เมื่ออดีตเต็มไปด้วยความแค้นที่ไม่เคยถูกลืมเลือน เส้นทางแห่งการแก้แค้นเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง พร้อมความลับที่ถูกซ่อนเร้นกำลังถูกเปิดเผย ท่ามกลางความรัก ความแค้น และการต่อสู้เพื่อเอาชนะโชคชะตา
View Moreเมื่อทหารยามได้ยินเช่นนั้น ก็เริ่มลังเล กลัวว่าตนจะมีความผิดหากขัดขวาง จึงยอมให้เจียงหนิงและไป๋เหม่ยเข้าไปภายในตำหนักของเซี่ยวหลานแผนการของเจียงหนิงเป็นไปตามที่วางไว้ ปิงปิงสามารถสร้างความวุ่นวายและแทรกซึมเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ถูกขังไว้ในตำหนักเซี่ยวหลานได้ แต่เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น ปิงปิงก็กลับมายังตำหนักของเจียงหนิงด้วยใบหน้าเศร้าหมองและท่าทางอิดโรยเจียงหนิงรีบก้าวเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง “เจ้าช่วยทุกคนได้หรือไม่? และสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”ปิงปิงก้มหน้าด้วยความโศกเศร้า “สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนักเพคะ ข้าเข้าไปช่วยมาได้เพียงสองคนเท่านั้น นอกนั้นถูกฆ่าตายหมดแล้วเพคะ”ไม่นานนัก อาซีและน้องสาวของนางก็เดินเข้ามาภายในห้องด้วยท่าทางอ่อนแรงและซีดเซียว เจียงหนิงรีบสั่งให้สาวใช้ไปนำยามาให้อาซีดื่มเพื่อฟื้นฟูร่างกาย แต่ก็ไม่ทันการณ์ ร่างของอาซีที่อ่อนแอมากอยู่แล้ว ทรุดลงและสิ้นใจต่อหน้าเจียงหนิง น้องสาวของอาซีร้องไห้เสียงดังด้วยความเสียใจที่พี่สาวของตนต้องจากไปเจียงหนิงมองภาพนี้ด้วยความสลดใจ นางรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่สามารถช่วยอาซีได้ แม้ว่านางจะพยายามเต็มที่แล้ว ความโศกเศร้าที่เกิดขึ้นทำ
เซี่ยวหลานแสร้งทำเป็นยิ้มเยาะ “ท่านคงพูดล้อเล่นกับข้าใช่หรือไม่เพคะ” นางหันไปมองเจียงหนิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล แล้วถามอย่างท้าทาย “เจ้าเห็นว่าข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”เจียงหนิงตอบด้วยท่าทางสุภาพ “ในด้านของรูปลักษณ์ ในความงามไม่มีผู้ใดในวังเทียบพระสนมเซี่ยวได้”แม้คำตอบจะฟังดูเป็นการยกย่อง แต่เซี่ยวหลานยังไม่หยุดเยาะเย้ย นางมองเจียงหนิงด้วยสายตาจับผิด “ข้าไม่ได้เจอเจ้าเพียงแค่สิงกว่า เหตุใดเจ้าถึงดูซีดเซียวเช่นนี้เล่า เจ้าเองก็อายุน้อยกว่าข้าตั้งหลายปี ไยหน้าตาถึงดูแก่กว่าข้ามากเช่นนี้เล่า หรือช่วงนี้เจ้ารับใช้ฮ่องเต้มากเกินไปใช่หรือไม่?”คำพูดที่เสียดแทงของเซี่ยวหลานทำให้บรรยากาศอึมขรึม แต่เจียงหนิงกลับยิ้มบาง ๆ นางไม่ตอบคำใด ๆเซี่ยวหลานหันกลับมาหาฮ่องเต้ด้วยรอยยิ้มแฝงนัยยะ “ท่านไปที่ตำหนักข้าจะดีกว่าเพคะ ให้สนมเจียงได้พักผ่อนบ้าง จะได้ไม่ทำงานหนักจนเกินไปเพคะ”ฮ่องเต้พยักหน้าเห็นด้วย “อืม” ก่อนจะก้าวเดินตามเซี่ยวหลานไปอย่างเงียบ ๆ ทิ้งเจียงหนิงไว้เพียงลำพังหลังจากที่ทั้งสองเดินจากไปแล้ว ไป๋เหม่ยก้าวเข้ามาใกล้เจียงหนิงด้วยสีหน้าครุ่นคิด นางกระซิบเบา ๆ “ข้าได้กลิ่นยาจากตัวพระสนมเซี่ยวมาแต่ไกล
“เป็นอย่างไรบ้างเพคะ หม่อมฉันใส่ชุดนี้สวยหรือไม่? นี่คือชุดที่ท่านมอบให้ข้าเมื่อวันก่อน” เซี่ยวหลานกล่าวพร้อมปรายตามองเจียงหนิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับฮ่องเต้ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นจากจานอาหารและหันมามองเซี่ยวหลานก่อนจะเอ่ยปากชื่นชม “เจ้าใส่ชุดนี้ช่างดูดียิ่งนัก”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยวหลานรู้สึกปลื้มใจจนฉีกยิ้มอย่างไม่กระดากอาย นางเต็มไปด้วยความสุขที่ได้รับคำชมจากฮ่องเต้ “ข้ามีชุดนอนที่ใช้เนื้อผ้าน้อยที่สุด จะให้ท่านดูด้วยเพคะ” เซี่ยวหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงยั่วยวนฮ่องเต้หัวเราะเบา ๆ และตอบกลับ “เดี๋ยวคืนนี้ข้าจะไปดู”เซี่ยวหลานไม่ยอมหยุดแค่นั้น นางหันมามองฮ่องเต้พร้อมส่งสายตาเย้ายวน “เหตุใดต้องรอให้ถึงค่ำคืนนี้เล่าเพคะ?”ฮ่องเต้หันไปมองเจียงหนิงเพียงชั่วครู่ เมื่อเจียงหนิงเห็นท่าทีเช่นนั้น นางจึงลุกขึ้นทันที “ข้านึกได้ว่ามีธุระที่จะต้องไปทำ ข้าขอตัวก่อนเพคะ” เจียงหนิงลุกขึ้นย่อคำนับต่อหน้าฮ่องเต้ด้วยความสงบขณะที่เจียงหนิงกำลังจะเดินออกจากห้อง เซี่ยวหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ข้ามาทำให้เจ้าไม่พอใจหรือไม่? เป็นอย่างไรบ้างที่โดนไล่ออกจากห้องเช่นนี้?”เจียงหนิงหันหลังเดินออกไป นางหยุดชั่
หลินมู่อย่างแรงด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้านี้บังอาจยิ่งนัก ฆ่าลูกข้าถึงสองคน แล้วกล้าใส่ร้ายสนมเจียงอีก! ข้าคิดว่าเจ้าจะดีกว่าทุกคน เห็นหน้าใสซื่อ แต่ไม่คิดว่าจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ ทหาร นำตัวนางผู้นี้ไปขังไว้ในห้องเย็น ห้ามมิให้นางออกมาจนกว่านางจะสิ้นชีพ!”หลินมู่ที่ยังตกใจจากการถูกตบ รีบคลานไปเกาะชายเสื้อของฮ่องเต้พลางอ้อนวอน “หากข้าต้องไปอยู่ในห้องเย็น ข้าคงตายแน่ ๆ โปรดเมตตาข้าด้วยเถิด!”ฮ่องเต้กลับมองนางด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าเคยบอกว่าเจ้าแข็งแกร่ง ออกรบมานักต่อนัก ไยคราวนี้กลับมาร้องขอความเมตตาเช่นนี้? เจ้าช่างโหดร้ายยิ่งนัก และข้าจะปลดพ่อเจ้าออกจากตำแหน่งในไม่ช้านี้ นำตัวนางออกไป!”หลังจากนั้น ฮ่องเต้หันกลับมาหาเจียงหนิงและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เดี๋ยวข้าจะกลับมา ข้าจัดการธุระให้เสร็จสิ้นก่อน ถิงถิง เจ้าดูแลสนมเจียงต่อเถิด”เมื่อฮ่องเต้ก้าวพ้นประตูห้องไป เจียงหนิงพลันลุกขึ้นนั่งด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ นางรู้ดีว่าแผนการของตนเองได้ผลอย่างสมบูรณ์เจียงหนิงนั่งเช็ดคราบน้ำตาที่เปื้อนแก้มขณะมองถิงถิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ด้วยความสงสัยในใจ นางจึงเอ่ยถามเบา ๆ “เหตุใดเจ้าจึงช่วยข้าหรือ?”ถิงถิงยิ้ม
ในเช้าวันรุ่งขึ้น เจียงหนิงยืนอยู่บริเวณทางเดินในวังหลวง สายตาของนางจับจ้องไปที่หลินมู่ซึ่งกำลังเดินตรงมาทางนางพร้อมกับท่าทางมุ่งมั่น สาวใช้ของเจียงหนิงที่ยืนอยู่ข้างกายนางเหลือบมองหลินมู่และกล่าวขึ้นด้วยเสียงเบาแฝงความเย้ยหยัน “เมื่อฮ่องเต้กลับจากการล่าสัตว์ในป่าคราวก่อน ก็ไม่เคยเสด็จไปหาสนมหลินอีกเลยเพคะ”เมื่อหลินมู่เดินเข้ามาใกล้ เจียงหนิงและสาวใช้ต่างพูดคุยและจ้องมองหลินมู่ ทำให้หลินมู่รู้สึกถึงความดูถูกที่ซ่อนอยู่ในแววตาของทั้งสอง นางหยุดเดินและเอ่ยถามทันทีด้วยความโกรธเกรี้ยว “พวกเจ้ากำลังนินทาข้าอยู่หรือไม่? หากใช่ก็ระวังปากพวกเจ้าไว้ให้ดี มิฉะนั้น ข้าจะฉีกปากเจ้าเป็นชิ้น ๆ”สาวใช้เจียงหนิงได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าตกใจ แต่ยังไม่ทันได้ตอบ เจียงหนิงกลับยิ้มเยาะและกล่าวอย่างเย้ยหยัน “เมื่อคืนเจ้าโกรธเกรี้ยวฮ่องเต้มากมิใช่หรือ จึงหยิบดาบฟาดฟันสิ่งของไปทั่ว? หากเจ้ารู้สึกเบื่อไยไม่รายรำเพลงดาบให้สบายใจเล่า เจ้ามีฝีมือเรื่องเพลงดาบมิใช่หรือ? ข้าอยากชมเป็นขวัญตายิ่งนัก”คำพูดนั้นทำให้หลินมู่โกรธจัด นางกัดฟันแน่นด้วยความเคียดแค้น ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม “เจ้าบังอาจมากไปแล้ว! เห็นข้าเป็นตัวตลกม
หลินมู่ได้แต่ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม “พระสนมเซี่ยว โปรดระงับโทสะก่อนเพคะ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะรับมือเช่นไร พระสนมเจียงมีเล่ห์เหลี่ยมกลอุบายมากมาย ข้าตามเกมนางไม่ทันเพคะ”เซี่ยวหลานขมวดคิ้ว ขยับเข้าไปใกล้กว่าเดิม พลางถามเสียงเข้ม “เรื่องอันใดเจ้าสู้นางมิได้หรือ?”เมื่อหลินมู่ได้ยินคำถามนี้ นางก้มหน้าลงเล็กน้อย น้ำเสียงของนางสั่นเทาเล็กน้อยก่อนจะกล่าวตอบ “พระสนมเจียง... ตั้งครรภ์เพคะ”คำตอบนั้นทำให้เซี่ยวหลานตะลึงทันที นางยืนนิ่ง ความคิดวิ่งวุ่นในหัว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจเมื่อครู่พลันแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ ความรู้สึกสับสนและหวาดกลัวเกาะกุมจิตใจของนาง นี่เป็นเหตุการณ์ที่นางไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น การที่พระสนมเจียงตั้งครรภ์จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งที่นางเคยวางแผนเอาไว้ในตำหนักอันเงียบสงบ ฮ่องเต้ประทับบนบัลลังก์อย่างสง่างาม โดยมีเจียงหนิงนั่งอยู่ข้างกาย ท่าทางของฮ่องเต้ดูอ่อนโยนขึ้นเมื่อพระองค์เหลือบมองสนมที่กำลังตั้งครรภ์ ด้วยสายตาแห่งความห่วงใย“ตอนนี้เจ้ากำลังตั้งครรภ์ ต้องดูแลตนเองให้ดี ยิ่งอาหารการกินก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ” ฮ่องเต้กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แต่ยัง
ฮ่องเต้ฟังแล้วรู้สึกสงสาร “เจ้าอย่าเศร้าไปเลย เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว ข้าได้เตรียมแต่สิ่งดี ๆ ไว้ให้เจ้า” พระองค์กล่าวพลางคีบอาหารป้อนให้เจียงหนิง ทำให้หลินมู่ไม่พอใจอย่างยิ่งหลินมู่ลุกขึ้นจากโต๊ะอย่างฉุนเฉียว แต่ในขณะที่นางกำลังจะเดินออกไป นางชนเข้ากับสาวใช้ที่กำลังนำผลไม้เข้ามาถวาย “เจ้าไม่มีตาหรืออย่างไร!” หลินมู่ตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “ข้าจะลงโทษเจ้า! ไปยืนตรงเป้า แล้ววางแอปเปิ้ลบนศีรษะประเดี๋ยวนี้!”หลินมู่ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งสนมเพราะชนะการประลองกับฮ่องเต้ ยืนวางอำนาจอย่างไม่เกรงกลัว เจียงหนิงเห็นเหตุการณ์นั้นก็รีบลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร “สาวใช้นั้นยังเด็ก ยังไม่รู้นิติภาวะ ไยเจ้าต้องแกล้งนางด้วย?”หลินมู่หันมาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “รัฐมีกฎหมาย ทหารมีกฎระเบียบ ข้าก็มีสิทธิ์ลงโทษนาง”นางหันไปหาฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร “ข้าทำเช่นนี้ผิดหรือไม่เพคะ?”ฮ่องเต้ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่โตนัก “ไม่เป็นไร หลินมู่เก่งเรื่องยิงธนู เจ้าไว้ใจนางได้”หลินมู่ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะหยิบธนูขึ้นมาเล็งไปยังแอปเปิ้ลบนหัวของสาวใช้ ดอกแรกนางแสร้งยิงพลาดไปทางอื่น ทำให้สาวใช้ตกใจล้มลงกับพื้น “อย่าขยับ!”
หลังจากนั้น ฮ่องเต้กับเจียงหนิงหันกลับมากอดจูบกันอย่างเร่าร้อน ไม่นานเสื้อผ้าของทั้งคู่ก็หลุดล่วงกองอยู่บนพื้น เจียงหนิงรับใช้ฮ่องเต้จนเสร็จสิ้น ก่อนที่นางจะลุกออกจากเตียงอย่างเงียบ ๆ แล้วเดินออกมาจากห้อง ขณะที่นางกำลังจะก้าวพ้นประตูตำหนัก นางกลับพบว่าเซี่ยวหลานยืนรออยู่หน้าประตู ร่างของเซี่ยวหลานที่ยืนสงบเสงี่ยม แต่ในสายตาแฝงด้วยความโทสะทำให้เจียงหนิงรู้สึกตกใจเล็กน้อย“ไยเจ้าถึงยังไม่กลับไปตำหนักของเจ้าเสีย?” เจียงหนิงถามอย่างสงสัยเซี่ยวหลานหันมามองเจียงหนิงด้วยสายตาคมกริบ “เจ้าไยไม่พูดความจริงกับฮ่องเต้?” นางถามด้วยน้ำเสียงที่เจือความข่มขื่นเจียงหนิงแสยะยิ้มเล็กน้อย “เหตุใดข้าต้องทำเช่นนั้น?” นางตอบอย่างเย็นชาทันใดนั้น ขันทีคนหนึ่งก้าวเข้ามาและกล่าวแทรก “พระสนมเจียงได้รับมอบหมายให้ไปรับใช้ฮ่องเต้ในการประพาสป่าคราวนี้พ่ะย่ะค่ะ”เจียงหนิงพยักหน้ารับคำอย่างนอบน้อม แต่ในใจนางกลับเต็มไปด้วยความพึงพอใจ เซี่ยวหลานที่ยืนฟังอยู่นั้น ความโกรธเกรี้ยวในใจยิ่งทวีขึ้น นางมองเจียงหนิงด้วยความคั่งแค้น “เจ้าเป็นคนวางแผนฆ่าพระสนมหลี่และโยนความผิดให้ข้า ก่อนจะเสวยสุขอยู่เพียงผู้เดียว!” เซี่ยวหลานก
เจียงหนิงยิ้มบาง ๆ ก่อนตอบ “เงินทองเป็นของนอกกาย หากเจ้าอยู่ในวังแห่งนี้ เจ้าจะต้องพบเจอกับเรื่องร้ายแรงอีกมากมาย รับมันไว้เถิด และไปใช้ชีวิตที่สงบสุขเสียเถิด”“ท่านแน่ใจนะเพคะ ไม่ต้องการให้ข้าคอยช่วยเหลือท่านอีกหรือ? พระสนมเซี่ยวมีจิตใจโหดร้ายและไม่รักษาคำพูด ข้าเกรงว่า...” สาวใช้กล่าวด้วยความห่วงใยและกลัวเจียงหนิงจะต้องพบเจอกับความเลวร้ายเจียงหนิงยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความแน่วแน่ “พระสนมเซี่ยวต้องการกำจัดข้า แต่ข้าจะชิงลงมือเสียก่อน”สาวใช้ส่ายหน้าช้า ๆ ด้วยความกังวล “พระสนมเซี่ยวมีครอบครัวที่โหดเหี้ยม ข้าอยากให้ท่านคิดให้ดี ๆ ก่อน หากไม่เช่นนั้น ข้าขอให้ท่านล้มเลิกความคิดแก้แค้นนี้เถิดเพคะ”เจียงหนิงฟังคำเตือนนั้นด้วยความนิ่งสงบ แต่นางก็ตอบกลับด้วยเสียงที่หนักแน่น “จะให้ข้ายกเลิกได้เช่นไร แม่ของข้าต้องทำงานหนักมาตลอด ไม่เคยได้กินอาหารดี ๆ หรือพักผ่อนเต็มที่ ตั้งแต่ข้าจำความได้ แม่ข้าต้องออกไปทำงานตั้งแต่เช้าจรดค่ำ”ภาพในอดีตลอยขึ้นมาในหัวของเจียงหนิง นางจำได้ดีในวันนั้น นางนำซาลาเปาร้อน ๆ ไปให้แม่ที่ยืนอยู่หน้าวัง ทว่าวันนั้นกลับเป็นวันที่แม่ของนางเสียชีวิต จา
ณ.บริเวณทางเดินในวัง ขบวนพระสนมเซี่ยว หรือ เซี่ยวหลาน! กำลังมาเสียงขันทีร้องเสียงดังมาแต่ไกล“ผู้ใดที่อยู่ด้านหน้าให้หลีกทาง พระสนมเซี่ยวกำลังเสด็จ”สาวใช้สามคนที่อยู่ด้านหน้า เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็นั่งชิดกำแพงหมอบลงกับพื้น เพื่อให้ขบวนพระสนมเซี่ยวผ่านไป ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเจียงหนิง! ที่แฝงตัวเข้ามาเป็นสาวใช้เพราะนางต้องการหาทางใกล้ชิดพระสนมเซี่ยว เพื่อต้องการแก้แค้นให้กับมารดาของนาง หลังจากนั้นสาวใช้สองคนต่างซุบซิบกันเบา ๆ“พระสนมเซี่ยวผู้โหดร้ายมาแล้ว”“หากผู้ใดทำอันใดไม่ถูกใจนาง พระนางจะสั่งฆ่าเสียให้หมด เพราะมีข่าวลือกันมาว่าสาวใช้เข้าไปรับใช้นางหกคนถูกนางสั่งฆ่าไปแล้วสามคน หากรู้เช่นนี้แล้วอย่างได้เข้าไปรับใช้นางเป็นอันขาด”ไม่ช้าทหารก็วางเกี้ยวพระสนมเซี่ยวลงกับพื้นอย่างช้า ๆ หลังจากนั้นพระสนมเซี่ยวกำลังก้าวเท้าลงจากเกี้ยวเพื่อจะเข้าประตูวัง ทันใดนั้นเองเจียงหนิง ปรายตาเห็นคราบน้ำสกปรกที่ขังนองอยู่บนพื้นประตูทางเข้าวัง เจียงหนิงจึงรีบตัดสินใจลุกขึ้นแล้ววิ่งไปนอนทับน้ำสกปรกนั้นอย่างรวดเร็ว“พระสนมเซี่ยว! เหยียบบนหลังข้าน้อยได้เลยเพคะ เท้าพระนางจะได้ไม่เปื้อนน้ำสกปรกนี้” เจียงหนิงก
Comments