ข้อศอกของเวินเหลียงเท้าอยู่บนโต๊ะ มือทั้งสองเท้าอยู่ที่คาง พลางมองลู่เย่าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชื่นชม “พูดตามตรงนะ ฉันชอบคนอย่างคุณนี่แหละ!”‘แก๊ก…’มีเสียงอะไรบางอย่างแว่วดังมาจากห้องวีไอพีที่อยู่ข้าง ๆ อีกแล้วเวินเหลียงไม่ได้สนใจ เธอถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วพูดต่อว่า “เพราะเหตุผลของครอบครัว ฉันเลยมีนิสัยขี้ระแวง คอยควบคุมอารมณ์ของตัวเอง เพราะงั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันอิจฉาคนที่คิดอยากจะทำอะไรก็ทำแบบพวกคุณมาก ไม่สนใจสายตาของคนในสังคม มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวบอกจะไปก็ไป ความคิดที่สามารถปล่อยวางทุกอย่างได้เพื่อความอิสระ เป็นสิ่งที่ไม่มีในตัวฉันเลย”เวินเหลียงดื่มน้ำอึกหนึ่งแล้วพูดต่อ “อีกอย่าง คุณยังเที่ยงธรรมขนาดนี้ ช่วยชิงกระเป๋าสตางค์ฉันกลับมายังไม่ต้องพูดถึง คุณไม่ยอมไปเตะถ่วงผู้หญิงคนอื่นนี่สิ ถ้าคิดจะเตะถ่วงคนอื่น คงอาศัยใบหน้านี้หว่านเสน่ห์ใส่ผู้หญิงไปทั่วตั้งนานแล้ว”“...ชมเกินไปแล้ว คุณประเมินผมสูงไป” ลู่เย่าเห็นสีหน้าจริงจังของเวินเหลียง สีหน้าบนหน้าเขาก็ค่อย ๆ แข็งทื่อเล็กน้อยเธอคงไม่ได้ชอบเขาจริง ๆ ใช่ไหม?คงไม่หรอกมั้ง?ลู่เย่ารู้สึกแค่เบื้องหลังเริ่มเย็นยะเยียบขึ
‘เพล้ง...’ห้องข้าง ๆ มีอะไรบางอย่างตกลงบนพื้น แตกกระจายไปทั่ว หลังจากนั้นก็มีพนักงานรีบวิ่งเข้าไปเก็บกวาดลู่เย่าไม่สนใจความรู้สึกของฟู่เจิงแล้ว ทั้งใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความแข็งทื่อเวินเหลียงชอบเขา?!เวินเหลียงชอบเขาได้ยังไง?!มือใหญ่ ๆ ของเขาวางพาดอยู่บนเข่า เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง พยายามสงบระลอกคลื่นภายในใจให้กลับมาสงบ จากนั้นก็ถามขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสน “คุณเวิน นี่คุณจริงจังหรือเปล่า?”“จริงจังสิ ไม่งั้นวันนี้ฉันจะมาคนเดียวทำไม?” เวินเหลียงกระตุกยิ้มริมฝีปาก ขนตายาวราวกับขนนกกะพริบลู่เย่าเกือบจะหายใจไม่ออก “คุณ...คุณเวิน ถึงยังไงผมก็ยังขอแนะนำให้คุณคิดให้รอบคอบ ผมเองก็ไม่รู้ว่าในตัวผมมีอะไรที่มันไปดึงดูดคุณเข้า สรุปก็คือ...”“คุณรังเกียจที่ฉันเคยแต่งงานมาก่อนใช่ไหม?” เวินเหลียงพูดแทรกคำพูดของเขา“เปล่าครับ...”“อันที่จริงจุดนี้คุณไม่ต้องกังวลเลย เดิมทีฟู่เจิงก็ไม่มีน้ำยาอยู่แล้ว”ลู่เย่าอ้าปากใหญ่ ๆ อย่างตกตะลึง “...”“ไม่เชื่อใช่ไหม? ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ภายนอกดูแข็งแกร่ง แต่อันที่จริงเป็นคนไร้น้ำยาคนหนึ่ง ทั้งเคยผ่าตัดมาแล้ว ยาโด๊ปก
เวินเหลียงยืนกอดอก จากนั้นเธอก็ยกมือข้างหนึ่งมาปัดม่านร้อยด้วยไข่มุกออก พร้อมทั้งก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวด้วยท่าทางขึงขังและสงบจิตสงบใจ มองประเมินฟู่เจิงตั้งแต่หัวจรดเท้าสองที “คุณอย่าบอกฉันนะว่าคุณมาทำงานนอกสถานที่ที่นี่? และมากินข้าวกับลูกค้าที่นี่พอดี?”ฟู่เจิงเม้มริมฝีปากล่าง “...เธอเดาได้แล้ว?”เพราะงั้นคำพูดเหล่านั้นที่เวินเหลียงพูดกับลู่เย่าเมื่อกี้เธอก็จงใจพูดออกมา?“ลู่เย่าเป็นเพื่อนของคุณ หลายวันมานี้คุณตามฉันมาตลอด?!”ที่แท้ที่เวินเหลียงรู้สึกว่าลู่เย่าแปลก และน่าสงสัยอยู่เล็กน้อย แต่ก็ถูกคำพูดของถังซือซือตัดทอนความคิดไป ทว่าต่อมาฟู่เจิงปรากฏตัวที่สนามบิน เรื่องนี้ทำให้ในใจของเวินเหลียงเกิดความสงสัยขึ้นมาไม่มีเหตุผลอื่น ท่าทีของเขาในวันนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีทีท่าเหมือนเพิ่งถึงนอร์เวย์แต่อย่างใดมิหนำซ้ำ เธอเป็นฝ่ายแสดงออกก่อนว่ารู้สึกดี ทว่าปฏิกิริยาของลู่เย่านั้นไม่เหมือนชอบเธอเลยแม้แต่น้อย บางเรื่องก็พูดไม่ได้“ใช่” ฟู่เจิงสูดลมหายใจเข้าลึกเฮือกหนึ่ง พร้อมทั้งตอบขานรับด้วยน้ำเสียงขึงขังเขาค่อย ๆ เดินขึ้นหน้ามาก้าวหนึ่ง พลางจ้องเวินเหลียงด้วยนัยน์ตาเปล่งประกาย
ฟู่เจิงถูกมืออีกข้างหนึ่งของเวินเหลียงปิดปากเอาไว้ เขาหยุดพูด นัยน์ตาแฝงไปด้วยรอยยิ้มสองสามส่วนเวินเหลียงถอนหายใจเบา ๆ เฮือกหนึ่ง บนหน้าแดงระเรื่ออยู่เล็กน้อย จ้องฟู่เจิงเขม็งสองที “ถ้าฉันปล่อย คุณห้ามพูดไปเรื่อยอีกนะ”ฟู่เจิงราวกับยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ไม่พยักหน้าและไม่ส่ายหน้าเวินเหลียงขมวดคิ้ว กำลังคิดจะพูดอะไรต่อ ทันใดนั้นก็รู้สึกคันฝ่ามือ ทั้งฝ่ามือเปียกชุ่มไปหมด“อ๊า...” เวินเหลียงรีบเอามือออก หลบไปไกล ๆ เช็ดฝ่ามือด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ “ฟู่เจิง คุณคลื่นไส้บ้างไหมเนี่ย?”ทว่าใบหน้าของฟู่เจิงกลับเต็มไปด้วยความไม่แยแส “ทำไมแค่นี้ก็คลื่นไส้แล้วเหรอ? เธอเป็นคนเอามือมาปิดเองนะ ทั้งร่างกายเธอตรงไหนบ้างที่ฉันไม่เคยสัมผัส อีกอย่างในห้องพักผู้ป่วยที่โรงพยาบาลครั้งนั้น...”“คุณหุบปากไปเลยนะ! เงียบไปซะ! เงียบไปเลย!” เวินเหลียงพูดแทรกคำพูดของเขา หูแดงระเรื่อไปหมด ยังจะมาพูดว่า ‘ทั้งร่างกายเธอตรงไหนบ้างที่ฉันไม่เคยสัมผัส’ อะไรอีก ไม่รู้จักมียางอายบ้างเลยหรือไงเธอเกลียดที่ตัวเองจำได้ชัดเจนเกินไป ตอนที่เขาพูดคำว่าห้องพักผู้ป่วยที่โรงพยาบาลแปดพยางค์ออกมา เพียงชั่วพริบตาในหัวข
“เมื่อกี้ใครอยากจะเป็นแฟนเขาล่ะ? เมื่อกี้ใครบอกว่าเขาหน้าตาหล่อ รูปร่างดี เตรียมว่าคืนนี้จะไม่กลับไปโรงแรม? เมื่อกี้ใครคิดจะใช้เงินของฉันเลี้ยงเขา?”เวินเหลียงเงียบไป กระตุกยิ้มมุมปาก “นั่นแค่ฟังก็รู้แล้วว่าเป็นเรื่องโกหก...ฉันแค่กำลังทดสอบพวกคุณ”“ฉันเป็นกังวลจนกระวนกระวายไปเอง อาเหลียง ฉันกลัว”คำว่า ‘กลัว’ มันเหมือนกับแมลงปอตัวหนึ่ง เกิดระลอกคลื่นเล็กน้อยในจิตใจอันสงบของเวินเหลียงเวินเหลียงเงยหน้ามองฟู่เจิงฟู่เจิงเอ่ย “ฉันกลัวมาก ฉันกลัวว่าเธอจะชอบเขาเข้าจริง ๆ แล้วจะคบกับเขาให้ได้ ฉันกลัวว่าเธอจะไปจากฉันอย่างสมบูรณ์จริง ๆ ฉันกลัวว่าฉันจะไม่มีโอกาสไปเอาตัวเธอกลับคืนมาอีก ฉันอกสั่นขวัญแขวนทุกวัน”“เพราะงั้น วันนั้นหลังจากที่เห็นโจวอวี่กอดเธอ ฉันก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ อดไม่ได้ที่จะลงจากรถมาเจอเธอ ฉันกลัวจริง ๆ กลัวว่าเธอจะเปลี่ยนไปเป็นเจ้าสาวของคนอื่นในชั่วพริบตา และฉันก็เป็นได้แค่อดีตสามีที่ไม่มีความสำคัญอะไร”นัยน์ตาของฟู่เจิงลึกซึ้ง ดำขลับจนเหมือนค่ำคืนวันที่แสงแดดอ่อนตอนหน้าหนาวในเมืองเจียงเฉิงน้ำเสียงของเขา นัยน์ตาของเขา ดูเหมือนรักเธอลึกซึ้งเป็นอย่างมากแต่นี่จะเป็นไปไ
“ขอบคุณนะ พวกเราต่างก็ไม่มีใครชนะทั้งนั้น” เวินเหลียงวางตะเกียบ“ฉันกลับประเทศก็ได้ แต่ฉันอยากให้เธอไปส่งฉันที่สนามบิน” ทันใดนั้นฟู่เจิงก็หยิบยื่นเงื่อนไขมาเวินเหลียงอึ้งไปเล็กน้อย เขาจะปล่อยเธอง่าย ๆ ขนาดนี้เลยเหรอ?“ได้ เมื่อไรล่ะ?” เวินเหลียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าและขานรับ“พรุ่งนี้”“โอเค”ฟู่เจิงหยิบขวดไวน์ที่ยังไม่ได้เปิดขวดหนึ่งซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมา จากนั้นก็เทใส่แก้วตรงหน้าเวินเหลียงจนเต็ม “ชิมดูสิ นี่เป็นไวน์ขึ้นชื่อของร้านอาหารแห่งนี้เลย”จากนั้นฟู่เจิงก็รินให้ตัวเองแก้วหนึ่งเวินเหลียงยกแก้วไวน์ขึ้นมาชนกับแก้วของฟู่เจิง ผิวแก้วแตะที่ริมฝีปากล่าง เธอดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง รสหวานหอมของผลไม้เข้าไปในปาก นุ่มนวลและเข้มข้น“เป็นยังไงบ้าง?”“ไม่เลวเลย” เวินเหลียงแจ๊บปากเบา ๆ ก่อนจะดื่มไปอีกอึกหนึ่ง“เหล่านี่ค่อนข้างแรง อย่าดื่มเยอะเกินไปล่ะ”“อืม” เวินเหลียงขานรับเสียงหนึ่ง “อันที่จริงตอนที่รับใบสำคัญการหย่ามาเสร็จในวันนั้น ฉันอยากจะเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ เหมือนกับวันที่พวกเรารับใบทะเบียนสมรสในวันนั้น คุณเลี้ยงข้าวฉัน ฉันก็ต้องเลี้ยงคุณกลับ เจอกันด้วยดีก็จาก
ถังซือซือมารู้สึกตัวตระหนักได้อีกที นี่ฟู่เจิงกำลังลบเครื่องสำอางให้เวินเหลียงอยู่??“อาเหลียงเธอเป็นอะไรไป? คุณคงไม่ได้วางยาเธอใช่ไหม?” ถังซือซือคาดการณ์อย่างจริงจังฟู่เจิงเงยหน้ามองเธอทีหนึ่ง หน้าตาดูเคร่งขรึมและน่ากลัว ทันใดนั้นถังซือซือก็ตื่นกลัวไปเลยผู้ชายคนนี้ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก เธอรับมือไม่ไหวจริง ๆแต่ทำเพื่อเพื่อนแล้ว เธอก็ยังรวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฉันจะแจ้งตำรวจ อาเหลียงหย่ากับคุณแล้ว ถ้าคุณทำเรื่องที่มันทำร้ายเวินเหลียงขึ้นมา ฉันจะไม่ยอมปล่อยคุณไปแน่”เมื่อฟู่เจิงได้ยินดังนั้น สีหน้าก็ผ่อนคลายลงสองสามส่วนแม้ถังซือซือคนนี้มักจะยุยงให้เวินเหลียงหาผู้ชายคนใหม่ ทำให้เขารังเกียจเป็นอย่างมาก ทว่าเธอกลับหวังดีต่อเวินเหลียงด้วยใจจริงเห็นแก่เวินเหลียง ตอนนี้เขาจะปล่อยเธอไปก่อนก็แล้วกัน“ดื่มเหล้าไปนิดหน่อย ก็เลยผล็อยหลับไป” ฟู่เจิงอธิบายอย่างไม่ที่ไม่เคยทำมาก่อนประโยคหนึ่งถังซือซือประหลาดใจเล็กน้อย ทว่าก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่งฟู่เจิงวางผ้าขนหนูเอาไว้ในกะละมัง ก่อนจะยกกะละมังน้ำไปห้องน้ำถังซือซือเดินไปลูบหน้าผากของเวินเหลียงที่ข้างเตียง คลำลมหายใจของเวินเหลี
“หืม? ทำไมถึงไม่ค่อยมีความทรงจำล่ะ?” นัยน์ตาฟู่เจิงประกายแสงดำขลับสายหนึ่งตามหลักแล้วไปแลกเปลี่ยนที่นั่นตั้งหนึ่งปี ไม่ว่าจะมีความทรงจำแย่หรือดี ก็ควรค่อนข้างมีความทรงจำเกี่ยวกับที่นั่นเยอะเวินเหลียงลูบหน้าผาก “หลักเสร็จจากไปแลกเปลี่ยนที่นั่น ก่อนกลับประเทศ ฉันเกิดอุบัติเหตุขึ้น มีหลายเรื่องที่จำได้อยู่เลือนราง”ที่แท้ก็เป็นเพราะเกิดอุบัติเหตุแล้วสูญเสียความทรงจำนี่เอง ไม่ต่างจากที่เขาคาดการณ์เอาไว้เท่าไรทว่าฟู่เจิงก็ยังสงสัย แล้วเด็กคนนั้นล่ะ?เกิดอุบัติเหตุกับเวินเหลียงแล้วแท้งไป? หรือว่าไปอยู่ที่อื่น?“ทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุล่ะ? ตอนนั้นเธอเจ็บหนักหรือเปล่า?”“จำไม่ค่อยได้แล้ว ตอนนั้นได้รับบาดเจ็บที่สมอง ตื่นขึ้นมามีหลายเรื่องที่จำได้เลือนราง” นัยน์ตาของเวินเหลียงว่างเปล่า เอ่ยขึ้นพร้อมทั้งหวนนึกไปเธอเคยพยายามหวนนึกถึงเรื่องราวเหล่านั้น ทว่ายิ่งพยายามคิดก็ยิ่งคิดไม่ออก ต่อมาเธอจึงล้มเลิกไปเมื่อฟู่เจิงได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วในการอธิบายของเวินเหลียง ไร้เงาของเด็กคนนั้น เดิมทีเธอเหมือนกับไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเขาและอุบัติเหตุเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างแปลกประหลาด ราวกับใช้
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง