“ลูกดาวจ๊ะ ลูกต้องจำไว้นะลูกต้องมีผัวฝรั่งเหมือนบ้านนั้นเห็นมั้ย เขามีผัวฝรั่งกลับมาร่ำรวยฟู่ฟ่า ดูนังแมวสิพอลูกสาวมันได้ผัวฝรั่งกลับมาร่ำรวย มันก็คุ้ยฟุ้งไปทั้งหมู่บ้าน แม่ล่ะหมั่นไส้มันนัก หาผัวฝรั่งรวยๆ นะลูกดาว แม่จะได้สบายรู้มั้ย”
“ค่ะแม่ แล้วดาวจะหาผัวฝรั่งรวยๆ นะแม่นะ แต่ว่าตอนนี้ดาวขอเงินไปเรียนภาษาไปก่อนได้มั้ยคะแม่ขา อีกอย่างดาวจะไปจ่ายค่าเนตด้วย คืนนี้ดาวจะแชทคุยกับคุณดอนให้ฉ่ำใจไปเลย...”
แพรดาว หญิงสาววัยยี่สิบห้าใบหน้าสะสวยหาตัวจับยาก เรือนร่างสูงระหงทว่าอวบอิ่มอกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกเป็นสะโพก อย่างที่ทำให้ชายหนุ่มมองกันเหลียวหลัง ผิวสีน้ำผึ้งเปล่งปลั่งอีกทั้งการแต่งกายที่เปิดเผยสัดส่วนอวบอิ่มของเธอก็ทำให้แพรดาวดูสวยเย้ายวนมากขึ้น หญิงสาวเอ่ยออดอ้อน นางเดือน ผู้เป็นมารดาซึ่งอยู่ในวัยสี่สิบปลายๆ แต่นางยังคงสวยพริ้งเพราเพราะชอบแต่งตัวและดูแลตัวเองดีมาเสมอ
“ได้เลยค่ะ ดาวลูกรักของแม่” เรื่องสนับสนุนลูกให้หา สามีฝรั่งรวยๆ นี่นางสนับสนุนเต็มที่
“ขอบคุณค่ะแม่ขา แม่ช่างเป็นแม่ที่ทั้งสวยและใจดีมากๆ เลยค่ะ”
แพรดาวเสียงหวานเอาอกเอาใจ ริมฝีปากที่ทาลิปสติกสีแดงจัดจ้านยิ้มกว้างอย่างยินดี เมื่อนางเดือนรีบกุลีกุจอไปหาเงินมาให้ลูกรักของตนทันที...
“นังลิน แกมาเอาเงินมาให้ฉันหน่อยสิเร็วๆ เข้า ฉันกับลูกดาวรีบ” เสียงแผดก้องของนางที่ดังมาจากในบ้านชั้นเดียวเล็กๆ ที่มีรั้วรอบขอบชิดดูสะอาดสะอ้าน ทำให้เจ้าของชื่อ นังลิน เงยหน้าขึ้นจากกระทะน้ำมันที่กำลังเดือดปุดๆ และมีกล้วยชุบแป้งทอดอยู่ในนั้น หรือที่เราเรียกกันว่า กล้วยแขก นั่นเอง
“อะไรจ๊ะแม่ จะเอาเงินอีกแล้วเหรอ..”
พลอยไพลิน ถามมารดาแต่มือยังสาละวนตักกล้วยที่ทอดสุกเหลืองกรอบน่ารับประทานให้ลูกค้า ที่ยืนรออยู่สองคนจนเสร็จสิ้นกระบวนการขาย จึงหันมามองหน้ามารดาที่ยืนหน้าตึงท้าวสะเอวมองตนอย่างไม่พอใจ ใบหน้าเรียวรูปไข่แดงปลั่งเพราะไอร้อนจากกระทะกับไอแดดนั้นมันเยิ้ม และแววตาอ่อนล้าอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัดหากแต่ผู้เป็นแม่กลับไม่คิดจะใส่ใจกับสิ่งที่เห็น
“เออสิ ฉันจะเอาไปจ่ายค่าอินเตอร์เน็ตของลูกดาว อีกหน่อยลูกดาวมีผัวฝรั่งรวยๆ ฉันจะได้สบาย”
“แต่แม่เพิ่งเอาไปเมื่อวานนี้เองนะ”
“ก็นั่นมันเมื่อวาน แต่วันนี้คนละวันนะนังลิน ตกลงแกจะให้มั้ย”
นางเดือนเอ่ยด้วยน้ำเสียงห้วนจัดมองบุตรสาวคนเล็กอย่างไม่พอใจ มองดูใบหน้าเรียวนวลใสของพลอยไพลินอย่างไม่นึกรักหรือผูกพัน เท่ากับแพรดาวบุตรสาวแสนสวยที่นางภูมิใจนักหนา แต่หากนางจะคิดได้บ้างว่าทุกวันนี้ ที่นางกับลูกรักของนางมีกินมีใช้เพราะใคร...
“แต่แม่คะ เราต้องจ่ายค่าไฟค่าน้ำนะคะ”
“แล้วไงวะ ก็ฉันจะเอาน่ะแกจะทำไม”
“ไม่ค่ะ แต่ลินมีแค่พันเดียวนะคะ หมดแล้วจริงๆ”
พลอยไพลินตอบอย่างหมองเศร้า แล้วค่อยๆ ล้วงเงินในกระเป๋าหน้าของผ้ากันเปื้อนกลางเก่ากลางใหม่ ทว่าสะอาดเอี่ยมออกมานับให้มารดา แต่นางเดือนกลับยื่นมือมาคว้าไปทั้งหมดที่มี ซึ่งพลอยไพลินก็ทำได้แค่มองตามหลังมารดาที่สะบัดก้นเดินเข้าบ้านไป แล้วสักพักมารดากับพี่สาวก็พากันออกไปข้างนอกด้วยความชื่นบานแต่งตัวสวยงามด้วยข้าวของราคาแพงแต่ไม่มีจะกิน
“ดู๊ อีนังเดือนมันทำ มันทำแบบนี้มาตั้งแต่สาวยันแก่ ซ้ำมันยังมาสอนให้ลูกรักของมันเป็นเหมือนมันด้วย”
เสียงของหญิงชราที่ขายข้าวเหนียวไก่ย่างส้มตำที่อยู่เยื้องๆ กันกับร้านของพลอยไพลินพูดขึ้นอย่างทนไม่ได้ เมื่อหญิงสาวที่นางเห็นมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกต้องมาทนรับความมักง่ายเห็นแก่ตัวของผู้เป็นแม่และพี่สาว
“โธ่.. ยายแย้ม ก็ช่างแม่กับพี่ดาวเขาเถอะ เงินน่ะไม่ตายก็หาใหม่ได้”
พลอยไพลินตอบยิ้มๆ แล้วหยิบใบตองมาทำกระทงเล็กๆ ไว้สำหรับใส่ขนมของเธอ ก้มหน้าซ่อนความเจ็บปวดไว้ในอก
ยายแย้ม หญิงชราวัยหกสิบแต่ร่างกายของนางยังแข็งแรงเดินเหินได้คล่องแคล่ว ก็เดินมายังร้านของพลอยไพลินซึ่งมีขายทั้งกล้วยทอดมันทอดฟัก ทองทอด ขนมถ้วย และวุ้นมะพร้าวรสชาติอร่อยหวานมันอย่างหมั่นไส้สองแม่ลูกนั้นไม่หาย
“นี่หนูลิน พูดก็พูดนะ ยายน่ะถึงจะพูดมากชอบเสือกเรื่องชาวบ้าน แต่ แม้... แม่กับพี่สาวของเอ็งก็ทำเกินไปนา ดูสินังดาวมันจะทำอะไรบ้าง วันๆ มันก็เอาแต่แต่งตัวสวย นอนเล่นโทรศัพท์เล่นเฟซบุ๊ก เล่นไลน์ เข้าเว็บหาผัวฝรั่ง”
หญิงชรากล่าวอย่างเหลืออดเพราะสิ่งที่นางเห็นมาตลอดก็คือพลอยไพลินทำงานงกๆ แต่นางเดือนกับแพรดาวไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งแพรดาวนั้นก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์สมาร์ตโฟนเครื่องหรูทันสมัย ท่องอินเตอร์เน็ตเข้าเครือข่ายโซเชียลยอดฮิต หรือไม่ก็เว็บหาคู่ชาวต่างชาติ ซึ่งคำพูดของนางก็ทำให้พลอยไพลินนึกขัน คนอย่างยายแย้มรู้จักเฟซบุ๊ก (Face book) และไลน์ (Line) กับเขาด้วย (เฟซบุ๊ก และไลน์ เป็นแอพพลิเคชั่นยอดนิยมสำหรับส่งข้อความ โพสต์หรือแชร์สิ่งต่างๆ ที่เราคิดหรือทำลงในไทม์ไลน์ (Timeline หรือที่เรียกว่าเส้นเวลาเป็นแผนผังแสดงการพัฒนาหรือลำดับเหตุการณ์ต่างๆ โดยขึ้นอยู่กับหัวข้อที่สนใจหรือสำคัญแต่ไม่ลงรายละเอียดมากนัก)
ยายแย้มมองใบหน้านวลใสแสนธรรมดาของหญิงสาววัยยี่สิบสามปีอย่างสงสารแกมเอ็นดู พลอยไพลินนั้นเป็นหญิงสาวร่างเล็กปราดเปรียว แม้ใบหน้าเรียวสะอาดสะอ้านนั้นอาจจะไม่ได้สวยสะดุดตาเหมือนกับแพรดาวผู้เป็นพี่สาว แต่ผิวขาวกระจ่างและโครงหน้าสวยหวานอ่อนโยนของพลอยไพลินนั้น ทำให้คนมองรู้สึกสบายตาสบายใจ อีกทั้งรอยยิ้มสดใสที่มีให้ทุกคนไม่เฉพาะลูกค้าที่มาอุดหนุนเธอเท่านั้น แต่พลอยไพลินนั้นสุภาพนอบน้อมอ่อนโยนกับทุกๆ คน ในขณะที่แม่กับพี่สาวนั้นไม่มีความอ่อนโยน หรืออ่อนน้อมถ่อมตนเลยสักนิด ซ้ำยังทำตัวฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย ทั้งที่คนหาเงินตัวเป็นเกลียวคือพลอยไพลินกลับไม่เคยได้ไปไหนไกลจากบ้าน จะว่าไปพลอยไพลินเสมือนหัวหน้าครอบครัวแทนบิดาที่เสียชีวิตไปเมื่อสี่ปีก่อน ก่อนที่พลอยไพลินจะเรียนจบ และพอเรียนจบหญิงสาวก็กลายมาเป็นหัวหน้าครอบครัวโดยสมบูรณ์ และเธอก็ทำได้ดีโดยไม่มีขาดตกบกพร่องเสียด้วย...
“ช่างเถอะค่ะยายแย้ม อย่างไรเสียพวกเขาก็คือครอบครัวของลินนะคะ”
“จ้า ขอให้พวกเขาคิดเหมือนเอ็งเถอะหนูลิน ยายน่ะมันคนอื่น...”
ยายแย้มสะบัดหน้าพรืดประชดนิดๆ ทั้งรักและสงสารหญิงสาวคนนี้จับใจ แต่อย่างว่านางมันก็คนอื่น จึงทำได้เพียงมองดูความอาภัพของพลอยไพลิน และเฝ้าเอาใจช่วยให้เธอได้พบกับความสุขสบายบ้าง ไม่ใช่เป็นทาสรับใช้แม่กับพี่สาวอยู่อย่างนี้...
พลอยไพลินยิ้มบางๆ ให้ยายแย้มแล้วตักขนมถ้วยใส่กระทงใบตองอย่างพิถีพิถัน แม้รานขนมเล็กๆ ของเธอจะไม่ได้ใหญ่โตมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่รสชาตินั้นหวานลิ้นจนเป็นที่ติดใจของผู้บริโภคแล้วบอกต่อกัน จนร้านขนมซึ่งเป็นเพียงซุ้มเล็กๆ แต่ตกแต่งงดงามสะอาดสะอ้านอยู่หน้าบ้านหลังเล็กของเธอ ก็เป็นที่รู้จักของผู้นิยมบริโภคขนมหวานเป็นอย่างดี และมันก็ทำให้สามารถหารายได้มาจุนเจือครอบครัว ซึ่งมีกันแค่สามคนได้อย่างไม่ลำบาก
บทที่ 1ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่นั้นดูเคร่งเครียดจัด ดวงตาคมวาวโรจน์ด้วยความโกรธเมื่อของสำคัญได้หายไปจากงานแสดงเครื่องเพชรของ คิงส์คอปอเรชั่น และเครื่องเพชรชุดนั้นก็มีมูลค่ามหาศาลทั้งยังเป็นของรักของมารดาผู้ล่วงลับของเขา ชายหนุ่มหันมามองคนที่อยู่เบื้องหน้าด้วยแววตาขึ้งเครียด เมื่อรู้แน่แล้วว่าของสำคัญของเขานั้นอยู่ที่ไหนและกับใคร อาเธอร์ คิงส์ นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งแม็กซิกัน อเมริกันผู้หล่อเหลาและร่ำรวยมหาศาล ชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงใหญ่ 188 เซนติเมตร ผิวสีแทนคร้ามใบหน้าเรียวยาวได้รูปซึ่งประกอบด้วยดวงตาสีฟ้าสดคมเข้มภายใต้คิ้วหนายาว จมูกโด่งเป็นสันสวยไม่งองุ้มรับกับริมฝีปากหยักสีเข้ม ร่างแกร่งอุดมด้วยมัดกล้ามตึงแน่นอย่างที่เราเรียกกันว่าซิกแพ็กนั้น น่าลูบไล้สัมผัสด้วยปุยขนสีอ่อนนุ่มนวลสีเดียวกันกับเส้นผมสีน้ำตาลเข้มออกแดงเล็กน้อยที่ตัดเล็มอย่างดีเยี่ยมรับกับรูปหน้าหล่อเหลาคมเข้ม เขาเพียบพร้อมสมบูรณ์แบบอย่างที่สาวๆ ใฝ่ฝัน แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถครอบครองหัวใจหนุ่มโสดเนื้อหอมคนนี้ได้ ในวัยสามสิบสามปีอาเธอร์ก็ยังคงเป็นหนุ่มโสดเนื้อหอมอันดับต้นๆ ของวงการนักธุรกิจ หนุ่มหล่อ รวย
บทที่2.“อย่าทำอะไรลินเลยนะคะ ได้โปรดปล่อยลินไปเถอะ”พลอยไพลินตื่นขึ้นมาในห้องกว้างดูหรูหรางดงามพร้อมกับเจอหน้าของชายหนุ่มต่างชาติผู้หล่อเหลา แต่สายตาของเขากลับทำให้เธอนึกกลัว และเมื่อรู้ตัวว่าจะต้องเจอกับอะไร พลอยไพลินถึงกับเข่าอ่อนหวาดหวั่นอย่างที่สุด ไม่นึกเลยว่าพี่สาวแท้ๆ จะทำกับเธอได้ถึงเพียงนี้“ฉันไม่ทำให้เธอเจ็บหรือผิดหวังหรอกน่าสาวน้อย แต่ฉันจะทำให้เธอมีความสุขที่สุด มีผัวฝรั่งมันดีนะ แล้วเธอจะติดใจเหมือนพี่สาวเธอ”“ไม่ค่ะ ปล่อยลินไปเถอะ ลินไม่ได้อยากมีผัวหรือต้องการผัวฝรั่งเลย..” พลอยไพลินพูดลนลาน พลางเดินถอยห่างจากเขาที่สืบเท้าเข้ามาหาด้วยแววตาที่น่าขยะแขยงนัก“เธอไม่มีทางไปจากที่นี่ได้หรอกพลอยไพลิน หรือหากเธอก้าวออกจากห้องนี้ไป โดยที่ฉันไม่ได้อนุญาต เธออาจจะมีผัวทีเดียวหลายคน ฮ่าๆ” ดอนกล่าวพลางหัวเราะด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม จนพลอยไพลินขนหัวลุกด้วยความกลัว และขยะแขยง ดวงตากลมโตดำขลับราวนิลเนื้อดี กวาดมองหาช่องทางหนีแต่มันไม่มีเสียเลย...“กรี๊ดดดด ปล่อยนะ ปล่อยฉันนน...” พลอยไพลินกรีดร้อง เมื่อร่างสูงของดอนกระโดดเข้ามาคว้าตัวของเธอไว้ได้ ก่อนจะโยนเธอลงบนเตียงกว้างอย่างไม่ปรา
บทที่3.ดวงตางามภายใต้ขนตางามงอนค่อยๆ กระพือขึ้นช้าๆ แล้วหลับลงไปอีกครั้ง เมื่อแสงจ้ารอบกายทำให้รู้สึกแสบตาจนลืมตาไม่ขึ้น พลอยไพลินพยายามลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก... เธออยู่ในห้องที่แสนจะหรูหรา เพดานห้องประดับด้วยโคมไฟระย้างดงาม ผนังห้องสีน้ำตาลอ่อนๆ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นจะออกโทนน้ำตาล ข้าวของทุกชิ้นในห้องนี้ล้วนแล้วแต่ราคาแพงลิบลิ่ว ซึ่งเธอคงไม่มีโอกาสได้ใช้ของแพงๆ เหล่านี้ และโทนสีอบอุ่นนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้ความหวาดกลัวของเธอลดลงเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ครั้งสุดท้ายที่รู้สึกตัวเธอกำลังคุยอยู่กับแพรดาวเรื่องจะไปทำธุระจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ที่เดือนนี้พี่สาวของเธอใจดีเป็นคนออกเงินเอง สุดท้ายเธอก็ถูกพี่สาวหลอกไปให้ผู้ชายผมทองคนนั้นปู้ยี่ปู้ยำ แค่คิดน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม...“โอ๊ย อูย... เจ็บไปหมดทั้งตัวเลย...” พลอยไพลินพยายามยันกายจากที่นอนอย่างยากลำบาก เมื่อความเจ็บแปลบแล่นไปทั้งร่าง ความหวาดกลัวว่าตนเองจะถูกย่ำยีก็ลดลงไปด้วย เมื่อเธอสวมใส่เสื้อผ้าอยู่ นั่นคือเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งแม้มันจะมีเพียงแค่ชิ้นเดียวบนร่างกาย แต่ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด และเธอก็ไม่ได้รู้สึกเ
บทที่4.หญิงสาวมองกระดาษในมืออย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องลงชื่อในสิ่งที่เรียกว่า สัญญา กับเขาด้วยอาเธอร์ คิงส์ ในที่สุดเธอก็รู้จักชื่อของเขา แต่ชื่อนี้เธอเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนนะ แต่เธอไม่เข้าใจว่าเธอตกเป็นเชลยของเขาได้อย่างไร ซ้ำอาเธอร์ยังทำท่าราวกับเธอคือตัวอะไรสักอย่างที่น่ารังเกียจ สายตาของเขาที่มองมา มันไม่เป็นมิตร และเธอรู้สึกได้ถึงความเกลียดชังเขาเกลียดเธอหรือ เกลียดด้วยเรื่องอะไรล่ะ เธอไปทำอะไรให้เขา... พลอยไพลินคิดอย่างวิตกและอยากรู้“ในสัญญานั้นจะทำให้เธออยู่ในสายตาฉัน และยังได้เงินเดือนอีกด้วยแค่ช่วยฉันตามหาพี่สาวเธอ”“แต่ฉันไม่ต้องการ ฉันแค่อยากกลับบ้าน คุณยิ่งใหญ่ขนาดนั้นแค่พี่สาวฉันคนเดียว คุณก็คงจัดการได้ ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ฉันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”หญิงสาวบอกเขาอย่างไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็พยายามเก็บอาการอย่างที่สุด ตอนนี้เธออยู่ในถิ่นของคนที่เรียกได้ว่าเข้าใกล้คำว่ามาเฟียมาก ดูสิลูกน้องเขาเต็มบ้านหน้าตาไม่ยินดียินร้ายกับใคร และทุกคนก็มองเธอด้วยความเฉยเมย เหมือนเธอไม่มีตัวตน ดวงตากลมโตกวาดมองรอบๆ บ้านหลังงาม ที่นึกนิยมในใจว่ามันงดงามน่าอยู่ ร่มรื่นติดภูเขาและทะเล แต่คนที่นี
บทที่5.หญิงสาวบ่นกับตัวเอง เธอไม่ได้โง่พอที่จะไม่เข้าใจความหมายในแววตาของเขา ผู้หญิงไทยก็คงเป็นโสเภณีในสายตาของเขาสินะ อาเธอร์จึงได้มองเธอด้วยแววตาเหยียดหยันอยู่เสมอ... และนี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่เธอด่าใครสักคน หญิงสาวยันกายลุกขึ้น สูดลมหายใจลึกๆ บอกตัวเองให้พร้อมเผชิญกับทุกสิ่ง...ในขณะที่คนตัวเล็กกำลังทำอาหารอยู่ในครัว จนกลิ่นอาหารหอมฟุ้งไปทั้งบ้านหลังงาม ทำให้ทุกคนซึ่งอยู่ในที่แห่งนี้หันมองไปตามกลิ่นและเห็นร่างเล็กๆ ของพลอยไพลินกำลังทำอาหารอยู่ในครัวหรู ซึ่งพวกเขาทำได้แค่มอง ผู้หญิงของเจ้านาย ที่กำลังทำอาหารเงียบๆ ริชาร์ตมองร่างบางผ่านกระจกใสอย่างครุ่นคิด พลางเหลือบสายตาไปยังห้องนอนของเจ้านายหนุ่ม“พวกแกไปทำงานได้แล้วไป ส่งคนของเราไปดูความเคลื่อนไหวของคุณลูเซียส แล้วแกสามคนไปดูลาดเลาที่คาสิโนที่ไอ้ดอนมันเข้าออกบ่อยๆ ส่วนแกไปตามดูที่บ้านของคุณพลอยไพลินว่าพี่สาวของเธอติดต่อกลับมาบ้างมั้ย”ชายหนุ่มสั่งงานแทนเจ้านายอย่างรู้หน้าที่ บรรดาชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ ซึ่งเป็นลูกน้องฝีมือดีของอาเธอร์รับคำอย่างเสียดายเล็กน้อย ที่จะไม่ได้อยู่รับประทานอาหารกลิ่นหอมฟุ้งนั้น ใช่ว่าพวกเขาจะเห็นแก่กิน แต่กล
บทที่6.“อืม จริงสินะ ถ้าอย่างนั้น ฉันมีข้อแลกกับการไปจากที่นี่” อาเธอร์บอกอย่างใจดี ซ่อนความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจไว้มิดชิด ชนิดที่ว่าพลอยไพลิน ไม่มีโอกาสได้รู้หรือตามเขาทันแน่นอน“ยังไงคะ” พลอยไพลินถามอย่างตื่นเต้น แต่เมื่อเขาหันมาเผชิญหน้า ความตื่นเต้นของเธอลดลงครึ่งต่อครึ่งอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้ทำไมแววตาของเขาทำให้รู้สึกหวิวๆ เหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ...“ก็แค่ทำงานเป็นแม่บ้านให้ฉันสักเดือน ทำทุกอย่าง... เมื่อได้เงินเดือนเธอก็สามารถกลับบ้านได้ เธอคงไม่คิดว่าฉันจะใจดีส่งเธอกลับบ้านเฉยๆ หรอกนะ ฉันเป็นนักธุรกิจนะ อีกอย่างฉันก็ไม่รู้ว่าเธอจะปากโป้ง เรื่องที่ฉันยิงไอ้ดอนมันรึเปล่า ดังนั้นหนึ่งเดือนเธออยู่ที่นี่ เป็นแม่บ้านให้ฉัน”“แต่ฉันทำสัญญากับคุณไปแล้วนี่คะ สัญญาที่ฉันจะทำหน้าที่ติดตามหาพี่สาวฉัน”“ฉันฉีกมันทิ้งไปแล้ว อย่าลืมสิฉันเป็นคนที่มีอำนาจยกเลิกสัญญาเมื่อไหร่ก็ได้นะ ฉันทำสัญญาและหน้าที่ใหม่ให้เธอแล้วเพราะฉันเพิ่งเก็บคำพูดเธอไปคิดว่า ถึงไม่มีเธอฉันก็ตามหาแพรดาวได้ ฉันเห็นตามนั้นเลยล่ะ... ตกลงจะเอาไง”เขาถามเสียงเข้มจ้องหน้าอ่อนใสนั้นอย่างคาดคั้นและเหนือกว่า รู้อยู่แล้วว่าพลอยไพลิน
บทที่7.อาเธอร์คิดอย่างกระหยิ่มใจ พลางจูบไซ้ซอกซอนหาความหวานจากโพรงปากนุ่ม ที่หวานล้ำอย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสได้จากหญิงสาวคนไหนมาก่อน พลอยไพลินทำให้เขาอยากจะจูบ อยากจะลูบไล้เรือนกายงามของเธอได้โดยที่ไม่ต้องยั่วยวนเขาสักนิด และพลอยไพลินเป็นหญิงไทยคนแรก ที่เขาจูบเธอเสียด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวจูบซับความหวานจากปากสาวอย่างหิวกระหายค่อยๆ ไล้ละเรื่อยมายังแก้มแดงจัด และใบหูบางที่แดงไม่แพ้กัน ก่อนจะจูบไซ้ลงมาที่ซอกคอขาวผ่องขบเม้มเล่นทั้งดอมดมกลิ่นเนื้อสาวเข้าปอดอย่างพอใจ ริมฝีปากร้ายร้อนระอุไม่หยุดเท่านั้น แต่กำลังเลื่อนต่ำลงมายังร่องอกอวบอิ่มที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อชีฟองลายสวยแขนกุดเผยไหล่มนผุดผ่อง ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนทรวงสาวจะเบ่งบานรอคอยบางอย่าง ยอดอกเครียดคัดไหวระริกอยู่ใต้บราเซียตัวสวยยั่วให้ดูดดึงดื่มกินยิ่งนัก...“เธอหวานเหลือเกินพลอยไพลิน หวานอย่างไม่น่าเชื่อ...” อาเธอร์ ครางเหมือนเพ้อละเมอไม่รู้ตัว ในขณะผ่อนร่างอ่อนระทวยของหญิงสาวลงบนโซฟาตัวใหญ่ แล้ววกกลับมาจุมพิตริมฝีปากแดงปลั่งอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง มือร้อนระอุราวเปลวไฟลูบไล้สอดซุกเข้าไปในชายเสื้อตัวบาง เสาะหาสิ่งที่เขาปรารถนาจะจับต้อง และเ
บทที่8.“ลินจ๋า ช่วยฉันหน่อย ฉันต้องการให้เธอช่วย...”น้ำเสียงนั้นฟังดูออดอ้อนนัก จนคนฟังหัวใจละลายและพลอยไพลินก็ไม่อยากเชื่อเลยว่าอาเธอร์จะพูดอย่างนั้นกับตน ก็เพราะท่าทางของเขาก่อนหน้านี้ มันไม่ใช่แบบนี้นี่นา หญิงสาวคิดในใจ แต่ความคิดของเธอก็ต้องติดๆ ขัดๆ นึกอะไรไม่ค่อยออกเสียด้วยสิ “ชะ ช่วย อะไรคะ... ลิน หนาว...”พลอยไพลินพูดตะกุกตะกักไม่เข้าใจที่เขาพูด และพยายามจะดึงมือหนี และลุกขึ้นหาผ้ามาสวมใส่ เธออายเหลือเกินที่นั่งเปลือยเปล่าต่อหน้าเขาแบบนี้ แล้วตอนนี้เธอก็รู้สึกหนาวขึ้นมาจับใจ พลอยไพลินมองเขายังซึ่งสวมเสื้อผ้าครบชุด มีเพียงตรงกลางร่างแกร่งเท่านั้นที่เขาปลดกระดุมกางเกงยีนจนหมดแถวพร้อมกับปลดปล่อยบางสิ่งออกมาให้เธอกอบกุมอยู่ในตอนนี้...“ทำแบบนี้ที่รัก... อา นั่นล่ะ ใช่แล้วดีมาก” อาเธอร์ครางออกมาอย่างอ่อนหวาน ขยับมือหนาของตนสอนสั่งให้เธอทำตามซ้ำนักเรียนหน้าใสก็ยังทำได้ดีเกินคาด แม้จะยังกล้าๆ กลัวๆ ทั้งเคอะเขินในสิ่งที่กำลังทำอยู่ ชายหนุ่มหลับตาลงอย่างซ่านใจเมื่อเขาไม่จำเป็นต้องชักนำมือน้อยแล้ว เสียงครางแหบห้าวหนักหน่วงจึงดังขึ้นในเวลาต่อมา พร้อมกับการได้ปลดปล่อยความอัดอั้นจากเพลิ