บทที่ 12 ข้าละอายใจ
หลายวันต่อมา
วันนี้เสิ่นเกาหลานไม่อยู่เรือนเพราะออกไปที่ตลาดเพื่อช่วยงานของครอบครัว เจี่ยฟางจึงมาหาสวี่หยางที่ห้องของนาง สวี่หยางกำลังนั่งปักผ้าเช็ดหน้าลายดอกกุ้ยฮวาที่มักจะส่งกลิ่นอยู่ในทุกค่ำคืน ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ ๆ จึงวางผ้าลงหันไปมองดูทางประตูเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของเจี่ยฟางที่เดินมาพร้อมกับสาวใช้ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายว่าเจี่ยฟางมาอยู่ที่นี่มีความสุขเพียงใด แต่เมื่อเจี่ยฟางเห็นใบหน้าของสวี่หยางใบหน้าของนางพลันเปลี่ยนสี ดวงตาเริ่มเอ่อแดงริมฝีปากคว่ำลงคล้ายจะร้องไห้วิ่งเข้ามากอดสวี่หยางแน่นจนนางตกใจ
"เกิดอันใดขึ้นกับเจ้า หรือว่าเสิ่นเกาหลานรังแกเจ้าอย่างนั้นหรือ? " สวี่หยางใจสั่นไหวเมื่อเห็นน้องสาวที่ตนเฝ้ารักทะนุถนอมมีน้ำตา
"มิใช่เจ้าค่ะ! ข้าแค่รู้สึกผิดต่อท่านพี่ที่มีสามีคนเดียวกัน ข้าเข้ามาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วแต่มิได้มาหาท่านพี่เพราะละอายใจเหลือเกิน พี่หยางคงเกลียดชังข้าแล้ว ข้าเข้ามาแย่งความรักของพี่หยาง ฮื้อ ๆ " สวี่หยางเบาใจหลงคิดว่าเจี่ยฟางจะถูกเสิ่นเกาหลานทำเช่นดั่งตน แต่เมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่องนี้นางโอบกอดเจี่ยฟางกลับลูบหลังเบา ๆ อย่างอ่อนโยน
"โธ่! เด็กโง่ข้าก็คิดว่าเรื่องอันใดกัน เจ้าเลิกร้องไห้ได้แล้วข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะมาแย่งความรักของข้าเสียหน่อย และข้าไม่เคยเสียใจที่ให้เจ้าเข้ามาเป็นฮูหยินรองและมีสามีคนเดียวกัน แค่เจ้ามีความสุขข้าเองก็สบายใจมากแล้ว เลิกร้องไห้ขี้แยได้แล้วสาวใช้นางอื่นมาเห็นคงคิดว่าข้าเป็นฮูหยินที่โหดร้ายรังแกฮูหยินรองที่อ่อนแอเช่นเจ้าเอาได้ " เจี่ยฟางเงยหน้ามองสวี่หยางพลางมุดเข้าอ้อมอกของสวี่หยางเช่นเดิม
"ข้ารักพี่หยางที่สุดเลยเจ้าค่ะ ขอบคุณที่ท่านเข้าใจ"
"ว่าแต่เจ้าเถอะพอใจแล้วหรือที่เข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะฮูหยินรอง? หากถามความคิดข้าที่เป็นพี่ของเจ้าข้าอยากให้เจ้าแต่งเข้าเรือนท่านใต้เท้าหรือบุตรชายตระกูลใหญ่ ๆ เป็นเมียเอกดีกว่ามาเป็นฮูหยินรองเช่นนี้”
"หากข้าแต่งเข้าเรือนตระกูลใหญ่แล้วจะมีความหมายอันใดหรือเจ้าคะ ที่ข้ายอมแต่งมาเป็นฮูหยินรองเพราะต้องการมาอยู่ใกล้ ๆ พี่หยางของข้าในใต้หล้านี้ไม่มีผู้ใดดีกับข้าเช่นท่านแล้วเจ้าค่ะ " เจี่ยฟางยิ้มบาง ๆ พลางเช็ดน้ำตาของตนเยื่องย่างกรายออกจากอ้อมอกของสวี่หยาง
"เจ้าเข้ามาอยู่ที่นี่เป็นเช่นไรบ้างมีอะไรที่เจ้าต้องการหรือไม่ข้าจะจัดการให้"
"ไม่เลยเจ้าค่ะ ว่าแต่ท่านพี่ไม่เกลียดข้าจริง ๆ นะเจ้าคะที่ข้ามาร่วมใช้สามีคนเดียวกับท่าน" เจี่ยฟางถามย้ำอีกครั้งให้แน่ใจ
"เจี่ยฟางเจ้าเบาใจเถิดข้าเคยบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าข้ามิได้แต่งเข้ามาที่นี่ด้วยความรัก มีเจ้าเป็นฮูหยินรองดีกว่าสตรีนางอื่นเป็นไหน ๆ วันนี้เจ้ามาหาข้าที่เรือนฝั่งนี้อยู่กินอาหารกลางวันกับข้าแล้วค่อยกลับดีหรือไม่?"
"ดีเจ้าค่ะ ข้ามีเรื่องจะเล่าให้ท่านพี่ฟังมากมายเลยเจ้าคะ " สวี่หยางยิ้มบางมองเจี่ยฟางอย่างเอ็นดู หากมีนางอยู่ที่เรือนแห่งนี้คงทำให้นางคลายเหงาไปได้บ้าง หลังจากที่กินอาหารกลางวันเสร็จเจี่ยฟางได้กลับห้องของตนที่อยู่คนละฝั่งกับสวี่หยาง สวี่หยางห้องของนางตั้งอยู่ฝั่งด้านขวาโดยมีห้องของเสิ่นเกาหลานตั้งตรงกลางและห้องของเจี่ยฟางอยู่ด้านซ้ายของเรือน
ดวงตะวันบ่ายคล้อยลมพัดเย็นสบายสวี่หยางเดินออกมารับลมเล่นด้านนอกสายตาพลันไปเห็นเสิ่นจิ้นกับฮูหยินผู้เฒ่ากำลังเดินมาหานาง นางจึงรีบเดินไปต้อนรับทันที
"ท่านแม่มาที่นี่เหตุใดไม่แจ้งล่วงหน้าเจ้าคะ ข้าจะได้ให้สาวใช้จัดเตรียมน้ำชาไว้รับรอง "
"ไม่ต้อง ๆ ที่ข้ามาที่นี่เพราะมีเรื่องที่เกิดขึ้นกับเรือสินค้าของเราบัดนี้เสิ่นเกาหลานได้เดินทางออกไปตรวจดูคงใช้เวลาหลายวันกว่าจะกลับมา ข้าจึงมาอยู่กับพวกเจ้าที่นี่จนกว่าเสิ่นเกาหลานจะกลับ"
"เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ แล้วท่านพี่ออกเรือเพียงลำพังหรือเจ้าคะ "
"พี่สะใภ้ท่านพี่เดินเรือพร้อมกับท่านพ่อท่านไม่ต้องเป็นกังวลนะขอรับ เรือขนสินค้าไม่ได้รับความเสียหายมากมายแต่ทว่าเรือเกิดขัดข้องจึงติดอยู่กลางทะเล ยามนี้ท่านพี่กับท่านพ่อนำเรือใหญ่ไปขนสินค้าท่านมิต้องเป็นกังวลขอรับ " เสิ่นจิ้นเอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าของสวี่หยางเริ่มซีดเซียว
"เช่นนั้นหรือ? โล่งอกไปที ท่านแม่มาด้านนี้เถิดเจ้าค่ะ ข้าจะให้สาวใช้จัดเตรียมห้องพักให้เจ้าค่ะ " สวี่หยางหายใจเข้าเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก ผายมือให้ฮูหยินผู้เฒ่าตามตนไปที่ห้องรับรอง สายตาของเสิ่นจิ้นจับจ้องนางไม่คลาดสายตา เมื่อเห็นนางเป็นห่วงท่านพี่ของตนราวกับหัวใจของเขาแตกสลาย เขาพยายามหลายครั้งหลายคราอยากตัดใจจากสตรีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่สะใภ้ของตน แต่ทว่ายิ่งนานวันความรู้สึกของเขายิ่งมากขึ้นกว่าเดิม
สาวใช้เห็นคุณชายรองกับฮูหยินผู้เฒ่ามาเยือนที่เรือนต่างพากันออกมาต้อนรับกลัวว่าจะถูกฮูหยินผู้เฒ่าตำหนิเอาได้ สวี่หยางจึงสั่งให้พวกนางจัดเตรียมเก็บกวาดปัดฝุ่นห้องรับรองให้แก่ฮูหยินผู้เฒ่าได้พักอยู่ที่นี่ สาวใช้ก้มหน้าก้มตารีบทำตามคำสั่ง ฮูหยินผู้เฒ่าจ้องมองพลางยิ้มที่มุมปาก แม้นางจะเคยได้ยินชื่อเสียงของสวี่หยางและนางมิได้รังเกียจนางแม้แต่น้อย กลับชอบใจในตัวของนางด้วยซ้ำการจะเป็นฮูหยินใหญ่ต้องมีความยำเกรงทำให้สาวใช้หวาดกลัวเอาไว้จะได้ปกครองคนในเรือนได้เป็นอย่างดี นางนี่แหละคือผู้ที่จะสามารถดูแลคนในเรือนได้
สวี่หยางนำน้ำชามารินให้แก่ฮูหยินผู้เฒ่า นางลอบมองใบหน้าของสวี่หยางที่ขุ่นมัวพลางคิดในใจนางคงทุกข์ใจใช่น้อยที่ต้องรับน้องสาวของตนมาเป็นฮูหยิน
"สวี่หยางยาที่ข้ามาให้เจ้าได้ดื่มบ้างหรือไม่? ช่วงนี้ดูสีหน้าของเจ้าไม่สู้ดีหรือว่าเลือดลมภายในของเจ้ามีปัญหา หากรอบนี้เรือสินค้าเทียบท่าข้าจะไปหายาสมุนไพรอย่างดีมาให้เจ้าได้ดื่มบำรุงร่างกาย "
"ข้ามิได้เป็นอันใดเจ้าค่ะ ท่านแม่มิต้องเป็นกังวลเพียงเพราะช่วงนี้ข้านอนไม่ค่อยหลับเท่าที่ควรทำให้มีใบหน้าเหนื่อยล้าโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ "
"คงมิใช่เรื่องของเจี่ยฟางฮูหยินรองของเสิ่นเกาหลานหรอกใช่มั้ย?" ฮูหยินผู้เฒ่าประคองถ้วยน้ำชาจิบลงคออย่างสดชื่นก่อนจะเอ่ยถามจนเห็นท่าทางชะงักเล็กน้อยของผู้ถูกถาม
"เรื่องนั้นข้ามิเคยคิดมาขุ่นมัวหัวใจเจ้าค่ะ เจี่ยฟางเป็นน้องสาวเป็นการดีที่นางมาอยู่ในเรือนเดียวกัน จริงสิท่านแม่มาเยือนถึงที่เดี๋ยวข้าจะให้สาวใช้ไปตามนางมาคารวะท่านแม่นะเจ้าคะ"
"มิต้อง มิต้องข้ามาที่นี่เพราะจะมาอยู่เป็นเพื่อนพวกเจ้า ข้าเดินทางมาเหน็ดเหนื่อยเอาไว้รุ่งเช้าข้าจะไปเยือนนางที่ห้องของนางเอง เจ้าเองก็ไปพักเถิดเสิ่นจิ้นเจ้าเดินไปส่งสวี่หยางแทนข้าที"
"ขอรับท่านแม่" เสิ่นจิ้นเดินออกมาส่งสวี่หยางตามคำสั่งของมารดาลอบมองใบหน้าของนางอีกครั้งก็อดห่วงมิได้
"พี่สะใภ้ท่านคงครุ่นคิดคำพูดของท่านแม่อย่างนั้นหรือขอรับ ท่านแม่เป็นห่วงพี่สะใภ้มักจะคิดอยู่เสมอว่าพี่สะใภ้จะเป็นเช่นไรใจของท่านจะเจ็บปวดหรือไม่? "
"จะว่าไม่ใช่ก็คงปิดไม่มิด ขนาดท่านแม่ยังมองว่าเป็นเรื่องแปลกชาวบ้านรวมถึงคนอื่น ๆ คงคิดว่าข้าแปลกมากสินะที่ยอมให้สามีตนเองแต่งน้องสาวแท้ ๆ เข้ามาเป็นฮูหยินรอง "
"ความรักมิได้กำหนดนี่ขอรับว่าจะรักผู้ใด หากเรื่องนี้ท่านแปลกข้าเองก็แปลกเช่นกัน" เสิ่นจิ้นหลุดคำพูดในใจของเขาออกมาอย่างแผ่วเบาโชคดีที่สวี่หยางยืนอยู่ไกลได้ยินไม่ถนัดใบหน้าของนางคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยก่อนจะหันมาถามเสิ่นจิ้นในคำกล่าวเมื่อครู่
"เมื่อครู่ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ "
"เอ่อ.... ข้าบอกว่ามิใช่เรื่องแปลกทุกอย่างในใต้หล้าล้วนถูกชะตาลิขิตมาแล้วเท่านั้นขอรับ" เสิ่นจิ้นรีบเปลี่ยนคำพูดโดยเร็วเมื่อรู้ตัวว่าเมื่อครู่หลุดเอ่ยความคิดออกมา
บทที่ 13 พูดให้รู้สำนึกฝั่งด้านเสิ่นเกาหลานเขาได้เดินเรือมาพร้อมกับท่านพ่อและบ่าวรับใช้ จ้องมองดูเรือที่กำลังแล่นไปด้านหน้าท้องฟ้าเริ่มมืดสนิทลงมีเพียงแสงดวงจันทร์ที่กำลังสาดส่องลงมา ลูกเรือพากันจุดไฟเพื่อเพิ่มแสงสว่างของเรือ เรือที่ขนสินค้าได้ชำรุดระหว่างทางทำให้ไม่สามารถขนสินค้าเข้าฝั่งด้านโชคดีที่มีเรือเล็กของชาวบ้านที่หาปลาแล่นผ่านมาจึงนำเรื่องนี้ไปแจ้งเสิ่นเจียงซื่อท่านพ่อของเสิ่นเกาหลาน ระหว่างนั้นเขาอยู่ที่ร้านพอดีจึงขอออกตามท่านพ่อมาด้วย"คุณชายขอรับด้านหน้าที่มีแสงไฟใช่เรือขนสินค้าหรือไม่ขอรับ?" บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปยังเบื้องหน้าที่มีแสงรำไรของดวงไฟที่ส่องสว่างอยู่ เสิ่นเกาหลานมองตามไปยังที่บ่าวแจ้งเห็นเรือที่ร่องลอยอยู่กลางแม่น้ำเขามั่นใจทันทีว่านั่นคือเรือขนสินค้า"ท่านพ่อเราเจอเรือแล้วขอรับ เรือขนสินค้าอยู่ด้านหน้านั่นเอง " เสิ่นเกาหลานตะโกนบอกผู้เป็นพ่อให้รับรู้ ลูกเรือรีบพายเรือไปยังเรืออีกลำอย่างไม่รอช้า"เจอสักทีสินะ ข้าคิดว่าคืนนี้เราคงจะต้องค้างคืนบนเรือแห่งนี้อีกอย่างทะเลยามกลางคืนช่างน่ากลัวนัก เจ้ากลัวหรือไม่? ""ท่านพ่อหากข้ากลัวข้าจะตามท่านมาทำไมหรือขอรับ ข้าเดิน
บทที่ 14 รู้ตัวดีเจี่ยฟางใบหน้าซีดเผือกอีกครั้ง เมื่อได้ยินคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่านางกำมือแน่นเพื่อข่มอารมณ์ของตนเองเพื่อไม่ให้แสดงออกมาทางแววตา“ข้าเจี่ยฟางไม่เคยคิดที่จะเด่นกว่าท่านพี่สวี่หยางอยู่แล้วเจ้าค่ะ หากท่านพี่สวี่หยางมีบุตรให้ท่านพี่เสิ่นเกาหลานข้าเองก็ย่อมร่วมยินดีเจ้าค่ะ ข้าเป็นเพียงฮูหยินรองมิอาจจะหวังไกลเจ้าค่ะ" เจี่ยฟางยิ้มกริ่มให้ฮูหยินผู้เฒ่า นางเห็นเช่นนั้นจึงขอตัวกลับห้องเพราะถึงเวลากินอาหารแล้ว“เช่นนั้นก็ดี ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้วข้ากลับเรือนเมื่อไหร่ข้าจะให้เสิ่นจิ้นนำยาสมุนไพรมามอบให้แก่เจ้า หากเจ้ามีบุตรให้แก่เสิ่นเกาหลานได้คงต้องดื่มยาอีกมากมาย เพราะข้าไม่อยากให้หลานของข้าเกิดมาอ่อนแอขี้โรค” เอ่ยจบฮูหยินผู้เฒ่าลุกขึ้นเดินจากไปปล่อยให้เจี่ยฟางยืนจ้องมองด้วยดวงตาโกรธเคือง“ไม่คิดเลยนะเจ้าคะว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะปากร้ายเช่นนี้ เหมือนคุณหนูใหญ่สวี่หยางยิ่งนักเจ้าค่ะ เช่นนี้คุณหนูจะรับมือได้หรือเจ้าคะ” ซื่อจินเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าเดินออกไปแล้วรีบมากระซิบกระซาบต่อว่าให้หลังอย่างทันควัน“ข้ามาถึงขั้นนี้แล้วไม่คิดจะเกรงกลัวอันใด ข้าจะต้องตั้งครรภ์ก่อนพี่หยางให้ได้ ไม่เช่นนั้นส
บทที่ 15 กำไลหยกเจี่ยฟางถอดแขนออกจากอ้อมกอดของเสิ่นเกาหลานเพื่อถามไถ่เรื่องการเดินเรือไปนำสินค้าสายตาจึงเหลือบไปเห็นของที่เสิ่นเกาหลานที่ติดมือมาด้วยนางยิ้มกริ่มของที่เขาถือมาน่าจะเป็นของฝากของนางเป็นแน่หัวใจของเจี่ยฟางชุ่มชื่นขึ้นมาทันที"สินค้าของตระกูลท่านพี่นำมาจากท้องทะเลแล้วหรือเจ้าคะ ""ใช่แล้วโชคดีที่ไม่มีพายุจึงไม่เกิดความเสียหาย" เสิ่นเกาหลานเอ่ยพลางนั่งลงที่เก้าอี้อย่างเหน็ดเหนื่อย"แล้วสิ่งที่อยู่ในมือของท่านพี่คืออะไรกันเจ้าคะหากให้ข้าเดาต้องเป็นของฝากของข้าใช่หรือไม่เจ้าคะ?" นางชี้นิ้วไปยังของที่อยู่ในมือ เสิ่นเกาหลานยิ้มกว้างยื่นของมอบให้แก่นาง"เจ้าช่างหูตาไวยิ่งนัก นี่คือกำไลข้าเห็นของสิ่งนี้พลันคิดถึงใบหน้าของเจ้าทันที" เจี่ยฟางรีบหยิบห่อที่เขายื่นมาให้นั่งลงที่เก้าอี้เปิดดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าสิ่งที่เสิ่นเกาหลานนำมาฝากคืออันใดทันทีที่นางเปิดออกดูเห็นกำไลหยกงดงามทอประกายวิบวับถูกใจนางยิ่งนัก"ว๊าว ^ ^งดงามจริง ๆ เจ้าค่ะ ท่านพี่ช่างรู้ใจข้ายิ่งนัก" เจี่ยฟางลุกขึ้นมานั่งบนตักของเสิ่นเกาหลานใช้มือโอบกอดคอพลางขยับกายเข้าไปหอมแก้มของเขา เสิ่นเกาหลานรู้สึกเขินอายท
บทที่ 16 พยานรักยามราตรีมาเยือนท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนผันจากแสงอาทิตย์สาดส่องกำลังเคลื่อนตัวต่ำลงดวงจันทราขึ้นมาแทนที่ส่องประกายงดงามบนท้องฟ้าประดับไปด้วยดาวหลายหมื่นดวงที่รายล้อมเสิ่นเกาหลานเดินจากห้องตนเองหลังจากกินอาหารเย็นเสร็จสิ้นกำลังเดินไปหาเจี่ยฟาง แต่ทว่าระหว่างเดินอยู่เขากลับเหลือบไปเห็นสวี่หยางที่กำลังยืนทอดกายเชยชมดวงจันทราอยู่หน้าห้องของตน"นางจะพึงพอใจหรือไม่นะ! นางช่างเป็นสตรีที่เดาใจยากเหลือเกินหากข้าไปหานางยามนี้คงจะได้รับคำพูดขอบคุณหรือไหมนะ หรือนางจะปาสิ่งที่ข้าให้คืนข้ากัน" เสิ่นเกาหลานพึมพำเท้าข้างขวาอยากเดินไปหาสวี่หยางอยากรู้ด้วยตนเองว่านางชอบสิ่งของที่เขาให้หรือไม่แต่ทว่าเท้าอีกข้างกลับหันไปทางห้องของเจี่ยฟาง เขาช่างใจอยู่พักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจก้าวเท้าไปยังห้องของเจี่ยฟางเพราะเขาไม่อยากจะมีอารมณ์โมโหหรือต้องปะทะคารมกับสวี่หยางเจี่ยฟางประโคมผงหอมบนร่างกายแปลงผมอยู่หน้าคันฉ่องจ้องมองความงดงามของตนอย่างชื่นชม ครั้นประตูถูกเปิดเข้ามาจากด้านนอกนางรีบวางแปลงผมลงไว้ลุกขึ้นเดินไปหาเสิ่นเกาหลานด้วยความดีใจ"ท่านพี่มาแล้วหรือเจ้าคะ? ท่านพี่ไม่อยู่เพียงสองคืนเจี่ยฟางเหงาเหล
บทที่ 17 เตรียมตัวตึกตักๆ เสียงหัวใจของสวี่หยางดังระงมไม่คิดว่าผู้ที่นางกำลังครุ่นคิดอยู่มาปรากฏตัวต่ออยู่หน้า หากเป็นเวลานี้เขาต้องอยู่ที่ตลาดขายสินค้ามิใช่หรือแล้วเขามาอยู่ตรงหน้าได้อย่างไร สวี่หยางบีบมือคุมสติตนเองเชื้อเชิญเขาเข้ามาในห้อง"เข้ามาด้านในก่อนสิเจ้าคะ" เสิ่นเกาหลานหลายวันมานี้เขาไม่ได้เห็นหน้านางเพราะโมโหที่นางไม่ชอบของที่เขาให้จนไม่อยากเจอแต่ทว่าวันนี้เขามีเรื่องมาพบเจอนางจึงมาหานางที่ห้อง เมื่อเห็นสีหน้าแววตาเย็นชาของนางยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดหัวใจ แม้ว่านางไม่มีความรู้สึกชอบหรือรักเขาแต่อย่างน้อยนางเป็นถึงฮูหยินไม่มีสักนิดเลยหรือที่นางจะรู้สึกไม่ชอบใจที่เขาไม่สนใจใยดี ปล่อยให้นางนอนเหงาอยู่เพียงลำพังหากเป็นสตรีนางอื่นคงโมโหไปต่อว่าและคงไม่ยอมที่เขาให้ความสำคัญกับฮูหยินรองมากกว่าตนเอง แต่นางกลับไม่แยแสไม่รู้สึกร้อนรู้สึกหนาวด้วยซ้ำทำราวกับเขาไม่มีตัวตนยิ่งทำให้เสิ่นเกาหลานไม่ชอบใจสตรีนางนี้เลยแม้แต่น้อย อยู่ใกล้ยิ่งหงุดหงิดหัวใจ"ข้าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรเจ้าคงมิได้สนใจสินะ ข้ากลับมาตั้งหลานวันแต่เจ้าไม่เคยย่างกรายเข้าไปถามข้าแม้เพียงคำเดียว " เสิ่นเกาหลานนั่งลงที่เก้า
บทที่ 18 งานเลี้ยงยามสนธยามาเยือนท้องฟ้าก็เริ่มมืดทั่วทั้งเมืองถูกปกคลุมด้วยหมอกสีขาวบาง ที่เรือนถูกบ่าวในเรือนจุดโคมไฟประดับตามระเบียงทางเดินเพื่อเพิ่มแสงสว่างสวี่หยางเตรียมตัวตามคำสั่งของเสิ่นเกาหลานนางเรียกสาวใช้มาคอยปรนนิบัตินางสองคน หนึ่งในสองมีหลีลี่จื่อที่คอยมาช่วยจัดแจงใบหน้าและทรงผม แม้จะกลัวจนสั่นแทบไม่กล้าหายใจแต่ก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหลีลี่จื่อเบาใจที่วันนี้ฮูหยินมิได้มีอารมณ์ร้อนต่อว่า แต่กลับกันวันนี้ฮูหยินกลับเย็นชานิ่งมากกว่าเดิมจนน่ากลัวด้วยซ้ำไป"วันนี้ฮูหยินช่างงดงามเหลือเกินเจ้าค่ะ ในงานเลี้ยงคงไม่มีใครสามารถช่วงชิงรัศมีไปได้แม้เพียงนิด ไม่ว่าผู้ใดมาเทียบเคียงล้วนด้อยรัศมีไปส่วนหนึ่งเป็นแน่ " ในความเงียบสงบหลีลี่จื่อได้เอ่ยขึ้นจนสาวใช้อีกนางรีบดึงแขนให้นางหยุดพูดเพราะกลัวจะไม่ถูกใจฮูหยินจะถูกลงโทษเอาได้แต่ทว่าสวี่หยางเมื่อได้ยินคำเยินยอจากปากของหลีลี่จื่อกลับหัวเราะออกมาอย่างขบขัน"ฮึ ฮึ เจ้าเป็นคนแรกที่เอ่ยกับข้าเช่นนี้ใจกล้าดีเสียจริง เอ้านี่รางวัลของเจ้า " สวี่หยางหยิบเงินให้แก่หลี่ลี่จื่นห้าอีแปะเพื่อเป็นของรางวัลที่หลีลี่จื่อกล้าเอ่ยกับนางเช่นนี้ ก่อนจะล
บทที่ 19 ข้าคือสามีของเจ้าสวี่หยางเลือกที่จะเดินออกมาด้านที่ไม่มีผู้คนนางเห็นด้านหน้ามีต้นไม้ใหญ่นางจึงตั้งใจจะไปนั่งที่นั่นสักครู่แล้วค่อยกลับเข้างานเลี้ยง แต่ทว่าเมื่อเดินมาได้สักพักสายตาของสวี่หยางเริ่มพร่ามัวก้าวเท้าไม่ตรงทางร่างกายกำลังเซซ้ายเซขวาล้มลงพื้นหัวใจของนางวูบไหวนางล้มตรงนี้จะเป็นการขายหน้ายิ่งนักจังหวะเดียวกันที่สวี่หยางเริ่มหน้ามืดจู่ ๆ มีแขนแกร่งคู่หนึ่งมาประคองนางเอาไว้ได้สวี่หยางรีบเงยหน้ามองเพื่อขอบคุณเขาที่มาช่วยประคอง“ข้าขอบคุณนะเจ้าคะที่มาช่วยประคองไม่ให้ข้าล้ม” เมื่อนางเงยหน้ามองผู้มาช่วยรอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มปรากฏขึ้น “คุณชายเสิ่นจิ้นท่านมาที่นี่ด้วยหรือเจ้าคะ”“ขอรับพี่สะใภ้เป็นเช่นไรบ้าง ไม่สบายตรงไหนหรือไม่ขอรับ” เสิ่นจิ้นที่เพิ่งมาที่งานเลี้ยงเขากำลังจะเดินไปหาท่านพ่อท่านแม่แต่ระหว่างเดินมาเห็นสวี่หยางเดินเซซ้ายเซขวาใบหน้าแดงระเรื่อขับกับสีผิวที่ขาวผ่องช่างชวนมองแก่สายตาเขายิ่งนักสองเท้าหันแปลเปลี่ยนเส้นทางเดินตรงมาหานางทันที แต่เมื่อเดินเข้ามาใกล้จะถึงกายของสวี่หยางเห็นท่าทางของนางเริ่มจะเซซวนจึงรีบเข้ามาประคองทันที“ข้าไม่ได้ไม่สบายเจ้าค่ะ ข้าเพียงดื่ม
บทที่ 20 ข่าวดีสายตาของเสิ่นเกาหลานเปลี่ยนไป โอบกอดร่างกายของสวี่หยางรัดแน่นเพื่อไม่ให้นางได้หนี บดจูบนางอีกครั้งอย่างเร้าร้อนทำให้สติของนางไม่อยู่กับเนื้อกับตัวร่างกายอ่อนระทวยไร้ทางขัดขืน มือหนาคืบคานขึ้นมานวดคลึงเนินอกสวยใต้ชุดที่สวมใส่ ความซาบซ่านเริ่มเข้ามาปะทุในร่างกายของสวี่หยาง รถม้าเคลื่อนไปตามทางโดยไม่รู้ว่าด้านในรถม้ากำลังเป็นสนามรบด้านอารมณ์ของเสิ่นเกาหลาน หลังจากมาถึงเรือนเขาอุ้มร่างของสวี่หยางลงจากรถม้าค่ำคืนนี้ที่ยาวนานได้เริ่มขึ้นอีกครั้งส่วนเจี่ยฟางหลังจากที่รถม้าเคลื่อนตัวออกไปนางร่ำไห้เสียใจที่มิได้ไปร่วมงามเลี้ยง ทำให้สาวใช้ในเรือนผ่านมาได้ยินต่างพากันสงสารต่างพากันลือและคิดว่าผู้ที่น่าจะได้ออกงานน่าจะเป็นเจี่ยฟางมากกว่าที่จะเป็นสวี่หยางนั่นอีก เจี่ยฟางนอนไม่หลับเฝ้าเสิ่นเกาหลานกลับมาที่เรือนด้วยหัวใจที่ร้อนรุ่มคิดต่าง ๆ นา ๆ เมื่อเห็นรถม้าเคลื่อนเข้ามานางรีบเดินออกไปเพื่อต้อนรับอยากฟังคำบอกเล่าของเสิ่นเกาหลานว่าพบเจออันใดบ้าง แต่เมื่อนางเดินออกไปกลับเห็นเสิ่นเกาหลานอุ้มสวี่หยางเดินลงรถม้าเข้าไปยังห้องของสวี่หยางไม่นานเทียนในห้องถูกดับลง ใจของเจี่ยฟางเจ็บลึกกำมือ
บทที่ 59 ข้าจะลิขิตเองน้ำเสียงจริงจังแววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของเสิ่นจิ้นทำให้สวี่หยางส่ายหัวไปมาลอบยิ้มหนึ่งคราก่อนจะตอบเขาไป“เรื่องนั้นอยู่ที่ฟ้าจะลิขิตแล้วเจ้าค่ะว่าท่านจะหาข้าพบหรือไม่? หากท่านหาข้าพบจริง ๆ ครานั้นข้าจะตอบคำถามนี้นะเจ้าคะ ตอนนี้ข้าต้องเดินทางก่อนต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะถึงที่ที่ข้าจะไป ข้าหวังว่าท่านจะพบสตรีที่งดงามและท่านรักนางหมดใจจนล้มเลิกความคิดที่จะตามหาข้า ลาก่อนเจ้าค่ะ” สวี่หยางเอ่ยจบเดินจากเสิ่นจิ้นขึ้นรถม้าที่อยู่หน้าเรือนตามด้วยหลีลี่จื่อ นางเห็นเสิ่นจิ้นได้โค้งคำนับลงหนึ่งครั้งก่อนจะขึ้นรถม้าตามสวี่หยางออกเดินทางเสิ่นจิ้นยืนมองรถม้าเคลื่อนออกไปลมได้พัดผ่านความเย็นมาระลอกหนึ่งประหนึ่งคำกล่าวลาของสวี่หยาง เขาหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ก่อนจะพึมพำเอ่ยตามหลังนาง“ผู้ใดว่าข้าจะให้สวรรค์ลิขิตกัน ข้าเสิ่นจิ้นขอลิขิตเองและสตรีที่ข้าหมายใจมีเพียงเจ้าผู้เดียวสวี่หยางไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใดไกลพันลี้ข้าจะตามหาเจ้าให้เจอ เมื่อนั้นข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เจ้าจากข้าไปได้อีกต่อไปเตรียมรับมือจากข้าได้เลย” แววตาของเสิ่นจิ้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แม้จะใช้เวลานานก็ถือว่าเขาได้พ
บทที่ 58 จากลาเสิ่นเกาหลานเดินจากไปให้เสิ่นจิ้นที่ยืนอยู่ด้านนอกเข้ามาหาสวี่หยางเพราะเห็นท่าทางของเสิ่นจิ้นแล้วเขาน่าจะอยากคุยกับนางมากกว่าเขาเสียอีกสวี่หยางหันไปมองหลุมป้ายชื่ออีกครั้งนางไม่คิดจะอยู่ที่นี่เพราะไม่อยากพบเจอเสิ่นเกาหลานอีกแค่เห็นเขานางก็หวนคิดถึงเจี่ยฟางไม่จางหาย หากนางสะสางทุกอย่างเสร็จสิ้นจะเดินทางไปหาท่านป้าที่ทิศเหนือไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขปลูกผักเลี้ยงสัตว์เย็บผ้าอย่างเรียบง่าย หนีเรื่องวุ่นวายจะดีกว่า แม้ว่าไม่ทำงานอะไรสมบัติของท่านพ่อที่มีนางคงใช้ไม่หมดแน่ ๆ“ท่านตัดสินใจหย่ากับท่านพี่จริง ๆ หรือ”“จริงเจ้าค่ะ จริงสิข้ายังไม่ได้ขอบคุณท่านเลย ท่านคอยเคียงข้างมาตลอดหากไม่มีท่านข้าก็ไม่รู้จะทำเช่นไรเหมือนกันเจ้าค่ะ ขอบคุณด้วยความจริงใจนะเจ้าคะ” สวี่หยางหันมาก้มโค้งลงอย่างนอบน้อมทราบซึ้งน้ำใจของเสิ่นจิ้น เขารีบประคองนางขึ้นมาไม่ให้นางต้องขอบคุณเขาเพราะที่เขาทำไปเพราะเขาอยากทำด้วยใจจริงเช่นกัน“ไม่เห็นต่องทำเช่นนี้เลยขอรับ ไม่ได้มากมายอันใดที่ข้าช่วยเหลือท่านเพียงเท่านี้เล็กน้อย”“คุณชายเป็นคนดี วันนี้ข้าจะขออวยพรในฐานะพี่สะใภ้ของท่าน ขอให้ท่านพบเจอความรักที่สวยงามแล
บทที่ 57 ทำทุกอย่างให้ถูกต้องหลังจากที่ปลอบใจของสวี่หยางอยู่ไม่นานบ่าวรับใช้กลับมาพร้อมผู้ตรวจการ ช่วยพากันนำรางของใต้เท้าสวี่ลงมาจากขื่อตรวจสอบดูในห้องไร้ร่องรอยการต่อสู้แน่ชัดแล้วว่าเขาตั้งใจปลิดชีพตนเองเพราะมีจดหมายที่เขียนด้วยฝีมือของเขาอยู่บนเตียงนอนสวี่หยางสงบสติอารมณ์แม้จะเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจแต่ยามนี้นางต้องตั้งสติเพื่ออ่านเนื้อความในจดหมาย“สวี่หยางข้ารู้ว่าอีกไม่นานเจ้าคงมาหาข้าที่เรือน ครั้งก่อนข้าเห็นเจ้าเช่นกันเจ้าแอบมาหาข้า ครั้นเมื่อข้ารู้ว่าเจ้ากลับไปที่เรือนเสิ่นเกาหลานข้าอยากไปพบหน้าเจ้าเหลือเกิน แต่ข้ากลับละอายใจข้าเป็นบิดาที่ไม่เอาไหน ไม่สามารถปกป้องเจ้าเพียงเพราะคิดว่าเจ้าเก่งสามารถปกป้องตนเองได้ ข้าจึงเอาแต่สนใจเจี่ยฟาง และข้ามีสิ่งหนึ่งจะบอกแก่เจ้าข้าปกปิดทุกคนมาตลอด เจี่ยฟางมิใช่น้องสาวที่คลานตามกันออกมาแต่เป็นเพราะความโง่เขลาของข้าที่ทำให้ข้าพลาดพลั้งไปมีอะไรกับสาวใช้ จึงทำให้นางท้อง ข้าปิดบังไม่ให้มารดาของเจ้ารู้จึงปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ ๆ วันที่แม่ของเจ้าคลอดคือวันที่สาวใช้ผู้นั้นคลอดเช่นกัน และโชคร้ายที่น้องชายของเจ้าเ
บทที่ 56 ข้าเพียงฝันไปใช่มั้ยหลังพายุที่โหมกระหน่ำได้หยุดลงเวลานี้ก็สองยามแล้ว หลังจากที่เสิ่นจิ้นพาสวี่หยางกลับมารีบให้บ่าวรับใช้ไปตามตัวท่านหมอมาตรวจดูอาหารหลีลี่จื่อเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่ให้และเล่าเรื่องก่อนหน้าให้แก่เสิ่นจิ้นฟัง ส่วนซื่อจินหนีไม่รอดนางถูกทหารจับแต่ทว่าเมื่อจับตัวนางไปคุมขังนางกลับเลือกใช้ยาพิษกรอกปากของตนเพื่อจบชีวิตดีกว่าถูกทางการทรมานรุ่งเช้ามาเยือนแม้ว่าเจี่ยฟางจะหมดลมหายใจแต่ทว่าความผิดของนางครั้งนี้ใหญ่หลวงยิ่งนักทำให้ทางการถอดถอนยศของใต้เท้าสวี่ให้เป็นเพียงคนสามัญชนธรรมดาเท่านั้น สวี่หยางลืมตาขึ้นกวาดสายตามองไปรอบ ๆ นี่มันห้องของนางนี่น่าแล้วนางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรนางจำได้ว่าครั้งสุดท้ายอยู่กับเจี่ยฟางที่หน้าผา จู่ ๆ สวี่หยางพรวดลุกขึ้นทันที“เจี่ยฟาง ข้าจะไปช่วยเจี่ยฟาง” หลีลี่จื่อที่อยู่เฝ้าอาการสวี่หยางทั้งคืนตื่นขึ้นจากเสียงร้องของสวี่หยาง“ฮูหยินฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ โชคดีเหลือเกินที่ท่านไม่เป็นอันใดมาก”“หลีลี่จื่อ เจี่ยฟางล่ะนางปลอดภัยดีหรือไม่?”“ฮูหยินเจ้าคะ นางทำร้ายสารพัดแต่ฮูหยินยังเป็นหวงนางอยู่หรือเจ้าคะ ยามนี้ร่างของนางถูกคุณชายเ
บทที่ 55 ยิ้มทั้งน้ำตาฝั่งด้านเสิ่นจิ้นเมื่อมาถึงเรือนของเสิ่นเกาหลานพบหลีลี่จื่อที่มีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ นางกำลังจะจับตัวของซื่อจินตามคำสั่งของสวี่หยางจึงแอบซุ่มอยู่แต่เมื่อเห็นว่าซื่อจินรีบร้อนไปแจ้งเจี่ยฟาง นางจึงแอบตามไปจึงเห็นว่าสวี่หยางถูกเจี่ยฟางพาตัวหนีไปด้วย หากนางจะตามไปก็เกรงจะไม่มีผู้ใดแจ้งทางการเพราะไม่มีคนรู้เรื่องนี้เช่นนางสักคน“คุณชายเสิ่นจิ้นช่วยฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ”“เกิดอะไรขึ้นกับนาง เจ้ารีบบอกข้ามา”“เรื่องมันยาวเจ้าค่ะ แต่ทว่ายามนี้คุณชายรีบตามไปที่หลังเรือนเถอะเจ้าค่ะ คุณหนูเจี่ยฟางกำลังพาฮูหยินหนีไปทางนั้น ส่วนซื่อจินกำลังไปอีกทางเจ้าค่ะ” เสิ่นเกาหลานตามมาทีหลังได้ยินถึงกับตกใจ รีบสั่งให้ทหารไปตามจับซื่อจินส่วนเขาจะไปช่วยสวี่หยางแต่เขาก็ช้ากว่าเสิ่นจิ้นหนึ่งก้าว เสิ่นจิ้นวิ่งนำไปก่อนแล้วฝนโปรยปรายลงมาแรงขึ้นเรื่อย ๆ สายลมกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง เจี่ยฟางเริ่มหวาดกลัวเสื้อผ้าของนางและสวี่หยางเริ่มเปียกปอน“มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ ข้าแค่เพียงต้องการเป็นหนึ่งเดียวของท่านพี่เสิ่นเกาหลานเท่านั้น ข้าแค่หวังอยากอยู่ครองรักจนกว่าจะหมดลมหายใจเหตุใดมันต้องยุ่งยากเช่นนี้
บทที่ 54 ข้าเกลียดท่าน“เพราะข้าเกลียดท่าน ยิ่งท่านรักข้ามากเท่าไหร่ข้ายิ่งเกลียดท่าน ท่านมันจะไปรู้อะไรคนที่เกิดมาในตระกูลที่ดี มารดาเป็นคุณหนูต่างจากข้าที่มีมารดาเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น! ที่ข้าอยากจัดการท่านเพราะต้องการทุกอย่างที่ท่านมี ท่านพ่อไม่เคยรักข้าเลยมักจะต่อว่า ว่าข้าไม่ได้เรื่องอันใดไม่เหมือนท่าน ข้าพยายามมากมายที่จะเป็นสตรีที่เพรียบพร้อมกิริยามารยาทงามเพื่อไม่ให้พ่อท่านต้องเป็นกังวลแต่ก็ไม่วายที่ท่านพ่อยังคงรักแต่ท่าน” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเจี่ยฟางตวาดใส่สวี่หยางดังกึกก้อง แต่ไม่ทันที่นางจะเอ่ยจบสวี่หยางรับฟังคำที่พรั่งพรู่ออกมาจากปากของนางทำให้นางเสียใจไม่น้อยจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ตบเข้าที่ใบหน้าของเจี่ยฟาง“เพี๊ยะ!!!!. แรงสั่งสะเทือนของน้ำมือสวี่หยางทำให้ร่างบางอย่างเจี่ยฟางถลาล้มไปกับพื้นจนล้มลง“เจ้าต่างหากที่โง่เขลา ข้าไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าเจ้ามิใช่น้องแท้ ๆ ของข้า ทั้งข้าทั้งท่านพ่อต่างรักเจ้ามากกว่าสิ่งใด เจ้ามันโง่งมที่ไม่เข้าใจความรักที่ข้ามอบให้ แต่กลับคิดร้ายว่าข้าสงสารเจ้าอย่างนั้นหรือ! เพราะใจอคติของเจ้าต่างหากที่ทำให้เจ้าหน้ามืดตามัวทำเรื่องเลวร้ายขึ้นมาทั้งหมด
บทที่ 53 อาการที่อร่อยที่สุดในชีวิตข้าจวนถึงเวลาที่เจี่ยฟางนัด สวี่หยางย่างเท้าเดินไปที่ห้องของนางด้วยหัวใจที่เจ็บปวดเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความหม่นหมองสองเท้ามาถึงห้องของเจี่ยฟางนางหยุดเดินก่อนจะซ่อนความเศร้าไว้ภายในฝืนหน้ายิ้มกริ่มพลางเดินเข้าไปด้านใน อาหารมากมายถูกจัดเรียงอย่างสวยงามครั้นเจียฟางเห็นสวี่หยางเดินเข้ามานางรีบเดินมาหาพร้อมดึงแขนของสี่หยางนั่งลงเก้าอี้ที่นางจัดไว้ให้“พี่หยางมาแล้วหรือเจ้าคะ มานั่งด้านนี้สิเจ้าคะ ข้าทำอาหารที่พี่หยางชอบทั้งนั้นเลยวันนี้ท่านต้องกินให้เยอะ ๆ นะเจ้าคะ”“ข้าดีใจเหลือเกินที่เจ้าทำอาหารมากมายให้ข้าเช่นนี้วันนี้ข้าคงกินข้าวมากกว่าทุกวันแล้วสินะ” สวี่หยางหันไปมองเจี่ยฟางยิ้มกริ่มให้แก่นางความรู้สึกเจ็บร้าวไปถึงทรวงอกเมื่อเห็นว่าน้องสาวที่เขารักกำลังตอบแทนความรักโดยการมอบความตายให้แก่ตน“ข้าคิดไว้แล้วว่าท่านต้องชอบ พี่หยางเจ้าคะข้าขอโทษเรื่องที่ผ่านมาข้าไม่น่าคิดสงสัยท่านเลยทั้ง ๆ ที่ท่านรักข้ามากขนาดนี้ จากนี้เราสองพี่น้องจะรักใคร่ปองดองข้าสัญญาจะไม่หูเบาอีกเจ้าค่ะไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นข้าจะเชื่อใจท่านพี่เพียงผู้เดียวเจ้าค่ะ วันนี้เรามากิน
บทที่ 52 จัดการเช่นอย่างเคยฝั่งด้านเจี่ยฟางนางตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ขุ่นมัวทั้งคืนนางเฝ้าคอยเสิ่นเกาหลานแต่เขากลับไม่มาหานาง ทั้งที่นางได้ยินจากสาวใช้ว่าเสิ่นเกาหลานกลับมาจากด้านนอกแล้วแท้ ๆ วันนี้นางจึงจะไปหาเสิ่นเกาหลานที่ห้องเพื่อกินอาหารเช้ากับเขาแต่เมื่อกำลังเดินไปพบหลีลี่จื่อกำลังเดินตรงมาหานางด้วยใบหน้าตื่นตระหนก ทำให้นางอยากรู้ว่านางมีเรื่องอันใดมาแจ้งกันถึงได้ตื่นตระหนกเช่นนั้น“เจ้ามีเรื่องอันใดถึงได้วิ่งหน้าตื่นมาเช่นนี้”“ท่านยังไม่รู้สินะเจ้าคะ วันที่ฮูหยินกลับมาคุณชายเสิ่นเกาหลานไปหานางก่อนที่จะมาพบท่านที่นี่และสิ่งที่ข้าได้ยินมาว่าคุณชายเสิ่นเกาหลานไปขอให้นางยอมให้อภัยเรื่องที่เคยเกิดขึ้นและขอเริ่มต้นใหม่ แต่ว่าคืนนั้นฮูหยินไม่ยอมเพราะยังเจ็บช้ำใจอยู่แต่ว่าวันนี้ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่จู่ ๆ ถูกฮูหยินเรียกใช้ให้ไปตามคุณชายไปพบที่ห้องด้วยเจ้าค่ะแถมยังทำอาหารด้วยตนเองเต็มโต๊ะไปหมดหรือว่าฮูหยินใหญ่จะยอมให้อภัยจริง ๆ เจ้าคะ ข้าคิดว่าคุณชายรักฮูหยินรองเพียงผู้เดียวเสียอีกแต่ก่อนไม่เห็นสนใจฮูหยินใหญ่สักนิด อะไรกันวาจาบุรุษช่างเชื่อถือไม่ได้จริง ๆ นะเจ้าคะ” หลีลี่จื่อสุมไฟในใจให้เจ
บทที่ 51 วางแผนเปิดโปงเช้าวันรุ่งขึ้นสวี่หยางไม่รู้เลยว่ามื้อคืนตนเองนอนหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันมารู้ตัวอีกทีท้องฟ้าเริ่มสว่างเสียงนกขับขานส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวเสียแล้ว“เช้าแล้วสินะ! วันนี้ข้าจะต้องพบเจอเรื่องอะไรบ้างนะ” สวี่หยางลุกขึ้นจากเตียงเปิดหน้าต่างมองไปด้านนอกดวงตะวันเริ่มโผล่ขึ้นท้องฟ้าวันนี้ช่างงดงามเหลือเกิน“ข้าไม่เข้าใจเจ้าสักนิดมีตรงใดบ้างที่ข้าบกพร่องทำหน้าที่พี่ของเจ้าไม่ดีกัน เจี่ยฟางเจ้ามีเหตุผลอันใดนะ! “สวี่หยางพึมพำคิดถึงเจี่ยฟางที่ทำเรื่องใหญ่มากมายหลายอย่างเช่นนี้นางถลำลึกเกินกว่าจะย้อนกลับเสียแล้วหรือเพราะว่าที่ผ่านมาเจี่ยฟางอิจฉานางกัน อย่างนางมีเรื่องอะไรให้น่าอิจฉากันก๊อก ๆ พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้สวี่หยางหยุดความคิดนั้น“ข้าหลีลี่จื่อเจ้าค่ะฮูหยิน”“เข้ามาสิ”“ฮูหยินเจ้าคะข้ามีเรื่องมาแจ้งเจ้าค่ะ จำเรื่องเมื่อคืนนี้ได้หรือไม่เจ้าคะหลังจากที่ฮูหยินกลับมาข้าได้นวดให้ฮูหยินรองข้าสังเกตเห็นตอนที่ฮูหยินจับที่ข้าของนาง ข้าจึงบีบซ้ำอีกและโดนนางด่าต่อว่าอย่างรุนแรงเจ้าค่ะ ที่นางรู้สึกเจ็บเพราะขาของนางมีบาดแผล และยาที่ซื่อจินนำไปทิ้งนั้นคงเป็นยาที่รักษาแผลที