บทที่ 2 ขอความร่วมมือ
ยามสนธยามาเยือนท้องฟ้าก็เริ่มมืดทั่วทั้งเมืองปกคลุมด้วยหมอกสีขาวสตรีงามพิลาสล้ำคิ้วใบหลิวดวงตาสวยเป็นประกายลึกล้ำยากจะหยั่งรู้ใบหน้าเคร่งขรึมดวงตาคู่งามเรียบนิ่งดุจสายน้ำยาวเดินล้วนงามสง่ายากจะละสายตาของผู้ที่ยืนอยู่ต่อหน้า
"ร่างกายของท่านยังไม่หายดีออกมาตากน้ำค้างเช่นนี้อาจจะแย่เอาได้ "ชายผู้นั้นเป็นเจ้าของสันกรามคมชัดคิ้วองอาจผึ่งผายดวงตาทั้งสองหยักโค้งเล็กน้อยสง่างามทรงภูมิเอ่ยถามสตรีที่กำลังย่างกรายเข้ามาใกล้ตน
"คุณชายท่านทำเช่นนี้ทำไมกัน" เมฆหมอกแห่งความสงสัยเข้าปกคลุมนางหยุดเท้าเงยหน้าจ้องมองพลางเอ่ยถาม
"สิ่งที่ข้าช่วยท่านเพราะข้ามิเห็นด้วยกับโทษที่ท่านจะได้รับท่านพี่เสิ่นเกาหลานนั้นทำเกินกว่าเหตุเพราะความโมโหจึงไม่หยั่งคิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ไม่มีหลักฐานว่าท่านเป็นคนลงมือแต่กลับกล่าวโทษ ข้าจึงมิอาจจะรับได้ครั้นข้าจะประท้วงก็ยากจะต่อกรกับท่านพี่ที่มีอารมณ์ปะทุร้อนเช่นนั้น " ดวงตาคู่งามจ้องมองเขาเผยสีหน้าซับซ้อนยากจะอ่านความ
"การช่วยข้าออกมาจากการคุมขังเช่นนี้อาจจะทำให้ท่านเดือดร้อนเอาได้ท่านไม่เกรงกลัวอย่างนั้นหรือ? "
"ท่านจะให้ข้าทนเห็นท่านไม่ได้รับความยุติธรรมอย่างนั่นหรือ เช่นนั้นข้าคงยืนเฉย ๆ มิได้"
"คุณชายช่างมีความเมตตาโดยแท้จริง ข้าทราบซึ้งน้ำใจบุญคุณครั้งนี้ข้าจะทดแทน"
"เพียงแค่ข้าช่วยท่านออกมาได้เพียงเท่านี้ข้าก็ไม่หวังสิ่งตอบแทนแล้วต่อจากนี้ท่านจะทำอย่างไรต่อไป "
"ข้าเสมือนคนที่ตายไปแล้วแต่ทว่าความคับแค้นในใจของข้ายังเต็มอก ข้าอยากจะกลับไปที่เรือนตระกูลเสิ่นอีกครั้งเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงความผิดครั้งนี้มิใช่ฝีมือของข้า แม้ว่าข้าจะมีชื่อเสียงในเรื่องของความโหดร้ายแต่ข้ามิได้คิดทำร้ายน้องสาวของข้าเลยแม้แต่น้อย เรื่องนี้ต้องมีบุคคนอื่นที่ต้องการกำจัดข้า " ดวงตานิ่งมองความว่างเปล่าจุดหนึ่งในอากาศในห้องความรู้สึกซุกซ้อนความเศร้าที่ล้ำลึกยิ่งกว่า
"ข้าเกรงว่าจะไม่เหมาะ หากท่านบุ่มบ่ามอาจจะเกิดเรื่องขึ้นได้"
"ไม่เกี่ยว 'อันใด' กับท่าน แม้ว่าท่านช่วยชีวิตข้าเอาไว้แต่ท่านมิใช่เจ้าของชีวิตข้าเพราะความทุกข์ทรมานใจของข้ามิอาจจะรอได้ หากมีผู้ประสงค์ร้ายต่อสวี่เจี่ยฟางน้องสาวของข้าจริง ๆ จะเป็นเช่นไร อาจจะมีผู้ประสงค์ร้ายที่ต้องการกำจัดการทั้งสองก็เป็นได้ ข้ามิอาจจะนิ่งเฉย" เขาจ้องมองใบหน้าในดวงตาเต็มเปรี่ยมด้วยความคับแค้น
"หากท่านตัดสินใจทำเช่นนี้ข้าจะช่วยท่านเองหากจะกลับเข้าไปที่เรือนสกุลเสิ่นต้องหาหลักฐานว่าทั้งหมดมิใช่ความผิดของท่านเสียก่อนมิเช่นนั้นคงทำให้ท่านพี่เสิ่นเกาหลานโมโหมากกว่าเดิมและไม่ยอมฟังความ"
สวี่หยางเริ่มครุ่นคิดนางจำได้คลับคล้ายคลับคราว่าวันที่นางไปหาเจี่ยฟางที่ห้องของนางเห็นสาวใช้กำลังทำตัวลับๆ ล่อ ๆ คล้ายนำผ้าเปื้อนเลือดออกไปทางด้านหลังเรือนนางไม่ได้นึกเอะใจอันใดคิดว่าสาวใช้นางนั้นเป็นฤดูของนาง จึงเดินไปหาเจี่ยฟางต่อก่อนจะเกิดเรื่องใส่ความนางขึ้นมา หรือว่าเรื่องนี้จะเป็นที่มาของการใส่ความ?
หรือว่าเจี่ยฟางมิได้ตั้งครรภ์ ? เช่นนั้นเรื่องที่นางเอ่ยบอกแก่ทุกคนเป็นเรื่องหลอกลวงเช่นนั้นหรือ? มิใช่หรอกเจี่ยฟางเป็นน้องสาวของนาง นางจะทำเช่นนี้ใส่ความผู้เป็นพี่สาวของนางได้อย่างไร?
"เช่นนั้นข้าต้องขอความร่วมมือจากท่านเสียแล้ว ท่านเต็มใจจะช่วยข้าหรือไม่? "
"ข้าทำถึงเพียงนี้ท่านยังไม่รู้อย่างนั้นหรือ?"
"ข้อขอบใจท่านอีกครา รุ่งสางข้าจะแจ้งท่านข้าขอไตร่ตรองให้ดีเสียก่อนว่าจะทำเช่นไรต่อไป เพราะข้าไม่อยากจะผิดพลาดอีกแล้ว"
"เช่นนั้นท่านเข้าไปพักผ่อนเถิด หากขาดเหลืออะไรแจ้งข้าได้เสมอให้ท่านอยู่ที่นี่เปรียบเสมือนเรือนของท่านมิต้องเกรงใจ ข้าขอตัว"
เขาเดินจากไปทันทีหลังเอ่ยจบร่างบางจ้องมองแผ่นหลังของเขาจนลับสายตา ชายผู้นี้ยากนักจะรู้ใจ เขาคือคุณชายเสิ่นจิ้นบุตรชายคนรองของสกุลเสิ่นเป็นน้องชายที่รักท่านพี่ของตนเอง แต่เหตุใดเขาถึงยื่นมือเขามาช่วยนางเช่นนี้ ยิ่งคิดยิ่งมีข้อกังขามากมายที่พรั่งพรูเข้ามาในความคิด
ผลประโยชน์ที่ทำให้นางได้รับโทษครั้งนี้ยิ่งครุ่นคิดยิ่งเจอเรื่องเคลือบแคลงใจหรือทั้งหมดเป็นแผนของเสิ่นเกาหลานสามีของนางที่จงเกลียดจงชังนางมาตลอดอยากให้นางหายไปจากชีวิต หรือจะเป็นเจี่ยฟางแต่ถึงกระนั้นนางจะทำเช่นนั้นทำไมกันอย่างไรนางก็เป็นน้องสาว และสวี่หยางก็ยอมให้นางมาตลอดทุกอย่างแม้แต่ตำแหน่งอนุของเสิ่นเกาหลานนางยังยอมให้น้องสาวที่นางรักแต่งเข้ามา เพียงเพราะเป็นความประสงค์ของเสิ่นเกาหลานที่เอ่ยปากบอกแก่นาง นางจะไม่ยอมรับความผิดในครั้งนี้ที่นางไม่ได้ก่อ
หนึ่งปีย้อนหลัง
"นำนางไปโบยจับถ่วงน้ำจนกว่านางจะยอมรับความจริง" น้ำเสียงแผดดังออกมาจากปากงามยืนสั่งการด้วยความโมโห
"คุณหนูใหญ่ ขะ...ข้าไม่ได้ทำนะเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ทำได้โปรดเมตตาข้าด้วยข้าถูกใส่ร้าย" สาวใช้คุกเข่าลงกอดขาของผู้เป็นนายสะอื้นไห้ออกมาอย่างหวาดกลัว
"เจ้ากลัวตายเช่นนั้นหรือ? แล้วตอนที่เจ้านำยาพิษมาให้ข้าดื่มเจ้าไม่เห็นมีท่าทีหวาดกลัวเช่นนี้แม้แต่น้อย"สายตาคมราวมีดเชือดเป็นพันเป็นหมื่นชิ้นทำให้สาวใช้เริ่มรู้ชะตากรรมของตนปล่อยมือออกจากขาของนางก้มหน้าต่ำลง
ทันใดนั้นเองสตรีอีกนางเดินกึ่งวิ่งเข้ามาห้ามปราม ใบหน้าของนางกระจ่างหมดจดริมฝีปากบางแต้มด้วยชาติสีแดงขับผิวผุดผาด ร่างกายบอบบางผ่ายผอมดั่งกิ่งหลิว
"พี่หยางเกิดเรื่องอันใดขึ้นเจ้าคะเสียงดังไปทั่วทั้งเรือน" น้ำเสียงนุ่มนวลเปิดปากถามผู้เป็นพี่
"สาวใช้ข้างกายของข้าผู้ที่ข้าเชื่อใจกลับกลายเป็นผู้ทรยศข้า หากสาวใช้อีกนางไม่เดินชนนางที่ยกน้ำแกงมาให้ข้า ปานนี้ข้าคงกินน้ำแกงและยาพิษไปแล้ว ข้าเค้นถามนางไม่ยอมรับ ข้าจึงจะลงโทษจนกว่านางจะยอมบอกว่าเป็นฝีมือผู้ใดกัน หรือว่าจะเป็นสาวใช้ในเรือนรวมตัวกันเพื่อต้องการให้ข้าดื่มเพราะข้าเป็นคุณหนูที่พวกนางมิชอบสินะ"
"อาจจะไม่ใช่อย่างที่ท่านพี่คิดก็ได้นะเจ้าคะ ใจเย็นก่อนเถิดเจ้าค่ะสาวใช้ในเรือนจะกล้าทำเช่นนี้กับท่านพี่อย่างไรเจ้าคะไม่มีเหตุที่ต้องทำถึงเพียงนี้เลย"
"เจี่ยฟางเจ้ามันอ่อนหัดหัวอ่อนไม่ทันคนอย่างไรข้าจะลงโทษนางให้นางเอ่ยความจริงออกมา" สวี่หยางจะยอมปล่อยคนที่คิดจะฆ่านางได้อย่างไรหากสาวใช้อีกนางไม่เดินมาชนมีหวังนางคงไม่ได้มีชีวิตยืนสืบหาความจริงครั้งนี้เป็นแน่
บทที่ 3 เคยชิน"เอาตัวนางไปลงโทษตามคำสั่งของข้า ทำจนกว่านางจะยอมรับหากนางสลบนำน้ำเย็นสาดใส่หน้าให้นางฟื้นเค้นถามให้จงได้" สิ้นเสียงของสวี่หยางความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านจากปลายเท้าถึงหนังศีรษะของผู้กำลังถูกลงโทษ"ขอรับคุณหนูใหญ่"บ่าวรับใช้น้อมรับคำสั่งผู้เป็นนายพาตัวสาวใช้ไปลงโทษตามคำสั่ง สาวใช้คุกเข่าลงหัวโขกพื้นสะอึกสะอื้นแต่ทว่าสวี่หยางกลับไม่แยแสเดินเชิดหน้าออกไปจากที่ตรงนั้นมีเพียงเจี่ยฟางที่ต้องมองสาวใช้ด้วยความสงสารก่อนจะเดินตามหลังสวี่หยางออกไป"พี่หยางหากเรื่องนี้แพร่ออกไปนอกเรือนจะไม่เกิดผลดีต่อท่านนะเจ้าคะ โปรดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนอีกรอบ"ชื่อเสียงฉาวโฉ่ขจรขจายไปไกลของสวี่หยางนั้นยากที่จะทำให้ชื่อเสียงกลับมาดีได้นางไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าผู้อื่นจะมองนางเช่นไร"เหตุใดต้องเกรงกลัวเจ้าก็รู้ว่าข้าถูกชาวบ้านหรือแม้แต่สาวใช้ในเรือนตนขนานนามว่าเช่นไร""แต่ว่า...หากเรื่องนี้ถึงหูของสกุลเสิ่นจะดีต่อท่านพี่หรือเจ้าคะ" ใบหน้าของเจี่ยฟางสลดลงเล็กน้อยเป็นกังวลแทนผู้เป็นพี่"เจ้าไม่ต้องมาใส่ใจ ข้ามิได้แต่งเข้าสกุลเสิ่นด้วยความรักที่ข้าทำทั้งหมดเพราะเป็นประสงค์ของทั้งสองตระกูล ว่าแต่เจ้ามาหาข้ามีเร
บทที่ 4 ถูกปิดปากเมื่อมาถึงเรือนบ่าวรับใช้ที่ให้ลงโทษจี๋เสียงวิ่งหน้าตั้งมาแจ้งสวี่หยางด้วยน้ำเสียงกระอึกกระอัก นางคิดว่าจี๋เสียงยอมปริปากบอกแต่ทว่าสิ่งที่นางได้ยินจากปากของบ่าวกลับทำให้นางตกใจเพียงครู่"คุณหนูใหญ่ยามนี้จี๋เสียงสิ้นลมแล้วขอรับ""เกิดอันใดขึ้นข้าบอกให้เจ้าทำโทษนางมิได้ให้ฆ่านางทิ้งเสียหน่อยเช่นนี้ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นฝีมือของผู้ใด" สวี่หยางแผดเสียงสูงกราดเกรี้ยวประหนึ่งโดนสายฟ้าฟาดผ่านร่าง ไม่รู้แม้กระทั่งผู้ปองร้ายแถมยังต้องเสียสาวใช้อีกด้วย"คุณหนูข้ามิได้ลงมือฆ่านางขอรับ ข้าพยายามเค้นถามนางเอาแต่บอกว่านางไม่ได้ทำ นางจงรักภักดีต่อคุณหนูมาตลอด ข้าปวดหนักออกไปเพียงครู่กลับมาเห็นนางนอนน้ำลายฟูมปากตาเหลือกขึ้นบนแล้วขอรับ"สวี่หยางไม่อยากจะเชื่อคำพูดของบ่าวรีบวิ่งไปดูจี๋เสียงที่ลานลงโทษ ครั้นมาถึงเห็นสภาพนางนอนแน่นิ่งน้ำลายฟูมปากอย่างที่บ่าวแจ้งแต่ทว่าการตายของนางยิ่งทำให้สวี่หยางขับข้องใจมากกว่าเดิม การตายเช่นนี้ราวกับว่านางถูกวางยาให้นางดื่มยาพิษเพื่อปิดปาก"เจ้าจงค้นให้ทั่วเรือนทั้งเรือนของสาวใช้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดจงค้นให้ทั่ว การตายของจี๋เสียงมิใช่การตายธรรมดานางโ
บทที่ 5 คุณชายรองเสิ่นจิ้นสวี่หยางลุกขึ้นเดินเพื่อสำรวจตู้เตียงโต๊ะที่ทำด้วยไม้สนอย่างดียังมีแจกันลายเมฆมงคลสองใบและของประดับตกแต่งหรูหราหากไม่รกหูรกตาจนเกินไปเขาคงไม่ปล่อยให้นางต้องนอนเพียงลำพังตั้งแต่ค่ำคืนแรกที่แต่งเข้ามาหรอกกระมั่ง!เพียงชั่วอึดใจที่สวี่หยางคิดเช่นนั้น นางมองไปยังสุรามงคลที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะก่อนจะละสายตาพลางถอนหายใจเดินกลับไปที่เตียงนอนครั้นประตูถูกเปิดเข้ามาสวี่หยางรีบใช้มือดึงผ้าคุมหัวลงมาปิดไว้และนั่งแน่นิ่งรอสามีของตนมาเปิดหัวใจของนางเริ่มเต้นระรัว ถึงนางจะเป็นสตรีที่ดุร้ายแต่ทว่าเรื่องเช่นนี้นางเองก็ยังคงอ่อนหัดเช่นกันแต่ทว่านางนั่งอยู่สักครู่กลับไม่มีเสียงใดเอ่ยออกมาจากปากของเขา มีเพียงเสียงฝีเท้าที่กำลังย่างเข้ามาใกล้ ๆ ใช้ไม้ที่วางอยู่เปิดผ้าคุมออกเผยให้นางได้เห็นใบหน้าของเสิ่นเกาหลาน ดวงตาลุ่มลึกใบหน้าคมคิ้วกระบี่ท่าทางสุขุมราวกับบัณฑิต ดวงตาดำขลับเว้าลึกมีความไม่แยแสต่อโลกเจืออยู่ในนั้น แต่ทว่ากลับทำให้หัวใจของสวี่หยางสั่นไหว"บุปผาในน้ำ จันทราในกระจก ช่างเป็นเช่นดั่งที่เขากล่าวเล่าลือ ข้ามาที่เรือนนี้เพราะไม่ได้ต้องการร่วมหลับนอนกับเจ้า ข้าขอเอ่ยกับเ
บทที่ 6 ไปมาหาสู่หลังจากวันนั้นที่เสิ่นจิ้นมาเยี่ยมเยือน เขาก็มาบ่อยครั้งพอทำให้สวี่หยางคลายเหงาลงได้บ้าง เพราะตั้งแต่คืนแรกที่เข้าหอเสิ่นเกาหลานมิเคยมาหานางอีกเลย นางพบเขาเพียงแค่กินอาหารเช้าร่วมกันราวกับทำเป็นหน้าที่ที่นางต้องทำในทุกวัน สาวใช้ในเรือนก็มีแต่คนกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ ความโดดเดี่ยวท่ามกลางหัวใจของสวี่หยางราวกับถูกหิมะปกคลุม"พี่สะใภ้วันนี้ข้าได้ปลามาจากตลาดหวนคิดถึงท่าน เย็นนี้ข้ามาฝากท้องที่นี่ได้หรือไม่ขอรับ?" เสิ่นจิ้นร่าเริงมักสร้างเสียงหัวเราะให้แก่สวี่หยางเมื่อพบเสมอ"เหตุใดจะไม่ได้กันเจ้าคะ นำปลามานี่เถิดข้าจะให้สาวใช้ไปจัดการยามนี้ตะวันคล้อยต่ำลงไม่นานท่านพี่คงจะกลับมา " ดวงตาปรากฎรอยยิ้มส่งผ่านใบหน้ายื่นมือรับปลาจากเสิ่นจิ้นแต่แล้วจู่ ๆ นางต้องชะงักมือหยุดนิ่งรอยยิ้มเจือจางลงเมื่อถูกเสิ่นจิ้นเอ่ยถาม"ข้าขอละลาบละล้วงได้หรือไม่ขอรับ? แม้ว่าจะดูว่าข้าไร้มารยาทก็ตาม เสมือนท่านทั้งสองไม่มีความสุขเลยที่อยู่ด้วยกัน""ไม่เลยเจ้าค่ะ ข้ากับคุณชายเสิ่นเกาหลานรักกันดี นำปลามาให้ข้าก่อนสิเจ้าคะข้าจะนำไปให้สาวใช้ที่โรงครัว" สวี่หยางครุ่นคิดเพียงครู่รีบตอบกลับโดยเร็วไม่ใช่เพีย
บทที่ 7 เจี่ยฟางมาเยือนวันถัดมาเจี่ยฟางอยู่ที่เรือนตระกูลสวี่ตั้งแต่ท่านพี่แต่งออกเรือนภายในเรือนเงียบงัน ไร้เสียงตวาดต่อว่าสาวใช้อย่างเคยชิน แต่ทว่าสาวใช้กลับชอบที่เรือนเงียบสงบไร้คุณหนูที่เอาแต่ใจตนเองทำให้ทุกคนมีความสุขมากขึ้น“เฮ้อ! ตั้งแต่พี่หยางออกเรือนไปที่นี่ช่างเงียบเหงาจัง ข้าไปพี่หยางสักนิดดีมั้ยนะหากรอพี่หยางมาหาคงไม่มีเวลาแน่นอน ซื่อจินข้าจะเดินทางไปเยี่ยมพี่หยาง” เจี่ยฟางลุกขึ้นยืนหันไปบอกแก่สาวใช้ในสิ่งที่นางต้องการ“จะไปหาคุณหนูใหญ่หรือเจ้าคะ? เช่นนั้นข้าจะให้บ่าวเตรียมเกี้ยวให้นะเจ้าคะ” ซื่อจินสาวใช้ข้างกายของเจี่ยฟางแจ้งต่อคุณหนูก่อนจะก้มโค้งลงก่อนจะเดินออกจากห้องไปบอกให้บ่าวเตรียมเกี้ยวเพื่อออกเดินทางไปที่เรือนของเสิ่นเกาหลาน ดวงตาของเจี่ยฟางเป็นประกายก่อนจะย่างกรายออกจากห้องของตนเพื่อไปเยี่ยมสวี่หยางเรือนเสิ่นเกาหลานฝั่งด้านสวี่หยางตั้งแต่เมื่อวานที่นางเดินหนีเสิ่นเกาหลาน เขามิได้ยื้อนางไว้แต่อย่างไร เช้าวันนี้เขาเองก็มิได้ร่วมกินอาหารกับนางด้วยซ้ำสาวใช้ได้เอ่ยบอกว่าเช้าวันนี้คุณชายออกไปด้านนอกตั้งแต่เช้าตรู่ทำให้อาหารมื้อนี้สวี่หยางกินอย่างเอร็ดอร่อยกว่าทุกวัน
บทที่ 8 สายตาปกปิดไม่มิด"ฮูหยินพวกข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะโปรดเมตตาพวกข้าด้วย "สวี่หยางเงยหน้าขึ้นปรายสายตาไปมองสาวใช้พลางแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อย หากพวกนางคิดว่านางเป็นเช่นนั้นก็ดีเช่นกันจะได้ไม่มีใครกล้าจะที่ัขัดคำสั่ง"เช่นนั้นเจ้าเตรียมน้ำชาพร้อมขนมหวานตามข้ามาที่ห้องโถง" สวี่หยางชี้นิ้วไปยังคนที่เอ่ยเรื่องนางเมื่อครู่ สาวใช้ทรุดตัวลงอย่างอ่อนแรงนางหวาดกลัวสวี่หยางเหลือเกินแต่ก็มิกล้าขัดคำสั่ง"เจ้าค่ะ ฮูหยิน" สาวใช้เอ่ยน้ำเสียงสั่นคลอนก่อนจะรีบลุกเตรียมน้ำชาหากชักช้าเกรงว่าจะถูกลงโทษได้ สาวใช้ที่อยู่ในโรงครัวพากันก้มหน้ามิกล้าจะสบตาผู้เป็นนายจนสวี่หยางรำคาญหูลำคาญตาตวาดไล่พวกนางไปทำหน้าที่ของตน"พวกเจ้าไม่มีอะไรทำกันหรืออย่างไร? ไปทำงานของพวกเจ้าสะสิหากข้าพบว่าในเรือนไม่สะอาดตรงใดข้าจะจับพวกเจ้ามาเฆี่ยนให้หลังลาย""เจ้าค่ะ ฮูหยินพวกข้าจะรีบไปทำเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ"สาวใช้พากันแยกย้ายไปทำงานของตนเองอย่างเร่งรีบ สวี่หยางหันไปมองสาวใช้ที่นางให้ไปจัดเตรียมน้ำชา เมื่่อเห็นนางจัดเสร็จแล้วจึงเดินนำหน้ามายังห้องโถงวันนี้เหล่าแมลงพากันบินว่อนเต็มท้องฟ้าช่างเป็นวันที่อากาศดียิ่งนัก เมื่อแต่นางเดิน
บทที่ 9 ขอเจี่ยฟาง"ฮูหยินเจ้าใจกว้างกว่าข้าคิดไว้มาก หากเจ้าเอ่ยมาเช่นนี้ข้าจะจัดการสู่ขอสวี่เจี่ยฟางมาเป็นอนุทันที คืนนี้พระจันทร์ช่างงดงามจริง ๆ สวรรค์เมตตาข้าแล้ว"ความรู้สึกหลากหลายซับซ้อนไร้ถ้อยคำกระทันหัน มองบุรุษที่เดินจากไปชีวิตของนางต่อจากนี้คงไม่อาจฝืนชะตาฟ้า พาร่างตนเดินเข้าไปในห้องนั่งลงบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง รู้สึกอยากร่ำไห้แต่น้ำตากลับคั่งค้างอยู่ในอกไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร่ำไห้รุ่งสางวันต่อมาสวี่หยางอึกครึ้มด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยวไม่คิดเลยว่าเสิ่นเกาหลานจะทำอย่างที่เอ่ยมาเมื่อคืนจริง ๆ เขาเดินทางไปหาท่านพ่อของสวี่หยางตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อทำการสู่ขอสวี่เจี่ยฟางมาเป็นอนุตน สวี่หยางเฝ้าภาวนาไม่ให้เจี่ยฟางรับ แต่นางจะทำเช่นใดได้เมื่อเห็นสีหน้าแววตาของเจี่ยฟางเมื่อวานยากที่จะเดาออก"เอ่อ...ฮูหยินเจ้าคะหม้อแกงน้ำเดือดจนล้นออกมาแล้วเจ้าค่ะ " หลีลี่จื่อที่ทำงานในโรงครัวแปลกใจที่เห็นฮูหยินเข้าครัวตั้งแต่เช้าตรู่แถมวันนี้ใบหน้าของฮูหยินเศร้าหมองคล้ายเก็บงำเรื่องอันใดอยู่ในใจ นางคอยลอบมองอยู่บ่อย ๆ จนเห็นน้ำแกงที่ฮูหยินตั้งใจทำเริ่มเดือดแต่ทว่าฮูหยินกลับยืมมองด้วยความเหม่อลอยจนน
บทที่ 10 เอ็นดูพี่หยางด้วยเจ้าค่ะพิธีแต่งอนุก็มาถึง วันนั้นที่เสิ่นเกาหลานเดินทางไปสู่ขอเจี่ยฟางแม้ใต้เท้าสวี่จะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่แต่เมื่อถามเจี่ยฟางให้นางตัดสินใจเอาเอง นางพึงพอใจที่จะเข้าไปเป็นอนุของเสิ่นเกาหลานงานพิธีในวันนี้จึงถูกจัดขึ้นไม่น้อยหน้างานของสวี่หยางเลยแม้แต่น้อยแถมใบหน้าของเสิ่นเกาหลานเต็มไปด้วยรอยยิ้มแตกต่างจากยามที่แต่งสวี่หยางเข้ามาซะเหลือเกินสวี่หยางฝืนยิ้มหน้าชื่นอกตรมรับจอกน้ำชาที่เจี่ยฟางนำมาคารวะตนที่เป็นฮูหยินใหญ่ผ่านสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมา"ต่อจากนี้ข้าฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะเจ้าคะฮูหยิน""แม้ว่าเจ้าจะมาเป็นอนุของเสิ่นเกาหลานแต่อย่างไรเจ้าก็เป็นน้องสาวของข้า ข้าน้อมรับเจ้าด้วยใจจริงของข้าต่อจากนี้ขอให้เจ้ามีความสุขที่สุดและจะไม่มีผู้ใดมาทำร้ายเจ้าได้" สวี่หยางยื่นมือรับจอกน้ำชาประคองดื่มรวดเดียวหมดจอกก่อนจะยื่นกลับคืนไปให้นางเป็นอย่างที่นางคาดคิดสาวใช้ในเรือนต่างพากันซุบซิบนินทากันให้แซ่ดเรื่องที่สวี่หยางใจใหญ่ยอมรับให้น้องสาวตนเองมาใช้สามีผู้เดียวกัน แต่นางมิได้สนใจ หลังจากวันนั้นเสิ่นเกาหลานไม่เคยย่างกรายมาหาสวี่หยางเลยด้วยซ้ำหลีลี่จื่อแอบมองยามเดิน
บทที่ 59 ข้าจะลิขิตเองน้ำเสียงจริงจังแววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของเสิ่นจิ้นทำให้สวี่หยางส่ายหัวไปมาลอบยิ้มหนึ่งคราก่อนจะตอบเขาไป“เรื่องนั้นอยู่ที่ฟ้าจะลิขิตแล้วเจ้าค่ะว่าท่านจะหาข้าพบหรือไม่? หากท่านหาข้าพบจริง ๆ ครานั้นข้าจะตอบคำถามนี้นะเจ้าคะ ตอนนี้ข้าต้องเดินทางก่อนต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะถึงที่ที่ข้าจะไป ข้าหวังว่าท่านจะพบสตรีที่งดงามและท่านรักนางหมดใจจนล้มเลิกความคิดที่จะตามหาข้า ลาก่อนเจ้าค่ะ” สวี่หยางเอ่ยจบเดินจากเสิ่นจิ้นขึ้นรถม้าที่อยู่หน้าเรือนตามด้วยหลีลี่จื่อ นางเห็นเสิ่นจิ้นได้โค้งคำนับลงหนึ่งครั้งก่อนจะขึ้นรถม้าตามสวี่หยางออกเดินทางเสิ่นจิ้นยืนมองรถม้าเคลื่อนออกไปลมได้พัดผ่านความเย็นมาระลอกหนึ่งประหนึ่งคำกล่าวลาของสวี่หยาง เขาหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ก่อนจะพึมพำเอ่ยตามหลังนาง“ผู้ใดว่าข้าจะให้สวรรค์ลิขิตกัน ข้าเสิ่นจิ้นขอลิขิตเองและสตรีที่ข้าหมายใจมีเพียงเจ้าผู้เดียวสวี่หยางไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใดไกลพันลี้ข้าจะตามหาเจ้าให้เจอ เมื่อนั้นข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เจ้าจากข้าไปได้อีกต่อไปเตรียมรับมือจากข้าได้เลย” แววตาของเสิ่นจิ้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แม้จะใช้เวลานานก็ถือว่าเขาได้พ
บทที่ 58 จากลาเสิ่นเกาหลานเดินจากไปให้เสิ่นจิ้นที่ยืนอยู่ด้านนอกเข้ามาหาสวี่หยางเพราะเห็นท่าทางของเสิ่นจิ้นแล้วเขาน่าจะอยากคุยกับนางมากกว่าเขาเสียอีกสวี่หยางหันไปมองหลุมป้ายชื่ออีกครั้งนางไม่คิดจะอยู่ที่นี่เพราะไม่อยากพบเจอเสิ่นเกาหลานอีกแค่เห็นเขานางก็หวนคิดถึงเจี่ยฟางไม่จางหาย หากนางสะสางทุกอย่างเสร็จสิ้นจะเดินทางไปหาท่านป้าที่ทิศเหนือไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขปลูกผักเลี้ยงสัตว์เย็บผ้าอย่างเรียบง่าย หนีเรื่องวุ่นวายจะดีกว่า แม้ว่าไม่ทำงานอะไรสมบัติของท่านพ่อที่มีนางคงใช้ไม่หมดแน่ ๆ“ท่านตัดสินใจหย่ากับท่านพี่จริง ๆ หรือ”“จริงเจ้าค่ะ จริงสิข้ายังไม่ได้ขอบคุณท่านเลย ท่านคอยเคียงข้างมาตลอดหากไม่มีท่านข้าก็ไม่รู้จะทำเช่นไรเหมือนกันเจ้าค่ะ ขอบคุณด้วยความจริงใจนะเจ้าคะ” สวี่หยางหันมาก้มโค้งลงอย่างนอบน้อมทราบซึ้งน้ำใจของเสิ่นจิ้น เขารีบประคองนางขึ้นมาไม่ให้นางต้องขอบคุณเขาเพราะที่เขาทำไปเพราะเขาอยากทำด้วยใจจริงเช่นกัน“ไม่เห็นต่องทำเช่นนี้เลยขอรับ ไม่ได้มากมายอันใดที่ข้าช่วยเหลือท่านเพียงเท่านี้เล็กน้อย”“คุณชายเป็นคนดี วันนี้ข้าจะขออวยพรในฐานะพี่สะใภ้ของท่าน ขอให้ท่านพบเจอความรักที่สวยงามแล
บทที่ 57 ทำทุกอย่างให้ถูกต้องหลังจากที่ปลอบใจของสวี่หยางอยู่ไม่นานบ่าวรับใช้กลับมาพร้อมผู้ตรวจการ ช่วยพากันนำรางของใต้เท้าสวี่ลงมาจากขื่อตรวจสอบดูในห้องไร้ร่องรอยการต่อสู้แน่ชัดแล้วว่าเขาตั้งใจปลิดชีพตนเองเพราะมีจดหมายที่เขียนด้วยฝีมือของเขาอยู่บนเตียงนอนสวี่หยางสงบสติอารมณ์แม้จะเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจแต่ยามนี้นางต้องตั้งสติเพื่ออ่านเนื้อความในจดหมาย“สวี่หยางข้ารู้ว่าอีกไม่นานเจ้าคงมาหาข้าที่เรือน ครั้งก่อนข้าเห็นเจ้าเช่นกันเจ้าแอบมาหาข้า ครั้นเมื่อข้ารู้ว่าเจ้ากลับไปที่เรือนเสิ่นเกาหลานข้าอยากไปพบหน้าเจ้าเหลือเกิน แต่ข้ากลับละอายใจข้าเป็นบิดาที่ไม่เอาไหน ไม่สามารถปกป้องเจ้าเพียงเพราะคิดว่าเจ้าเก่งสามารถปกป้องตนเองได้ ข้าจึงเอาแต่สนใจเจี่ยฟาง และข้ามีสิ่งหนึ่งจะบอกแก่เจ้าข้าปกปิดทุกคนมาตลอด เจี่ยฟางมิใช่น้องสาวที่คลานตามกันออกมาแต่เป็นเพราะความโง่เขลาของข้าที่ทำให้ข้าพลาดพลั้งไปมีอะไรกับสาวใช้ จึงทำให้นางท้อง ข้าปิดบังไม่ให้มารดาของเจ้ารู้จึงปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ ๆ วันที่แม่ของเจ้าคลอดคือวันที่สาวใช้ผู้นั้นคลอดเช่นกัน และโชคร้ายที่น้องชายของเจ้าเ
บทที่ 56 ข้าเพียงฝันไปใช่มั้ยหลังพายุที่โหมกระหน่ำได้หยุดลงเวลานี้ก็สองยามแล้ว หลังจากที่เสิ่นจิ้นพาสวี่หยางกลับมารีบให้บ่าวรับใช้ไปตามตัวท่านหมอมาตรวจดูอาหารหลีลี่จื่อเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่ให้และเล่าเรื่องก่อนหน้าให้แก่เสิ่นจิ้นฟัง ส่วนซื่อจินหนีไม่รอดนางถูกทหารจับแต่ทว่าเมื่อจับตัวนางไปคุมขังนางกลับเลือกใช้ยาพิษกรอกปากของตนเพื่อจบชีวิตดีกว่าถูกทางการทรมานรุ่งเช้ามาเยือนแม้ว่าเจี่ยฟางจะหมดลมหายใจแต่ทว่าความผิดของนางครั้งนี้ใหญ่หลวงยิ่งนักทำให้ทางการถอดถอนยศของใต้เท้าสวี่ให้เป็นเพียงคนสามัญชนธรรมดาเท่านั้น สวี่หยางลืมตาขึ้นกวาดสายตามองไปรอบ ๆ นี่มันห้องของนางนี่น่าแล้วนางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรนางจำได้ว่าครั้งสุดท้ายอยู่กับเจี่ยฟางที่หน้าผา จู่ ๆ สวี่หยางพรวดลุกขึ้นทันที“เจี่ยฟาง ข้าจะไปช่วยเจี่ยฟาง” หลีลี่จื่อที่อยู่เฝ้าอาการสวี่หยางทั้งคืนตื่นขึ้นจากเสียงร้องของสวี่หยาง“ฮูหยินฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ โชคดีเหลือเกินที่ท่านไม่เป็นอันใดมาก”“หลีลี่จื่อ เจี่ยฟางล่ะนางปลอดภัยดีหรือไม่?”“ฮูหยินเจ้าคะ นางทำร้ายสารพัดแต่ฮูหยินยังเป็นหวงนางอยู่หรือเจ้าคะ ยามนี้ร่างของนางถูกคุณชายเ
บทที่ 55 ยิ้มทั้งน้ำตาฝั่งด้านเสิ่นจิ้นเมื่อมาถึงเรือนของเสิ่นเกาหลานพบหลีลี่จื่อที่มีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ นางกำลังจะจับตัวของซื่อจินตามคำสั่งของสวี่หยางจึงแอบซุ่มอยู่แต่เมื่อเห็นว่าซื่อจินรีบร้อนไปแจ้งเจี่ยฟาง นางจึงแอบตามไปจึงเห็นว่าสวี่หยางถูกเจี่ยฟางพาตัวหนีไปด้วย หากนางจะตามไปก็เกรงจะไม่มีผู้ใดแจ้งทางการเพราะไม่มีคนรู้เรื่องนี้เช่นนางสักคน“คุณชายเสิ่นจิ้นช่วยฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ”“เกิดอะไรขึ้นกับนาง เจ้ารีบบอกข้ามา”“เรื่องมันยาวเจ้าค่ะ แต่ทว่ายามนี้คุณชายรีบตามไปที่หลังเรือนเถอะเจ้าค่ะ คุณหนูเจี่ยฟางกำลังพาฮูหยินหนีไปทางนั้น ส่วนซื่อจินกำลังไปอีกทางเจ้าค่ะ” เสิ่นเกาหลานตามมาทีหลังได้ยินถึงกับตกใจ รีบสั่งให้ทหารไปตามจับซื่อจินส่วนเขาจะไปช่วยสวี่หยางแต่เขาก็ช้ากว่าเสิ่นจิ้นหนึ่งก้าว เสิ่นจิ้นวิ่งนำไปก่อนแล้วฝนโปรยปรายลงมาแรงขึ้นเรื่อย ๆ สายลมกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง เจี่ยฟางเริ่มหวาดกลัวเสื้อผ้าของนางและสวี่หยางเริ่มเปียกปอน“มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ ข้าแค่เพียงต้องการเป็นหนึ่งเดียวของท่านพี่เสิ่นเกาหลานเท่านั้น ข้าแค่หวังอยากอยู่ครองรักจนกว่าจะหมดลมหายใจเหตุใดมันต้องยุ่งยากเช่นนี้
บทที่ 54 ข้าเกลียดท่าน“เพราะข้าเกลียดท่าน ยิ่งท่านรักข้ามากเท่าไหร่ข้ายิ่งเกลียดท่าน ท่านมันจะไปรู้อะไรคนที่เกิดมาในตระกูลที่ดี มารดาเป็นคุณหนูต่างจากข้าที่มีมารดาเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น! ที่ข้าอยากจัดการท่านเพราะต้องการทุกอย่างที่ท่านมี ท่านพ่อไม่เคยรักข้าเลยมักจะต่อว่า ว่าข้าไม่ได้เรื่องอันใดไม่เหมือนท่าน ข้าพยายามมากมายที่จะเป็นสตรีที่เพรียบพร้อมกิริยามารยาทงามเพื่อไม่ให้พ่อท่านต้องเป็นกังวลแต่ก็ไม่วายที่ท่านพ่อยังคงรักแต่ท่าน” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเจี่ยฟางตวาดใส่สวี่หยางดังกึกก้อง แต่ไม่ทันที่นางจะเอ่ยจบสวี่หยางรับฟังคำที่พรั่งพรู่ออกมาจากปากของนางทำให้นางเสียใจไม่น้อยจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ตบเข้าที่ใบหน้าของเจี่ยฟาง“เพี๊ยะ!!!!. แรงสั่งสะเทือนของน้ำมือสวี่หยางทำให้ร่างบางอย่างเจี่ยฟางถลาล้มไปกับพื้นจนล้มลง“เจ้าต่างหากที่โง่เขลา ข้าไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าเจ้ามิใช่น้องแท้ ๆ ของข้า ทั้งข้าทั้งท่านพ่อต่างรักเจ้ามากกว่าสิ่งใด เจ้ามันโง่งมที่ไม่เข้าใจความรักที่ข้ามอบให้ แต่กลับคิดร้ายว่าข้าสงสารเจ้าอย่างนั้นหรือ! เพราะใจอคติของเจ้าต่างหากที่ทำให้เจ้าหน้ามืดตามัวทำเรื่องเลวร้ายขึ้นมาทั้งหมด
บทที่ 53 อาการที่อร่อยที่สุดในชีวิตข้าจวนถึงเวลาที่เจี่ยฟางนัด สวี่หยางย่างเท้าเดินไปที่ห้องของนางด้วยหัวใจที่เจ็บปวดเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความหม่นหมองสองเท้ามาถึงห้องของเจี่ยฟางนางหยุดเดินก่อนจะซ่อนความเศร้าไว้ภายในฝืนหน้ายิ้มกริ่มพลางเดินเข้าไปด้านใน อาหารมากมายถูกจัดเรียงอย่างสวยงามครั้นเจียฟางเห็นสวี่หยางเดินเข้ามานางรีบเดินมาหาพร้อมดึงแขนของสี่หยางนั่งลงเก้าอี้ที่นางจัดไว้ให้“พี่หยางมาแล้วหรือเจ้าคะ มานั่งด้านนี้สิเจ้าคะ ข้าทำอาหารที่พี่หยางชอบทั้งนั้นเลยวันนี้ท่านต้องกินให้เยอะ ๆ นะเจ้าคะ”“ข้าดีใจเหลือเกินที่เจ้าทำอาหารมากมายให้ข้าเช่นนี้วันนี้ข้าคงกินข้าวมากกว่าทุกวันแล้วสินะ” สวี่หยางหันไปมองเจี่ยฟางยิ้มกริ่มให้แก่นางความรู้สึกเจ็บร้าวไปถึงทรวงอกเมื่อเห็นว่าน้องสาวที่เขารักกำลังตอบแทนความรักโดยการมอบความตายให้แก่ตน“ข้าคิดไว้แล้วว่าท่านต้องชอบ พี่หยางเจ้าคะข้าขอโทษเรื่องที่ผ่านมาข้าไม่น่าคิดสงสัยท่านเลยทั้ง ๆ ที่ท่านรักข้ามากขนาดนี้ จากนี้เราสองพี่น้องจะรักใคร่ปองดองข้าสัญญาจะไม่หูเบาอีกเจ้าค่ะไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นข้าจะเชื่อใจท่านพี่เพียงผู้เดียวเจ้าค่ะ วันนี้เรามากิน
บทที่ 52 จัดการเช่นอย่างเคยฝั่งด้านเจี่ยฟางนางตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ขุ่นมัวทั้งคืนนางเฝ้าคอยเสิ่นเกาหลานแต่เขากลับไม่มาหานาง ทั้งที่นางได้ยินจากสาวใช้ว่าเสิ่นเกาหลานกลับมาจากด้านนอกแล้วแท้ ๆ วันนี้นางจึงจะไปหาเสิ่นเกาหลานที่ห้องเพื่อกินอาหารเช้ากับเขาแต่เมื่อกำลังเดินไปพบหลีลี่จื่อกำลังเดินตรงมาหานางด้วยใบหน้าตื่นตระหนก ทำให้นางอยากรู้ว่านางมีเรื่องอันใดมาแจ้งกันถึงได้ตื่นตระหนกเช่นนั้น“เจ้ามีเรื่องอันใดถึงได้วิ่งหน้าตื่นมาเช่นนี้”“ท่านยังไม่รู้สินะเจ้าคะ วันที่ฮูหยินกลับมาคุณชายเสิ่นเกาหลานไปหานางก่อนที่จะมาพบท่านที่นี่และสิ่งที่ข้าได้ยินมาว่าคุณชายเสิ่นเกาหลานไปขอให้นางยอมให้อภัยเรื่องที่เคยเกิดขึ้นและขอเริ่มต้นใหม่ แต่ว่าคืนนั้นฮูหยินไม่ยอมเพราะยังเจ็บช้ำใจอยู่แต่ว่าวันนี้ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่จู่ ๆ ถูกฮูหยินเรียกใช้ให้ไปตามคุณชายไปพบที่ห้องด้วยเจ้าค่ะแถมยังทำอาหารด้วยตนเองเต็มโต๊ะไปหมดหรือว่าฮูหยินใหญ่จะยอมให้อภัยจริง ๆ เจ้าคะ ข้าคิดว่าคุณชายรักฮูหยินรองเพียงผู้เดียวเสียอีกแต่ก่อนไม่เห็นสนใจฮูหยินใหญ่สักนิด อะไรกันวาจาบุรุษช่างเชื่อถือไม่ได้จริง ๆ นะเจ้าคะ” หลีลี่จื่อสุมไฟในใจให้เจ
บทที่ 51 วางแผนเปิดโปงเช้าวันรุ่งขึ้นสวี่หยางไม่รู้เลยว่ามื้อคืนตนเองนอนหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันมารู้ตัวอีกทีท้องฟ้าเริ่มสว่างเสียงนกขับขานส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวเสียแล้ว“เช้าแล้วสินะ! วันนี้ข้าจะต้องพบเจอเรื่องอะไรบ้างนะ” สวี่หยางลุกขึ้นจากเตียงเปิดหน้าต่างมองไปด้านนอกดวงตะวันเริ่มโผล่ขึ้นท้องฟ้าวันนี้ช่างงดงามเหลือเกิน“ข้าไม่เข้าใจเจ้าสักนิดมีตรงใดบ้างที่ข้าบกพร่องทำหน้าที่พี่ของเจ้าไม่ดีกัน เจี่ยฟางเจ้ามีเหตุผลอันใดนะ! “สวี่หยางพึมพำคิดถึงเจี่ยฟางที่ทำเรื่องใหญ่มากมายหลายอย่างเช่นนี้นางถลำลึกเกินกว่าจะย้อนกลับเสียแล้วหรือเพราะว่าที่ผ่านมาเจี่ยฟางอิจฉานางกัน อย่างนางมีเรื่องอะไรให้น่าอิจฉากันก๊อก ๆ พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้สวี่หยางหยุดความคิดนั้น“ข้าหลีลี่จื่อเจ้าค่ะฮูหยิน”“เข้ามาสิ”“ฮูหยินเจ้าคะข้ามีเรื่องมาแจ้งเจ้าค่ะ จำเรื่องเมื่อคืนนี้ได้หรือไม่เจ้าคะหลังจากที่ฮูหยินกลับมาข้าได้นวดให้ฮูหยินรองข้าสังเกตเห็นตอนที่ฮูหยินจับที่ข้าของนาง ข้าจึงบีบซ้ำอีกและโดนนางด่าต่อว่าอย่างรุนแรงเจ้าค่ะ ที่นางรู้สึกเจ็บเพราะขาของนางมีบาดแผล และยาที่ซื่อจินนำไปทิ้งนั้นคงเป็นยาที่รักษาแผลที