หญิงสาวมองกระดาษในมืออย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องลงชื่อในสิ่งที่เรียกว่า สัญญา กับเขาด้วย
อาเธอร์ คิงส์ ในที่สุดเธอก็รู้จักชื่อของเขา แต่ชื่อนี้เธอเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนนะ แต่เธอไม่เข้าใจว่าเธอตกเป็นเชลยของเขาได้อย่างไร ซ้ำอาเธอร์ยังทำท่าราวกับเธอคือตัวอะไรสักอย่างที่น่ารังเกียจ สายตาของเขาที่มองมา มันไม่เป็นมิตร และเธอรู้สึกได้ถึงความเกลียดชัง
เขาเกลียดเธอหรือ เกลียดด้วยเรื่องอะไรล่ะ เธอไปทำอะไรให้เขา... พลอยไพลินคิดอย่างวิตกและอยากรู้
“ในสัญญานั้นจะทำให้เธออยู่ในสายตาฉัน และยังได้เงินเดือนอีกด้วยแค่ช่วยฉันตามหาพี่สาวเธอ”
“แต่ฉันไม่ต้องการ ฉันแค่อยากกลับบ้าน คุณยิ่งใหญ่ขนาดนั้นแค่พี่สาวฉันคนเดียว คุณก็คงจัดการได้ ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ฉันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”
หญิงสาวบอกเขาอย่างไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็พยายามเก็บอาการอย่างที่สุด ตอนนี้เธออยู่ในถิ่นของคนที่เรียกได้ว่าเข้าใกล้คำว่ามาเฟียมาก ดูสิลูกน้องเขาเต็มบ้านหน้าตาไม่ยินดียินร้ายกับใคร และทุกคนก็มองเธอด้วยความเฉยเมย เหมือนเธอไม่มีตัวตน ดวงตากลมโตกวาดมองรอบๆ บ้านหลังงาม ที่นึกนิยมในใจว่ามันงดงามน่าอยู่ ร่มรื่นติดภูเขาและทะเล แต่คนที่นี่โดยเฉพาะเจ้าของบ้านไม่น่าอยู่ใกล้เลยสักนิด
“เธอไม่มีทางเลือก... ตอนนี้แม่ของเธอขายบ้านขายทุกอย่างเพื่อใช้หนี้สินที่พี่สาวเธอก่อไว้ เพื่อสร้างตัวเองให้ดูเป็นสาวไฮโซไว้หลอกฝรั่งหน้าโง่ สุดท้ายพี่เธอก็โดนหลอกเสียเอง ไม่แน่นะ ตอนนี้พี่สาวเธออาจจะอยู่ในซ่องที่ไหนสักแห่ง ไม่อยากช่วยพี่สาวหรอกเหรอ”
“แต่ว่าฉัน...” หญิงสาวลังเลในใจ กระหวัดถึงมารดาที่เธอนึกกังวลว่าหากมารดารู้เรื่องพี่สาวจะเสียใจมากแค่ไหน
“ไม่ต้องห่วงเรื่องแม่ของเธอหรอก ตอนนี้แม่ของเธอถูกควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดไม่ให้สร้างปัญหา” อาเธอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยันเล็กน้อย และมันทำให้พลอยไพลินมองเขาอย่างขุ่นเคืองที่ไม่มีหญิงสาวคนไหนเคยมองเขาด้วยสายตาแบบนั้น ซึ่งมันก็ทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจนัก
“สุดท้ายคุณมันก็เห็นแก่ตัว เลวเหมือนกันกับไอ้ดอนนั่นล่ะ หลอกใช้ผู้หญิง” พลอยไพลินทนไม่ไหวโพล่งออกมาอย่างระงับความรู้สึกไม่อยู่ แล้วก็ต้องหน้าซีดเมื่อเขาเข้ามาประชิดตัวกุมแขนเรียวไว้แน่นจนเธอรู้สึกเหมือนแขนจะหัก
“ระวังปากเธอด้วยนะพลอยไพลิน เธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต่อรองอะไรกับฉัน ฉันใจดีกับเธอมากนะจำใส่หัวเธอไว้ หากฉันไม่เข้าไปวันนั้น เธอก็ถูกไอ้ดอนมันขายทอดตลาดหลังจากที่มันฟันเธอจนฉ่ำปอดแล้วก็ได้”
อาเธอร์พูดลอดไรฟันจ้องหน้าใสซีดนั้นเขม็ง เมื่อเห็นแววตาเจ็บปวดและน้ำใสคลอครองหน่วยตากลมโตนั่นล่ะเขาถึงได้รู้ตัวว่าเธออาจจะเจ็บก็เป็นได้
อาเธอร์ปล่อยร่างบางที่ดูบางกระจ้อยร่อยไปเมื่อเทียบกับร่างใหญ่โตของเขา ร่างบอบบางถอยห่างเขาไปไกล ด้วยความตระหนกหรือกลัวก็ไม่ทราบได้ ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กที่เดินไปนั่งลงบนโซฟารับรอง แล้วจรดปากกาเซ็นชื่อลงไปในสัญญาที่เขาร่างมันขึ้นมาเมื่อคืนด้วยความพอใจ ชายหนุ่มเดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่มองดูหญิงสาวเงียบๆ อย่างพิจารณา
ในวันที่เขาพาพลอยไพลินมาด้วยสภาพร่างกายบอบช้ำ ในแวบแรกเขารู้สึกสงสาร และคิดว่าดอนช่างโหดร้ายทารุณกับผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอ แม้ว่าเขาเกลียดผู้หญิงไทยที่โลภมากพวกนี้ก็ตาม แต่รอยฟกช้ำบนร่างกายบอบบางที่ดูเหมือนจะแตกหักได้ทุกเวลานั้น ทำให้เขาตัดสินใจพาเธอกลับมารักษาตัวที่บ้านพักหลังงามของเขา แทนที่จะส่งไปโรงพยาบาล อีกทั้งแพรดาวพี่สาวของเธอก็เป็นคนที่ดอนใช้ให้ไปส่งของ ซึ่งเขามั่นใจว่าตอนนี้ของของเขา ได้อยู่กับนักธุรกิจชาวอิตาเลี่ยนคนหนึ่ง พลอยไพลินอาจจะไม่ได้มีประโยชน์มากนัก แต่เขาจำเป็นจะต้องกักตัวเธอไว้ เพราะหญิงสาวอาจจะรู้เห็นมากเกินไป อย่างน้อยๆ เธอคงเห็นว่าเขายิงดอนล้มลงจมกองเลือด แม้จะเป็นแค่การยิงขู่ก็เถอะ...
“เสร็จแล้ว อยากให้ฉันทำงานให้เลยมั้ยคะเจ้านาย”
“อย่าประชดฉันนะพลอยไพลิน” เขารับกระดาษกลับคืนมาเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“เปล่าค่ะ ฉันพูดจริงๆ” หญิงสาวกล่าวเหมือนยอมรับชะตากรรมของตัวเอง ใบหน้าขาวซีดของเธอดูหม่นหมอง แต่มันไม่ได้ช่วยให้อาเธอร์ ใส่ใจมากไปกว่านึกทึ่งที่เธอสามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วทีเดียว
“ทำไมเธอพูดภาษาอังกฤษได้คล่องจัง หรือว่ารับแขกบ่อย”
“นี่คุณ....” หญิงสาวหน้าแดงอย่างขุ่นเคืองกับคำพูดเหมือนเหยียดหยันนั้น
“นี่ล่ะคือสิ่งที่เจ้านายอย่างฉันอยากรู้” ชายหนุ่มเลิกคิ้วมอง อย่างท้าทายและแอบพอใจกับใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ
เอ๊ะพอใจเหรอ... ไม่จริง... อาเธอร์รู้สึกตกใจตัวเองไม่น้อยแล้วรีบกลบเกลื่อนเป็นโกรธเธอแทน
“เอาเถอะ เธอจะพูดได้เก่งเพราะรับแขกหรืออะไรก็แล้วแต่เธอ ฉันไม่สนหรอก ฉันหิวแล้วไปทำอาหารเที่ยงให้ฉันกินหน่อยสิ”
“ค่ะ เจ้านาย... ว้ายยยย” หญิงสาวรับคำอย่างข่มความไม่พอใจนิดๆ แล้วตั้งท่าจะเดินออกไปจากห้องทำงานโอ่อ่าของเขาแต่ขาเจ้ากรรม ดันไปสะดุดกันเองจนร่างบางถลาลิ่วไปหาร่างสูงที่กำลังจะเดินไปเช่นกัน จนคนตัวโตที่ไม่ทันตั้งตัวเซทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นพรมนิ่ม พร้อมกับมีร่างเล็กๆ ของเธอเกยอยู่บนตักกว้าง ใบหน้านวลซุกอยู่กับอกกว้างรีบเงยขึ้นอย่างตระหนกและเป็นจังหวะเดียวกับที่อาเธอร์ก้มลงมามองเธอเช่นกัน ทำให้ใบหน้าของทั้งสองห่างกันแค่เพียงเส้นด้ายกางกั้น...
“เอ่อ... คือ ฉัน... ปละ ปล่อ...” ไม่ทันที่เธอจะทันได้อ้าปากให้เขาปล่อยเธอ อาเธอร์ก็ผลักร่างเล็กๆ นั้นออกจากตักทันทีอย่างไม่เบานัก จนพลอยไพลินนั่งจุกอยู่กับพื้นพรมมองตามร่างสูงใหญ่ที่เดินหน้าตึงออกไป อย่างเจ็บใจและเจ็บก้น เพราะเหมือนเธอโดนเขาโยนลงมาจากตักเขาเมื่อครู่ ทั้งหัวใจสาวก็ยังเต้นตึกๆ ดังโครมครามๆ อย่างหวั่นไหว...
“โอ๊ย... ไอ้ฝรั่งบ้า คนใจร้าย อูย... เจ็บไปทั้งตัวเลยที่นี้ ทำไมพลอยไพลินถึงได้ซวยนักนะเจอแต่ฝรั่งโรคจิต”
บทที่5.หญิงสาวบ่นกับตัวเอง เธอไม่ได้โง่พอที่จะไม่เข้าใจความหมายในแววตาของเขา ผู้หญิงไทยก็คงเป็นโสเภณีในสายตาของเขาสินะ อาเธอร์จึงได้มองเธอด้วยแววตาเหยียดหยันอยู่เสมอ... และนี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่เธอด่าใครสักคน หญิงสาวยันกายลุกขึ้น สูดลมหายใจลึกๆ บอกตัวเองให้พร้อมเผชิญกับทุกสิ่ง...ในขณะที่คนตัวเล็กกำลังทำอาหารอยู่ในครัว จนกลิ่นอาหารหอมฟุ้งไปทั้งบ้านหลังงาม ทำให้ทุกคนซึ่งอยู่ในที่แห่งนี้หันมองไปตามกลิ่นและเห็นร่างเล็กๆ ของพลอยไพลินกำลังทำอาหารอยู่ในครัวหรู ซึ่งพวกเขาทำได้แค่มอง ผู้หญิงของเจ้านาย ที่กำลังทำอาหารเงียบๆ ริชาร์ตมองร่างบางผ่านกระจกใสอย่างครุ่นคิด พลางเหลือบสายตาไปยังห้องนอนของเจ้านายหนุ่ม“พวกแกไปทำงานได้แล้วไป ส่งคนของเราไปดูความเคลื่อนไหวของคุณลูเซียส แล้วแกสามคนไปดูลาดเลาที่คาสิโนที่ไอ้ดอนมันเข้าออกบ่อยๆ ส่วนแกไปตามดูที่บ้านของคุณพลอยไพลินว่าพี่สาวของเธอติดต่อกลับมาบ้างมั้ย”ชายหนุ่มสั่งงานแทนเจ้านายอย่างรู้หน้าที่ บรรดาชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ ซึ่งเป็นลูกน้องฝีมือดีของอาเธอร์รับคำอย่างเสียดายเล็กน้อย ที่จะไม่ได้อยู่รับประทานอาหารกลิ่นหอมฟุ้งนั้น ใช่ว่าพวกเขาจะเห็นแก่กิน แต่กล
บทที่6.“อืม จริงสินะ ถ้าอย่างนั้น ฉันมีข้อแลกกับการไปจากที่นี่” อาเธอร์บอกอย่างใจดี ซ่อนความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจไว้มิดชิด ชนิดที่ว่าพลอยไพลิน ไม่มีโอกาสได้รู้หรือตามเขาทันแน่นอน“ยังไงคะ” พลอยไพลินถามอย่างตื่นเต้น แต่เมื่อเขาหันมาเผชิญหน้า ความตื่นเต้นของเธอลดลงครึ่งต่อครึ่งอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้ทำไมแววตาของเขาทำให้รู้สึกหวิวๆ เหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ...“ก็แค่ทำงานเป็นแม่บ้านให้ฉันสักเดือน ทำทุกอย่าง... เมื่อได้เงินเดือนเธอก็สามารถกลับบ้านได้ เธอคงไม่คิดว่าฉันจะใจดีส่งเธอกลับบ้านเฉยๆ หรอกนะ ฉันเป็นนักธุรกิจนะ อีกอย่างฉันก็ไม่รู้ว่าเธอจะปากโป้ง เรื่องที่ฉันยิงไอ้ดอนมันรึเปล่า ดังนั้นหนึ่งเดือนเธออยู่ที่นี่ เป็นแม่บ้านให้ฉัน”“แต่ฉันทำสัญญากับคุณไปแล้วนี่คะ สัญญาที่ฉันจะทำหน้าที่ติดตามหาพี่สาวฉัน”“ฉันฉีกมันทิ้งไปแล้ว อย่าลืมสิฉันเป็นคนที่มีอำนาจยกเลิกสัญญาเมื่อไหร่ก็ได้นะ ฉันทำสัญญาและหน้าที่ใหม่ให้เธอแล้วเพราะฉันเพิ่งเก็บคำพูดเธอไปคิดว่า ถึงไม่มีเธอฉันก็ตามหาแพรดาวได้ ฉันเห็นตามนั้นเลยล่ะ... ตกลงจะเอาไง”เขาถามเสียงเข้มจ้องหน้าอ่อนใสนั้นอย่างคาดคั้นและเหนือกว่า รู้อยู่แล้วว่าพลอยไพลิน
บทที่7.อาเธอร์คิดอย่างกระหยิ่มใจ พลางจูบไซ้ซอกซอนหาความหวานจากโพรงปากนุ่ม ที่หวานล้ำอย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสได้จากหญิงสาวคนไหนมาก่อน พลอยไพลินทำให้เขาอยากจะจูบ อยากจะลูบไล้เรือนกายงามของเธอได้โดยที่ไม่ต้องยั่วยวนเขาสักนิด และพลอยไพลินเป็นหญิงไทยคนแรก ที่เขาจูบเธอเสียด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวจูบซับความหวานจากปากสาวอย่างหิวกระหายค่อยๆ ไล้ละเรื่อยมายังแก้มแดงจัด และใบหูบางที่แดงไม่แพ้กัน ก่อนจะจูบไซ้ลงมาที่ซอกคอขาวผ่องขบเม้มเล่นทั้งดอมดมกลิ่นเนื้อสาวเข้าปอดอย่างพอใจ ริมฝีปากร้ายร้อนระอุไม่หยุดเท่านั้น แต่กำลังเลื่อนต่ำลงมายังร่องอกอวบอิ่มที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อชีฟองลายสวยแขนกุดเผยไหล่มนผุดผ่อง ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนทรวงสาวจะเบ่งบานรอคอยบางอย่าง ยอดอกเครียดคัดไหวระริกอยู่ใต้บราเซียตัวสวยยั่วให้ดูดดึงดื่มกินยิ่งนัก...“เธอหวานเหลือเกินพลอยไพลิน หวานอย่างไม่น่าเชื่อ...” อาเธอร์ ครางเหมือนเพ้อละเมอไม่รู้ตัว ในขณะผ่อนร่างอ่อนระทวยของหญิงสาวลงบนโซฟาตัวใหญ่ แล้ววกกลับมาจุมพิตริมฝีปากแดงปลั่งอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง มือร้อนระอุราวเปลวไฟลูบไล้สอดซุกเข้าไปในชายเสื้อตัวบาง เสาะหาสิ่งที่เขาปรารถนาจะจับต้อง และเ
บทที่8.“ลินจ๋า ช่วยฉันหน่อย ฉันต้องการให้เธอช่วย...”น้ำเสียงนั้นฟังดูออดอ้อนนัก จนคนฟังหัวใจละลายและพลอยไพลินก็ไม่อยากเชื่อเลยว่าอาเธอร์จะพูดอย่างนั้นกับตน ก็เพราะท่าทางของเขาก่อนหน้านี้ มันไม่ใช่แบบนี้นี่นา หญิงสาวคิดในใจ แต่ความคิดของเธอก็ต้องติดๆ ขัดๆ นึกอะไรไม่ค่อยออกเสียด้วยสิ “ชะ ช่วย อะไรคะ... ลิน หนาว...”พลอยไพลินพูดตะกุกตะกักไม่เข้าใจที่เขาพูด และพยายามจะดึงมือหนี และลุกขึ้นหาผ้ามาสวมใส่ เธออายเหลือเกินที่นั่งเปลือยเปล่าต่อหน้าเขาแบบนี้ แล้วตอนนี้เธอก็รู้สึกหนาวขึ้นมาจับใจ พลอยไพลินมองเขายังซึ่งสวมเสื้อผ้าครบชุด มีเพียงตรงกลางร่างแกร่งเท่านั้นที่เขาปลดกระดุมกางเกงยีนจนหมดแถวพร้อมกับปลดปล่อยบางสิ่งออกมาให้เธอกอบกุมอยู่ในตอนนี้...“ทำแบบนี้ที่รัก... อา นั่นล่ะ ใช่แล้วดีมาก” อาเธอร์ครางออกมาอย่างอ่อนหวาน ขยับมือหนาของตนสอนสั่งให้เธอทำตามซ้ำนักเรียนหน้าใสก็ยังทำได้ดีเกินคาด แม้จะยังกล้าๆ กลัวๆ ทั้งเคอะเขินในสิ่งที่กำลังทำอยู่ ชายหนุ่มหลับตาลงอย่างซ่านใจเมื่อเขาไม่จำเป็นต้องชักนำมือน้อยแล้ว เสียงครางแหบห้าวหนักหน่วงจึงดังขึ้นในเวลาต่อมา พร้อมกับการได้ปลดปล่อยความอัดอั้นจากเพลิ
บทที่9.“นายบอกว่าไอ้ลูเซียสมันท้าให้ฉันไปหามันที่บ้านเหรอ”“ครับคุณลูเซียสบอกว่าหากคุณอาร์มีอะไรข้องใจให้ไปพบที่บ้านได้เลย ตอนนี้เขามาเมืองไทยพอดี” ริชาร์ตรายงานความคืบหน้าเรื่องที่เขาตามอยู่ซึ่ง ลูเซียส เวอร์เลนติโน นักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อชาวอิตาเลี่ยนทายาทอดีตมาเฟียใหญ่ซึ่ง เวอร์เลนติโน นั้นเป็นตระกูลเก่าแก่และร่ำรวยที่สุดในอิตาลีด้วยและลูเซียสก็เป็นหนึ่งในหนุ่มหล่อผู้ร่ำรวยและทรงอิทธิพอๆ กับอาเธอร์“ดี งั้นฉันจะไปตามคำท้า” อาเธอร์กล่าวเสียงเข้มดวงตาคมกล้าทอดมองไปนอกหน้าต่างซึ่งภายนอกนั้นมืดมิด ดวงดาวนับล้านสิ่งแสงระยิบเต็มท้องฟ้า“ให้ผมเตรียมอาวุธพร้อมเลยมั้ยครับ”“ไม่ต้อง ฉันจะไปแต่ตัว ฉันเชื่อว่าไอ้ลูเซียสมันมีศักดิ์ศรีพอไม่ลอบกัดแน่นอน นายไปจัดการตามหาร่องรอยของแพรดาวมาให้ฉันที”“ครับ” ริชาร์ตรับคำแล้วเดินออกไปพอดีกับที่พลอยไพลินเดินเข้ามา“คุณมีอะไรจะใช้ฉันหรือคะ” หญิงสาวกล่าวอย่างอ่อนเพลีย เพลียใจกับเจ้านายอารมณ์แปรปรวนที่ชอบฉีกสัญญาเป็นว่าเล่นอย่างเขานัก“ทำเหมือนเบื่อเลยนะ นี่เธอเพิ่งเริ่มงานได้ไม่ถึงสองวันเลยนะพลอยไพลิน” “เป็นใครก็ต้องเบื่อทั้งนั้นล่ะค่ะ” พลอยไพลินตอบเบา
บทที่10.พลอยไพลินลอบมองชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่พอๆ กับอาเธอร์อย่างชื่นชม ลูเซียส เวอร์เลนติโน่ เป็นชายหนุ่มรูปงามใบหน้าหล่อเหลานั้นขาวสะอาดค่อนข้างคมหวานดวงตายาวใหญ่สีน้ำตาลเข้มนั้นดูมีแววรื่นรมย์อยู่เสมอ จมูกโด่งเป็นสันงดงามรับกับริมฝีปากหยักสวยได้รูปอย่างชายชาตรี เรือนผมสีน้ำตาลเข้มนั้นยาวระบ่ากว้าง โดยรวมแล้วลูเซียสดูเหมือนพวกศิลปินหรือคนทำงานเกี่ยวกับศิลปะมากกว่าเป็นนักธุรกิจหรือมาเฟีย และลูเซียสก็น่าเข้าใกล้มากกว่าคนที่เธอมาด้วยมากมายเลยทีเดียว...“ฉันว่านายน่าจะมองคนอื่นบ้างนะอาร์ คนที่ต้องการของของนายไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียว”“แต่ฉันรู้ว่าเธอมาที่นี่”“ใช่... เธอมาที่นี่ แต่ฉันไม่เห็นเธอเลยและไม่ได้เห็นของที่นายตามหาเลยแม้แต่น้อย แต่หากนายอยากให้ฉันช่วยตามก็ขอร้องให้ช่วยดีๆ ก็ได้ไม่ต้องใช้กำลังกับคนของฉันเหมือนหมาลอบกัด” ลูเซียสกล่าวเสียงจริงจังดวงตาสีน้ำตาลเข้มสบมองท้าทายดวงตาสีฟ้าจัดอย่างไม่เกรงกลัว...“ฉันไม่เคยลอบกัดใคร อีกอย่างนายก็น่าจะมองคนอื
บทนำ“ลูกดาวจ๊ะ ลูกต้องจำไว้นะลูกต้องมีผัวฝรั่งเหมือนบ้านนั้นเห็นมั้ย เขามีผัวฝรั่งกลับมาร่ำรวยฟู่ฟ่า ดูนังแมวสิพอลูกสาวมันได้ผัวฝรั่งกลับมาร่ำรวย มันก็คุ้ยฟุ้งไปทั้งหมู่บ้าน แม่ล่ะหมั่นไส้มันนัก หาผัวฝรั่งรวยๆ นะลูกดาว แม่จะได้สบายรู้มั้ย” “ค่ะแม่ แล้วดาวจะหาผัวฝรั่งรวยๆ นะแม่นะ แต่ว่าตอนนี้ดาวขอเงินไปเรียนภาษาไปก่อนได้มั้ยคะแม่ขา อีกอย่างดาวจะไปจ่ายค่าเนตด้วย คืนนี้ดาวจะแชทคุยกับคุณดอนให้ฉ่ำใจไปเลย...”แพรดาว หญิงสาววัยยี่สิบห้าใบหน้าสะสวยหาตัวจับยาก เรือนร่างสูงระหงทว่าอวบอิ่มอกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกเป็นสะโพก อย่างที่ทำให้ชายหนุ่มมองกันเหลียวหลัง ผิวสีน้ำผึ้งเปล่งปลั่งอีกทั้งการแต่งกายที่เปิดเผยสัดส่วนอวบอิ่มของเธอก็ทำให้แพรดาวดูสวยเย้ายวนมากขึ้น หญิงสาวเอ่ยออดอ้อน นางเดือน ผู้เป็นมารดาซึ่งอยู่ในวัยสี่สิบปลายๆ แต่นางยังคงสวยพริ้งเพราเพราะชอบแต่งตัวและดูแลตัวเองดีมาเสมอ“ได้เลยค่ะ ดาวลูกรักของแม่” เรื่องสนับสนุนลูกให้หา สามีฝรั่งรวยๆ นี่นางสนับสนุนเต็มที่“ขอบคุณค่ะแม่ขา แม่ช่างเป็นแม่ที่ทั้งสวยและใจดีมากๆ เลยค่ะ”แพรดาวเสียงหวานเอาอกเอาใจ ริมฝีปากที่ทาลิปสติกสีแดงจัดจ้านย
บทที่ 1ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่นั้นดูเคร่งเครียดจัด ดวงตาคมวาวโรจน์ด้วยความโกรธเมื่อของสำคัญได้หายไปจากงานแสดงเครื่องเพชรของ คิงส์คอปอเรชั่น และเครื่องเพชรชุดนั้นก็มีมูลค่ามหาศาลทั้งยังเป็นของรักของมารดาผู้ล่วงลับของเขา ชายหนุ่มหันมามองคนที่อยู่เบื้องหน้าด้วยแววตาขึ้งเครียด เมื่อรู้แน่แล้วว่าของสำคัญของเขานั้นอยู่ที่ไหนและกับใคร อาเธอร์ คิงส์ นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งแม็กซิกัน อเมริกันผู้หล่อเหลาและร่ำรวยมหาศาล ชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงใหญ่ 188 เซนติเมตร ผิวสีแทนคร้ามใบหน้าเรียวยาวได้รูปซึ่งประกอบด้วยดวงตาสีฟ้าสดคมเข้มภายใต้คิ้วหนายาว จมูกโด่งเป็นสันสวยไม่งองุ้มรับกับริมฝีปากหยักสีเข้ม ร่างแกร่งอุดมด้วยมัดกล้ามตึงแน่นอย่างที่เราเรียกกันว่าซิกแพ็กนั้น น่าลูบไล้สัมผัสด้วยปุยขนสีอ่อนนุ่มนวลสีเดียวกันกับเส้นผมสีน้ำตาลเข้มออกแดงเล็กน้อยที่ตัดเล็มอย่างดีเยี่ยมรับกับรูปหน้าหล่อเหลาคมเข้ม เขาเพียบพร้อมสมบูรณ์แบบอย่างที่สาวๆ ใฝ่ฝัน แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถครอบครองหัวใจหนุ่มโสดเนื้อหอมคนนี้ได้ ในวัยสามสิบสามปีอาเธอร์ก็ยังคงเป็นหนุ่มโสดเนื้อหอมอันดับต้นๆ ของวงการนักธุรกิจ หนุ่มหล่อ รวย