของเขา ส่วนลูกชายคนที่สามก็คือซ่งอวี่ถงสามีของมู่อิงเถาสตรีที่นอนอยู่บนแคร่หน้าบ้านตระกูลซ่งนั่นเอง
แต่ก่อนพี่ชายคนรองของซ่งอวี่ถงนั้นต้องตรากตรำทำงานหนักในไร่ในนาเพียงลำพัง ส่วนซ่งอวี่ถงนั้นเพราะเขาอ่านหนังสือออกมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว นายท่านซ่งจึงส่งเขาไปเรียนที่สำนักบัณฑิตในตัวเมืองด้วยหวังว่าเขาจะสอบเข้ารับราชการได้นั่นเอง
เมื่อต้องกลับบ้านแต่ละครั้งซ่งอวี่ถงก็จะรีบเข้าไปช่วยงานพี่รองของเขาทันที ส่วนพี่ชายคนโตกับเอาแต่นั่งกินนอนกินสบายเพียงคนเดียว ภรรยาของพี่ชายคนรองก็ต้องทำงานบ้านงานเรือนทุกอย่างให้คนในบ้านจนไม่มีแม้เวลาจะพักผ่อน จนเมื่อทั้งคู่ล้มป่วยลงก็ยังไม่ได้รับการรักษาจนป่วยตายไปในที่สุด
ลูกชายของพวกเขานั่นก็คือ ซ่งหงอี้ที่อายุได้เพียงหกขวบจึงกลายเป็นซ่งอวี่ถงที่ต้องเลี้ยงดูแทนนั่นเอง
เมื่อซ่งอวี่ถงถึงวัยออกเรือนได้สู่ขอหญิงสาวจากตระกูลมู่ที่เคยหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่เด็กๆ แต่คนที่ได้มากลับเป็นเพียงหญิงสาวหน้าตาธรรมดาอวบอ้วนทั้งยังมีสีผิวที่ดำด้านคล้ายคนทำงานหนักมาตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อจะนำเจ้าสาวกลับไปส่งคืนครอบครัวนั้นก็ดูเหมือนจะย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่เลยสักคนดูเหมือนว่าทั้งหมดจะหายไปในชั่วข้ามคืน มู่อิงเถาที่ออกเรือนมาจึงไม่สามารถส่งคืนได้ตามใจหวัง
มู่อิงเถาแต่งเข้ามาในบ้านตระกูลซ่งได้เพียงสี่เดือนเท่านั้นก็ถูกทุบตีเจียนตาย ซ่งอวี่ถงชายตามองไปที่ภรรยาของตนเอง เพราะเขาไปร่ำเรียนหนังสือที่สำนักบัณฑิตในตัวเมืองจะกลับมาที่บ้านก็เพียงเดือนละครั้งเท่านั้นทำให้เขาไม่ได้รู้สึกผูกพันใดๆ กับนางเลยแต่เมื่อเห็นคนที่ใกล้ตายเช่นนี้เขาเองก็รู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อย
“ท่านอาสามนางตายแล้ว”
ซ่งหงอี้ร้องไห้จนตาบวมแดงไปหมด ไม่รู้เพราะอะไรเจ้าเด็กแสบคนนี้ถึงได้ดูจะใส่ใจหญิงสาวผู้นี้มากถึงเพียงนี้ ทั้งๆที่พึ่งจะได้อยู่ร่วมชายคาเดียวกันเพียงไม่นานเท่านั้น
“เจ้าเด็กขี้โกหกกล่าวหาว่าข้าทำร้ายนางงั้นหรือ มาให้ข้าตีเสียดีๆ”
“ท่านแม่! หยุดเถอะ”
ฮูหยินซ่งไม่ฟังที่เขาร้องขอนางกำลังจะใช้ไม้เท้านั้นฟาดลงที่กลางกระหม่อมของเด็กชายผู้โชคร้าย แต่ทันใดนั้นก็มีมือปริศนายื่นไปจับที่ไม้เท้านั้นได้ทันเวลาพอดี
เมื่อมองลงไปก็พบว่ามือนั้นคือมือของ มู่อิงเถา สตรีที่ทุกคนคิดว่าตายไปแล้วนั่นเอง
“ผะ ผีหลอก! ช่วยด้วยผีหลอก”
“ผะ ผีหลอก! ช่วยด้วยผีหลอก”มู่อิงเถาค่อยๆขยับร่างกายขึ้นมาก่อนจะเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งของนางขึ้นทีละนิดความจริงนางนั้นตื่นมาได้สักพักแล้ว นานพอที่จะได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดและที่น่าปวดใจก็คือนางข้ามเวลามาอยู่ในร่างของสตรีผู้ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อผลักดันให้ผู้เป็นสามีเช่น ซ่งอวี่ถงสอบเข้าราชการจนได้ดิบได้ดีและสุดท้ายก็ต้องตายเพราะน้ำมือของเขานั่นเองเรื่องราวเหล่านี้อยู่ในนิยายเล่มโปรดที่เธอชอบอ่านจนจบไปหลายครั้งทว่าในส่วนท้ายของนิยายเล่มนั้นกลับไม่ได้กล่าวเอาไว้ถึงการดำเนินเรื่องของตัวร้ายว่าไปในทิศทางใดเพราะยังมีเล่ม 2 ที่นักเขียนยังเขียนไม่จบนั่นเองแม้จะไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตนเองจนได้แต่ในเมื่อเธอเข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้วก็คงทำได้แค่ทำใจอย่างเดียวเธอจำไม่ได้เลยสักเพียงนิดว่าเจ้าของร่างนี้รู้สึกอย่างไรกับคนในครอบครัวนี้ เพราะความทรงจำอันน้อยนิดที่พอจะนึกขึ้นได้ทำให้เธอไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับใครเลยแต่ที่น่าอนาจใจนั้นคือสตรีผู้ที่เธอเข้ามาอาศัยอยู่ในร่างนี้ต่างหากเล่า ถูกทุบตีจนตายเช่นนี้นางทนไปได้อย่างไรกัน“มะ มู่อิงเถาเจ้าตายไปแล้วนี่นา ข้าเป
“พวกเจ้าอย่าได้คิดเอาอะไรในบ้านของข้าไปแม้แต่ชิ้นเดียว ของทุกชิ้นในบ้านนี้เป็นของตระกูลซ่งทั้งหมด!”ซ่งอวี่ถงและซ่งหงอี้ถึงกับส่ายหน้าอย่างจนใจพวกเขาเข้าไปในบ้านโทรมๆ ที่ถูกแยกออกมาจากตัวบ้านใหญ่ก่อนจะเก็บเสื้อผ้าของใช้เล็กน้อยใส่หีบใบเล็กอย่างรวดเร็ว ซ่งหงอี้รนรานรีบเก็บเสื้อผ้าที่มีน้อยชิ้นของตนเองยัดลงไปในหีบเดียวกันกับผู้เป็นอาด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ออกจากบ้านหลังนี้“เจ้าก็มาเก็บของของเจ้าสิ”เป็นซ่งอวี่ถงที่เอ่ยออกมาเพราะเมื่อหันไปมองด้านหลังก็เห็นว่ามู่อิงเถาเอาแต่ยืนนิ่งจ้องมองมาที่พวกเขาตาปริบๆ ไม่คิดที่จะขยับตัวเลยสักเพียงนิด“อ่อ เอ่อได้ๆ”ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่มามุงดูสองบุรุษต่างวัยและหนึ่งสตรีอวบอ้วนต่างก็หอบเอาหีบเสื้อผ้าของตนเองออกมาที่ลานหน้าบ้าน และเป็นซ่งอวี่ถงที่เอ่ยปากออกมาในที่สุด“ท่านพูดเองว่าต่อไปนี้พวกข้ากับบ้านใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกันเป็นตายไม่รับรู้กัน เช่นนั้นพวกท่านเองก็อย่ามารบกวนพวกข้าอีกก็เป็นพอ”“คิดว่าพวกเจ้ามีดีตรงไหนพวกข้าถึงต้องร้องขอเจ้างั้นหรือ”“เป็นเช่นนั้นก็ดี”ซ่งอวี่ถงเอ่ยออกมาเพียงสั้นๆก่อนจะจ้องมองฮูหยินซ่งอีกครั้งแล้วรีบพาทั้งสองคนเดินออ
“นั่นเจ้าจะทำอะไร”“!” เสียงชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นขณะที่มู่อิงเถากำลังถือเสื้อผ้าของเขาเอาไว้ในมือ นางหันหลังกลับไปดูก็พบว่าเป็นซ่งอวี่ถงที่กำลังยืนถือถังใส่ปลาเอาไว้ในมือ ใบหน้าของเขามีความไม่พอใจแผ่ซ่านออกมาแต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้นแล้วก็กลับมาเป็นปกติดังเดิมมู่อิงเถายืนนิ่งพูดไม่ออกอยู่พักใหญ่เพราะคิดไม่ถึงว่าซ่งอวี่ถงจะกลับมาเร็วเช่นนี้ นางรนรานลุกขึ้นเดินไปยืนอยู่ข้างเตียงนอนที่จัดเตรียมเอาไว้ก่อนจะเอ่ยปากบอกผู้เป็นสามีว่า“ขอโทษที่ข้าเข้าไปรื้อของๆท่าน ข้าแค่เพียงจะจัดเตรียมที่นอนเอาไว้ให้ท่านก็เท่านั้นเอง”“เป็นเช่นนั้นหรือ เจ้าหยุดมือก่อนเถอะไปล้างเนื้อล้างตัวได้แล้ววันนี้ข้าจะทำอาหารเย็นเอง”“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าทำเอง”“เจ้าถูกท่านแม่ทุบตีมาเช่นนี้เนื้อตัวคงระบมแย่เลย ไปแช่น้ำอุ่นๆ ก่อนเถอะทางนี้ข้าจัดการเอง”“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”มู่อิงเถาช้อนสายตามองผู้เป็นสามีในนามที่กำลังเดินไปที่เพิงครัวที่เพิ่งทำขึ้นมาใหม่ๆ “แล้วหงเอ๋อเล่า”“อยู่หน้าบ้านกระมังเจ้าคะ”“งั้นหรือ”“ข้าไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน”“อืม”'คิดอะไรอยู่กันแน่นะ ดูแปลกคนเสียจริง’แม้จะแต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้วแต่
“อิงเอ๋อ อิงเอ๋อ!”“จะ เจ้าคะ”“ไปยืนทำอะไรตรงนั้นเข้ามานั่งได้แล้วหากอาหารเย็นชืดหมดจะเสียรสชาติเอา”“เจ้าค่ะ”“ท่านอาสะใภ้กินนี่สิ ข้าคีบให้”ซ่งหงอี้คีบเนื้อปลาให้นางอย่างทุลักทุเล ซ่งอวี่ถงเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเขาเอาแต่คีบข้าวเปล่ากินอยู่อย่างนั้นจนนางนึกสงสัย‘ปลามีตั้งหลายตัวเหตุใดถึงกินแต่ข้าวเปล่าๆเช่นนั้นกัน’“ท่านกินแต่ข้าวเปล่าไม่แตะอาหารสักคำ เป็นอะไรอาหารไม่ถูกปากหรือ”“ข้ากลัวเจ้าไม่อิ่ม”“ห๋า”“เจ้ากินไปเถอะตอนออกไปจับปลาข้าก็ย่างกินไปหลายตัวแล้ว ในท้องก็อิ่มพอตัวก็เพียงแค่นั่งกินเป็นเพื่อนเจ้ากับหงเอ๋อก็เท่านั้น”“อ่อ อย่างนี้เองหรือ”“นี่ท่านอาสะใภ้”“หืม”“พวกท่านนอนเตียงเดียวกันใช่ไหม เช่นนั้นข้าขอนอนเตียงเล็กนะขอรับ”“แค่กๆ”“อะไรกันข้าถามแค่นี้เองต้องตกใจด้วยงั้นหรือ”“คือว่าหงเอ๋อข้านอนกับเจ้าก็ได้นะ”“ไม่เอาตัวพวกท่านใหญ่ออกปานนั้นข้าได้ตกเตียงตายหรอก ข้าขอนอนคนเดียวดีกว่า”“อะ เอ่อ”มู่อิงเถาหันไปมองใบหน้าของชายหนุ่ม เดิมทีนึกว่าเขาจะต่อต้านหรือปฎิเสธอะไรออกไปบ้างแต่เขากลับเอาแต่นิ่งเงียบแล้วก็กินข้าวต่อเหมือนไม่ได้ยินที่ซ่งหงอี้พูดเมื่อครู่นี้เลย‘อะไรกัน
“เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ”“!”“พวกท่านดูสินางอัปลักษณ์คนนี้มันทำร้ายข้าดูสิเลือดข้าไหลอาบเต็มหน้าไปหมดแล้ว”‘อยากรับบทเป็นเหยื่อสินะ ข้าจะสอนพวกเจ้าเองว่าเหยื่อที่ดีต้องทำอย่างไร’“หากพวกท่านมีตาก็คงเห็นว่านางเข้ามาทำลายข้าวของในบ้านข้าแล้วยังจะมาทุบตีหงเอ๋ออีก กล้าดีอย่างไรถึงมาทำตัวน่าสงสารใส่ความว่าข้าทำร้ายเจ้ากัน”“นั่นนะสิ”เสียงของชาวบ้านต่างก็เห็นด้วยกับมู่อิงเถา คิดไปในทิศทางเดียวกันกับนาง ไม่มีใครเห็นด้วยกับสะใภ้ใหญ่ซ่งเลยสักคน“จะ เจ้า เจ้ากล้าใส่ความข้างั้นหรือ”“หรือไม่จริงล่ะคนบ
ซ่งอวี่ถงรีบออกจากบ้านเพื่อเดินทางเข้าไปตามท่านหมอในตัวเมืองแต่ยังไม่ทันได้ก้าวข้ามผ่านประตูรั้วเขาก็หันกลับมามองมู่อิงเถาอีกครั้ง แววตาของเขามีความกังวลบางอย่างซ่อนเอาไว้“เจ้าอยู่คนเดียวได้แน่นะ”“ท่านพี่ข้าอยู่คนเดียวเสียที่ไหนกันยังมีหงเอ๋ออยู่ด้วยนะ”“ท่านอาสามข้าดูแลอาสะใภ้ได้ขอรับ”ซ่งอวี่ถงส่ายหน้าให้พวกเขาเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินทางเข้าเมืองเพื่อไปที่โรงหมอเดิมทีเขาคิดจะพาซ่งหงอี้ไปด้วยแต่เพราะร่างกายที่บอบช้ำจากการโดนทุบตีอีกทั้งยังมีมู่อิงเถาอีกคนการเดินทางเข้าเมืองอาจจะทำให้ล่าช้าขึ้น เขาจึงเลือกที่จะทิ้งทั้งคู่เอาไว้ที่บ้านแล้วเดินทางไปเพียงลำพังในใจก็หวั่นเกรงทั้งคู่จะเป็นอันตราย ได้แต่คิดแล้วก็รีบเดินทางไปด้วยความรวดเร็ว“หงเอ๋อเจ้าเป็นลูกผู้ชายต้องอดทนเอาไว้นะเข้าใจหรือไม่”“เข้าใจขอรับท่านอาสะใภ้”“เลิกเรียกข้าว่าอาสะใภ้เสียทีเถอะข้ากับท่านอาสามของเจ้าแม้จะแต่งงานกันแล้วแต่ก็ไม่เคยร่วมหอกันเลยสักครั้งนะ อีกอย่างเจ้าดูรูปร่างของข้าสิเหมาะสมกับท่านอา
มู่อิงเถาเข้าครัวทำอาหารง่ายๆ ให้ซ่งอวี่ถงสองสามอย่างเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยนางจึงเดินเข้าไปในห้องนอนตั้งใจจะไปดูอาการของเด็กชายเสียหน่อย แต่เมื่อเดินไปถึงหน้าห้องประตูก็ถูกแง้มออกมาเล็กน้อยแล้วที่ข้างเตียงนอนของเด็กชายตัวน้อยนั้นมีซ่งอวี่ถงที่คอยเช็ดเนื้อตัวให้เขาอย่างเบามือด้วยความอ่อนโยน“ดูเหมือนหงเอ๋อจะไม่ทรมานมากเท่าใดแล้วนะเจ้าคะ”“ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น อีกสองวันข้าจะเข้าเมืองไปสำนักบัณฑิตขอลาหยุดสักเจ็ดวันเพื่ออยู่เป็นเพื่อนพวกเจ้า”“ไม่ต้องหรอก พวกข้าอยู่ได้”“แต่หงเอ๋อบาดเจ็บเพียงนี้หากว่าบ้านนั้นมาระรานพวกเจ้าอีกจะทำอย่างไร ไม่ได้หรอกข้าไม่ไว้ใจ”“ทำมาก็ทำกลับสิ”
ซ่งอวี่ถงพานางเดินลัดเลาะมายังท้ายหมู่บ้านและเดินต่อไปเพียงไม่ถึงหกลี้[1] ก็มาถึงตีนเขาแล้ว แม้ระยะทางจะดูไม่ได้ไกลเกินไปแต่รูปร่างที่อวบอ้วนของนางนั้นกลับทำให้นางรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าคนปกติถึงสามเท่าเมื่อมองขึ้นไปบนหุบเขาบรรยากาศตรงหน้าช่างดูน่ากลัวเป็นอย่างมากแต่เมื่อหันไปมองใบหน้าของซ่งอวี่ถงกลับนิ่งเฉยเสียอย่างนั้น หรือว่าเป็นเรื่องปกติของเขาไปแล้วนะถึงไม่ได้ดูหวาดกลัวต่อสิ่งใดเลย“ท่านพี่ พวกเราต้องเดินเข้าไปอีกไกลหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่หรอกอีกไม่ถึงหนึ่งลี้[2] ก็ถึงแล้วล่ะเมื่อวานข้าทำลอบดักสัตว์เอาไว้ มาครั้งนี้ก็เพียงแค่เข้าไปตรวจดูเผื่อโชคดีอาจจะได้หมูป่าหรือกระต่ายป่ามาสักตัว”“งั้นหรือ”มู่อิงเถาไม่ได้คิดเช่นนั้นนางอยากได้สมุนไพรบางอย่างเพราะเมื่อวานที่คลองท้ายหมู่บ้าน นางได้ยินสะใภ
“มู่อิงเถา”“งื้อ ข้าจะนอนขอนอนตื่นสายสักวันสิ”“มู่อิงเถาเจ้าตื่นเดี๋ยวนี้นะ!”“โอ๊ย! ใครกันเรียกอยู่ได้ หืม....ลิงฮุยงั้นหรือ”“ข้าบอกว่าหากเรียกชื่อข้าผิดอีก ต่อไปนี้ข้าจะไม่ช่วยเจ้าอีกแล้วนะ”“ขอโทษทีข้ายังมึนๆ อยู่น่ะ สองสามวันมานี้เจ้าหายไปไหนมา”“ข้าไม่ได้หายไปไหนทั้งนั้นเจ้าลุกขึ้นมาได้แล้วน้ำพุแห่งกาลเวลาจะล้นออกมาแล้วเนี่ย”“อะไรนะ”มู่อิงเถาได้ยินดังนั้นก็รีบลุกขึ้นมาทันที เมื่อมองไปรอบๆ ที่แห่งนี้กลับไม่ใช่ห้องนอนที่นางนอนเมื่อคืนนี้เสียอย่างนั้น
-เมืองเป่ยเย่-‘ว้าวเมืองเล็กๆ ยังน่าตื่นตาตื่นใจถึงเพียงนี้ถ้าเป็นเมืองหลวงเล่าจะใหญ่โตแค่ไหนกันนะ’“เป็นอะไรไม่เคยเข้ามาในเมืองเลยงั้นหรือ ข้าจำได้ว่าพี่สะใภ้รองเคยพาเจ้ามาซื้อของในเมืองอยู่นะจำไม่ได้แล้วหรือ”“ข้าเคยมาแล้วงั้นหรือ อาจจะเพราะตั้งแต่โดนตีเกือบตายวันนั้นข้าก็เลอะเลือนจนลืมไปเสียสนิทเลยน่ะเจ้าคะ”“งั้นหรือ”ซ่งอวี่ถงยังคงจับจ้องนางไม่หยุด มู่อิงเถาได้แต่ยิ้มให้เขาเท่านั้นเกวียนวัวมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง บ้านที่ดูไม่ได้หลังใหญ่โตมากนักแต่เมื่อมองไปรอบๆ กลับมีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยเลยทีเดียว“ลงไปกันเถอะ”“ท่านพี่นี่บ้
ทั้งคู่เดินแบกหมูป่าคนละตัวกลับไปที่บ้านด้วยความรวดเร็ว เมื่อมาถึงบ้านซ่งอวี่ถงก็ถึงกับปาดเหงื่อไปไม่น้อยแต่เมื่อหันไปมองมู่อิงเถานางกลับไม่มีสีหน้าเหน็ดเหนื่อยเลยแม้เพียงนิด'เป็นไปได้อย่างไรกันล่ะเนี่ย'“ท่านมองข้าทำไมหรือ”“อะ เอ่อไม่มีอะไรหรอก เจ้าเหนื่อยหรือไม่”“ไม่เลยเจ้าค่ะข้าทำงานหนักมามากร่างกายจึงแข็งแรงกว่าคนปกตินัก ท่านรีบไปแล่เนื้อของมันเถอะจะได้รีบเอาไปขาย”“ข้ารู้แล้ว”“ท่านอาสามกลับมาแล้วหรือ”“หงเอ๋ออย่าวิ่งสิเดี๋ยวก็หกล้มหรอก แล้วนี่เจ้าวิ่งได้แล้วหรือ”“ข้าเจ็บที่แขนนะขอรับไม่ใช่ขาแม้จ
ซ่งอวี่ถงพานางเดินลัดเลาะมายังท้ายหมู่บ้านและเดินต่อไปเพียงไม่ถึงหกลี้[1] ก็มาถึงตีนเขาแล้ว แม้ระยะทางจะดูไม่ได้ไกลเกินไปแต่รูปร่างที่อวบอ้วนของนางนั้นกลับทำให้นางรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าคนปกติถึงสามเท่าเมื่อมองขึ้นไปบนหุบเขาบรรยากาศตรงหน้าช่างดูน่ากลัวเป็นอย่างมากแต่เมื่อหันไปมองใบหน้าของซ่งอวี่ถงกลับนิ่งเฉยเสียอย่างนั้น หรือว่าเป็นเรื่องปกติของเขาไปแล้วนะถึงไม่ได้ดูหวาดกลัวต่อสิ่งใดเลย“ท่านพี่ พวกเราต้องเดินเข้าไปอีกไกลหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่หรอกอีกไม่ถึงหนึ่งลี้[2] ก็ถึงแล้วล่ะเมื่อวานข้าทำลอบดักสัตว์เอาไว้ มาครั้งนี้ก็เพียงแค่เข้าไปตรวจดูเผื่อโชคดีอาจจะได้หมูป่าหรือกระต่ายป่ามาสักตัว”“งั้นหรือ”มู่อิงเถาไม่ได้คิดเช่นนั้นนางอยากได้สมุนไพรบางอย่างเพราะเมื่อวานที่คลองท้ายหมู่บ้าน นางได้ยินสะใภ
มู่อิงเถาเข้าครัวทำอาหารง่ายๆ ให้ซ่งอวี่ถงสองสามอย่างเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยนางจึงเดินเข้าไปในห้องนอนตั้งใจจะไปดูอาการของเด็กชายเสียหน่อย แต่เมื่อเดินไปถึงหน้าห้องประตูก็ถูกแง้มออกมาเล็กน้อยแล้วที่ข้างเตียงนอนของเด็กชายตัวน้อยนั้นมีซ่งอวี่ถงที่คอยเช็ดเนื้อตัวให้เขาอย่างเบามือด้วยความอ่อนโยน“ดูเหมือนหงเอ๋อจะไม่ทรมานมากเท่าใดแล้วนะเจ้าคะ”“ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น อีกสองวันข้าจะเข้าเมืองไปสำนักบัณฑิตขอลาหยุดสักเจ็ดวันเพื่ออยู่เป็นเพื่อนพวกเจ้า”“ไม่ต้องหรอก พวกข้าอยู่ได้”“แต่หงเอ๋อบาดเจ็บเพียงนี้หากว่าบ้านนั้นมาระรานพวกเจ้าอีกจะทำอย่างไร ไม่ได้หรอกข้าไม่ไว้ใจ”“ทำมาก็ทำกลับสิ”
ซ่งอวี่ถงรีบออกจากบ้านเพื่อเดินทางเข้าไปตามท่านหมอในตัวเมืองแต่ยังไม่ทันได้ก้าวข้ามผ่านประตูรั้วเขาก็หันกลับมามองมู่อิงเถาอีกครั้ง แววตาของเขามีความกังวลบางอย่างซ่อนเอาไว้“เจ้าอยู่คนเดียวได้แน่นะ”“ท่านพี่ข้าอยู่คนเดียวเสียที่ไหนกันยังมีหงเอ๋ออยู่ด้วยนะ”“ท่านอาสามข้าดูแลอาสะใภ้ได้ขอรับ”ซ่งอวี่ถงส่ายหน้าให้พวกเขาเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินทางเข้าเมืองเพื่อไปที่โรงหมอเดิมทีเขาคิดจะพาซ่งหงอี้ไปด้วยแต่เพราะร่างกายที่บอบช้ำจากการโดนทุบตีอีกทั้งยังมีมู่อิงเถาอีกคนการเดินทางเข้าเมืองอาจจะทำให้ล่าช้าขึ้น เขาจึงเลือกที่จะทิ้งทั้งคู่เอาไว้ที่บ้านแล้วเดินทางไปเพียงลำพังในใจก็หวั่นเกรงทั้งคู่จะเป็นอันตราย ได้แต่คิดแล้วก็รีบเดินทางไปด้วยความรวดเร็ว“หงเอ๋อเจ้าเป็นลูกผู้ชายต้องอดทนเอาไว้นะเข้าใจหรือไม่”“เข้าใจขอรับท่านอาสะใภ้”“เลิกเรียกข้าว่าอาสะใภ้เสียทีเถอะข้ากับท่านอาสามของเจ้าแม้จะแต่งงานกันแล้วแต่ก็ไม่เคยร่วมหอกันเลยสักครั้งนะ อีกอย่างเจ้าดูรูปร่างของข้าสิเหมาะสมกับท่านอา
“เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ”“!”“พวกท่านดูสินางอัปลักษณ์คนนี้มันทำร้ายข้าดูสิเลือดข้าไหลอาบเต็มหน้าไปหมดแล้ว”‘อยากรับบทเป็นเหยื่อสินะ ข้าจะสอนพวกเจ้าเองว่าเหยื่อที่ดีต้องทำอย่างไร’“หากพวกท่านมีตาก็คงเห็นว่านางเข้ามาทำลายข้าวของในบ้านข้าแล้วยังจะมาทุบตีหงเอ๋ออีก กล้าดีอย่างไรถึงมาทำตัวน่าสงสารใส่ความว่าข้าทำร้ายเจ้ากัน”“นั่นนะสิ”เสียงของชาวบ้านต่างก็เห็นด้วยกับมู่อิงเถา คิดไปในทิศทางเดียวกันกับนาง ไม่มีใครเห็นด้วยกับสะใภ้ใหญ่ซ่งเลยสักคน“จะ เจ้า เจ้ากล้าใส่ความข้างั้นหรือ”“หรือไม่จริงล่ะคนบ
“อิงเอ๋อ อิงเอ๋อ!”“จะ เจ้าคะ”“ไปยืนทำอะไรตรงนั้นเข้ามานั่งได้แล้วหากอาหารเย็นชืดหมดจะเสียรสชาติเอา”“เจ้าค่ะ”“ท่านอาสะใภ้กินนี่สิ ข้าคีบให้”ซ่งหงอี้คีบเนื้อปลาให้นางอย่างทุลักทุเล ซ่งอวี่ถงเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเขาเอาแต่คีบข้าวเปล่ากินอยู่อย่างนั้นจนนางนึกสงสัย‘ปลามีตั้งหลายตัวเหตุใดถึงกินแต่ข้าวเปล่าๆเช่นนั้นกัน’“ท่านกินแต่ข้าวเปล่าไม่แตะอาหารสักคำ เป็นอะไรอาหารไม่ถูกปากหรือ”“ข้ากลัวเจ้าไม่อิ่ม”“ห๋า”“เจ้ากินไปเถอะตอนออกไปจับปลาข้าก็ย่างกินไปหลายตัวแล้ว ในท้องก็อิ่มพอตัวก็เพียงแค่นั่งกินเป็นเพื่อนเจ้ากับหงเอ๋อก็เท่านั้น”“อ่อ อย่างนี้เองหรือ”“นี่ท่านอาสะใภ้”“หืม”“พวกท่านนอนเตียงเดียวกันใช่ไหม เช่นนั้นข้าขอนอนเตียงเล็กนะขอรับ”“แค่กๆ”“อะไรกันข้าถามแค่นี้เองต้องตกใจด้วยงั้นหรือ”“คือว่าหงเอ๋อข้านอนกับเจ้าก็ได้นะ”“ไม่เอาตัวพวกท่านใหญ่ออกปานนั้นข้าได้ตกเตียงตายหรอก ข้าขอนอนคนเดียวดีกว่า”“อะ เอ่อ”มู่อิงเถาหันไปมองใบหน้าของชายหนุ่ม เดิมทีนึกว่าเขาจะต่อต้านหรือปฎิเสธอะไรออกไปบ้างแต่เขากลับเอาแต่นิ่งเงียบแล้วก็กินข้าวต่อเหมือนไม่ได้ยินที่ซ่งหงอี้พูดเมื่อครู่นี้เลย‘อะไรกัน
“นั่นเจ้าจะทำอะไร”“!” เสียงชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นขณะที่มู่อิงเถากำลังถือเสื้อผ้าของเขาเอาไว้ในมือ นางหันหลังกลับไปดูก็พบว่าเป็นซ่งอวี่ถงที่กำลังยืนถือถังใส่ปลาเอาไว้ในมือ ใบหน้าของเขามีความไม่พอใจแผ่ซ่านออกมาแต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้นแล้วก็กลับมาเป็นปกติดังเดิมมู่อิงเถายืนนิ่งพูดไม่ออกอยู่พักใหญ่เพราะคิดไม่ถึงว่าซ่งอวี่ถงจะกลับมาเร็วเช่นนี้ นางรนรานลุกขึ้นเดินไปยืนอยู่ข้างเตียงนอนที่จัดเตรียมเอาไว้ก่อนจะเอ่ยปากบอกผู้เป็นสามีว่า“ขอโทษที่ข้าเข้าไปรื้อของๆท่าน ข้าแค่เพียงจะจัดเตรียมที่นอนเอาไว้ให้ท่านก็เท่านั้นเอง”“เป็นเช่นนั้นหรือ เจ้าหยุดมือก่อนเถอะไปล้างเนื้อล้างตัวได้แล้ววันนี้ข้าจะทำอาหารเย็นเอง”“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าทำเอง”“เจ้าถูกท่านแม่ทุบตีมาเช่นนี้เนื้อตัวคงระบมแย่เลย ไปแช่น้ำอุ่นๆ ก่อนเถอะทางนี้ข้าจัดการเอง”“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”มู่อิงเถาช้อนสายตามองผู้เป็นสามีในนามที่กำลังเดินไปที่เพิงครัวที่เพิ่งทำขึ้นมาใหม่ๆ “แล้วหงเอ๋อเล่า”“อยู่หน้าบ้านกระมังเจ้าคะ”“งั้นหรือ”“ข้าไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน”“อืม”'คิดอะไรอยู่กันแน่นะ ดูแปลกคนเสียจริง’แม้จะแต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้วแต่