เมื่อพูดจบรอยยิ้มของซินเยว่ก็เริ่มค่อย ๆ หุบลงพร้อมกับก้มหน้าลง เมื่อครู่นี้นางพึ่งจะเผลอบอกว่า “ชอบ” ออกไป แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำนั้น
“หมอเฉินหน้านิ่งงั้นหรือ เหลวไหล ฝนจะตกแล้วเจ้าเข้ามาดื่มชาก่อนเถอะ”
“มะ ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ข้ายังต้องรีบกลับไปช่วยตาแก่ ไม่ใช่อาจารย์เก็บร้านอีก เอาไว้วันหลังค่อยมาดื่มชากับท่าน ข้ากลับก่อนละหมอเฉินหน้านิ่ง!”
“เจ้า…เฮ้อ…ทำไมไม่เรียบร้อยเลยนะ”
เฟิ่งเซียวหันไปมองตามดรุณีน้อยที่วิ่งไปขึ้นม้าของตัวเองและควบออกไป ขบวนรถม้าตามหลังนางไปอีกครั้ง
“ถานซินเยว่… ช่างสดใสราวกับบุปผาในฤดูใบไม้ผลิ”
เมื่อหันไปมองไม้สำหรับช่วยพยุงเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ บาดแผลเมื่อหลายวันก่อนดูเหมือนว่าจะยังมิได้หายไป แต่เหมือนว่านางจะบาดเจ็บเพิ่มขึ้น เพราะวันนี้เขาได้กลิ่นยาทาแผลสดและดูเหมือนว่านางจะพันแผลที่ขามาด้วย
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ จิ่นหาว”
“ขอรับคุณชาย”
“เรื่องที่ให้เจ้าไปสืบได้ความว่าอย่างไรบ้าง”
“หากเป็นเรื่องของสกุลถาน ข้าน้อยส่งไปให้คุณชายที่ห้องเมื่อสองวันก่อนแล้วนะขอรับ”
“งั้นหรือ เช่นนั้นบ่ายนี้หากมีเรื่องด่วนอะไรก็ให้คนไปแจ้งข้าที่ห้องก็แล้วกัน”
“ขอรับ”
เฟิ่งเซียวเดินกลับเข้าไปในห้องของเขา ซึ่งอยู่ห่างจากจวนด้านหน้าโดยมีสวนกั้น เมื่อเข้าไปและหยิบรายงานขึ้นมาอ่านดูก็รู้ว่าเรื่องราวของถานซินเยว่นั้นไม่เหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้
“นางเป็นบุตรคนรองซึ่งเกิดจากภรรยาเอก มีพี่ชายหนึ่งคนแต่มีพี่สาวอีกหนึ่งคนซึ่งเป็นลูกของอนุที่คหบดี แต่งเข้ามาหลังจากภรรยาคนแรกคลอดลูกคนโต ภรรยาเอกตาตอนคุณหนูถานอายุเพียงสิบปี”
“เพราะมีพี่สาวต่างมารดานางจึงกลายเป็นบุตรคนที่สาม แล้วพี่ชายของนางเล่าไปที่ใดแล้ว”
“ตายแล้วเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ เพราะเหตุเรือสินค้าล่มหลังจากที่มารดาของนางสิ้นใจไปสามปี”
“สามปีสูญเสียคนในครอบครัวสองครั้ง ก็นับว่าหนักหนา เช่นนั้นความสัมพันธ์ของนางกับอนุของบิดาเล่า”
“เห็นว่าไม่ค่อยดีนักพ่ะย่ะค่ะ บิดานางพอจะรู้นิสัยของอนุหลี่ แต่เป็นเพราะนางคือบุตรพ่อค้าเหมือนกันจึงไม่สามารถทำอะไรได้ อีกอย่างการค้าบางอย่างยังต้องให้นางเป็นผู้ออกหน้า ส่วนคหบดีถานต้องไปคุมเรือสินค้าแทนบุตรชายที่ตายไป ดังนั้นจึงฝากให้คุณหนูรองศึกษาวิชายาสมุนไพรกับอาจารย์หวังที่ร้านขายยาของตระกูลถานพ่ะย่ะค่ะ”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้ ช่างเถอะเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับข้า ดูแลอย่าให้ยาขาดก็พอ ในเมื่อนางคือเจ้าของร้านสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในลี่เหมิน เช่นนั้นเราคงต้องให้นางช่วยเรื่องนี้อีกมาก จนกว่าเหตุการณ์ที่นี่จะดีขึ้น”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“จริงสิจิ่นหาว คหบดีถานมีบุตรสาวสองคน แล้วอีกคนหนึ่งเล่า”
“อีกคนเห็นว่าช่วยมารดาดูแลร้านผ้าที่ตรอกเย่าหยี ในตัวอำเภอชื่อว่าร้านจินหงพ่ะย่ะค่ะ”
“ตรอกเย่าหยี แล้วร้านยาของถานซินเยว่เล่า”
“ร้านยาของคุณหนูรองอยู่อีกสองตรอกถัดไป”
“ไม่ได้อยู่ใกล้กันหรอกหรือ”
“ไม่พ่ะย่ะค่ะทั้งสองกิจการดูเหมือนว่าจะแยกกันดูแล ร้านยาของคุณหนูรองอยู่ที่ตรอกอิ๋งเตียนพ่ะย่ะค่ะ”
“มีอะไรงั้นหรือ”
“เห็นว่าเป็นตรอกที่ไม่ค่อยมีคนสัญจรไปมา อีกอย่างร้านนั้นก็แทบไม่มีคนพูดถึงเพราะเป็นร้านเก่าแก่ แต่มีหมอคนหนึ่งเก่งมากชื่อหวังเย่เหอ น่าจะเป็นอาจารย์ของคุณหนูสามพ่ะย่ะค่ะ”
“เหตุใดหมอที่เก่งถึงได้ไปหลบอยู่ในตรอกที่ไร้ผู้คนขนาดนั้น”
“นั่นเพราะหมอผู้นี้เลือกจะรักษาคนที่เดือดร้อนพ่ะย่ะค่ะ”
“หึ ข้าไม่แปลกใจเลยสักนิด ที่ลี่เหมินมีร้านยาอยู่สี่แห่ง ร้านใหญ่สองแห่ง อีกร้านเป็นของคนต่างเมืองซึ่งไม่เคยให้การช่วยเหลือทางการเลย อีกสองร้านใหญ่แม้จะส่งยามาช่วยแต่ก็น้อยกว่าเป่าจิ้นถานของนางมาก ดูแล้วเมืองลี่เหมินแห่งนี้คงจะหาคนที่มีน้ำใจจริง ๆ ยากเสียแล้วกระมัง”
“ท่านอ๋องคิดว่า…”
“เอาเถอะ ช่วงสองวันมานี้คนป่วยลดลงแล้ว พรุ่งนี้ข้าคิดว่าจะไปเดินเที่ยวในตัวอำเภอลี่เหมินสักหน่อย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“จิ่นหาว แม้นว่าจะอยู่กันสองคนเจ้าก็รีบพูดคำสามัญให้ชินเถอะ อย่าได้หลุดเป็นอันขาด”
“พ่ะ… ขอรับคุณชาย”
วันถัดมา
เฟิ่งเซียวใช้ม้าในการเดินทางเข้ามาในตัวอำเภอลี่เหมิน เขาพบว่าที่นี่คึกคักต่างกับนอกอำเภอที่เขาอยู่มาก ดูเหมือนว่าในเมืองจะมิได้รู้สึกว่าด้านนอกเมืองนั้นยังมีผู้ที่ประสบภัยอยู่มากมาย เป้าหมายของเฟิ่งเซียวในวันนี้ร้านแรกที่เขามาอยู่ที่ตรอกเย่าหยี
“ร้านผ้าจินหง ช่างหรูหราสมกับเป็นร้านของพ่อค้าที่ร่ำรวย เข้าไปกันเถอะ”
เมื่อเขาเดินเข้าไปในร้านก็พบกับพับผ้าจำนวนมาก ซึ่งเป็นผ้าที่ดูหรูหราราคาสูง อีกด้านเมื่อคนในร้านเห็นพวกเขาก็เดินมาต้อนรับทันที
“คุณชายท่านนี้ วันนี้มาดูผ้าแบบใดดีขอรับ ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหมงานปักชั้นยอดจากเจียงหนาน หรือผ้าแพรอย่างดีจากเล่าหยางล้วนมีให้เลือก เชิญด้านในเลยขอรับ”
“ที่นี่คือร้านผ้าสกุลถานใช่หรือไม่”
เพียงแค่เอ่ยถาม เถ้าแก่เนี้ยซึ่งเป็นสตรีสูงวัยที่กำลังคุยกับลูกค้าอยู่ก็รีบหันมาทันที เมื่อเห็นว่าเป็นเฉินเฟิ่งเซียวจึงได้รีบปลีกตัวมาต้อนรับด้วยตนเอง
“คุณชายทั้งสอง ข้าน้อยเป็นเถ้าแก่เนี้ยที่นี่ ไม่ทราบว่าวันนี้มีอะไรให้รับใช้หรือเจ้าคะ”
“เจ้าคือเถ้าแก่เนี้ยงั้นหรือ เช่นนั้นก็ดีเลย ข้ามีเรื่องจะขอความช่วยเหลือนิดหน่อย มีที่ให้นั่งคุยหรือไม่”
“มีเจ้าค่ะเชิญทางนี้ ปาเล่อยกน้ำชา เชิญเจ้าค่ะคุณชาย ไม่ว่าท่านอยากจะได้ผ้าประเภทใด ทางร้านของเราก็มีให้เลือกทุกอย่างเชิญนั่ง”
เฟิ่งเซียวเดินเข้ามาด้านในและนั่งตามคำเชิญของ “หลี่ฮั่วเจิน” ซึ่งเป็นเถ้าแก่เนี้ยที่นี่
“ไม่ทราบว่าคุณชายสนใจอยากจะซื้อผ้าไปตัดชุดใหม่ หรือซื้อไปให้มารดาเจ้าคะ”
“เหตุใดจึงถามข้าเช่นนั้น ข้าดูไม่เหมือนคนที่แต่งงานแล้วงั้นหรือ”
“แหมคุณชายช่างพูดเล่นแล้ว ข้าน้อยมิกล้าเสียมารยาท เพียงใคร่อยากจะถามว่าท่านเป็นขุนนางใหม่ของลี่เหมินที่พึ่งย้ายมา หรือว่าเป็นคุณชายจากตระกูลใดหรือเจ้าคะ ข้าไม่คุ้นเคยเหมือนว่าท่านดูจะมิใช่คนที่นี่”
“เสียมารยาท”
“จิ่นหาว ไม่เป็นไรเถ้าแก่เนี้ยก็แค่ถามตามประสาคนค้าขาย ย่อมไม่น่าแปลกขอโทษแทนเขาด้วย ข้าเป็นหมอที่ถูกส่งมาจากเมืองเสิ่นโจว มาที่นี่ก็เพราะอยากจะมาซื้อผ้าที่สามารถใช้พันแผลได้”
“ที่แท้ก็เป็นท่านหมอนี่เอง มิน่าเล่าเช่นนั้นข้าจะให้เด็ก ๆ เอาผ้ามาให้ท่านเลือก ข้าจะคิดราคาพิเศษให้นะเจ้าคะ”
“เช่นนั้นก็ดี ข้าได้ข่าวว่าหลายร้านในลี่เหมินล้วนให้ความช่วยเหลือทางการเป็นอย่างดี เห็นว่าร้านยาที่ชื่อว่า…เป่าจิ้นถาน มอบยาให้ผู้ประสบภัยมากเลยทีเดียว”
สีหน้าของเถ้าแก่เนี้ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อเฟิ่งเซียวเอ่ยถึงร้านยาของซินเยว่ นางทำท่ารังเกียจโดยการย่นจมูกเล็กน้อย น้ำเสียงที่ใช้กับเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป
“คุณชายหากท่านหวังว่าข้าจะใจดี หรือจะมาขอผ้าไปใช้แล้วล่ะก็ ต้องขออภัยที่ข้ามิอาจทำตามประสงค์ของท่านได้ อีกอย่างข้าทำการค้า ผ้าของร้านจินหงมีคุณภาพดีเกินกว่าที่จะ…”
“เอาล่ะ ๆ ข้าเข้าใจที่เถ้าแก่เนี้ยพูดแล้ว แต่ข้าก็ยังมิได้บอกสักคำว่าจะไม่ซื้อผ้าของท่านนี่ จริงหรือไม่"
“ขออภัยคุณชาย ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด ท่านเอ่ยเกริ่นมาว่าร้านอื่น ๆ ในลี่เหมินยินดีจะช่วยผู้ประสบภัย นั่นก็เหมือนเป็นการบีบบังคับเราให้ขายให้ท่านในราคาถูก หรือไม่ก็ให้เราบริจาคมิใช่หรือ”
“เข้าใจผิดแล้วเถ้าแก่เนี้ย”
จิ่นหาวกล่าวขึ้นมา หลี่ฮั่วเจินถึงได้หันมามองเขาแทน
“หมายความว่าอย่างไร”
จิ่นหาวดึงถึงเงินถุงใหญ่ออกมา หลี่ฮั่วเจินถึงกับตาโตเมื่อเห็นถุงเงินที่หนักอึ้งอยู่ตรงหน้า
“เดิมทีคุณชายข้าจะมาเหมาผ้าในร้านของท่าน เพราะคนของทางการแนะนำมาว่าท่านเป็นร้านที่ใหญ่และมีผ้าคุณภาพดี แต่ท่านกลับดูถูกคุณชายของข้าเช่นนี้”
“อะ…อะไรนะ”
เฟิ่งเซียวพับพัดของเขาเสียงดังจนเถ้าแก่เนี้ยตกใจสะดุ้งตัวโยน เขาลุกขึ้นพร้อมกับพูดเสียงเย็น ๆ กับอีกฝ่าย
“ในเมื่อเถ้าแก่เนี้ยไม่ยินดีที่จะขายผ้าให้กับทางการของเสิ่นโจวก็ไม่เป็นไร ข้าคิดว่าผ้าร้านไหนก็คงจะใช้ได้เหมือนกัน เช่นนั้นเงินนี้ก็เอาไปซื้อร้านที่เต็มใจขายให้พวกเราเถอะ”
หลี่ฮั่วเจินใจหายเมื่อถุงเงินขนาดใหญ่ถูกยกไปต่อหน้า โดยไม่สามารถพูดอะไรได้ “เอ่อ คุณชายเจ้าคะรอสักครู่ก่อนข้ามิได้หมายความว่าเช่นนั้น เพียงแต่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย ร้านจินหงของเรายินดีมาก ๆ ที่จะค้าขายกับทางการ”“อ้อ งั้นหรือแต่ตอนนี้ข้ามิได้ยินดีแล้วน่ะสิ ช่างเถอะเอาไว้ข้าอารมณ์ดีเมื่อใดจะแวะมาก็แล้วกันนะ จิ่นหาวเราไปกันเถอะ”“เอ่อ… ปัดโธ่เอ๊ย! ทำไมถึงได้ปากไวเช่นนี้นะ ไม่ควรคิดไปถึงนังเด็กนั่นเลยบ้าจริง! เงินอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ กลับคว้ามาไม่ได้ รู้ถึงไหนอายไปถึงที่นั่น”เฉินเฟิ่งเซียวเพียงแค่หยักยิ้มที่มุมปากและหันไปที่องครักษ์ส่วนตัว จิ่นหาวรู้ทันทีว่าผู้เป็นนายต้องการอะไร‘ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวสกุลถาน จะไม่ค่อยดีอย่างที่คาดจริง ๆ’“คุณชาย”“จัดการตามที่สั่ง กระจายข่าวให้ทั่ว”“แล้วยังจะซื้อผ้าอีกหรือไม่ขอรับ”“วันนี้ยังไม่ซื้อ ข้าจะแวะไปดูสมุนไพรที่ร้านเป่าจิ้นถานสักหน่อย”“เช่นนั้นเชิญทางนี้ขอรับ”จิ่นหาวและเฟิ่งเซียวเดินทางมาถึงตรอกอิ๋งเตียน ซึ่งอยู่ถัดจากตรอกที่คึกคักด้วยผู้คนไปประมาณสองตรอก แม้ว่าจะไม่ค่อยมีผู้คนสัญจร แต่ก็เงียบสงบและดูน่าอยู่ไม่น้อย“ร้านเป่าจิ้นถานอย
“อะไรนะ! ไม่ใช่นะ ข้ากับเขา… ไม่ใช่แบบนั้น”“ไปกันเถอะ”เฟิ่งเซียวไม่เคยถูกผู้อื่นทักทายเช่นนี้มาก่อน เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกเช่นไร แต่เมื่อหันไปมองที่ถานซินเยว่ก็เห็นว่าใบหูนางแดงจัด“เดี๋ยวก่อนนะคุณหนูสาม”“ท่านเลิกเรียกข้าเช่นนี้เถอะ เรียกข้าว่าซินเยว่ก็ได้ เรามิใช่ว่ารู้จักกันแล้วหรอกหรือ”“เอ่อ…ก็ได้ เช่นนั้นซินเยว่ เจ้ารู้สึกไม่สบายท้องหรือไม่”ซินเยว่ชะงัก และหันมามองหน้าของเฟิ่งเซียวในทันทีเมื่อเขาพูดจบ“ท่านว่าอะไรนะ ข้าหรือ”“ใช่ ข้าเห็นใบหน้าเจ้าแดง และที่กกหูยังแดงจัดเหมือนกับท้องเจ้าจะระบายลมไม่ค่อยดี หากว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายท้องข้าคิดว่าเจ้าอาจจะกินอาหารมากเกินไป ดังนั้น…”“เฉินเฟิ่งเซียว! คนบ้าอะไรเนี่ย!”“เจ้า… ไม่ได้ป่วยหรอกหรือ เดี๋ยวสิซินเยว่รอข้าด้วย”ซินเยว่รู้สึกทั้งโกรธทั้งอายเมื่อถูกเฟิ่งเซียวทักเช่นนี้ นางไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าหน้าแดงอยู่และยังร้อนจนถึงใบหูเพราะเขา แต่หมอเฉินเฟิ่งเซียวผู้นั้นกลับคิดว่านางป่วยเพราะท้องไม่ระบาย“คนบ้าอะไรเนี่ย เกิดมามีหน้าเดียวหรืออย่างไรกัน นี่เขามีความรู้สึกหรือเปล่านะ”ซินเยว่เดินมาถึงร้านน้ำตาลปั้นแล้ว นางพยายามไม่หันไปมอ
เฟิ่งเซียวมองไปที่รถม้าคันใหญ่ ที่ขนส่งยาเกือบเต็มคันและรีบคว้าใบรายการยานั้นไปหาซินเยว่ ที่ยืนสั่งให้เพิ่มยาอีกบางอย่างไปกับรถส่งของครั้งนี้ด้วย“ซินเยว่ ข้าขอคุยด้วยหน่อยสิ”“ท่านหมอเฉิน มีอะไรอยากจะสั่งเพิ่มหรือ บอกมาได้เลยนะที่ในรถม้ายังพอเหลือใส่ได้อีกนิดหน่อย”“ไม่ใช่ มานี่เถอะ”เขาดึงมือนางเดินมายังลานตากยาสมุนไพรด้านหลัง ซึ่งมีสตรีหลายคนที่อยู่ช่วยกันเก็บยา เมื่อเห็นพวกเขาเดินมาแต่ละคนก็พากันมอง เพราะไม่เคยเห็นซินเยว่พาบุรุษเข้ามาในร้านมาก่อน“ซินเยว่นี่หมายความว่าอย่างไร เหตุใดยามากมายขนาดนี้เจ้าจึงไม่คิดเงินกับทางการ”“ท่านหมายถึงยาสมุนไพรพวกนี้น่ะหรือ ไม่เป็นไรหรอกถือว่าข้าช่วยก็แล้วกัน”“ไม่ได้ ยาพวกนี้มีมูลค่าสูงเกินไป หากข้าจะเอาไปเปล่า ๆ เช่นนี้มันเอาเปรียบร้านเจ้ามากเกินไป เจ้าคิดเงินมาเถอะอย่าทำเช่นนี้เลย”ซินเยว่เม้มปากเล็กน้อย และหันมาสบตาเขาพร้อมกับยิ้ม เฟิ่งเซียวไม่เข้าใจนางเลยว่าเหตุใดซินเยว่ไม่พูดอะไรเลยสักคำ“ข้าบอกว่าไม่คิดเงินก็ไม่คิดสิ เหตุใดท่านต้องปิดทางการช่วยเหลือของข้าด้วยเล่า ท่านไม่รับน้ำใจข้าหรือ”“ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าเข้าใจข้าผิด แต่ยามากมายขนาดนี้มันอ
“ศิษย์น้องของท่านหมอเฉินงั้นหรือ”“ใช่ ทั้งสองเป็นศิษย์ของท่านหมอเทวดา “โล่ซินหยาง” แห่งเมืองเหยียน พวกเขาสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน ว่ากันว่าทั้งคู่เป็นหมอเทวะคู่บารมี แม้แต่เซียนยังต้องหลบ"“ข้าส่งยาเสร็จแล้ว เช่นนั้นขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ”“อ้าว เจ้าจะกลับแล้วหรือ ว่าแต่เจ้าหายดีแล้วแน่หรือไหนดูสิ เอ๊ะ เหตุใดหน้าผากยังร้อน ๆ อยู่เลยเล่า”จางหลงจื่อใช้หลังมืออังหน้าผากของซินเยว่ตอนที่นางเผลอ เฟิ่งเซียวที่หันมามองทั้งคู่พอดีก็รู้สึกตงิดใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเมื่อครู่นี้เขายังเห็นซินเยว่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ไม่คิดว่านางจะเดินไปหาจางหลงจื่อเร็วปานนั้น‘เหตุใดปล่อยให้เขาแตะเนื้อต้องตัวขนาดนั้น นางสนิทกับจางจื่อหลงถึงขนาดนั้นเลยหรือ’“ศิษย์พี่เฟิ่งเซียว”“ซูหรันครั้งนี้ขอบใจเจ้ามาก ที่ตอบรับคำเชิญของข้าในการช่วยผู้ประสบภัย ข้าให้คนเตรียมที่พักให้เจ้าแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็รีบเอาของไปเก็บและพักผ่อนก่อนเถอะ”“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”“คุณหนูอวิ่นเชิญทางนี้เลยขอรับ” หมอเวินเป็นผู้นำทางอวิ่นซูหรันไปด้วยตัวเอง แม้ว่าอวิ่นซูหรันหวังอยากจะให้เฟิ่งเซียวเป็นผู้พานางไปด้วยตัวเอง แต่ก็ทำได้แค่หันไปยิ้มและเดินตาม
เฟิ่งเซียวหยุดกึกเมื่อซูหรันพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเองก็ตอบไม่ถูกแต่รู้สึกว่าเพียงแค่ถูกถามเรื่องของถานซินเยว่ก็เริ่มจะไม่อยากพูดขึ้นมา อีกอย่างหลายวันมานี้ซินเยว่ก็เอาแต่ตามติดเขาอยู่ทุกวัน"จะเป็นไปได้เช่นไรศิษย์น้องล้อเล่นแล้ว ซินเยว่แม้จะเป็นคนที่เป็นตัวของตัวเองและเข้าได้กับทุกคน แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะเป็นเช่นนี้เฉพาะกับข้าเสียหน่อย มาเถอะข้าจะพาเจ้าไปดูกระโจมผู้ประสบภัยและห้องเก็บยา"“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”ซูหรันมิได้คาดคั้นถามเขา นับว่าเป็นเรื่องดีเพราะหากนางยังถามอีก เขาก็คงจะรู้สึกอึดอัด เพราะตัวเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดหัวใจจึงเต้นแรงจนเกินควบคุม เวลาที่เอ่ยถึงเรื่องของซินเยว่สามวันถัดมาช่วงนี้ฝนยังคงตกหนักในพื้นที่อำเภอลี่เหมิน ผู้ประสบภัยที่ป่วยก็ไม่มีวี่แววที่จะลดลง เฟิ่งเซียวสั่งให้ทหารเริ่มจัดที่พักแยกผู้ป่วยและผู้ที่เสี่ยงจะป่วยแยกกันเป็นการชั่วคราวเพื่อมิให้โรคแพร่กระจาย ซึ่งนับว่าได้ผลและต้องยอมรับว่าการมาของอวิ่นซูหรันช่วยเขาได้มากจริง ๆ“เอายานี้ไปที่กระโจมผู้ป่วยหนัก อีกสองเตานั้นใกล้เสร็จหรือยัง”“จวนแล้วเจ้าค่ะ”“ซูหรัน ยาของเจ้าต้มเสร็จหรือยัง”“พี่เฟิ
“อะไรนะ โอ๊ย!”“รีบหลบไป!”เฟิ่งเซียวที่พึ่งพันแผลให้อวิ่นซูหรันเสร็จ รีบวิ่งมาดับไฟตรงหน้าทันที หม้อยาของพวกเขาต้องสาดทิ้งเพราะมันติดไฟ เฟิ่งเซียวเกรงว่าซินเยว่จะได้รับบาดเจ็บไปอีกคนหม้อต้มยาตกไปที่พื้นจนแตกกระจาย โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ซินเยว่หันไปถามเขาที่ยืนอยู่หน้าเตา แต่เขาหันกลับมาด้วยสีหน้าที่โมโหสุดขีด“นี่กำลังทำอะไรของเจ้า! ไม่เห็นหรือว่ามันอันตราย" “ท่านหมอเฉินข้าขอโทษ ข้าผิดเองที่ไม่ทันระวัง ขออภัยข้าจะรีบต้มให้ใหม่""ต้มใหม่งั้นหรือ! เจ้าคิดว่ายานี่ต้องใช้เวลาเคี่ยวนานเท่าใด ซูหรันเฝ้ายานี้มากว่าสามวันแล้ว แต่เจ้ามาเพียงไม่นานก็ประมาทจนทำให้เป็นเช่นนี้ ยานี่ซูหรันอุตส่าห์นำมาด้วยมันมีค่ามากเลยนะ อีกอย่าง…”“ข้าขอโทษท่านแล้วมิใช่หรือ”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนป่วยอีกมากขนาดไหนที่รอการช่วยเหลืออยู่ รู้หรือไม่ว่าพวกเราทำงานหนักมากขนาดไหน กว่าจะได้ยาแต่ละถ้วย!”“ศิษย์พี่! ท่านพอได้แล้ว”เฟิ่งเซียวโมโหจนขาดสติ เขาเป็นห่วงกลัวว่าซินเยว่จะบาดเจ็บไปอีกคน แต่กลับพูดเรื่องยาออกมาโดยมิได้ตั้งใจ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้คนตัวเล็กตรงหน้าเขาจะเริ่มสั่น อวิ่นซูหรันเดินมาพยุงนางออกไป“
เมื่อเฟิ่งเซียวกลับมาพูดจาสุขุมอีกรอบ ทั้งสองคนก็เริ่มหันกลับมาคุยกับเขาอีกครั้ง“ท่านหมายถึงเรื่องที่เขียนส่งมาในจดหมาย สงสัยเรื่องการทุจริตในสกุลถาน กับอนุของบิดานางงั้นหรือ”“ใช่ ครั้งแรกที่ข้าพบกับนางก็คือที่นี่ ตอนนั้นนางนำยาสมุนไพรมาส่ง พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่า ยาแต่ละตัวที่นางนำมาล้วนมีราคาสูง แต่ว่าหมอเวินซึ่งเป็นหมอหลวงที่ข้าส่งมาบรรเทาภัยที่นี่กลับบอกว่า ร้านเป่าจิ้นถานของนางไม่เคยรับเงินเลยแม่แต่ตำลึงเดียว”“ครอบครัวนางเป็นคหบดีใหญ่ ก็คงอยากจะช่วยบรรเทาภัยกระมัง ท่านคิดมากเกินไปหรือเปล่า”“ไม่ใช่ หากเป็นไปตามที่เจ้าพูดคงไม่ต้องลำบากให้หอหรงเยว่ของน้องเก้าช่วยสืบข่าว การค้าของสกุลถานหากไม่นับรวมร้านค้าที่รับจากเรือสำเภาของบิดานางเข้ามา ในตัวอำเภอมีร้านผ้าจินหง กับร้านยาของนาง ร้านผ้าดูแลโดยอนุของบิดาถานซินเยว่ ส่วนนางดูแลร้านยาซึ่งทั้งเก่าและโทรมอีกทั้งอยู่ในตรอกที่ค่อนข้างร้างผู้คน”“เช่นนั้นก็น่าแปลก แสดงว่าพวกนางไม่ลงรอยกันงั้นหรือ แต่เหตุใดนางจึงช่วยเหลือเรา เช่นนี้แล้วร้านผ้าของอนุภรรยาคหบดีถานเล่า”“นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว วันนั้นข้าลองไปที่ร้านจินหง เพียงแค่เกริ่นถึงร้านของซิ
อำเภอลี่เหมิน / เมืองเสิ่นโจว“หลีกทางหน่อย ๆ”“เร็วเข้านั่นรถม้าส่งสมุนไพรของร้านยา “เป่าจิ้นถาน” นางกำลังจะรีบไปส่งยาให้ผู้ประสบภัยนอกเมือง รีบหลีกทางเร็ว ๆ”ชาวบ้านในท้องตลาดเริ่มเก็บของที่วางเกะกะเพื่อเปิดเส้นทางให้รถม้าที่ขนส่งยาสมุนไพรจำนวนมาก โดยมีคุณหนูสกุลคหบดีใหญ่ “ถานซินเยว่” เป็นผู้นำทางกับองครักษ์อีกสองคน“สกุลถานนี่ร่ำรวยแล้วยังใจบุญอีก”“ถุย! ใจบุญบ้าบออันใด พวกเขาขายให้กับทางการมิใช่หรือ แม้แต่ข้าวสารกับอาหารพวกนี้ก็ขาย แล้วยังขายราคาเต็มด้วย”“หุบปากเจ้าไปเลย! แม้ว่าสกุลถานจะขายของพวกนี้ให้ทางการ แต่ของที่ร้านยา “เป่าจิ้นถาน” ของคุณหนูสามมิได้คิดเงินเลยแม้แต่เหวินเดียว นางมิได้หน้าเลือดเหมือนกับอนุของคหบดีถานผู้นั้นหรอกนะ”“ย่าส์!”“คุณหนู ข้างหน้านี่แหละขอรับ”“พวกเจ้าดูด้านหลัง ข้าจะเข้าไปหาหมอหลวงเวิน”""ขอรับ""“จื่อโม่” และ “จื่อลั่ว” ผู้ติดตามของถานซินเยว่รับคำสั่งและค่อย ๆ พารถม้าเดินเข้ามายังจวนของท่านหมอ ซึ่งตอนนี้ใช้เป็นสถานที่รักษาและปรุงยาเพื่อส่งไปให้ผู้ป่วยที่อยู่ด้านนอกจวน โดยมีคนของทางการเป็นผู้ดูแล“ท่านหมอเวิน”“คุณหนูถาน! คุณพระ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว
เมื่อเฟิ่งเซียวกลับมาพูดจาสุขุมอีกรอบ ทั้งสองคนก็เริ่มหันกลับมาคุยกับเขาอีกครั้ง“ท่านหมายถึงเรื่องที่เขียนส่งมาในจดหมาย สงสัยเรื่องการทุจริตในสกุลถาน กับอนุของบิดานางงั้นหรือ”“ใช่ ครั้งแรกที่ข้าพบกับนางก็คือที่นี่ ตอนนั้นนางนำยาสมุนไพรมาส่ง พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่า ยาแต่ละตัวที่นางนำมาล้วนมีราคาสูง แต่ว่าหมอเวินซึ่งเป็นหมอหลวงที่ข้าส่งมาบรรเทาภัยที่นี่กลับบอกว่า ร้านเป่าจิ้นถานของนางไม่เคยรับเงินเลยแม่แต่ตำลึงเดียว”“ครอบครัวนางเป็นคหบดีใหญ่ ก็คงอยากจะช่วยบรรเทาภัยกระมัง ท่านคิดมากเกินไปหรือเปล่า”“ไม่ใช่ หากเป็นไปตามที่เจ้าพูดคงไม่ต้องลำบากให้หอหรงเยว่ของน้องเก้าช่วยสืบข่าว การค้าของสกุลถานหากไม่นับรวมร้านค้าที่รับจากเรือสำเภาของบิดานางเข้ามา ในตัวอำเภอมีร้านผ้าจินหง กับร้านยาของนาง ร้านผ้าดูแลโดยอนุของบิดาถานซินเยว่ ส่วนนางดูแลร้านยาซึ่งทั้งเก่าและโทรมอีกทั้งอยู่ในตรอกที่ค่อนข้างร้างผู้คน”“เช่นนั้นก็น่าแปลก แสดงว่าพวกนางไม่ลงรอยกันงั้นหรือ แต่เหตุใดนางจึงช่วยเหลือเรา เช่นนี้แล้วร้านผ้าของอนุภรรยาคหบดีถานเล่า”“นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว วันนั้นข้าลองไปที่ร้านจินหง เพียงแค่เกริ่นถึงร้านของซิ
“อะไรนะ โอ๊ย!”“รีบหลบไป!”เฟิ่งเซียวที่พึ่งพันแผลให้อวิ่นซูหรันเสร็จ รีบวิ่งมาดับไฟตรงหน้าทันที หม้อยาของพวกเขาต้องสาดทิ้งเพราะมันติดไฟ เฟิ่งเซียวเกรงว่าซินเยว่จะได้รับบาดเจ็บไปอีกคนหม้อต้มยาตกไปที่พื้นจนแตกกระจาย โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ซินเยว่หันไปถามเขาที่ยืนอยู่หน้าเตา แต่เขาหันกลับมาด้วยสีหน้าที่โมโหสุดขีด“นี่กำลังทำอะไรของเจ้า! ไม่เห็นหรือว่ามันอันตราย" “ท่านหมอเฉินข้าขอโทษ ข้าผิดเองที่ไม่ทันระวัง ขออภัยข้าจะรีบต้มให้ใหม่""ต้มใหม่งั้นหรือ! เจ้าคิดว่ายานี่ต้องใช้เวลาเคี่ยวนานเท่าใด ซูหรันเฝ้ายานี้มากว่าสามวันแล้ว แต่เจ้ามาเพียงไม่นานก็ประมาทจนทำให้เป็นเช่นนี้ ยานี่ซูหรันอุตส่าห์นำมาด้วยมันมีค่ามากเลยนะ อีกอย่าง…”“ข้าขอโทษท่านแล้วมิใช่หรือ”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนป่วยอีกมากขนาดไหนที่รอการช่วยเหลืออยู่ รู้หรือไม่ว่าพวกเราทำงานหนักมากขนาดไหน กว่าจะได้ยาแต่ละถ้วย!”“ศิษย์พี่! ท่านพอได้แล้ว”เฟิ่งเซียวโมโหจนขาดสติ เขาเป็นห่วงกลัวว่าซินเยว่จะบาดเจ็บไปอีกคน แต่กลับพูดเรื่องยาออกมาโดยมิได้ตั้งใจ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้คนตัวเล็กตรงหน้าเขาจะเริ่มสั่น อวิ่นซูหรันเดินมาพยุงนางออกไป“
เฟิ่งเซียวหยุดกึกเมื่อซูหรันพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเองก็ตอบไม่ถูกแต่รู้สึกว่าเพียงแค่ถูกถามเรื่องของถานซินเยว่ก็เริ่มจะไม่อยากพูดขึ้นมา อีกอย่างหลายวันมานี้ซินเยว่ก็เอาแต่ตามติดเขาอยู่ทุกวัน"จะเป็นไปได้เช่นไรศิษย์น้องล้อเล่นแล้ว ซินเยว่แม้จะเป็นคนที่เป็นตัวของตัวเองและเข้าได้กับทุกคน แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะเป็นเช่นนี้เฉพาะกับข้าเสียหน่อย มาเถอะข้าจะพาเจ้าไปดูกระโจมผู้ประสบภัยและห้องเก็บยา"“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”ซูหรันมิได้คาดคั้นถามเขา นับว่าเป็นเรื่องดีเพราะหากนางยังถามอีก เขาก็คงจะรู้สึกอึดอัด เพราะตัวเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดหัวใจจึงเต้นแรงจนเกินควบคุม เวลาที่เอ่ยถึงเรื่องของซินเยว่สามวันถัดมาช่วงนี้ฝนยังคงตกหนักในพื้นที่อำเภอลี่เหมิน ผู้ประสบภัยที่ป่วยก็ไม่มีวี่แววที่จะลดลง เฟิ่งเซียวสั่งให้ทหารเริ่มจัดที่พักแยกผู้ป่วยและผู้ที่เสี่ยงจะป่วยแยกกันเป็นการชั่วคราวเพื่อมิให้โรคแพร่กระจาย ซึ่งนับว่าได้ผลและต้องยอมรับว่าการมาของอวิ่นซูหรันช่วยเขาได้มากจริง ๆ“เอายานี้ไปที่กระโจมผู้ป่วยหนัก อีกสองเตานั้นใกล้เสร็จหรือยัง”“จวนแล้วเจ้าค่ะ”“ซูหรัน ยาของเจ้าต้มเสร็จหรือยัง”“พี่เฟิ
“ศิษย์น้องของท่านหมอเฉินงั้นหรือ”“ใช่ ทั้งสองเป็นศิษย์ของท่านหมอเทวดา “โล่ซินหยาง” แห่งเมืองเหยียน พวกเขาสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน ว่ากันว่าทั้งคู่เป็นหมอเทวะคู่บารมี แม้แต่เซียนยังต้องหลบ"“ข้าส่งยาเสร็จแล้ว เช่นนั้นขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ”“อ้าว เจ้าจะกลับแล้วหรือ ว่าแต่เจ้าหายดีแล้วแน่หรือไหนดูสิ เอ๊ะ เหตุใดหน้าผากยังร้อน ๆ อยู่เลยเล่า”จางหลงจื่อใช้หลังมืออังหน้าผากของซินเยว่ตอนที่นางเผลอ เฟิ่งเซียวที่หันมามองทั้งคู่พอดีก็รู้สึกตงิดใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเมื่อครู่นี้เขายังเห็นซินเยว่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ไม่คิดว่านางจะเดินไปหาจางหลงจื่อเร็วปานนั้น‘เหตุใดปล่อยให้เขาแตะเนื้อต้องตัวขนาดนั้น นางสนิทกับจางจื่อหลงถึงขนาดนั้นเลยหรือ’“ศิษย์พี่เฟิ่งเซียว”“ซูหรันครั้งนี้ขอบใจเจ้ามาก ที่ตอบรับคำเชิญของข้าในการช่วยผู้ประสบภัย ข้าให้คนเตรียมที่พักให้เจ้าแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็รีบเอาของไปเก็บและพักผ่อนก่อนเถอะ”“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”“คุณหนูอวิ่นเชิญทางนี้เลยขอรับ” หมอเวินเป็นผู้นำทางอวิ่นซูหรันไปด้วยตัวเอง แม้ว่าอวิ่นซูหรันหวังอยากจะให้เฟิ่งเซียวเป็นผู้พานางไปด้วยตัวเอง แต่ก็ทำได้แค่หันไปยิ้มและเดินตาม
เฟิ่งเซียวมองไปที่รถม้าคันใหญ่ ที่ขนส่งยาเกือบเต็มคันและรีบคว้าใบรายการยานั้นไปหาซินเยว่ ที่ยืนสั่งให้เพิ่มยาอีกบางอย่างไปกับรถส่งของครั้งนี้ด้วย“ซินเยว่ ข้าขอคุยด้วยหน่อยสิ”“ท่านหมอเฉิน มีอะไรอยากจะสั่งเพิ่มหรือ บอกมาได้เลยนะที่ในรถม้ายังพอเหลือใส่ได้อีกนิดหน่อย”“ไม่ใช่ มานี่เถอะ”เขาดึงมือนางเดินมายังลานตากยาสมุนไพรด้านหลัง ซึ่งมีสตรีหลายคนที่อยู่ช่วยกันเก็บยา เมื่อเห็นพวกเขาเดินมาแต่ละคนก็พากันมอง เพราะไม่เคยเห็นซินเยว่พาบุรุษเข้ามาในร้านมาก่อน“ซินเยว่นี่หมายความว่าอย่างไร เหตุใดยามากมายขนาดนี้เจ้าจึงไม่คิดเงินกับทางการ”“ท่านหมายถึงยาสมุนไพรพวกนี้น่ะหรือ ไม่เป็นไรหรอกถือว่าข้าช่วยก็แล้วกัน”“ไม่ได้ ยาพวกนี้มีมูลค่าสูงเกินไป หากข้าจะเอาไปเปล่า ๆ เช่นนี้มันเอาเปรียบร้านเจ้ามากเกินไป เจ้าคิดเงินมาเถอะอย่าทำเช่นนี้เลย”ซินเยว่เม้มปากเล็กน้อย และหันมาสบตาเขาพร้อมกับยิ้ม เฟิ่งเซียวไม่เข้าใจนางเลยว่าเหตุใดซินเยว่ไม่พูดอะไรเลยสักคำ“ข้าบอกว่าไม่คิดเงินก็ไม่คิดสิ เหตุใดท่านต้องปิดทางการช่วยเหลือของข้าด้วยเล่า ท่านไม่รับน้ำใจข้าหรือ”“ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าเข้าใจข้าผิด แต่ยามากมายขนาดนี้มันอ
“อะไรนะ! ไม่ใช่นะ ข้ากับเขา… ไม่ใช่แบบนั้น”“ไปกันเถอะ”เฟิ่งเซียวไม่เคยถูกผู้อื่นทักทายเช่นนี้มาก่อน เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกเช่นไร แต่เมื่อหันไปมองที่ถานซินเยว่ก็เห็นว่าใบหูนางแดงจัด“เดี๋ยวก่อนนะคุณหนูสาม”“ท่านเลิกเรียกข้าเช่นนี้เถอะ เรียกข้าว่าซินเยว่ก็ได้ เรามิใช่ว่ารู้จักกันแล้วหรอกหรือ”“เอ่อ…ก็ได้ เช่นนั้นซินเยว่ เจ้ารู้สึกไม่สบายท้องหรือไม่”ซินเยว่ชะงัก และหันมามองหน้าของเฟิ่งเซียวในทันทีเมื่อเขาพูดจบ“ท่านว่าอะไรนะ ข้าหรือ”“ใช่ ข้าเห็นใบหน้าเจ้าแดง และที่กกหูยังแดงจัดเหมือนกับท้องเจ้าจะระบายลมไม่ค่อยดี หากว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายท้องข้าคิดว่าเจ้าอาจจะกินอาหารมากเกินไป ดังนั้น…”“เฉินเฟิ่งเซียว! คนบ้าอะไรเนี่ย!”“เจ้า… ไม่ได้ป่วยหรอกหรือ เดี๋ยวสิซินเยว่รอข้าด้วย”ซินเยว่รู้สึกทั้งโกรธทั้งอายเมื่อถูกเฟิ่งเซียวทักเช่นนี้ นางไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าหน้าแดงอยู่และยังร้อนจนถึงใบหูเพราะเขา แต่หมอเฉินเฟิ่งเซียวผู้นั้นกลับคิดว่านางป่วยเพราะท้องไม่ระบาย“คนบ้าอะไรเนี่ย เกิดมามีหน้าเดียวหรืออย่างไรกัน นี่เขามีความรู้สึกหรือเปล่านะ”ซินเยว่เดินมาถึงร้านน้ำตาลปั้นแล้ว นางพยายามไม่หันไปมอ
หลี่ฮั่วเจินใจหายเมื่อถุงเงินขนาดใหญ่ถูกยกไปต่อหน้า โดยไม่สามารถพูดอะไรได้ “เอ่อ คุณชายเจ้าคะรอสักครู่ก่อนข้ามิได้หมายความว่าเช่นนั้น เพียงแต่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย ร้านจินหงของเรายินดีมาก ๆ ที่จะค้าขายกับทางการ”“อ้อ งั้นหรือแต่ตอนนี้ข้ามิได้ยินดีแล้วน่ะสิ ช่างเถอะเอาไว้ข้าอารมณ์ดีเมื่อใดจะแวะมาก็แล้วกันนะ จิ่นหาวเราไปกันเถอะ”“เอ่อ… ปัดโธ่เอ๊ย! ทำไมถึงได้ปากไวเช่นนี้นะ ไม่ควรคิดไปถึงนังเด็กนั่นเลยบ้าจริง! เงินอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ กลับคว้ามาไม่ได้ รู้ถึงไหนอายไปถึงที่นั่น”เฉินเฟิ่งเซียวเพียงแค่หยักยิ้มที่มุมปากและหันไปที่องครักษ์ส่วนตัว จิ่นหาวรู้ทันทีว่าผู้เป็นนายต้องการอะไร‘ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวสกุลถาน จะไม่ค่อยดีอย่างที่คาดจริง ๆ’“คุณชาย”“จัดการตามที่สั่ง กระจายข่าวให้ทั่ว”“แล้วยังจะซื้อผ้าอีกหรือไม่ขอรับ”“วันนี้ยังไม่ซื้อ ข้าจะแวะไปดูสมุนไพรที่ร้านเป่าจิ้นถานสักหน่อย”“เช่นนั้นเชิญทางนี้ขอรับ”จิ่นหาวและเฟิ่งเซียวเดินทางมาถึงตรอกอิ๋งเตียน ซึ่งอยู่ถัดจากตรอกที่คึกคักด้วยผู้คนไปประมาณสองตรอก แม้ว่าจะไม่ค่อยมีผู้คนสัญจร แต่ก็เงียบสงบและดูน่าอยู่ไม่น้อย“ร้านเป่าจิ้นถานอย
เมื่อพูดจบรอยยิ้มของซินเยว่ก็เริ่มค่อย ๆ หุบลงพร้อมกับก้มหน้าลง เมื่อครู่นี้นางพึ่งจะเผลอบอกว่า “ชอบ” ออกไป แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำนั้น“หมอเฉินหน้านิ่งงั้นหรือ เหลวไหล ฝนจะตกแล้วเจ้าเข้ามาดื่มชาก่อนเถอะ”“มะ ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ข้ายังต้องรีบกลับไปช่วยตาแก่ ไม่ใช่อาจารย์เก็บร้านอีก เอาไว้วันหลังค่อยมาดื่มชากับท่าน ข้ากลับก่อนละหมอเฉินหน้านิ่ง!”“เจ้า…เฮ้อ…ทำไมไม่เรียบร้อยเลยนะ”เฟิ่งเซียวหันไปมองตามดรุณีน้อยที่วิ่งไปขึ้นม้าของตัวเองและควบออกไป ขบวนรถม้าตามหลังนางไปอีกครั้ง“ถานซินเยว่… ช่างสดใสราวกับบุปผาในฤดูใบไม้ผลิ”เมื่อหันไปมองไม้สำหรับช่วยพยุงเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ บาดแผลเมื่อหลายวันก่อนดูเหมือนว่าจะยังมิได้หายไป แต่เหมือนว่านางจะบาดเจ็บเพิ่มขึ้น เพราะวันนี้เขาได้กลิ่นยาทาแผลสดและดูเหมือนว่านางจะพันแผลที่ขามาด้วย“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ จิ่นหาว”“ขอรับคุณชาย”“เรื่องที่ให้เจ้าไปสืบได้ความว่าอย่างไรบ้าง”“หากเป็นเรื่องของสกุลถาน ข้าน้อยส่งไปให้คุณชายที่ห้องเมื่อสองวันก่อนแล้วนะขอรับ”“งั้นหรือ เช่นนั้นบ่ายนี้หากมีเรื่องด่วนอะไรก็ให้คนไปแจ้งข้าที่ห้องก็แล้วกัน”“ข
“ท่านอ๋องเสด็จมาครานี้….”“อ้อไม่ต้องมากพิธี บอกให้ทุกคนว่าไม่ต้องทำสิ่งใดเป็นพิเศษ เพียงรีบมาช่วยพวกท่าน ตอนนี้ในวังยังไม่มีเหตุการณ์อะไรน่าเป็นห่วง อีกอย่างข้าพึ่งเดินทางกลับมาจากหลิงโจวก็เดินทางมากับหลันอ๋องเลย”“เอ่อ เช่นนั้นหลันอ๋องเล่าพ่ะย่ะค่ะ”“เขากลับไปหลันโจวแล้ว เห็นว่ายังมีเรื่องที่จะต้องจัดการอยู่ หมอเวินหากมีสิ่งใดที่ต้องการเร่งด่วนก็รีบแจ้งมาได้เลย ข้าจะให้คนจัดหาให้ ขอโทษด้วยที่มาช้าไปสักหน่อยแต่ดู ๆ แล้วพวกท่านมิได้ลำบากมาก”“พ่ะย่ะค่ะ ที่นี่มีคุณหนูถานที่คอยช่วยเตรียมของที่ขาดให้ แต่ว่านางก็แอบช่วยโดยมิอาจออกนามได้”“เป็นเพราะเหตุใดกัน ดูเหมือนว่าคุณหนูผู้นี้จะมีเรื่องราวที่แอบซ่อนอยู่มากจริง ๆ”“คือว่า…”หมอหลวงเวินหันไปมองพักตร์ท่านอ๋อง แต่ก็มิได้พูดอะไรมากนักเพราะเกรงว่าจะเป็นเรื่องไม่ควร ท่านอ๋องเองก็มิได้ซักถามต่อ เขาปล่อยหมอเวินกลับออกไปทำงานและหันไปมององครักษ์ข้างกาย ผู้ที่พึ่งไปรับเขามาจากเมืองหลิงโจว“จิ่นหาว”“พ่ะย่ะค่ะ”“ส่งคนตรวจสอบสกุลถานให้ข้าที แล้วก็… ทางที่ดีให้น้องเก้าสืบหาเรื่องของสกุลถานที่ติดอยู่นอกเมืองด้วย ข้าอยากจะรู้ว่าตระกูลคหบดีถานผู้นี้มีค