เมื่อพูดจบรอยยิ้มของซินเยว่ก็เริ่มค่อย ๆ หุบลงพร้อมกับก้มหน้าลง เมื่อครู่นี้นางพึ่งจะเผลอบอกว่า “ชอบ” ออกไป แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำนั้น
“หมอเฉินหน้านิ่งงั้นหรือ เหลวไหล ฝนจะตกแล้วเจ้าเข้ามาดื่มชาก่อนเถอะ”
“มะ ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ข้ายังต้องรีบกลับไปช่วยตาแก่ ไม่ใช่อาจารย์เก็บร้านอีก เอาไว้วันหลังค่อยมาดื่มชากับท่าน ข้ากลับก่อนละหมอเฉินหน้านิ่ง!”
“เจ้า…เฮ้อ…ทำไมไม่เรียบร้อยเลยนะ”
เฟิ่งเซียวหันไปมองตามดรุณีน้อยที่วิ่งไปขึ้นม้าของตัวเองและควบออกไป ขบวนรถม้าตามหลังนางไปอีกครั้ง
“ถานซินเยว่… ช่างสดใสราวกับบุปผาในฤดูใบไม้ผลิ”
เมื่อหันไปมองไม้สำหรับช่วยพยุงเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ บาดแผลเมื่อหลายวันก่อนดูเหมือนว่าจะยังมิได้หายไป แต่เหมือนว่านางจะบาดเจ็บเพิ่มขึ้น เพราะวันนี้เขาได้กลิ่นยาทาแผลสดและดูเหมือนว่านางจะพันแผลที่ขามาด้วย
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ จิ่นหาว”
“ขอรับคุณชาย”
“เรื่องที่ให้เจ้าไปสืบได้ความว่าอย่างไรบ้าง”
“หากเป็นเรื่องของสกุลถาน ข้าน้อยส่งไปให้คุณชายที่ห้องเมื่อสองวันก่อนแล้วนะขอรับ”
“งั้นหรือ เช่นนั้นบ่ายนี้หากมีเรื่องด่วนอะไรก็ให้คนไปแจ้งข้าที่ห้องก็แล้วกัน”
“ขอรับ”
เฟิ่งเซียวเดินกลับเข้าไปในห้องของเขา ซึ่งอยู่ห่างจากจวนด้านหน้าโดยมีสวนกั้น เมื่อเข้าไปและหยิบรายงานขึ้นมาอ่านดูก็รู้ว่าเรื่องราวของถานซินเยว่นั้นไม่เหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้
“นางเป็นบุตรคนรองซึ่งเกิดจากภรรยาเอก มีพี่ชายหนึ่งคนแต่มีพี่สาวอีกหนึ่งคนซึ่งเป็นลูกของอนุที่คหบดี แต่งเข้ามาหลังจากภรรยาคนแรกคลอดลูกคนโต ภรรยาเอกตาตอนคุณหนูถานอายุเพียงสิบปี”
“เพราะมีพี่สาวต่างมารดานางจึงกลายเป็นบุตรคนที่สาม แล้วพี่ชายของนางเล่าไปที่ใดแล้ว”
“ตายแล้วเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ เพราะเหตุเรือสินค้าล่มหลังจากที่มารดาของนางสิ้นใจไปสามปี”
“สามปีสูญเสียคนในครอบครัวสองครั้ง ก็นับว่าหนักหนา เช่นนั้นความสัมพันธ์ของนางกับอนุของบิดาเล่า”
“เห็นว่าไม่ค่อยดีนักพ่ะย่ะค่ะ บิดานางพอจะรู้นิสัยของอนุหลี่ แต่เป็นเพราะนางคือบุตรพ่อค้าเหมือนกันจึงไม่สามารถทำอะไรได้ อีกอย่างการค้าบางอย่างยังต้องให้นางเป็นผู้ออกหน้า ส่วนคหบดีถานต้องไปคุมเรือสินค้าแทนบุตรชายที่ตายไป ดังนั้นจึงฝากให้คุณหนูรองศึกษาวิชายาสมุนไพรกับอาจารย์หวังที่ร้านขายยาของตระกูลถานพ่ะย่ะค่ะ”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้ ช่างเถอะเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับข้า ดูแลอย่าให้ยาขาดก็พอ ในเมื่อนางคือเจ้าของร้านสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในลี่เหมิน เช่นนั้นเราคงต้องให้นางช่วยเรื่องนี้อีกมาก จนกว่าเหตุการณ์ที่นี่จะดีขึ้น”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“จริงสิจิ่นหาว คหบดีถานมีบุตรสาวสองคน แล้วอีกคนหนึ่งเล่า”
“อีกคนเห็นว่าช่วยมารดาดูแลร้านผ้าที่ตรอกเย่าหยี ในตัวอำเภอชื่อว่าร้านจินหงพ่ะย่ะค่ะ”
“ตรอกเย่าหยี แล้วร้านยาของถานซินเยว่เล่า”
“ร้านยาของคุณหนูรองอยู่อีกสองตรอกถัดไป”
“ไม่ได้อยู่ใกล้กันหรอกหรือ”
“ไม่พ่ะย่ะค่ะทั้งสองกิจการดูเหมือนว่าจะแยกกันดูแล ร้านยาของคุณหนูรองอยู่ที่ตรอกอิ๋งเตียนพ่ะย่ะค่ะ”
“มีอะไรงั้นหรือ”
“เห็นว่าเป็นตรอกที่ไม่ค่อยมีคนสัญจรไปมา อีกอย่างร้านนั้นก็แทบไม่มีคนพูดถึงเพราะเป็นร้านเก่าแก่ แต่มีหมอคนหนึ่งเก่งมากชื่อหวังเย่เหอ น่าจะเป็นอาจารย์ของคุณหนูสามพ่ะย่ะค่ะ”
“เหตุใดหมอที่เก่งถึงได้ไปหลบอยู่ในตรอกที่ไร้ผู้คนขนาดนั้น”
“นั่นเพราะหมอผู้นี้เลือกจะรักษาคนที่เดือดร้อนพ่ะย่ะค่ะ”
“หึ ข้าไม่แปลกใจเลยสักนิด ที่ลี่เหมินมีร้านยาอยู่สี่แห่ง ร้านใหญ่สองแห่ง อีกร้านเป็นของคนต่างเมืองซึ่งไม่เคยให้การช่วยเหลือทางการเลย อีกสองร้านใหญ่แม้จะส่งยามาช่วยแต่ก็น้อยกว่าเป่าจิ้นถานของนางมาก ดูแล้วเมืองลี่เหมินแห่งนี้คงจะหาคนที่มีน้ำใจจริง ๆ ยากเสียแล้วกระมัง”
“ท่านอ๋องคิดว่า…”
“เอาเถอะ ช่วงสองวันมานี้คนป่วยลดลงแล้ว พรุ่งนี้ข้าคิดว่าจะไปเดินเที่ยวในตัวอำเภอลี่เหมินสักหน่อย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“จิ่นหาว แม้นว่าจะอยู่กันสองคนเจ้าก็รีบพูดคำสามัญให้ชินเถอะ อย่าได้หลุดเป็นอันขาด”
“พ่ะ… ขอรับคุณชาย”
วันถัดมา
เฟิ่งเซียวใช้ม้าในการเดินทางเข้ามาในตัวอำเภอลี่เหมิน เขาพบว่าที่นี่คึกคักต่างกับนอกอำเภอที่เขาอยู่มาก ดูเหมือนว่าในเมืองจะมิได้รู้สึกว่าด้านนอกเมืองนั้นยังมีผู้ที่ประสบภัยอยู่มากมาย เป้าหมายของเฟิ่งเซียวในวันนี้ร้านแรกที่เขามาอยู่ที่ตรอกเย่าหยี
“ร้านผ้าจินหง ช่างหรูหราสมกับเป็นร้านของพ่อค้าที่ร่ำรวย เข้าไปกันเถอะ”
เมื่อเขาเดินเข้าไปในร้านก็พบกับพับผ้าจำนวนมาก ซึ่งเป็นผ้าที่ดูหรูหราราคาสูง อีกด้านเมื่อคนในร้านเห็นพวกเขาก็เดินมาต้อนรับทันที
“คุณชายท่านนี้ วันนี้มาดูผ้าแบบใดดีขอรับ ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหมงานปักชั้นยอดจากเจียงหนาน หรือผ้าแพรอย่างดีจากเล่าหยางล้วนมีให้เลือก เชิญด้านในเลยขอรับ”
“ที่นี่คือร้านผ้าสกุลถานใช่หรือไม่”
เพียงแค่เอ่ยถาม เถ้าแก่เนี้ยซึ่งเป็นสตรีสูงวัยที่กำลังคุยกับลูกค้าอยู่ก็รีบหันมาทันที เมื่อเห็นว่าเป็นเฉินเฟิ่งเซียวจึงได้รีบปลีกตัวมาต้อนรับด้วยตนเอง
“คุณชายทั้งสอง ข้าน้อยเป็นเถ้าแก่เนี้ยที่นี่ ไม่ทราบว่าวันนี้มีอะไรให้รับใช้หรือเจ้าคะ”
“เจ้าคือเถ้าแก่เนี้ยงั้นหรือ เช่นนั้นก็ดีเลย ข้ามีเรื่องจะขอความช่วยเหลือนิดหน่อย มีที่ให้นั่งคุยหรือไม่”
“มีเจ้าค่ะเชิญทางนี้ ปาเล่อยกน้ำชา เชิญเจ้าค่ะคุณชาย ไม่ว่าท่านอยากจะได้ผ้าประเภทใด ทางร้านของเราก็มีให้เลือกทุกอย่างเชิญนั่ง”
เฟิ่งเซียวเดินเข้ามาด้านในและนั่งตามคำเชิญของ “หลี่ฮั่วเจิน” ซึ่งเป็นเถ้าแก่เนี้ยที่นี่
“ไม่ทราบว่าคุณชายสนใจอยากจะซื้อผ้าไปตัดชุดใหม่ หรือซื้อไปให้มารดาเจ้าคะ”
“เหตุใดจึงถามข้าเช่นนั้น ข้าดูไม่เหมือนคนที่แต่งงานแล้วงั้นหรือ”
“แหมคุณชายช่างพูดเล่นแล้ว ข้าน้อยมิกล้าเสียมารยาท เพียงใคร่อยากจะถามว่าท่านเป็นขุนนางใหม่ของลี่เหมินที่พึ่งย้ายมา หรือว่าเป็นคุณชายจากตระกูลใดหรือเจ้าคะ ข้าไม่คุ้นเคยเหมือนว่าท่านดูจะมิใช่คนที่นี่”
“เสียมารยาท”
“จิ่นหาว ไม่เป็นไรเถ้าแก่เนี้ยก็แค่ถามตามประสาคนค้าขาย ย่อมไม่น่าแปลกขอโทษแทนเขาด้วย ข้าเป็นหมอที่ถูกส่งมาจากเมืองเสิ่นโจว มาที่นี่ก็เพราะอยากจะมาซื้อผ้าที่สามารถใช้พันแผลได้”
“ที่แท้ก็เป็นท่านหมอนี่เอง มิน่าเล่าเช่นนั้นข้าจะให้เด็ก ๆ เอาผ้ามาให้ท่านเลือก ข้าจะคิดราคาพิเศษให้นะเจ้าคะ”
“เช่นนั้นก็ดี ข้าได้ข่าวว่าหลายร้านในลี่เหมินล้วนให้ความช่วยเหลือทางการเป็นอย่างดี เห็นว่าร้านยาที่ชื่อว่า…เป่าจิ้นถาน มอบยาให้ผู้ประสบภัยมากเลยทีเดียว”
สีหน้าของเถ้าแก่เนี้ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อเฟิ่งเซียวเอ่ยถึงร้านยาของซินเยว่ นางทำท่ารังเกียจโดยการย่นจมูกเล็กน้อย น้ำเสียงที่ใช้กับเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป
“คุณชายหากท่านหวังว่าข้าจะใจดี หรือจะมาขอผ้าไปใช้แล้วล่ะก็ ต้องขออภัยที่ข้ามิอาจทำตามประสงค์ของท่านได้ อีกอย่างข้าทำการค้า ผ้าของร้านจินหงมีคุณภาพดีเกินกว่าที่จะ…”
“เอาล่ะ ๆ ข้าเข้าใจที่เถ้าแก่เนี้ยพูดแล้ว แต่ข้าก็ยังมิได้บอกสักคำว่าจะไม่ซื้อผ้าของท่านนี่ จริงหรือไม่"
“ขออภัยคุณชาย ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด ท่านเอ่ยเกริ่นมาว่าร้านอื่น ๆ ในลี่เหมินยินดีจะช่วยผู้ประสบภัย นั่นก็เหมือนเป็นการบีบบังคับเราให้ขายให้ท่านในราคาถูก หรือไม่ก็ให้เราบริจาคมิใช่หรือ”
“เข้าใจผิดแล้วเถ้าแก่เนี้ย”
จิ่นหาวกล่าวขึ้นมา หลี่ฮั่วเจินถึงได้หันมามองเขาแทน
“หมายความว่าอย่างไร”
จิ่นหาวดึงถึงเงินถุงใหญ่ออกมา หลี่ฮั่วเจินถึงกับตาโตเมื่อเห็นถุงเงินที่หนักอึ้งอยู่ตรงหน้า
“เดิมทีคุณชายข้าจะมาเหมาผ้าในร้านของท่าน เพราะคนของทางการแนะนำมาว่าท่านเป็นร้านที่ใหญ่และมีผ้าคุณภาพดี แต่ท่านกลับดูถูกคุณชายของข้าเช่นนี้”
“อะ…อะไรนะ”
เฟิ่งเซียวพับพัดของเขาเสียงดังจนเถ้าแก่เนี้ยตกใจสะดุ้งตัวโยน เขาลุกขึ้นพร้อมกับพูดเสียงเย็น ๆ กับอีกฝ่าย
“ในเมื่อเถ้าแก่เนี้ยไม่ยินดีที่จะขายผ้าให้กับทางการของเสิ่นโจวก็ไม่เป็นไร ข้าคิดว่าผ้าร้านไหนก็คงจะใช้ได้เหมือนกัน เช่นนั้นเงินนี้ก็เอาไปซื้อร้านที่เต็มใจขายให้พวกเราเถอะ”
อำเภอลี่เหมิน / เมืองเสิ่นโจว“หลีกทางหน่อย ๆ”“เร็วเข้านั่นรถม้าส่งสมุนไพรของร้านยา “เป่าจิ้นถาน” นางกำลังจะรีบไปส่งยาให้ผู้ประสบภัยนอกเมือง รีบหลีกทางเร็ว ๆ”ชาวบ้านในท้องตลาดเริ่มเก็บของที่วางเกะกะเพื่อเปิดเส้นทางให้รถม้าที่ขนส่งยาสมุนไพรจำนวนมาก โดยมีคุณหนูสกุลคหบดีใหญ่ “ถานซินเยว่” เป็นผู้นำทางกับองครักษ์อีกสองคน“สกุลถานนี่ร่ำรวยแล้วยังใจบุญอีก”“ถุย! ใจบุญบ้าบออันใด พวกเขาขายให้กับทางการมิใช่หรือ แม้แต่ข้าวสารกับอาหารพวกนี้ก็ขาย แล้วยังขายราคาเต็มด้วย”“หุบปากเจ้าไปเลย! แม้ว่าสกุลถานจะขายของพวกนี้ให้ทางการ แต่ของที่ร้านยา “เป่าจิ้นถาน” ของคุณหนูสามมิได้คิดเงินเลยแม้แต่เหวินเดียว นางมิได้หน้าเลือดเหมือนกับอนุของคหบดีถานผู้นั้นหรอกนะ”“ย่าส์!”“คุณหนู ข้างหน้านี่แหละขอรับ”“พวกเจ้าดูด้านหลัง ข้าจะเข้าไปหาหมอหลวงเวิน”""ขอรับ""“จื่อโม่” และ “จื่อลั่ว” ผู้ติดตามของถานซินเยว่รับคำสั่งและค่อย ๆ พารถม้าเดินเข้ามายังจวนของท่านหมอ ซึ่งตอนนี้ใช้เป็นสถานที่รักษาและปรุงยาเพื่อส่งไปให้ผู้ป่วยที่อยู่ด้านนอกจวน โดยมีคนของทางการเป็นผู้ดูแล“ท่านหมอเวิน”“คุณหนูถาน! คุณพระ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว
“กำไลหยกขาวงั้นหรือ”ไม่นานทหารองครักษ์ที่สวมเกราะสีเงิน ก็รีบวิ่งนำสิ่งที่ถานซินเยว่ตามหามาให้“ท่าน…เอ่อ นี่พ่ะ…ขอรับ”บุรุษหนุ่มหันมามองกำไลหยกขาวในมือที่แตกเป็นสองชิ้น ซินเยว่ยังไม่สามารถลุกขึ้นได้ หมอหลวงจางรีบวิ่งเข้ามาในทันทีเมื่อรู้ว่าซินเยว่ได้รับบาดเจ็บเพราะม้านางตกใจ“ซินเยว่! เจ้าเป็นอะไร…เอ่อ ถวาย…”“แม่นางข้าต้องขออภัยที่ทำให้เจ้าตกใจจนได้รับบาดเจ็บ ขาเจ้าคงแพลงและลุกไม่ได้ ขออภัยด้วย หมอจาง! รีบไปเตรียมตัวข้าจะรักษานาง”“ท่าน!”ไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยถามนามของเขา บุรุษหนุ่มผู้นั้นก็รวบตัวนางขึ้นมาอุ้มท่ามกลางความตื่นตกใจของคณะหมอหลวงและทหารที่ติดตามมานับสามสิบคน ทุกคนไม่กล้าเอ่ยอะไรทั้งสิ้นจนเขาพานางเข้ามาในห้องรักษา“โอ๊ย!”“เจ็บหรือ”เขาเอ่ยถามเมื่อพานางมาวางที่เตียง ไม่คิดว่าตัวของสตรีจะเบาเช่นนี้ เพราะดูจากอายุของนางน่าจะอ่อนกว่าเขาไม่เกินห้าปี แต่สีหน้าที่ยังนิ่งระคนตกใจและเศร้านี้ทำให้เขานึกสนใจ“คือว่ากำไลหยกนี่…”“ท่านหาเจอแล้วหรือ ข้า…. มัน… แตกแล้วหรือ”“ขอโทษด้วย ข้าเข้าใจว่ามันคล้องกับสายบังเหียนม้าก็เลยตัดสินใจทำให้มันหลุดออกมา ไม่คิดว่ามันจะสำคัญ”“ช่างเถอะ
“ท่านอ๋องเสด็จมาครานี้….”“อ้อไม่ต้องมากพิธี บอกให้ทุกคนว่าไม่ต้องทำสิ่งใดเป็นพิเศษ เพียงรีบมาช่วยพวกท่าน ตอนนี้ในวังยังไม่มีเหตุการณ์อะไรน่าเป็นห่วง อีกอย่างข้าพึ่งเดินทางกลับมาจากหลิงโจวก็เดินทางมากับหลันอ๋องเลย”“เอ่อ เช่นนั้นหลันอ๋องเล่าพ่ะย่ะค่ะ”“เขากลับไปหลันโจวแล้ว เห็นว่ายังมีเรื่องที่จะต้องจัดการอยู่ หมอเวินหากมีสิ่งใดที่ต้องการเร่งด่วนก็รีบแจ้งมาได้เลย ข้าจะให้คนจัดหาให้ ขอโทษด้วยที่มาช้าไปสักหน่อยแต่ดู ๆ แล้วพวกท่านมิได้ลำบากมาก”“พ่ะย่ะค่ะ ที่นี่มีคุณหนูถานที่คอยช่วยเตรียมของที่ขาดให้ แต่ว่านางก็แอบช่วยโดยมิอาจออกนามได้”“เป็นเพราะเหตุใดกัน ดูเหมือนว่าคุณหนูผู้นี้จะมีเรื่องราวที่แอบซ่อนอยู่มากจริง ๆ”“คือว่า…”หมอหลวงเวินหันไปมองพักตร์ท่านอ๋อง แต่ก็มิได้พูดอะไรมากนักเพราะเกรงว่าจะเป็นเรื่องไม่ควร ท่านอ๋องเองก็มิได้ซักถามต่อ เขาปล่อยหมอเวินกลับออกไปทำงานและหันไปมององครักษ์ข้างกาย ผู้ที่พึ่งไปรับเขามาจากเมืองหลิงโจว“จิ่นหาว”“พ่ะย่ะค่ะ”“ส่งคนตรวจสอบสกุลถานให้ข้าที แล้วก็… ทางที่ดีให้น้องเก้าสืบหาเรื่องของสกุลถานที่ติดอยู่นอกเมืองด้วย ข้าอยากจะรู้ว่าตระกูลคหบดีถานผู้นี้มีค
เมื่อพูดจบรอยยิ้มของซินเยว่ก็เริ่มค่อย ๆ หุบลงพร้อมกับก้มหน้าลง เมื่อครู่นี้นางพึ่งจะเผลอบอกว่า “ชอบ” ออกไป แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำนั้น“หมอเฉินหน้านิ่งงั้นหรือ เหลวไหล ฝนจะตกแล้วเจ้าเข้ามาดื่มชาก่อนเถอะ”“มะ ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ข้ายังต้องรีบกลับไปช่วยตาแก่ ไม่ใช่อาจารย์เก็บร้านอีก เอาไว้วันหลังค่อยมาดื่มชากับท่าน ข้ากลับก่อนละหมอเฉินหน้านิ่ง!”“เจ้า…เฮ้อ…ทำไมไม่เรียบร้อยเลยนะ”เฟิ่งเซียวหันไปมองตามดรุณีน้อยที่วิ่งไปขึ้นม้าของตัวเองและควบออกไป ขบวนรถม้าตามหลังนางไปอีกครั้ง“ถานซินเยว่… ช่างสดใสราวกับบุปผาในฤดูใบไม้ผลิ”เมื่อหันไปมองไม้สำหรับช่วยพยุงเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ บาดแผลเมื่อหลายวันก่อนดูเหมือนว่าจะยังมิได้หายไป แต่เหมือนว่านางจะบาดเจ็บเพิ่มขึ้น เพราะวันนี้เขาได้กลิ่นยาทาแผลสดและดูเหมือนว่านางจะพันแผลที่ขามาด้วย“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ จิ่นหาว”“ขอรับคุณชาย”“เรื่องที่ให้เจ้าไปสืบได้ความว่าอย่างไรบ้าง”“หากเป็นเรื่องของสกุลถาน ข้าน้อยส่งไปให้คุณชายที่ห้องเมื่อสองวันก่อนแล้วนะขอรับ”“งั้นหรือ เช่นนั้นบ่ายนี้หากมีเรื่องด่วนอะไรก็ให้คนไปแจ้งข้าที่ห้องก็แล้วกัน”“ข
“ท่านอ๋องเสด็จมาครานี้….”“อ้อไม่ต้องมากพิธี บอกให้ทุกคนว่าไม่ต้องทำสิ่งใดเป็นพิเศษ เพียงรีบมาช่วยพวกท่าน ตอนนี้ในวังยังไม่มีเหตุการณ์อะไรน่าเป็นห่วง อีกอย่างข้าพึ่งเดินทางกลับมาจากหลิงโจวก็เดินทางมากับหลันอ๋องเลย”“เอ่อ เช่นนั้นหลันอ๋องเล่าพ่ะย่ะค่ะ”“เขากลับไปหลันโจวแล้ว เห็นว่ายังมีเรื่องที่จะต้องจัดการอยู่ หมอเวินหากมีสิ่งใดที่ต้องการเร่งด่วนก็รีบแจ้งมาได้เลย ข้าจะให้คนจัดหาให้ ขอโทษด้วยที่มาช้าไปสักหน่อยแต่ดู ๆ แล้วพวกท่านมิได้ลำบากมาก”“พ่ะย่ะค่ะ ที่นี่มีคุณหนูถานที่คอยช่วยเตรียมของที่ขาดให้ แต่ว่านางก็แอบช่วยโดยมิอาจออกนามได้”“เป็นเพราะเหตุใดกัน ดูเหมือนว่าคุณหนูผู้นี้จะมีเรื่องราวที่แอบซ่อนอยู่มากจริง ๆ”“คือว่า…”หมอหลวงเวินหันไปมองพักตร์ท่านอ๋อง แต่ก็มิได้พูดอะไรมากนักเพราะเกรงว่าจะเป็นเรื่องไม่ควร ท่านอ๋องเองก็มิได้ซักถามต่อ เขาปล่อยหมอเวินกลับออกไปทำงานและหันไปมององครักษ์ข้างกาย ผู้ที่พึ่งไปรับเขามาจากเมืองหลิงโจว“จิ่นหาว”“พ่ะย่ะค่ะ”“ส่งคนตรวจสอบสกุลถานให้ข้าที แล้วก็… ทางที่ดีให้น้องเก้าสืบหาเรื่องของสกุลถานที่ติดอยู่นอกเมืองด้วย ข้าอยากจะรู้ว่าตระกูลคหบดีถานผู้นี้มีค
“กำไลหยกขาวงั้นหรือ”ไม่นานทหารองครักษ์ที่สวมเกราะสีเงิน ก็รีบวิ่งนำสิ่งที่ถานซินเยว่ตามหามาให้“ท่าน…เอ่อ นี่พ่ะ…ขอรับ”บุรุษหนุ่มหันมามองกำไลหยกขาวในมือที่แตกเป็นสองชิ้น ซินเยว่ยังไม่สามารถลุกขึ้นได้ หมอหลวงจางรีบวิ่งเข้ามาในทันทีเมื่อรู้ว่าซินเยว่ได้รับบาดเจ็บเพราะม้านางตกใจ“ซินเยว่! เจ้าเป็นอะไร…เอ่อ ถวาย…”“แม่นางข้าต้องขออภัยที่ทำให้เจ้าตกใจจนได้รับบาดเจ็บ ขาเจ้าคงแพลงและลุกไม่ได้ ขออภัยด้วย หมอจาง! รีบไปเตรียมตัวข้าจะรักษานาง”“ท่าน!”ไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยถามนามของเขา บุรุษหนุ่มผู้นั้นก็รวบตัวนางขึ้นมาอุ้มท่ามกลางความตื่นตกใจของคณะหมอหลวงและทหารที่ติดตามมานับสามสิบคน ทุกคนไม่กล้าเอ่ยอะไรทั้งสิ้นจนเขาพานางเข้ามาในห้องรักษา“โอ๊ย!”“เจ็บหรือ”เขาเอ่ยถามเมื่อพานางมาวางที่เตียง ไม่คิดว่าตัวของสตรีจะเบาเช่นนี้ เพราะดูจากอายุของนางน่าจะอ่อนกว่าเขาไม่เกินห้าปี แต่สีหน้าที่ยังนิ่งระคนตกใจและเศร้านี้ทำให้เขานึกสนใจ“คือว่ากำไลหยกนี่…”“ท่านหาเจอแล้วหรือ ข้า…. มัน… แตกแล้วหรือ”“ขอโทษด้วย ข้าเข้าใจว่ามันคล้องกับสายบังเหียนม้าก็เลยตัดสินใจทำให้มันหลุดออกมา ไม่คิดว่ามันจะสำคัญ”“ช่างเถอะ
อำเภอลี่เหมิน / เมืองเสิ่นโจว“หลีกทางหน่อย ๆ”“เร็วเข้านั่นรถม้าส่งสมุนไพรของร้านยา “เป่าจิ้นถาน” นางกำลังจะรีบไปส่งยาให้ผู้ประสบภัยนอกเมือง รีบหลีกทางเร็ว ๆ”ชาวบ้านในท้องตลาดเริ่มเก็บของที่วางเกะกะเพื่อเปิดเส้นทางให้รถม้าที่ขนส่งยาสมุนไพรจำนวนมาก โดยมีคุณหนูสกุลคหบดีใหญ่ “ถานซินเยว่” เป็นผู้นำทางกับองครักษ์อีกสองคน“สกุลถานนี่ร่ำรวยแล้วยังใจบุญอีก”“ถุย! ใจบุญบ้าบออันใด พวกเขาขายให้กับทางการมิใช่หรือ แม้แต่ข้าวสารกับอาหารพวกนี้ก็ขาย แล้วยังขายราคาเต็มด้วย”“หุบปากเจ้าไปเลย! แม้ว่าสกุลถานจะขายของพวกนี้ให้ทางการ แต่ของที่ร้านยา “เป่าจิ้นถาน” ของคุณหนูสามมิได้คิดเงินเลยแม้แต่เหวินเดียว นางมิได้หน้าเลือดเหมือนกับอนุของคหบดีถานผู้นั้นหรอกนะ”“ย่าส์!”“คุณหนู ข้างหน้านี่แหละขอรับ”“พวกเจ้าดูด้านหลัง ข้าจะเข้าไปหาหมอหลวงเวิน”""ขอรับ""“จื่อโม่” และ “จื่อลั่ว” ผู้ติดตามของถานซินเยว่รับคำสั่งและค่อย ๆ พารถม้าเดินเข้ามายังจวนของท่านหมอ ซึ่งตอนนี้ใช้เป็นสถานที่รักษาและปรุงยาเพื่อส่งไปให้ผู้ป่วยที่อยู่ด้านนอกจวน โดยมีคนของทางการเป็นผู้ดูแล“ท่านหมอเวิน”“คุณหนูถาน! คุณพระ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว