หลี่ฮั่วเจินใจหายเมื่อถุงเงินขนาดใหญ่ถูกยกไปต่อหน้า โดยไม่สามารถพูดอะไรได้
“เอ่อ คุณชายเจ้าคะรอสักครู่ก่อนข้ามิได้หมายความว่าเช่นนั้น เพียงแต่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย ร้านจินหงของเรายินดีมาก ๆ ที่จะค้าขายกับทางการ”
“อ้อ งั้นหรือแต่ตอนนี้ข้ามิได้ยินดีแล้วน่ะสิ ช่างเถอะเอาไว้ข้าอารมณ์ดีเมื่อใดจะแวะมาก็แล้วกันนะ จิ่นหาวเราไปกันเถอะ”
“เอ่อ… ปัดโธ่เอ๊ย! ทำไมถึงได้ปากไวเช่นนี้นะ ไม่ควรคิดไปถึงนังเด็กนั่นเลยบ้าจริง! เงินอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ กลับคว้ามาไม่ได้ รู้ถึงไหนอายไปถึงที่นั่น”
เฉินเฟิ่งเซียวเพียงแค่หยักยิ้มที่มุมปากและหันไปที่องครักษ์ส่วนตัว จิ่นหาวรู้ทันทีว่าผู้เป็นนายต้องการอะไร
‘ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวสกุลถาน จะไม่ค่อยดีอย่างที่คาดจริง ๆ’
“คุณชาย”
“จัดการตามที่สั่ง กระจายข่าวให้ทั่ว”
“แล้วยังจะซื้อผ้าอีกหรือไม่ขอรับ”
“วันนี้ยังไม่ซื้อ ข้าจะแวะไปดูสมุนไพรที่ร้านเป่าจิ้นถานสักหน่อย”
“เช่นนั้นเชิญทางนี้ขอรับ”
จิ่นหาวและเฟิ่งเซียวเดินทางมาถึงตรอกอิ๋งเตียน ซึ่งอยู่ถัดจากตรอกที่คึกคักด้วยผู้คนไปประมาณสองตรอก แม้ว่าจะไม่ค่อยมีผู้คนสัญจร แต่ก็เงียบสงบและดูน่าอยู่ไม่น้อย
“ร้านเป่าจิ้นถานอยู่สุดทางตรอกนี้ขอรับ”
“เช่นนั้นก็ไปเถอะ”
เฟิ่งเซียวตัดสินใจเดินเข้าไปจนสุดตรอก ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่แลดูร่มรื่นกว่าที่อื่น ป้ายไม้เก่าแก่จวนจะหักอยู่ตรงหน้าเพื่อบอกชื่อร้าน ด้านในเป็นลานโล่งกว้างซึ่งน่าจะมีไว้สำหรับตากยาสมุนไพร เพราะแม้แต่ตอนที่ยืนอยู่ตรงหน้าร้านเขาก็ยังได้กลิ่นยาสมุนไพร
“นายท่าน จะรับยาอะไรดีขอรับ”
เฟิ่งเซียวหันไปมองเห็นผู้เฒ่าที่เฝ้าร้านอยู่ด้านใน เขายืนหันหลังให้กับเฟิ่งเซียว และยุ่งอยู่กับการเก็บยาในตู้อยู่
“เอ่อ ที่นี่คือร้านของคุณหนูสามถานใช่หรือไม่”
“ยัยหนูนั่นหรือ ฮึฮึ ท่านเป็นสหาย เป็นลูกค้าหรือว่าเป็นคนที่อยากทำความรู้จักนางกันเล่า”
“อะไรนะ “อยากรู้จัก” นี่คือ…”
“เฮ้อ ยัยหนูที่หน้าตาน่ารักมีรอยยิ้มสดใสเช่นนั้น แน่นอนว่าย่อมมีหลายคนอยากมาที่นี่เพื่อทำความรู้จัก หากท่านเป็นสองประเภทแรก ข้าก็พอช่วยได้ แต่หากเป็นอย่างสุดท้ายขออภัยที่ข้าไม่อยากยุ่ง”
“เอ่อ มิใช่เช่นนั้น ข้าน้อยเฉินเฟิ่งเซียว เป็นหมอหลวงที่ทางการเสิ่นโจวส่งมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่อำเภอลี่เหมิน หลายวันมานี้ได้คุณหนูถานช่วยเรื่องจัดหายามามาก จึงมาเพื่อขอบคุณและสั่งยาไปช่วยผู้ประสบภัยขอรับ”
“อ้อ เช่นนั้นเองหรือ เช่นนั้นท่านมีเทียบยามาหรือไม่เล่า… คุณชายเฉิน ฮึฮึ”
“เอ่อ… ขออภัยเถ้าแก่คือข้าค่อนข้างรีบ ตอนที่ออกมาจากจวนก็เลยไม่ทันเขียน แต่ข้าสามารถเขียนเทียบยาให้ท่านได้”
“เช่นนั้นก็ไปนั่ง กระดาษกับหมึกอยู่ตรงนั้น เขียนมาแล้วข้าจะให้คนที่ร้านจัดให้”
“ขอรับ”
เฟิ่งเซียวรู้สึกว่าเถ้าแก่หันมามองหน้าเขาคล้ายกับจะรู้จัก แต่เมื่อเขาหันกลับไปอีกที เถ้าแก่ก็แค่เอายาสมุนไพรมาชั่งเท่านั้น เมื่อเขียนเทียบยาบางส่วนแล้วก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นด้านหลัง
“อาจารย์ข้าตากสมุนไพรที่ท่านสั่งเอาไว้แล้ว หญ้าฝรั่นนี่ตากสองแดดแล้วนะ ช่วงนี้ฝนตกอีกท่านก็อย่าให้เปียกเล่า ส่วน… ท่านหมอเฉินท่านมาทำอะไรที่นี่”
“คุณหนูถาน เจอเจ้าอีกแล้ว”
“เจอข้าอีกแล้วหมายถึงอันใด ที่นี่เป็นร้านของข้านะ”
“ร้านของเจ้าหรือ เช่นนั้นเถ้าแก่…”
“ตาแก่นี่เป็นอาจารย์ของข้า เถ้าแก่อะไรที่ไหนกัน เขาก็แค่ชอบมานั่งดูลูกค้าและช่วยตรวจโรคให้คนที่มาซื้อยาเท่านั้นแหละ”
“พูดมากเสียจริง ไม่รู้จักบุญคุณ”
“ท่านก็พูดเองว่าไม่อยากเป็นเถ้าแก่ ท่านพ่ออยากยกร้านนี้ให้ท่านตั้งกี่ครั้งแล้วท่านก็ไม่รับ มาวันนี้ทำไมนึกอยากจะเป็นเถ้าแก่ขึ้นมาเสียเล่า”
“พูดให้มันดี ๆ หน่อย ข้าเป็นถึงอาจารย์ของเจ้าเชียวนะ”
“ข้าจะไปซื้อน้ำตาลปั้น”
“ขอสอง เอาตัวใหญ่ ๆ บอกพ่อค้าว่าอย่าขี้เหนียวนักเล่า”
“เชอะ เห็นแก่กิน”
“เอ่อ เดี๋ยวสิคุณหนูถาน เจ้าจะไปแล้วงั้นหรือ”
“เปล่านี่ ข้าก็แค่จะออกไปซื้อขนมข้างนอกนี้ก็เท่านั้นเอง”
“เช่นนั้นพอดีเลย จิ่นหาวเจ้ารอรับยากับ... ผู้ดูแลร้าน เดี๋ยวข้ามา”
“ขอรับคุณชาย”
“หวังเย่เหอ” หันไปมองเฟิ่งเซียว ที่เดินตามถานซินเยว่ออกไปก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
“แล้วบอกว่ามิได้สนใจ พวกปากไม่ตรงกับใจ”
“ผู้อาวุโส คุณชายของข้าหาได้คิดล่วงเกินคุณหนูถานเช่นนั้นไม่ เขาก็แค่…”
“เอาเถอะ ๆ ไหนเอาเทียบมาดูหน่อย… นี่มันก็ยาพื้น ๆ ที่ยัยหนูนั่นเอาไปส่ง ไม่จำเป็นต้องสั่งเจ้าตามข้ามานี่”
“เอ่อ...”
“พวกเขาไม่กลับมาง่าย ๆ หรอก มาช่วยข้าขนของสิ เจ้าจะให้คนแก่อย่างข้าทำหรือ”
จิ่นหาวรู้สึกเป็นห่วงท่านอ๋องแต่ก็มิอาจตามออกไปได้ อีกทั้งท่านอ๋องก็ยังสั่งให้เขารอเทียบยาอยู่ที่นี่ จิ่นหาวจึงเดินตามหวังเย่เหอเข้าไปด้านใน
ตลาด
“น้ำตาลปั้นสิบอันเจ้าค่ะ นี่ ตาแก่ขี้บ่นนั่นฝากมาบอกท่านว่าอย่าได้งกน้ำตาลนัก ของเขาขออันใหญ่ ๆ หน่อย”
“ปัดโธ่เขาเป็นเช่นนั้นทุกที คุณหนูถานรอสักประเดี๋ยว ข้าน้อยจะรีบทำให้เดี๋ยวนี้”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
“สิบอัน นี่เจ้าจะดูแลคนในร้านดีเกินไปหรือไม่ เขากินขนมนี่ครั้งละสิบอันเลยงั้นหรือ”
“ไม่ใช่เสียหน่อย”
“เช่นนั้นเหตุใดจึงซื้อมากมายเช่นนั้น ตั้งสิบอันเชียวแล้วนั่นเจ้าจะเดินไปไหน”
“ข้าก็จะไปเดินดูของอย่างอื่นน่ะสิ จะมานั่งรอทำไมกันเดี๋ยวค่อยกลับมาเอาก็ได้”
“เอ่อ เดี๋ยวก่อน รอก่อนสิ”
เฟิ่งเซียวเดินตามซินเยว่มา จึงได้รู้ว่านางคุ้นเคยกับชาวบ้านในตรอกนี้เป็นอย่างดี อีกอย่างทุกคนล้วนแต่รู้จักนางและเรียกว่า "คุณหนูถาน" ไม่ว่าจะเพราะความใสซื่อของนาง รอยยิ้มที่สดใสหรือเพราะใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มนี้กันแน่ที่ทำให้นางดูน่ามอง จนเขาเผลออมยิ้มตามไปด้วย
“เอาสักชิ้นหรือไม่”
“นี่คือ…”
“ขนมผักกาด ชาวบ้านทำมาขายอร่อยมากเลยนะ”
“ข้า… ไม่ค่อยชอบกินขนมแบบนี้…”
ซินเยว่ยัดขนมผักกาดเข้าปากเข้าไปคำหนึ่งพร้อมกับยิ้มให้เขาและหันมากัดขนมผักกาดของตัวเอง
“เป็นอย่างไร อร่อยใช่หรือไม่ข้าบอกแล้วว่าไม่โกหกท่านหรอก ว้าว มีป๋องแป๋งขายด้วย มาเร็วหมอเฉินข้าจะไปซื้อเจ้านั่นเดี๋ยวไม่ทัน”
“เดี๋ยวสิคุณหนูถาน เอ่อ…”
ซินเยว่เผลอตัวคว้าแขนของเฟิ่งเซียวและพาเขากึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อให้ทันพ่อค้าหาบเร่ขายของเล่น เมื่อถึงแล้วจึงได้หันมายิ้มให้เขา ดวงตากลมคู่โตนั้นสะกดท่านอ๋องหนุ่มให้ชะงักไปเล็กน้อย
“ทันแล้ว เดี๋ยวข้ามานะหมอเฉิน”
เฟิ่งเซียวมองตามร่างเล็กที่เดินไปเลือกของเล่นพร้อมกับรอยยิ้ม เขามองที่มือที่พึ่งถูกนางจับวิ่งมาถึงตรงนี้ และขนมผักกาดที่เขาไม่เคยแม้แต่คิดจะกิน แต่วันนี้กลับรู้สึกว่ามันทั้งหอมหวานอร่อยอย่างบอกไม่ถูก
“เยี่ยมไปเลย ข้าขอสามอันนี้ เท่าไหร่”
“ทั้งหมดหกอิแปะขอรับคุณหนู”
“ข้าขอหน้ากากสองอันนี้ด้วย”
“คุณชาย หน้ากากสองอันนี้งดงามมาก ขอบคุณนะขอรับ ทั้งหมดสิบอีแปะ”
“ไม่ต้องทอน เจ้าซื้อพอแล้วหรือไม่ อยากได้อะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า”
ซินเยว่หันมายิ้ม ในใจนางเต้นแรงและอดยิ้มไม่ได้เมื่อเฟิ่งเซียวจ่ายเงินไปให้พ่อค้า ซึ่งมันมากพอสำหรับของเล่นทั้งร้านเลยด้วยซ้ำ
“ไม่เอาแล้วเจ้าค่ะ แต่ท่านจ่ายให้ข้าเช่นนี้ไม่เหมาะกระมังเดี๋ยวข้าจ่ายเองก็ได้”
“ถือเป็นการตอบแทนที่เจ้าช่วยเรื่องยา แล้วก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะช่วยข้าได้นะถานซินเยว่”
“ข้าหรือ ข้าก็ช่วยพวกท่านอยู่แล้วมิใช่หรือ”
“เอาเถอะแล้วค่อยว่ากัน รีบกลับกันเถอะ น้ำตาลปั้นของเจ้าน่าจะได้แล้วกระมัง”
“จริงด้วย ขอบคุณมากพ่อค้าข้าเอาแค่นี้ก็พอ”
“ขอบคุณคุณชายและฮูหยิน ขอให้พวกท่านรักกันนาน ๆ มีลูกหลานเต็มบ้านนะขอรับ”
“อะไรนะ! ไม่ใช่นะ ข้ากับเขา… ไม่ใช่แบบนั้น”“ไปกันเถอะ”เฟิ่งเซียวไม่เคยถูกผู้อื่นทักทายเช่นนี้มาก่อน เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกเช่นไร แต่เมื่อหันไปมองที่ถานซินเยว่ก็เห็นว่าใบหูนางแดงจัด“เดี๋ยวก่อนนะคุณหนูสาม”“ท่านเลิกเรียกข้าเช่นนี้เถอะ เรียกข้าว่าซินเยว่ก็ได้ เรามิใช่ว่ารู้จักกันแล้วหรอกหรือ”“เอ่อ…ก็ได้ เช่นนั้นซินเยว่ เจ้ารู้สึกไม่สบายท้องหรือไม่”ซินเยว่ชะงัก และหันมามองหน้าของเฟิ่งเซียวในทันทีเมื่อเขาพูดจบ“ท่านว่าอะไรนะ ข้าหรือ”“ใช่ ข้าเห็นใบหน้าเจ้าแดง และที่กกหูยังแดงจัดเหมือนกับท้องเจ้าจะระบายลมไม่ค่อยดี หากว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายท้องข้าคิดว่าเจ้าอาจจะกินอาหารมากเกินไป ดังนั้น…”“เฉินเฟิ่งเซียว! คนบ้าอะไรเนี่ย!”“เจ้า… ไม่ได้ป่วยหรอกหรือ เดี๋ยวสิซินเยว่รอข้าด้วย”ซินเยว่รู้สึกทั้งโกรธทั้งอายเมื่อถูกเฟิ่งเซียวทักเช่นนี้ นางไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าหน้าแดงอยู่และยังร้อนจนถึงใบหูเพราะเขา แต่หมอเฉินเฟิ่งเซียวผู้นั้นกลับคิดว่านางป่วยเพราะท้องไม่ระบาย“คนบ้าอะไรเนี่ย เกิดมามีหน้าเดียวหรืออย่างไรกัน นี่เขามีความรู้สึกหรือเปล่านะ”ซินเยว่เดินมาถึงร้านน้ำตาลปั้นแล้ว นางพยายามไม่หันไปมอ
เฟิ่งเซียวมองไปที่รถม้าคันใหญ่ ที่ขนส่งยาเกือบเต็มคันและรีบคว้าใบรายการยานั้นไปหาซินเยว่ ที่ยืนสั่งให้เพิ่มยาอีกบางอย่างไปกับรถส่งของครั้งนี้ด้วย“ซินเยว่ ข้าขอคุยด้วยหน่อยสิ”“ท่านหมอเฉิน มีอะไรอยากจะสั่งเพิ่มหรือ บอกมาได้เลยนะที่ในรถม้ายังพอเหลือใส่ได้อีกนิดหน่อย”“ไม่ใช่ มานี่เถอะ”เขาดึงมือนางเดินมายังลานตากยาสมุนไพรด้านหลัง ซึ่งมีสตรีหลายคนที่อยู่ช่วยกันเก็บยา เมื่อเห็นพวกเขาเดินมาแต่ละคนก็พากันมอง เพราะไม่เคยเห็นซินเยว่พาบุรุษเข้ามาในร้านมาก่อน“ซินเยว่นี่หมายความว่าอย่างไร เหตุใดยามากมายขนาดนี้เจ้าจึงไม่คิดเงินกับทางการ”“ท่านหมายถึงยาสมุนไพรพวกนี้น่ะหรือ ไม่เป็นไรหรอกถือว่าข้าช่วยก็แล้วกัน”“ไม่ได้ ยาพวกนี้มีมูลค่าสูงเกินไป หากข้าจะเอาไปเปล่า ๆ เช่นนี้มันเอาเปรียบร้านเจ้ามากเกินไป เจ้าคิดเงินมาเถอะอย่าทำเช่นนี้เลย”ซินเยว่เม้มปากเล็กน้อย และหันมาสบตาเขาพร้อมกับยิ้ม เฟิ่งเซียวไม่เข้าใจนางเลยว่าเหตุใดซินเยว่ไม่พูดอะไรเลยสักคำ“ข้าบอกว่าไม่คิดเงินก็ไม่คิดสิ เหตุใดท่านต้องปิดทางการช่วยเหลือของข้าด้วยเล่า ท่านไม่รับน้ำใจข้าหรือ”“ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าเข้าใจข้าผิด แต่ยามากมายขนาดนี้มันอ
“ศิษย์น้องของท่านหมอเฉินงั้นหรือ”“ใช่ ทั้งสองเป็นศิษย์ของท่านหมอเทวดา “โล่ซินหยาง” แห่งเมืองเหยียน พวกเขาสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน ว่ากันว่าทั้งคู่เป็นหมอเทวะคู่บารมี แม้แต่เซียนยังต้องหลบ"“ข้าส่งยาเสร็จแล้ว เช่นนั้นขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ”“อ้าว เจ้าจะกลับแล้วหรือ ว่าแต่เจ้าหายดีแล้วแน่หรือไหนดูสิ เอ๊ะ เหตุใดหน้าผากยังร้อน ๆ อยู่เลยเล่า”จางหลงจื่อใช้หลังมืออังหน้าผากของซินเยว่ตอนที่นางเผลอ เฟิ่งเซียวที่หันมามองทั้งคู่พอดีก็รู้สึกตงิดใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเมื่อครู่นี้เขายังเห็นซินเยว่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ไม่คิดว่านางจะเดินไปหาจางหลงจื่อเร็วปานนั้น‘เหตุใดปล่อยให้เขาแตะเนื้อต้องตัวขนาดนั้น นางสนิทกับจางจื่อหลงถึงขนาดนั้นเลยหรือ’“ศิษย์พี่เฟิ่งเซียว”“ซูหรันครั้งนี้ขอบใจเจ้ามาก ที่ตอบรับคำเชิญของข้าในการช่วยผู้ประสบภัย ข้าให้คนเตรียมที่พักให้เจ้าแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็รีบเอาของไปเก็บและพักผ่อนก่อนเถอะ”“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”“คุณหนูอวิ่นเชิญทางนี้เลยขอรับ” หมอเวินเป็นผู้นำทางอวิ่นซูหรันไปด้วยตัวเอง แม้ว่าอวิ่นซูหรันหวังอยากจะให้เฟิ่งเซียวเป็นผู้พานางไปด้วยตัวเอง แต่ก็ทำได้แค่หันไปยิ้มและเดินตาม
เฟิ่งเซียวหยุดกึกเมื่อซูหรันพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเองก็ตอบไม่ถูกแต่รู้สึกว่าเพียงแค่ถูกถามเรื่องของถานซินเยว่ก็เริ่มจะไม่อยากพูดขึ้นมา อีกอย่างหลายวันมานี้ซินเยว่ก็เอาแต่ตามติดเขาอยู่ทุกวัน"จะเป็นไปได้เช่นไรศิษย์น้องล้อเล่นแล้ว ซินเยว่แม้จะเป็นคนที่เป็นตัวของตัวเองและเข้าได้กับทุกคน แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะเป็นเช่นนี้เฉพาะกับข้าเสียหน่อย มาเถอะข้าจะพาเจ้าไปดูกระโจมผู้ประสบภัยและห้องเก็บยา"“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”ซูหรันมิได้คาดคั้นถามเขา นับว่าเป็นเรื่องดีเพราะหากนางยังถามอีก เขาก็คงจะรู้สึกอึดอัด เพราะตัวเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดหัวใจจึงเต้นแรงจนเกินควบคุม เวลาที่เอ่ยถึงเรื่องของซินเยว่สามวันถัดมาช่วงนี้ฝนยังคงตกหนักในพื้นที่อำเภอลี่เหมิน ผู้ประสบภัยที่ป่วยก็ไม่มีวี่แววที่จะลดลง เฟิ่งเซียวสั่งให้ทหารเริ่มจัดที่พักแยกผู้ป่วยและผู้ที่เสี่ยงจะป่วยแยกกันเป็นการชั่วคราวเพื่อมิให้โรคแพร่กระจาย ซึ่งนับว่าได้ผลและต้องยอมรับว่าการมาของอวิ่นซูหรันช่วยเขาได้มากจริง ๆ“เอายานี้ไปที่กระโจมผู้ป่วยหนัก อีกสองเตานั้นใกล้เสร็จหรือยัง”“จวนแล้วเจ้าค่ะ”“ซูหรัน ยาของเจ้าต้มเสร็จหรือยัง”“พี่เฟิ
“อะไรนะ โอ๊ย!”“รีบหลบไป!”เฟิ่งเซียวที่พึ่งพันแผลให้อวิ่นซูหรันเสร็จ รีบวิ่งมาดับไฟตรงหน้าทันที หม้อยาของพวกเขาต้องสาดทิ้งเพราะมันติดไฟ เฟิ่งเซียวเกรงว่าซินเยว่จะได้รับบาดเจ็บไปอีกคนหม้อต้มยาตกไปที่พื้นจนแตกกระจาย โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ซินเยว่หันไปถามเขาที่ยืนอยู่หน้าเตา แต่เขาหันกลับมาด้วยสีหน้าที่โมโหสุดขีด“นี่กำลังทำอะไรของเจ้า! ไม่เห็นหรือว่ามันอันตราย" “ท่านหมอเฉินข้าขอโทษ ข้าผิดเองที่ไม่ทันระวัง ขออภัยข้าจะรีบต้มให้ใหม่""ต้มใหม่งั้นหรือ! เจ้าคิดว่ายานี่ต้องใช้เวลาเคี่ยวนานเท่าใด ซูหรันเฝ้ายานี้มากว่าสามวันแล้ว แต่เจ้ามาเพียงไม่นานก็ประมาทจนทำให้เป็นเช่นนี้ ยานี่ซูหรันอุตส่าห์นำมาด้วยมันมีค่ามากเลยนะ อีกอย่าง…”“ข้าขอโทษท่านแล้วมิใช่หรือ”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนป่วยอีกมากขนาดไหนที่รอการช่วยเหลืออยู่ รู้หรือไม่ว่าพวกเราทำงานหนักมากขนาดไหน กว่าจะได้ยาแต่ละถ้วย!”“ศิษย์พี่! ท่านพอได้แล้ว”เฟิ่งเซียวโมโหจนขาดสติ เขาเป็นห่วงกลัวว่าซินเยว่จะบาดเจ็บไปอีกคน แต่กลับพูดเรื่องยาออกมาโดยมิได้ตั้งใจ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้คนตัวเล็กตรงหน้าเขาจะเริ่มสั่น อวิ่นซูหรันเดินมาพยุงนางออกไป“
เมื่อเฟิ่งเซียวกลับมาพูดจาสุขุมอีกรอบ ทั้งสองคนก็เริ่มหันกลับมาคุยกับเขาอีกครั้ง“ท่านหมายถึงเรื่องที่เขียนส่งมาในจดหมาย สงสัยเรื่องการทุจริตในสกุลถาน กับอนุของบิดานางงั้นหรือ”“ใช่ ครั้งแรกที่ข้าพบกับนางก็คือที่นี่ ตอนนั้นนางนำยาสมุนไพรมาส่ง พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่า ยาแต่ละตัวที่นางนำมาล้วนมีราคาสูง แต่ว่าหมอเวินซึ่งเป็นหมอหลวงที่ข้าส่งมาบรรเทาภัยที่นี่กลับบอกว่า ร้านเป่าจิ้นถานของนางไม่เคยรับเงินเลยแม่แต่ตำลึงเดียว”“ครอบครัวนางเป็นคหบดีใหญ่ ก็คงอยากจะช่วยบรรเทาภัยกระมัง ท่านคิดมากเกินไปหรือเปล่า”“ไม่ใช่ หากเป็นไปตามที่เจ้าพูดคงไม่ต้องลำบากให้หอหรงเยว่ของน้องเก้าช่วยสืบข่าว การค้าของสกุลถานหากไม่นับรวมร้านค้าที่รับจากเรือสำเภาของบิดานางเข้ามา ในตัวอำเภอมีร้านผ้าจินหง กับร้านยาของนาง ร้านผ้าดูแลโดยอนุของบิดาถานซินเยว่ ส่วนนางดูแลร้านยาซึ่งทั้งเก่าและโทรมอีกทั้งอยู่ในตรอกที่ค่อนข้างร้างผู้คน”“เช่นนั้นก็น่าแปลก แสดงว่าพวกนางไม่ลงรอยกันงั้นหรือ แต่เหตุใดนางจึงช่วยเหลือเรา เช่นนี้แล้วร้านผ้าของอนุภรรยาคหบดีถานเล่า”“นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว วันนั้นข้าลองไปที่ร้านจินหง เพียงแค่เกริ่นถึงร้านของซิ
อำเภอลี่เหมิน / เมืองเสิ่นโจว“หลีกทางหน่อย ๆ”“เร็วเข้านั่นรถม้าส่งสมุนไพรของร้านยา “เป่าจิ้นถาน” นางกำลังจะรีบไปส่งยาให้ผู้ประสบภัยนอกเมือง รีบหลีกทางเร็ว ๆ”ชาวบ้านในท้องตลาดเริ่มเก็บของที่วางเกะกะเพื่อเปิดเส้นทางให้รถม้าที่ขนส่งยาสมุนไพรจำนวนมาก โดยมีคุณหนูสกุลคหบดีใหญ่ “ถานซินเยว่” เป็นผู้นำทางกับองครักษ์อีกสองคน“สกุลถานนี่ร่ำรวยแล้วยังใจบุญอีก”“ถุย! ใจบุญบ้าบออันใด พวกเขาขายให้กับทางการมิใช่หรือ แม้แต่ข้าวสารกับอาหารพวกนี้ก็ขาย แล้วยังขายราคาเต็มด้วย”“หุบปากเจ้าไปเลย! แม้ว่าสกุลถานจะขายของพวกนี้ให้ทางการ แต่ของที่ร้านยา “เป่าจิ้นถาน” ของคุณหนูสามมิได้คิดเงินเลยแม้แต่เหวินเดียว นางมิได้หน้าเลือดเหมือนกับอนุของคหบดีถานผู้นั้นหรอกนะ”“ย่าส์!”“คุณหนู ข้างหน้านี่แหละขอรับ”“พวกเจ้าดูด้านหลัง ข้าจะเข้าไปหาหมอหลวงเวิน”""ขอรับ""“จื่อโม่” และ “จื่อลั่ว” ผู้ติดตามของถานซินเยว่รับคำสั่งและค่อย ๆ พารถม้าเดินเข้ามายังจวนของท่านหมอ ซึ่งตอนนี้ใช้เป็นสถานที่รักษาและปรุงยาเพื่อส่งไปให้ผู้ป่วยที่อยู่ด้านนอกจวน โดยมีคนของทางการเป็นผู้ดูแล“ท่านหมอเวิน”“คุณหนูถาน! คุณพระ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว
“กำไลหยกขาวงั้นหรือ”ไม่นานทหารองครักษ์ที่สวมเกราะสีเงิน ก็รีบวิ่งนำสิ่งที่ถานซินเยว่ตามหามาให้“ท่าน…เอ่อ นี่พ่ะ…ขอรับ”บุรุษหนุ่มหันมามองกำไลหยกขาวในมือที่แตกเป็นสองชิ้น ซินเยว่ยังไม่สามารถลุกขึ้นได้ หมอหลวงจางรีบวิ่งเข้ามาในทันทีเมื่อรู้ว่าซินเยว่ได้รับบาดเจ็บเพราะม้านางตกใจ“ซินเยว่! เจ้าเป็นอะไร…เอ่อ ถวาย…”“แม่นางข้าต้องขออภัยที่ทำให้เจ้าตกใจจนได้รับบาดเจ็บ ขาเจ้าคงแพลงและลุกไม่ได้ ขออภัยด้วย หมอจาง! รีบไปเตรียมตัวข้าจะรักษานาง”“ท่าน!”ไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยถามนามของเขา บุรุษหนุ่มผู้นั้นก็รวบตัวนางขึ้นมาอุ้มท่ามกลางความตื่นตกใจของคณะหมอหลวงและทหารที่ติดตามมานับสามสิบคน ทุกคนไม่กล้าเอ่ยอะไรทั้งสิ้นจนเขาพานางเข้ามาในห้องรักษา“โอ๊ย!”“เจ็บหรือ”เขาเอ่ยถามเมื่อพานางมาวางที่เตียง ไม่คิดว่าตัวของสตรีจะเบาเช่นนี้ เพราะดูจากอายุของนางน่าจะอ่อนกว่าเขาไม่เกินห้าปี แต่สีหน้าที่ยังนิ่งระคนตกใจและเศร้านี้ทำให้เขานึกสนใจ“คือว่ากำไลหยกนี่…”“ท่านหาเจอแล้วหรือ ข้า…. มัน… แตกแล้วหรือ”“ขอโทษด้วย ข้าเข้าใจว่ามันคล้องกับสายบังเหียนม้าก็เลยตัดสินใจทำให้มันหลุดออกมา ไม่คิดว่ามันจะสำคัญ”“ช่างเถอะ
เมื่อเฟิ่งเซียวกลับมาพูดจาสุขุมอีกรอบ ทั้งสองคนก็เริ่มหันกลับมาคุยกับเขาอีกครั้ง“ท่านหมายถึงเรื่องที่เขียนส่งมาในจดหมาย สงสัยเรื่องการทุจริตในสกุลถาน กับอนุของบิดานางงั้นหรือ”“ใช่ ครั้งแรกที่ข้าพบกับนางก็คือที่นี่ ตอนนั้นนางนำยาสมุนไพรมาส่ง พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่า ยาแต่ละตัวที่นางนำมาล้วนมีราคาสูง แต่ว่าหมอเวินซึ่งเป็นหมอหลวงที่ข้าส่งมาบรรเทาภัยที่นี่กลับบอกว่า ร้านเป่าจิ้นถานของนางไม่เคยรับเงินเลยแม่แต่ตำลึงเดียว”“ครอบครัวนางเป็นคหบดีใหญ่ ก็คงอยากจะช่วยบรรเทาภัยกระมัง ท่านคิดมากเกินไปหรือเปล่า”“ไม่ใช่ หากเป็นไปตามที่เจ้าพูดคงไม่ต้องลำบากให้หอหรงเยว่ของน้องเก้าช่วยสืบข่าว การค้าของสกุลถานหากไม่นับรวมร้านค้าที่รับจากเรือสำเภาของบิดานางเข้ามา ในตัวอำเภอมีร้านผ้าจินหง กับร้านยาของนาง ร้านผ้าดูแลโดยอนุของบิดาถานซินเยว่ ส่วนนางดูแลร้านยาซึ่งทั้งเก่าและโทรมอีกทั้งอยู่ในตรอกที่ค่อนข้างร้างผู้คน”“เช่นนั้นก็น่าแปลก แสดงว่าพวกนางไม่ลงรอยกันงั้นหรือ แต่เหตุใดนางจึงช่วยเหลือเรา เช่นนี้แล้วร้านผ้าของอนุภรรยาคหบดีถานเล่า”“นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว วันนั้นข้าลองไปที่ร้านจินหง เพียงแค่เกริ่นถึงร้านของซิ
“อะไรนะ โอ๊ย!”“รีบหลบไป!”เฟิ่งเซียวที่พึ่งพันแผลให้อวิ่นซูหรันเสร็จ รีบวิ่งมาดับไฟตรงหน้าทันที หม้อยาของพวกเขาต้องสาดทิ้งเพราะมันติดไฟ เฟิ่งเซียวเกรงว่าซินเยว่จะได้รับบาดเจ็บไปอีกคนหม้อต้มยาตกไปที่พื้นจนแตกกระจาย โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ซินเยว่หันไปถามเขาที่ยืนอยู่หน้าเตา แต่เขาหันกลับมาด้วยสีหน้าที่โมโหสุดขีด“นี่กำลังทำอะไรของเจ้า! ไม่เห็นหรือว่ามันอันตราย" “ท่านหมอเฉินข้าขอโทษ ข้าผิดเองที่ไม่ทันระวัง ขออภัยข้าจะรีบต้มให้ใหม่""ต้มใหม่งั้นหรือ! เจ้าคิดว่ายานี่ต้องใช้เวลาเคี่ยวนานเท่าใด ซูหรันเฝ้ายานี้มากว่าสามวันแล้ว แต่เจ้ามาเพียงไม่นานก็ประมาทจนทำให้เป็นเช่นนี้ ยานี่ซูหรันอุตส่าห์นำมาด้วยมันมีค่ามากเลยนะ อีกอย่าง…”“ข้าขอโทษท่านแล้วมิใช่หรือ”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนป่วยอีกมากขนาดไหนที่รอการช่วยเหลืออยู่ รู้หรือไม่ว่าพวกเราทำงานหนักมากขนาดไหน กว่าจะได้ยาแต่ละถ้วย!”“ศิษย์พี่! ท่านพอได้แล้ว”เฟิ่งเซียวโมโหจนขาดสติ เขาเป็นห่วงกลัวว่าซินเยว่จะบาดเจ็บไปอีกคน แต่กลับพูดเรื่องยาออกมาโดยมิได้ตั้งใจ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้คนตัวเล็กตรงหน้าเขาจะเริ่มสั่น อวิ่นซูหรันเดินมาพยุงนางออกไป“
เฟิ่งเซียวหยุดกึกเมื่อซูหรันพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเองก็ตอบไม่ถูกแต่รู้สึกว่าเพียงแค่ถูกถามเรื่องของถานซินเยว่ก็เริ่มจะไม่อยากพูดขึ้นมา อีกอย่างหลายวันมานี้ซินเยว่ก็เอาแต่ตามติดเขาอยู่ทุกวัน"จะเป็นไปได้เช่นไรศิษย์น้องล้อเล่นแล้ว ซินเยว่แม้จะเป็นคนที่เป็นตัวของตัวเองและเข้าได้กับทุกคน แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะเป็นเช่นนี้เฉพาะกับข้าเสียหน่อย มาเถอะข้าจะพาเจ้าไปดูกระโจมผู้ประสบภัยและห้องเก็บยา"“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”ซูหรันมิได้คาดคั้นถามเขา นับว่าเป็นเรื่องดีเพราะหากนางยังถามอีก เขาก็คงจะรู้สึกอึดอัด เพราะตัวเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดหัวใจจึงเต้นแรงจนเกินควบคุม เวลาที่เอ่ยถึงเรื่องของซินเยว่สามวันถัดมาช่วงนี้ฝนยังคงตกหนักในพื้นที่อำเภอลี่เหมิน ผู้ประสบภัยที่ป่วยก็ไม่มีวี่แววที่จะลดลง เฟิ่งเซียวสั่งให้ทหารเริ่มจัดที่พักแยกผู้ป่วยและผู้ที่เสี่ยงจะป่วยแยกกันเป็นการชั่วคราวเพื่อมิให้โรคแพร่กระจาย ซึ่งนับว่าได้ผลและต้องยอมรับว่าการมาของอวิ่นซูหรันช่วยเขาได้มากจริง ๆ“เอายานี้ไปที่กระโจมผู้ป่วยหนัก อีกสองเตานั้นใกล้เสร็จหรือยัง”“จวนแล้วเจ้าค่ะ”“ซูหรัน ยาของเจ้าต้มเสร็จหรือยัง”“พี่เฟิ
“ศิษย์น้องของท่านหมอเฉินงั้นหรือ”“ใช่ ทั้งสองเป็นศิษย์ของท่านหมอเทวดา “โล่ซินหยาง” แห่งเมืองเหยียน พวกเขาสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน ว่ากันว่าทั้งคู่เป็นหมอเทวะคู่บารมี แม้แต่เซียนยังต้องหลบ"“ข้าส่งยาเสร็จแล้ว เช่นนั้นขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ”“อ้าว เจ้าจะกลับแล้วหรือ ว่าแต่เจ้าหายดีแล้วแน่หรือไหนดูสิ เอ๊ะ เหตุใดหน้าผากยังร้อน ๆ อยู่เลยเล่า”จางหลงจื่อใช้หลังมืออังหน้าผากของซินเยว่ตอนที่นางเผลอ เฟิ่งเซียวที่หันมามองทั้งคู่พอดีก็รู้สึกตงิดใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเมื่อครู่นี้เขายังเห็นซินเยว่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ไม่คิดว่านางจะเดินไปหาจางหลงจื่อเร็วปานนั้น‘เหตุใดปล่อยให้เขาแตะเนื้อต้องตัวขนาดนั้น นางสนิทกับจางจื่อหลงถึงขนาดนั้นเลยหรือ’“ศิษย์พี่เฟิ่งเซียว”“ซูหรันครั้งนี้ขอบใจเจ้ามาก ที่ตอบรับคำเชิญของข้าในการช่วยผู้ประสบภัย ข้าให้คนเตรียมที่พักให้เจ้าแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็รีบเอาของไปเก็บและพักผ่อนก่อนเถอะ”“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”“คุณหนูอวิ่นเชิญทางนี้เลยขอรับ” หมอเวินเป็นผู้นำทางอวิ่นซูหรันไปด้วยตัวเอง แม้ว่าอวิ่นซูหรันหวังอยากจะให้เฟิ่งเซียวเป็นผู้พานางไปด้วยตัวเอง แต่ก็ทำได้แค่หันไปยิ้มและเดินตาม
เฟิ่งเซียวมองไปที่รถม้าคันใหญ่ ที่ขนส่งยาเกือบเต็มคันและรีบคว้าใบรายการยานั้นไปหาซินเยว่ ที่ยืนสั่งให้เพิ่มยาอีกบางอย่างไปกับรถส่งของครั้งนี้ด้วย“ซินเยว่ ข้าขอคุยด้วยหน่อยสิ”“ท่านหมอเฉิน มีอะไรอยากจะสั่งเพิ่มหรือ บอกมาได้เลยนะที่ในรถม้ายังพอเหลือใส่ได้อีกนิดหน่อย”“ไม่ใช่ มานี่เถอะ”เขาดึงมือนางเดินมายังลานตากยาสมุนไพรด้านหลัง ซึ่งมีสตรีหลายคนที่อยู่ช่วยกันเก็บยา เมื่อเห็นพวกเขาเดินมาแต่ละคนก็พากันมอง เพราะไม่เคยเห็นซินเยว่พาบุรุษเข้ามาในร้านมาก่อน“ซินเยว่นี่หมายความว่าอย่างไร เหตุใดยามากมายขนาดนี้เจ้าจึงไม่คิดเงินกับทางการ”“ท่านหมายถึงยาสมุนไพรพวกนี้น่ะหรือ ไม่เป็นไรหรอกถือว่าข้าช่วยก็แล้วกัน”“ไม่ได้ ยาพวกนี้มีมูลค่าสูงเกินไป หากข้าจะเอาไปเปล่า ๆ เช่นนี้มันเอาเปรียบร้านเจ้ามากเกินไป เจ้าคิดเงินมาเถอะอย่าทำเช่นนี้เลย”ซินเยว่เม้มปากเล็กน้อย และหันมาสบตาเขาพร้อมกับยิ้ม เฟิ่งเซียวไม่เข้าใจนางเลยว่าเหตุใดซินเยว่ไม่พูดอะไรเลยสักคำ“ข้าบอกว่าไม่คิดเงินก็ไม่คิดสิ เหตุใดท่านต้องปิดทางการช่วยเหลือของข้าด้วยเล่า ท่านไม่รับน้ำใจข้าหรือ”“ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าเข้าใจข้าผิด แต่ยามากมายขนาดนี้มันอ
“อะไรนะ! ไม่ใช่นะ ข้ากับเขา… ไม่ใช่แบบนั้น”“ไปกันเถอะ”เฟิ่งเซียวไม่เคยถูกผู้อื่นทักทายเช่นนี้มาก่อน เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกเช่นไร แต่เมื่อหันไปมองที่ถานซินเยว่ก็เห็นว่าใบหูนางแดงจัด“เดี๋ยวก่อนนะคุณหนูสาม”“ท่านเลิกเรียกข้าเช่นนี้เถอะ เรียกข้าว่าซินเยว่ก็ได้ เรามิใช่ว่ารู้จักกันแล้วหรอกหรือ”“เอ่อ…ก็ได้ เช่นนั้นซินเยว่ เจ้ารู้สึกไม่สบายท้องหรือไม่”ซินเยว่ชะงัก และหันมามองหน้าของเฟิ่งเซียวในทันทีเมื่อเขาพูดจบ“ท่านว่าอะไรนะ ข้าหรือ”“ใช่ ข้าเห็นใบหน้าเจ้าแดง และที่กกหูยังแดงจัดเหมือนกับท้องเจ้าจะระบายลมไม่ค่อยดี หากว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายท้องข้าคิดว่าเจ้าอาจจะกินอาหารมากเกินไป ดังนั้น…”“เฉินเฟิ่งเซียว! คนบ้าอะไรเนี่ย!”“เจ้า… ไม่ได้ป่วยหรอกหรือ เดี๋ยวสิซินเยว่รอข้าด้วย”ซินเยว่รู้สึกทั้งโกรธทั้งอายเมื่อถูกเฟิ่งเซียวทักเช่นนี้ นางไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าหน้าแดงอยู่และยังร้อนจนถึงใบหูเพราะเขา แต่หมอเฉินเฟิ่งเซียวผู้นั้นกลับคิดว่านางป่วยเพราะท้องไม่ระบาย“คนบ้าอะไรเนี่ย เกิดมามีหน้าเดียวหรืออย่างไรกัน นี่เขามีความรู้สึกหรือเปล่านะ”ซินเยว่เดินมาถึงร้านน้ำตาลปั้นแล้ว นางพยายามไม่หันไปมอ
หลี่ฮั่วเจินใจหายเมื่อถุงเงินขนาดใหญ่ถูกยกไปต่อหน้า โดยไม่สามารถพูดอะไรได้ “เอ่อ คุณชายเจ้าคะรอสักครู่ก่อนข้ามิได้หมายความว่าเช่นนั้น เพียงแต่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย ร้านจินหงของเรายินดีมาก ๆ ที่จะค้าขายกับทางการ”“อ้อ งั้นหรือแต่ตอนนี้ข้ามิได้ยินดีแล้วน่ะสิ ช่างเถอะเอาไว้ข้าอารมณ์ดีเมื่อใดจะแวะมาก็แล้วกันนะ จิ่นหาวเราไปกันเถอะ”“เอ่อ… ปัดโธ่เอ๊ย! ทำไมถึงได้ปากไวเช่นนี้นะ ไม่ควรคิดไปถึงนังเด็กนั่นเลยบ้าจริง! เงินอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ กลับคว้ามาไม่ได้ รู้ถึงไหนอายไปถึงที่นั่น”เฉินเฟิ่งเซียวเพียงแค่หยักยิ้มที่มุมปากและหันไปที่องครักษ์ส่วนตัว จิ่นหาวรู้ทันทีว่าผู้เป็นนายต้องการอะไร‘ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวสกุลถาน จะไม่ค่อยดีอย่างที่คาดจริง ๆ’“คุณชาย”“จัดการตามที่สั่ง กระจายข่าวให้ทั่ว”“แล้วยังจะซื้อผ้าอีกหรือไม่ขอรับ”“วันนี้ยังไม่ซื้อ ข้าจะแวะไปดูสมุนไพรที่ร้านเป่าจิ้นถานสักหน่อย”“เช่นนั้นเชิญทางนี้ขอรับ”จิ่นหาวและเฟิ่งเซียวเดินทางมาถึงตรอกอิ๋งเตียน ซึ่งอยู่ถัดจากตรอกที่คึกคักด้วยผู้คนไปประมาณสองตรอก แม้ว่าจะไม่ค่อยมีผู้คนสัญจร แต่ก็เงียบสงบและดูน่าอยู่ไม่น้อย“ร้านเป่าจิ้นถานอย
เมื่อพูดจบรอยยิ้มของซินเยว่ก็เริ่มค่อย ๆ หุบลงพร้อมกับก้มหน้าลง เมื่อครู่นี้นางพึ่งจะเผลอบอกว่า “ชอบ” ออกไป แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำนั้น“หมอเฉินหน้านิ่งงั้นหรือ เหลวไหล ฝนจะตกแล้วเจ้าเข้ามาดื่มชาก่อนเถอะ”“มะ ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ข้ายังต้องรีบกลับไปช่วยตาแก่ ไม่ใช่อาจารย์เก็บร้านอีก เอาไว้วันหลังค่อยมาดื่มชากับท่าน ข้ากลับก่อนละหมอเฉินหน้านิ่ง!”“เจ้า…เฮ้อ…ทำไมไม่เรียบร้อยเลยนะ”เฟิ่งเซียวหันไปมองตามดรุณีน้อยที่วิ่งไปขึ้นม้าของตัวเองและควบออกไป ขบวนรถม้าตามหลังนางไปอีกครั้ง“ถานซินเยว่… ช่างสดใสราวกับบุปผาในฤดูใบไม้ผลิ”เมื่อหันไปมองไม้สำหรับช่วยพยุงเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ บาดแผลเมื่อหลายวันก่อนดูเหมือนว่าจะยังมิได้หายไป แต่เหมือนว่านางจะบาดเจ็บเพิ่มขึ้น เพราะวันนี้เขาได้กลิ่นยาทาแผลสดและดูเหมือนว่านางจะพันแผลที่ขามาด้วย“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ จิ่นหาว”“ขอรับคุณชาย”“เรื่องที่ให้เจ้าไปสืบได้ความว่าอย่างไรบ้าง”“หากเป็นเรื่องของสกุลถาน ข้าน้อยส่งไปให้คุณชายที่ห้องเมื่อสองวันก่อนแล้วนะขอรับ”“งั้นหรือ เช่นนั้นบ่ายนี้หากมีเรื่องด่วนอะไรก็ให้คนไปแจ้งข้าที่ห้องก็แล้วกัน”“ข
“ท่านอ๋องเสด็จมาครานี้….”“อ้อไม่ต้องมากพิธี บอกให้ทุกคนว่าไม่ต้องทำสิ่งใดเป็นพิเศษ เพียงรีบมาช่วยพวกท่าน ตอนนี้ในวังยังไม่มีเหตุการณ์อะไรน่าเป็นห่วง อีกอย่างข้าพึ่งเดินทางกลับมาจากหลิงโจวก็เดินทางมากับหลันอ๋องเลย”“เอ่อ เช่นนั้นหลันอ๋องเล่าพ่ะย่ะค่ะ”“เขากลับไปหลันโจวแล้ว เห็นว่ายังมีเรื่องที่จะต้องจัดการอยู่ หมอเวินหากมีสิ่งใดที่ต้องการเร่งด่วนก็รีบแจ้งมาได้เลย ข้าจะให้คนจัดหาให้ ขอโทษด้วยที่มาช้าไปสักหน่อยแต่ดู ๆ แล้วพวกท่านมิได้ลำบากมาก”“พ่ะย่ะค่ะ ที่นี่มีคุณหนูถานที่คอยช่วยเตรียมของที่ขาดให้ แต่ว่านางก็แอบช่วยโดยมิอาจออกนามได้”“เป็นเพราะเหตุใดกัน ดูเหมือนว่าคุณหนูผู้นี้จะมีเรื่องราวที่แอบซ่อนอยู่มากจริง ๆ”“คือว่า…”หมอหลวงเวินหันไปมองพักตร์ท่านอ๋อง แต่ก็มิได้พูดอะไรมากนักเพราะเกรงว่าจะเป็นเรื่องไม่ควร ท่านอ๋องเองก็มิได้ซักถามต่อ เขาปล่อยหมอเวินกลับออกไปทำงานและหันไปมององครักษ์ข้างกาย ผู้ที่พึ่งไปรับเขามาจากเมืองหลิงโจว“จิ่นหาว”“พ่ะย่ะค่ะ”“ส่งคนตรวจสอบสกุลถานให้ข้าที แล้วก็… ทางที่ดีให้น้องเก้าสืบหาเรื่องของสกุลถานที่ติดอยู่นอกเมืองด้วย ข้าอยากจะรู้ว่าตระกูลคหบดีถานผู้นี้มีค