ภายในห้องเงียบลงไปสองสามวินาที“คุณลุง! หนูมาแล้ว!”เสียงไร้เดียงสาแสนเจื้อยแจ้วเสียงหนึ่งดังขึ้นทำลายบรรยากาศเงียบสงัดเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ฟู่ซือฝานผลักเปิดประตูแล้ววิ่งเหยาะเข้ามาทันใดนั้นก็พบว่าภายในห้องผู้ป่วยยังมีคนอื่นอยู่ด้วย เธอรีบหยุดฝีเท้า ดวงตากลมโตมองฉู่ซืออี๋ด้วยความสงสัย “สวัสดีค่ะคุณน้า?”ฉู่ซืออี๋หันหน้าไปมองฟู่ซือฝาน ดวงตาเบิกโพลงเธอซูบผอมจนโหนกแก้มโดดเด่นออกมา เบ้าตาลึกบุ๋ม ดวงตาที่โป๋นออกมาด้านนอกถลึง บนใบหน้าเผยความดุร้ายออกมา ทำเอาฟู่ซือฝานตกใจกลัว แล้วโผเข้าไปในอ้อมอกฟู่เจิงเลย ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “คุณลุง หนูกลัว”ฟู่เจิงกอดเธอเอาไว้ พลางเก็บรูปภาพที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาอย่างแยบยล ก่อนจะเงยหน้ามองฉู่ซืออี๋แล้วเอ่ยว่า “คุณกลับไปเถอะ ลู่เย่ารอคุณอยู่ด้านนอก”ฉู่ซืออี๋มองฟู่ซือฝานอีกทีหนึ่ง แล้วหมุนตัวเดินออกไป ก่อนจะไปประจันหน้ากับเวินเหลียงที่เข้ามานัยน์ตาของเธอหดตัวลง สายตาตกไปบนหน้าที่ค่อนข้างงดงามแจ่มใสของเวินเหลียง เวินเหลียงแต่งหน้าประณีต รองพื้นที่เรียบเนียนกลืนไปกับผิวแสนขาวผ่องและละเอียด กลบรอยแผลบนหน้าไปจนเกลี้ยง เส้นขอบหน้า
เวินเหลียงเม้มริมฝีปากล่าง พลางก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองก่อนหน้านี้เธอไม่มีความเชื่อใจในตัวฟู่เจิงเลยสักนิด ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรเธอก็จะคิดว่าเขากำลังหลอกเธออยู่ฟู่เจิงพูดมาตลอดว่าชอบเธอ แต่เธอไม่เคยเชื่อเลยตอนนี้จู่ ๆ ก็บอกเธอ เขาอาจชอบเธอจริง ๆ ก็ได้ทันใดนั้นในหัวเวินเหลียงก็ตื้อไปหมดเขาชอบเธอ แล้ววันครบรอบวันแต่งงานนั่นล่ะ นับเป็นอะไรกัน?ปล่อยให้เพื่อนของเขาทำเธออับอาย หลังเธอพูดจารุนแรงก็ยังเลือกไปเจอฉู่ซืออี๋ประสบการณ์และความยากลำบากอันไม่ยุติธรรมมากมาในกลางดึก ที่ทำให้เธอนอนพลิกตัวไปมาเหล่านั้น นั่นนับเป็นอะไรอีก?ลูกที่ไม่สามารถลืมตาขึ้นมาดูโลกได้ของพวกเขา นับเป็นอะไรอีก?หรือเขาจะชอบเธอจริง ๆ แต่ก็แค่ชอบเท่านั้นการรักใครสักคนจริง ๆ สายตาต้องอดไม่ได้ที่จะตกไปอยู่บนตัวเขา ในใจมักจะคิดถึงแค่เขา แค่เห็นเขาก็มีความสุขแล้ว ทนเห็นเขาได้รับความยากลำบากไม่ได้...สิ่งเหล่านี้ เธอไม่เคยเห็นมันจากตัวเขาเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่เขาทำให้เธอต้องลำบากเพราะฉู่ซืออี๋เลยบางทีเขาก็แค่ชิน ชินกับการแต่งงานในสามปีมานี้ ถึงได้ไม่ยอมเลิกกับเธอ“อาเหลียง ให้โอกาสฉันอีกครั้งนะ โอเคไหม...”
ก่อนแต่งงานเขาเข้าสังคมเยอะมาก ขนาดคุณปู่ยังเคยโน้มน้าวเขาว่าไม่ต้องพยายามขนาดนั้น เพียงแต่เขายังเด็กเกินไป เดิมทีในกรุ๊ปก็มีคนมากมายไม่พอใจในตัวเขาอยู่แล้ว เขาจึงต้องพยายามเพิ่มเป็นเท่าตัว จะทำให้คุณปู่ที่พยายามดันหลังเขาให้รับช่วงต่อตำแหน่งผิดหวังไม่ได้หลังแต่งงาน การเข้าสังคมของเขาก็เริ่มลดน้อยลงไปมาก ปกติเลิกงานแล้วจะกลับบ้านไปกินข้าวพร้อมกับเธอ ถ้าไม่ชอบเธอ เธอจะโน้มน้าวเขาได้ผลได้ยังไง?ก่อนแต่งงานภายใต้สภาพความกดดันสูงที่บริษัท เขามักโมโหใส่พนักงานที่ทำงานผิดพลาด ทว่าในความทรงจำของเวินเหลียง เขาอ่อนโยนต่อลูกน้องเป็นอย่างมากอิทธิพลจากการค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงจนกลมกลืนประเภทนั้น แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่ค้นพบเลยขณะที่ค้นพบมัน ก็สายเกินแก้แล้วเมื่อได้ยินเขาระบายความในใจทั้งเต็มไปด้วยความรู้สึก ทันใดนั้นเวินเหลียงก็ไม่รู้เลยว่าควรตอบกลับยังไงดีดีใจ มีอยู่แล้ว ชอบเขามาจะสิบปี นับว่าไม่ใช่รักข้างเดียวของเธอคนเดียวอีกต่อไปเสียใจ ก็มีเช่นกัน ต่อให้ตอนนี้เขาชอบเธอ แต่ที่เขาทำร้ายเธอเพื่อฉู่ซืออี๋มันก็เป็นเรื่องจริง การทำร้ายที่ผ่านมาเหล่านั้นมันได้ทิ้งแผลเป็นที่แจ่มชัดเอาไว้ตั้งนานแ
เวินเหลียงลูบศีรษะของฟู่ซือฝาน “ฝานฝานฉลาดจังเลย วาดสวยมากจริง ๆ”ฟู่เจิงใช้มือข้างหนึ่งขยับไปมาบนโน้ตบุ๊กอยู่ข้าง ๆ เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็มองมา พร้อมเอ่ยขึ้นทั้งยิ้มแย้มว่า “ฝานฝาน เธอส่งภาพนี้ให้ลุงหน่อยได้ไหม?”“ฮือ ๆ หนูอยากเก็บไว้เอง...” บนใบหน้าของเจ้าตัวน้อยเผยความสองจิตสองใจออกมา ทว่าสุดท้ายก็ยังตอบตกลง “ก็ได้ค่ะ งั้นให้คุณลุงเก็บไว้ก็แล้วกัน”“ถ้าฝานฝานชอบลุงไม่เอาแล้วก็ได้”“ฝานฝานอยากเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก หลังกลับไปพอดูภาพนี้ จะได้คิดถึงคุณลุงคุณป้าบ่อย ๆ”ดูท่าตอนนี้เธอยังไม่มีความคิดจะอยู่ที่นี่ในระยะยาวฟู่เจิงเอ่ย “ไม่รีบ ฝานฝานเพิ่งจะปิดเทอมไม่เท่าไรเอง อย่าเพิ่งไปคิดอะไรมากมายขนาดนั้น เที่ยวเล่นให้เต็มที่ก็พอ”เวินเหลียงมองเวลา เป็นช่วงบ่ายแก่ ๆ แล้ว เธอบอกให้ฟู่ซือฝานเตรียมใจก่อนล่วงหน้า “ฝานฝาน คืนนี้เธออยู่เล่นกับคุณลุงที่โรงพยาบาลดีไหม? ป้าจะมารับเธอตอนดึก ๆ หน่อย?”ฟู่ซือฝานเงยหน้าขึ้นด้วยความตกตะลึง “คืนนี้คุณป้าจะไปกินข้าวกับพี่เมิ่งเหรอคะ?”ฟู่เจิงทอดสายตามองมา จ้องเวินเหลียงด้วยนัยน์ตาเปล่งประกายไม่รู้ทำไม เวินหลียงถูกมองจนรู้สึกกระวนกระวายใจ ร้อน
นัยน์ตาของเวินเหลียงประกายความฉงนออกมาสายหนึ่ง มีชั่ววูบหนึ่งเธอสับสนจนทำอะไรไม่ถูก ในใจมีเพียงความตกตะลึงและความอิหลักอิเหลื่อ ไม่มีอะไรนอกเหนือจากความรู้สึกพวกนี้คนที่ส่งเสียงเชียร์เริ่มมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆเมิ่งเซ่อกำลังหอบช่อดอกไม้อยู่ บนใบหน้าที่แสนอ่อนเยาว์เต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง ในแววตาใสแจ๋วสะท้อนเงาร่างของเวินเหลียง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างจริงจังว่า “พี่ครับ เป็นแฟนผมนะครับ โอเคไหม?”เวินเหลียงปรับอารมณ์ ในหัวความคิดตีกันวุ่นไปหมด ก่อนจะรีบตัดสินใจออกมาอย่างรวดเร็วเธอปกปิดความไม่เต็มใจทั้งหมดเอาไว้ พร้อมฉีกยิ้มแสนงดงามหน่อย ๆ ออกมา ท่ามกลางทุกคนที่เป็นสักขีพยาน เธอพยักหน้าเบา ๆ “โอเค”เมิ่งเซ่อพลันฉีกยิ้มมุมปากกว้างขึ้น เผยให้เห็นฟันเรียงตัวสวยขาวสะอาด นัยน์ตาประกายแสงแห่งความตกตะลึงปนดีใจออกมาเขาไม่นึกเลยว่าเวินเหลียงจะยอมตอบตกลงในทันที ที่เขาคิดเอาไว้อย่างดีคือเวินเหลียงไม่ได้ปฏิเสธในทันที ทว่าครุ่นคิดก่อนตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่ง“ว้าวเย่ ๆ ๆ ๆ...”กลุ่มคนรอบข้างพลันระเบิดเสียงโห่ร้องไชโยดีอกดีใจแสดงความยินดีออกมาท่ามกลางสายตาแสนอบอุ่นของผู้คน เมิ่งเซ่อส่งดอกไม้ส
เพียงแต่ เธอแค่หลอกใช้เมิ่งเซ่อ ความรู้สึกที่เมิ่งเซ่อมีต่อเธอในตอนนี้ราวกับยิ่งห้ามใจไม่ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดเธอก็ต้องขอโทษเมิ่งเซ่อ ไม่รู้ว่าต่อไปจะต้องเผชิญหน้ากับเขายังไงดี“พี่เอาอีกไหมครับ?” เมิ่งเซ่อเห็นจานเค้กตรงหน้าเวินเหลียงว่างเปล่าแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้นเวินเหลียงวางส้อมลง “ไม่กินแล้ว กินเยอะแล้วเลี่ยน”“งั้นเราไปกันไหมครับ? ตอนนี้ยังไม่ดึกเท่าไร ไปเดินเล่นริมแม่น้ำไหมครับ?” เมิ่งเซ่อยิ้มพลางเอ่ยถามเวินเหลียงมองออก คืนนี้เมิ่งเซ่อมีความสุขสุด ๆ จนไม่อยากแยกกับเธอเธอยิ้มชืด ๆ ทีหนึ่ง “ได้สิ”ทั้งสองคนมายังลานจอดรถ เมิ่งเซ่อเป็นฝ่ายเดินไปเปิดประตูรถฝั่งคนขับก่อน “พี่ครับ ผมยื่นเรื่องได้ใบขับขี่มาแล้ว เดี๋ยวผมขับให้เองนะ”เวินเหลียงส่งกุญแจรถให้เขา แล้วเข้าไปนั่งยังที่นั่งข้างคนขับฮิตเตอร์ในรถเป่าลมร้อนฟู่ ๆ ไม่นานภายในห้องโดยสารก็อุ่นขึ้นมาเวินเหลียงพิงพนักเบาะ มองวิวถนนที่ถอยหลังด้านนอกผ่านหน้าต่างรถเมิ่งเซ่อขับรถอย่างใจจดใจจ่อเพิ่งจะระบุสถานะความสัมพันธ์ ทว่าทั้งสองคนกลับไม่พูดคุยกันเลย ราวกับยังปรับตัวกับการกระชับความสัมพันธ์อย่างกะทันหันไม่ได้บรรยา
เมิ่งเซ่อยังซ่อนไม่ให้พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่บางส่วนเห็นอย่างเคย เผื่อพวกเขาไปถามนั่นถามนี่จนรู้ว่าเขามีแฟนทว่าคนอื่นไม่ได้ซ่อน ตัวเขาเองก็ไม่ยอมซ่อน ที่สร้างโพสต์ก็เพื่อใช้โพสต์แบ่งปันข่าวนี้กับเพื่อน ๆหลังโพสต์ลงทามไลน์ได้ไม่นาน เพื่อน เพื่อนร่วมชั้น และเหล่าเพื่อนร่วมงานต่างก็แห่มายินดีกันอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆหนึ่งในนั้นรวมไปถึงคอมเมนต์ของฟู่เซิง...ยินดีด้วย คบกันนานนานเมิ่งเซ่อตอบกลับ...ขอบคุณครับผู้จัดการฟู่หลังจากนั้นฟู่เซิงก็หันไปส่งภาพแคปหน้าจอโพสน์ให้ฟู่เจิงฟู่เจิงจ้องมือทั้งสองที่ประสานกันคู่นั้นในหน้าจอโทรศัพท์เขม็ง ในแววตาดำมืดไปหมด ลึกจนมองไม่เห็นก้นมือน้อย ๆ ขาวผ่องเล็กเรียวเล็กในรูป แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นมือผู้หญิงเขากับเวินเหลียงแต่งงานกันมาสามปี ทำไมจะจำมือของเวินเหลียงไม่ได้?ฟู่เซิงใส่ใจสุด ๆ ยังแคปภาพคอมเมนต์และการตอบกลับของเมิ่งเซ่อด้านล่างโพสต์ส่งไปให้ฟู่เจิงอีกด้วยแม้ในโพสต์จะมีแค่อิโมจิและรูปภาพ ทว่าเมื่อเห็นคำอวยพรในคอมเมนต์และความรู้สึกขอบคุณของเมิ่งเซ่อแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลย นี่เป็นโพสต์เปิดตัวแฟนชัด ๆมือใหญ่ที่ถือโทรศัพท์อยู่ค่อย ๆ กำแน่นข
ในทันใดนั้นเวินเหลียงอดไม่ได้ที่จะปลุกเธอขึ้นมาเธอยื่นมือไปจิ้มใบหน้าของฟู่ซือฝาน นุ่มนิ่ม ราวกับก้นของทารกอย่างนั้น ยืนหยุ่นสุด ๆขณะหดมือกลับดันไปโดนคนข้างหลังอย่างไม่ตั้งใจเข้า เวินเหลียงหันหน้ากลับไป ทันใดนั้นก็ค้นพบว่าฟู่เจิงลอยมาอยู่เบื้องหลังเธอตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ จ้องเธอตาไม่กะพริบ นัยน์ตาดำขลับถึงขั้นจะกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำได้แล้วทั้งสองคนสบตากัน ไม่รู้เป็นอะไร ที่หลังของเวินเหลียงราวกับถูกผีลูบคลำ เสียวสันหลังวาบไปทั้งตัว เธอกลืนน้ำลายลงไปอึกหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างสงบสติอารมณ์ว่า “ฟู่เจิง? คุณเดินมาทำไมไม่ให้ซุ่มให้เสียงบ้าง?”“เพราะเธอตั้งใจมาก เลยไม่ได้ยิน”“งั้นเหรอ?”“อืม”เวินเหลียงรู้สึกเพียงทั้งตัวของฟู่เจิงในคืนนี้ดูน่าสะพรึงกลัวไปหมดเธอไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้ง เพียงอยากรีบปลุกฟู่ซือฝาน และออกไปจากที่นี่“ฝาน...”เพิ่งจะเปล่งเสียงออกมาได้คำเดียว จู่ ๆ เวินเหลียงก็เจ็บที่ท้ายทอย ในหัวว่างเปล่าไปหมด ตรงหน้ามีแต่ความมืด จากนั้นก็สลบไปฟู่เจิงรับเวินเหลียงที่สลบล้มพับไปเอาไว้ พลางจ้องใบหน้างดงามทรงเสน่ห์ใบหน้านั้นของเธอเอาไว้เขม็ง นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความลุ