เวินเหลียงหลับตาลง เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นท่าทางแบบนี้ของฟู่เจิงยอดเยี่ยมกระเทียมดองกลัวเขาแล้วจริง ๆเธอเงียบไปสองสามวินาที “เงื่อนไขอะไร?”ในขณะที่ฟู่เจิงกำลังจะพูดออกมา เวินเหลียงก็เอ่ยเตือนว่า “อย่าได้คืบจะเอาศอกล่ะ!”นัยน์ตาฟู่เจิงลึกซึ้ง จ้องเธอเขม็ง ราวกับกำลังจะพูดเรื่องที่เคร่งครัดและสำคัญเป็นอย่างมากเรื่องหนึ่ง “เงื่อนไขง่ายมาก เธออย่าจงใจตีตัวออกห่างฉันมากเกินไป แล้วก็ให้โอกาสฉันได้แข่งขันอย่างยุติธรรม”เห็นเวินเหลียงเงียบไป ฟู่ซือฝานก็รีบคว้ามือของเธอมาเขย่า “คุณป้าคะ คุณป้าตอบตกลงคุณลุงเถอะนะคะ? โอเคไหม?”เวินเหลียงเงยหน้าจ้องฟู่เจิงทีหนึ่งทันใดนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่า ไม่รู้ฟู่เจิงเริ่มเปลี่ยนไปเป็นคนแผนร้ายเยอะแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรเห็นเวินเหลียงก็ยังไม่ยอมเอ่ยปากอีก สีหน้าของฟู่เจิงพลันเปลี่ยนทันที เขาขมวดคิ้วมุ่น พลางเอามือปิดตรงส่วนท้อง “ซี๊ด...”“คุณลุง คุณลุงเป็นอะไรไปคะ? เจ็บกระเพาะมากใช่ไหมคะ?” ฟู่ซือฝานรีบวิ่งไปข้างเตียง ก่อนจะคว้ามือของเขาเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง“ลุงไม่เป็นอะไร” เห็นได้ชัดว่าฟู่เจิงอดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้“ช่วงเวลาสั้น ๆ แค่นี้ก็เจ็บไ
เวินเหลียงถืออาหารเที่ยงกลับมายังห้องพักผู้ป่วย จากนั้นเธอก็หยิบอาหารแต่ละกล่องออกมาตั้งบนโต๊ะทั้งหมดฟู่ซือฝานนั่งลงบนโซฟาอย่างดีอกดีใจ และเริ่มเลือกอาหาร “หนูอยากกินอันนี้ แล้วก็อันนี้ด้วย...”เวินเหลียงมองไปที่ฟู่เจิง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าราบเรียบ “คุณอยากกินอะไร? ให้ฉันตักแต่ละอย่างรวมให้คุณไหม?”ฟู่เจิงส่ายหน้า “ไม่ต้อง ฉันกินไม่ได้”เวินเหลียงยิ้มอย่างเย็นชา พลางกัดฟันถามว่า “คุณกินอะไรไม่ได้? แล้วทำไมลู่เย่าถึงบอกว่าคุณอดอาหารเพราะคำพูดของฉัน วัน ๆ ไม่ยอมกินอะไรเลยล่ะ?”ฟู่เจิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง บนใบหน้าซีดเผือดเผยสีหน้าลำบากใจออกมา “นี่...ฉันจะไปรู้ได้ยังไง...ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เธอก็จะมาลงที่ฉันใช่ไหม...”เวินเหลียง “...”โอเค ๆ ๆ กลัวเขาแล้วจริง ๆเธอหลับตาลง เมื่อมองไม่เห็นก็จะไม่หงุดหงิดใจขณะที่ทั้งสองคนกินข้าวกันอยู่ ฟู่เจิงก็มานั่งข้างพวกเธอ ใช้โน้ตบุ๊กทำงานหลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ เวินเหลียงก็เก็บโต๊ะให้เรียบร้อยในขณะนี้เองก็มีเสียงเคาะประตู ‘ก๊อก ๆ ๆ’ แว่วดังขึ้นมาจากด้านนอก“ประธานฟู่?”เวินเหลียงเดินหน้าไปเปิดประตู เห็นเพียงชายวัยกลางคนสองคนยืนอยู่ตร
หลังจากบริษัทผ่านความวุ่นวายในสองเดือนกว่านี้มา ประธานเกาไม่ยอมรับไม่ได้ บางทีฟู่เจิงอาจจะเผด็จการไปหน่อย ทว่าเหมาะกับการเป็นผู้นำของฟู่ซื่อ กรุ๊ปที่สุด ฟู่ซื่อ กรุ๊ปในฐานะที่ต้องการผู้นำที่มีความกล้าหาญ ภายในสามารถทำให้พนักงานเป็นปึกแผ่นเดียวกันได้ ภายนอกก็สามารถสู้รบกับในตลาดได้ฟู่เจิงเลิกคิ้วพลางถาม “ปัญหาภายในและปัญหาภายนอก?”ประธานเกาอธิบาย “คุณไม่รู้ สองเดือนมานี้จู่ ๆ โปรเจกต์อสังหาริมทรัพย์ที่วางแผนเอาไว้เรียบร้อยแล้วสองสามโปรเจกต์ที่เมืองซีของในกรุ๊ปก็ถูกคนแย่งไป ธุรกิจแขนงอื่นต่างก็พลอยถูกโจมตีจากคู่แข่ง ถูกเล็งเป้าอย่างมีเป้าหมายและแผน”ประธานกรรมการบางรายก็อดกลั้นความเดือดดาลนี้ไม่ไหว เสนอให้ชิงโปรเจกต์กลับมา หรือให้บทเรียนบางอย่างสั่งสอนคู่แข่งประธานการกรรมการบางส่วนคิดว่าสิ่งที่บริษัทต้องการก็คือความมั่นคง ลงมืออย่างสะเพร่ามีแต่จะไม่เป็นผลดีต่อบริษัทมือใหญ่ที่เห็นข้อกระดูกชัดเจนของฟู่เจิงพาดไปบนตักอย่างสบาย ๆ พลางหรี่ตา “สืบดูหรือยัง?”ที่เขายอมอ่อนข้อให้ฟู่เยว่ได้ นั่นเป็นเพราะฟู่เยว่เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องแต่เขาจะไม่ยอมให้คนนอกมาทำลายสิ่งที่ได้มาจากความยากลำบากข
ควันบุหรี่ที่ค่อย ๆ ลอยขึ้นไปบดบังใบหน้าของฟู่เจิง‘พวกคุณ’ สองพยางค์นี้ทำเอาฟู่เจิงขมวดคิ้วหน่อย ๆ เพียงแต่เขาไม่ได้คิดลึกซึ้งอะไร คิดว่าฉู่ซืออี๋พูดผิดเพราะความมึนงงหรือสับสนในความคิดส่วนเรื่องที่ผ่านไปแล้ว สำหรับเขาแล้วนั้นมันคืออดีต เขาเองก็ไม่อยากจะมาทะเลาะกับฉู่ซืออี๋ในเรื่องนี้อีกปลายนิ้วเรียวยาวของฟู่เจิงคีบบุหรี่อยู่ เขาพลางเอ่ยขึ้นชืด ๆ “เพราะงั้น วันนั้นที่คุณไปเจอคุณปู่? คุณพูดอะไรกับคุณปู่กันแน่”นัยน์ตาของฉู่ซืออี๋เพ่งเล็งอยู่บนตัวฟู่เจิง ในนัยน์ตาประกายความมืดหม่นออกมาสายหนึ่ง “อยากรู้เหรอ? แต่ฉันไม่บอกคุณหรอก!”อันที่จริงฟู่เจิงสงสัยอยู่นานแล้วถ้าฉู่ซืออี๋พูดกับคุณปู่ว่าเขาต้องเป็นของเธอเท่านั้น แต่คุณปู่จัดแจงหุ้นของบริษัทแบบนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้โกรธเขา กลับกันดูไม่ค่อยจะเป็นมิตรกับฟู่เยว่เท่าไรอีกอย่างเรื่องเล็กน้อยในด้านความรักของเขานั่น คุณปู่ก็รู้อยู่ตั้งนานแล้ว ภูมิต้านทานในการรับฟังจะต่ำขนาดนั้นได้ยังไงคิดจนหัวจะแตกก็คิดไม่ตก เขาทำได้เพียงใช้ร่างกายที่เหลือเพียงเถ้าถ่านของคุณปู่มาอธิบายเท่านั้นฟู่เจิงเองก็ไม่ได้ตะบี้ตะบันถามต่อ “เรื่องที่ผ่านไปแ
หลังฉู่ซืออี๋เห็นสีหน้าของฟู่เจิง เธอก็ยิ้มพร้อมเอ่ยอย่างพอใจขึ้นมาว่า “เป็นยังไง? เธอเคยตั้งท้องลูกของคนอื่นมา เธอเป็นแบบนี้แล้ว คุณยังจะรักอยู่อีกเหรอ? ฉันขอเตือนคุณหน่อยนะ อย่าคิดจะฉีกภาพนี้ทิ้งเป็นอันขาด เพราะมีสำรองอีกเพียบ”ฟู่เจิงหลับตาลง ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง เขาค่อย ๆ วางรูปลงบนโต๊ะ แล้วเงยหน้าขึ้น “เอารูปมาจากไหน?”ถ้าฉู่ซืออี๋เป็นคนถ่าย เธอคงเอาออกมาตั้งนานแล้ว เพื่อทำให้เขาหย่ากับเวินเหลียงเพิ่งจะเอาออกมาตอนนี้ คงเป็นเพราะเพิ่งจะได้มามิน่าล่ะถึงรีบร้อนอยากจะเจอเขานักขอแค่เขาล่อลวงให้ฉู่ซืออี๋ลบต้นฉบับทิ้งซะ ก็คงปกป้องเวินเหลียงไม่ให้ถูกว่าร้ายจากความคิดเห็นประชาชนแล้วสีหน้าของฉู่ซืออี๋แข็งทื่อไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเธอก็ยิ้มพลางเอ่ยขึ้นว่า “เรื่องนี้คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก คุณแค่ตอบรับเงื่อนไขของฉันก็พอ แล้วตัวตนของเวินเหลียงกับรูปภาพใบนี้จะไม่ถูกแพร่ออกไปแน่นอน ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงของเวินเหลียงได้ย่อยยับป่นปี้แน่!”เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารูปนี้มาจากไหน เพียงแต่จู่ ๆ วันหนึ่งมันก็มาปรากฏอยู่บนโต๊ะในห้องเธอดูท่าเวินเหลียงจะไปล่วงเกินคนไว้ไม่น้อยทีเดียว มีคนคิด
ภายในห้องเงียบลงไปสองสามวินาที“คุณลุง! หนูมาแล้ว!”เสียงไร้เดียงสาแสนเจื้อยแจ้วเสียงหนึ่งดังขึ้นทำลายบรรยากาศเงียบสงัดเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ฟู่ซือฝานผลักเปิดประตูแล้ววิ่งเหยาะเข้ามาทันใดนั้นก็พบว่าภายในห้องผู้ป่วยยังมีคนอื่นอยู่ด้วย เธอรีบหยุดฝีเท้า ดวงตากลมโตมองฉู่ซืออี๋ด้วยความสงสัย “สวัสดีค่ะคุณน้า?”ฉู่ซืออี๋หันหน้าไปมองฟู่ซือฝาน ดวงตาเบิกโพลงเธอซูบผอมจนโหนกแก้มโดดเด่นออกมา เบ้าตาลึกบุ๋ม ดวงตาที่โป๋นออกมาด้านนอกถลึง บนใบหน้าเผยความดุร้ายออกมา ทำเอาฟู่ซือฝานตกใจกลัว แล้วโผเข้าไปในอ้อมอกฟู่เจิงเลย ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “คุณลุง หนูกลัว”ฟู่เจิงกอดเธอเอาไว้ พลางเก็บรูปภาพที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาอย่างแยบยล ก่อนจะเงยหน้ามองฉู่ซืออี๋แล้วเอ่ยว่า “คุณกลับไปเถอะ ลู่เย่ารอคุณอยู่ด้านนอก”ฉู่ซืออี๋มองฟู่ซือฝานอีกทีหนึ่ง แล้วหมุนตัวเดินออกไป ก่อนจะไปประจันหน้ากับเวินเหลียงที่เข้ามานัยน์ตาของเธอหดตัวลง สายตาตกไปบนหน้าที่ค่อนข้างงดงามแจ่มใสของเวินเหลียง เวินเหลียงแต่งหน้าประณีต รองพื้นที่เรียบเนียนกลืนไปกับผิวแสนขาวผ่องและละเอียด กลบรอยแผลบนหน้าไปจนเกลี้ยง เส้นขอบหน้า
เวินเหลียงเม้มริมฝีปากล่าง พลางก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองก่อนหน้านี้เธอไม่มีความเชื่อใจในตัวฟู่เจิงเลยสักนิด ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรเธอก็จะคิดว่าเขากำลังหลอกเธออยู่ฟู่เจิงพูดมาตลอดว่าชอบเธอ แต่เธอไม่เคยเชื่อเลยตอนนี้จู่ ๆ ก็บอกเธอ เขาอาจชอบเธอจริง ๆ ก็ได้ทันใดนั้นในหัวเวินเหลียงก็ตื้อไปหมดเขาชอบเธอ แล้ววันครบรอบวันแต่งงานนั่นล่ะ นับเป็นอะไรกัน?ปล่อยให้เพื่อนของเขาทำเธออับอาย หลังเธอพูดจารุนแรงก็ยังเลือกไปเจอฉู่ซืออี๋ประสบการณ์และความยากลำบากอันไม่ยุติธรรมมากมาในกลางดึก ที่ทำให้เธอนอนพลิกตัวไปมาเหล่านั้น นั่นนับเป็นอะไรอีก?ลูกที่ไม่สามารถลืมตาขึ้นมาดูโลกได้ของพวกเขา นับเป็นอะไรอีก?หรือเขาจะชอบเธอจริง ๆ แต่ก็แค่ชอบเท่านั้นการรักใครสักคนจริง ๆ สายตาต้องอดไม่ได้ที่จะตกไปอยู่บนตัวเขา ในใจมักจะคิดถึงแค่เขา แค่เห็นเขาก็มีความสุขแล้ว ทนเห็นเขาได้รับความยากลำบากไม่ได้...สิ่งเหล่านี้ เธอไม่เคยเห็นมันจากตัวเขาเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่เขาทำให้เธอต้องลำบากเพราะฉู่ซืออี๋เลยบางทีเขาก็แค่ชิน ชินกับการแต่งงานในสามปีมานี้ ถึงได้ไม่ยอมเลิกกับเธอ“อาเหลียง ให้โอกาสฉันอีกครั้งนะ โอเคไหม...”
ก่อนแต่งงานเขาเข้าสังคมเยอะมาก ขนาดคุณปู่ยังเคยโน้มน้าวเขาว่าไม่ต้องพยายามขนาดนั้น เพียงแต่เขายังเด็กเกินไป เดิมทีในกรุ๊ปก็มีคนมากมายไม่พอใจในตัวเขาอยู่แล้ว เขาจึงต้องพยายามเพิ่มเป็นเท่าตัว จะทำให้คุณปู่ที่พยายามดันหลังเขาให้รับช่วงต่อตำแหน่งผิดหวังไม่ได้หลังแต่งงาน การเข้าสังคมของเขาก็เริ่มลดน้อยลงไปมาก ปกติเลิกงานแล้วจะกลับบ้านไปกินข้าวพร้อมกับเธอ ถ้าไม่ชอบเธอ เธอจะโน้มน้าวเขาได้ผลได้ยังไง?ก่อนแต่งงานภายใต้สภาพความกดดันสูงที่บริษัท เขามักโมโหใส่พนักงานที่ทำงานผิดพลาด ทว่าในความทรงจำของเวินเหลียง เขาอ่อนโยนต่อลูกน้องเป็นอย่างมากอิทธิพลจากการค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงจนกลมกลืนประเภทนั้น แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่ค้นพบเลยขณะที่ค้นพบมัน ก็สายเกินแก้แล้วเมื่อได้ยินเขาระบายความในใจทั้งเต็มไปด้วยความรู้สึก ทันใดนั้นเวินเหลียงก็ไม่รู้เลยว่าควรตอบกลับยังไงดีดีใจ มีอยู่แล้ว ชอบเขามาจะสิบปี นับว่าไม่ใช่รักข้างเดียวของเธอคนเดียวอีกต่อไปเสียใจ ก็มีเช่นกัน ต่อให้ตอนนี้เขาชอบเธอ แต่ที่เขาทำร้ายเธอเพื่อฉู่ซืออี๋มันก็เป็นเรื่องจริง การทำร้ายที่ผ่านมาเหล่านั้นมันได้ทิ้งแผลเป็นที่แจ่มชัดเอาไว้ตั้งนานแ
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง