หวังฉีหลินในยุค 2021 จากไปแล้วอย่างไม่เต็มใจ จะให้เต็มใจได้ยังไง รู้อยู่ว่าตัวเองต้องตายไปแต่มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอแถมยังตายแบบเจ็บปวดศพของเธอเองก็คงจะเละไม่มีชิ้นดี ยังดีที่เธอเตรียมของเอาไว้ครบแล้วโดยเฉพาะยารักษาโรคต่าง ๆ ยาสามัญขั้นพื้นฐานก็ซื้อมาจนครบ
แล้วเงินที่เหลือนี่ล่ะเธอยังไม่ได้บริจาคเลย แบบนี้จะใจร้ายกับเธอมากเกินไปแล้ว ตายก็ตายก่อนกำหนด ตายแบบอนาถศพไม่สวยไม่พอยังเหลือสิ่งที่อยากทำอยู่ เครื่องสำอางยังไม่ได้ซื้อเลยนะคิดแล้วมันน่าแค้นใจอย่าให้เจออีกนะตาแก่
เบื้องบนตาแก่ที่ฉีหลินคาดโทษยืนดูเธอก่นด่าด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ใครจะไปรู้ได้ว่าจะมีเทพเกเรทะเลาะกันจนทำให้ไปเผลอทำเส้นชะตาคนอื่นขาดกัน ดีเท่าไหร่ว่าเป็นหวังฉีหลินที่เหลือเวลาอยู่ไม่เท่าไหร่ แต่หากเป็นคนอื่นไม่รู้จะแก้ไขยังไงดีแล้ว
“เป็นเพราะพวกท่าน ท่าน ท่าน แล้วก็ท่าน ทำให้นางก่นด่าข้า พวกท่านอายุเท่าไหร่กันแล้วทำไมยังทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระอยู่อีก”
“ท่านจะบ่นทำไม ไหน ๆ อีกไม่กี่วันนางก็จะตายอยู่แล้ว ท่านเองไม่ใช่รึไงที่ทำดวงวิญญาณนางหลุดลอยไปน่ะกว่าจะตามหานางพบกี่พันปีกัน ยังจะมาโทษพวกข้าทำไม”
“พวกท่านนี่มันเป็นพวกหน้าหนาจริง ๆ ทำผิดแล้วไม่ยอมรับ ข้าทำดวงวิญญาณนางหลุดลอยไปก็จริงตอนนี้ข้าได้ชดให้ให้นางแล้ว แต่พวกท่านเล่าจะชดใช้ให้นางยังไง ข้าจะไปบอกนางว่าที่นางตายก่อนเวลามันเป็นเพราะพวกท่านนั่นแหละ นางจะได้ก่นด่าสาปแช่งพวกท่านให้อายุพวกท่านลดลง”
“เห้ย ๆ อย่านะ อย่าทำแบบนั้นเลยน่ะ เอาแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นเงินที่นางมีอยู่ข้าจะเปลี่ยนให้เป็นเงินในที่ที่นางกำลังจะไปดีหรือไม่”
“ข้าก็จะช่วยขยายมิติของนางให้กว้างใหญ่และแถมน้ำพุวิญญาณให้อีกด้วยเลยเอ้า”
“ข้าก็จะส่งตัวช่วยไปให้นางก็แล้วกัน แต่ไม่ใช่ตอนนี้หรอกขอข้าคิดก่อนว่าจะส่งตัวอะไรไป”
“เหอะก็แค่นี้ ทำผิดก็ต้องชดใช้ จะมาให้ข้าออกหน้ารับผิดแทนทุกเรื่องไม่ได้หรอก ทีหน้าทีหลังอย่าได้ทะเลาะกันเป็นเด็ก ๆ อีก หากมีครั้งหน้าข้าจะบอกท่านมหาเทพ”
ด้วยเหตุนี้ฉีหลินจึงได้ของแถมมาอีกโดยที่นางไม่รู้ตัว และเงินในโลกของเธอได้กลายเป็นเงินของอีกโลกที่เธอกำลังจะไปทันที
ทางด้านตระกูลหยางที่ตอนนี้กำลังมีปากเสียงกันเพราะสะใภ้ใหญ่และสะใภ้รองบ้านหลักที่ขึ้นเขาไปขุดผักป่าและบังเอิญเจอกับหวังฉีหลินสะใภ้ใหญ่บ้านรอง
ฉีหลินแต่เดิมร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงแต่เมื่อเร็ว ๆ นี้สามีของนางไปทำงานสร้างบ้านและตกจากหลังคาบ้านเศรษฐีในเมืองบาดเจ็บสาหัสกลับมาและบ้านใหญ่อย่างป้าสะใภ้ไม่ยอมจ่ายเงินค่าหมอค่ายา
พ่อสามีที่ปกติไม่มีปากมีเสียงแต่เพื่อลูกชายของตัวเองจึงได้ไปทวงถามเงินกับพี่ชายของตัวเองที่เป็นผู้นำตระกูลอยู่ตอนนี้ เงินส่วนกลางมีไว้ใช้จ่ายแต่เหตุใดจึงไม่ยอมจ่ายค่าหมอที่มารักษาลูกของตน
แต่เมื่อไปทวงถามกลับบอกว่าเงินส่วนกลางมีไม่พอเพราะตอนนี้พวกเขาทำงานได้เงินน้อยในบ้านมีกี่ปากท้องกันทั้ง ๆ ที่เงินที่หามาได้พี่สะใภ้ผู้นี้เป็นคนเก็บเอาไว้ทั้งหมดนี่นางจะบีบให้ครอบครัวพวกเขาตายหรืออย่างไร
เมื่อไม่มีเงินจึงทำได้เพียงแค่หายาสมุนไพรในป่ามาต้มให้ลูกชายเพื่อบรรเทาไปก่อน ฉีหลินที่สงสารสามีของนางไหนจะลูก ๆ ของนางอีก อีกทั้งน้องสามีก็ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่
หวังฉีหลินพาน้องชายและน้องสาวสามีเข้าป่าหาของป่า ในตอนที่นางพบโสมคนและขุดมันขึ้นมาได้ สองสะใภ้บ้านใหญ่ก็มาเจอนางพอดีและเกิดการยื้อแย่งกันจึงเป็นเหตุให้ฉีหลินตกลงไปในร้องเขาหัวกระแทกและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ในตอนที่ยื้อแย่งกันอยู่นั้นน้องชายน้องสาวของสามีนางมาเจอพอดี จึงได้ช่วยกันผลักและแย่งโสมกลับมาได้ จึงสร้างความไม่พอใจให้สองสะใภ้บ้านใหญ่เป็นอย่างมาก
เรื่องราวทั้งหมดหวังฉีหลินที่มาจากอนาคตกำลังมองดูอยู่ด้วยความเคียดแค้น ช่างชั่วช้าเสียจริง คนพวกนี้หาดีไม่ได้ ชั่วช้าทั้งบ้าน แต่เธอจะทำอะไรได้เธอยังคงเป็นวิญญาณล่องลอยและเฝ้ามองดูอยู่เท่านั้น
“พวกเจ้า กล้าดียังไง เอาของของพวกข้าคืนมานะ”
“ของพวกท่านเหรอ ท่านแย่งมันจากพี่สะใภ้ของข้าและผลักนางตกเขาข้าจะไปแจ้งหัวหน้าหมู่บ้านให้แจ้งทางการ”
เจ้าก็ลองดูสิ เจ้าคิดว่าพี่สะใภ้เจ้ามีปัญญาหรือ เอาโสมมาให้พวกข้า"
“ไม่ให้ อยากได้ก็ไปฟ้องร้องเอาสิเจ้าคะ”
“หนอยนังเด็กปากดี เพี๊ยะ” สะใภ้ใหญ่ฟาดมือเข้าที่หน้าของหยางเยว่เล่ออย่างแรง
“เอามานี่ น้ำหน้าอย่างพวกเจ้าไม่สมควรมีของล้ำค่าเอาไว้ครอบครองหรอก” สะใภ้รองกระชากโสมคนออกจากมือหยางเยว่เล่อ ถ้ายอมให้ตั้งแต่ทีแรกคงไม่ต้องเจ็บตัวหรอก
ส่วนหยางเฟยจินที่ลงไปช่วยพี่สะใภ้ที่ตกลงไปในร่องเขาขึ้นมาด้วยความทุลักทุเล พอพาร่างของพี่สะใภ้ขึ้นมาถึงก็เห็นน้องสาวกุมหน้าร้องไห้อยู่
“เยว่เล่อใครทำอะไรเจ้า สองคนนั้นรุมรังแกเจ้าใช่หรือไม่ ”
“พี่รอง พวกนั้นแย่งโสมของพี่สะใภ้ไปแล้วเจ้าค่ะ พวกนางเอาของที่พี่สะใภ้หามาด้วยความยากลำบากไปแล้ว ทำไมคนพวกนั้นต้องทำกับครอบครัวของเราเช่นนี้”
“พวกนั้นคงเห็นว่าพี่ใหญ่บาดเจ็บและหาเงินเข้าบ้านไม่ได้และไม่จำเป็นต้องเกรงใจพวกเราซึ่งปกติพวกเขาก็ไม่เห็นหัวบ้านสองอย่างพวกเราอยู่แล้วถึงพวกนางรังแกเราพี่น้องแล้วอย่างไร ลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ใหญ่ย่อมถือหางพวกเขาอยู่แล้ว เผลอ ๆ ยังเห็นดีเห็นงามไปกับพวกเขาด้วย”
“คงเป็นเช่นนั้น พี่รองรีบเดินเถอะเจ้าค่ะ พี่สะใภ้เลือดออกเยอะมาก พวกนางสองคนใจดำอำมหิตผลักพี่สะใภ้ตกร่องเขาเพียงเพราะต้องการแย่งชิงโสมของนาง ถ้าหากเรามาไม่ทันไม่เพียงแต่จะเสียโสมไปเท่านั้น พี่สะใภ้จะเป็นเช่นไรข้าไม่อยากคิด”
"เกิดอะไรขึ้นกับพี่สะใภ้ของเจ้ากัน เยว่เล่อทำไมพี่สะใภ้ของเจ้าถึงอยู่ในสภาพแบบนี้"
"ฮึก ท่านแม่ พี่สะใภ้ถูกสะใภ้ใหญ่และสะใภ้รองบ้านท่านลุงผลักตกร่องเขาเจ้าค่ะ แถมพวกนางยังแย่งเอาโสมของพี่สะใภ้ขุดได้ไปด้วยเจ้าค่ะ"
"ทำไมพวกเขาถึงร้ายกาจได้เพียงนี้ แล้วมีใครไปตามหมอหรือยังพี่รองของเจ้าไปไหน"
"พี่รองกำลังไปตามหมอเจ้าค่ะ"
“ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ ตื่นสิท่านแม่ ฮึก ฮือ ท่านแม่” สองแฝดประสานเสียงกันร้องไห้ดังลั่นบ้าน
ทางด้านบ้านสายหลักที่ตอนนี้นางหลินและสองลูกสะใภ้กำลังปรึกษาหารือเกี่ยวกับโสมที่แย่งมาจากหวังฉีหลินว่าจะนำไปขายที่ไหนดี
“ท่านแม่เจ้าคะหากว่าบ้านท่านอามาโวยวายเรื่องนังฉีหลินล่ะเจ้าคะ พวกเราจะทำเช่นไรดีเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่
“ เหอะ มาโวยวาย โวยวายเหรอโวยวายเอาอะไร น้ำหน้าอย่างน้องรองน่ะหรือจะกล้าอย่าลืมสิว่าผู้นำตระกูลตอนนี้คือท่านพ่อของพวกเจ้า”
“เจ้าค่ะ ท่านแม่ ข้าแค่กลัวว่าท่านอาจะมาโวยวายเดี๋ยวจะหาว่าข้ารังแกลูกสะใภ้บ้านสอง”
“เรื่องนี้พวกเจ้าไม่ต้องกังวลข้าจัดการเอง ตอนนี้พ่อของพวกเจ้ายังอยู่ที่ทุ่งนาส่วนอารองของพวกเจ้าก็คงอยู่ที่ทุ่งนาหวังว่าจะไม่มีใครคาบข่าวไปบอกหรอกนะ”
“เช่นนั้นข้าไปทำอาหารไปส่งที่ทุ่งนาก่อนนะเจ้าคะ ไปกันเถอะสะใภ้รอง”
ทางด้านวิญญาณของหวังฉีหลินที่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดได้แต่ก่นด่าบ้านสายหลักถึงความชั่วที่พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้รู้สึกผิดในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำ
ทางด้านหยางเฟยเทียนที่ตอนนี้นอนป่วยไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ได้แต่นอนมองภรรยาของตัวเองนอนไม่ได้สติอยู่บนเสื่อที่ปูอยู่บนพื้นห้อง
เขาได้แต่เสียใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือภรรยาได้ ยามนี้ครอบครัวกำลังลำบากเขาเองไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้หากว่าภรรยาของเขาเป็นอะไรไปตัวเขาเองยามนี้ก็ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ เมื่อมองดูลูกน้อยร้องไห้ใจของคนเป็นพ่อนับว่าเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
“หลีกทางให้ข้าได้ดูคนเจ็บหน่อย”
“ท่านหมอรบกวนท่านแล้วเจ้าค่ะ ช่วยดูลูกสะใภ้ของข้าด้วย โปรดช่วยนางด้วยเจ้าค่ะ”
“เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้วข้าจะทำให้เต็มที่”
“เฟยจิน ไปตามพ่อของเจ้ามาวันนี้แม่จะไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว” นางฟางเหนียงบอกลูกชายทั้งน้ำตา
“ขอรับท่านแม่ ข้าเองก็จะไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว ข้าเห็นกับตาว่าพวกนางสองคนผลักพี่สะใภ้”
ฉีหลินที่เป็นวิญญาณมองดูคนเหล่านี้ด้วยความสงสารหากเป็นเธอแล้วล่ะก็เธอจะไม่ยอมให้สองคนนั้นมารังแกเอาง่าย ๆ คนชั่วช้าแบบนี้ร้ายมาจะต้องร้ายกลับ กตัญญูอะไรกันคนแบบพวกนั้นสมควรจะได้รับหรือ
“เจ้าจะดูอีกนานไหม ทำไมยังไม่รีบเข้าร่างของเจ้าไปอีก” ชายชราผู้ทำงานผิดพลาดได้โผล่มาอย่างเงียบ ๆ
“อ๊ะ คุณตา มาก็ดีแล้วค่ะไหนว่าอีก 7 วันไงคะ แล้วทำไมหนูตายก่อนเวลาหนูยังไม่ได้ทำอะไรหลาย ๆ อย่างที่อยากทำเลยนะ แถมตายแบบศพไม่สวยด้วยบอกมานะคะว่าจะชดใช้ให้หนูยังไง ทำไมไม่รักษาคำพูดล่ะคะคุณตา”
“ใจเย็น ๆ นางหนู เอาเป็นว่าข้าขอโทษตอนนี้ข้าได้ชดเชยให้เจ้าแล้ว มิติของเจ้ากว้างใหญ่ขึ้นและแถมน้ำพุจิตวิญญาณให้เจ้าด้วย น้ำพุจิตวิญญาณมีสรรพคุณในการรักษาโรคได้ เจ้าพอใจหรือยัง”
“ยังค่ะยังไม่พอแล้วเงินล่ะ เงินน่ะส่งหนูมาในที่แบบนี้คุณตาก็เห็นแล้วนี่พวกคนชั่วนั้นยึดเงินไปหมดอะไรก็เข้าส่วนกลาง ๆ มันใช่ที่ไหนแบบนี้มันเอาเปรียบกันชัด ๆ ทำไมคนพวกนี้กตัญญูไม่ลืมหูลืมตา ทำไมไม่แยกครอบครัวกันเล่า ไม่ได้ดั่งใจเลย”
“เอาเถอะ ๆ เจ้าก็ไปจัดการเองก็แล้วกัน ส่วนเงินของเจ้าที่เหลือข้าได้เปลี่ยนเป็นเงินของโลกนี้ให้แล้วมันคงจะพอช่วยเจ้าได้”
“ขอบคุณค่ะ มีเท่านี้หรือคะ”
“เอาไว้ถึงเวลาอันสมควรข้าจะส่งตัวช่วยมาให้นะ ”
“แล้ววิญญาณของฉีหลินคนเดิมล่ะคะคุณตาจะทำยังไง”
“นางหมดหน้าที่แล้วในโลกนี้นางเพียงแค่ทำหน้าที่รักษาร่างกายของเจ้าเอาไว้เท่านั้น ในเมื่อเจ้ากลับมาแล้วก็ถือว่าหมดหน้าที่ของนาง”
“อ่อ ค่ะ ค่อยยังชั่วหนูไม่อยากมาแย่งร่างกายของใครนะคะ มันรู้สึกไม่ดี”
“ไป ๆ ไปเข้าร่างของเจ้าได้แล้ว จะมาเสียเวลาพูดอะไรมากมาย”
ชายชราผลักฉีหลินเข้าร่างและจากไปทันที พอดีกับที่หมอตรวจชีพจรของนางเรียบร้อยเมื่อเห็นว่าคนเจ็บมีอาการอ่อนเพลียเพราะเสียเลือดมากนอกจากนั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
“วางใจเถอะลูกสะใภ้เจ้าไม่เป็นไรมาก ให้นางนอนพักมาก ๆ นางเสียเลือดไปเยอะให้นางกินอาหารบำรุงร่างกายและกินยาไม่กี่เทียบก็หายแล้ว”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านหมอ ค่ารักษาเท่าไหร่เจ้าคะ”
“รวมค่ายาด้วยก็ 3 ตำลึง พวกเจ้ามีเมื่อไหร่ค่อยเอาไปจ่าย ข้าเข้าใจว่าตอนนี้ครอบครัวของเจ้ากำลังลำบาก แถมพี่สะใภ้ของพวกเจ้าก็เห็นแก่ตัวยังกับอะไรดี”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านหมอ”
หลังจากที่ทุกคนออกจากห้องไปหมดแล้วหวังฉีหลินได้ลืมตาขึ้นมาถึงแม้จะมีอาการปวดหัวอยู่บ้าง แต่ความแค้นครั้งนี้เธอจะต้องเอาคืนให้สาสมในเมื่อตอนนี้เธอคือหวังฉีหลินที่ไม่เหมือนหวังฉีหลินคนก่อน รอก่อนเถอะพวกเจ้าทั้งหลาย
“พวกคนชั่วช้า ข้ามาแล้ว เตรียมตัวเอาไว้ให้ดี ฉีหลินคนนี้จะตอบแทนพวกเจ้าอย่างสาสม” หลังจากพูดพึมพำเสร็จก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
หยางเทียนฉีที่ลูกชายไปตามถึงทุ่งนาพอรู้เรื่องเขารีบวิ่งกลับมาบ้านเพื่อดูอาการของลูกสะใภ้ทันที ลูกชายเขาก็บาดเจ็บสาหัสไปแล้วคนหนึ่ง ครั้งนี้ลูกสะใภ้ยังมาบาดเจ็บอีกทำไมถึงได้เกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้นกับครอบครัวของเขากัน“ฉีหลินเป็นอย่างไรบ้าง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่พวกเจ้าพูดมาให้หมด วันนี้พวกเจ้าสองคนขึ้นเขาไปกับพี่สะใภ้ไม่ใช่หรือเหตุใดนางจึงตกลงไปในร่องเขาได้”“เพราะสะใภ้ใหญ่และสะใภ้รองบ้านท่านลุงแย่งโสมที่พี่สะใภ้หาเจอและผลักนางตกลงไปในร่องเขาขอรับ ข้าวิ่งมาทันตอนที่พี่สะใภ้กำลังกลิ้งตกร่องเขาพอดี ”“มันจะเกินไปแล้ว ตอนที่ลูกใหญ่บาดเจ็บกลับมาจากรับจ้างในเมืองเงินค่าชดเชยพี่สะใภ้ก็เอาไปเข้าส่วนกลางจนหมดไม่ยอมจ่ายค่าหมอ ครั้งนี้ลูกสะใภ้ของนางยังมาแย่งของของคนอื่นอีก”“ท่านพี่เจ้าคะ ท่านจะทนอยู่แบบนี้อีกนานเท่าไหร่ ท่านพ่อท่านแม่ของท่านก็ตายไปนานแล้วคำสั่งเสียให้พวกท่านพี่น้องอยู่อย่างรักใคร่ปรองดองช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่ท่านดูสิ่งที่ครอบครัวพี่ชายท่านทำกับพวกเรา ส่วนแบ่งข้าวและธัญพืชแทบจะไม่พอกิน ท่านดูลูก ๆ ของเราอายุเพียงเท่านี้กลับต้องมาทำงานอย่างหนักแล้วท่านดูลูกสาวของพี่ชายท่านอายุตั
ฉีหลินที่เดินออกจากบ้านมุ่งหน้ามายังลำธารท้ายหมู่บ้านที่ชาวบ้านส่วนใหญ่มานั่งซักผ้ากันอยู่บริเวณนี้ และแล้วคำภาวนาของฉีหลินก็เป็นผลสำเร็จ เมื่อนางเดินมาจวนจะถึงลำธารและสะใภ้ใหญ่บ้านสายหลักที่ซักผ้าเสร็จและกำลังจะกลับบ้านพอดีฉีหลินมองหลันเหลียนฮวาด้วยดวงตาเป็นประกาย นึกถึงโจโฉ โจโฉก็มา เหอะ ๆ ช่างดีจริง ๆ พอดีเลยกำลังคันไม้คันมืออยู่พอดี ฉีหลินเดินต่อไปโดยที่ไม่หลบเหลียนฮวาดังเช่นเมื่อก่อน ทำให้นางไม่พอใจเป็นอย่างมาก ในใจนางเหลียนฮวาคิดว่าฉีหลินไม่น่าจะลุกขึ้นมาได้“โอ้ดูสิ ข้าเจอใครเข้าให้แล้ว ยังไม่ตายอีกหรือ ถึงได้มาเดินลอยหน้าลอยตาแถวนี้ อยากเจ็บตัวอีกใช่หรือไม่”“ยังไม่ตาย รอเจ้าตายก่อน ใครกันที่อยากเจ็บตัว เจ้าหรือ ”“นี่ นังฉีหลินกล้าดียังไงมาตีฝีปากกับข้า ข้าเป็นใครแล้วเจ้าเป็นใคร สำนึกเอาไว้ด้วยนะ ข้าเป็นสะใภ้บ้านใหญ่เจ้าต้องให้ความเคารพนับถือข้า อย่าได้คิดมาตีตนเสมอข้า”“เจ้าเป็นใครก็หาได้เกี่ยวอันใดกับข้า ส่วนข้าเป็นใครย่อมไม่หนักส่วนไหนของเจ้า สะใภ้บ้านใหญ่แล้วยังไง ก็แค่พวกหน้าหนาแย่งชิงของของคนอื่นยังกล้ามาโอ้อวด”“ใครกันแน่ที่แย่งของของคนอื่น ไม่ใช่เจ้าหรอกรึ นอกจากจะแย
ฉีหลินเดินนำหน้าน้องสามีกลับมาถึงบ้านจากนั้นนางนำปลาไปให้แม่สามีเพื่อต้มน้ำแกงให้กับสามีของนาง และแวะดูลูกชายฝาแฝดของนางด้วยอย่าดูถูกว่าพวกเขาอายุยังน้อยแต่เป็นเด็กที่รู้ความมากทุกวันเด็กน้อยทั้งสองหลังจากที่ดูแลแปลงผักหลังบ้านช่วยท่านย่าแล้ว ก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนท่านพ่อของพวกเขาที่ป่วยจนไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้“ท่านแม่ ข้าจับปลามาได้ รบกวนท่านแม่ต้มน้ำแกงให้ท่านพี่ดื่มหน่อยนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะเข้าป่าไปเก็บผักเสียหน่อย”“เจ้าทำไมไม่นอนพักอีกหน่อย เจ้าหายดีแล้วหรืออาหลิน”“ข้าหายดีแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้าสบายดี”“ท่านแม่ขอรับพวกเราไปด้วยได้หรือไม่ขอรับ” แฝดพี่“หากพวกลูกไปใครจะอยู่ช่วยงานท่านย่า ใครจะคอยดูแลท่านพ่อ เอาไว้ท่านพ่อของลูกหายดีเมื่อไหร่แม่จะพาเจ้าสองคนไปด้วยดีหรือไม่”“ตกลงขอรับ พวกข้าจะเชื่อฟังรอท่านแม่อยู่ที่บ้านและช่วยท่านย่าดูแลท่านพ่อขอรับ”“ดีมากจ้ะเอาไว้แม่กลับมาแล้วจะทำของอร่อยให้กินนะ”“ขอรับ พวกเราจะรอท่านแม่ทำของอร่อยนะขอรับ”“ดีมาก เด็กดี แม่ไปก่อนอาเล็กของลูกรอแล้ว "ฉีหลินพาเยว่เล่อสะพายตะกร้าไม้ไผ่ขึ้นหลังเดินออกจากบ้านทางปีกซ้ายข
ทางด้านพ่อลูกหยางเทียนฉีและหยางเฟยจินที่ดั้นด้นเข้ามาในป่าลึกตั้งแต่ยามอิ๋น ด้วยหวังว่าจะสามารถล่าสัตว์ป่าได้บ้างเพื่อที่จะนำไปขายเพื่อหาเงินเป็นทุนในการแยกบ้าน“ท่านพ่อ พักสักหน่อยเถอะขอรับ ”“เช่นนั้นก็นั่งพักแถวนี้เถอะ พ่อขอโทษนะที่ทำให้พวกเจ้าต้องลำบากไปด้วยเป็นเพราะพ่อไม่ดีเอง”“อย่าโทษตัวเองเลยขอรับ ท่านพ่อไม่คิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีหรือขอรับ หากเราใช้โอกาสนี้ขอแยกบ้านแต่เนิ่น ๆ ข้าคิดว่าท่านลุงกับท่านป้าย่อมยินดีให้เราแยกบ้าน”“พวกเขาย่อมยินดีให้เราแยกบ้านแต่พวกเราจะต้องออกไปแต่ตัว ถ้าเกิดบ้านเรามีแต่ผู้ใหญ่ที่โตแล้วทุกคนพ่อจะไม่หนักใจเลย อย่าลืมว่ายังมีเจ้าแฝดอยู่ด้วยหากเราผลีผลามไปจะเป็นการพากันตกที่นั่งลำบากได้ ตอนนี้เราคงต้องเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า”“ขอรับ เราคงต้องเข้าป่าให้มากหน่อย พอขายสัตว์ที่ล่ามาได้ เราสมควรจะเก็บไว้เอง ต่อไปข้าจะไม่เอาเงินที่พวกเราหามาได้อย่างยากลำบากให้กับบ้านใหญ่อีกต่อไปแล้ว”“ท่านป้าจะยอมหรือท่านพ่อ ข้ากลัวว่าจะมีปากเสียงกันอีก วันนี้พวกเราไม่ไปทำงานในทุ่งนา ข้ากลัวว่าพวกเรากลับไปคงต้องได้ทะเลาะกันกับท่านป้าเป็นแน่”“นางอยากพูดอะไรก็ให้นางพูดไป อยา
ทันทีที่เฟยจินไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมาเพื่อเขียนสัญญาแยกบ้าน ในตอนที่บ้านหยางเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกันนั้นย่อมตกอยู่ในสายตาของชาวบ้านเมื่อหยางเฟยจินวิ่งหน้าตั้งไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน ขากลับมาพร้อมหัวหน้าหมู่บ้านจึงมีชาวบ้านตามมาเป็นพยานเป็นจำนวนมาก จะกล่าวว่ามาช่วยเป็นพยานก็คงจะไม่ใช่ทั้งหมดหากแต่เพื่อสนองต่อความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองเสียมากกว่าชาวบ้านหลายคนตามมาดูเพื่อสนองความต้องการของตัวเองและเพื่อให้ได้มีเรื่องนำไปซุบซิบนินทาในแต่ละวัน ในขณะที่รอหัวหน้าหมู่บ้าน หวังฉีหลินได้เริ่มมีปากเสียงกับหยางฮุ่ยเหอโดยมีพ่อสามีและน้องสาวของสามี ยืนมองอ้าปากค้าง ต่างคนต่างความคิด นี่เป็นลูกสะใภ้ตัวปลอมของเราแน่ ๆ ทำไมนางถึงได้กล้าที่จะมีปากเสียงกับพี่ชายของเขา แถมยังลงไม้ลงมือกับพี่สะใภ้และบรรดาลูกชายและลูกสะใภ้บ้านใหญ่อีกด้วย“ตกลงว่ายังไงเจ้าคะท่านลุง ท่านจะยอมคืนสินเดิมของท่านแม่และของข้าหรือไม่ หากไม่คืนข้าจะทุบตีภรรยาท่าน จนกว่าท่านจะยอมคืน”“หวังฉีหลิน มันจะมากไปแล้วนะ นี่เจ้าไม่เห็นหัวข้าที่เป็นผู้อาวุโสของบ้านหรืออย่างไร นอกจากเจ้าจะไม่ให้เกียรติภรรยาของข้าแล้วเจ้ายังมาลามปามข้า
บ้านใหญ่ตระกูลหยางหลังจากที่บ้านสายรองได้ทำการแยกบ้านออกไปแล้วนอกจากนี้นางหลินยังต้องคืนสินเดิมให้กับหวังฉีหลินกลับไปและยังมีที่ดินที่เป็นสินเดิมของนางฟางด้วย เรื่องนี้ทำให้นางหลินไม่พอใจเป็นอย่างมาก คนพวกนี้มีความกล้าตั้งแต่เมื่อไหร่กันเรื่องสินเดิมของนางฟางนั้นถูกแม่สามีของนางนำไปใช้จ่ายจนหมดตั้งแต่สมัยแม่สามีของนางยังมีชีวิตอยู่พอหวังฉีหลินแต่งเข้ามานางจึงลอกเลียนแบบแม่สามีของตนเองโดยทำการยึดเอาสินเดิมของหวังฉีหลินมาเก็บเอาไว้โดยอ้างว่าสินเดิมของทุกคนต้องนำมาเก็บรวมกันที่บ้านใหญ่ถึงแม้ว่าหวังฉีหลินจะไม่ได้เป็นลูกสะใภ้ของนางก็ตาม แล้วตอนนี้นางจะทำยังเช่นไรล่ะนอกจากจะต้องคืนของแล้วนางยังต้องมาเจ็บตัวเองไม่รู้ว่านังฉีหลินถูกวิญญาณร้ายที่ไหนเข้าสิงมาถึงได้กล้าลงมือกับนางขนาดนี้ ไม่ใช่แค่นางยังมีลูกสะใภ้และลูกชายของนางด้วยต่อไปนี้คงรังแกคนพวกนั้นไม่ได้อีกแล้วแต่ด้วยนิสัยของนางหลินย่อมต้องหาโอกาสแก้แค้นอยู่แล้วแต่จะแก้แค้นสำเร็จหรือไม่ก็ต้องดูด้วยว่านางหลินมีความสามารถที่จะแก้แค้นหรือให้สำเร็จหรือไม่“เจ็บใจจริง ๆ แล้วแบบนี้สินเดิมของข้าล่ะท่านแม่จะทำยังไง ของก็คืนให้นังฉีหลินไปหมดแล
เช้าวันใหม่หลังจากกินมื้อเช้าแล้วครอบครัวหยางสายรองเข้าเมืองโดยอาศัยเกวียนของหัวหน้าหมู่บ้านที่จะเดินทางเข้าเมืองเพื่อนำหนังสือแยกบ้านไปยื่นให้กับทางการทำการลงบันทึก และหยางเทียนฉีเองก็ต้องยื่นขอทะเบียนบ้านใหม่และแจ้งย้ายที่อยู่ไปในเสียคราวเดียวกัน“เทียนฉีเจ้าคิดดีแล้วหรือที่จะพาลูกเมียไปอยู่ที่ชายป่าหมอกทมิฬ”“ข้าคิดดีแล้วขอรับท่านลุงเมิ่ง มันอาจจะดีกว่าอยู่ที่นี่ขอรับ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้จะคิดทำอะไรอีก ที่ผ่านมาข้าทนมาพอแล้วขอรับ ทนแบกรับคำว่ากตัญญูเอาไว้บนบ่าจนลูกเมียต้องพลอยมาลำบากไปด้วย”“เจ้าคิดได้ก็ดีแล้วแต่ชายป่าหมอกทมิฬอันตรายมากนะ ข้ากลัวว่าสัตว์ป่าจะลงมาแล้วพวกเจ้าจะเป็นอันตราย”“ข้าคิดว่าจะทำกำแพงบ้านให้สูงหน่อยขอรับ”“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้วข้าก็เอาใจช่วยและดีใจด้วยที่เจ้าหลุดพ้นจากตรงนี้ไปได้เสียที”“ขอรับ ขอบคุณท่านมาก”“พวกเจ้าพี่น้องอย่าได้เอาลุงใหญ่ของเจ้ามาเป็นเยี่ยงอย่างรู้หรือไม่ พี่น้องกันย่อมต้องรักใครปรองดองกัน”“ขอรับ ท่านลุงเมิ่ง”"เจ้าค่ะ ท่านลุงเมิ่ง"“ถึงพวกเจ้าจะย้ายไปแล้วหากมีอะไรให้ข้าช่วยก็มาบอกกับข้าได้ทุกเมื่อนะ หากมีอะไรที่ข้าช่วยได้
ครอบครัวหยางสายรองกลับมาถึงบ้านก็พบว่าหยางฮุ่ยเหม่ยกำลังทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่หน้าประตูบ้าน ก่อนออกจากบ้านฉีหลินได้ใส่กุญแจเอาไว้โดยปกติแล้วหากไม่มีคนอยู่ในบ้าน หยางฮุ่ยเหม่ยจะใช้โอกาสที่ทุกคนทำงานอยู่ในแปลงนาเข้ามาหยิบจับและฉกฉวยเอาสิ่งของที่มีในบ้านสายรองไป นางทำเช่นนี้หลายต่อหลายครั้งและมีปากเสียงกันก็บ่อยครั้งแต่พี่ชายของเขาอ้างว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแค่หยิบของมาเล็กน้อยจะเป็นอะไรได้ อีกทั้งยังกล่าวหาว่าเขาเป็นคนใจแคบอีกด้วยฉีหลินไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้ทุบตีคนให้หลุดมือไป ในเมื่อนางระบุเอาไว้ในสัญญาแยกบ้านชัดเจนแล้วแต่เหมือนว่าหยางฮุ่ยเหม่ยจะจำไม่ได้แบบนี้จะต้องมีการทุบตีเตือนสติกันเสียบ้างยังไม่ทันที่จะได้มีใครพูดอะไรหวังฉีหลินเดินเข้าไปด้านหลังของหยางฮุ่ยเหม่ยอย่างแผ่วเบา โดยที่ฮุ่ยเหม่ยไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าบ้านสายรองกลับมาแล้ว เพราะใจมัวแต่จดจ่อหาวิธีเข้าไปรื้อค้นของในบ้านจึงไม่รู้สึกถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเองฉีหลินยกเท้าขึ้นถีบไปที่ก้นของนาง จนทำให้นางที่ไม่ทันได้ระวังตัวล้มหน้าทิ่มพื้นลงไปทันที และก็ตามมาด้วยเสียง ตุ๊บ ตั๊บ ๆ อยู่เป็นระยะ ฮุ่ยเหม่ยทำได้แค่กรีดร้อง
ในตอนที่ประมุขมารได้ตายไปพร้อมกับดวงจิตที่แตกสลาย แต่ทว่ากลับไม่ได้แตกสลายไปทั้งหมด ยังมีดวงจิตอีกเสี้ยวได้หลุดลอยไปเกิดใหม่ในอีกภพชาติหนึ่ง เกิดใหม่เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถระลึกชาติได้ ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร เพียงใช้ชีวิตเรียบง่ายเพียงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ประมุขมารร่ำร้องขอความเมตตาจากสวรรค์ก่อนที่เข้าจะแหลกสลายไปหวังฉีหลินและเฟยเทียนกลับถึงหมู่บ้านป่าหมอก ทุกอย่างนางไม่คิดว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้ ในที่สุดประมุขมารก็คิดได้เสียที และหวังว่าพรที่นางและสามีร้องขอกับท่านมหาเทพนั้นจะทำให้ประมุขมารไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี มีความสุขและมีภรรยาที่รักเขามากแล้วก็ขอให้ทั้งสองคนเป็นคู่ด้ายแดงทุกภพทุกชาติไป นี่เป็นสิ่งเดียวที่นางและสามีทำได้หลังจากที่หมดปัญหา หมดสงคราม ทุกคนก็ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข แคว้นหลงอยู่ในยุคที่เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี และข่าวการกลับมาขององค์ชายแปดผู้หายสาบสูญ ตอนนี้ถูกแต่งตั้งเป็นชินอ๋อง ที่ดินศักดินาหมู่บ้านป่าหมอกและหมู่บ้านใกล้เคียงอีกสามหมู่บ้าน หวังฉีหลินทิ้งงานให้ลูกชายทั้งหลายแล้วหนีไปท่องเที่ยวกับสามี ทั้งสองคนออกไปท่องโลกกว้าง และมักจะนำผลไม้หรือพืช
หลังจากที่ประมุขมารได้รับสารท้ารบจากเฟยเทียน ทำให้เขาได้รู้ว่าต่อให้เวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหนบุรุษผู้กระหายสงครามและพร้อมจะทำลายศัตรูตรงหน้าให้ย่อยยับได้ทุกเมื่ออย่างแม่ทัพสวรรค์ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยถึงแม้ในชาติภพนี้เขาจะลงมาจุติในดินแดนของมนุษย์แต่ความสามารถของเขายังติดตัวมานั่นไม่ใช่เรื่องโกหก ถึงแม้มหาเทพจะไม่ค่อยชอบหน้าลูกเขยสักเท่าไหร่ แต่มหาเทพผู้รักลูกสาวยิ่งกว่าสิ่งใดย่อมไม่มีทางให้นางลำบากส่วนมารอย่างตัวเขาเล่าทำอันใดได้บ้าง เป็นเขาเองที่ไปตกหลุมรักนางข้างเดียว เป็นเขาเองที่ยึดมั่นถือมั่น เป็นเขาเองที่ไม่ยอมปล่อยวาง เขารู้ตัวเองดีด้วยพลังของตัวเขาเองยังไม่ฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด ต่อให้สู้จนตัวตายก็ไม่สามารถเอาชนะทั้งสองได้ถึงแม้จะเอาชนะแม่ทัพสวรรค์ได้แล้วธิดามหาเทพจะชายตาแลเขาหรือก็ไม่ นางไม่เพียงไม่ชายตาแลหากแต่นางคงแก้แค้นเขาที่ทำให้สามีของนางต้องมีอันเป็นไป นอกจากจะไม่ได้ความรักแล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือความเกลียดชังต่างหากที่นางจะหยิบยื่นให้เขาแล้วเหตุใดเขาถึงได้หน้ามืดตามัวเช่นนี้อยู่ถึงแสนปี ประชาชนเผ่ามารล้วนล้มตายไปตั้งเท่าไหร่ น้องชายคนเดียวของเขาที่เฝ้าเตือนสติเขาอยู่ตลอด
เวลาผ่านไปแล้วนับเดือน ตอนนี้กองกำลังที่ฉีหลินฝึกฝนขึ้นมาก็ออกจากด่านกักตนกันทุกคนแล้ว เวลานี้ฉีหลินกับสามีพร้อมด้วยเหล่าสัตว์เทพพร้อมไปเยือนเผ่ามารแล้วเฟยเทียนเองก็เห็นสมควรว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ หลังจากจบปัญหานี้ได้เท่ากับภารกิจของภรรยาได้เสร็จสิ้นลงเช่นกัน ต่อจากนี้ไปพวกเขาสามีภรรยาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียทีหลังจากกำหนดวันเคลื่อนพลได้แล้วฉีหลินก็ให้ทุกคนได้พักผ่อนให้เต็มที่ และเตรียมข้าวของที่จำเป็นใส่ลงในแหวนมิติให้เรียบร้อย ทั้งอาหารการกิน ยารักษาต่าง ๆ ทุกคนต่างเตรียมไปให้พร้อมสรรพ ด้วยศึกครั้งนี้อีกฝ่ายคือเผ่ามารไม่รู้ว่าจะมีฝีมือร้ายกาจขนาดไหน แต่พวกเขาเชื่อมั่นในตัวนายท่านและนายหญิงว่าจะนำพาพวกเขากลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเฟยจิน เฮ่ออี และฮั่นเหวินไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการรบในครั้งนี้ ลูก ๆ ของเฟยเทียนทุกคนก็เช่นเดียวกัน ส่วนสัตว์เทพที่คอยดูแลความปลอดภัยที่หมู่บ้านป่าหมอกมีเพียงต้าเซี่ยกับเสี่ยวเสวียนอู่เพียงสองตัวเท่านั้นส่วนเสี่ยวหลาง เสี่ยวหู่ เสี่ยวเฮย เสี่ยวรุ่ยจื่อ และพี่ใหญ่อย่างจินหลงล้วนเข้าร่วมการรบในครั้งนี้ คนที่กระตือรือร้นมากที่สุดคื
ไป๋อี้ถังผู้โสดสนิท ครองตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ประหนึ่งนักพรตผู้ทรงศีล อีกทั้งรังเกียจสตรีมากเล่ห์ หลังจากออกจากด่านกักตนมา เขาก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสั่งสอนลูกศิษย์ในสำนัก ไม่มีภรรยาและบุตรให้ดูแล เวลาทั้งหมดที่มีนอกจากฝึกฝนพลังปราณแล้ว เวลาส่วนที่เหลือเขาจึงเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์ในสำนักศึกษาด้วยความเข้มงวดในเวลาต่อมา อาจารย์ใหญ่ไป๋อี้ถังจึงมีฉายาว่า อาจารย์ใหญ่จอมโหด หากใครไม่ทำการบ้านมาส่งก็จะโดนลงโทษให้ไปวิ่งรอบสถานศึกษา อีกทั้งยังจะต้องทำการบ้านในครั้งหน้ามากกว่าคนอื่นสองเท่าเท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องเขียนจดหมายสำนึกผิดอีก 100 จบ และไปเก็บมูลทำความสะอาดคอกของสือเอ้อร์กับสืออีแทนคนงานในไร่ แถมยังต้องถูกเจ้าสือเอ้อร์กับสืออีกลั่นแกล้งจนหน้าทิ่มกองอึอีก ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าไม่ทำการบ้านอีกเลยวันนี้เป็นวันที่ไป๋อี้ถังว่างมาก มากที่สุด วันนี้เป็นวันหยุดของสถานศึกษา ไป๋อี้ถังจึงคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดในเมือง และหาซื้อพู่กันกับแท่นฝนหมึกเพิ่มเพราะเท่าที่เขามีอยู่ตอนนี้ใช้ไปจนเกือบจะหมดแล้วจากนั้นเขาตั้งใจว่าจะชวนสหายทั้งสามของเขาไปด้วยกัน แต่กลับไม่มีใครไปเพราะแต่ละคนต้องการอยู่กับภรรยาแ
หลังจากที่เฟยเทียนกับฉีหลินเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านป่าหมอกพร้อมลูกชายและเหล่าสหาย หนึ่งเดือนให้หลังเฟยจินก็กลับมาพร้อมกับฮั่นเหวินและเฮ่ออี หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้และรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน รวมถึงส่งรายชื่อหนอนให้กับเบื้องบนแล้ว ตัวเขาเองก็หมดหน้าที่ ตอนนี้สงครามสงบลงแล้ว ทั้งสามจึงได้ยื่นหนังสือขอลาพักกลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมบิดามารดาไป๋อี้ถังและสหายทั้งสามจะเข้าด่านกักตนเพื่อฝึกฝนในอีก 3 วันข้างหน้า โดยผู้ที่จะรับหน้าที่สั่งสอนศิษย์ในสถานศึกษาก็คือราชครูไป๋หย่งเต๋อที่เดินทางตามหลังเฟยจินได้เพียง 7 วันนอกจากไป๋หย่งเต๋อแล้วยังมีไป๋เจิ้นกั๋วเจ้ากรมอาญา เดินทางมาพร้อมกับไท่ปิงองครักษ์ประจำตัว นับเป็นการรวมตัวกันระหว่างองครักษ์เลยก็ว่าได้ เซียวหลางตัดสินใจแต่งงานและติดตามไป๋อี้ถัง ม่อถูเองก็เช่นเดียวกัน มีเพียงไท่ปิงเท่านั้นที่มีหน้าที่ดูแลไป๋เจิ้นกั๋วที่เมืองหลวงไท่ปิงเองก็อยากจะมีชีวิตเฉกเช่นสหายทั้งสองบ้าง เขาเองก็คงต้องเร่งฝึกองครักษ์ขึ้นมาใหม่เพื่อจะได้ทำหน้าที่แทนเขา ส่วนตัวเขาเองจะตามมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านป่าหมอกแห่งนี้ตามสหายทั้งสองคนวันนี้ฉีหลินเรียกประชุมหน่วยลับที่เป
เฟยเทียนพาภรรยามุ่งหน้ากลับหมู่บ้านป่าหมอกทันที หลังจากจัดการทั้งสองแคว้นเรียบร้อยแล้ว และด่านสุดท้ายของภารกิจในครั้งนี้ก็คือจัดการกับเผ่ามารให้เด็ดขาด หากไม่กำจัดประมุขเผ่ามารเสียตอนนี้ ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้อีก มีเพียงกำจัดประมุขมารให้ได้เท่านั้นทุกคนจะได้ไม่เดือดร้อน ตอนนี้มีข่าวส่งว่าอ๋องมารน้องชายเพียงคนเดียวของประมุขมารได้หนีออกจากเผ่ามารไปตั้งรกรากที่อื่นแต่เดิมอ๋องมารก็ไม่เห็นด้วยกับประมุขมารเรื่องยึดดินแดนมนุษย์ แต่ไหนเลยประมุขมารผู้เป็นพี่ชายจะยอมฟัง ในเมื่อมันเป็นความแค้นใจที่มีต่อธิดามหาเทพและสามี ต่อให้อีกนับล้านปีประมุขมารก็วางความแค้นในใจลงไม่ได้“ไม่รู้ว่าเจ้าสามแสบจะทำเรื่องปวดหัวให้ท่านพ่อกับท่านปู่มากมายเพียงใด โดยเฉพาะลูกสาวของท่านพี่ ป่านนี้ไม่ใช่พี่อี้ถังปวดหัวจนผมขาวหมดหัวแล้วหรือเจ้าคะ”“ฮ่า ฮ่า ไม่ขนาดนั้นกระมัง ลูกสาวของเราออกจะน่ารัก อีกอย่างพี่อี้ถังก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือไม่ได้เลยนี่นะ”“ท่านพี่ก็เข้าข้างนางตลอดล่ะเจ้าค่ะ อีกหน่อยนางก็เสียคนพอดี”“ไม่ใช่ว่านางกลัวท่านแม่อย่างเจ้าอยู่หรอกหรือ เอาน่าลูกยังเด็กอยู่ยังไม่รู้ความ มีพวกต้าเซี่ยอย
ในท้องพระโรงตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้คร่ำคราญของบรรดาองค์หญิงและเหล่าสนมของฮ่องเต้ ส่วนเหล่าองค์ชายนั้นในใจต่างคิดว่าพวกเขาจบเห่แล้วคราวนี้ ยังไม่ทันได้ลงมือช่วงชิงตำแหน่งรัชทายาทแต่เสด็จพ่อกลับทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ ตอนนี้คนของแคว้นหลงบุกมาจัดการพวกเขาถึงในวังหลวงแห่งนี้ เช่นนั้นที่ชายแดนก็คงจะพ่ายแพ้เช่นเดียวกัน“มีอะไรจะพูดหรือไม่ แต่เอาจริง ๆ ไม่ต้องพูดหรอกเสียเวลา ข้าเข้าใจ เสี่ยวเฮยจัดการด้วยล่ะ เอาให้สะอาด” ฉีหลิน“จัดการให้เรียบร้อยจะได้รีบไปจัดการต่อ ข้าอยากกลับบ้านคิดถึงลูก” เฟยเทียนฮ่องเต้แคว้นอู๋มองดูสองสามีภรรยาสั่งงานเจ้าบุรุษชุดดำด้วยความไม่เข้าใจ อะไรคือจัดการให้เรียบร้อย อะไรคือเอาให้สะอาด พูดจาให้คนฟังแล้วไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ แต่ช่วยเห็นหัวเขาหน่อยจะได้หรือไม่“อ้อ เสี่ยวเฮย ช่วยปล่อยฮองเฮากับองค์ชายและองค์หญิงที่เกิดจากพระนางด้วย มีคนต้องการพบพวกเขา”“ได้ จะจัดการให้เดี๋ยวนี้”“ขอบใจ ท่านพี่ไปกันเถอะเจ้าค่ะ เรายังมีอะไรที่ต้องทำต่อ”“อืม เสี่ยวเฮยจัดการให้เรียบร้อยอย่าให้เล็ดลอดออกไปได้แม้แต่คนเดียวเข้าใจหรือไม่”เฟยเทียนเดินตามหลังภรรยาออกไปจากท้องพระโรง ท่าม
ในวันที่ฉีหลินกับเฟยเทียนตัดสินใจลักลอบเข้าวังหลวงแคว้นอู๋ ทางชายแดนแม่ทัพแคว้นอู๋ตัดสินใจนำทัพเข้าบุกแคว้นหลงทันทีโดยมีทัพมารเข้ามาแทรกแซงทำให้กำลังทหารของทางฝั่งแคว้นอู๋มีจำนวนเพิ่มมาหลายพันคนในเมื่อเผ่ามารมือยืดมือยาวถึงเพียงนี้ เสี่ยวเฮยเองก็ย่อมลิ้นยืดลิ้นยาวได้เช่นเดียวกัน ในตอนแรกที่เสี่ยวเฮยยังไม่ได้กลับไปอยู่ในร่างของมังกรทมิฬนั้น ย่อมไม่มีใครเกรงกลัวแต่หลังจากเผ่ามารเข้ามาแทรกแซงทำตัวเป็นกำลังเสริมให้กับแคว้นอู๋ เสี่ยวเฮยจึงเห็นว่าไม่ควรจะปิดบังตัวเองอีกต่อไป มันจึงได้กลับร่างเป็นมังกรทมิฬขนาดใหญ่กว่าที่เผ่ามารจะได้รู้ความจริงก็โดยกินไปจนเกือบหมดเสียแล้ว ยิ่งกลืนกินสิ่งชั่วร้ายไปมากเท่าไหร่ขนาดตัวของเสี่ยวเฮยก็ขยายขึ้นใหญ่มากเท่านั้น ตอนนี้ที่กำลังทหารของแคว้นอู๋เห็นเสี่ยวเฮยกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ก็ตัดสินใจกันแล้วว่าจะหนีเอาตัวรอดถึงแม้ว่าแม่ทัพจะไม่สั่งถอยทัพแต่ใครก็ย่อมกลัวตาย ต่างคนต่างรักชีวิตของตัวเองเมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทิ้งอาวุธออกวิ่งทันทีส่วนเสี่ยวเฮยที่กินเผ่ามารไปแล้วยังรู้สึกว่าไม่อิ่มเท่าไหร่ ต่างจ้องมองไปที่กำลังทหารของแคว้นอู๋ด้วยสายตาวาววั
ในขณะที่ฉีหลินกับเฟยเทียนเข้าไปในแคว้นอู๋อย่างราบรื่น ตอนนี้พวกเขาหาที่พักในเมืองหลวงของแคว้นอู๋ได้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนปลอมตัวเป็นตายาย เปิดร้านขายบะหมี่ในตลาดนับว่าเป็นงานที่ท้าทายมากสำหรับเฟยเทียน งานขายบะหมี่นี้เขารับหน้าที่เป็นคนทำบะหมี่ ส่วนภรรยาอย่างฉีหลินนั้นทำหน้าที่เก็บเงิน ส่วนผู้ติดตามทำหน้าที่เสี่ยวเอ้อร์ พวกเขาเช่าร้านบะหมี่ต่อจากเจ้าของเดิมที่เก็บของเตรียมตัวย้ายไปอยู่กับลูกชายที่บ้านเกิดในระหว่างที่ท่านพ่อและท่านแม่ไปทำหน้าที่ทำภารกิจเพื่อความสงบสุข แต่ลูกน้อยทั้งสามคนที่หมู่บ้านป่าหมอกนั้นไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับ 3 คนแก่ที่บ้านสักเท่าไหร่ ไป๋อี้ถังเองยังไม่สามารถรับมือกับหลานน้อยทั้งสามคนได้ เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะอับจนหนทางถึงขนาดนี้ เจ้าสามคนนี่เกิดมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนจริง ๆ“ท่านยุงถัง อันนี้ฉือไร” ฟางเซียน“หนังสือวรยุทธ์เบื้องต้น” ไป๋อี้ถัง“ท่านยุงถัง ฉอน เซียนเอ๋อร์ยักเรียน”“ฟางเซียนลุงว่าตอนนี้เจ้าไปนอนกลางวันกับน้องชายทั้งสองของหลานดีหรือไม่ เอาไว้รอให้เจ้าโตกว่านี้ลุงจะสอนให้ทุกอย่างเลย ต้าเซี่ย มาพาคุณหนูของเจ้าไปนอนกลางวันได้แล้ว”“แต่เซียนเอ๋อร์ไม่