“อย่าทำอะไรลินเลยนะคะ ได้โปรดปล่อยลินไปเถอะ”
พลอยไพลินตื่นขึ้นมาในห้องกว้างดูหรูหรางดงามพร้อมกับเจอหน้าของชายหนุ่มต่างชาติผู้หล่อเหลา แต่สายตาของเขากลับทำให้เธอนึกกลัว และเมื่อรู้ตัวว่าจะต้องเจอกับอะไร พลอยไพลินถึงกับเข่าอ่อนหวาดหวั่นอย่างที่สุด ไม่นึกเลยว่าพี่สาวแท้ๆ จะทำกับเธอได้ถึงเพียงนี้
“ฉันไม่ทำให้เธอเจ็บหรือผิดหวังหรอกน่าสาวน้อย แต่ฉันจะทำให้เธอมีความสุขที่สุด มีผัวฝรั่งมันดีนะ แล้วเธอจะติดใจเหมือนพี่สาวเธอ”
“ไม่ค่ะ ปล่อยลินไปเถอะ ลินไม่ได้อยากมีผัวหรือต้องการผัวฝรั่งเลย..” พลอยไพลินพูดลนลาน พลางเดินถอยห่างจากเขาที่สืบเท้าเข้ามาหาด้วยแววตาที่น่าขยะแขยงนัก
“เธอไม่มีทางไปจากที่นี่ได้หรอกพลอยไพลิน หรือหากเธอก้าวออกจากห้องนี้ไป โดยที่ฉันไม่ได้อนุญาต เธออาจจะมีผัวทีเดียวหลายคน ฮ่าๆ” ดอนกล่าวพลางหัวเราะด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม จนพลอยไพลินขนหัวลุกด้วยความกลัว และขยะแขยง ดวงตากลมโตดำขลับราวนิลเนื้อดี กวาดมองหาช่องทางหนีแต่มันไม่มีเสียเลย...
“กรี๊ดดดด ปล่อยนะ ปล่อยฉันนน...” พลอยไพลินกรีดร้อง เมื่อร่างสูงของดอนกระโดดเข้ามาคว้าตัวของเธอไว้ได้ ก่อนจะโยนเธอลงบนเตียงกว้างอย่างไม่ปราณี ใบหน้าหล่อเหลาดูหื่นกระหายจนน่ากลัว มือหนาฉีกเสื้อยืดตัวเก่งของเธอออกอย่างไม่เบามือ ผิวขาวลออในร่มผ้าทำให้ดวงตาสีเขียวของเขาวาววับด้วยความตื่นเต้น ไม่น่าเชื่อว่าพลอยไพลินมีผิวที่สวยมาก สวยกว่าแพรดาวด้วย และมันทำให้ร่างกายของเขาร้อนรุ่มด้วยความหื่นหิว อยากสัมผัสเนื้อนวลของคนที่ดิ้นรนอย่างหวาดหวั่นตรงหน้า ยิ่งเธอดิ้นกรีดร้องด้วยความกลัว เขายิ่งสนุกและคึกคัก...
ดอนกระชากเสื้อผ้าที่เหลือออกจากเรือนร่างของพลอยไพลินอย่างป่าเถื่อน ในขณะที่พลอยไพลินดิ้นรนหนีอย่างบ้าคลั่งเนื้อนวลขาวผ่องเป็นรอยแดงช้ำแต่ดอนก็ไม่ได้รามือหรือเบาแรงลงเลย กลับยิ่งกดน้ำหนักมือลงไปมากขึ้น เมื่อเห็นว่าพลอยไพลินไม่ละความพยศ เขาก็ชกลงที่หน้าท้องนวลเต็มแรง จนร่างที่ดิ้นหนีอย่างบ้าคลั่งของเธอหยุดชะงักงองุ้มหน้าซีดขาวทันตา
“หึ เป็นไงล่ะดีดดิ้นเหมือนไม่เคยดีนัก ทีพี่สาวเธอล่ะวิ่งเข้าใส่ แต่อีกหน่อยเธอก็จะเหมือนพี่สาวของเธอนั่นล่ะ เห็นฝรั่งต่างชาติหน่อยไม่ได้อยากได้เป็นผัว แต่รู้อะไรมั้ยคนสวย เพราะความอยากของพวกเธอนั่นล่ะที่ทำให้ฉันมีรายได้งามขนาดนี้ ฮ่าๆๆ”
ดอนพูดชิดใบหน้าซีดเผือดของพลอยไพลินที่พยายามหันหน้าหนีอย่างขยะแขยง แต่ทำได้เพียงน้ำตารินอย่างอดสู เมื่อรู้สึกได้ว่ากางเกงยีนตัวเก่าหลุดออกจากเรียวขางาม ความเย็นจากอากาศที่กระทบกายช่างหนาวเหน็บเหมือนจะเกาะกินไปทั้งกายและใจของเธอ หญิงสาวหลับตาลงทันทีที่ริมฝีปากร้อนผ่าวและฟันของดอน กระแทกลงมาบนผิวเนื้อเนินอกอวบของตนอย่างหยาบคาย...
เสียงร้องโอดโอยและเสียงปืนดังสนั่นไปทั้งบ้านหลังงามพร้อมกับประตูห้องนอนหรูหราที่พร่าความสาวของหญิงสาวมานับไม่ถ้วน ถูกกระแทกอย่างแรง จนบานประตูที่ว่าแข็งแรงนั้นพังลงมา ทำให้ร่างสูงของผู้เป็นเจ้าของห้อง ที่กำลังก้มลงดอมดมความหอมละมุนจากทรวงสาวอวบอิ่มต้องชะงัก มองผู้บุกรุกด้วยความโกรธ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ใบหน้าหล่อเหลาที่มีแววยโสอวดดีนั้นก็พลันซีดขาวราวไก่ต้ม ในขณะที่พลอยไพลินพยายามตะเกียกตะกายหาผ้ามาปกปิดร่างเปลือยเปล่าของตน ด้วยความทุลักทุเล แล้วกลิ้งมาหลบอยู่ข้างเตียงอย่างใจหายใจคว่ำ มองดูกลุ่มคนตรงหน้าด้วยสายตาพร่าเลือน พร้อมกับความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั้งกาย เพราะดอนได้ชกเธออีกหลายทีทั้งใบหน้าและตามร่างกาย
“ไอ้อาร์...” ดอนเอ่ยชื่อของผู้บุกรุกเสียงแผ่ว ก้าวลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว มองหาทางหนีทีไล่แต่ดูเหมือนจะหมดสิ้นหนทาง จากหางตาที่มองเห็นลูกน้องฝีมือดีของเขาหลายคนนอนจมกองเลือดอยู่
“เออ กูเอง”
“มะ มึง กล้าเข้ามาในบ้านกู ฆ่าคนของกูเลยเหรอ”
“กูกล้าทำมากกว่านี้อีกหากกูไม่ได้ของกูคืน” ชายหนุ่มสองคนยืนประจันหน้ากัน โดยไม่มีใครสนใจหญิงสาวที่หลบอยู่ในห้องอีกคน เสียงพูดแว่วๆ ของคนทั้งสองฟังดูวุ่นวายจนจับใจความไม่ได้ แต่พลอยไพลินก็พยายามที่จะฟังว่าเขาคุยอะไรกันทำไมถึงได้ทำเหมือนจะเข่นฆ่ากันเช่นนี้ แล้วดวงตากลมโตของพลอยไพลินก็เบิกกว้างเมื่อชายผู้มาใหม่จ่อยิงดอนอย่างเลือดเย็นพร้อมกับสติของเธอที่ดับวูบไป เสียงปืนและเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดของดอนก้องอยู่ในหัว...
“เก็บกวาดให้เรียบร้อย เอาตัวมันไปด้วยหากไม่ได้ของคืนก็ค่อยจัดการมันทีหลัง” อาเธอร์สั่งลูกน้องที่ติดตามเข้ามาเสียงเครียด เมื่อดอนไม่ยอมเอ่ยปากถึงของที่ขโมยมา ทั้งยังไม่ยอมบอกด้วยว่าของยังอยู่กับตัวเองหรืออยู่กับใคร
สำหรับอาเธอร์แล้วเขาไม่มีวันปล่อยอะไรจากมือง่ายๆ และยิ่งหากเกี่ยวกับของสำคัญของตนแล้ว ต่อให้นำร่างไร้วิญญาณของดอนกลับไปถามหาความจริงได้เขาก็จะทำ อาเธอร์มองร่างที่ไร้สติเพราะความปอดแหกของดอนนิ่งอย่างสมเพช นี่เขาแค่ยิงขู่มัน มันยังกลัวจนสลบไป หากยิงโดนมันจริงๆ ดอนคงช็อกตายตรงนี้แน่ๆ แต่เขายังให้มันตายไม่ได้...
“คุณอาร์ครับ มีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ตรงนี้ครับ เธอหมดสติไปไม่รู้ว่ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน”
ริชาร์ตรายงานเมื่อเขาเดินมาสำรวจรอบห้องก็พบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งนอนสลบอยู่ข้างเตียงกว้าง สภาพเธอเหมือนหนอนดักแด้ไม่มีผิด เพราะผ้าห่มที่ห่อหุ้มกายซึ่งเขาเดาได้ไม่ยากว่าภายใต้ผ้าห่มหนาเธอคงเปลือยเปล่า...
“สงสัยเป็นพวกอยากมีผัวฝรั่งล่ะสิ อยากได้ผัวฝรั่งรวยๆ จนตัวสั่นสุดท้ายก็เป็นเหยื่อของไอ้ดอนได้หากิน”
“ไม่ทราบครับ แต่ผมว่าเธอคงไม่ได้เต็มใจ ดูหน้าเธอสิครับช้ำไปหมดน่าสงสารนะครับ” ริชาร์ตกล่าวอย่างที่รู้สึกจริงๆ และเขารู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวนิรนามคนนี้ อาเธอร์เดินมามองหญิงสาวที่กล่าวถึงอย่างนึกสมเพชและชิงชัง ผู้หญิงไทยก็เป็นแบบนี้ล่ะ คิดแต่จะหาสามีต่างชาติรวยๆ
“ถ้าอย่างนั้นเอาตัวเธอไปด้วย ไม่แน่ เธออาจจะรู้ก็ได้ว่าของฉันอยู่ไหน”
“ครับ เดี๋ยวผมจะอุ้มเธอไปเอง”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจัดการเอง นายไปดูความเรียบร้อยรอบๆ บ้านของมัน ค้นทุกห้อง หาให้ทั่วอย่าให้อะไรเล็ดลอดสายตาไปได้อีก” อาเธอร์บอกเสียงห้วนจัด ริชาร์ตค่อนข้างแปลกใจอยู่ไม่น้อย ที่เจ้านายหนุ่มจะพาหญิงสาวคนนี้ไปเอง เพราะปรกติแล้วเจ้านายของเขาเกลียดผู้หญิงไทยมากที่สุดเพราะมีปมในใจ
“ครับ” แต่สุดท้ายริชาร์ตก็ได้แต่รับคำสั่งแล้วเดินออกไป
บทที่3.ดวงตางามภายใต้ขนตางามงอนค่อยๆ กระพือขึ้นช้าๆ แล้วหลับลงไปอีกครั้ง เมื่อแสงจ้ารอบกายทำให้รู้สึกแสบตาจนลืมตาไม่ขึ้น พลอยไพลินพยายามลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก... เธออยู่ในห้องที่แสนจะหรูหรา เพดานห้องประดับด้วยโคมไฟระย้างดงาม ผนังห้องสีน้ำตาลอ่อนๆ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นจะออกโทนน้ำตาล ข้าวของทุกชิ้นในห้องนี้ล้วนแล้วแต่ราคาแพงลิบลิ่ว ซึ่งเธอคงไม่มีโอกาสได้ใช้ของแพงๆ เหล่านี้ และโทนสีอบอุ่นนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้ความหวาดกลัวของเธอลดลงเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ครั้งสุดท้ายที่รู้สึกตัวเธอกำลังคุยอยู่กับแพรดาวเรื่องจะไปทำธุระจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ที่เดือนนี้พี่สาวของเธอใจดีเป็นคนออกเงินเอง สุดท้ายเธอก็ถูกพี่สาวหลอกไปให้ผู้ชายผมทองคนนั้นปู้ยี่ปู้ยำ แค่คิดน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม...“โอ๊ย อูย... เจ็บไปหมดทั้งตัวเลย...” พลอยไพลินพยายามยันกายจากที่นอนอย่างยากลำบาก เมื่อความเจ็บแปลบแล่นไปทั้งร่าง ความหวาดกลัวว่าตนเองจะถูกย่ำยีก็ลดลงไปด้วย เมื่อเธอสวมใส่เสื้อผ้าอยู่ นั่นคือเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งแม้มันจะมีเพียงแค่ชิ้นเดียวบนร่างกาย แต่ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด และเธอก็ไม่ได้รู้สึกเ
บทที่4.หญิงสาวมองกระดาษในมืออย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องลงชื่อในสิ่งที่เรียกว่า สัญญา กับเขาด้วยอาเธอร์ คิงส์ ในที่สุดเธอก็รู้จักชื่อของเขา แต่ชื่อนี้เธอเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนนะ แต่เธอไม่เข้าใจว่าเธอตกเป็นเชลยของเขาได้อย่างไร ซ้ำอาเธอร์ยังทำท่าราวกับเธอคือตัวอะไรสักอย่างที่น่ารังเกียจ สายตาของเขาที่มองมา มันไม่เป็นมิตร และเธอรู้สึกได้ถึงความเกลียดชังเขาเกลียดเธอหรือ เกลียดด้วยเรื่องอะไรล่ะ เธอไปทำอะไรให้เขา... พลอยไพลินคิดอย่างวิตกและอยากรู้“ในสัญญานั้นจะทำให้เธออยู่ในสายตาฉัน และยังได้เงินเดือนอีกด้วยแค่ช่วยฉันตามหาพี่สาวเธอ”“แต่ฉันไม่ต้องการ ฉันแค่อยากกลับบ้าน คุณยิ่งใหญ่ขนาดนั้นแค่พี่สาวฉันคนเดียว คุณก็คงจัดการได้ ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ฉันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”หญิงสาวบอกเขาอย่างไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็พยายามเก็บอาการอย่างที่สุด ตอนนี้เธออยู่ในถิ่นของคนที่เรียกได้ว่าเข้าใกล้คำว่ามาเฟียมาก ดูสิลูกน้องเขาเต็มบ้านหน้าตาไม่ยินดียินร้ายกับใคร และทุกคนก็มองเธอด้วยความเฉยเมย เหมือนเธอไม่มีตัวตน ดวงตากลมโตกวาดมองรอบๆ บ้านหลังงาม ที่นึกนิยมในใจว่ามันงดงามน่าอยู่ ร่มรื่นติดภูเขาและทะเล แต่คนที่นี
บทที่5.หญิงสาวบ่นกับตัวเอง เธอไม่ได้โง่พอที่จะไม่เข้าใจความหมายในแววตาของเขา ผู้หญิงไทยก็คงเป็นโสเภณีในสายตาของเขาสินะ อาเธอร์จึงได้มองเธอด้วยแววตาเหยียดหยันอยู่เสมอ... และนี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่เธอด่าใครสักคน หญิงสาวยันกายลุกขึ้น สูดลมหายใจลึกๆ บอกตัวเองให้พร้อมเผชิญกับทุกสิ่ง...ในขณะที่คนตัวเล็กกำลังทำอาหารอยู่ในครัว จนกลิ่นอาหารหอมฟุ้งไปทั้งบ้านหลังงาม ทำให้ทุกคนซึ่งอยู่ในที่แห่งนี้หันมองไปตามกลิ่นและเห็นร่างเล็กๆ ของพลอยไพลินกำลังทำอาหารอยู่ในครัวหรู ซึ่งพวกเขาทำได้แค่มอง ผู้หญิงของเจ้านาย ที่กำลังทำอาหารเงียบๆ ริชาร์ตมองร่างบางผ่านกระจกใสอย่างครุ่นคิด พลางเหลือบสายตาไปยังห้องนอนของเจ้านายหนุ่ม“พวกแกไปทำงานได้แล้วไป ส่งคนของเราไปดูความเคลื่อนไหวของคุณลูเซียส แล้วแกสามคนไปดูลาดเลาที่คาสิโนที่ไอ้ดอนมันเข้าออกบ่อยๆ ส่วนแกไปตามดูที่บ้านของคุณพลอยไพลินว่าพี่สาวของเธอติดต่อกลับมาบ้างมั้ย”ชายหนุ่มสั่งงานแทนเจ้านายอย่างรู้หน้าที่ บรรดาชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ ซึ่งเป็นลูกน้องฝีมือดีของอาเธอร์รับคำอย่างเสียดายเล็กน้อย ที่จะไม่ได้อยู่รับประทานอาหารกลิ่นหอมฟุ้งนั้น ใช่ว่าพวกเขาจะเห็นแก่กิน แต่กล
บทที่6.“อืม จริงสินะ ถ้าอย่างนั้น ฉันมีข้อแลกกับการไปจากที่นี่” อาเธอร์บอกอย่างใจดี ซ่อนความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจไว้มิดชิด ชนิดที่ว่าพลอยไพลิน ไม่มีโอกาสได้รู้หรือตามเขาทันแน่นอน“ยังไงคะ” พลอยไพลินถามอย่างตื่นเต้น แต่เมื่อเขาหันมาเผชิญหน้า ความตื่นเต้นของเธอลดลงครึ่งต่อครึ่งอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้ทำไมแววตาของเขาทำให้รู้สึกหวิวๆ เหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ...“ก็แค่ทำงานเป็นแม่บ้านให้ฉันสักเดือน ทำทุกอย่าง... เมื่อได้เงินเดือนเธอก็สามารถกลับบ้านได้ เธอคงไม่คิดว่าฉันจะใจดีส่งเธอกลับบ้านเฉยๆ หรอกนะ ฉันเป็นนักธุรกิจนะ อีกอย่างฉันก็ไม่รู้ว่าเธอจะปากโป้ง เรื่องที่ฉันยิงไอ้ดอนมันรึเปล่า ดังนั้นหนึ่งเดือนเธออยู่ที่นี่ เป็นแม่บ้านให้ฉัน”“แต่ฉันทำสัญญากับคุณไปแล้วนี่คะ สัญญาที่ฉันจะทำหน้าที่ติดตามหาพี่สาวฉัน”“ฉันฉีกมันทิ้งไปแล้ว อย่าลืมสิฉันเป็นคนที่มีอำนาจยกเลิกสัญญาเมื่อไหร่ก็ได้นะ ฉันทำสัญญาและหน้าที่ใหม่ให้เธอแล้วเพราะฉันเพิ่งเก็บคำพูดเธอไปคิดว่า ถึงไม่มีเธอฉันก็ตามหาแพรดาวได้ ฉันเห็นตามนั้นเลยล่ะ... ตกลงจะเอาไง”เขาถามเสียงเข้มจ้องหน้าอ่อนใสนั้นอย่างคาดคั้นและเหนือกว่า รู้อยู่แล้วว่าพลอยไพลิน
บทที่7.อาเธอร์คิดอย่างกระหยิ่มใจ พลางจูบไซ้ซอกซอนหาความหวานจากโพรงปากนุ่ม ที่หวานล้ำอย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสได้จากหญิงสาวคนไหนมาก่อน พลอยไพลินทำให้เขาอยากจะจูบ อยากจะลูบไล้เรือนกายงามของเธอได้โดยที่ไม่ต้องยั่วยวนเขาสักนิด และพลอยไพลินเป็นหญิงไทยคนแรก ที่เขาจูบเธอเสียด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวจูบซับความหวานจากปากสาวอย่างหิวกระหายค่อยๆ ไล้ละเรื่อยมายังแก้มแดงจัด และใบหูบางที่แดงไม่แพ้กัน ก่อนจะจูบไซ้ลงมาที่ซอกคอขาวผ่องขบเม้มเล่นทั้งดอมดมกลิ่นเนื้อสาวเข้าปอดอย่างพอใจ ริมฝีปากร้ายร้อนระอุไม่หยุดเท่านั้น แต่กำลังเลื่อนต่ำลงมายังร่องอกอวบอิ่มที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อชีฟองลายสวยแขนกุดเผยไหล่มนผุดผ่อง ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนทรวงสาวจะเบ่งบานรอคอยบางอย่าง ยอดอกเครียดคัดไหวระริกอยู่ใต้บราเซียตัวสวยยั่วให้ดูดดึงดื่มกินยิ่งนัก...“เธอหวานเหลือเกินพลอยไพลิน หวานอย่างไม่น่าเชื่อ...” อาเธอร์ ครางเหมือนเพ้อละเมอไม่รู้ตัว ในขณะผ่อนร่างอ่อนระทวยของหญิงสาวลงบนโซฟาตัวใหญ่ แล้ววกกลับมาจุมพิตริมฝีปากแดงปลั่งอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง มือร้อนระอุราวเปลวไฟลูบไล้สอดซุกเข้าไปในชายเสื้อตัวบาง เสาะหาสิ่งที่เขาปรารถนาจะจับต้อง และเ
บทที่8.“ลินจ๋า ช่วยฉันหน่อย ฉันต้องการให้เธอช่วย...”น้ำเสียงนั้นฟังดูออดอ้อนนัก จนคนฟังหัวใจละลายและพลอยไพลินก็ไม่อยากเชื่อเลยว่าอาเธอร์จะพูดอย่างนั้นกับตน ก็เพราะท่าทางของเขาก่อนหน้านี้ มันไม่ใช่แบบนี้นี่นา หญิงสาวคิดในใจ แต่ความคิดของเธอก็ต้องติดๆ ขัดๆ นึกอะไรไม่ค่อยออกเสียด้วยสิ “ชะ ช่วย อะไรคะ... ลิน หนาว...”พลอยไพลินพูดตะกุกตะกักไม่เข้าใจที่เขาพูด และพยายามจะดึงมือหนี และลุกขึ้นหาผ้ามาสวมใส่ เธออายเหลือเกินที่นั่งเปลือยเปล่าต่อหน้าเขาแบบนี้ แล้วตอนนี้เธอก็รู้สึกหนาวขึ้นมาจับใจ พลอยไพลินมองเขายังซึ่งสวมเสื้อผ้าครบชุด มีเพียงตรงกลางร่างแกร่งเท่านั้นที่เขาปลดกระดุมกางเกงยีนจนหมดแถวพร้อมกับปลดปล่อยบางสิ่งออกมาให้เธอกอบกุมอยู่ในตอนนี้...“ทำแบบนี้ที่รัก... อา นั่นล่ะ ใช่แล้วดีมาก” อาเธอร์ครางออกมาอย่างอ่อนหวาน ขยับมือหนาของตนสอนสั่งให้เธอทำตามซ้ำนักเรียนหน้าใสก็ยังทำได้ดีเกินคาด แม้จะยังกล้าๆ กลัวๆ ทั้งเคอะเขินในสิ่งที่กำลังทำอยู่ ชายหนุ่มหลับตาลงอย่างซ่านใจเมื่อเขาไม่จำเป็นต้องชักนำมือน้อยแล้ว เสียงครางแหบห้าวหนักหน่วงจึงดังขึ้นในเวลาต่อมา พร้อมกับการได้ปลดปล่อยความอัดอั้นจากเพลิ
บทที่9.“นายบอกว่าไอ้ลูเซียสมันท้าให้ฉันไปหามันที่บ้านเหรอ”“ครับคุณลูเซียสบอกว่าหากคุณอาร์มีอะไรข้องใจให้ไปพบที่บ้านได้เลย ตอนนี้เขามาเมืองไทยพอดี” ริชาร์ตรายงานความคืบหน้าเรื่องที่เขาตามอยู่ซึ่ง ลูเซียส เวอร์เลนติโน นักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อชาวอิตาเลี่ยนทายาทอดีตมาเฟียใหญ่ซึ่ง เวอร์เลนติโน นั้นเป็นตระกูลเก่าแก่และร่ำรวยที่สุดในอิตาลีด้วยและลูเซียสก็เป็นหนึ่งในหนุ่มหล่อผู้ร่ำรวยและทรงอิทธิพอๆ กับอาเธอร์“ดี งั้นฉันจะไปตามคำท้า” อาเธอร์กล่าวเสียงเข้มดวงตาคมกล้าทอดมองไปนอกหน้าต่างซึ่งภายนอกนั้นมืดมิด ดวงดาวนับล้านสิ่งแสงระยิบเต็มท้องฟ้า“ให้ผมเตรียมอาวุธพร้อมเลยมั้ยครับ”“ไม่ต้อง ฉันจะไปแต่ตัว ฉันเชื่อว่าไอ้ลูเซียสมันมีศักดิ์ศรีพอไม่ลอบกัดแน่นอน นายไปจัดการตามหาร่องรอยของแพรดาวมาให้ฉันที”“ครับ” ริชาร์ตรับคำแล้วเดินออกไปพอดีกับที่พลอยไพลินเดินเข้ามา“คุณมีอะไรจะใช้ฉันหรือคะ” หญิงสาวกล่าวอย่างอ่อนเพลีย เพลียใจกับเจ้านายอารมณ์แปรปรวนที่ชอบฉีกสัญญาเป็นว่าเล่นอย่างเขานัก“ทำเหมือนเบื่อเลยนะ นี่เธอเพิ่งเริ่มงานได้ไม่ถึงสองวันเลยนะพลอยไพลิน” “เป็นใครก็ต้องเบื่อทั้งนั้นล่ะค่ะ” พลอยไพลินตอบเบา
บทที่10.พลอยไพลินลอบมองชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่พอๆ กับอาเธอร์อย่างชื่นชม ลูเซียส เวอร์เลนติโน่ เป็นชายหนุ่มรูปงามใบหน้าหล่อเหลานั้นขาวสะอาดค่อนข้างคมหวานดวงตายาวใหญ่สีน้ำตาลเข้มนั้นดูมีแววรื่นรมย์อยู่เสมอ จมูกโด่งเป็นสันงดงามรับกับริมฝีปากหยักสวยได้รูปอย่างชายชาตรี เรือนผมสีน้ำตาลเข้มนั้นยาวระบ่ากว้าง โดยรวมแล้วลูเซียสดูเหมือนพวกศิลปินหรือคนทำงานเกี่ยวกับศิลปะมากกว่าเป็นนักธุรกิจหรือมาเฟีย และลูเซียสก็น่าเข้าใกล้มากกว่าคนที่เธอมาด้วยมากมายเลยทีเดียว...“ฉันว่านายน่าจะมองคนอื่นบ้างนะอาร์ คนที่ต้องการของของนายไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียว”“แต่ฉันรู้ว่าเธอมาที่นี่”“ใช่... เธอมาที่นี่ แต่ฉันไม่เห็นเธอเลยและไม่ได้เห็นของที่นายตามหาเลยแม้แต่น้อย แต่หากนายอยากให้ฉันช่วยตามก็ขอร้องให้ช่วยดีๆ ก็ได้ไม่ต้องใช้กำลังกับคนของฉันเหมือนหมาลอบกัด” ลูเซียสกล่าวเสียงจริงจังดวงตาสีน้ำตาลเข้มสบมองท้าทายดวงตาสีฟ้าจัดอย่างไม่เกรงกลัว...“ฉันไม่เคยลอบกัดใคร อีกอย่างนายก็น่าจะมองคนอื