บทที่ 5 คุณชายรองเสิ่นจิ้น
สวี่หยางลุกขึ้นเดินเพื่อสำรวจตู้เตียงโต๊ะที่ทำด้วยไม้สนอย่างดียังมีแจกันลายเมฆมงคลสองใบและของประดับตกแต่งหรูหราหากไม่รกหูรกตาจนเกินไป
เขาคงไม่ปล่อยให้นางต้องนอนเพียงลำพังตั้งแต่ค่ำคืนแรกที่แต่งเข้ามาหรอกกระมั่ง!
เพียงชั่วอึดใจที่สวี่หยางคิดเช่นนั้น นางมองไปยังสุรามงคลที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะก่อนจะละสายตาพลางถอนหายใจเดินกลับไปที่เตียงนอน
ครั้นประตูถูกเปิดเข้ามาสวี่หยางรีบใช้มือดึงผ้าคุมหัวลงมาปิดไว้และนั่งแน่นิ่งรอสามีของตนมาเปิดหัวใจของนางเริ่มเต้นระรัว ถึงนางจะเป็นสตรีที่ดุร้ายแต่ทว่าเรื่องเช่นนี้นางเองก็ยังคงอ่อนหัดเช่นกัน
แต่ทว่านางนั่งอยู่สักครู่กลับไม่มีเสียงใดเอ่ยออกมาจากปากของเขา มีเพียงเสียงฝีเท้าที่กำลังย่างเข้ามาใกล้ ๆ ใช้ไม้ที่วางอยู่เปิดผ้าคุมออกเผยให้นางได้เห็นใบหน้าของเสิ่นเกาหลาน ดวงตาลุ่มลึกใบหน้าคมคิ้วกระบี่ท่าทางสุขุมราวกับบัณฑิต ดวงตาดำขลับเว้าลึกมีความไม่แยแสต่อโลกเจืออยู่ในนั้น แต่ทว่ากลับทำให้หัวใจของสวี่หยางสั่นไหว
"บุปผาในน้ำ จันทราในกระจก ช่างเป็นเช่นดั่งที่เขากล่าวเล่าลือ ข้ามาที่เรือนนี้เพราะไม่ได้ต้องการร่วมหลับนอนกับเจ้า ข้าขอเอ่ยกับเจ้าตามตรงว่าข้ามิได้ต้องการแต่งกับเจ้าแต่เพราะข้าตกปากรับคำท่านพ่อยากจะคืนคำ เช่นนั้นวันนี้ข้ากับเจ้าถือว่าเป็นสามีภรรยากันตามขนบธรรมเนียมและข้าขอบอกเจ้าไว้ตรงนี้ว่าต่อให้เจ้าเป็นฮูหยินของข้า ก็ไม่มีทางที่จะได้ความรักจากข้า " วาจาเอ่ยออกมาราวกับแท่งเข็มนับหมื่นนับพันทิ่มแทงในอกของสวี่หยาง ใบหน้าของนางพลันเปลี่ยนสี
ในเมื่อเป็นเช่นนี้เขาเองก็คงได้ยินชื่อเสียงของนางมาไม่น้อยไม่แปลกที่เขาจะรังเกียจนาง
"ตอกตะปูลงบนแผ่นไม้ เมื่อตัดสินใจไปแล้วยากจะเปลี่ยนแปลง ข้าสวี่หยางผู้นี้มิได้ต้องการความรักจากท่านเช่นกัน เป็นการดีที่ท่านเอ่ยออกมาเช่นนี้ ข้าจะได้ไม่ต้องปกปิดตัวตนแสร้งทำเป็นคนดี แต่ข้าเป็นบุตรสาวที่มีความกตัญญูท่านพ่อสอนให้ข้าปรนนิบัติผู้เป็นสามีอย่าให้ขาดตกบกพร่อง ท่านเองก็คงจะรู้ว่าหากรุ่งสางผ้าปูบนเตียงหรือแม้แต่ผ้าห่มกายยังอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนแปลงข้าจะถูกตำหนิเอาได้ เรื่องเช่นนี้ข้าเองก็ไม่ยอมเช่นกัน " ระหว่างเอ่ยก็ตรวจดูสีหน้าอีกฝ่ายไปด้วยอย่างระมัดระวัง
"ฮึ! ในเมื่อเจ้าเอ่ยมาเช่นนี้ข้าย่อมสนองความต้องการให้เจ้าได้ " ถ้อยคำตรงไปตรงมาเปิดเผยเรียบง่ายทำให้เขาพึงพอใจที่จะไม่ต้องแสร้งทำเป็นสามีที่ดีให้แก่นาง เขากระกดสุราหนึ่งจอกเดินตรงเข้ามาหาสวี่หยางที่เตียงก่อนจะกดกายนางลงเพื่อสนองสิ่งที่นางเอ่ยออกมาแม้ไม่ได้รักนางแต่ทว่าหากออกไปเช่นนี้เขาเองก็ถูกท่านพ่อท่านแม่ตำหนิได้เพราะทั้งสองต้องการหลานเพื่อสืบทอดสกุล
แม้ในใจของสวี่หยางจะเจ็บลึกแต่ยามนี้นางต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดนอนทอดกายให้เขาเชยชมความเจ็บปวดไม่มีแม้คำกล่าวถามที่อบอุ่น กลายเป็นความเย็นยะเยือกเข้ามาแทนที่
รุ่งสางของอีกวัน
ลมหนาวพัดผ่านร่างกายของสวี่หยางทำให้นางลืมตาขึ้นมาสายตากวาดมองทั่วห้องร่างกายปราศจากเสื้อผ้าอาภรณ์
ครั้นจะลุกนางกลับรู้สึกเจ็บปวดที่ตรงกลางระหว่างขาร่างกายระบมไปหมดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หน้าซีดเผือกราวเสียพลังไปโดยฉับพลัน นางเป็นฮูหยินสกุลเสิ่นเต็มตัวแต่ทว่าเมื่อมองข้างกายกลับไม่พบเสิ่นเกาหลานแล้วมีเพียงไอความอุ่นที่ยังหลงเหลืออยู่
มีเพียงคำพูดของเขาที่ยังวนเวียนอยู่นางจะเก็บถ้อยคำที่เขาเอ่ยไว้ให้ลึกถึงกระดูกมิใช่แต่เขาไม่รักนาง นางเองก็ใช่ว่าจะรักเขาแม้จะเสียดายใบหน้าที่งดงามนั้นแต่ทว่าตอนนี้นางคือฮูหยินของเขา ความรักกินมิได้เงินทองความมั่งคั่งต่างหากที่ทำให้นางแต่งเข้ามาที่นี่ สวี่หยางนอนต่ออีกครู่ก่อนจะพยายามลุกขึ้นอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวแต่งกายเดินออกมาด้านนอกกวาดสายตามองดูเรือนที่นางต้องใช้ชีวิตต่อจากนี้
สาวใช้ในเรือนเดินใกล้เข้ามาหาสวี่หยางเกี่ยงกันที่จะเข้ามาตามนางตามคำสั่งของเสิ่นเกาหลานผู้เป็นนายให้มาตามฮูหยินไปกินอาหารเช้าที่ห้องโถง เพราะข่าวเล่าลือเรื่องนิสัยของนางไม่มีสาวใช้นางใดกล้าเข้ามาใกล้แม้แต่นางเดียว เป็นจังหวะเดียวกันที่เสิ่นจิ้นน้องชายของเสิ่นเกาหลานที่มาเยือนท่านพี่ที่เรือนเห็นสาวใช้สองนางกำลังดันกันและกันเพื่อให้ไปเรียกฮูหยิน
“เจ้าไปสิ”
“ไม่ข้าไม่ไป เจ้านั่นแหละที่ต้องไป”
“ไม่หากจะไปเราต้องไปด้วยกัน เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ากลัวจะก้าวเท้าไม่ออกอยู่แล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นพวกเจ้ากำลังเกี่ยงกันไปที่ใดหรือ?” น้ำเสียงทุ่มต่ำเอ่ยขึ้นมาด้านหลังของสาวใช้ทั้งสองราวกับเสียงสวรรค์ที่มาโปรดปราณพวกนาง
“คุณชายน้อยเสิ่นจิ้นพวกเราถูกคุณชายเสิ่นเกาหลานให้มาตามฮูหยินไปกินอาหารที่ห้องโถงเจ้าค่ะ แต่พวกข้ากลัวเจ้าค่ะได้ยินมาว่าก่อนที่ฮูหยินจะแต่งเข้ามาที่เรือนนี้มีสาวใช้ถูกนางสั่งลงโทษจนถึงแก่ความตาย ข้ากลัวว่าจะทำอันใดไม่ถูกใจและจะโดนลงโทษเอาได้”
เสิ่นจิ้นมองไปยังด้านหน้าสตรีที่งดงามเช่นนั้นจะเป็นอย่างที่สาวใช้กล่าวมาได้อย่างไร แม้จะเคยได้ยินชื่อเสียงฉาวโฉ่วแต่เขาไม่คิดว่านางจะโหดร้ายจนไม่มีเหตุผลอันใด
“เช่นนั้นพวกเจ้าไปที่ห้องโถงเถิดข้าจะเข้าไปเรียกพี่สะใภ้เอง”
“เจ้าค่ะคุณชายรอง”
เสิ่นจิ้นมีอายุน้อยกว่าเสิ่นเกาหลานเพียงสองปียามนี้เขาเองก็เติบโตพอที่จะมีครอบครัวแต่ทว่าเขายังไม่พบเจอสตรีที่ถูกตาต้องใจ จนกระทั่งยามนี้ที่เขาย่างเท้ามาใกล้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าพี่สะใภ้ของตน
“พี่สะใภ้ข้าเสิ่นจิ้นน้องชายของท่านพี่เสิ่นเกาหลานขอคารวะขอรับ”
สวี่หยางกำลังครุ่นคิดเรื่องจี๋เสียงทันทีที่ได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลังนางรีบหันมาหาผู้มาเยือนยามนั้นมีสายลมพัดผ่านผมยาวสยายตามกระแสลมเผยเปิดเผยให้เห็นใบหน้าที่ไม่ได้แต่งแต้มเครื่องประทินโฉมอย่างเมื่อวาน รอยยิ้มส่งผ่านม่านตาน้อมรับคารวะอย่างนอบน้อม
“ข้าสวี่หยางคารวะคุณชายรองเสิ่นจิ้นเช่นกันเจ้าค่ะ”
ราวกับถูกมนต์สะกดน้ำเสียงนุ่มลึกรูปโฉมประหนึ่งจิตรกรวาดรังสรรค์ บรรจงลากเส้นโค้งของดวงตาดุจใบหลิวดูพริ้วไหวนุ่มนวล เสิ่นจิ้นตกอยู่ในภวังค์ของความงดงามอยู่ชั่วหนึ่งก่อนจะรีบดึงสติตนเพราะผู้ที่อยู่ตรงหน้าคือพี่สะใภ้ของตน
“ข้าเดินทางมาที่เรือนนี้เพราะต้องการแสดงความยินดีกับพี่เสิ่นเกาหลานและท่านพี่สะใภ้ เมื่อครู่ข้าเดินผ่านสาวใช้เห็นนางกำลังเดินมาตามพี่สะใภ้ไปที่ห้องโถง ไปพร้อมกับข้าหรือไม่ขอรับ? "
"เช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ ข้าเองพึ่งเข้ามาอยู่ที่นี่แม้จะเดินไปที่ใดก็ย่อมไม่รู้ทาง เป็นธุระท่านแล้ว”
“หาได้เป็นธุระของข้าหรอกขอรับ ข้าเดินผ่านมาพอดีมาเถิดขอรับป่านนี้ท่านพี่เสิ่นเกาหลานคงรอนาน” เสิ่นจิ้นกล่าวผายมือให้นางเดินตามตนรีบเก็บงำประกายตาไม่ให้แสดงออกมาจนเกินไป หัวใจของเขาเต้นแรงระรัว
ห้องโถง
เสิ่นเกาหลานนั่งจ้องมองทางเข้าห้องโถงหันซ้ายหันขวาสวี่หยางยังไม่มีวี่แววจะก้าวเท้าเข้ามาจนเขาเกิดความโมโห เห็นสาวใช้ทั้งสองที่ให้ไปตามเดินกลับมาแต่ทว่าไร้วี่แววของสวี่หยางลุกขึ้นตบโต๊ะเสียงดัง
ปัง !!!
“ข้าให้เจ้าไปตามฮูหยินเหตุใดนางถึงไม่ตามมาด้วยหรือว่านางยังไม่ตื่นเช่นนั้นหรือ? ช่างเป็นสตรีที่ไม่ดีเอาเสียเลย”
“มิใช่เจ้าค่ะคุณชาย ฮูหยินตื่นแล้วตอนนี้กำลังเดินตามมาพร้อมกับคุณชายรองเจ้าค่ะ”
“เสิ่นจิ้นมาอย่างนั้นหรือ?” เสิ่นเกาหลานคิ้วขมวดเข้าหากันใบหน้างงงวยน้องชายของเขามาเยือนที่เรือนแล้วทำไมถึงได้อยู่กับสวี่หยางกันและทั้งสองไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่? เพียงไม่นานทั้งสองได้เดินเข้ามาในห้องโถงพร้อมกัน
มาแล้วสินะ!
“เสิ่นจิ้นเจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้มีเรื่องอันใดหรือ?” ทันทีที่เสิ่นจิ้นก้าวเท้าเข้ามาเสิ่นเกาหลานเอ่ยถามพลางมองไปด้านหลังของเสิ่นจิ้นเห็นสตรีที่เป็นฮูหยินของตนเดินมาพร้อมกับเขา
“ท่านแม่วานให้ข้านำของกำนัลเล็ก ๆ น้อย ๆ มามอบให้พี่สะใภ้ขอรับ ข้าพบพี่สะใภ้ที่ทางเดินมายังห้องโถงจึงชักชวนให้มาพร้อมกันขอรับ”
“เจ้ามาที่นี่แต่เช้าคงยังไม่ได้กินอะไรมาสินะ มาเถิดนั่งลงกินอาหารเช้าด้วยกันก่อน นี่เจ้าไปเตรียมชามมาให้คุณชายรองเร็วเข้า”
“เจ้าค่ะ”
เสิ่นเกาหลานสั่งสาวใช้ก่อนจะปรายสายตาไปมองสวี่หยางให้เดินมาใกล้ตน
สวี่หยางสบสายตาที่จ้องมองมาทางตนพอเข้าใจในความหมายของสายตาเดินมาใกล้เสิ่นเกาหลานนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ รอสาวใช้มาตักข้าวใส่ชามเพื่อร่วมกินอาหารเช้าด้วยกัน สถานการณ์ช่างอึดอัดสำหรับนางราวกับต้องฝืนทนเพื่อแสดงเป็นฮูหยินที่ดี
ระหว่างกินอาหารเสิ่นเกาหลานสังเกตสตรีที่อยู่ตรงหน้าและมองไปยังเสิ่นจิ้นจึงคีบเนื้อชิ้นใหญ่มอบให้นาง
“กินเพียงเท่านี้จะมีแรงได้เช่นใดกัน กินเนื้อเยอะ ๆ ”
“ไม่คิดเลยนะขอรับว่าท่านพี่จะรักพี่สะใภ้มากขนาดนี้ เช่นนี้อีกไม่นานท่านพ่อท่านแม่คงได้อุ้มหลานเป็นแน่”
คำพูดของเสิ่นจิ้นชวนให้สวี่หยางอึดอัดใจมากกว่าเดิมก้มหน้าต่ำลงคีบเนื้อที่เสิ่นเกาหลานเข้าปากชิ้น ๆ เล็กเคี้ยวอย่างละเอียดเพราะนางไม่อยากจะตอบคำถามนั้น
“เรื่องเช่นนั้นข้าคงบอกไม่ได้ต้องดูร่างกายของสวี่หยางด้วย จริงสิกินอาหารเสร็จแล้วข้ามีเรื่องจะหารือกับเจ้า” สวี่หยางใจล่องลอยไม่ได้ฟังคำพูดของเสิ่นเกาหลานที่พูดคุยกับเสิ่นจิ้นเวลาเพียงไม่นานแต่สำหรับนางราวกับผ่านไปหลายชั่วยามที่ต้องนั่งฝืนทนกินอาหารจนถึงเวลาแยกย้าย
บทที่ 6 ไปมาหาสู่หลังจากวันนั้นที่เสิ่นจิ้นมาเยี่ยมเยือน เขาก็มาบ่อยครั้งพอทำให้สวี่หยางคลายเหงาลงได้บ้าง เพราะตั้งแต่คืนแรกที่เข้าหอเสิ่นเกาหลานมิเคยมาหานางอีกเลย นางพบเขาเพียงแค่กินอาหารเช้าร่วมกันราวกับทำเป็นหน้าที่ที่นางต้องทำในทุกวัน สาวใช้ในเรือนก็มีแต่คนกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ ความโดดเดี่ยวท่ามกลางหัวใจของสวี่หยางราวกับถูกหิมะปกคลุม"พี่สะใภ้วันนี้ข้าได้ปลามาจากตลาดหวนคิดถึงท่าน เย็นนี้ข้ามาฝากท้องที่นี่ได้หรือไม่ขอรับ?" เสิ่นจิ้นร่าเริงมักสร้างเสียงหัวเราะให้แก่สวี่หยางเมื่อพบเสมอ"เหตุใดจะไม่ได้กันเจ้าคะ นำปลามานี่เถิดข้าจะให้สาวใช้ไปจัดการยามนี้ตะวันคล้อยต่ำลงไม่นานท่านพี่คงจะกลับมา " ดวงตาปรากฎรอยยิ้มส่งผ่านใบหน้ายื่นมือรับปลาจากเสิ่นจิ้นแต่แล้วจู่ ๆ นางต้องชะงักมือหยุดนิ่งรอยยิ้มเจือจางลงเมื่อถูกเสิ่นจิ้นเอ่ยถาม"ข้าขอละลาบละล้วงได้หรือไม่ขอรับ? แม้ว่าจะดูว่าข้าไร้มารยาทก็ตาม เสมือนท่านทั้งสองไม่มีความสุขเลยที่อยู่ด้วยกัน""ไม่เลยเจ้าค่ะ ข้ากับคุณชายเสิ่นเกาหลานรักกันดี นำปลามาให้ข้าก่อนสิเจ้าคะข้าจะนำไปให้สาวใช้ที่โรงครัว" สวี่หยางครุ่นคิดเพียงครู่รีบตอบกลับโดยเร็วไม่ใช่เพีย
บทที่ 7 เจี่ยฟางมาเยือนวันถัดมาเจี่ยฟางอยู่ที่เรือนตระกูลสวี่ตั้งแต่ท่านพี่แต่งออกเรือนภายในเรือนเงียบงัน ไร้เสียงตวาดต่อว่าสาวใช้อย่างเคยชิน แต่ทว่าสาวใช้กลับชอบที่เรือนเงียบสงบไร้คุณหนูที่เอาแต่ใจตนเองทำให้ทุกคนมีความสุขมากขึ้น“เฮ้อ! ตั้งแต่พี่หยางออกเรือนไปที่นี่ช่างเงียบเหงาจัง ข้าไปพี่หยางสักนิดดีมั้ยนะหากรอพี่หยางมาหาคงไม่มีเวลาแน่นอน ซื่อจินข้าจะเดินทางไปเยี่ยมพี่หยาง” เจี่ยฟางลุกขึ้นยืนหันไปบอกแก่สาวใช้ในสิ่งที่นางต้องการ“จะไปหาคุณหนูใหญ่หรือเจ้าคะ? เช่นนั้นข้าจะให้บ่าวเตรียมเกี้ยวให้นะเจ้าคะ” ซื่อจินสาวใช้ข้างกายของเจี่ยฟางแจ้งต่อคุณหนูก่อนจะก้มโค้งลงก่อนจะเดินออกจากห้องไปบอกให้บ่าวเตรียมเกี้ยวเพื่อออกเดินทางไปที่เรือนของเสิ่นเกาหลาน ดวงตาของเจี่ยฟางเป็นประกายก่อนจะย่างกรายออกจากห้องของตนเพื่อไปเยี่ยมสวี่หยางเรือนเสิ่นเกาหลานฝั่งด้านสวี่หยางตั้งแต่เมื่อวานที่นางเดินหนีเสิ่นเกาหลาน เขามิได้ยื้อนางไว้แต่อย่างไร เช้าวันนี้เขาเองก็มิได้ร่วมกินอาหารกับนางด้วยซ้ำสาวใช้ได้เอ่ยบอกว่าเช้าวันนี้คุณชายออกไปด้านนอกตั้งแต่เช้าตรู่ทำให้อาหารมื้อนี้สวี่หยางกินอย่างเอร็ดอร่อยกว่าทุกวัน
บทที่ 8 สายตาปกปิดไม่มิด"ฮูหยินพวกข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะโปรดเมตตาพวกข้าด้วย "สวี่หยางเงยหน้าขึ้นปรายสายตาไปมองสาวใช้พลางแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อย หากพวกนางคิดว่านางเป็นเช่นนั้นก็ดีเช่นกันจะได้ไม่มีใครกล้าจะที่ัขัดคำสั่ง"เช่นนั้นเจ้าเตรียมน้ำชาพร้อมขนมหวานตามข้ามาที่ห้องโถง" สวี่หยางชี้นิ้วไปยังคนที่เอ่ยเรื่องนางเมื่อครู่ สาวใช้ทรุดตัวลงอย่างอ่อนแรงนางหวาดกลัวสวี่หยางเหลือเกินแต่ก็มิกล้าขัดคำสั่ง"เจ้าค่ะ ฮูหยิน" สาวใช้เอ่ยน้ำเสียงสั่นคลอนก่อนจะรีบลุกเตรียมน้ำชาหากชักช้าเกรงว่าจะถูกลงโทษได้ สาวใช้ที่อยู่ในโรงครัวพากันก้มหน้ามิกล้าจะสบตาผู้เป็นนายจนสวี่หยางรำคาญหูลำคาญตาตวาดไล่พวกนางไปทำหน้าที่ของตน"พวกเจ้าไม่มีอะไรทำกันหรืออย่างไร? ไปทำงานของพวกเจ้าสะสิหากข้าพบว่าในเรือนไม่สะอาดตรงใดข้าจะจับพวกเจ้ามาเฆี่ยนให้หลังลาย""เจ้าค่ะ ฮูหยินพวกข้าจะรีบไปทำเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ"สาวใช้พากันแยกย้ายไปทำงานของตนเองอย่างเร่งรีบ สวี่หยางหันไปมองสาวใช้ที่นางให้ไปจัดเตรียมน้ำชา เมื่่อเห็นนางจัดเสร็จแล้วจึงเดินนำหน้ามายังห้องโถงวันนี้เหล่าแมลงพากันบินว่อนเต็มท้องฟ้าช่างเป็นวันที่อากาศดียิ่งนัก เมื่อแต่นางเดิน
บทที่ 9 ขอเจี่ยฟาง"ฮูหยินเจ้าใจกว้างกว่าข้าคิดไว้มาก หากเจ้าเอ่ยมาเช่นนี้ข้าจะจัดการสู่ขอสวี่เจี่ยฟางมาเป็นอนุทันที คืนนี้พระจันทร์ช่างงดงามจริง ๆ สวรรค์เมตตาข้าแล้ว"ความรู้สึกหลากหลายซับซ้อนไร้ถ้อยคำกระทันหัน มองบุรุษที่เดินจากไปชีวิตของนางต่อจากนี้คงไม่อาจฝืนชะตาฟ้า พาร่างตนเดินเข้าไปในห้องนั่งลงบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง รู้สึกอยากร่ำไห้แต่น้ำตากลับคั่งค้างอยู่ในอกไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร่ำไห้รุ่งสางวันต่อมาสวี่หยางอึกครึ้มด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยวไม่คิดเลยว่าเสิ่นเกาหลานจะทำอย่างที่เอ่ยมาเมื่อคืนจริง ๆ เขาเดินทางไปหาท่านพ่อของสวี่หยางตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อทำการสู่ขอสวี่เจี่ยฟางมาเป็นอนุตน สวี่หยางเฝ้าภาวนาไม่ให้เจี่ยฟางรับ แต่นางจะทำเช่นใดได้เมื่อเห็นสีหน้าแววตาของเจี่ยฟางเมื่อวานยากที่จะเดาออก"เอ่อ...ฮูหยินเจ้าคะหม้อแกงน้ำเดือดจนล้นออกมาแล้วเจ้าค่ะ " หลีลี่จื่อที่ทำงานในโรงครัวแปลกใจที่เห็นฮูหยินเข้าครัวตั้งแต่เช้าตรู่แถมวันนี้ใบหน้าของฮูหยินเศร้าหมองคล้ายเก็บงำเรื่องอันใดอยู่ในใจ นางคอยลอบมองอยู่บ่อย ๆ จนเห็นน้ำแกงที่ฮูหยินตั้งใจทำเริ่มเดือดแต่ทว่าฮูหยินกลับยืมมองด้วยความเหม่อลอยจนน
บทที่ 10 เอ็นดูพี่หยางด้วยเจ้าค่ะพิธีแต่งอนุก็มาถึง วันนั้นที่เสิ่นเกาหลานเดินทางไปสู่ขอเจี่ยฟางแม้ใต้เท้าสวี่จะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่แต่เมื่อถามเจี่ยฟางให้นางตัดสินใจเอาเอง นางพึงพอใจที่จะเข้าไปเป็นอนุของเสิ่นเกาหลานงานพิธีในวันนี้จึงถูกจัดขึ้นไม่น้อยหน้างานของสวี่หยางเลยแม้แต่น้อยแถมใบหน้าของเสิ่นเกาหลานเต็มไปด้วยรอยยิ้มแตกต่างจากยามที่แต่งสวี่หยางเข้ามาซะเหลือเกินสวี่หยางฝืนยิ้มหน้าชื่นอกตรมรับจอกน้ำชาที่เจี่ยฟางนำมาคารวะตนที่เป็นฮูหยินใหญ่ผ่านสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมา"ต่อจากนี้ข้าฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะเจ้าคะฮูหยิน""แม้ว่าเจ้าจะมาเป็นอนุของเสิ่นเกาหลานแต่อย่างไรเจ้าก็เป็นน้องสาวของข้า ข้าน้อมรับเจ้าด้วยใจจริงของข้าต่อจากนี้ขอให้เจ้ามีความสุขที่สุดและจะไม่มีผู้ใดมาทำร้ายเจ้าได้" สวี่หยางยื่นมือรับจอกน้ำชาประคองดื่มรวดเดียวหมดจอกก่อนจะยื่นกลับคืนไปให้นางเป็นอย่างที่นางคาดคิดสาวใช้ในเรือนต่างพากันซุบซิบนินทากันให้แซ่ดเรื่องที่สวี่หยางใจใหญ่ยอมรับให้น้องสาวตนเองมาใช้สามีผู้เดียวกัน แต่นางมิได้สนใจ หลังจากวันนั้นเสิ่นเกาหลานไม่เคยย่างกรายมาหาสวี่หยางเลยด้วยซ้ำหลีลี่จื่อแอบมองยามเดิน
บทที่ 11 ไม่ชอบใจเสิ่นเกาหลานหลายวันมานี้เขาคลุกอยู่กับเจี่ยฟางจนแทบไม่ได้ออกไปทำงานช่วยท่านพ่อที่ร้านค้า หรือแม้แต่ไปตรวจดูท่าเรือที่ส่งของเมื่อเขาเดินเพียงลำพังทำให้เขาครุ่นคิดได้แล้วว่าวันนี้จะต้องไปหาท่านพ่อบ้างมิเช่นนั้นจะถูกต่อว่าเอาได้ เขากำลังย่ำเท้าไปหาสวี่หยางตามที่เจี่ยฟางขอร้องแต่ทว่าเมื่อเดินมาเรื่อย ๆ ระหว่างที่ไปห้องของนางได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังอยู่ไม่ไกล คิ้วของเสิ่นเกาหลานเริ่มขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย เพราะมิใช่เสียงสาวใช้แต่เป็นน้ำเสียงของสวี่หยางกับเสิ่นจิ้นที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขานั่นเอง ท่าทางของสวี่หยางยิ้มกว้างหัวเราะออกมาราวกับไม่ทุกข์ระทมหัวใจอย่างที่เจี่ยฟางกังวลแถมยังหน้าระรื่นให้เสิ่นจิ้นอีกต่างหาก"ฮ่า ฮ่า เพราะคุณชายเสิ่นจิ้นเลยทำให้ข้าหัวเราะจนน้ำตาไหล ขอบคุณท่านอีกครั้งนะเจ้าคะ และมีอีกอย่างข้าขอฝากขอบคุณท่านแม่ด้วยที่เป็นห่วงข้า ข้าจะดื่มยาจนหมดเลยเจ้าค่ะ ""พี่สะใภ้อารมณ์ดีเพราะข้าหรือขอรับ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีของข้าเหลือเกินที่ทำให้ท่านยิ้มได้เช่นนี้ " เสิ่นจิ้นนำเรื่องที่พบเจอก่อนจะมาเยือนสวี่หยางที่เรือนเป็นเรื่องตลกของลูกค้าที่มาซื้อของที่ร้านขอ
บทที่ 12 ข้าละอายใจหลายวันต่อมาวันนี้เสิ่นเกาหลานไม่อยู่เรือนเพราะออกไปที่ตลาดเพื่อช่วยงานของครอบครัว เจี่ยฟางจึงมาหาสวี่หยางที่ห้องของนาง สวี่หยางกำลังนั่งปักผ้าเช็ดหน้าลายดอกกุ้ยฮวาที่มักจะส่งกลิ่นอยู่ในทุกค่ำคืน ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ ๆ จึงวางผ้าลงหันไปมองดูทางประตูเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของเจี่ยฟางที่เดินมาพร้อมกับสาวใช้ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายว่าเจี่ยฟางมาอยู่ที่นี่มีความสุขเพียงใด แต่เมื่อเจี่ยฟางเห็นใบหน้าของสวี่หยางใบหน้าของนางพลันเปลี่ยนสี ดวงตาเริ่มเอ่อแดงริมฝีปากคว่ำลงคล้ายจะร้องไห้วิ่งเข้ามากอดสวี่หยางแน่นจนนางตกใจ"เกิดอันใดขึ้นกับเจ้า หรือว่าเสิ่นเกาหลานรังแกเจ้าอย่างนั้นหรือ? " สวี่หยางใจสั่นไหวเมื่อเห็นน้องสาวที่ตนเฝ้ารักทะนุถนอมมีน้ำตา"มิใช่เจ้าค่ะ! ข้าแค่รู้สึกผิดต่อท่านพี่ที่มีสามีคนเดียวกัน ข้าเข้ามาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วแต่มิได้มาหาท่านพี่เพราะละอายใจเหลือเกิน พี่หยางคงเกลียดชังข้าแล้ว ข้าเข้ามาแย่งความรักของพี่หยาง ฮื้อ ๆ " สวี่หยางเบาใจหลงคิดว่าเจี่ยฟางจะถูกเสิ่นเกาหลานทำเช่นดั่งตน แต่เมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่องนี้นางโอบกอดเจี่ยฟางกลับลูบหลังเบา ๆ อย่างอ่อนโยน
บทที่ 13 พูดให้รู้สำนึกฝั่งด้านเสิ่นเกาหลานเขาได้เดินเรือมาพร้อมกับท่านพ่อและบ่าวรับใช้ จ้องมองดูเรือที่กำลังแล่นไปด้านหน้าท้องฟ้าเริ่มมืดสนิทลงมีเพียงแสงดวงจันทร์ที่กำลังสาดส่องลงมา ลูกเรือพากันจุดไฟเพื่อเพิ่มแสงสว่างของเรือ เรือที่ขนสินค้าได้ชำรุดระหว่างทางทำให้ไม่สามารถขนสินค้าเข้าฝั่งด้านโชคดีที่มีเรือเล็กของชาวบ้านที่หาปลาแล่นผ่านมาจึงนำเรื่องนี้ไปแจ้งเสิ่นเจียงซื่อท่านพ่อของเสิ่นเกาหลาน ระหว่างนั้นเขาอยู่ที่ร้านพอดีจึงขอออกตามท่านพ่อมาด้วย"คุณชายขอรับด้านหน้าที่มีแสงไฟใช่เรือขนสินค้าหรือไม่ขอรับ?" บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปยังเบื้องหน้าที่มีแสงรำไรของดวงไฟที่ส่องสว่างอยู่ เสิ่นเกาหลานมองตามไปยังที่บ่าวแจ้งเห็นเรือที่ร่องลอยอยู่กลางแม่น้ำเขามั่นใจทันทีว่านั่นคือเรือขนสินค้า"ท่านพ่อเราเจอเรือแล้วขอรับ เรือขนสินค้าอยู่ด้านหน้านั่นเอง " เสิ่นเกาหลานตะโกนบอกผู้เป็นพ่อให้รับรู้ ลูกเรือรีบพายเรือไปยังเรืออีกลำอย่างไม่รอช้า"เจอสักทีสินะ ข้าคิดว่าคืนนี้เราคงจะต้องค้างคืนบนเรือแห่งนี้อีกอย่างทะเลยามกลางคืนช่างน่ากลัวนัก เจ้ากลัวหรือไม่? ""ท่านพ่อหากข้ากลัวข้าจะตามท่านมาทำไมหรือขอรับ ข้าเดิน
บทที่ 59 ข้าจะลิขิตเองน้ำเสียงจริงจังแววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของเสิ่นจิ้นทำให้สวี่หยางส่ายหัวไปมาลอบยิ้มหนึ่งคราก่อนจะตอบเขาไป“เรื่องนั้นอยู่ที่ฟ้าจะลิขิตแล้วเจ้าค่ะว่าท่านจะหาข้าพบหรือไม่? หากท่านหาข้าพบจริง ๆ ครานั้นข้าจะตอบคำถามนี้นะเจ้าคะ ตอนนี้ข้าต้องเดินทางก่อนต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะถึงที่ที่ข้าจะไป ข้าหวังว่าท่านจะพบสตรีที่งดงามและท่านรักนางหมดใจจนล้มเลิกความคิดที่จะตามหาข้า ลาก่อนเจ้าค่ะ” สวี่หยางเอ่ยจบเดินจากเสิ่นจิ้นขึ้นรถม้าที่อยู่หน้าเรือนตามด้วยหลีลี่จื่อ นางเห็นเสิ่นจิ้นได้โค้งคำนับลงหนึ่งครั้งก่อนจะขึ้นรถม้าตามสวี่หยางออกเดินทางเสิ่นจิ้นยืนมองรถม้าเคลื่อนออกไปลมได้พัดผ่านความเย็นมาระลอกหนึ่งประหนึ่งคำกล่าวลาของสวี่หยาง เขาหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ก่อนจะพึมพำเอ่ยตามหลังนาง“ผู้ใดว่าข้าจะให้สวรรค์ลิขิตกัน ข้าเสิ่นจิ้นขอลิขิตเองและสตรีที่ข้าหมายใจมีเพียงเจ้าผู้เดียวสวี่หยางไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใดไกลพันลี้ข้าจะตามหาเจ้าให้เจอ เมื่อนั้นข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เจ้าจากข้าไปได้อีกต่อไปเตรียมรับมือจากข้าได้เลย” แววตาของเสิ่นจิ้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แม้จะใช้เวลานานก็ถือว่าเขาได้พ
บทที่ 58 จากลาเสิ่นเกาหลานเดินจากไปให้เสิ่นจิ้นที่ยืนอยู่ด้านนอกเข้ามาหาสวี่หยางเพราะเห็นท่าทางของเสิ่นจิ้นแล้วเขาน่าจะอยากคุยกับนางมากกว่าเขาเสียอีกสวี่หยางหันไปมองหลุมป้ายชื่ออีกครั้งนางไม่คิดจะอยู่ที่นี่เพราะไม่อยากพบเจอเสิ่นเกาหลานอีกแค่เห็นเขานางก็หวนคิดถึงเจี่ยฟางไม่จางหาย หากนางสะสางทุกอย่างเสร็จสิ้นจะเดินทางไปหาท่านป้าที่ทิศเหนือไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขปลูกผักเลี้ยงสัตว์เย็บผ้าอย่างเรียบง่าย หนีเรื่องวุ่นวายจะดีกว่า แม้ว่าไม่ทำงานอะไรสมบัติของท่านพ่อที่มีนางคงใช้ไม่หมดแน่ ๆ“ท่านตัดสินใจหย่ากับท่านพี่จริง ๆ หรือ”“จริงเจ้าค่ะ จริงสิข้ายังไม่ได้ขอบคุณท่านเลย ท่านคอยเคียงข้างมาตลอดหากไม่มีท่านข้าก็ไม่รู้จะทำเช่นไรเหมือนกันเจ้าค่ะ ขอบคุณด้วยความจริงใจนะเจ้าคะ” สวี่หยางหันมาก้มโค้งลงอย่างนอบน้อมทราบซึ้งน้ำใจของเสิ่นจิ้น เขารีบประคองนางขึ้นมาไม่ให้นางต้องขอบคุณเขาเพราะที่เขาทำไปเพราะเขาอยากทำด้วยใจจริงเช่นกัน“ไม่เห็นต่องทำเช่นนี้เลยขอรับ ไม่ได้มากมายอันใดที่ข้าช่วยเหลือท่านเพียงเท่านี้เล็กน้อย”“คุณชายเป็นคนดี วันนี้ข้าจะขออวยพรในฐานะพี่สะใภ้ของท่าน ขอให้ท่านพบเจอความรักที่สวยงามแล
บทที่ 57 ทำทุกอย่างให้ถูกต้องหลังจากที่ปลอบใจของสวี่หยางอยู่ไม่นานบ่าวรับใช้กลับมาพร้อมผู้ตรวจการ ช่วยพากันนำรางของใต้เท้าสวี่ลงมาจากขื่อตรวจสอบดูในห้องไร้ร่องรอยการต่อสู้แน่ชัดแล้วว่าเขาตั้งใจปลิดชีพตนเองเพราะมีจดหมายที่เขียนด้วยฝีมือของเขาอยู่บนเตียงนอนสวี่หยางสงบสติอารมณ์แม้จะเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจแต่ยามนี้นางต้องตั้งสติเพื่ออ่านเนื้อความในจดหมาย“สวี่หยางข้ารู้ว่าอีกไม่นานเจ้าคงมาหาข้าที่เรือน ครั้งก่อนข้าเห็นเจ้าเช่นกันเจ้าแอบมาหาข้า ครั้นเมื่อข้ารู้ว่าเจ้ากลับไปที่เรือนเสิ่นเกาหลานข้าอยากไปพบหน้าเจ้าเหลือเกิน แต่ข้ากลับละอายใจข้าเป็นบิดาที่ไม่เอาไหน ไม่สามารถปกป้องเจ้าเพียงเพราะคิดว่าเจ้าเก่งสามารถปกป้องตนเองได้ ข้าจึงเอาแต่สนใจเจี่ยฟาง และข้ามีสิ่งหนึ่งจะบอกแก่เจ้าข้าปกปิดทุกคนมาตลอด เจี่ยฟางมิใช่น้องสาวที่คลานตามกันออกมาแต่เป็นเพราะความโง่เขลาของข้าที่ทำให้ข้าพลาดพลั้งไปมีอะไรกับสาวใช้ จึงทำให้นางท้อง ข้าปิดบังไม่ให้มารดาของเจ้ารู้จึงปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ ๆ วันที่แม่ของเจ้าคลอดคือวันที่สาวใช้ผู้นั้นคลอดเช่นกัน และโชคร้ายที่น้องชายของเจ้าเ
บทที่ 56 ข้าเพียงฝันไปใช่มั้ยหลังพายุที่โหมกระหน่ำได้หยุดลงเวลานี้ก็สองยามแล้ว หลังจากที่เสิ่นจิ้นพาสวี่หยางกลับมารีบให้บ่าวรับใช้ไปตามตัวท่านหมอมาตรวจดูอาหารหลีลี่จื่อเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่ให้และเล่าเรื่องก่อนหน้าให้แก่เสิ่นจิ้นฟัง ส่วนซื่อจินหนีไม่รอดนางถูกทหารจับแต่ทว่าเมื่อจับตัวนางไปคุมขังนางกลับเลือกใช้ยาพิษกรอกปากของตนเพื่อจบชีวิตดีกว่าถูกทางการทรมานรุ่งเช้ามาเยือนแม้ว่าเจี่ยฟางจะหมดลมหายใจแต่ทว่าความผิดของนางครั้งนี้ใหญ่หลวงยิ่งนักทำให้ทางการถอดถอนยศของใต้เท้าสวี่ให้เป็นเพียงคนสามัญชนธรรมดาเท่านั้น สวี่หยางลืมตาขึ้นกวาดสายตามองไปรอบ ๆ นี่มันห้องของนางนี่น่าแล้วนางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรนางจำได้ว่าครั้งสุดท้ายอยู่กับเจี่ยฟางที่หน้าผา จู่ ๆ สวี่หยางพรวดลุกขึ้นทันที“เจี่ยฟาง ข้าจะไปช่วยเจี่ยฟาง” หลีลี่จื่อที่อยู่เฝ้าอาการสวี่หยางทั้งคืนตื่นขึ้นจากเสียงร้องของสวี่หยาง“ฮูหยินฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ โชคดีเหลือเกินที่ท่านไม่เป็นอันใดมาก”“หลีลี่จื่อ เจี่ยฟางล่ะนางปลอดภัยดีหรือไม่?”“ฮูหยินเจ้าคะ นางทำร้ายสารพัดแต่ฮูหยินยังเป็นหวงนางอยู่หรือเจ้าคะ ยามนี้ร่างของนางถูกคุณชายเ
บทที่ 55 ยิ้มทั้งน้ำตาฝั่งด้านเสิ่นจิ้นเมื่อมาถึงเรือนของเสิ่นเกาหลานพบหลีลี่จื่อที่มีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ นางกำลังจะจับตัวของซื่อจินตามคำสั่งของสวี่หยางจึงแอบซุ่มอยู่แต่เมื่อเห็นว่าซื่อจินรีบร้อนไปแจ้งเจี่ยฟาง นางจึงแอบตามไปจึงเห็นว่าสวี่หยางถูกเจี่ยฟางพาตัวหนีไปด้วย หากนางจะตามไปก็เกรงจะไม่มีผู้ใดแจ้งทางการเพราะไม่มีคนรู้เรื่องนี้เช่นนางสักคน“คุณชายเสิ่นจิ้นช่วยฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ”“เกิดอะไรขึ้นกับนาง เจ้ารีบบอกข้ามา”“เรื่องมันยาวเจ้าค่ะ แต่ทว่ายามนี้คุณชายรีบตามไปที่หลังเรือนเถอะเจ้าค่ะ คุณหนูเจี่ยฟางกำลังพาฮูหยินหนีไปทางนั้น ส่วนซื่อจินกำลังไปอีกทางเจ้าค่ะ” เสิ่นเกาหลานตามมาทีหลังได้ยินถึงกับตกใจ รีบสั่งให้ทหารไปตามจับซื่อจินส่วนเขาจะไปช่วยสวี่หยางแต่เขาก็ช้ากว่าเสิ่นจิ้นหนึ่งก้าว เสิ่นจิ้นวิ่งนำไปก่อนแล้วฝนโปรยปรายลงมาแรงขึ้นเรื่อย ๆ สายลมกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง เจี่ยฟางเริ่มหวาดกลัวเสื้อผ้าของนางและสวี่หยางเริ่มเปียกปอน“มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ ข้าแค่เพียงต้องการเป็นหนึ่งเดียวของท่านพี่เสิ่นเกาหลานเท่านั้น ข้าแค่หวังอยากอยู่ครองรักจนกว่าจะหมดลมหายใจเหตุใดมันต้องยุ่งยากเช่นนี้
บทที่ 54 ข้าเกลียดท่าน“เพราะข้าเกลียดท่าน ยิ่งท่านรักข้ามากเท่าไหร่ข้ายิ่งเกลียดท่าน ท่านมันจะไปรู้อะไรคนที่เกิดมาในตระกูลที่ดี มารดาเป็นคุณหนูต่างจากข้าที่มีมารดาเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น! ที่ข้าอยากจัดการท่านเพราะต้องการทุกอย่างที่ท่านมี ท่านพ่อไม่เคยรักข้าเลยมักจะต่อว่า ว่าข้าไม่ได้เรื่องอันใดไม่เหมือนท่าน ข้าพยายามมากมายที่จะเป็นสตรีที่เพรียบพร้อมกิริยามารยาทงามเพื่อไม่ให้พ่อท่านต้องเป็นกังวลแต่ก็ไม่วายที่ท่านพ่อยังคงรักแต่ท่าน” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเจี่ยฟางตวาดใส่สวี่หยางดังกึกก้อง แต่ไม่ทันที่นางจะเอ่ยจบสวี่หยางรับฟังคำที่พรั่งพรู่ออกมาจากปากของนางทำให้นางเสียใจไม่น้อยจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ตบเข้าที่ใบหน้าของเจี่ยฟาง“เพี๊ยะ!!!!. แรงสั่งสะเทือนของน้ำมือสวี่หยางทำให้ร่างบางอย่างเจี่ยฟางถลาล้มไปกับพื้นจนล้มลง“เจ้าต่างหากที่โง่เขลา ข้าไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าเจ้ามิใช่น้องแท้ ๆ ของข้า ทั้งข้าทั้งท่านพ่อต่างรักเจ้ามากกว่าสิ่งใด เจ้ามันโง่งมที่ไม่เข้าใจความรักที่ข้ามอบให้ แต่กลับคิดร้ายว่าข้าสงสารเจ้าอย่างนั้นหรือ! เพราะใจอคติของเจ้าต่างหากที่ทำให้เจ้าหน้ามืดตามัวทำเรื่องเลวร้ายขึ้นมาทั้งหมด
บทที่ 53 อาการที่อร่อยที่สุดในชีวิตข้าจวนถึงเวลาที่เจี่ยฟางนัด สวี่หยางย่างเท้าเดินไปที่ห้องของนางด้วยหัวใจที่เจ็บปวดเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความหม่นหมองสองเท้ามาถึงห้องของเจี่ยฟางนางหยุดเดินก่อนจะซ่อนความเศร้าไว้ภายในฝืนหน้ายิ้มกริ่มพลางเดินเข้าไปด้านใน อาหารมากมายถูกจัดเรียงอย่างสวยงามครั้นเจียฟางเห็นสวี่หยางเดินเข้ามานางรีบเดินมาหาพร้อมดึงแขนของสี่หยางนั่งลงเก้าอี้ที่นางจัดไว้ให้“พี่หยางมาแล้วหรือเจ้าคะ มานั่งด้านนี้สิเจ้าคะ ข้าทำอาหารที่พี่หยางชอบทั้งนั้นเลยวันนี้ท่านต้องกินให้เยอะ ๆ นะเจ้าคะ”“ข้าดีใจเหลือเกินที่เจ้าทำอาหารมากมายให้ข้าเช่นนี้วันนี้ข้าคงกินข้าวมากกว่าทุกวันแล้วสินะ” สวี่หยางหันไปมองเจี่ยฟางยิ้มกริ่มให้แก่นางความรู้สึกเจ็บร้าวไปถึงทรวงอกเมื่อเห็นว่าน้องสาวที่เขารักกำลังตอบแทนความรักโดยการมอบความตายให้แก่ตน“ข้าคิดไว้แล้วว่าท่านต้องชอบ พี่หยางเจ้าคะข้าขอโทษเรื่องที่ผ่านมาข้าไม่น่าคิดสงสัยท่านเลยทั้ง ๆ ที่ท่านรักข้ามากขนาดนี้ จากนี้เราสองพี่น้องจะรักใคร่ปองดองข้าสัญญาจะไม่หูเบาอีกเจ้าค่ะไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นข้าจะเชื่อใจท่านพี่เพียงผู้เดียวเจ้าค่ะ วันนี้เรามากิน
บทที่ 52 จัดการเช่นอย่างเคยฝั่งด้านเจี่ยฟางนางตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ขุ่นมัวทั้งคืนนางเฝ้าคอยเสิ่นเกาหลานแต่เขากลับไม่มาหานาง ทั้งที่นางได้ยินจากสาวใช้ว่าเสิ่นเกาหลานกลับมาจากด้านนอกแล้วแท้ ๆ วันนี้นางจึงจะไปหาเสิ่นเกาหลานที่ห้องเพื่อกินอาหารเช้ากับเขาแต่เมื่อกำลังเดินไปพบหลีลี่จื่อกำลังเดินตรงมาหานางด้วยใบหน้าตื่นตระหนก ทำให้นางอยากรู้ว่านางมีเรื่องอันใดมาแจ้งกันถึงได้ตื่นตระหนกเช่นนั้น“เจ้ามีเรื่องอันใดถึงได้วิ่งหน้าตื่นมาเช่นนี้”“ท่านยังไม่รู้สินะเจ้าคะ วันที่ฮูหยินกลับมาคุณชายเสิ่นเกาหลานไปหานางก่อนที่จะมาพบท่านที่นี่และสิ่งที่ข้าได้ยินมาว่าคุณชายเสิ่นเกาหลานไปขอให้นางยอมให้อภัยเรื่องที่เคยเกิดขึ้นและขอเริ่มต้นใหม่ แต่ว่าคืนนั้นฮูหยินไม่ยอมเพราะยังเจ็บช้ำใจอยู่แต่ว่าวันนี้ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่จู่ ๆ ถูกฮูหยินเรียกใช้ให้ไปตามคุณชายไปพบที่ห้องด้วยเจ้าค่ะแถมยังทำอาหารด้วยตนเองเต็มโต๊ะไปหมดหรือว่าฮูหยินใหญ่จะยอมให้อภัยจริง ๆ เจ้าคะ ข้าคิดว่าคุณชายรักฮูหยินรองเพียงผู้เดียวเสียอีกแต่ก่อนไม่เห็นสนใจฮูหยินใหญ่สักนิด อะไรกันวาจาบุรุษช่างเชื่อถือไม่ได้จริง ๆ นะเจ้าคะ” หลีลี่จื่อสุมไฟในใจให้เจ
บทที่ 51 วางแผนเปิดโปงเช้าวันรุ่งขึ้นสวี่หยางไม่รู้เลยว่ามื้อคืนตนเองนอนหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันมารู้ตัวอีกทีท้องฟ้าเริ่มสว่างเสียงนกขับขานส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวเสียแล้ว“เช้าแล้วสินะ! วันนี้ข้าจะต้องพบเจอเรื่องอะไรบ้างนะ” สวี่หยางลุกขึ้นจากเตียงเปิดหน้าต่างมองไปด้านนอกดวงตะวันเริ่มโผล่ขึ้นท้องฟ้าวันนี้ช่างงดงามเหลือเกิน“ข้าไม่เข้าใจเจ้าสักนิดมีตรงใดบ้างที่ข้าบกพร่องทำหน้าที่พี่ของเจ้าไม่ดีกัน เจี่ยฟางเจ้ามีเหตุผลอันใดนะ! “สวี่หยางพึมพำคิดถึงเจี่ยฟางที่ทำเรื่องใหญ่มากมายหลายอย่างเช่นนี้นางถลำลึกเกินกว่าจะย้อนกลับเสียแล้วหรือเพราะว่าที่ผ่านมาเจี่ยฟางอิจฉานางกัน อย่างนางมีเรื่องอะไรให้น่าอิจฉากันก๊อก ๆ พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้สวี่หยางหยุดความคิดนั้น“ข้าหลีลี่จื่อเจ้าค่ะฮูหยิน”“เข้ามาสิ”“ฮูหยินเจ้าคะข้ามีเรื่องมาแจ้งเจ้าค่ะ จำเรื่องเมื่อคืนนี้ได้หรือไม่เจ้าคะหลังจากที่ฮูหยินกลับมาข้าได้นวดให้ฮูหยินรองข้าสังเกตเห็นตอนที่ฮูหยินจับที่ข้าของนาง ข้าจึงบีบซ้ำอีกและโดนนางด่าต่อว่าอย่างรุนแรงเจ้าค่ะ ที่นางรู้สึกเจ็บเพราะขาของนางมีบาดแผล และยาที่ซื่อจินนำไปทิ้งนั้นคงเป็นยาที่รักษาแผลที