บทที่ 8 สายตาปกปิดไม่มิด
"ฮูหยินพวกข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะโปรดเมตตาพวกข้าด้วย "
สวี่หยางเงยหน้าขึ้นปรายสายตาไปมองสาวใช้พลางแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อย หากพวกนางคิดว่านางเป็นเช่นนั้นก็ดีเช่นกันจะได้ไม่มีใครกล้าจะที่ัขัดคำสั่ง
"เช่นนั้นเจ้าเตรียมน้ำชาพร้อมขนมหวานตามข้ามาที่ห้องโถง" สวี่หยางชี้นิ้วไปยังคนที่เอ่ยเรื่องนางเมื่อครู่ สาวใช้ทรุดตัวลงอย่างอ่อนแรงนางหวาดกลัวสวี่หยางเหลือเกินแต่ก็มิกล้าขัดคำสั่ง
"เจ้าค่ะ ฮูหยิน" สาวใช้เอ่ยน้ำเสียงสั่นคลอนก่อนจะรีบลุกเตรียมน้ำชาหากชักช้าเกรงว่าจะถูกลงโทษได้ สาวใช้ที่อยู่ในโรงครัวพากันก้มหน้ามิกล้าจะสบตาผู้เป็นนายจนสวี่หยางรำคาญหูลำคาญตาตวาดไล่พวกนางไปทำหน้าที่ของตน
"พวกเจ้าไม่มีอะไรทำกันหรืออย่างไร? ไปทำงานของพวกเจ้าสะสิหากข้าพบว่าในเรือนไม่สะอาดตรงใดข้าจะจับพวกเจ้ามาเฆี่ยนให้หลังลาย"
"เจ้าค่ะ ฮูหยินพวกข้าจะรีบไปทำเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ"
สาวใช้พากันแยกย้ายไปทำงานของตนเองอย่างเร่งรีบ สวี่หยางหันไปมองสาวใช้ที่นางให้ไปจัดเตรียมน้ำชา เมื่่อเห็นนางจัดเสร็จแล้วจึงเดินนำหน้ามายังห้องโถง
วันนี้เหล่าแมลงพากันบินว่อนเต็มท้องฟ้าช่างเป็นวันที่อากาศดียิ่งนัก เมื่อแต่นางเดินเข้ามาใกล้ห้องโถงได้ยินเสียงบุรุษกับสตรีที่เอ่ยคุยกันหัวเราะคิกคักใบหน้าของนางเริ่มปรากฏความสงสัยอยู่เหลือคณา
เจี่ยฟางอยู่กับผู้ใดกันเสิ่นเกาหลานออกเรือนตั้งแต่เช้าปกติจะกลับค่ำ หรือจะเป็นคุณชายเสิ่นจิ้นหากเป็นเช่นนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ดี สวี่หยางยิ้มบาง ๆ รีบเดินเข้าไปในห้องโถงทันที ครั้นเท้าก้าวเข้ามากลับพบว่าผู้ที่อยู่กับเจี่ยฟางมิใช่เสิ่นจิ้นแต่ทว่าเป็นเสิ่นเกาหลาน สายตาที่ทั้งคู่มองกันหวานหยาดเยิ้มหากนางไม่รู้จักทั้งสองคงคิดว่าทั้งคู่เป็นคนรักกันก็มิปาน
ความคิดแล่นผ่านชั่วครู่ภายในใจของสวี่หยางปรากฏมาอย่างแจ่มแจ้ง หรือว่าเจี่ยฟางคือคนที่เสิ่นเกาหลานหมายใจหัวใจของสวี่หยางสั่นไหวราวกับมีหินหนักพันชั่งทับถม นางข่มใจหายใจเข้าเฮือกใหญ่อาจจะไม่ใช่อย่างที่ตนคิดก็เป็นได้
"พี่หยางกลับมาแล้วเจ้าค่ะ" เจี่ยฟางเห็นสวี่หยางเดินเข้ามารีบลุกขึ้นไปหานาง เสิ่นเกาหลานมองตามรอยยิ้มพลันเปลี่ยนเป็นเฉยชา
สวี่หยางลอบมองหนึ่งคราก่อนจะหันมาสนใจเจี่ยฟางบัดนี้นางได้รู้แล้วว่าหัวใจของเสิ่นเกาหลานคงมีแต่เจี่ยฟางอยู่ด้านในนั้น!
"ข้าคงมิได้ให้เจ้าคอยนานหรอกใช่หรือไม่?"
"ไม่เลยเจ้าค่ะ ท่านพี่เสิ่นเกาหลานกลับมาพอดีข้าจึงมีเพื่อนคุยระหว่างรอเจ้าค่ะ "
"เช่นนั้นหรอกหรือ? ท่านกลับมาเร็วกว่าที่คิดนะเจ้าคะ" สวี่หยางหันไปมองเสิ่นเกาหลานพลางเอ่ยถามก่อนจะมานั่งที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ ที่เจี่ยฟางนั่งเมื่อครู่
"ข้าเสร็จธุระเร็วจึงกลับมาก่อนเพราะมีเรื่องจะพูดคุยกับเจ้า แต่เมื่อน้องเจ้ามาเยือนเจ้าคุยกับน้องเจ้าไปเถิด"
"เจ้าค่ะ "
"ข้าขอตัวนะเจี่ยฟาง หากวันหน้าเจ้าอยากมาที่นี่เมื่อใดหรือคิดถึงพี่เจ้ามาได้เสมอไม่ต้องเกรงใจคิดเสียว่าที่นี่เป็นเรือนของเจ้าก็ยังได้"
"จริงหรือเจ้าคะ ท่านพี่เสิ่นเกาหลานช่างเป็นพี่เขยที่จิตใจเมตตายิ่งนัก ช่างเป็นบุญของพี่สวี่หยางที่มีสามีดีเช่นนี้ "
"กล่าวเกินไปแล้ว ข้าต้องขอตัวจริง ๆ แล้วเจ้าอยู่คุยกับพี่สาวเจ้าให้หายคิดถึงเถิด "
"เจ้าค่ะ " ความสนิทสนมความรู้สึกดีส่งผ่านแววตาของทั้งคู่ ทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ระหว่างกลางรับรู้ได้ ความอึดอัดใจนี่คืออะไรกัน?
หลังจากที่เสิ่นเกาหลานออกไปสวี่หยางดื่มน้ำชาพร้อมขนมกับเจี่ยฟางจนตะวันบ่ายคล้อยนางจึงเดินทางกลับ สวี่หยางนั่งใจลอยครุ่นคิดแววตาของทั้งสองจ้องมองกันนั้นยังคงวนเวียนก่อกวนหัวใจนางยิ่งนัก
"อะ..เอ่อฮูหยินเจ้าคะข้ากลับไปทำงานของข้าได้หรือยังเจ้าคะ? " เสียงของสาวใช้ที่เอ่ยดังขึ้นมาทำให้สวี่หยางหยุดความคิดสนใจคนตรงหน้า นางจ้องมองสาวใช้ที่นางให้ตามมาดูแล้วนางยังดูเด็กกว่าตน
"ทำไมเจ้ากลัวข้าจะสั่งโทษจนไม่กล้าอยู่ใกล้ข้าเช่นนั้นหรือ? ขยับกายเข้ามาใกล้ข้าแล้วเงยหน้าให้ข้ามองเจ้าอย่างชัด ๆ "
สาวใช้สั่นกลัวใช้มือกุมกันทั้งสองข้างขยับกายเข้ามาใกล้เงยหน้าให้สวี่หยางตามคำสั่ง
"เจ้ามีชื่อว่าอะไร "
"ข้ามีชื่อว่าหลีลี่จื่อเจ้าค่ะ "
"หลีลี่จื่อหรือ? อื้ม..เป็นชื่อที่ดี กลับไปทำงานของเจ้าเถิด" สวี่หยางแม้อยากได้นางมาคอยรับใช้แต่นางคงมิกล้ามารับใช้นางเป็นแน่ และตอนนี้นางเองก็ยังคงไว้ใจผู้ใดมิได้ การตายของจี๋เสียงยังคงเป็นปริศนาเพราะยังจับตัวผู้ที่วางยาไม่ได้ วันนี้นางได้เอ่ยถามเจี่ยฟางเกี่ยวกับการตามหาตัวคนทำก็มิอาจจะจับมือผู้ใดดมได้ หนทางไร้แสงสว่างหากไม่รู้ตัวคนร้ายชีวิตของสวี่หยางคงอยู่อย่างไม่สงบสุข
“เช่นนั้นข้าขอตัวนะเจ้าคะแล้วยามเย็นฮูหยินอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือไม่เจ้าคะ” ก่อนจะจากหลีลี่จื่อได้เอ่ยถามถึงแม้ว่าจะกลัวสวี่หยางจนแทบไม่กล้าจะเอ่ยถามแต่ระหว่างที่สวี่หยางนั่งคุยกับเจี่ยฟางน้องสาวของนาง นางทั้งแสดงรอยยิ้มความเมตตาเอ็นดูไม่สมกับข่าวลือที่ได้ยินมาเลยแม้แต่น้อย
“ข้าไม่อยากได้อะไรเป็นพิเศษ เจ้าไปทำงานของเจ้าเถิด”
แสงดวงอาทิตย์ลับลาขอบฟ้าแสงดวงจันทราเข้ามาแทนที่สายลมพัดเอื่อย ๆ เย็นสบายบนท้องฟ้าเต็มไปด้วยมวลหมู่ดาวที่รายล้อมพระจันทร์ชวนน่ามอง สวี่หยางยังเคลือบแคลงใจในสายตาของเสิ่นเกาหลานที่จ้องมองเจี่ยฟางจนทำให้นางนอนไม่หลับ อีกอย่างเขาบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับนางแต่ทว่ากลับไม่มาหาตั้งแต่เจี่ยฟางกลับ
"จะเป็นเช่นดั่งที่ข้าคิดหรือไม่นะ! หรือว่าข้าคิดมากไปเองนี่ก็ยามสอง (22.00) แล้วข้าควรเลิกคิดเรื่องที่กวนใจเสียทีพรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปหาท่านแม่ของเสิ่นเกาหลานต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อทำอาหารไปเยี่ยมเยือน" สวี่หยางเอ่ยออกมาอย่างพึมพำหันหลังก้าวเท้ากลับเข้าห้อง ขณะนั้นเองเสียงฝีเท้าที่ดังเข้ามาใกล้ ๆ ได้ก้าวเข้ามาหานาง สวี่หยางหยุดเดินยามนี้จะมีผู้ใดเดินไปมาในเรือนนี้อีก แต่เมื่อปรากฏกลับเป็นเสิ่นเกาหลานที่เดินเซซ้ายเซขวามาหานาง
"เจ้ายังไม่นอนสินะ ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้าอย่างไรวันนี้ต้องพูดให้ได้" ใบหน้าคมเข้มแดงระเรื่อเพราะพิษสุราเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้พูดแทบไม่เป็นศัพท์แต่ดังชัดเจน
"ท่านมีเรื่องอะไรจะคุยหรือเจ้าคะ ยามนี้ท่านดูเหมือนไร้สติครบถ้วนเอาไว้รุ่งสางค่อยคุยกัน" สวี่หยางเห็นท่าทีที่เมามายของเสิ่นเกาหลานนางไม่อยากจะคุยกับเขายามนี้แม้จะพูดคุยคงไม่ได้ความ
"ไม่ได้! ข้าจะคุยกับเจ้าเดี๋ยวนี้! เจ้ามันช่างไม่รู้อะไรเลย ไร้ความรู้สึกไร้หัวใจ หากมิใช่เจ้าแต่เป็นเจี่ยฟางคงดีไม่น้อย ข้าจะบอกให้เจ้าได้รู้เอาไว้และอย่าแนะนำเจี่ยฟางให้แก่เสิ่นจิ้นอีก เจี่ยฟางคือสตรีที่ข้าหลงรักตั้งแต่แรกเห็น ครั้งแรกที่ข้าไปที่เรือนสกุลสวี่ข้าเห็นใบหน้างามหยดย้อยนิสัยมารยาทน่าชื่นชม ข้าหลงคิดว่านางคือสวี่หยางข้าจึงตกปากรับคำท่านพ่อ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นเจ้า เฮอะ! สวรรค์กลั่นแกล้งข้าส่งสตรีโหดร้ายเช่นเจ้ามาแทนที่นาง" ดวงตาเย็นชาไร้ไมตรีความหงุดหงิดวาบผ่านบนใบหน้า ไม่มีความสำนึกผิดปะปนแม้แต่น้อย สวี่หยางกำมือแน่นหัวใจหนักอึ้งราวถูกถ่วงด้วยหินก้อนใหญ่ แพขนตาหลุมลงบัดนี้นางกระจ่างแจ่มแจ้งแล้วเป็นอย่างที่นางคาดคิดไว้ไม่ผิด!
"ท่านจะโทษข้าได้เช่นไรข้าไม่ผิดและสวรรค์เองก็ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหากท่านต้องการเช่นนั้นท่านก็ขอให้เจี่ยฟางมาเป็นอนุของท่านเสียสิ" สวี่หยางเอ่ยไม่ทันใคร่ครวญให้ละเอียดเพราะความโมโหจึงโพล่งเอ่ยออกไปเช่นนั้น แต่ผู้ใดจะคิดว่าใบหน้าของเสิ่นเกาหลานจะพลันเปลี่ยนสีเผยรอยยิ้มอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน
บทที่ 9 ขอเจี่ยฟาง"ฮูหยินเจ้าใจกว้างกว่าข้าคิดไว้มาก หากเจ้าเอ่ยมาเช่นนี้ข้าจะจัดการสู่ขอสวี่เจี่ยฟางมาเป็นอนุทันที คืนนี้พระจันทร์ช่างงดงามจริง ๆ สวรรค์เมตตาข้าแล้ว"ความรู้สึกหลากหลายซับซ้อนไร้ถ้อยคำกระทันหัน มองบุรุษที่เดินจากไปชีวิตของนางต่อจากนี้คงไม่อาจฝืนชะตาฟ้า พาร่างตนเดินเข้าไปในห้องนั่งลงบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง รู้สึกอยากร่ำไห้แต่น้ำตากลับคั่งค้างอยู่ในอกไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร่ำไห้รุ่งสางวันต่อมาสวี่หยางอึกครึ้มด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยวไม่คิดเลยว่าเสิ่นเกาหลานจะทำอย่างที่เอ่ยมาเมื่อคืนจริง ๆ เขาเดินทางไปหาท่านพ่อของสวี่หยางตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อทำการสู่ขอสวี่เจี่ยฟางมาเป็นอนุตน สวี่หยางเฝ้าภาวนาไม่ให้เจี่ยฟางรับ แต่นางจะทำเช่นใดได้เมื่อเห็นสีหน้าแววตาของเจี่ยฟางเมื่อวานยากที่จะเดาออก"เอ่อ...ฮูหยินเจ้าคะหม้อแกงน้ำเดือดจนล้นออกมาแล้วเจ้าค่ะ " หลีลี่จื่อที่ทำงานในโรงครัวแปลกใจที่เห็นฮูหยินเข้าครัวตั้งแต่เช้าตรู่แถมวันนี้ใบหน้าของฮูหยินเศร้าหมองคล้ายเก็บงำเรื่องอันใดอยู่ในใจ นางคอยลอบมองอยู่บ่อย ๆ จนเห็นน้ำแกงที่ฮูหยินตั้งใจทำเริ่มเดือดแต่ทว่าฮูหยินกลับยืมมองด้วยความเหม่อลอยจนน
บทที่ 10 เอ็นดูพี่หยางด้วยเจ้าค่ะพิธีแต่งอนุก็มาถึง วันนั้นที่เสิ่นเกาหลานเดินทางไปสู่ขอเจี่ยฟางแม้ใต้เท้าสวี่จะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่แต่เมื่อถามเจี่ยฟางให้นางตัดสินใจเอาเอง นางพึงพอใจที่จะเข้าไปเป็นอนุของเสิ่นเกาหลานงานพิธีในวันนี้จึงถูกจัดขึ้นไม่น้อยหน้างานของสวี่หยางเลยแม้แต่น้อยแถมใบหน้าของเสิ่นเกาหลานเต็มไปด้วยรอยยิ้มแตกต่างจากยามที่แต่งสวี่หยางเข้ามาซะเหลือเกินสวี่หยางฝืนยิ้มหน้าชื่นอกตรมรับจอกน้ำชาที่เจี่ยฟางนำมาคารวะตนที่เป็นฮูหยินใหญ่ผ่านสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมา"ต่อจากนี้ข้าฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะเจ้าคะฮูหยิน""แม้ว่าเจ้าจะมาเป็นอนุของเสิ่นเกาหลานแต่อย่างไรเจ้าก็เป็นน้องสาวของข้า ข้าน้อมรับเจ้าด้วยใจจริงของข้าต่อจากนี้ขอให้เจ้ามีความสุขที่สุดและจะไม่มีผู้ใดมาทำร้ายเจ้าได้" สวี่หยางยื่นมือรับจอกน้ำชาประคองดื่มรวดเดียวหมดจอกก่อนจะยื่นกลับคืนไปให้นางเป็นอย่างที่นางคาดคิดสาวใช้ในเรือนต่างพากันซุบซิบนินทากันให้แซ่ดเรื่องที่สวี่หยางใจใหญ่ยอมรับให้น้องสาวตนเองมาใช้สามีผู้เดียวกัน แต่นางมิได้สนใจ หลังจากวันนั้นเสิ่นเกาหลานไม่เคยย่างกรายมาหาสวี่หยางเลยด้วยซ้ำหลีลี่จื่อแอบมองยามเดิน
บทที่ 11 ไม่ชอบใจเสิ่นเกาหลานหลายวันมานี้เขาคลุกอยู่กับเจี่ยฟางจนแทบไม่ได้ออกไปทำงานช่วยท่านพ่อที่ร้านค้า หรือแม้แต่ไปตรวจดูท่าเรือที่ส่งของเมื่อเขาเดินเพียงลำพังทำให้เขาครุ่นคิดได้แล้วว่าวันนี้จะต้องไปหาท่านพ่อบ้างมิเช่นนั้นจะถูกต่อว่าเอาได้ เขากำลังย่ำเท้าไปหาสวี่หยางตามที่เจี่ยฟางขอร้องแต่ทว่าเมื่อเดินมาเรื่อย ๆ ระหว่างที่ไปห้องของนางได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังอยู่ไม่ไกล คิ้วของเสิ่นเกาหลานเริ่มขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย เพราะมิใช่เสียงสาวใช้แต่เป็นน้ำเสียงของสวี่หยางกับเสิ่นจิ้นที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขานั่นเอง ท่าทางของสวี่หยางยิ้มกว้างหัวเราะออกมาราวกับไม่ทุกข์ระทมหัวใจอย่างที่เจี่ยฟางกังวลแถมยังหน้าระรื่นให้เสิ่นจิ้นอีกต่างหาก"ฮ่า ฮ่า เพราะคุณชายเสิ่นจิ้นเลยทำให้ข้าหัวเราะจนน้ำตาไหล ขอบคุณท่านอีกครั้งนะเจ้าคะ และมีอีกอย่างข้าขอฝากขอบคุณท่านแม่ด้วยที่เป็นห่วงข้า ข้าจะดื่มยาจนหมดเลยเจ้าค่ะ ""พี่สะใภ้อารมณ์ดีเพราะข้าหรือขอรับ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีของข้าเหลือเกินที่ทำให้ท่านยิ้มได้เช่นนี้ " เสิ่นจิ้นนำเรื่องที่พบเจอก่อนจะมาเยือนสวี่หยางที่เรือนเป็นเรื่องตลกของลูกค้าที่มาซื้อของที่ร้านขอ
บทที่ 12 ข้าละอายใจหลายวันต่อมาวันนี้เสิ่นเกาหลานไม่อยู่เรือนเพราะออกไปที่ตลาดเพื่อช่วยงานของครอบครัว เจี่ยฟางจึงมาหาสวี่หยางที่ห้องของนาง สวี่หยางกำลังนั่งปักผ้าเช็ดหน้าลายดอกกุ้ยฮวาที่มักจะส่งกลิ่นอยู่ในทุกค่ำคืน ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ ๆ จึงวางผ้าลงหันไปมองดูทางประตูเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของเจี่ยฟางที่เดินมาพร้อมกับสาวใช้ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายว่าเจี่ยฟางมาอยู่ที่นี่มีความสุขเพียงใด แต่เมื่อเจี่ยฟางเห็นใบหน้าของสวี่หยางใบหน้าของนางพลันเปลี่ยนสี ดวงตาเริ่มเอ่อแดงริมฝีปากคว่ำลงคล้ายจะร้องไห้วิ่งเข้ามากอดสวี่หยางแน่นจนนางตกใจ"เกิดอันใดขึ้นกับเจ้า หรือว่าเสิ่นเกาหลานรังแกเจ้าอย่างนั้นหรือ? " สวี่หยางใจสั่นไหวเมื่อเห็นน้องสาวที่ตนเฝ้ารักทะนุถนอมมีน้ำตา"มิใช่เจ้าค่ะ! ข้าแค่รู้สึกผิดต่อท่านพี่ที่มีสามีคนเดียวกัน ข้าเข้ามาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วแต่มิได้มาหาท่านพี่เพราะละอายใจเหลือเกิน พี่หยางคงเกลียดชังข้าแล้ว ข้าเข้ามาแย่งความรักของพี่หยาง ฮื้อ ๆ " สวี่หยางเบาใจหลงคิดว่าเจี่ยฟางจะถูกเสิ่นเกาหลานทำเช่นดั่งตน แต่เมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่องนี้นางโอบกอดเจี่ยฟางกลับลูบหลังเบา ๆ อย่างอ่อนโยน
บทที่ 13 พูดให้รู้สำนึกฝั่งด้านเสิ่นเกาหลานเขาได้เดินเรือมาพร้อมกับท่านพ่อและบ่าวรับใช้ จ้องมองดูเรือที่กำลังแล่นไปด้านหน้าท้องฟ้าเริ่มมืดสนิทลงมีเพียงแสงดวงจันทร์ที่กำลังสาดส่องลงมา ลูกเรือพากันจุดไฟเพื่อเพิ่มแสงสว่างของเรือ เรือที่ขนสินค้าได้ชำรุดระหว่างทางทำให้ไม่สามารถขนสินค้าเข้าฝั่งด้านโชคดีที่มีเรือเล็กของชาวบ้านที่หาปลาแล่นผ่านมาจึงนำเรื่องนี้ไปแจ้งเสิ่นเจียงซื่อท่านพ่อของเสิ่นเกาหลาน ระหว่างนั้นเขาอยู่ที่ร้านพอดีจึงขอออกตามท่านพ่อมาด้วย"คุณชายขอรับด้านหน้าที่มีแสงไฟใช่เรือขนสินค้าหรือไม่ขอรับ?" บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปยังเบื้องหน้าที่มีแสงรำไรของดวงไฟที่ส่องสว่างอยู่ เสิ่นเกาหลานมองตามไปยังที่บ่าวแจ้งเห็นเรือที่ร่องลอยอยู่กลางแม่น้ำเขามั่นใจทันทีว่านั่นคือเรือขนสินค้า"ท่านพ่อเราเจอเรือแล้วขอรับ เรือขนสินค้าอยู่ด้านหน้านั่นเอง " เสิ่นเกาหลานตะโกนบอกผู้เป็นพ่อให้รับรู้ ลูกเรือรีบพายเรือไปยังเรืออีกลำอย่างไม่รอช้า"เจอสักทีสินะ ข้าคิดว่าคืนนี้เราคงจะต้องค้างคืนบนเรือแห่งนี้อีกอย่างทะเลยามกลางคืนช่างน่ากลัวนัก เจ้ากลัวหรือไม่? ""ท่านพ่อหากข้ากลัวข้าจะตามท่านมาทำไมหรือขอรับ ข้าเดิน
บทที่ 14 รู้ตัวดีเจี่ยฟางใบหน้าซีดเผือกอีกครั้ง เมื่อได้ยินคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่านางกำมือแน่นเพื่อข่มอารมณ์ของตนเองเพื่อไม่ให้แสดงออกมาทางแววตา“ข้าเจี่ยฟางไม่เคยคิดที่จะเด่นกว่าท่านพี่สวี่หยางอยู่แล้วเจ้าค่ะ หากท่านพี่สวี่หยางมีบุตรให้ท่านพี่เสิ่นเกาหลานข้าเองก็ย่อมร่วมยินดีเจ้าค่ะ ข้าเป็นเพียงฮูหยินรองมิอาจจะหวังไกลเจ้าค่ะ" เจี่ยฟางยิ้มกริ่มให้ฮูหยินผู้เฒ่า นางเห็นเช่นนั้นจึงขอตัวกลับห้องเพราะถึงเวลากินอาหารแล้ว“เช่นนั้นก็ดี ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้วข้ากลับเรือนเมื่อไหร่ข้าจะให้เสิ่นจิ้นนำยาสมุนไพรมามอบให้แก่เจ้า หากเจ้ามีบุตรให้แก่เสิ่นเกาหลานได้คงต้องดื่มยาอีกมากมาย เพราะข้าไม่อยากให้หลานของข้าเกิดมาอ่อนแอขี้โรค” เอ่ยจบฮูหยินผู้เฒ่าลุกขึ้นเดินจากไปปล่อยให้เจี่ยฟางยืนจ้องมองด้วยดวงตาโกรธเคือง“ไม่คิดเลยนะเจ้าคะว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะปากร้ายเช่นนี้ เหมือนคุณหนูใหญ่สวี่หยางยิ่งนักเจ้าค่ะ เช่นนี้คุณหนูจะรับมือได้หรือเจ้าคะ” ซื่อจินเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าเดินออกไปแล้วรีบมากระซิบกระซาบต่อว่าให้หลังอย่างทันควัน“ข้ามาถึงขั้นนี้แล้วไม่คิดจะเกรงกลัวอันใด ข้าจะต้องตั้งครรภ์ก่อนพี่หยางให้ได้ ไม่เช่นนั้นส
บทที่ 15 กำไลหยกเจี่ยฟางถอดแขนออกจากอ้อมกอดของเสิ่นเกาหลานเพื่อถามไถ่เรื่องการเดินเรือไปนำสินค้าสายตาจึงเหลือบไปเห็นของที่เสิ่นเกาหลานที่ติดมือมาด้วยนางยิ้มกริ่มของที่เขาถือมาน่าจะเป็นของฝากของนางเป็นแน่หัวใจของเจี่ยฟางชุ่มชื่นขึ้นมาทันที"สินค้าของตระกูลท่านพี่นำมาจากท้องทะเลแล้วหรือเจ้าคะ ""ใช่แล้วโชคดีที่ไม่มีพายุจึงไม่เกิดความเสียหาย" เสิ่นเกาหลานเอ่ยพลางนั่งลงที่เก้าอี้อย่างเหน็ดเหนื่อย"แล้วสิ่งที่อยู่ในมือของท่านพี่คืออะไรกันเจ้าคะหากให้ข้าเดาต้องเป็นของฝากของข้าใช่หรือไม่เจ้าคะ?" นางชี้นิ้วไปยังของที่อยู่ในมือ เสิ่นเกาหลานยิ้มกว้างยื่นของมอบให้แก่นาง"เจ้าช่างหูตาไวยิ่งนัก นี่คือกำไลข้าเห็นของสิ่งนี้พลันคิดถึงใบหน้าของเจ้าทันที" เจี่ยฟางรีบหยิบห่อที่เขายื่นมาให้นั่งลงที่เก้าอี้เปิดดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าสิ่งที่เสิ่นเกาหลานนำมาฝากคืออันใดทันทีที่นางเปิดออกดูเห็นกำไลหยกงดงามทอประกายวิบวับถูกใจนางยิ่งนัก"ว๊าว ^ ^งดงามจริง ๆ เจ้าค่ะ ท่านพี่ช่างรู้ใจข้ายิ่งนัก" เจี่ยฟางลุกขึ้นมานั่งบนตักของเสิ่นเกาหลานใช้มือโอบกอดคอพลางขยับกายเข้าไปหอมแก้มของเขา เสิ่นเกาหลานรู้สึกเขินอายท
บทที่ 16 พยานรักยามราตรีมาเยือนท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนผันจากแสงอาทิตย์สาดส่องกำลังเคลื่อนตัวต่ำลงดวงจันทราขึ้นมาแทนที่ส่องประกายงดงามบนท้องฟ้าประดับไปด้วยดาวหลายหมื่นดวงที่รายล้อมเสิ่นเกาหลานเดินจากห้องตนเองหลังจากกินอาหารเย็นเสร็จสิ้นกำลังเดินไปหาเจี่ยฟาง แต่ทว่าระหว่างเดินอยู่เขากลับเหลือบไปเห็นสวี่หยางที่กำลังยืนทอดกายเชยชมดวงจันทราอยู่หน้าห้องของตน"นางจะพึงพอใจหรือไม่นะ! นางช่างเป็นสตรีที่เดาใจยากเหลือเกินหากข้าไปหานางยามนี้คงจะได้รับคำพูดขอบคุณหรือไหมนะ หรือนางจะปาสิ่งที่ข้าให้คืนข้ากัน" เสิ่นเกาหลานพึมพำเท้าข้างขวาอยากเดินไปหาสวี่หยางอยากรู้ด้วยตนเองว่านางชอบสิ่งของที่เขาให้หรือไม่แต่ทว่าเท้าอีกข้างกลับหันไปทางห้องของเจี่ยฟาง เขาช่างใจอยู่พักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจก้าวเท้าไปยังห้องของเจี่ยฟางเพราะเขาไม่อยากจะมีอารมณ์โมโหหรือต้องปะทะคารมกับสวี่หยางเจี่ยฟางประโคมผงหอมบนร่างกายแปลงผมอยู่หน้าคันฉ่องจ้องมองความงดงามของตนอย่างชื่นชม ครั้นประตูถูกเปิดเข้ามาจากด้านนอกนางรีบวางแปลงผมลงไว้ลุกขึ้นเดินไปหาเสิ่นเกาหลานด้วยความดีใจ"ท่านพี่มาแล้วหรือเจ้าคะ? ท่านพี่ไม่อยู่เพียงสองคืนเจี่ยฟางเหงาเหล
บทที่ 59 ข้าจะลิขิตเองน้ำเสียงจริงจังแววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของเสิ่นจิ้นทำให้สวี่หยางส่ายหัวไปมาลอบยิ้มหนึ่งคราก่อนจะตอบเขาไป“เรื่องนั้นอยู่ที่ฟ้าจะลิขิตแล้วเจ้าค่ะว่าท่านจะหาข้าพบหรือไม่? หากท่านหาข้าพบจริง ๆ ครานั้นข้าจะตอบคำถามนี้นะเจ้าคะ ตอนนี้ข้าต้องเดินทางก่อนต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะถึงที่ที่ข้าจะไป ข้าหวังว่าท่านจะพบสตรีที่งดงามและท่านรักนางหมดใจจนล้มเลิกความคิดที่จะตามหาข้า ลาก่อนเจ้าค่ะ” สวี่หยางเอ่ยจบเดินจากเสิ่นจิ้นขึ้นรถม้าที่อยู่หน้าเรือนตามด้วยหลีลี่จื่อ นางเห็นเสิ่นจิ้นได้โค้งคำนับลงหนึ่งครั้งก่อนจะขึ้นรถม้าตามสวี่หยางออกเดินทางเสิ่นจิ้นยืนมองรถม้าเคลื่อนออกไปลมได้พัดผ่านความเย็นมาระลอกหนึ่งประหนึ่งคำกล่าวลาของสวี่หยาง เขาหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ก่อนจะพึมพำเอ่ยตามหลังนาง“ผู้ใดว่าข้าจะให้สวรรค์ลิขิตกัน ข้าเสิ่นจิ้นขอลิขิตเองและสตรีที่ข้าหมายใจมีเพียงเจ้าผู้เดียวสวี่หยางไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใดไกลพันลี้ข้าจะตามหาเจ้าให้เจอ เมื่อนั้นข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เจ้าจากข้าไปได้อีกต่อไปเตรียมรับมือจากข้าได้เลย” แววตาของเสิ่นจิ้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แม้จะใช้เวลานานก็ถือว่าเขาได้พ
บทที่ 58 จากลาเสิ่นเกาหลานเดินจากไปให้เสิ่นจิ้นที่ยืนอยู่ด้านนอกเข้ามาหาสวี่หยางเพราะเห็นท่าทางของเสิ่นจิ้นแล้วเขาน่าจะอยากคุยกับนางมากกว่าเขาเสียอีกสวี่หยางหันไปมองหลุมป้ายชื่ออีกครั้งนางไม่คิดจะอยู่ที่นี่เพราะไม่อยากพบเจอเสิ่นเกาหลานอีกแค่เห็นเขานางก็หวนคิดถึงเจี่ยฟางไม่จางหาย หากนางสะสางทุกอย่างเสร็จสิ้นจะเดินทางไปหาท่านป้าที่ทิศเหนือไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขปลูกผักเลี้ยงสัตว์เย็บผ้าอย่างเรียบง่าย หนีเรื่องวุ่นวายจะดีกว่า แม้ว่าไม่ทำงานอะไรสมบัติของท่านพ่อที่มีนางคงใช้ไม่หมดแน่ ๆ“ท่านตัดสินใจหย่ากับท่านพี่จริง ๆ หรือ”“จริงเจ้าค่ะ จริงสิข้ายังไม่ได้ขอบคุณท่านเลย ท่านคอยเคียงข้างมาตลอดหากไม่มีท่านข้าก็ไม่รู้จะทำเช่นไรเหมือนกันเจ้าค่ะ ขอบคุณด้วยความจริงใจนะเจ้าคะ” สวี่หยางหันมาก้มโค้งลงอย่างนอบน้อมทราบซึ้งน้ำใจของเสิ่นจิ้น เขารีบประคองนางขึ้นมาไม่ให้นางต้องขอบคุณเขาเพราะที่เขาทำไปเพราะเขาอยากทำด้วยใจจริงเช่นกัน“ไม่เห็นต่องทำเช่นนี้เลยขอรับ ไม่ได้มากมายอันใดที่ข้าช่วยเหลือท่านเพียงเท่านี้เล็กน้อย”“คุณชายเป็นคนดี วันนี้ข้าจะขออวยพรในฐานะพี่สะใภ้ของท่าน ขอให้ท่านพบเจอความรักที่สวยงามแล
บทที่ 57 ทำทุกอย่างให้ถูกต้องหลังจากที่ปลอบใจของสวี่หยางอยู่ไม่นานบ่าวรับใช้กลับมาพร้อมผู้ตรวจการ ช่วยพากันนำรางของใต้เท้าสวี่ลงมาจากขื่อตรวจสอบดูในห้องไร้ร่องรอยการต่อสู้แน่ชัดแล้วว่าเขาตั้งใจปลิดชีพตนเองเพราะมีจดหมายที่เขียนด้วยฝีมือของเขาอยู่บนเตียงนอนสวี่หยางสงบสติอารมณ์แม้จะเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจแต่ยามนี้นางต้องตั้งสติเพื่ออ่านเนื้อความในจดหมาย“สวี่หยางข้ารู้ว่าอีกไม่นานเจ้าคงมาหาข้าที่เรือน ครั้งก่อนข้าเห็นเจ้าเช่นกันเจ้าแอบมาหาข้า ครั้นเมื่อข้ารู้ว่าเจ้ากลับไปที่เรือนเสิ่นเกาหลานข้าอยากไปพบหน้าเจ้าเหลือเกิน แต่ข้ากลับละอายใจข้าเป็นบิดาที่ไม่เอาไหน ไม่สามารถปกป้องเจ้าเพียงเพราะคิดว่าเจ้าเก่งสามารถปกป้องตนเองได้ ข้าจึงเอาแต่สนใจเจี่ยฟาง และข้ามีสิ่งหนึ่งจะบอกแก่เจ้าข้าปกปิดทุกคนมาตลอด เจี่ยฟางมิใช่น้องสาวที่คลานตามกันออกมาแต่เป็นเพราะความโง่เขลาของข้าที่ทำให้ข้าพลาดพลั้งไปมีอะไรกับสาวใช้ จึงทำให้นางท้อง ข้าปิดบังไม่ให้มารดาของเจ้ารู้จึงปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ ๆ วันที่แม่ของเจ้าคลอดคือวันที่สาวใช้ผู้นั้นคลอดเช่นกัน และโชคร้ายที่น้องชายของเจ้าเ
บทที่ 56 ข้าเพียงฝันไปใช่มั้ยหลังพายุที่โหมกระหน่ำได้หยุดลงเวลานี้ก็สองยามแล้ว หลังจากที่เสิ่นจิ้นพาสวี่หยางกลับมารีบให้บ่าวรับใช้ไปตามตัวท่านหมอมาตรวจดูอาหารหลีลี่จื่อเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่ให้และเล่าเรื่องก่อนหน้าให้แก่เสิ่นจิ้นฟัง ส่วนซื่อจินหนีไม่รอดนางถูกทหารจับแต่ทว่าเมื่อจับตัวนางไปคุมขังนางกลับเลือกใช้ยาพิษกรอกปากของตนเพื่อจบชีวิตดีกว่าถูกทางการทรมานรุ่งเช้ามาเยือนแม้ว่าเจี่ยฟางจะหมดลมหายใจแต่ทว่าความผิดของนางครั้งนี้ใหญ่หลวงยิ่งนักทำให้ทางการถอดถอนยศของใต้เท้าสวี่ให้เป็นเพียงคนสามัญชนธรรมดาเท่านั้น สวี่หยางลืมตาขึ้นกวาดสายตามองไปรอบ ๆ นี่มันห้องของนางนี่น่าแล้วนางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรนางจำได้ว่าครั้งสุดท้ายอยู่กับเจี่ยฟางที่หน้าผา จู่ ๆ สวี่หยางพรวดลุกขึ้นทันที“เจี่ยฟาง ข้าจะไปช่วยเจี่ยฟาง” หลีลี่จื่อที่อยู่เฝ้าอาการสวี่หยางทั้งคืนตื่นขึ้นจากเสียงร้องของสวี่หยาง“ฮูหยินฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ โชคดีเหลือเกินที่ท่านไม่เป็นอันใดมาก”“หลีลี่จื่อ เจี่ยฟางล่ะนางปลอดภัยดีหรือไม่?”“ฮูหยินเจ้าคะ นางทำร้ายสารพัดแต่ฮูหยินยังเป็นหวงนางอยู่หรือเจ้าคะ ยามนี้ร่างของนางถูกคุณชายเ
บทที่ 55 ยิ้มทั้งน้ำตาฝั่งด้านเสิ่นจิ้นเมื่อมาถึงเรือนของเสิ่นเกาหลานพบหลีลี่จื่อที่มีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ นางกำลังจะจับตัวของซื่อจินตามคำสั่งของสวี่หยางจึงแอบซุ่มอยู่แต่เมื่อเห็นว่าซื่อจินรีบร้อนไปแจ้งเจี่ยฟาง นางจึงแอบตามไปจึงเห็นว่าสวี่หยางถูกเจี่ยฟางพาตัวหนีไปด้วย หากนางจะตามไปก็เกรงจะไม่มีผู้ใดแจ้งทางการเพราะไม่มีคนรู้เรื่องนี้เช่นนางสักคน“คุณชายเสิ่นจิ้นช่วยฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ”“เกิดอะไรขึ้นกับนาง เจ้ารีบบอกข้ามา”“เรื่องมันยาวเจ้าค่ะ แต่ทว่ายามนี้คุณชายรีบตามไปที่หลังเรือนเถอะเจ้าค่ะ คุณหนูเจี่ยฟางกำลังพาฮูหยินหนีไปทางนั้น ส่วนซื่อจินกำลังไปอีกทางเจ้าค่ะ” เสิ่นเกาหลานตามมาทีหลังได้ยินถึงกับตกใจ รีบสั่งให้ทหารไปตามจับซื่อจินส่วนเขาจะไปช่วยสวี่หยางแต่เขาก็ช้ากว่าเสิ่นจิ้นหนึ่งก้าว เสิ่นจิ้นวิ่งนำไปก่อนแล้วฝนโปรยปรายลงมาแรงขึ้นเรื่อย ๆ สายลมกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง เจี่ยฟางเริ่มหวาดกลัวเสื้อผ้าของนางและสวี่หยางเริ่มเปียกปอน“มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ ข้าแค่เพียงต้องการเป็นหนึ่งเดียวของท่านพี่เสิ่นเกาหลานเท่านั้น ข้าแค่หวังอยากอยู่ครองรักจนกว่าจะหมดลมหายใจเหตุใดมันต้องยุ่งยากเช่นนี้
บทที่ 54 ข้าเกลียดท่าน“เพราะข้าเกลียดท่าน ยิ่งท่านรักข้ามากเท่าไหร่ข้ายิ่งเกลียดท่าน ท่านมันจะไปรู้อะไรคนที่เกิดมาในตระกูลที่ดี มารดาเป็นคุณหนูต่างจากข้าที่มีมารดาเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น! ที่ข้าอยากจัดการท่านเพราะต้องการทุกอย่างที่ท่านมี ท่านพ่อไม่เคยรักข้าเลยมักจะต่อว่า ว่าข้าไม่ได้เรื่องอันใดไม่เหมือนท่าน ข้าพยายามมากมายที่จะเป็นสตรีที่เพรียบพร้อมกิริยามารยาทงามเพื่อไม่ให้พ่อท่านต้องเป็นกังวลแต่ก็ไม่วายที่ท่านพ่อยังคงรักแต่ท่าน” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเจี่ยฟางตวาดใส่สวี่หยางดังกึกก้อง แต่ไม่ทันที่นางจะเอ่ยจบสวี่หยางรับฟังคำที่พรั่งพรู่ออกมาจากปากของนางทำให้นางเสียใจไม่น้อยจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ตบเข้าที่ใบหน้าของเจี่ยฟาง“เพี๊ยะ!!!!. แรงสั่งสะเทือนของน้ำมือสวี่หยางทำให้ร่างบางอย่างเจี่ยฟางถลาล้มไปกับพื้นจนล้มลง“เจ้าต่างหากที่โง่เขลา ข้าไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าเจ้ามิใช่น้องแท้ ๆ ของข้า ทั้งข้าทั้งท่านพ่อต่างรักเจ้ามากกว่าสิ่งใด เจ้ามันโง่งมที่ไม่เข้าใจความรักที่ข้ามอบให้ แต่กลับคิดร้ายว่าข้าสงสารเจ้าอย่างนั้นหรือ! เพราะใจอคติของเจ้าต่างหากที่ทำให้เจ้าหน้ามืดตามัวทำเรื่องเลวร้ายขึ้นมาทั้งหมด
บทที่ 53 อาการที่อร่อยที่สุดในชีวิตข้าจวนถึงเวลาที่เจี่ยฟางนัด สวี่หยางย่างเท้าเดินไปที่ห้องของนางด้วยหัวใจที่เจ็บปวดเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความหม่นหมองสองเท้ามาถึงห้องของเจี่ยฟางนางหยุดเดินก่อนจะซ่อนความเศร้าไว้ภายในฝืนหน้ายิ้มกริ่มพลางเดินเข้าไปด้านใน อาหารมากมายถูกจัดเรียงอย่างสวยงามครั้นเจียฟางเห็นสวี่หยางเดินเข้ามานางรีบเดินมาหาพร้อมดึงแขนของสี่หยางนั่งลงเก้าอี้ที่นางจัดไว้ให้“พี่หยางมาแล้วหรือเจ้าคะ มานั่งด้านนี้สิเจ้าคะ ข้าทำอาหารที่พี่หยางชอบทั้งนั้นเลยวันนี้ท่านต้องกินให้เยอะ ๆ นะเจ้าคะ”“ข้าดีใจเหลือเกินที่เจ้าทำอาหารมากมายให้ข้าเช่นนี้วันนี้ข้าคงกินข้าวมากกว่าทุกวันแล้วสินะ” สวี่หยางหันไปมองเจี่ยฟางยิ้มกริ่มให้แก่นางความรู้สึกเจ็บร้าวไปถึงทรวงอกเมื่อเห็นว่าน้องสาวที่เขารักกำลังตอบแทนความรักโดยการมอบความตายให้แก่ตน“ข้าคิดไว้แล้วว่าท่านต้องชอบ พี่หยางเจ้าคะข้าขอโทษเรื่องที่ผ่านมาข้าไม่น่าคิดสงสัยท่านเลยทั้ง ๆ ที่ท่านรักข้ามากขนาดนี้ จากนี้เราสองพี่น้องจะรักใคร่ปองดองข้าสัญญาจะไม่หูเบาอีกเจ้าค่ะไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นข้าจะเชื่อใจท่านพี่เพียงผู้เดียวเจ้าค่ะ วันนี้เรามากิน
บทที่ 52 จัดการเช่นอย่างเคยฝั่งด้านเจี่ยฟางนางตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ขุ่นมัวทั้งคืนนางเฝ้าคอยเสิ่นเกาหลานแต่เขากลับไม่มาหานาง ทั้งที่นางได้ยินจากสาวใช้ว่าเสิ่นเกาหลานกลับมาจากด้านนอกแล้วแท้ ๆ วันนี้นางจึงจะไปหาเสิ่นเกาหลานที่ห้องเพื่อกินอาหารเช้ากับเขาแต่เมื่อกำลังเดินไปพบหลีลี่จื่อกำลังเดินตรงมาหานางด้วยใบหน้าตื่นตระหนก ทำให้นางอยากรู้ว่านางมีเรื่องอันใดมาแจ้งกันถึงได้ตื่นตระหนกเช่นนั้น“เจ้ามีเรื่องอันใดถึงได้วิ่งหน้าตื่นมาเช่นนี้”“ท่านยังไม่รู้สินะเจ้าคะ วันที่ฮูหยินกลับมาคุณชายเสิ่นเกาหลานไปหานางก่อนที่จะมาพบท่านที่นี่และสิ่งที่ข้าได้ยินมาว่าคุณชายเสิ่นเกาหลานไปขอให้นางยอมให้อภัยเรื่องที่เคยเกิดขึ้นและขอเริ่มต้นใหม่ แต่ว่าคืนนั้นฮูหยินไม่ยอมเพราะยังเจ็บช้ำใจอยู่แต่ว่าวันนี้ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่จู่ ๆ ถูกฮูหยินเรียกใช้ให้ไปตามคุณชายไปพบที่ห้องด้วยเจ้าค่ะแถมยังทำอาหารด้วยตนเองเต็มโต๊ะไปหมดหรือว่าฮูหยินใหญ่จะยอมให้อภัยจริง ๆ เจ้าคะ ข้าคิดว่าคุณชายรักฮูหยินรองเพียงผู้เดียวเสียอีกแต่ก่อนไม่เห็นสนใจฮูหยินใหญ่สักนิด อะไรกันวาจาบุรุษช่างเชื่อถือไม่ได้จริง ๆ นะเจ้าคะ” หลีลี่จื่อสุมไฟในใจให้เจ
บทที่ 51 วางแผนเปิดโปงเช้าวันรุ่งขึ้นสวี่หยางไม่รู้เลยว่ามื้อคืนตนเองนอนหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันมารู้ตัวอีกทีท้องฟ้าเริ่มสว่างเสียงนกขับขานส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวเสียแล้ว“เช้าแล้วสินะ! วันนี้ข้าจะต้องพบเจอเรื่องอะไรบ้างนะ” สวี่หยางลุกขึ้นจากเตียงเปิดหน้าต่างมองไปด้านนอกดวงตะวันเริ่มโผล่ขึ้นท้องฟ้าวันนี้ช่างงดงามเหลือเกิน“ข้าไม่เข้าใจเจ้าสักนิดมีตรงใดบ้างที่ข้าบกพร่องทำหน้าที่พี่ของเจ้าไม่ดีกัน เจี่ยฟางเจ้ามีเหตุผลอันใดนะ! “สวี่หยางพึมพำคิดถึงเจี่ยฟางที่ทำเรื่องใหญ่มากมายหลายอย่างเช่นนี้นางถลำลึกเกินกว่าจะย้อนกลับเสียแล้วหรือเพราะว่าที่ผ่านมาเจี่ยฟางอิจฉานางกัน อย่างนางมีเรื่องอะไรให้น่าอิจฉากันก๊อก ๆ พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้สวี่หยางหยุดความคิดนั้น“ข้าหลีลี่จื่อเจ้าค่ะฮูหยิน”“เข้ามาสิ”“ฮูหยินเจ้าคะข้ามีเรื่องมาแจ้งเจ้าค่ะ จำเรื่องเมื่อคืนนี้ได้หรือไม่เจ้าคะหลังจากที่ฮูหยินกลับมาข้าได้นวดให้ฮูหยินรองข้าสังเกตเห็นตอนที่ฮูหยินจับที่ข้าของนาง ข้าจึงบีบซ้ำอีกและโดนนางด่าต่อว่าอย่างรุนแรงเจ้าค่ะ ที่นางรู้สึกเจ็บเพราะขาของนางมีบาดแผล และยาที่ซื่อจินนำไปทิ้งนั้นคงเป็นยาที่รักษาแผลที